ไดอารี่ ชีวิต , ผี , วิญญาณ , พุทธศาสนา By Specialized

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย Specialized, 25 ธันวาคม 2006.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    ถูกต้องแล้วครับ!!!!.....

    ส่วนที่มาที่ไปของบทสวดมนต์ ลองเข้าไปดูที่นี่นะครับ จะทำให้ทราบว่า 15 นาทีก็เพียงพอแล้ว......ครบหมดแล้ว

    บทวิเคราะห์บทสวดมนต์มหาจักรพรรดิ
    http://watthummuangna.com/board/showthread.php?t=737
    แจกฟรี !!! พระกำลังพระจักรพรรดิ รุ่นที่ 3 "รุ่นพอเพียง"
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=89372

    ส่วนบัญชีกองทุนพระสหธรรมิกราชนะครับ

    หากผู้ใดมีจิตศรัทธาอยากจะร่วมบุญในทุกๆ เรื่องที่ทางคณะจัดขึ้น ก็สามารถส่งปัจจัย มาร่วมโมทนาได้ ที่บัญชีคณะสหธรรมิกราช

    NIKOLAAS BOKESTIJN
    หมายเลขบัญชี 443-0-11013-1
    ธ.กรุงไทย สาขาเจริญศรีคอมเพล็กซ์ อุดรธานี

    สำหรับเงินกองทุนในตอนนี้จะใช้จ่ายเพื่อการสร้างพระแจก 16 ล้านองค์ทั่วโลก การเผยแผ่ธรรมะ และกิจกรรมอื่น ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2007
  2. zazajang

    zazajang สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +15
    ผีและวิญญาณ

    ก็ถือว่าโชคดีนะคะเจอแบบนี้แล้วผ่านมาได้โชคดีจริงๆ(ping) (555) (b-glass)
     
  3. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    พี่กรรณิการณ์ ผมส่งพระให้แล้วนะครับวันนี้ 10 องค์ ก่อนนะครับ พรุ่งนี้คงได้ครับ
     
  4. mooing2005

    mooing2005 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2007
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +24
    สวัสดีค่ะน้องบอย พี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่นั่งดูเวปของน้องประมาณ 2 เดือนได้แล้วมีความรู้สึกอยากได้พระจักรพรรดิมาบูชาบ้าง การปฏิบัติในตอนนี้ที่พี่ทำได้คือการสวดมนต์บูชาพระ ทำสมาธิไม่ได้เลยเพราะมีเด็กคอยกวน พี่มีลูก 2 คน และพี่เป็นพยาบาลไม่มีเวลาว่างเหมือนคนอื่น แต่ชอบสวดมนต์ไหว้พระมากเลยนะคะ กิจกรรมต่างๆของน้องบอยที่ลงในเวปเป็นเรื่องที่น่าติดตามมาก พี่จะดูตลอด ถ้าน้องบอยมีคำแนะนำดีเกี่ยวกับการทำสมาธิทางลัดก็โปรดช่วยเหลือพี่ด้วยนะคะ ถ้าตอนนี้ยังพอมีพระผงจักรพรรดิอยู่รบกวนส่งให้พี่ด้วยนะคะเดี่ยวจะติดต่อไปค่ะ
     
  5. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    โมทนาครับ รีบส่งซองมานะครับ (ping)
     
  6. Unique_Angel

    Unique_Angel ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +6,546
    แหม น้องบอย อัญเชิญบทสวดหลวงปู่ดู่มาไว้ให้อ่านรวดเดียว เยี่ยมมากๆ

    อ้อ...ต้องฝากขอบคุณ คุณ Attawat_Rx ด้วยที่ทำให้ได้รู้จักบทสวดมนต์ดีๆ แบบนี้ค่ะ
     
  7. Nu_Bombam

    Nu_Bombam เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,030
    ค่าพลัง:
    +4,914
    อนุโมทนาครับ อ่านแล้วปลื้มใจจริงๆครับ ทัวร์สร้างบุญกันตั้งหลายที่ หุหุ
     
  8. oOoWateRoOo

    oOoWateRoOo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +48
    >_< เพิ่งสมัครวันแรกอ่ะค่ะ นั่งอ่านไดอารี่ ตั้งกะตอน 5 โมง ก่าๆ เพิ่งอ่านจบ มึนเรยงิงิ

    ลองทำตามตั้งสัจจอธิษฐาน ละก้อบทสวดมหาจักรพรรดิ์ เพิ่งทำเป็นครั้งแรกนะค่ะ ละเห็นว่าถ้าเกิดวันศุกร์ สวด 21 จบนะค่ะ พอสวดถึงบทที 7 เหมือนตัวเองกำลังหมุนนะค่ะ ในใจก้อพยายามทำสมาธิไว้นะค่ะ (ละก้อคิดว่าอย่าเพิ่งมีลูกค้ามาคิดเงินตอนนี้เรยขอสวดให้จบก่อน) ละก้อสวดไปเรื่อย รู้สึกเหมือนตัวเองก้อหมุนเร็วเรื่อย ๆ ในใจก้อพยายามคิดว่าให้หยุดหมุนนะค่ะ ควบคุมสมาธิไว้แต่พอถึงบทที่ 19 รู้สึกว่าหมุนเร็วขึ้นกว่าเดิม จนเหมือนจะมองบทสวดไม่ทัน ก้อพยายามเพ่งนะค่ะละค่อยๆอ่านไป แต่ - - ไม่มีลูกค้ามาคิดตังจิง ๆ ค่ะ มีแต่ลูกค้าที่เข้ามาใหม่ พอเขาเรียกชื่อปุ๊บ เราเองก้อตกใจ คราวนี้หยุดหมุนไปเรยอ่ะค่ะ ละก้อสวดครบ 21 จบ ละก็บทเชิญพระเข้าตัว ( แผ่เมตตา ) หรือแผ่บุญรับภูมิ อีก 5 รอบนะค่ะ สวดแค่นี้อ่ะค่ ละถ้าไม่ได้สวดทุกวันจะเป็นอะไรไหมค่ะ ( เวลาปกติก้อจะ ระลึกคุณพระรัตนตรัย บริจาคบุญที่สะสมมาอ่ะค่ะ )

