จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
  2. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...คิดสิ่งดี...ก็ได้สิ่งดี...

    เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมา...คิดถึงพระธรรมคำสั่งสอน...ของหลวงปู่หลวงตา

    คิดถึงหลวงปู่สังวาลย์...เขมโก...เพราะท่านพูดกับ ลูกศิษย์ลูกหา ของท่านว่า

    บุญอะไร...ก็ไม่เท่าบุญที่ทำกับหลวงตามหาบัว...เสียดายที่โยมพ่อ โยมแม่

    ของอาตมา...มาตายไปเสียก่อน...หาไม่แล้วจะให้ไปทำบุญกับหลวงตา

    มหาบัว...เสียทีเดียว...หลวงปู่จะพูดอยู่เสมอ...ผู้เขียนตอนนั้นก็ยังไม่รู้ว่า

    เพราะอะไร...แต่ผู้เขียนก็ได้ทำตามที่หลวงปู่ฝากไว้กับลูกศิษลูกหาของท่าน

    หลายๆครั้งที่ผู้เขียนได้ไปร่วมถวายทอง ร่วมกับ...พระอาจารย์ลูกศิษย์ของ

    หลวงปู่ที่ทำหน้าที่แทนหลวงปู่ ที่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ ท่านพระอาจารย์อ๊อด

    ท่านเมตตานำญาติโยมไปกราบ องค์หลวงตา และท่านได้นำทองและปัจจัยไป

    ถวายหลวงตา...องค์หลวงตาท่านเมตตา...ท่านพระอาจารย์และพวกเรามาก องค์หลวงตาท่านได้สนทนากับ

    พระอาจารย์ แล้วพูดว่าหลวงปู่สังวาลย์นี้ท่านเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบนะ

    ท่านเป็นแขนซ้ายของเรา...เราเป็นแขนขวานะ...ถึงแม้ว่าท่านจะมรณะภาพ

    ไปแล้วแต่พระลูกศิษย์ของท่านเจริญรอยตามท่าน...แล้วผู้เขียนก็ยังมีโอกาส

    ได้ไปร่วมทำบุญถวายทองกับพระอาจารย์สัมพันธุซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่

    อีกหลายครั้ง...หลวงตาจำได้ว่าเป็นพระที่มาจากสายหลวงปู่สังวาลย์...และ

    องค์หลวงตาจำได้ว่าพระรูปนี้เคยเป็นนักมวย...ท่านจึงเรียกหลวงพ่อสัมพันธุว่า

    ไอ้นักมวย...ที่ผู้เขียนนำมาเล่าก็เพราะว่าเป็นความทรงจำที่ดี...ที่จะติดตาม

    เราไปได้ เพราะความทรงจำนั้น เป็นความทรงจำที่ดี...และในชีวิตนี้ไม่เสียใจ

    และสงสัย... ว่าทำไมต้องทำบุญกับหลวงปู่...และหลวงตาเพราะได้คำตอบแล้ว

    ว่าทำไม...จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง...ถึงเรื่องทำดี ก็ต้องได้ดีค่ะ.

