จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    จม.น้อยจากศิษย์ถึงคุณครู

    สวัสดีครับ ครูก้องและครูลูกพลัง

    ขอบคุณครับที่ชี้แนะให้จิตยิ่งสว่าง ๆ ขึ้นไปอีก
    คำพูดสั้น ๆ กระชับ ๆ ได้ใจความกระแทกจิตได้แรง แบบกะเทาะกิเลส
    หลุดเป็นแผ่น ๆ เลยครับ
    กระแทกบ่อย ๆ กิเลสคงหลุดหมด เหลือแค่จิตใส สะอาด

    นับว่าโชคดีครับที่การฝึกจิตเกาะพระ
    เหมือนพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยพยุงจิตให้เดินต่อได้ ลุกขึ้นได้ยามเจอศึก
    ทุกข์แบบไหน เข้าใจแล้วละคับว่าปัญหาทุกอย่าง ทุกคนอาจเจอได้รับต่าง ๆ
    กัน จริง ๆ แล้วมันไม่มีแก่น ไม่มีสาระอะไรเลยในทุกข์เหล่านั้น
    แต่จิตเราไปปรุงแต่ง ให้มันดูว่าสำคัญ ยิ่งใหญ่เอง หากแท้จริงแล้ว
    มันเกิดขึ้น เราก็ต้องหาทางแก้ ซึ่งอาจมีหลายทาง หลายวิธี
    ขึ้นอยู่กะว่าวิธีไหน เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์ที่ต่างกัน
    และสุดท้ายมันก็จบไป ไม่มีอะไรเลยที่อยู่ยืนนาน เหมือนเดิมตั้งแต่ต้นจนจบ
    แม้รูปปั้นฝุ่นก็ยังเกาะ

    ก็คิดว่าเป็นบททดสอบจิตอีกบทหนึ่ง เป็นโจทย์ชีวิตให้ต้องแก้
    เพราะหากชีวิตจะเดินไปโดยราบรื่นก็ย่อมไม่แข็งแกร่ง
    เราจะได้รู้ว่าสิ่งที่เราเคยคิดว่าเลวร้าย
    แท้จริงแล้วไม่มีอะไรเลยต่างหาก

    เข้าใจในความไม่เที่ยงแท้ในชีวิตมากขึ้น และไม่สมควรแก่การยึดมั่น
    ถือมั่นอย่างยิ่ง เพราะถืออะไรไม่ได้เลย มันไม่ใช่ของเรา
    สุดท้ายคือความว่างเปล่า เลยจับต้องไม่ได้เลย

    พิจารณาอสุภ ผ่าศพ ผ่าอวัยวะ ยิ่งเห็นชัดแจ้งในความไม่น่ายินดี
    น่าหลงใหลในตัวตนของเราเองเลย ที่เคยหลงก็หลงในเปลือกนอก
    มิเคยมองให้ลึกทะลุไปข้างในเลย เมื่อไรที่มองทะลุ
    ก็เห็นความจริงที่ว่าธาตุทั้งสี่ ประชุมรวมกัน เกิดเป็นเนื้อหนัง มังสา
    น้ำเลือด น้ำเหลือง อวัยวะ ทุกอย่างในร่างกายเรานี้ ไม่ใช่ของเราเลย
    เพราะถ้าเป็นของเราจริงเราต้องได้ยึดถือ
    ยึดครองเป็นเจ้าของตลอดไปสิ่งเหล่านั้นไม่น่ามอง ไม่น่าดู
    ไม่สวยงามเหมือนเปลือกนอก หรือรูปลักษณ์ภายนอกเลย
    เมื่อไรก็ตามเรายึดมั่นถือมั่นในกาย รูปลักษณ์ เราก็จะหลงใหล เกิดทุกข์
    ยามที่กายโทรม ไม่สวย ไม่งาม แต่เมื่อจิตรู้แจ้งย่อมเข้าใจถ่องแท้ว่า
    เมื่อเราไม่หลงใหล ไม่ยึดติด ปล่อยทุกอย่างตามกาลเวลา
    แค่คอยดูแลรักษาให้สะอาด ให้มีสภาพที่ดี ไม่เสื่อมก่อนเวลาอันควร
    ตามที่เราพึงกระทำได้โดยไม่ยึดติด ไม่ทุกข์กับมัน เราก็เป็นสุขทั้งกาย
    และจิตแล้ว