    อยากไปร่วมสร้างพระด้วยอ่ะค่ะ และก็ กิจกรรมหลาย ๆอย่างที่ดีๆนะค่ะ ขออนุโมทนา สาธุ ดังๆด้วยคนนะค่ะ (ping)
     
  9. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    หุหุ ขออนุโมทนาครับ ถ้าเรื่องราวต่างๆในกระทู้นี้มีประโยชน์กับทุกท่านผมยินดี และอิ่มใจเป็นอย่างยิ่ง หุหุ ^^"

    หมั่นสวดบทจักรพรรดิเข้าไว้ครับ เพราะเป็นการปรับกระแสของตัวเราเอง มีประโยชน์ในหลายๆทางครับ เริ่มจากที่ตัวเราเองก่อน จนถึงภูมิที่บ้าน หลวงตาท่านเคยบอกไว้ว่า การปรับตามศาสตร์ฮวงจุ้ยก็สำคัญ แต่ว่าสิ่งที่พวกเราทำอยู่ (การปรับภพภูมิด้วยกำลังบุญฤทธิ์) นั้นเหนือกว่าคือก้าวข้ามไปแล้วครับ เพราะฮวงจุ้ยแก้ที่ปลายเหตุ ส่วนการปรับภพภูมิคือการแก้จากต้นเหตุคือแก้ที่รากของเหตุเลยนั่นเองเพราะว่าบางทีเหตุไม่ดีต่างๆเกิดขึ้นมาเราถึงต้องไปปรับฮวงจุ้ยกันสิ่งที่ทำให้เกิดเรื่องไม่ดีก็คือ บางทีไปทับที่เขา(ทับที่พวกภพภูมิ)เป็นต้น ดังนั้นการแก้ด้วยการปรับภพภูมิจึงดีกว่าแก้ด้วยฮวงจุ้ย แถมยังไม่ต้องเสียเงินด้วยครับ มีคำสอนดีๆของหลวงตาอีกมากในเวปนี้

    http://watthummuangna.com/board/

    แล้วใครอยากได้พระกำลังจักรพรรดิก็มีแจกในเวปนะครับ มีแจกอยู่เรื่อยๆเข้าไปอ่านกันน้า

    เข้าไปอ่านกันนะครับ ^^"

    วันที่ 7 ตค นี้ผมไปเมืองนะ นะครับอาจจะไม่ได้อยู่ตอบกระทู้ไว้จะเอาภาพบรรยากาศมาฝากเน่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2007
  10. oOoWateRoOo

    oOoWateRoOo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +48
    งงอย่างแรงเรยอ่ะค่ะ ไม่ค่อยรู้เรื่องนะค่ะสงสัยต้องอธิบายยาวแน่เรย - - ขอโทษทีนะค่ะ ปรับฮวงจุ้ยคืออะไรหรอค่ะ สงสัยต้องฝึกตั้งแต่แรกเลย ละที่เราคิดว่าตัวเราเองหมุนเหมือนกับตอนที่นั่งสมาธิ เป็นเพราะอะไรหรอค่ะ

    ละที่บางข้อความมีรูป และสามารถจับและมอง พลังบางอย่างได้ตอนแรกที่อ่าน ทึ่งและก็อึ้ง มากเลยอ่ะค่ะ อนุโมทนาตลอดเรย ตอนนี้ที่นั่งพิมไม่รู้เลยว่าจะบรรยายและพิมถามอะไรทั้งๆที่ก่อนจะพิมมีเรื่องจะถามเยอะเรย

    ขอบคุณนะค่ะ
     
  11. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    อืมม์ น่าจะรู้จักฮวงจุ้ย นี่ครับการปรับฮวงจุ้ยก็คือ ฮวงจุ้ยน่ะแหละครับ (อธิบายไม่ถูกอ่ะครับ) เอาเป็นว่าผมคิดว่าพี่รู้จักฮวงจุ้ยละกานเนอะว่าเค้าต้องปรับเพื่ออะไร เรื่องรู้สึกเหมือนเราหมุนนั้น อาจจะเป็นเพราะพลังงานจากการสวดบทจักรพรรดิรึเปล่าไม่แน่ใจเพราะผมไม่เคยเป็น เคยรู้สึกจื๊ดที่บริเวณตาที่สาม (กึ่งกลางหน้าผาก) เพราะพลังงานแทรกเข้ามา

    เรื่องของพลังงานเป็นเรื่องละเอียดเอาเป็นว่าในโลกนี้มีพลังงานอยู่มากมาย ถ้าเรารู้จักการโน้มพลังงานมาใช้เราก็สามารถ นำพลังงานนั้นมาใช้ได้ ยกตัวอย่างพลังงานง่ายๆในตัวคน เช่น พลังงานออร่านะครับ ลึกกว่านี้อธิบายลำบาก ลองศึกษาดูนะครับ

    เรื่องการสัมผัสสิ่งที่มองไม่เห็นนั้น ไม่ยาก ..

    อธิบายก่อนว่าตอนนี้ตัวเราเองก็ยังเป็นมนุษย์มีกิเลศ มีจิตใจและร่างกายที่หยาบ ส่วนพวกที่เรามองไม่เห็นเช่นภพภูมิต่างๆ ผี , เทวดา เขาเป็นพวก "กายทิพย์" เรียกอีกอย่างว่า กายละเอียด ..