    ลูกขอน้อมกราบหลวงปู่ หลวงตา หลวงพ่อ และพระอาจารย์อ๊อดที่เมตตาให้

    โยมได้มีเรื่องดีๆมาเล่าสู่กันฟังกราบขอบพระคุณค่ะ

    ลูกขอกราบแทบเท้าหลวงปู่สังวาลย์ และหลวงตามหาบัวด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2013
  3. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    สังขารเป็นของไม่เที่ยง...แต่ถ้าเราไม่ได้รู้ได้เห็นในสังขารเรานี้แล้วก็ยากที่จะรู้เห็นธรรม เพราะธรรมก็มีอยู่ในสังขารร่างกายเรานี้เอง...ผู้เฝ้าสังเกตุดูในกองสังขารนี้จะเห็นการเกิดดับอยู่ตลอดเวลาเพราะสังขารก็คือ...ตัวธาตุทั้ง ๔ ที่มาประกอบกันเข้าและอาศัยอาหารที่หล่อเลี้ยงร่างกายเอาไว้ให้เกิดพลังงานถ้าไม่มีอาหารก็จะไม่มีกําลังวังชา...คือจะทํางานก็ไม่ไหวเพราะร่างกายอ่อนเพลีย แต่อาหารนั้นก็ไม่ใช่จะให้ประโยนช์เสมอไป...เพราะอาหารบางประเภทก็มีผลต่อจิตใจและร่างกายและจะทําให้เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรมก็ได้อย่างเช่นถ้าเรากินอาหารที่แสลงธาตุขันธ์...ก็จะทําให้ธาตุขันธ์ปั่นป้วนคือ...ท้องเสียบ้าง ท้องร่วงบ้าง ฯลฯ นี้แหล่ะท่านถึงกล่าวไว้ว่ากินอาหารก็ต้องพิจารณาถึงธาตุขันธ์ก่อนเพราะร่างกายหรือสังขารนั้นถ้าเราไม่รักษามันให้ดีมันก็จะทําโทษให้เราได้...และเรานี่แหล่ะจะต้องมาเป็นผู้แบกสังขารเอาไว้...เพราะในการที่เราไม่ได้ใส่ใจดูแลในสังขารเรานั้นเอง...วันหนึ่งๆสักแต่ใช้มันอยู่ลํ้าไปไม่รู้จักพักผ่อนหลับนอนเพราะกิเลสพาหมุน คือ...ทําแต่งานๆเงินๆคิดว่าจะเอาไปให้ได้มากที่สุด...สุดท้ายสังขารไม่อํานวย คือ"เครื่องมันน๊อกส์"ก็เลยสายเกินแก้อย่างไม่สามารถเยี่ยวยาได้ก็มีเพราะการที่ไม่เข้าใจในสังขารนั้นเอง...ทั้งอาหารทั้งการพักผ่อนจึงจําเป็นต่อร่างกายเราอยู่อย่างมากค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2013
  4. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    กรรมและกฎแห่งกรรม


    “คนจะดีหรือเลว มันขึ้นอยู่กับกฏของกรรม ก่อนที่เราจะเกิดมานี่ เราทำทั้งกรรมดี และ กรรมชั่ว ขณะใดถ้ากรรมที่เป็นอกุศล มันให้ผล ขณะนั้นลูกของพ่อก็อาจจะมีความคิดผิด พูดผิด กระทำผิดไปได้เป็นของธรรมดา

    แต่ขณะใดกรรมที่เป็น กุศลกรรม ให้ผล บรรดาลูกรักของพ่อก็จะทำถูก คิดถูก พูดถูกอยู่เสมอ เรื่องนี้ถึงแม้ว่าตัวของพ่อเองก็ประสบมามากจึงไม่มีความรู้สึกเมื่อลูกรักบางท่าน บางคน คิดพลาด พูดพลาด กระทำพลาดไป ถือว่านั่นเป็นกฏของกรรมเดิมที่เราทำมาแล้วไม่ดี

    ฉะนั้น ในชาตินี้เราก็มาแก้ตัวใหม่พยายามทำความดีเสียทุกอย่างเพื่อเป็นการหักล้างความชั่วเดิมเพื่อผลที่เราจะพึงได้ต่อไป นั่นก็คือพระนิพพาน”


    พระราชพรหมยานเถระ (หลวงพ่อฤๅษี)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2013
  5. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    (ธรรมะเข้าถึงได้ด้วยใจ)

    สิ่งใดๆในโลกนี้...เรารับรู้และเรียนรู้ได้ง่าย

    ไม่ยากเกินกว่าที่จะเรียนรู้...และทำความเข้าใจ

    จะเรียนรู้ได้...ต้องใช้ใจเพียงอย่างเดียวสิ่งอื่นๆ

    ไม่สามรถเข้าถึงธรรมะได้...ธรรมะเข้าถึงได้ด้วยใจ

    วิปัสสนากรรมฐานอยู่ในใจ...การปฏิบัติธรรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับ

    สิ่งใดๆ...ไม่ขึ้นกับการเวลา...มันขึ้นอยู่ที่จิตใจเรา

    เริ่มต้นการปฏิบัติธรรมนั้น...คือเริ่มต้นดูจิตตนเอง.

