พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. thanyaka

    thanyaka เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +2,497
    ขอบคุณสำหรับเพลงค่ะ ไม่ค่อยได้เข้ามาเพราะคอมเสียเพิ่งซ่อมเสร็จ คูณพันวฤทธิ์ พี่ยังเอาพระอยู่นะค่ะ จริงค่ะที่พระเลือกคนและคนเลือกพระ เพราะไม่นานมานี้เพิ่งได้พระหลวงปู่ทวดรูปหล่อมาในราคาที่ไม่แพง และเป็นรุ่นที่ข้างล่างสลักว่าเป็นของวัด ตอนหลังเจ้าของมาขอไถ่คืนในราคาที่สูงขึ้น แต่ไม่ให้คืนหรอกเพราะเค้าเอาท่านมาขายเอง ที่เค้ามาไถ่คืนเป็นเพราะพระองค์นี้เขาได้มาจากพ่อเค้าแล้วเค้าไม่รู้ค่า ตอนหลังพอรู้ค่า(ราคา)เลยอยากได้คืน
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ผมจะส่งพระพิมพ์ให้กับท่านที่ร่วมทำบุญอีก 4 ท่าน

    1.คุณthanyaka
    2.คุณatha
    3.คุณwichitt
    4.คุณdrmetta

    ผมต้องขอโทษที่ส่งให้ล่าช้ามากๆครับ

    หากท่านอื่นที่ร่วมทำบุญแล้วและยังไม่ได้รับพระพิมพ์ ขอความกรุณาช่วยแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ
    โมทนาสาธุครับ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาสาธุครับ
    .
     
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เรียนคุณthanyaka
    แหมถ้าไม่ยอมคืนเจ้าของเดิมแสดงว่าจะมอบให้ผมเป็นเจ้าของใหม่ใช่ไหมครับผมรับนิมนต์ท่านด้วยความยินดีครับ(ping) ส่วนพระท่านเลือกผู้รับนี่ก็ช่ายยยย เลยครับผมก็เพิ่งมีประสบการณ์เร็วๆนี้เหมือนกันตั้งใจจะมอบพระพิมพ์ให้ท่านนึง เอามาโชว์ให้ผู้มีบารมีชมเจอเลยครับสั่งไม่ให้ ท่านจะห้อยเอง(b-uh) เอวังด้วยประการฉะนี้ ฮิๆท่านปา-ทานทราบดีครับ
    nongnooo...
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ thanyaka [​IMG]
    ขอบคุณสำหรับเพลงค่ะ ไม่ค่อยได้เข้ามาเพราะคอมเสียเพิ่งซ่อมเสร็จ คูณพันวฤทธิ์ พี่ยังเอาพระอยู่นะค่ะ จริงค่ะที่พระเลือกคนและคนเลือกพระ เพราะไม่นานมานี้เพิ่งได้พระหลวงปู่ทวดรูปหล่อมาในราคาที่ไม่แพง และเป็นรุ่นที่ข้างล่างสลักว่าเป็นของวัด ตอนหลังเจ้าของมาขอไถ่คืนในราคาที่สูงขึ้น แต่ไม่ให้คืนหรอกเพราะเค้าเอาท่านมาขายเอง ที่เค้ามาไถ่คืนเป็นเพราะพระองค์นี้เขาได้มาจากพ่อเค้าแล้วเค้าไม่รู้ค่า ตอนหลังพอรู้ค่า(ราคา)เลยอยากได้คืน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    หลวงปู่ทวด ท่านเป็นพระที่แปลกมากที่สุด พระพิมพ์ที่เป็นรูปหลวงปู่ ไม่ต้องนำเข้าพิธีอธิษฐานจิตที่ไหนก็ได้ เราเพียงแค่อาราธนา หลวงปู่ท่านก็มาคุ้มครองแล้ว และเป็นหลวงปู่องค์เดียวเท่านั้น พระพิมพ์ของหลวงปู่องค์อื่นต้องเข้าพิธีพุทธาภิเษก เคยมีวัยรุ่นห้อยหลวงปู่ทวด(เก๊) ซึ่งดูยังไงๆๆ ก็เก๊สนิท แต่ถูกยิงไม่เข้าครับ

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา fwd mail ครับ

    หลายๆคน กลุ้มใจ ไม่มีความสุขในการทำงาน
    ส่วนมาก ถ้าหางานใหม่กันได้ ก็ดีไป
    ถ้าหาไม่ได้ จะทำอย่างไร ในเมื่อเราต้องทำงานนั้นอยู่แล้ว

    เรามีทางเลือกสองทาง

    1. คือทำงานไปอย่างไม่มีความสุข
    2. หาวิธีทำงานไปอย่างมีความสุข หรือทุกข์น้อยลง

    ถ้าเปลี่ยนงานไม่ได้ เรามาเปลี่ยนวิธีคิดดูซะหน่อย
    เผื่อทำให้ทำงานได้มีความสุขมากขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น ทุกข์น้อยลง

    เขาว่ากันว่า ถ้าได้เงินเดือนมา ให้แยกเป็น 4 ส่วนเท่าๆกัน
    และให้คิดว่า เงินแต่ละส่วน บริษัทเขาจ้างเราให้ทำดังต่อไปนี้

    1. เงินเดือนส่วนแรก เขาจ้างมาให้คุณรับฟังคำตำหนิ ต่อว่า ทนกับอารมณ์ของเจ้านาย
    2. เงินเดือนส่วนที่สอง เขาจ้างมาให้คุณรับฟังคำตำหนิ ต่อว่า ความจุกจิก งี่เง่า ของลูกค้า
    3. เงินเดือนส่วนที่สาม เขาจ้างมาให้คุณ ให้มารับการติฉิน นินทา อิจฉา ริษยา งี่เง่า กักขฬะ ของเพื่อนร่วมงาน
    4. เงินส่วนที่ 4 นี้ เอง เป็นเงินที่เขาจ้างคุณมาทำงานในหน้าที่ของคุณ

    ดังนั้น ถ้าเจอปัญหาเจ้านาย ให้ลองคิดดูว่า ให้ลดเงินเดือนตัวเอง 25%
    แล้วเจ้านายไม่บ่นว่าน่ะ เอาไหม