    ในเมื่อหยาบมาเจอละเอียดก็คงยากที่จะเห็นเขา ในเมื่อเราหยาบอยู่ การนั่งสมาธิก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยขลัดเกลาจิตของเราที่ยังหยาบอยู่ ให้กลับมาเป็นละเอียด เมื่อจิตเราละเอียด เขาละเอียด แค่นี้ก็สามารถเห็นกันได้ คงเข้าใจใช่มั้ยครับ ^^"

    ไว้สำหรับผู้สนใจผมจะนำคำสอนของหลวงตาม้า มาลงให้อ่านกันดีกว่าในกระทู้นี้เนอะจะได้รู้อะไรอีกหลายๆอย่าง (ping)
     
  12. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    [​IMG]
    หลักการและความรู้เรื่องพลังงาน ภพภูมิ และการเชื่อมต่อทั้ง 3 โลกธาตุ (วิชาเปิดโลก)



    เรื่องพลังงานนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องอาศัยความเข้าใจ เป็นข้อหลักได้ดังนี้

    1. จักรวาลกว้างใหญ่และมิได้มีเพียง 1 เดียว มีพลังงานมากมายกระจัดกระจายอยู่ บ้างก็เป็นพลังงานบ้างก็เป็นธาตุ บ้างก็เป็นพลังงานกึ่งธาตุ ผู้รู้หลักการน้อมนำจะนำพลังงานส่วนหนึ่งเหล่านั้นมาใช้ได้

    2. มนุษย์ก็มีพลังงานทั้งหยาบทั้งละเอียด ทั้งวัดได้ ทั้งวัดไม่ได้และมนุษย์ก็ยังพิเศษกว่าที่มีตัวเจตนา พลังเหตุเจตนา มีกำลังในการโน้มนำ ชี้นำถ่ายทอดพลังงานได้

    3. การโน้มนำ ชี้นำ ถ่ายทอดพลังงาน จะแรงและมหาศาลมากขึ้น หากมีผู้ที่มีกำลังมากกว่า มีบุญญาบารมี มีการอธิษฐานและการสั่งสมมาเพื่อการนี้ มาเป็นผู้ต่อกระแส เพิ่มกระแส ชักนำกระแสแห่งการการโน้มนำ ชี้นำ ถ่ายทอดพลังงาน

    4. ธาตุหยาบต้องอาศัยธาตุละเอียดด้วยเพราะมีความคล่องตัวที่แตกต่างกัน ดังนั้น ภพภูมิ ทั้งมนุษย์และอมนุษย์หากต่อกระแสกันได้ และเกื้อกูลกัน จะทำให้เกิดกำลังและความคล่องตัวที่สูงยิ่ง

    5. มนุษย์อาศัยธาตุทั้งสี่เป็นกำลัง อาศัยเจตนาเป็นปัจจัย ในการสร้างสรรค์และทำลาย แต่เรื่องบางเรื่องเช่นเรื่องพลังงานละเอียดอมนุษย์ฝ่ายสุขคติภูมิย่อมมีกำลัง และภูมิความเข้าใจภูมิรู้มากกว่า ดังนั้นหากทั้งสองเกื้อกูลกัน สรรพกำลังจะบริบูรณ์

    6. อธิษฐานด้วยการเดินวิชาพระจักรพรรดิ สามารถเชื่อมต่อภพภูมิ ทั้ง 3 แดนโลกธาตุได้ด้วยพลังงานเมตตาเป็นตัวต้น ครูบาอาจารย์ท่านจึงเรียกกันว่า วิชาเปิดโลก ที่นานๆที่จะเกิดขึ้นในวาระหนึ่งเท่านั้น

    7. การเดินวิชาตามตำรานั้นองค์ประกอบความครบ เว้นแต่ผู้เข้าใจพลังงานอย่างถ่องแท้ ก็ตัดบางสิ่งบางอย่างออกได้แต่ตัดหลักสำคัญไปไม่ได้

    8. องค์ประกอบ คือ

    8.1 พระผงจักรพรรดิเป็นสื่อกลาง เสมือนจานรับสัญญาญดาวเทียม

    8.2 หลวงปู่ดู่ บารมีรวมหลวงปู่เป็นต้นพลังงานพลังบุญที่จะรวมพลังงาน รวมกองบุญกองอื่น เป็นบารมีของมหาโพธิสัตว์เสมือนแหล่งสัญญาณที่จะส่งภาพ โดยมีพระพุทฑเจ้าทุกองค์เป็นประธาน

    8.3 ตัวเราธาตุทั้ง 4 ขันธ์ทั้ง 5 กอง เปรียบเสมือน เครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์

    8.4 จิตอธิษฐานที่มีกำลัง และได้รับการปรับคลื่นพลังงานให้ตรงกันกับ แหล่งพลังงานต้นด้วยพระคาถามหาจักรพรรดิ เสมือน เสาอากาศหากมีแต่เครื่องรับโทรทัศน์แต่ขาดเสาสัญญาณก็ไม่สามารถรับสัญญาณโทรทัศน์ได้ยิ่งกาลปัจจุบันคลื่นรบกวน คือมารกิเลสทั้งหลาย มีอยู่ทั่วทุกขณะทุกเวลา

    8.5 ความเข้าใจในหลักการโน้มนำ ชี้เส้นทางพลังงานอย่างกุศลและนอบน้อมในสิ่งที่มีคุณ-มีประโยชน์ เป็นหัวใจสำคัญยิ่ง เสมือนกระไฟฟ้าเลี้ยงเครื่องรับประการนี้ก็ขาดเสียมิได้