    อันตัวเรานี้คือขันธ์ 5 เรามีชีวิตได้ด้วยขันธ์ เกิดมาพร้อมขันธ์
    ดำรงชีวิตไปก็ เจอทุกข์ต่าง ๆ ก็เกิดเพราะขันธ์ 5 เพราะขันธ์ ตัวเดียวแท้ๆ

    รูปขันธ์ นั้น พิจารณาความไม่เที่ยงด้วยอสุภ
    ทำให้ไม่ยึดติดในรูปกายของตนเอง ของคนอื่น
    เพราะเห็นแล้วว่ากายเราก็ไม่ใช่ของเรา ไม่น่าหลงใหล
    ดังนั้นของคนอื่นก็ยิ่งไม่ใช่ของเรา ไม่น่าหลงใหลเช่นเดียวกัน
    เพราะควมหลงใหลคือราคะอันแต่จะทำให้จิตลุ่มหลง จมปลัก หมกมุ่น ร้อนรน
    ซึ่งแท้จริงเลวสิ่งที่เราจมอยู่คือกองเลือด หนอง สกปรก
    ด้วยเหตุนี้จิตจึงมิควรถูกพันธนาการด้วยสิ่งสกปรกเหล่านี้
    ความรู้สึกที่จิตปรุงแต่งจากความลุ่มหลงในกามารมณ์ ในราคะ
    ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น คิดเอา รู้สึกเอาว่าสุข
    แล้วความรู้สกปรุงแต่งนี้ก็ดับไป ไมยั่งยืน

    เวทนาขันธ์ อันคือความรู้สึกสุข ทุกข์ ทางกาย ทางใจ หรือเฉย ๆ ไม่สุข
    ไม่ทุกข์ ผมว่าก็เป็นธรรมชาติของเราที่ทุกวันตั้งแตตื่นเราต้องเจอกับเวทนา
    เพราะตราบใดที่อายตนะหกของเรายังทำงานได้ครบถ้วนสมบูรณ์ เหตุกาณ์
    การรับรู้โดยอายตนะหก ก็เกิดขึ้น เป็นวิญญานขันธ์
    เหตุการณ์เกิดมาแล้วก็อาจมีการปรุงแต่ง คิดนึก ต่อด้วยสังขารขันธ์
    คิดไปโน่ ไปนี่เกิดเป็นการพอใจ ไม่พอใจ เครียด เศร้า เหงาหงอย เบื่อ เซ็ง
    เวทนากับสังขาร นี่เขาคงเป็นคู่แฝดกันแน่แท้
    เพราะไอ้ตัวปัญหาหรือทุกข์ที่จิตมันรับรู้ก็เพราะสองตัวนี้แหละ

    สัญญาขันธ์ การจำได้ หมายรู้ด้วยจิต กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    ที่มีการรับรู้ผ่านอายตนะหก
    สี่ขันธ์ที่เกิดขึ้นกับจิตเรา ล้วนทำงานสอดคล้องกัน เชื่อมโยงกัน
    ถ้าพิจาณณาด้วยปัญญาแล้ว
    อายตนะหก คือหนทางหรือช่องทางของการทำให้เกิดการรับรู้ เกิดเหตุการณ์ต่าง
    ๆ ขี้น หากอายตนะตัวใดตัวหนึ่งดับสูญ ทำงานไม่ได้
    การรับรู้โดยวิธ๊ที่ต้องผ่านอายตนะนั้นก็ไม่เกิด เมื่อไม่เกิด
    ก็ไม่มีทุกข์  อันเกิดมาสมบูรณ์พร้อมทางรูปกาย
    ด้วยเหตุนี้จึงพร้อมด้วยการรับรู้ทุกอายตนะ เหตุไฉนเล่า ทุกข์จึงไม่เกิด
    เพราะเหตุแห่งทุกข์ มี่ตั้งหกทางด้วยกัน