    ให้ลดเงินเดือนตัวเอง25% ให้เจอลูกค้าแสนดีน่ะ เอาไหม

    ให้ลดเงินเดือนตัวเอง25% ให้เจอแต่เพื่อนร่วมงานดีๆน่ะ เอาไหม

    ลดไปลดมา ได้ทุกอย่างดีหมด เงินเหลือแค่ 25% ของเงินเดือนปัจจุบันน่ะ เอาไหม

    ลองใช้วิธีคิดแบบนี้ เผลอๆหลายคนอาจจะบอกว่า อย่างนี้ให้เจ้านายด่าเพิ่มสองเท่า
    แล้วขึ้นเงินเดือนให้ฉัน 25% ก็เอานะ

    สุดท้ายคือ จิต และความคิดคนเราเป็นเรื่องสำคัญ
    อย่าปล่อยเวลาในชีวิต ให้ความคิดของคุณเป็นลบ คิดแต่ในแง่ร้าย
    เพราะความคิดของคุณ คือฟิล์มภาพยนตร์
    เรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณคือภาพที่ฉายจากฟิล์มภาพยนตร์นี้เอง

    คิดในแง่ร้าย คุณก็จะเจอแต่แง่ร้ายๆ
    ฟิล์มเป็นอย่างไร ภาพที่ฉายออกมาก็เป็นแบบนั้น
    ถ้าคุณไปสัมภาษณ์งาน แล้วคิดว่าจะไม่ได้
    สีหน้า หน้าตา ความมั่นใจ คุณจะไม่ได้ตั้งแต่แรกเลย
    และคุณก็จะไม่ได้งานจริงๆ
     
  7. มหาลาภ

    มหาลาภ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +215
    ขออนุโมทนากับกระทู้ดีๆ มีนานาสาระ จรรโลงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ขอให้คงความดีไว้เช่นนี้อย่างมั่นคงนะครับ
     
  8. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    โมทนาด้วยครับ วัตถุประสงค์หลักของพวกเราคือการมุ่งทำบุญเพื่อสร้างพระเจดีย์ไว้เจริญสืบพระพุทธศาสนาสืบไปชั่วลูกหลานครับ เท่าที่ผมร่วมทำบุญกับกระทู้นี้มาก็เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจกันทุกท่านสามารถตรวจสอบได้ คุณsithiphong ได้แต่บุญครับโดยสละพระพิมพ์ที่สะสมมานานมอบให้ผู้ร่วมบุญ ไม่ได้มีหักใดๆไว้และไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวข้องกับบัญชีที่เราร่วมกันโอนเงินทำบุญได้ครับ
    nongnooo...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2007
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมมีคำถามที่จะมาถามทุกๆท่าน อยากให้แสดงความคิดเห็นกันมากๆ


    นาย ก ได้เปิดกระทู้เพื่อรับบริจาคในการทำบุญสร้างโบสถ์ 1 หลัง เปิดกระทู้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2550 โดยให้ผู้ที่สนใจที่จะร่วมทำบุญให้โอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวของนาย ก(ซึ่งเพิ่งจะเปิดบัญชีในวันที่ 1 มกราคม 2550) โดยมีกำหนดการถถวายเงินที่รับบริจาคมาให้กับวัดในวันที่ 30 มิถุนายน 2550
    วันแรกมี นาย ข โอนเงินร่วมทำบุญ 100,000 บาท
    วันที่สอง มี นาย ง โอนเงินร่วมทำบุญ 10,000 บาท
    เดือนต่อมา( 14 กุมภาพันธ์ 2550) มี นาย จ โอนเงินร่วมทำบุญ 10,000 บาท
    เดือนสุดท้าย( 1 มิถุนายน 2550) มี นาย ช โอนเงินร่วมทำบุญ 500,000 บาท

    มีผู้ที่ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์หลังนี้ จำนวน 620,000 บาท

    พอวันที่ 30 มิถุนายน 2550 นาย ก ได้ถอนเงินออกจากบัญชี จำนวน 620,000 บาทแล้วนำไปถวายวัด เพื่อร่วมสร้างพระอุโบสถ ตามเจตนาที่ผู้ร่วมทำบุญมีความประสงค์ที่จะร่วมสร้างพระอุโบสถ

    ถามว่า
    1.นาย ก ได้บุญหรือไม่ อย่างไร
    2.คุณคิดอย่างไรกับดอกเบี้ยที่เกิดจากการฝากเงิน(ที่ทั้ง 4 คนร่วมทำบุญ) ไว้ในบัญชีของ นาย ก นาย ก มีสิทธิที่จะนำไปใช้ส่วนตัวได้หรือไม่ อย่างไร และดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นนั้น(ไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินมากหรือน้อย) ควรจะเป็นสิทธิของใคร ระหว่าง นาย ก , วัด , ผู้บริจาค

    สำหรับท่านที่ร่วมตอบปัญหานั้น ถ้ามีการนำบทความในพระไตรปิฎกมาอ้างอิง(ต้องระบุด้วยว่า จากพระสูตรไหน ,พระอภิธรรมไหน ฯลฯ) ผมจะมีพระพิมพ์มอบให้ จำนวน 1 องค์
    แต่ถ้าท่านใดที่ร่วมตอบปัญหา ไม่มีการนำบทความในพระไตรปิฎกมาอ้างอิง ขออนุญาตไม่มอบพระพิมพ์ให้นะครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2007
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    สิ้นสุดรับคำตอบ วันที่ 31 ตุลาคม 2550 นี้ครับ

    โมทนาสาธุครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2007
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพิมพ์ที่ผมจะมอบให้นั้น ผมคัดมาให้เป็นพิเศษ แต่จะอุบไว้ก่อน น่าจะเป็นพิมพ์ฝีพระหัตถ์พระปิ่นเกล้า ปี 2408(รุ่นนี้มี 8 พิมพ์) จำนวน 1 องค์ ครับ

    แต่ต้องตอบโดยมีหลักฐานอ้างอิงในพระไตรปิฎกด้วยนะครับ อาจจะใช้วิธีการเทียบเคียงได้ ถ้าไม่มีการอ้างอิงโดยตรง ถ้าคัดลอกมาได้ จะมอบพระพิมพ์เพิ่มให้อีก

    โชคดีนะครับทุกๆท่าน

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2007
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การอ้างอิง ต้องบอกนะครับว่า พระสูตรชื่ออะไร และได้จากที่ไหน

    ขอบคุณครับ
    (b-evil)
    .
     
  13. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137

    ลองดูว่าข้อมูลนี้พอจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้บ้างหรือไม่?