    ...พระธรรมคำสอนของหลวงปู่ดุลย์...

    ...กราบหลวงปู่ด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะสาธุ...
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ผู้ปฎิบัติคงจะลืมคำนี้ไปแล้ว กระมัง!
    ก็คือ ปฎิบัติเอง เห็นเอง รู้เอง และก็ชอบเอง

    คำถาม
    ผู้เจริญทั้งหลาย ได้ลงมือปฎิบัติอย่างจริงจัง กันหรือยัง?
    แต่ถ้่าหากได้ลงมือปฎิบัติจริงจังกันแล้ว
    คำถามต่อไปว่า..เห็นหรือรู้ ในผลการปฎิบัติของตนเอง หรือยัง?
    แต่ถ้าหากปฎิบัติได้ผล เช่น ความทุกข์ลดน้อยลงไป หรือ ไม่ทุกข์แล้ว
    หรือ มีแต่ความสงบสุข เยือกเย็นใจดีไหม เป็นต้น
    ผลของการปฎิบัติ ก็คือ เมื่อเราเจริญสติภาวนาไปได้สักพักนึง เราก็เริ่มเข้าสู่ความสงบ สุข เยือกเย็น
    เป็นเพราะว่า จิตของเรามันนิ่งสงบ
    (จิตของคนเรานิ่งได้เมื่อไหร่ เราก็สุขใจ เมื่อนั้น)

    และคำถามต่อไป ก็คือ..ชอบไหม๊ๆ ?
    ใครไม่ชอบบ้าง กับคำว่า สงบ สงัด ปิติ สุข เยือกเย็น วิมุตติ นิพพาน
    หรือ ไร้ทุกข์

    สำหรับผู้ที่ปฎิบัติเอง เห็นเอง รู้เองและก็ชอบเองนั้น ก็คือ พวกที่ตั้งใจปฎิบัติกันจริง
    แต่..แต่..แต่..ต้องเริ่มต้นที่ศีลของตนเองก่อนนะจ๊ะ นะจ๊ะ นะจ๊ะ
    แต่ถ้าผู้ปฎิบัติมองข้ามศีลตนเอง หรือ ไม่ให้ความสนใจเรื่องศีลตนเองละก็ (จบเฮ่!)
    เพราะปฎิบัติฟรี! แปลว่า เสียเวลาเปล่า!
    ขนาดศีลตนเองยังรักษากันไม่ได้ ก็อย่าเพิ่งไปหวังมรรคผล โดยเฉพาะนิพพาน ยิ่งไกลเกินเอื้อม
    เห็นจะเป็นจริงดังนั้น ตามที่คนส่วนใหญ่เขาพูดกัน
    ศีลเป็นพื้นฐาน(มาตราฐาน) ของคนดี หรือก่อนที่จะเอาดีกันจริงๆ
    คอยสังเกตดูให้ดีๆนะว่า ทำไม๊ เราปฎิบัติธรรมมาก็หัวจะงอก เอ๊ย ปฎิบัติมาหลายปีดีดักแล้ว

    แต่ทำไม๊ ยังไม่มีดวงตาเห็นธรรม(ความจริง) ดั่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้
    (ก็ไม่ปฎิบัติตามพระธรรมหรือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ทรงชี้แนะ) (ไม่เอาจริง)
    เพราะถ้าปฎิบัติกันจริงๆ ก็ย่อมได้ของจริงๆ นี่ไง๊
    ว่าแต่ว่า..เราจะยอมรับกันป่าว เท่านั้นเอง

    ทำไม๊ เรายังมีทุกข์อยู่ (จิตยังหลงทางอยู่)
    ทำไม๊ เรายังมีกิเลสอยู่ (ไม่มีปัญญาเป็นของตน)
    ทำไม๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มากมาย

    ไปหาคำตอบกันได้ ก็ต่อผู้นั้น ลงมือปฎิบัติจริงๆจังๆเสียที
    อย่ามาโม้ขอบกระทู้ ขี้เกียจฟัง
    สอนตนเองเยอะๆ อย่านำธรรมะเราไปสอนผู้อื่น เพราะไม่ได้ผล
    นอกจากธรรมที่ผุดออกมาจากข้างในจิตของตนเท่านั้น