    เหตุการณ์เกิดมาให้รับรู้ จะกระทบจิตหรือไม่ก็อยู่ที่สติ
    และกำลังของจิตว่าจะจัดการต่อกับสิ่งนั้นอย่างไร ถ้าจิตนิ่ง
    ไม่เกิดความรู้สึกใด ๆ ไม่ปรุงแต่ง ไม่นึกคิดต่อ
    ไม่ยึดติดกับสิ่งที่รู้ว่าเกิดขึ้นแล้วก็เป็นการดับ เวทนา สังขาร
    สัญญาและวิญญาณขันธ์ คราวนี้ทุกข์ก็ไม่กระทบจิต ณ ภาวะที่เกิดเหตุการณ์
    ก็เหมือนมีลมแรงมากระทบกายให้หวั่น จิตเองก็รู้สึกคล้าย ๆ
    กันคืออาจอึดอัด ไม่สบาย แต่พอสติรู้ทัน ก็ตั้งรับ ปิดประตูจิต
    เพื่อไม่ให้ทุกข์เข้ามา ณ ช่วงเวลานี้ด้วยพลังของจิตเอง
    ทำให้เกิดการตั้งมั่น เกิดสมาธิแบบรวดเร็ว เพื่อให้จิตสงบนิ่ง
    ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งเร้าที่อยู่นอกจิต จิตมีการปล่อยวางคือไม่ยึดติด
    ไม่ปรุงแต่ง ไม่นำเข้ามา ไม่หวั่นไหวตาม
    ช่วงเวลาที่รักษาความสงบนิ่งให้ยาวนานสำคัญที่สุด เพราะต้องรักษา
    ทรงสภาพนิ่ง จนกว่าสิ่งเร้าจะคลายไป หายไป
    หลังจากนั้นจิตกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
    คือไม่ต้องใช้พลังสมาธิมากในการทรงสภาพสงบนิ่ง
    แต่ผมคิดว่า เวลาเราฝึกปฏิบัตินาน ๆ ไป จิตจะมีพลัง ทรงสภาพสงบ
    นิ่งด้วยตัวของจิตเองตลอดเวลา

    ก็ยังคงสวดมนต์สม่ำเสมอ เพื่อปรับสภาวะให้จิต สะอาด พร้อม สงบนิ่ง
    ก่อนนั่งสมาธิ ถ้าคืนไหนดึกมาก ก็ไม่ได้นั่ง เพราะง่วง
    เป็นตัวมารทำให้ทรงสภาวะนิ่งในสมาธิไม่ได้

    ขอบคุณคุณครูครับที่ช่วยชี้นำทาง ชี้ำนำธรรม ตลอดทางสู่นิพพาน
    อย่างน้อยก็เห็นแสงสว่างเกิดขึ้นแล้ว และก็รู้ว่าเส้นทางนี้ไม่ได้เดินคนเดียว

    .
     
  2. มณีตรี

    มณีตรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2013
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +1,201
    เจ้าค่ะท่านzero ◎ ....ได้ท่านมาร่วมพายเรือ บึดจั๊มบึดๆๆๆๆ ด้วย แฮะๆๆ
    มันก็ดี อย่างดีแหละ ดีดีกันๆนะ:cool: สาธุๆจ้า
     
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โมทนาสาธุ
    ใครกันนะ..จิตบุญ นิรนาม อย่าให้รู้นะ จะโดนมิใช่น้อย..อิอิ
     