    ตู้หนังสือพระสูตร ๑

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="91%" bgColor=#6666ff border=1><TBODY><TR><TD width="8%" height=64> </TD><TD width="26%" height=64>
    ชื่อพระสูตร
    </TD><TD width="66%" bgColor=#6699ff height=64>
    เนื้อหาของพระสูตรโดยย่อ
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">เวรสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย ศีล ๕</TD></TR><TR><TD width="8%" height=29>
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%" height=29>สาเลยยกสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff height=29>ว่าด้วย อกุศลกรรมบถ ๑0 และกุศลกรรมบถ ๑0</TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">ธัมมัญญูสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย สัปปุริสธรรม : ธรรมของสัตบุรุษ, ธรรมของคนดี, ธรรมที่ทำให้เป็นสัตบุรุษ มี ๗ อย่างคือ ๑. ธัมมัญญุตา รู้หลักหรือรู้ จักเหตุ ๒. อัตถัญญุตา รู้ความมุ่งหมายหรือรู้จักผล ๓. อัตตัญญุตา รู้จักตน ๔. มัตตัญญุตา รู้จักประมาณ ๕. กาลัญญุตารู้จักกาล ๖. ปริสัญญุตา รู้จักชุมชน ๗. ปุคคลัญญุตา รู้จักบุคคล ( ในพระสูตรนี้ เป็นสัปปุริสธรรมในแง่ของธรรมะ แต่ถ้าฆราวาสจะใช้ปัญญาพิจารณา
    และน้อมนำธรรมข้อนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันได้ก็จะเป็นประโยชน์
    มหาศาล
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">ผู้คัดค้านพระอภิธรรมชื่อว่า ทำลายชินจักร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย บุคคลเมื่อคัดค้านพระอภิธรรม ย่อมผูกเครื่องกั้นอริยมรรค จักปรากฏในเภทกรวัตถุ ๑๘ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นผู้ควรแก่อุกเขปนิยกรรม นิยสกรรม ตัชชนียกรรม เพราะทำกรรมนั้น จึงควรส่งเธอไปว่า เจ้าจงไป จงเป็นคนกินเดน
    เลี้ยงชีพเถิด ดังนี้
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">มหาสุทัสสนสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย พระเจ้าจักรพรรดิมหาสุทัสสนะ ( ถึงแม้จะได้ครอบ
    ครองแผ่นดินอันมีมหาสมุทรเป็นขอบเขต แต่ก็อยู่ปราสาทได้ทีละหลังเท่านั้น นุ่งห่มผ้าได้ทีละชุดเท่านั้น กินอาหารได้ทีละหนึ่งอิ่มเท่านั้น ไม่มากกว่านั้น เมื่อตายไปสิ่งที่ครอบครองทั้งหมดก็ต้องทิ้งไว้ให้เป็นสมบัติของโลกต่อไป เอาไปไม่ได้ซักอย่างเดียว ยกเว้นบุญและกรรมที่ทำเอาไว้ ดังนั้นจึงควรเตือนสติว่าอย่าโลภมาก สะสมไว้มากๆ ก็ไม่ได้ใช้ ได้แต่กองๆ เอาไว้เท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์แต่ประการใดเลย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ และถ้าสะสมความโลภอยากได้ในสันดานไว้มากๆ แล้วตายไปขณะนั้นจะไปเกิดในอบาย มีเปรตเป็นต้น )
    ว่าด้วย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ควรจะเบื่อหน่ายในสังขาร
    ทั้งหลายทั้งปวงทีเดียว ควรที่จะ คลายกำหนัด ควรเพื่อจะหลุดพ้น
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">ภิกขุสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยภิกษุไฟติดทั่วตัวลอยในอากาศ</TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">อริยวังสสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยอริยวงส์ ๔ ประการ</TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">จัณฑาลสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยธรรมสำหรับอุบาสกดีและอุบาสกชั่ว</TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">กุหกสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยธรรมที่เป็นเหตุให้พระเถระน่าเคารพและไม่น่าเคารพ</TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">สัทธรรมปฏิรูปกสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยพระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป</TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">อาทิยสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยหลักการใช้โภคทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ ๕ อย่าง</TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">ศาสดา ๓ จำพวก</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย ศาสดาที่ไม่บัญญัติอัตตาโดยความเป็นของจริง
    โดยความเป็นของแท้ ทั้งในปัจจุบัน ทั้งในเบื้องหน้า นี้เรียกว่า
    ศาสดาผู้สัมมาสัมพุทธะ
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">อานันทสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยพระอานนท์ถามปัญหา ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา</TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">สุขสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยผู้รู้ว่าเวทนา ( มีสุขเวทนาเป็นต้น ) เป็นทุกข์
    ย่อมหมดความยินดีในเวทนา
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">ปัญจกังคสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย พระผู้มีพระภาคไม่ได้ ทรงหมายเอาสุขเวทนา
    บัญญัตินิโรธ ( พระนิพพาน ) นั้นไว้ในความสุขเลย
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">นิพพานสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>นิพพานนี้ไม่มีสุขเวทนานั่นแหละ เป็นสุข
    เพราะสุขเวทนา ( สุขเวทนาในกามคุณ ๕ หรือสุขเวทนาในฌานสมาบัติ ๘ ) เป็นทุกข์เพราะมีความ อาพาธ ( แปรปรวน ) ไปเป็นธรรมดา
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">มูลปริยายสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย พระอรหันต ขีณาสพ ทั้งหลาย ย่อมไม่สำคัญในธรรมต่างๆ
    รวมทั้งพระนิพพาน ว่า " ของเรา "
    และย่อมไม่ยินดีในธรรมต่างๆ รวมทั้งพระนิพพานด้วย
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">สุญญกถา</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย สัมปชานบุคคลปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ดับไป และ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อื่นก็ไม่เกิดขึ้น
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">ญาณัตตยานิทเทส</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย นิพพาน ว่างจากตน ( อัตตา ) , ไม่มีนิมิต , ไม่มีที่ตั้ง</TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">สัจจกถา</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย พระนิพพาน ( นิโรธสัจจะ ) เป็น อนัตตา </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">มหาปรินิพพานสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยอปริหานิยธรรมของภิกษุ ( รวมถึงพุทธบริษัท ๔ ด้วย )
    ว่าด้วย มหาปเทศ ๔ อย่าง
    ว่าด้วยปฏิบัติบูชา เป็นการบูชาอย่างยิ่ง
    ว่าด้วย สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล
    ว่าด้วย ธรรมและวินัย เป็นพระศาสดา
    ว่าด้วย ปัจฉิมโอวาท ทรง เตือนว่าอย่าตั้งอยู่ในความประมาท
    ว่าด้วย การปรินิพพานของ พระพุทธเจ้า
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">พรหมชาลสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล
    ว่าด้วย มิจฉาทิฏฐิ ๖๒ คือความเห็นผิดไปจาก
    สภาวธรรมที่เป็นจริง ซึ่งเป็นการเห็นว่ามี
    อัตตาทั้งสิ้น เช่นเห็นว่าอัตตาเที่ยง นิพพานเป็นอัตตา
    ก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ ทั้งนั้น
    ว่าด้วยทั้งมนุษย์และเทวดา ทั้งหลาย จักไม่เห็น
    พระพุทธเจ้าหลังจากที่ พระพุทธองค์
    เสด็จดับขันธ์ ปรินิพพานแล้ว
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">สารันททสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย อปริหานิยธรรม ( ธรรมที่ทำให้ไม่เสื่อม เป็นไป
    เพื่อความเจริญฝ่ายเดียว ) ๗ ประการ ของชาววัชชี
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">ทุติยสัปปุริสสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>สัปบุรุษเมื่อเกิดมาย่อมเกิดเพื่อประโยชน์
    เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ชนเป็นอันมาก
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">ปฐมสัปปุริสสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>การให้ของ สัปบุรุษ มีการ ให้แต่ของสมควร เป็นต้น
    ตัวอย่างเช่น ให้ข้าวน้ำ ที่สมควรแก่สมณะบริโภค
    ที่ไม่เป็นอาบัติ หรือที่ไม่ผิดศีลที่พระพุทธองค์ทรง บัญญัติ เช่น
    พระรับ เงิน ทอง ธนบัติ เป็นอาบัติปาจิตตีย์
    พระรับ ที่ดิน เป็นของส่วนตัวก็ผิดใน จุลศีล
    ของเหล่านี้ ถือว่า เป็นของไม่สมควรแก่สมณะ ไม่ควรให้
    และเลือกให้ผู้ที่มี ศีลบริบูรณ์ เป็นผู้ที่มีศีล มีวินัยเป็นที่รัก เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">ทานวัตถุสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยเหตุแห่งการให้ทาน ๘ อย่าง</TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">ทุติยทานสูตร</TD><TD width="66%" bgColor=#6699ff></TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">ปฐมทานสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>การให้ทานเพราะหวังผล หวังได้ หวังบุญกุศล เช่น
    ให้บาทนึงหวังล้านนึงหรือการทำบุญเอาหน้า
    เป็นการให้ด้วย โลภะ เป็นการให้ด้วยอกุศลจิต
    ได้ผลน้อย เป็นทานชั้นต่ำ
    การให้ที่ถูกต้องควรให้ด้วย อโลภะ อโทสะ อโมหะ
    คือไม่โลภ ไม่โกรธ และไม่หลงคือมีปัญญา
    ให้เพื่อขัดเกลากิเลสคือ ความตระหนี่ถี่เหนี่ยว
    ให้เบาบาง และให้ด้วยมีปัญญาพิจารณา ในการให้
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">สุริยสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยจักรวาลถูกทำลายโดยพระอาทิตย์ ๗ ดวง
    ในอนาคตอีกนานไกล ( ไม่ใช่จะเกิดในเวลาอันใกล้นี้
    อย่างที่ลือๆกันไปโดยความโง่งมงาย )
    โลกและจักรวาล มีความไม่เที่ยงเป็นธรรมดา
    ดังนั้นไม่ควรตกใจ แต่ควรที่เบื่อหน่าย
    ควรคลายกำหนัด ควรหลุดพ้น
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">สิงคาลกสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยอบายมุข
    ว่าด้วยมิตรเทียมและมิตรแท้
    ว่าด้วย ทิศทั้ง ๖
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">อปัณณากชาดก ( ทูเรนิทาน )</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>พระทีปังกรพุทธเจ้า พยากรณ์
    สุเมธดาบสว่าจะได้อุบัติเป็น
    พระโคดมพุทธเจ้า องค์ปัจจุบัน
    และบารมี 10 ทัศ
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">จักกวัตติสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยว่าด้วยอกุศลกรรมทำให้อายุเสื่อม
    ว่าด้วยการงดเว้นอกุศลกรรมบถ ๑0 อายุยืน
    ว่าด้วย พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าเมตไตรย์
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">อัคคัญญสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วยธรรมอันประเสริฐในโลกนี้และโลกหน้า
    ว่าด้วยกำเนิดจักรวาล
    </TD></TR><TR><TD width="8%">
    [​IMG]
    </TD><TD class=MS-San-Serif width="26%">ทักขิณาวิภังคสูตร</TD><TD class=MS-San-Serif width="66%" bgColor=#6699ff>การทำสังฆทาน คือการทำทานที่
    ๑. ไม่เลือกไม่เจาะจงพระ
    ๒. มุ่งตรงต่อสงฆ์หรือหมู่แห่งสงฆ์
    ( สงฆ์ในที่นี้คือ บุรุษ ๔ คู่ ๘ บุคคล )
    ๓. มีความเคารพยำเกรงในสงฆ์
    การทำสังฆทาน มีผลนับไม่ได้ ประมาณไม่ได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ตู้หนังสือพระสูตร ๒