    9. ทุกวิชาหลวงปู่มีหลักที่ละไม่ได้คือ
    9.1. คาถาจักรพรรดิ์ ( สร้างพลังงาน ติดต่อพลังงาน)
    9.2. คำอธิษฐาน(กำหนดเส้นทางพลังงาน)
    9. 3. บทสัพเพ (ส่งพลังงาน)
    9.4. จิตสบายที่สุดไร้ทุกข์ไร้กังวล (ความเป็นทิพย์ ที่มีกำลังสูง)

    10. โปรดหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องภพภูมิ ในหนังสือ ไตรภูมิพระร่วง ทั้งของฉบับเดิมและของที่อธิบายโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำความรู้ดังกล่าวจะทำให้เข้าใจในเรื่องภพภูมิได้พอสมควร<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      24.9 KB
      เปิดดู:
      509
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ตุลาคม 2007
  13. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ขออนุญาติพี่สิงโต นำข้อความทั้งหมดมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อญาติธรรมนะครับ
    _________________________________________________*

    ยังมีศิษย์อีกหลายท่านยังไม่แน่ใจเรื่องการแผ่บุญ ปรับภพภูมิ วันนี้ที่บ้านพี่ฟองน้อย หลวงตาได้เมตตาตอบคำถามแก่ศิษย์ ซึ่งผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์กับพี่น้องหลายคนที่ไม่ได้ไปกราบหลวงตา จึงนำมาถ่ายทอด ณ ที่นี้เป็นธรรมทาน
    (พอดีผมไม่ได้จดหรือบันทึกเสียงไว้ ใครมีเก็บเล็กผสมน้อยช่วยแจมด้วยนะครับผม)


    [​IMG]


    ศิษย์ : อย่างการกำหนดถวายอาหารเป็นทิพย์ (ตามที่หมวดโพสไว้) ต้องกำหนดอย่างไรครับ

    หลวงตา : ต้องแผ่ให้สรรพสัตว์เขาก่อน รู้ไหมว่าสัตว์ที่ถูกฆ่านั้น เขามีแรงพยาบาท ต้องแผ่ให้เขาก่อน แม้เนื้อจะถูกแยกส่วนแล้ว แต่พลังก็ยังสื่อไปถึงวิญญาณของเขาได้ และกำหนดให้อาหาร เช่นข้าว เป็นเหมือนแก้วใสแล้วน้อมจิตถวาย

    ศิษย์ : อย่างการแผ่บุญนี่ต้องกำหนดหรือจินตนาการอย่างไร

    หลวงตา (ชี้ไปที่ภาพ) ให้นึกภาพรวม น้อมบารมีหลวงปู่แล้วกำหนดแผ่ออกไป

    ศิษย์ : ต้องน้อมอย่างไรครับ

    หลวงตา : แค่นึกน่ะ นึกภาพรวมๆ แล้วแผ่ออกไปก็ได้แล้ว

    ศิษย์ : ผมกลัวว่าทำไม่ถูกแล้วเขาจะไม่ได้หรือได้รับน้อย

    หลวงตา : ให้จิตทรงภาพหลวงปู่ แล้วสัพเพฯ เขาก็ได้แล้ว เหมือนหลวงตาสมัยก่อนก็ยังมองไม่เห็น ก็สงสัยเหมือนกันว่าเขาจะได้ไหม ก็เลยทดสอบด้วยการถามคนที่เขาได้แล้ว ว่าเขาได้รับไหม เขาก็ยืนยันว่าได้

    ศิษย์ : หมายความว่าถ้าเพียงแค่จิตนึกว่าจะแผ่ แล้วสัพเพฯ ก็ได้แล้วใช่ไหมครับ

    หลวงตา : (พยักหน้า) ใช่แล้ว เพียงเรานึกถึงหลวงปู่ พลังบุญก็จะถูกส่งมาที่เราแล้ว รู้ไหมว่ามีวิญญาณอีกมากมายที่ติดค้างอยู่ เยอะจริงๆ อย่าลืมว่าเวลาของเขาและมนุษย์ไม่เท่ากัน มีวิญญาณสองดวงแถวนี้เมื่อสองปีก่อน ป่านนี้ยังไม่ไปไหน

    ศิษย์ : แล้วการที่เราไปแผ่บุญให้กับพวกที่เป็นบริวารของเจ้าต่างๆ เขาจะไม่โกรธเราหรือ

    หลวงตา : ไม่ เพราะเราแผ่ให้บริวารเขา เขาก็ได้ด้วย ยิ่งบริวารเขาดีขึ้น เขาก็ดีขึ้นไปอีก

    ศิษย์ : อย่างนี้เวลาไปตามตลาด ต้องกำพระหรือไม่ เพราะคนอื่นจะมอง

    หลวงตา : ไม่ต้องก็ได้ จิตน้อมไป เขาก็ได้แล้ว ได้จริงๆ ให้มั่นใจเถอะ รับประกัน!

    ศิษย์ : แล้วถ้าอยากเห็นหลวงตามีเทคนิคพิเศษไหมครับ

    หลวงตา : นี่ไง (ท่านมองหาภาพหลวงปู่) นั่งมองภาพหลวงปู่ เอาใหญ่ๆ ยิ่งดี มองแล้วจำ ทรงภาพหลวงปู่ให้ได้ ได้ทั้งวันยิ่งดี ทรงให้ท่านยิ้มให้ได้ แล้วพยายามสื่อจิตถึงท่านบ่อยๆ เอาให้คล่อง กำหนดถามท่าน พอถึงเวลาที่มีกระแสอะไรก็ตามมากระทบ พลังของท่านจะสื่อมาบอกเอง จะเอาเรื่องอะไรละ เหมือนหมอดูน่ะ เป็นหมอดูได้เลย จะเอาเรื่องอะไร รู้หมด ตอบได้หมด ทั้งสามโลก!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.1 KB
      เปิดดู:
      505
  14. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    คำสอนหลวงตาวันที่ 10 มิถุนา 2550
    ________________________