  4. ลูกพลัง

    ลูกพลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    413
    ค่าพลัง:
    +8,932
    อ๋อ.. ท่านนี้ยังเป็นจิตบำเพ็ญอยู่ครับท่านพี่
    กำลังเดินมรรคเพื่อตัดสังโยชน์กามราคะ+ปฎิฆะ
    (ขอเวลาให้ครูก้อง"บ่มมะม่วง"ให้สุกก่อน ต่อไปภายภาคหน้าจะมี"ยอดครู"เพิ่มอีกหนึ่งท่านครับ)


    เอ้า..ไหนๆก็ไหนๆเลี้ยว พาไปแอ่วเมียงเหนือกันจ้าวว.. :)

    https://www.youtube.com/watch?v=O0h6-1l5lOM&feature=youtube_gdata_player


    .
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สวัสดีครับ คุณครูลูกพลัง+ครูวิทย์+จิตบุญทุกท่านด้วย
    พี่ภูยังคิดถึงอยู่เหมือนเดิม สบายดีนะครับ
    เดี๋ยวปีนี้อาจจะไปโผล่แถวโน้น
    หรือว่า จะขึ้นไปหาครูเพ็ญดีนะ..อิอิ ยิ่งท่านด่าถือว่าท่านให้พรอันประเสริฐ

    ขอโมทนาสาธุอีกครั้ง กับครูลูกพลังและครูก้องด้วยครับ (ครูคุณภาพ)
    ดีครับจะได้มีครูสอนจิตเกาะพระมากๆ โดยเฉพาะยอดครู

    จิตบุญ นิรนาม พี่ภูหมายถึง ที่เฟสบุ๊คโน้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 มกราคม 2013
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
     
  7. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ตอบปัญหาธรรม
    เรื่องรักพระนิพพาน

    ผู้ถาม :- กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง ลูกรักพระนิพพานมาก ก่อนนอนชอบภาวนาว่า นิพพานัง ปรมัง สุขัง แต่ทำสมาธิไม่ดีเลย อย่างนี้ลูกจะไปนิพพานได้ไหมคะ ?

    หลวงพ่อ :- คำว่า สมาธิ นี่มันจำเป็น แต่คนถามไม่รู้จักตัวสมาธิ ไอ้ตัวสมาธิเขาแปลว่าตามนึกถึง ถ้านึกถึงนิพพาน เขาเรียกว่าอุปสมานุสสติกรรมฐาน ทีนี้ถ้านึกถึงพระนิพพานอย่างเดียว เรารักพระนิพพาน ภาวนาว่า นิพานัง ปรมัง สุขัง บ้าง นิพพานสุขัง บ้าง นิพพานัง สุขัง บ้าง แต่ว่าก็ต้องดูอารมณ์ใจ ฝึกไว้อีกส่วนหนึ่ง คนที่จะไปนิพพานได้ต้องไม่ห่วงร่างกาย อันนี้ต้องฝึกไว้ด้วยนะ ต้องฝึกไว้ว่า ขึ้นชื่อว่าร่างกายมันเป็นสภาพของความทุกข์ ที่เรามีความทุกข์เกิดขึ้นทุกอย่าง

    ๑. ความหิว ถ้าเราไม่มีร่างกายมันก็ไม่หิว มันหิวเพราะมีร่างกาย
    ๒. หนาวเกินไป ร้อนเกินไป ก็เพราะร่างกาย
    ๓. ป่วยไข้ไม่สบาย ก็เพราะร่างกาย
    ๔. ต้องมีงานหนัก ก็เพราะร่างกาย
    ๕. การพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ก็เพราะมีร่างกาย
    ๖. ความตายมาถึงก็เพราะร่างกาย