    <CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="88%" bgColor=#6666ff border=1><TBODY><TR><TD width="7%" height=76> </TD><TD width="25%" height=76>
    ชื่อพระสูตร
    </TD><TD width="68%" bgColor=#6699ff height=76>
    เนื้อหาของพระสูตรโดยย่อ
    </TD></TR><TR><TD width="7%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="25%">เทวทูตสูตร</TD><TD width="68%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย พระยายมถามสัตว์นรก เรื่องเทวทูต 5 ประการ</TD></TR><TR><TD width="7%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="25%">พาลบัณฑิตสูตร</TD><TD width="68%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย เต่าตาบอดตัวนั้นจะพึงเอาคอสวมเข้าที่ทุ่นมีบ่วง
    ตาเดียวโน้นได้ ยังจะเร็วกว่า เรากล่าวความเป็น
    มนุษย์ที่คนพาลผู้ไปสู่วินิบาต คราวหนึ่งแล้วจะพึงได้ ยังยากกว่านี้
    </TD></TR><TR><TD width="7%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="25%">ราชสูตร</TD><TD width="68%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย ผู้เป็นที่รักยิ่งกว่าตนเองไม่มี
    เพราะฉะนั้น ผู้รักตนจึงไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น
    </TD></TR><TR><TD width="7%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="25%">ปิยชาติกสูตร</TD><TD width="68%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย ทุกข์ย่อมเกิดแต่ของที่รัก</TD></TR><TR><TD width="7%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="25%">อัคคิขันธูปมสูตร</TD><TD width="68%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย ภิกษุทุศีล เน่าใน ชุ่มด้วยราคะ เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
    เพราะฉะนั้น ถ้าบวชเป็นภิกษุแต่ไม่สนใจศึกษาสิกขาบทของพระภิกษุ ที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ และไม่ใส่ใจในการรักษา ศีลของ
    ภิกษุให้ดี แล้วยังรับไทยธรรมที่ชาวแว่นแคว้น เขาถวายด้วย
    ศรัทธาอยู่อีก ก็คงจะไม่รอดพ้นอบายเป็นแน่แท้ ฉะนั้นใครที่คิดว่าจะบวชเพื่อจะหวังรวย ก็ระวังไว้เถอะ
    </TD></TR><TR><TD width="7%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="25%">อปายสูตร</TD><TD width="68%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย ก้อนเหล็กร้อนเปรียบด้วยเปลวไฟ อันภิกษุผู้ทุศีลบริโภค
    แล้วยังประเสริฐเสียกว่า ภิกษุผู้ทุศีลไม่สำรวม พึงบริโภคก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น จะประเสริฐอะไร
    </TD></TR><TR><TD width="7%">
    [​IMG]
    </TD><TD width="25%">อุโปสถสูตร</TD><TD width="68%" bgColor=#6699ff>ว่าด้วย ธรรมวินัยนี้ มีการศึกษาไปตามลำดับ มีการกระทำไปตามลำดับ มีการปฏิบัติไปตามลำดับ มิใช่ว่าจะมีการบรรลุอรหัตผลโดยตรง
    ว่าด้วย คลื่นย่อมซัดเอาซากศพในมหาสมุทรเข้าหาฝั่งให้ขึ้นบก ฉันใด สงฆ์ไม่ยอมอยู่ร่วมกับภิกษุที่ ไม่ใช่สมณะปฏิญาณว่า
    เป็นสมณะ ทุศีล เน่าใน ชุ่มด้วยราคะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER>
     