    ในขณะที่เราเจริญสติภาวนากันอยู่นั้น
    สติเราเป็นได้มากที่สุด ก็แค่พี่เลี้ยงไปสอน(น้อง)จิต
    แต่ถ้าหากจิตมีปัญญาหรือปัญญาญาณเมื่อไหร่ แล้ว(น้อง)จิตจะกลับมาสอนสติ(พี่เลี้ยง)เอง

    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ

    (เล่าสู่กันฟังเฉยๆ หรือว่าพร่ำก็ได้)
     
  7. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...คนเราถ้าไม่มีประสบการณ์...เกี่ยวกับความทุกข์...

    ...มันก็จะทำให้เราลืมตัว...เพราะความทุกข์...

    ...เป็นบ่อเกิดแห่งปัญหา...แต่ความสบาย...

    ...มันทำให้คนปัญญาอ่อน...

    ...พระธรรมคำสอนของหลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมุโม วัดหนองป่าพง...
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอกราบหลวงปู่ดุลย์..ด้วยเศียรเกล้าฯ
    _/l\_ _/l\_ _/l\_
    โมทนาสาธุกับคุณมาลินีด้วยครับ

    ใช่ๆ พระธรรมหรือคำสอนของพระพุทธองค์นั้น ต้องเข้าให้ถึง(ด้วยจิตด้วยใจ)
    มิใช่ แค่เข้าใจเท่านั้น
    ว่าแต่ว่า การเข้าถึงธรรมได้กันจริงๆนั้น จะต้องนำจิตมาเดินมรรคมีองค์ ๘ (ศีล สมาธิ ปัญญา) เท่านั้น
    ถึงจะได้ผล หรือจิตถึงจะนิ่ง ถึงจะพบความสุข ความสงบสุข

    แต่ผู้ปฎิบัติจะต้องเข้าให้ถึงจิตตนเองก่อน(จิตในจิต) ต่อไปจึงจะเข้าถึงธรรม(ธรรมในธรรม)
    แต่จุดเริ่มต้นก่อน ก็คือ การเจริญสติภาวนา นั่นเอง เลือกมาหนึ่งกองตามจริตตนเอง

    แต่ที่นี่ (จิตเกาะพระ) ใช้สองกองกรรมฐาน คือ พุทธานุสสติ+กสิณ
    ก็แค่ระลึกหรือนึกถึงพระ (ที่ตนเองชอบมาหนึ่งภาพ) นึกได้เมื่อไหร่ก็ให้นึกถึงภาพพระไปเรื่อยๆ ตามใจว่าบ่อยแค่ไหน
    (เหมือนเราคิดถึงหน้าแฟนน่ะ ร้องอ๊อเลยใช่ไหม)
    ทำเพียงแค่นี้ ก็แปลว่าเรากำลังสร้างสติกันแล้วครับ ส่วนผู้ใดขยันก็จะเกิดปิติเร็ว
    และจิตเกาะพระ เริ่มนับหนึ่งกันตรงนี้แหล่ะ แปลว่า จิตเขาเริ่มจดจำภาพพระได้อัตโนมัติแล้ว
    แต่ถ้าหากผู้ปฎิบัติขยันทำนะ อีกไม่นานนัก จะพบคำว่า จิตทรงฌานในขณะลืมตา เป็นอย่างไร

    ปล.แต่ขอเตือนกันก่อนนะว่า ฝึกเองไม่ได้ผล เพราะการเดินมรรคสูงนั้น อตร. เพราะจิตจะหลงทางได้
    แต่ถ้าผิดแล้วใครจะไปเตือภายในจิตของตน ไม่มีหรอก นอกเสียจากปฎิบัติมาถูกทางดีแล้ว
    เพราะหลังฌานนั้น มักจะมีครูบาอาจารย์หรือสายบุญของตนเอง มาบอก มาสอนภายในสมาธิจิตเอง
     
  9. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...จิตคนเราก็เหมือนน้ำใส...ที่มีแต่ตะกอนนอนก้นอยู่...