    เมื่อวานนี้ ๑๐.๐๖.๐๗
    หลวงตามาโปรดญาติโยมที่บ้านของพี่ฟองน้อย สาธุประดิษฐ์
    หลังจากสวดมนต์ สองทุ่มครึ่ง ปรับภพ ปรับภูมิเรียบร้อยแล้ว
    ลูกศิษย์ได้เรียนถามคำถามกับหลวงตา ซึ่งผมเห็นว่าหลายคำถามมีประโยชน์
    จึงพยายามบันทึกมาถ่ายทอดให้ชาวถ้ำเมืองนะ
    อาจจะไม่คำต่อคำนะครับ เพราะไม่ได้บันทึกเสียง
    แต่พยายามให้ตรงประเด็นมากที่สุดครับ


    ศิษย์ ตอนนี้ดาราเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยกันมาก ดาราบางคนบอกว่าฮวงจุ้ยทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นแบบชัดเจน จริงไหมครับหลวงตา

    หลวงตา จริง ครึ่ง ครึ่งน่ะ ฮวงจุ้ยครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าทำด้วยยิ่งดีใหญ่

    ศิษย์ แล้วอย่างพวกเราสวดพระจักรพรรดิแล้ว ต้องปรับฮวงจุ้ยด้วยไหม

    หลวงตา ไม่ต้อง เราเลยจุดนั้นไปแล้ว

    ศิษย์ หมายถึงว่าฮวงจุ้ยเหมือนเป็นการปรับแค่เปลือก แต่การสวดนี่ปรับข้างใน

    หลวงตา (ยิ้มพยักหน้า) ตราบใดที่เรารักษาศีล แสงสว่างจะเพิ่มขึ้นทุกลมหายใจ
    พลังงานจะเพิ่มขึ้นตามการทำกรรมฐาน

    ศิษย์ แล้วบุญหรือพลังงานที่เพิ่มขึ้นนี่มาจากไหนครับ

    หลวงตา นี่ถามดี พลังงานโยงมาจากเทวดา เทวดาน่ะ มีแต่นาม เรามีทั้งรูปและนาม อย่างเวลาเราทำทาน กระแสบุญจะต่อช่วงไปเรื่อยๆ จนถึงต้นของกระแส เมื่อเรารวมบุญแล้วแผ่ออกไป เหมือนเรายินยอมให้เขาใช้บัญชี สองทุ่มครึ่งนี่รอกันแล้ว เมื่อไรจะรวมบุญ (หัวเราะ)

    ศิษย์ ถ้าอย่างนี้ทำไมเขาไม่เลือกที่จะตามหลวงตา เพราะบารมีสูงกว่า

    หลวงตา ไม่จำเป็น เพราะกระแสบุญมันถึงกันหมด คนที่สวดทุกคนเนี่ย กระแสถึงหมด เพราะฉะนั้น รวมบุญแล้วจะได้เยอะมาก

    ศิษย์ ถ้าอย่างนั้นการรวมบุญบ่อยๆ ก็ดีสิครับ

    หลวงตา ทำได้ไหม....ถ้าได้ สาธุ

    ศิษย์ อย่างสัพเพนี่รอบเดียวได้ไหม หรือไม่ต้องสวดคาถาจักรพรรดิก่อนได้ไหม

    หลวงตา ได้ แต่บางภพภูมิเนี่ย ถ้าสัพเพเลยจะงง บางทีต้องสวดให้เห็นก่อน เรื่องพลังงานเนี่ย เข้าใจยาก เพราะไม่มีใครสอน มีแต่พระโพธิสัตว์ที่สอน พลังงานไม่มีหายไปไหน เพียงแต่จะหนาหรือบาง เหมือนกับอารมณ์โกรธ ถ้าเราแก้ไขได้แล้ว มันก็จาง

    ศิษย์ ประเทศไทยก็มีคนสวดมนต์กันเยอะ พระอริยสงฆ์ก็เยอะ แต่ทำไมดูเหมือนประเทศอื่นๆ ที่เขาไม่มีแบบเรา เขายังดูจะวุ่นวายน้อยกว่าเรา

    หลวงตา เพราะเขาเวียนว่ายตายเกิดกันตามปกติไง ของเราคนปฏิบัติไม่อยากเกิดเยอะ มีแต่หน่วยกล้าตายเท่านั้นแหละที่มาเกิด!

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  15. Baby_par

    Baby_par เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2007
    โพสต์:
    2,743
    ค่าพลัง:
    +3,265
    อนุโมทนากับพี่บอยด้วยค่ะ ที่เอาบุญมาแบ่งกัน

    เดี่ยวเอาเรื่องนี้มาลงเรื่อยๆ

    จับมาปริ้นทำเป็นรายงานเล่มเอาไว้นั่งอ่านสะเลย *-*

    >/\< สาธุค่ะ >/\<
     
  16. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    อธิษฐานสัจจะบารมี

    [​IMG]
    ลวงตาท่านเมตตาสอนว่า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    หลวงตาเล่าว่า “เคยให้พระชัชวาลท่านลองอธิษฐานจิตดู ตอนที่ท่านจะกลับไปบ้านท่าน โดยบอกให้ท่านอธิษฐานถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับท่าน ให้มาหาท่าน หลังจากนั้น พระชัชวาลได้กลับมาเล่าให้หลวงตาฟังว่า เห็นผลเลย เขาอยู่กันไม่ได้ อยากจะมาหา แล้วก็จะมาหาอีก เพื่อนท่านจากกรุงเทพฯ อยู่ๆ ก็ต้องขับรถมาเลย”