  14. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    ขออนุญาติร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ ตอบคนแรกเลยไม่รู้จะตรงใจหรือเปล่าหนอ

    ถามว่า
    1.นาย ก ได้บุญหรือไม่ อย่างไร

    2.คุณคิดอย่างไรกับดอกเบี้ยที่เกิดจากการฝากเงิน(ที่ทั้ง 4 คนร่วมทำบุญ) ไว้ในบัญชีของ นาย ก นาย ก มีสิทธิที่จะนำไปใช้ส่วนตัวได้หรือไม่ อย่างไร และดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นนั้น(ไม่เกี่ยวกับจำนวนเงินมากหรือน้อย) ควรจะเป็นสิทธิของใคร ระหว่าง นาย ก , วัด , ผู้บริจาค

    ตอบข้อ1. ได้บุญ ในฐานะผู้นำบุญค่ะ
    ตอบข้อ2. วัด
    เหตุผลค่อยอธิบายวันหลังค่ะ ไม่มีพระสูตรมาอ้างอิงนะค่ะ

    โมทนาบุญค่ะ ​
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <CENTER>[​IMG] </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=4 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width="50%" bgColor=#ffffcc>[​IMG] ความรู้เรื่องพระไตรปิฎก


    [​IMG] พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน

    ย่อความพระไตรปิฎกทั้งหมด เหลือเพียงเนื้อความสำคัญ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ต้องการทราบ ทั้งพระวินัย พระสูตร และพระอภิธรรมโดยรวบรัด โดยอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ เป็นผู้เรียบเรียง

    <HR noShade SIZE=2>[​IMG] เรียนพระอภิธรรมออนไลน์

    เรียนพระอภิธรรมออนไลน์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งจัดทำโดย อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

    </TD><TD width="50%" bgColor=#ffffcc>[​IMG] ค้นหาพระไตรปิฎกฉบับออนไลน์

    ค้นหาเนื้อความที่ต้องการผ่านคำสำคัญที่ทราบ โดยที่ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆในเครื่องของคุณ จัดทำโดยคุณ Morning Glory

    <HR noShade SIZE=2>[​IMG] ค้นหาพระสุตตันตปิฏกออนไลน์

    สามารถค้นหาพระสูตรที่ต้องการผ่านคำสำคัญที่ทราบ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการศึกษาและทำความเข้าใจพุทธวจนะ จัดทำโดยคุณไพศาล เตชจารุวงศ์

    </TD></TR><TR><TD width="50%" bgColor=#ffffcc>[​IMG] Download พระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน

    Download โปรแกรมที่รวบรวมพระไตรปิฎกอย่างครบถ้วน พร้อมเครื่องมือค้นหาดีที่สุดในเมืองไทย แจกฟรีเป็นธรรมทาน หากไม่สะดวกดาวน์โหลดสามารถขอรับซีดีฟรีแทนได้

    </TD><TD width="50%" bgColor=#ffffcc>[​IMG] ค้นหาพระไตรปิฏกออนไลน์ทั้ง ๔๕ เล่ม และ อรรถกถา

    ค้นหาพระไตรปิฏกและอรรถกถาออนไลน์ ด้วยวิธีการสืบค้นหลากหลายรูปแบบ จัดทำโดย เว็บ 84000.org

    </TD></TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER>
    http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/

    [​IMG]
    [​IMG]
    คำกล่าวหน้าเว็บ
    เว็บนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อให้ผู้ที่ต้องการศึกษาเกี่ยวกับพระธรรม พระไตรปิฎก ในเนื้อหาของพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม และโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ต่างประเทศ ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม พระไตรปิฎก โดยการจัดทำนี้ ได้ช่วยกันพิมพ์กัน 3 คน จากหนังสือ "พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน ย่อความจากประไตรปิฎกฉบับภาษาบาลี ๔๕ เล่ม" โดยคุณสุชีพ ปุญญานุภาพ