    ก็ใช้ปัญญาทบทวนไปว่า คนระดับชั้นไหนบ้างที่มีร่างกายไม่ทุกข์ ถ้าเราจะเกิดอีกกี่ชาติ ถ้าเรามีร่างกายอย่างนี้มันก็ทุกข์อย่างนี้ แล้วขึ้นชื่อว่ามีร่างกาย มีขันธ์ ๕ แบบนี้เราจะไม่มีกับมันอีก เราต้องการจุดเดียว คือนิพพาน ทำใจแน่นอนแล้ว ภาวนาว่า นิพพานัง ปรมัง สุขัง ก็ได้ นิพพานัง สุขัง ก็ได้ ต้องคิดอย่างนี้ก่อนแล้วภาวนา คิดแล้วก็ภาวนาต่อไป อย่างนี้ใช้ได้

    ถ้าเป็นอย่างนี้เวลาใกล้จะตายจริง ๆ อารมณ์จิตที่เราพิจารณามันจะมารวมตัว มันจะมีความรู้สึกเบื่อหน่ายในร่างกาย และวางเฉยในร่างกาย จะมีความรู้สึกว่า การตายมีความสุขกว่า อย่างนี้ก็ไปนิพพาน

    ผู้ถาม :- แล้วภาวนาอย่างนี้ล่ะค่ะ มีอยู่คืนหนึ่งพิจารณาความไม่เที่ยง เลยฝันว่ามีคนจะมาเอาลูกไป ลูกหนีแทบแย่ตื่นแล้วยังมีความรู้สึกว่าเหมือนมีคนจะมาเอาเราไปจริง ๆ ทำไมภาวนาแล้วเกิดเป็นอย่างนี้เจ้าค่ะ?

    หลวงพ่อ :- นี่เเสดงว่ายังไปนิพพานไม่ได้แหง ๆ เพียงแค่เขาลองเขาต้องทดสอบ เทวดาเขาต้องทดสอบว่าเรามั่นคงพอไหม จะเอาไปหมายจะให้ตาย ความจริงบุคคลที่จะเข้าถึงพระนิพพาน เขามีความรู้สึกว่า ถ้าร่างกายตายเมื่อไรเขามีความสุข เขาไม่ห่วงร่างกายนะ มันต่างกันเยอะ!
    ที่มา fb ศูนย์พุทธศรัทธา
     
  8. อุษาวดี

    อุษาวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    531
    ค่าพลัง:
    +12,151
    “เรา”

    "คำว่า “เรา” เป็นสิ่งสำคัญที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้เสมอว่าอัตตา อัตตามีหลายประเภท ประเภทหยาบ กลาง ละเอียด จะมีอยู่ภายในดวงใจของเราทุก ๆ ท่าน คำว่า “เรา” จึงเป็นของมีอำนาจ ในเมื่อใครได้ส่งเสริม “เรา” ขึ้น ตัวของเราทั้งร่างนี้จะเป็นเช่นเดียวกับภูเขา ไม่มีใครสามารถจะไปดัดแปลงภูเขาเช่นเดียวกับดัดแปลงสิ่งอื่น ๆ ลักษณะของคนที่ทำตัวให้เป็นภูเขาเพราะอำนาจแห่งคำว่า “เรา” เป็นตัวเหตุแล้ว ย่อมจะไม่สามารถดัดแปลงตนให้ไปในทางที่ดีได้ แม้ที่สุดครูบาอาจารย์ก็ไม่สามารถจะแนะนำได้เช่นเดียวกัน เพราะเป็นสิ่งที่หนาแน่นและใหญ่โตมากกว่าสิ่งใด ๆ

    สำหรับผู้มุ่งหน้าต่อการศึกษาเพื่อการดัดแปลงตนเองให้ขึ้นสู่ระดับอันสูง จึงควรสำเหนียกหรือสนใจในคำว่า “เรา” อย่าให้เป็นใหญ่กว่าเหตุผลทุก ๆ ด้าน แม้ใครจะว่าเราผิดซึ่งเป็นสิ่งจะควรเสียใจ เราอย่าปล่อยให้ “เรา” นั้นเข้าไปแฝงในสิ่งนั้น จะกลายเป็นความผิดเพิ่มขึ้นมากกว่าความผิดที่ควรจะได้รับ นี่เป็นเรื่องสำคัญ"