    หลวงตาบอกว่า “หลวงปู่ดู่ท่านให้อธิษฐานโดยตั้งบารมี ๑๐ ได้แก่
    ๑. ทานบารมี ความพอใจในการให้ทานอยู่เสมอ เป็นการตัดโลภ
    ๒. ศีลบารมี พยายามรักษาศีลให้ครบ เป็นการป้องกันอบายภูมิ
    ๓. เนกขัมมบารมี พยายามระงับนิวรณ์ในเบื้องต้น ป้องกันความวุ่นวายของจิต
    ๔. วิริยะบารมี ความพากเพียรต่อสู้กับกิเลส
    ๕. ปัญญาบารมี การทรงปัญญายอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง
    ๖. ขันติบารมี ต้องมีความอดทน
    ๗. สัจจะบารมี ความตั้งใจจริง
    ๘. อธิษฐานบารมี
    ๙. เมตตาบารมี
    ๑๐.อุเบกขาบารมี อดทนต่อความอดกลั้นทั้งหลาย และให้รู้จักละวาง

    ลูกศิษย์ถามว่า “ถ้าเราอธิษฐานตามใครสักคน ก็ต้องตามตลอดเลยหรือ”

    หลวงตาบอกว่า “แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องของบารมี ไม่ใช่ว่าบารมีคนจะเท่ากัน อย่างเช่น เราเกิดมาในภพนี้ เราอัดบุญกัน ๒ คน พร้อมๆ กัน บุญที่ได้ยังไม่เท่ากันเลย บารมีคือกำลังใจ อย่างคนนั่งสมาธิ ๒ คน คนหนึ่งนั่งแค่ ๒ นาทีก็เมื่อยแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งนั่ง ๒ ชั่วโมง ไม่เป็นไร นั่งเหมือนกัน ปฏิบัติเหมือนกัน ยังได้ไม่เหมือนกันเลย บุญที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน อย่างเรื่องของการพิจารณา ให้พิจารณาให้รอบคอบ พิจารณาคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ลึกๆ ในคำสอนแต่ละข้อๆ ลูกศิษย์ ๕ คน สอนในบทเดียวกันยังใช้ไม่เหมือนกัน เพราะอะไร เพราะอยู่ที่ความตั้งใจ เจตนา และความเชื่อของแต่ละบุคคล ผลออกมาจึงย่อมไม่เท่ากัน ต้องรู้หลักอธิษฐานและหลักของการทำบุญ ผู้ที่ไปแล้วก็เยอะแยะ ผู้ที่ยังตามอยู่นี่ก็มี พวกที่ไปแล้ว อย่านึกว่าจะตามอีก บางคนก็ไม่ตาม เขาไม่ตามก็เพราะเขาถึงแล้ว เขารู้แล้วว่า เกิดนี่ทุกข์ขนาดไหน เขาก็ไม่ตามอีก” (คำว่า “ถึง” ในที่นี้ หลวงตาหมายถึง พระนิพพาน)
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  18. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ลูกศิษย์ถามว่า “ถ้าเราอธิษฐานขอถึงพระนิพพานนี่เรามีโอกาสจะถึงไหม”

    หลวงตาบอกว่า “ถ้าเราปฏิบัติจริงก็ถึง ถ้ากำลังใจเราถึง ดูอย่างพระมหาวีระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) สิ พอท่านละสังขาร ลูกศิษย์ท่านมาเยอะเลย หลวงตาพูดจริงไหมละ การลานี่ไม่ใช่ลากันง่ายๆ เพราะความผูกพันกับพรรคพวก หมู่คณะ ไหนๆ มาด้วยกันไม่รู้กี่ภพต่อกี่ขาติ กี่ชาติต่อกี่ชาติ ก็ตามกันมา เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ศึกษาศรัทธา ศีล ทาน การศึกษา ปัญญา หลวงปู่ดู่ท่านสอนไว้อย่างนี้แหละ ว่ามีครบ ปรารถนาไปไหนก็ได้”

    ๑. ศรัทธา คือ ความเชื่อ เชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เชื่อว่านรก สวรรค์มีจริง เชื่อเรื่องมีเกิด มีแก่ มีตาย
    ๒. ทาน คือ การให้
    ๓. ศีล คือ การรักษา
    ๔. อศิตะ คือ การศึกษาจากพระไตรปิฎก หนังสือ คณาจารย์