    เมื่อมีอะไรมากวน...มันก็ขุ่นมัวขึ้นมาทันที...

    ส่วนผู้ที่ฝึกหัดมาดีแล้ว...ก็เหมือนน้ำใสที่ไร้ตะกอน...

    แม้มีอะไร...มากวนก็ยังคงใสเหมือนเดิม...

    สารส้มกวนน้ำใส...สมาธิกวนจิตใส...อารมณ์กวนใจขุ่น...

    ฝากไว้เป็นข้อคิดค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2013
  10. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...การปฏิบัติเป็นสิ่งที่ละเอียด...

    ผู้ที่มีกิริยานุ่มนวล...จิตสำรวม...ปฏิบัติไม่เปลี่ยนแปลง...

    ปฏิบัติสม่ำเสมอ...อยู่เรื่อยนั่นแหละจึงจะรู้จัก...

    มันจะเกิดอะไร...ก็ช่างมันเถิดขอแต่...

    ให้มันคงแน่วแน่เอาไว้...อย่าให้จิตใจชวนเชหวั่นไหวใช้ได้...

    ...พระธรรมคำสอนของหลวงปู่ชา สุภัทโท.

    กราบหลวงปู่ด้วยเศียรเกล้าเจ้าค่ะสาธุ...
     
  11. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    การภาวนา...ถ้าเราภาวนาทุกลมหายใจเข้า...และหายใจออก

    เมื่อเรามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น...จิตของผู้ภาวนาก็สูง...คำว่าสูง

    ก็เหมือนกับเรือ...ที่ลอยลำอยู่ในแม่น้ำ...ลำคลอง...

    หรือที่มหาสมุทรสาครก็คือ...จิตมันอยู่เหนือน้ำ...

    จิตที่อยู่เหนืออารมณ์...เหมือนเรืออยู่เหนือแม่น้ำ...

    มันก็ไม่ทุกข์ไม่ร้อน...จึงจะต้องฝึกอบรมตนเอง...

    ...ให้มีจิตใจมั่นคงยิ่งๆขึ้น...และมีความอดทน...

    พระธรรมคำสอนของหลวงปู่ฉิม...พุธาจาโร.

    กราบหลวงปู่ด้วเศียรเกล้าเจ้าค่ะสาธุ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2013
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน - YouTube

    พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน
    (อยากให้พุทธบริษัททั้งหลายฟังให้ขึ้นใจ)

    "มหาปรินิพพานสูตร" หมายถึง การดับขันธ์ของพระพุทธเจ้า

    โอวาทสุดท้ายที่พระองค์ทรงรับสั่งกับภิกษุทั้งหลาย
    " ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิดฯ "

    นี้เป็นปัจฉิมวาจาของพระตถาคตฯ
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    (ข้อความนี้ ก็อยู่ที่พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน นั่นเอง)​

    แลแล้วพระจอมศาสดาก็เสด็จไปยังภัณทุคาม และโภคนครตามลำดับ ในระหว่างนั้นทรงให้โอวาทภิกษุทั้งหลายด้วยพระธรรมเทศนาอันเป็นไป เพื่อโลกุตตราริยกรรม กล่าวคือศีล สมาธิ ปัญญา วิมุต และวิมุตญาณทรรศนะ เป็นต้นว่า

    "ภิกษุทั้งหลาย ! ศีลเป็นพื้นฐานเป็นที่รองรับคุณอันยิ่งใหญ่ ประหนึ่งแผ่นดินเป็นที่รองรับและตั้งลงแห่งสิ่งทั้งหลายทั้งที่มีชีพและหาชีพมิได้ เป็นต้นว่าพฤกษาลดาวัลย์มหาสิงขร และสัตว์ตุบททวิบาทนานาชนิด บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้นใจย่อมอยู่สบาย มีความปลอดโปร่งเหมือนเรือนที่บุคคลปัดกวาดเช็ดถูเรียบร้อย ปราศจากเรือดและฝุ่นเป็นที่รบกวน