    ธรรมทาน
    ผู้จัดทำไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการทำเว็บ หรือโปรแกรมกัน แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเว็บนี้คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย บุญกุศลใด ๆ ในการทำเว็บนี้ขอบุญกุศลที่ได้กระทำแล้วทั้งหมด จงส่งผลให้กับคุณสุชีพ ปุญญานุภาพ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหนังสือพระไตรปิฎกทุก ๆ ท่าน ผู้จัดทำและทุก ๆ ท่านด้วยเทอญ ขออำนาจบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ จงดลบันดาลให้ผู้จัดทำเว็บและครอบครัว และทุก ๆ ท่านที่เข้ามาอ่านเว็บ และสรรพสัตว์ทั่วสากลโลกจงประสบแด่ความสุข ความเจริญ สมความปรารถนาทุกประการ สำเร็จเข้าสู่พระนิพพานโดยเร็วเทอญ

    สิ่งใดผิดพลาด
    หากเกิดการปรามาส พลาดพลั้งโดยมิได้เจตนา ขอจงอดโทษแก่ผู้จัดทำด้วยเทอญ และหากมีสิ่งใดผิดพลาดหรือสิ่งที่ต้องการให้แก้ไข ขอความกรุณาช่วยแจ้งด้วย จักขอบพระคุณยิ่ง
    ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุก ๆ ท่าน
    ขอขอบคุณ
    จาก ผู้จัดทำเว็บ

    2004.4.25 by 3 nang
    webmaster@larnbuddhism.com
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>คนไทยผจญทุกขภาวะ สารพัดโรครุมเร้า อีสานหอยแครงทำพิษ
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNew...=9500000126752
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 ตุลาคม 2550 15:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ถอดรหัส “ทุกขภาวะ” คนไทย ถูกโรคร้ายรุมสกรัม ภาคใต้อ่วมมาลาเรีย อีสานหอยแครงทำเหตุ กินสุกๆ ดิบๆ อหิวาต์ถามหา แนะลวก 10 นาที ปลอดภัย ห่วงฟาสต์ฟูดระบาด แถมหนี้พุ่ง เครียดหนัก ส่วนเหนือสุดรันทด คนแก่เต็มเมือง แบกภาระเลี้ยงเด็ก ดูแลผู้ป่วยเอดส์ ภาคกลางแสนช้ำโรงงานก่อพิษมะเร็ง สสส.จับมือภาคี 4 ภาค แก้ทุกข์เปิดงานสร้างสุข 4 ภาค เสนอปกเขียวพรรคการเมืองคลอดนโยบายรูปธรรม

    วันนี้ (25 ต.ค.) ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนา “ถอดรหัส ทุกขภาวะคนไทยปี 2550” เพื่อนำไปสู่การจัดงานสร้างสุข 4 ภาค แก้ปัญหาทุกขภาวะต่างๆ โดย นายสุพจน์ สงวนกิตติพันธุ์ ประธานสถาบันประชาคมภูเก็ต กล่าวว่า ข้อมูลทีมวิชาการงานสร้างสุขปี 2550 พบว่า ในภาคใต้ขณะนี้โรคมาลาเรียที่เคยระบาดเมื่อ 10 ปีก่อน กลับมาอีกครั้ง และน่าห่วง โดย 2 ปีที่ผ่านมา พบผู้ป่วยหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปี 2550 พบมากถึง 2,000 ราย เมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ตพบ 75 ราย สงขลา 1,000 ราย หน่วยงานที่รับผิดชอบต่างเห็นว่า โรคนี้ไม่ใช่ปัญหาของพื้นที่ภาคใต้ ทำให้การจัดงบประมาณเพื่อป้องกันน้อยลง ทั้งการแจกมุ้ง อุปกรณ์กันยุง หรือให้ความรู้ประชาชนเพื่อป้องกัน ทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น ขณะที่บุคลากรของสถานีอนามัย 253 แห่ง ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้มีแนวโน้มลดลง

    ในโรงพยาบาล 3 จังหวัดชายแดนใต้ การให้บริการก็ลดลง การตรวจโรคลดลง 25% ทันตกรรมลดลง 50% ที่น่าตกใจ คือ การให้ข้อมูลการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค ลดลงถึง 70% กิจกรรมเยี่ยมบ้านลดลง 60% ปัจจัยสำคัญเชื่อว่ามาจากปัญหาความไม่สงบ สถานีอนามัยเองตกเป็นเป้าการโจมตี มีอนามัย 4 แห่ง ถูกเผาและปิดทำการอยู่ขณะนี้ ผลสำรวจสะท้อน ว่า ความรุนแรงในพื้นที่ ทำให้โรคภัยไข้เจ็บยิ่งเพิ่มและรุนแรงมากขึ้น บางพื้นที่เจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานไม่ได้ หากยังเป็นเช่นนี้ อนาคตอันใกล้ ประชาชนจำนวนมากอาจตายรายวันจากโรคร้าย ไม่ต่างจากการตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงในพื้นที่” นายสุพจน์ กล่าว

    นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า ประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือด และหอบหืด จนต้องเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยในเพิ่มขึ้น มีแนวโน้มป่วยเรื้อรังสูง แต่ที่น่าห่วง คือ ปัญหาความเครียดที่เพิ่มขึ้น เครียดจากภาวะไม่ปลอดภัย โดยเรื่องนี้กระทบขวัญกำลังใจกับบุคลากรทางการแพทย์ อาทิ รู้สึกไม่ปลอดภัย ห่วงบุคคลในครอบครัว และกระทบกับการดำเนินชีวิตประจำวัน คือ ไม่กล้าออกไปปฏิบัติศาสนกิจ และไม่กล้าออกไปไหนในเวลากลางคืน