    เวลาไปวัดไหนก็ตาม ท่านสอนก็ฟัง ฟังแล้วก็เอามาพิจารณาว่าเท็จจริงอย่างไร ถูกไหม แล้วก็รวมเข้าเป็นปัญญาทั้งหมด ตั้งแต่ข้อแรก อย่างเราเชื่อว่าเราต้องตายแน่ เมื่อตายแล้วเราต้องเกิด เมื่อเกิดแล้วเราอยากสวย อยากหล่อ อยากรวย อยากเป็นใหญ่ เราจะทำอย่างไร เราก็ต้องรักษาศีล ไม่เป็นคนขี้โกรธ หมั่นให้ทาน เกิดมาก็สวย ไม่โกรธ เพราะโกรธแล้ว ให้ไปส่องกระจกดู หน้าจะหงิก เมื่อหน้าหงิกเพราะความโกรธ จิตก็อัดเข้าไปแล้ว ยิ่งโกรธบ่อยเท่าไร เกิดใหม่ก็ไม่สวยเท่านั้น ถ้าไม่โกรธ เกิดอีกทีก็เป็นใหญ่ สวย รวย นี่มีในพระไตรปิฎก อย่างนางวิสาขา ในพระไตรปิฎกมีอยู่ ๗ นาง ที่ปรารถนาพร้อมกัน ตั้งแต่นางอุบลวรรณา นางเขมา นางผกาจารา ฯลฯ พอถึงพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ดูซิทุกข์ไม่เหมือนกันเลย เพราะช่วงที่เวียนว่ายตายเกิด ไปทำกรรมไว้ นางผกาจารานี่ทุกข์กว่าใครเพื่อน ทั้งๆ ที่ปรารถนาพร้อมกัน นางวิสาขาสบายกว่าเพื่อน ฉะนั้น เมื่อเรารู้หลีกแล้วจะทำอย่างไร ก็เลือกกันเอาเอง เกิดมานี่ทุกข์มากเห็นๆ กันอยู่ ถ้าเรามองว่าเกิดมาแล้วเป็นอย่างไร แต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ก็ใกล้เคียงกัน เวลาเขาให้ทาน ก็ไปกินเหล้าซะ ไม่โมทนา แค่โมทนาเท่านั้น หรือเวลาเขาทำบุญ ก็มัวแต่ไปขัดซะ ให้ดูเราโชคดีเท่าไร หลวงปู่ดู่ท่านสอนให้เตรียมตัวไว้ เพราะเราตายแน่ๆ ตายแล้วจะไปไหนนั่นคือปัญหา เราจะเอาพ้นทุกข์ หรือตามหลวงปู่ หรือจะปรารถนาสูงกว่านั้นก็ได้ ให้เราตั้งความปรารถนาไว้ ตั้งไว้แล้วก็ต้องทำ ไม่ใช่ตั้งแล้วก็ไม่ทำ อย่างนี้ก็จบกันเท่านั้น
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  19. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ลูกศิษย์ถามว่า “ถ้าอย่างนี้เราอธิษฐานไว้สองอย่างได้ไหม คือ ถ้าเราไปไม่รอด ก็ขอตาม แต่ถ้าเราไปรอดก็ขอแยก”

    หลวงตาบอกว่า “ได้ เราต้องเผื่อขาดเผื่อเหลือไว้ หลวงปู่ดู่ท่านก็สั่งพระเล็กกับหลวงตาไว้ว่า ถ้าไปได้ให้ไปเลย และหลวงปู่ดู่ยังสั่งอีกว่า ให้ลูกศิษย์ทุกคนรีบปฏิบัติ กลัวไม่ทันกัน หลวงปู่ดู่บอกว่า ให้รีบทำเข้าไว้ โลกกำลังเปลี่ยนแปลง เราจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้”

    หลวงตาท่านยังบอกอีกว่า “การตั้งสัจจะอธิษฐานอย่างที่ทำกันทุกวันนี้ถูกแล้ว ให้ทำกันอย่างจริงจัง จะได้ทั้งวิริยะ ได้ทั้งศีล ได้ทั้งทาน ได้ทั้งขันติ ได้ทั้งอธิษฐาน ได้เกือบครบบารมี ๑๐ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องทำให้ได้จริงๆ เอาเท่าที่กำลังใจเราจะทำได้ การตั้งสัจจะอธิษฐานในการนั่งสมาธินั้น ให้อธิษฐานว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ภายใน ๗ วัน ข้าพเจ้าจะนั่งสมาธิทุกวัน แล้วก็ว่า อิมัง สัจจะวาจัง อธิษฐานมิ แต่อย่าบอกว่ากี่ชั่วโมง อย่าเจาะจงจนกว่าเราจะแน่น"

    ลูกศิษย์ถามว่า “ถ้าเราตั้งสัจจะอธิษฐานอะไรก็แล้วแต่ เกิดเราทำไม่ได้นี่ขอลาได้ไหม”

    หลวงตาบอกว่า การตั้งสัจจะอธิษฐานนี้ ถ้าเราทำได้ เป็นการเพิ่มกำลังใจ ถ้าเราเสียสัจจะ เราก็เสียกำลังใจนะ ถ้าขอลาก็ได้ แต่กำลังใจเราจะคงที่หรือ การเสียสัจจะนี่ ทำให้บารมีไม่เต็ม ถ้าเราตั้งสัจจะอธิษฐานสมมุติตั้งไว้ว่า เราจะนั่งสมาธิ พอถึงเวลาเราก็ต้องนั่งนะ ถึงแม้ว่าเราจะนอนก็ต้องคิดว่าเรานั่งสมาธิอยู่ หมายถึงเอากายใน (กายทิพย์) นั่งก็ได้ เพราะเราไม่ได้ระบุว่า เราจะใช้กายไหนนั่งสมาธิ นอนเราก็นึกว่าเรานั่ง ถ้าเราอธิษฐานว่าใช้กายนอก (กายเนื้อ) นั่ง เราก็ต้องนั่ง แต่ถ้าเรากลัวก็ให้อธิษฐานว่า ข้าพเจ้าจะภาวนาทุกวัน นี่คือการใช้วิจารณญาณเป็นที่ตั้ง ถ้าเราทำได้ กำลังใจเราจะเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อเกิดบารมี ก็เกิดสัจจะและกำลังใจ เวลาเราภาวนาเราก็ใช้กายใน (กายทิพย์) ภาวนา ไม่ใช่กายนอก (กายเนื้อ) หลับตาก็นึกว่าเรากำลังนั่งภาวนาข้างหน้าพระ ทำไปเรื่อยๆ จิตกับกายจะสัมพันธ์กันตลอด จะไม่ละเมอ เพราะช่วงที่จิตกับกายปฏิสนธิอยู่จะติดคำภาวนา จะไม่มีการละเมอ ถ้าละเมอจะรู้เลย ถ้าเอาสติคุม จะรู้ทันทีว่านี่คือความฝัน จิตยังมีกิเลสตัณหา อุปสัมปทา แต่กายนี้สามารถแยกได้ เราเอากายออกมาแล้ว เอาศีลคุมกรรมฐาน หลวงปู่ดู่ท่านว่า “พอตื่นขึ้นให้ทำเลย” คือลืมตาขึ้นทำเลย จะเอาวิปัสสนา หรือจะเอากรรมฐาน ๔๐ เราก็ต้องทำจนกว่าจะหลับ ให้คุมอยู่ตลอด มันจะโผล่บ้างก็ช่วงที่เราคุยกันอยู่”
     