    "ศีลนี่เองเป็นพื้นฐานให้เกิดสมาธิ คือความสงบใจ สมาธิที่มีศีลเป็นเบื้องต้น เป็นพื้นฐานย่อมเป็นสมาธิที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก บุคคลผู้มีสมาธิย่อมอยู่อย่างสงบ เหมือนเรืยนที่มีฝาผนัง มีประตู หน้าต่างปิดเปิดได้เรียบร้อย มีหลังคาสำหรับป้องกันลมแดดและฝน ผู้อยู่ในเรือนเช่นนี้ฝนตกก็ไม่เปียก แดดออกก็ไม่ร้อนฉันใด บุคคลผู้มีจิตเป็นสมาธิดีก็ฉันนั้น ย่อมสงบอยู่ได้ไม่กระวนกระวาย เมื่อลมแดดและฝน กล่าวคือโลกธรรม แผดเผากระพือพัดซัดสาดเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า สมาธิอย่างนี้ย่อมก่อให้เกิดปัญญาในการฟาดฟันย่ำยีและเชือดเฉือนกิเลสอาสวะต่างๆ ให้เบาบางและหมดสิ้นไป เหมือนบุคคลผู้มีกำลังจับศาตราอันคมกริบ แล้วถางป่าให้โล่งเตียนก็ปานกัน

    "ปัญญาซึ่งมีสมาธิเป็นรากฐานนั้นย่อมปรากฏดุจไฟดวงใหญ่กำจัดความมืดให้ปลาสนาการ มีแสงสว่างรุ่งเรืองอำไพ ขับฝุ่นละอองคือกิเลสให้ปลิวหาย ปัญญาจึงเป็นดุจประทีปแห่งดวงใจ

    "อันว่าจิตนี้เป็นธรรมชาติที่ผ่องใสอยู่โดยปกติแต่เศร้าหมองไปเพราะคลุกเคล้าด้วยกิเลสนานาชนิด ศีล สมาธิ และปัญญา เป็นเครื่องฟอกจิตใจให้ขาวสะอาดดังเดิม จิตที่ฟอกแล้วด้วยศีล สมาธิ และปัญญาย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งปวง"

    "ภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วจากอาสวะ ย่อมพบกับปีติปราโมชอันใหญ่หลวง รู้สึกตนว่าได้พบขุมทรัพย์มหึมา หาอะไรเปรียบมิได้ เอิบอาบซาบซ่านด้วยธรรม ตนของตนเองนั่นแล เป็นผู้รู้ว่า บัดนี้กิเลสานุสัยต่างๆ ได้สิ้นไปแล้ว ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว เหมือนบุคคลผู้ตัดแขนขาด ย่อมรู้ด้วยตนเองว่า บัดนี้แขนของตนขาดแล้ว"

    โอวาทานุศาสนี ของพระผู้มีพระภาคส่วนใหญ่เป็นไปเยี่ยง​
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อานนท์ ! พุทธบริษัททั้ง ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทำสักการะบูชาเราอยู่ด้วยเครื่องบูชาสักการะทั้งหลายอันเป็นอามิส เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น หาชื่อว่าบูชาตถาคตด้วยการบูชาอันยิ่งไม่

    อานนท์เอย ! ผู้ใดปฏิบัติตามธรรมปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติธรรมให้เหมาะสม ผู้นั้นแลชื่อว่าสักการะบูชาเราด้วยบูชาอันยอดเยี่ยม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กุมภาพันธ์ 2013
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ดูก่อนสุภัททะ ! อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ เป็นทางประเสริฐสามารถให้บุคคลผู้เดินไปตามทางนี้ถึงซึ่งความสุขสงบเย็นเต็มที่ เป็นทางเดินไปสู่อมตะ

    ดูก่อนสุภัททะ ถ้าภิกษุหรือใครๆ ก็ตามพึงอยู่โดยชอบ ปฏิบัติดำเนินตามมรรคาอันประเสริฐประกอบด้วยองค์ ๘ นี้อยู่ โลกนี้จะไม่พึงว่างจากพระอรหันต์
     