    ด้านนพ.ไพบูลย์ อัศวธนบดี รองประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ งานสร้างสุขภาคอีสาน กล่าวว่า ขณะนี้เกิดการระบาดของโรคอหิวาตกโรคในภาคอีสาน ในช่วงเดือน ก.ค.- ต.ค.พบผู้ป่วยกว่า 200 ราย ที่ขอนแก่น 200 ราย มหาสารคาม 22 ราย พบเชื้อชนิดเดียวกัน คือ Vibrio Cholera ogawa ที่เป็นเชื้อค่อนข้างรุนแรง มีผู้เสียชีวิต 1 คน แต่เป็นผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องอยู่แล้ว ส่วนใหญ่รักษาหาย เมื่อตรวจสอบสาเหตุที่มีการแพร่ระบาด เนื่องมากจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารของคนอีสาน โดยเฉพาะการทานส้มตำของคนอีสาน ที่เรียกว่า ตำป่า ตำซั่ว หรือตำสารพัด ผสมกับอาหารกึ่งสุกและดิบ การสอบประวัติและสุ่มตัวอย่าง เชื้อน่าจะมาจากหอยแครง ที่มาจากสมุทรสาคร และสุราษฎร์ธานี ซึ่งชาวอีสานชอบทานหอยแครงลวกและยำหอยแครง ที่เชื้อโรคยังไม่ตาย ซึ่งการรับประทานหอยแครงที่ปลอดภัยควรจะลวกอย่างน้อย 10 นาที อีกทั้งปัญหาโลกร้อน ก็เป็นปัจจัยเสริมให้เกิดโรค เพราะอุณหภูมิเพิ่มขึ้นทำให้การแตกตัวของเชื้อโรคมากขึ้น นำไปสู่การระบาดของโรคนี้ได้

    นพ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ส่วนโรคไม่ติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง คือ เบาหวาน หัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง จังหวัดที่ติดอันดับมีผู้ป่วยโรคเบาหวานมากที่สุด 3 อันดับ คือ 1.นครราชสีมา 2. บุรีรัมย์ 3.สุรินทร์ ซึ่งเกี่ยวกับการทานอาหารฟาสต์ฟูดของคนอีสาน ที่ทานมากขึ้น 33% โดยทานมากวันเสาร์-อาทิตย์ พฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอีกเรื่องคือ คนอีสานยังคงเป็นแชมป์ดื่มเหล้า มากถึง 43% สูงกว่าภาพรวมประเทศซึ่งอยู่ที่ 38.33% การสูบบุหรี่ก็เช่นกันคนอีสานสูบ 19.49% ขณะที่ภาพรวมประเทศ คือ 17.24% ทั้งยังพบปัญหาผลพวงจากนโยบายพัฒนาที่ผิดทาง กระตุ้นคนอีสานใช้เงินมากจนเป็นหนี้สิน ส่งผลให้ปัจจุบันคนอีสานมีปัญหาเรื่องโรคเครียดสูงมีความวิตกกังวลถึง 22%

    ขณะที่ นายสุวิทย์ สมบัติ เลขานุการคณะกรรมการอำนวยการงานสร้างสุข กล่าวว่า ข้อมูลที่น่าตกใจ คือ หลายจังหวัดในภาคเหนือกำลังกลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยคนชราโดยเป็นภาคที่มีคนชราสูงอันดับ 1 ของประเทศ ประมาณ 13.7% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของประเทศคือ 10.8% โดย 3 จังหวัดที่มีผู้สูงอายุมาก คือ 1.ลำพูน 2.เชียงใหม่ 3.ลำปาง เป็นผู้สูงอายุที่ต้องยู่คนเดียว 8.8% จากตัวเลขนี้ทำนายได้ว่าอีก 15-20 ปี จะมีผู้สูงอายุมากกว่าวัยเด็กและวัยทำงาน เรื่องนี้เป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมผู้สูงอายุรวดเร็ว ทำให้อัตราภาระพึ่งพิงสูงขึ้น ต้องเผชิญปัญหาทางสุขภาพกายและใจที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเช่นกัน

    “ที่สำคัญคือ ผู้สูงอายุในภาคเหนือ ไม่ได้อยู่อย่างมีความสุข เนื่องมาจากปัญาโรคภัยไข้เจ็บ ภาระการเลี้ยงดูผู้ติดเชื้อ และลูกหลาน บางรายอายุ 70 ปี มีโรคประจำตัวรุมเร้า แต่ก็ต้องดูแลลูก หลานที่ป่วยด้วยโรคเอดส์ แม้ว่า ผู้ป่วยเอดส์รายใหม่ในภาคเหนือมีแนวโน้มลดลง แต่ยังสูงอันดับหนึ่งของประเทศ จังหวัดที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือเชียงราย 1,260 ราย เป็นผู้ติดเชื้ออายุมากกว่า 50 ปี 795 คน ตามด้วยเชียงใหม่ 880 ราย ซึ่งปัญหาผู้สูงอายุถือเป็นระเบิดเวลาที่ระเบอดได้ทุกเมื่อ เป็นภาระให้ผู้บริหารท้องถิ่นต้องดูแลโดยรัฐพยายามสร้างสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้” นายสุวิทย์ กล่าว

    นายสุวิทย์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม สถิติการฆ่าตัวตายลดลง แต่ก็สูงกว่าภาคอื่น สาเหตุหนึ่งมาจาก ความวิตกด้านสุขภาพ โดยเฉพาะโรคเอดส์ โรคซึมเศร้า ติดสารเสพติด การหย่าร้าง ขาดความอบอุ่นในครอบครัว ซึ่งมีการหย่ามากขึ้น ส่วนการเจ็บป่วยจากสารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืช ยังสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ

    นางรัตนา สมบูรณ์วิทย์ ประธานจัดงานงานสร้างสุข ภาคกลาง กล่าวว่า การมีโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก ทำให้ประชาชนต้องทนช้ำกับการพัฒนาอุตสาหกรม มีโรคต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะโรคมะเร็งซึ่งภาคกลางมีผู้ป่วยโรคมะเร็งสูงกว่าทุกภาค พบในเพศหญิงสูงกว่าเพศชาย ผลการศึกษาของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่าประชากร 513,408 คน โดยเฉพาะเขตเมืองที่ระยองเป็นมะเร็งสูงถึง 182.45 ต่อแสนประชากร รองลงมาคืออำเภอแกลง 112.8 ต่อแสนประชากร อำเภอบ้านค่าย 109.2 ต่อแสนประชากร และอำเภอวังจันทร์ 64.15 ต่อแสนประชากร เมื่อจำแนกเป็นรายประเภท พบว่ามะเร็งปอดมากที่สุด รองลงมาคือมะเร็งตับ และมะเร็งหลอดอาหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นผลพ่วงมาจากความเจริญทางอุตสาหกรรม และแม้ว่าจะมีการใช้ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ มาตรา 10 เพื่อแก้ปัญหาผลกระทบจากอุตสาหกรรม ก็ยังไม่รับการแก้ปัญหาใดๆ