  20. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    [​IMG]

    เกี่ยวกับพระโพธิสัตว์และการสร้างบารมี

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเคยถามหลวงตาเกี่ยวกับการที่พุทธภูมิต้องลงนรก
    หลวงตาท่านเมตตาตอบมาว่า


    "ผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ(พระโพธิสัตว์)
    หากเข้าถึงไตรสรณคมณ์แล้ว จะสามารถปิดอบายภูมิได้"

    ศิษย์: แล้วอย่างไรถึงจะเรียกว่าเข้าถึงไตรสรณคมณ์ครับ

    หลวงตา: เรามองพระพุทธรูปหรือพระ แล้วรู้สึกยังไงล่ะ

    ศิษย์: ขนลุกครับ ปิติ ชอบครับ

    หลวงตา: นั่นแหละ เขาเรียกว่าเข้าถึงไตรสรณคมณ์


    วันต่อมาผมนึกสงสัยในเรื่องนี้อีก จึงไปถามหลวงตาอีกครั้ง

    ศิษย์: หากผู้ที่เพิ่งเริ่มปรารถนาพุทธภูมิ แต่สามารถเข้าถึงไตรสรณคมณ์ได้ จะปิดอบายภูมิเลยหรือ

    หลวงตา: (หัวเราะ)ถ้าเพิ่งปรารถนา มันต้องลงไปชิมดูก่อนนะ ถ้าเรียนจบทั้ง3ภพก็เป็นพระพุทธเจ้าได้เลย การสร้างบารมี เราต้องทำให้ครบ10อย่าง แต่ต้องเลือกเด่นๆสักอย่างหนึ่ง อย่างในหลวงเรานี้ ท่านก็เด่นทางด้านปัญญาบารมี

    หลวงตาเคยบอกผมเอาไว้ว่า "หากเป็นพุทธภูมิ ทำบุญทุกอย่างจะต้องอธิษฐานเพื่อโพธิญาณ แม้กระทั่งให้ขนมแก่มด"

    "พุทธภูมิจะต้องพยายามเป็นที่ ๑ ในทุกๆเรื่อง แม้เรื่องเรียนหนังสือก็เช่นกัน"


    เกี่ยวกับหลวงปู่ที่หลวงตาเคยพูดให้ผมฟัง

    หลวงตาม้าบอกกว่า"ตอนไปเจอหลวงปู่ ท่านพูดเลยว่า จับภาพข้า 3 ปี แล้วเราค่อยมาคุยกัน ตอนท่านเทศน์ หลวงตาก็เข้าไปนั่งฟัง แต่ไม่ได้คุยด้วย นั่งฟังไปจับภาพท่านไป"

    หลวงตา: "หลวงปู่ท่าน บุญที่ท่านสร้างสมมา ท่านไม่ได้เอามาใช้เลยนะ ท่านทำเพิ่มเรื่อยๆ มันก็มีแต่จะไปข้างหน้า"

    ศิษย์: แล้วทำยังไงถึงจะไม่นำเอาบุญของตัวเองมาใช้ล่ะครับ

    หลวงตา:ก็บวชไง หรือไม่ก็เป็นฤาษี


    เกี่ยวกับพระ

    หลวงตาเคยบอกผมเอาไว้ว่า


    "พระที่ห้อยคออยู่นั่นแหละ (ชี้มาที่พระผงจักรพรรดิ)
    ถามได้ทั้ง 3 โลก ความรู้ทั้ง3โลกอยู่ในนี้หมดเลย"

    มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงตาพูดถึงการเสกพระ มีศิษย์ท่านหนึ่งพูดขึ้นมาว่า "อย่างนี้ก็เอาพระปลอมมาให้หลวงตาเสกก็ได้สิครับ"

    หลวงตาท่านหัวเราะ และพูดขึ้นมาว่า "พระไม่มีจริงหรือปลอมหรอก พระก็คือพระ ต่างกันที่พลังงานที่อยู่ในองค์พระเท่านั้นเอง"

    ศิษย์: ผมมีความรู้สึกว่า พระผงจักรพรรดิมีชีวิต นี่ถูกต้องใช่ไหมครับหลวงตา มีศิษย์หลวงตาคนหนึ่ง เคยเอาพระผงจักรพรรดิไปแช่ไว้ในน้ำ พอเอาขึ้นมาดูปรากฏว่าพระท่านยิ้ม

    หลวงตา: นี่เรื่องเล็กๆ พระที่หลวงปู่เสกน่ะ ขนาดพระประธาน ท่านจะให้ลุกขึ้นมาเดินยังได้เลย สำหรับหลวงปู่แล้ว นี่เป็นเรื่องเล็กๆ

    ผมเคยถามหลวงตาเกี่ยวกับการสร้างพระ ว่ามวลสารมีความสำคัญมากแค่ไหน หลวงตาท่านก็เมตตาตอบมาว่า มีความสำคัญเพราะพลังงานอยู่ในนั้นด้วย ผมเลยถามหลวงตาว่า แล้วผมมีแค่ผงจักรพรรดิอย่างเดียว ใช้แค่อย่างเดียวได้ไหมครับ หลวงตาตอบอย่างยิ้มๆว่า แค่นี้ก็เหลือกินแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC02468.jpg
      DSC02468.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.6 KB
      เปิดดู:
      540
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...