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ดูก่อน อุปกะ ! ความทุกข์ทั้งมวลมีมูลรากมาจากตัณหาอุปทาน ความทะยานอยากดิ้นรน และความยึดมั่นถือมั่น ว่าเป็นเราเป็นของเขา รวมถึงความเพลินใจในอารมณ์ต่างๆ สิ่งที่เข้าไปเกาะเกี่ยวยึดถือไว้โดยความเป็นตนเป็นของตนที่จะไม่ก่อทุกข์ก่อโทษให้นั้นเป็นไม่มี หาไม่ได้ในโลกนี้
    เมื่อใดบุคคลมาเห็นสักแต่ว่าได้เห็น ฟังสักแต่ว่าได้ฟัง รู้สักแต่ว่าได้รู้ เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ เพียงแต่สักว่าๆ ไม่หลงใหลพัวพันมัวเมา เมื่อนั้นจิตก็จะว่างจากความยึดถือต่างๆ ปลอดโปร่งแจ่มในเบิกบานอยู่

    ดูก่อน อุปกะ ! เธอจงมองดูโลกนี้โดยความเป็นของว่างเปล่า มีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือความยึดมั่นถือมั่นเรื่องตัวตนเสีย ด้วยประการฉะนี้ เธอจะเบาสบายคลายทุกข์คลายกังวล ไม่มีความสุขใดยิ่งไปกว่าการปล่อยวางและการสำรวมตนอยู่ในธรรม
     
  17. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    สาธุ สาธุ...
     
  18. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    "ปัจจัยสำคัญ"ที่จะทำให้เรายังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมได้นั้นก็คือ
    เราต้องเป็นผู้ที่มีความถึงพร้อมแห่ง"สติ"เป็นเบื้องต้นก่อน..

    ปล.โมทนาสาธุกับท่านพี่ภูที่คัดสรรนำพุทธพจน์มาลงให้ได้อ่านกันถ้วนหน้า..
     
  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=sEP9mwDRN8g]พระคาถาชินบัญชร...wmv - YouTube[/ame]

    บทเพลงแปล พระคาถาชินบัญชร
    ที่จะทำให้ท่านเข้าใจในความหมายของพระคาถา­แห่งศตวรรษนี้ได้อย่างง่าย

    เครดิต:
    ประพันธ์คำร้อง/ทำนองโดย : ฌาณรวีร์ หอมนาน
    ขับร้องโดย: ฌาณรวีร์ / อุ๊ปอิ๊ปส์ นันท์นภัส แห่งวงซินเดอร์เรลล่า (ค่ายอาร์เอส)
    เรียบเรียงโดย พฤกษ์ พักตรใส
    ไวโอลีนโดย อ.สุทิน ดวงเดือน
    นี่คือบทเพลงหลักเพลงหนึ่งในอัลบั้มการกุศ­ลชุด "พุทธชยันตี"

    ขอให้ทุกท่าน จงมีแต่ความสุข ความเจริญ ทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยเทอญ
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สตินั้น สำคัญไฉน!

    รู้สึกตัวว่า เราเป็นเรา เป็นสัตว์หรือคนที่สิงอยู่ในร่างมนุษย์
    ทำงานระหว่างสมองกับอายตนะ หรือกายกับจิต
    ตามดู ตามรู้จิตของเรา หรือนามดูนาม
    ทำให้กิเลสสงบชั่วคราว
    ทำให้จิตนิ่ง เกิดสมาธิ เกิดปัญญา
    ทำให้เราสุขหรือทุกข์
    ทำให้เราเป็นปุถุชนหรืออริยบุคคล เมื่อเจริญพระกรรมฐานถึงที่สุด
    นำจิตจุติในดินแดน สุคติภูมิหรือทุคติภูมิ หรือ นรกภูมิ เทวภูมิ พรหมภูมิ พระนิพพาน
    เป็นตัวกระทำกรรมดีหรือชั่ว เราละขันธ์เมื่อไหร่ กรรมทั้งหมดทั้งดีหรือชั่ว จะถูกจดบันทึกลงไว้ที่ดวงจิตทันที

    นี่แค่ หนังตัวอย่าง!
     

แชร์หน้านี้

Loading...