    ด้านนพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธานจัดงานวิชาการสร้างสุข 4 ภาค กล่าวว่า การสร้างเสริมสุขภาพเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาชีวิตไม่ให้ตายก่อนวัยอันควร มีอายุยืนยาว แต่ภาคใดจะมีสุขภาพดีกว่ากันคงเปรียบเทียบได้ยาก รายงานทุกขภาวะของ 4 ภาค เป็นส่วนหนึ่งจากงานสร้างสุข 4 ภาค ที่ สสส.ร่วมกับภาคีจัดขึ้นเป็นปีที่ 5 โดยรวบรวมทุกข์คนไทยรายภาค และทางออกสู่สุขในชื่อ “สุขภาวะยั่งยืน ด้วยวิถีชีวิตพอเพียง” แต่สำคัญที่สุดคือ ความร่วมมือระดับนโยบายท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด ที่เห็นปัญหาและแปรทิศทางการบริหารนโยบายด้านสุขภาพตรงจุดมากขึ้น ซึ่งแต่ละภูมิภาคจะจัดทำสมุดปกเขียวเพื่อสังคมสุขภาวะ สรุปสถานการณ์ปัญหาสุขภาพ ข้อเสนอเชิงนโยบายที่เป็นรูปธรรม เสนอต่อพรรคการเมืองช่วงเลือกตั้งนี้ สำหรับงานสร้างสุข 4 ภาค จัดขึ้นที่ภาคใต้ จ.ภูเก็ต 2-4 พ.ย.ภาคเหนือ จ.แพร่ 10-11 พ.ย. ภาคอีสาน จ.มหาสารคาม 16-18 พ.ย.ภาคกลาง จ.สุพรรณบุรี 10-12 ม.ค.
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอบคุณนะครับคุณเพชร

    คำถามที่ผมถามนั้น ค่อนข้างยาก เหตุเนื่องจากในสมัยพุทธกาล ไม่น่าจะมีธนาคาร แต่จะมีดอกเบี้ยหรือไม่นั้น
    เรื่องของการเทียบเคียงของการฝากเงิน ก็จะมีเรื่องของการกู้ยืมเงินผมไม่ทราบจริงๆว่าในสมัยนั้นมีการกู้ยืมเงินกันหรือไม่ มีดอกเบี้ยหรือไม่

    ผมต้องไปค้นคว้ามาเช่นกัน แต่จะผิดหรือถูก อย่าว่ากัน เป็นการแสดงความคิดกันครับ
    .
     
  19. tawatd

    tawatd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    506
    ค่าพลัง:
    +2,020
    ตอบ
    1.นาย ก.ได้รับบุญตามข้อ 5 ของบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ ข้อที่ 5 เวยยาวัจจมัย คือการทำบุญด้วยการขนขวายรับใช้ ค้นหาจากเวปไซด์ www.84000.org พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม และ อรรถกถา ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค สังคีติสูตร
    2.ดอกเบี้ยที่ได้ควรเป็นของวัด เพราะนาย ก ประกาศเชิญชวนให้โอนเงินเพื่อทำบุญให้วัด
     
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ค่อนข้างโหดมากเลยท่านปา-ทานครับ ไล่หาจนตาเหล่เลยครับ(b-ng)
    แต่ไม่เป็นไรครับตอบเอาสนุกกัน
    1.นาย ก.ได้บุญแน่นอนครับคล้ายคุณอ้อย ประการแรกเป็นคนนำบุญ ประการที่สอง เป็นผู้เป็นธุระในการรวบรวมและส่งมอบทุนให้แก่วัด เพียงแต่ดอกผลที่เกิดขึ้น นาย ก.น่าจะปิดบัญชีและถอนเงินรวมทั้งหมดถวายวัด นาย ก.ก็จะได้รับผลการทำที่เต็มที่ครับ
    2.ตอบตามความรู้สึก นาย ก.ไม่สามารถและไม่ควรนำดอกผลไปใช้เป็นการส่วนตัว เงินรวมดอกเบี้ยควรจะถวายวัดทั้งหมดครับ แต่จากการอ้างอิง พระไตยปิฎกได้ข้อสรุปว่า สามารถแบ่งมาใช้ได้บ้างตามนี้ครับ
    <CENTER>พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕
    มหาวรรค ภาค ๒
    </CENTER><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center background="" border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD><TR><TD width="100%" bgColor=darkblue hspace="0" vspace="0">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <CENTER>พระพุทธานุญาตผลไม้</CENTER></PRE>
    [๙๐] ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ อาตุมานครตามพระพุทธาภิรมย์ แล้วเสด็จ</PRE>พุทธดำเนินไปทางพระนครสาวัตถี เสด็จจาริกโดยลำดับ ถึงพระนครสาวัตถีแล้ว ทราบว่าพระองค์ประทับอยู่ที่พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถีนั้น เวลานั้นของขบฉันคือผลไม้ในนครสาวัตถีมีดาดดื่นมาก จึงภิกษุทั้งหลายได้มีความสงสัยว่า ของขบฉันคือผลไม้ พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตไว้แล้วหรือมิได้ทรงอนุญาต แล้วได้กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผลไม้ทุกชนิด.<CENTER>พืชของสงฆ์และของบุคคล</CENTER> [๙๑] ก็โดยสมัยนั้นแล พืชของสงฆ์เขาเพาะปลูกในที่ของบุคคล พืชของบุคคลเขาเพาะปลูกในที่ของสงฆ์ ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พืชของสงฆ์ที่เพาะปลูกในที่ของบุคคล พึงให้ส่วนแบ่ง แล้วบริโภค พืชของบุคคลที่เพาะปลูกในที่ของสงฆ์ พึงให้ส่วนแบ่งแล้วบริโภค.
    ผมตีความว่าการฝากเงินของผู้บริจาคในบัญชีตน น่าจะใกล้เคียงกับการนำเมล็ดพืชของสงฆ์ปลูกในที่ดินของตนเอง เมื่อได้ทั้งพืชและผล นาย ก.น่าจะส่งมอบพืชผลของสงฆ์ และแบ่งผล(เฉพาะบางส่วนของดอกเบี้ย)มาใช้ได้โดยไม่ขัดต่อพระไตรปิฏกครับ .....โอยเหนื่อย ผิดถูกก็ขอเป็นความเห็นของผมครับ
    ขอบคุณและโมทนาสาธุครับ
    nongnooo...
     

แชร์หน้านี้

Loading...