    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    ที่มา fb มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
     
  9. ◎

    เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2012
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +5,154
    เข้าไปแอ่วตามลิ้ง วัดหลวงตาม้าเป็นสถานที่เหมาะดีมาก

    คาถาจักรพรรดิ์ หลวงปู่ดู่ นี้ดี
    มีอยู่ครั้งหนึ่ง กำลังนั่งทำสมาธิ ปรากฏว่าคันยุบยิบๆตามร่างกาย
    ทนไปได้ระยะหนึ่ง แต่พอเกาตรงไหน บวบตรงนั้น ยิ่งเกายิ่งบวม

    ตอนนั้นอยู่คนเดียว พอสักพักเกิดอาการท้องเสีย ทั้งอาเจียน อย่างหนัก เละยิ่งกว่า..โจ๊ก
    สังเกตุเห็นสีผิวตามร่างกาย เริ่มเปลี่ยนสีซีดลงๆ หมดเรี่ยวหมดแรง หน้ามืดตามัว
    คิดว่าคราวนี้ คงต้องตายแล้วล่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ช่างเหอะ เพราะลมหายใจเริ่มรวยระริน

    ก็เลยระลึกถึง คาถาจักรพรรดิ์ นำมาบริกรรม ปรากฏว่าสีผิวค่อยๆกลับมาเหมือนเดิม
    เรี่ยวแรงค่อยๆฟื้นคืนชีวา ลมหายใจกลับมาเป็นปกติ แต่ต้องคลานออกมาจากห้องน้ำ

    คืนนั้นไม่ได้หลับเลย นอนเกามันส์ทั้งคืน
    ตอนเช้าจึงค่อยไปหมอจัดยาทา บอกว่าเป็นลมพิษ
    มื้อเย็นกินแค่เพียงกึ่งสำเร็จรูป เพียงห่อเดียวนี่น่า เพราะปกติก็ไม่เคยมีอาการอย่างนี้

    ก็ได้คาถาจักรพรรดิ์นี่ล่ะ ฟื้นคืนสติกลับมาดังเดิม บทจะเป็นจะตายกันง่ายๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2013
  10. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG] [​IMG][​IMG][​IMG]
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    อานิสงส์การสวดบทพระบรมมหาจักรพรรดิ โดยย่อกล่าวคือ

    บทนี้เป็นการสวดไหว้พระพุทธเจ้าทั่วทั้งพระนิพพานตลอดจนถึงพระธรรมเจ้าและพระโพธิสัต­­ว์เจ้า พระอริยสงฆ์สาวกทั้งมวลไหว้พระพุทธเจ้าทั้ง5พระองค์รวมถึงน้อมนำกำลังของเทพพรหมพระอ­­ริยะเจ้าทั้งหลาย

    การสวดครั้งหนึงเป็นการดึงกำลังของพระเจ้าจักรพรรดิทุกๆพระองค์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจ­­ุบันมาร่วมถึงกำลังของพระมหาโพธิสัตว์เจ้ามารวมอารธนาเข้าที่กายและใจและรวมกำลังของพระโพธิญานโพธิสัตว์เจ­­้าทั้งหลายตั้งแต่อดีต ถึง ปัจจุบัน และอนาคต

    การสวดครั้งหนึงมีอานิสงส์แผ่ไปทั่วจักวาลสามแดนโลกธาตุสามารถแผ่บญไปทั่วทุกสรรพสัต­­ว์ตลอดจนเทวดาประจำตัวเราญาติมิตรเพื่อนฝูงครอบครัวเจ้ากรรมนายเวรและหากนำบทสวดนี้­ไ­ปสวดในนรกหรือแผ่ไปไฟนรกจะดับชั่วขณะ

    บทนี้เป็นการสร้างกำแพงแก้วคุ้มกันตัวร่วมถึงการอารธนาบารมีครูบาอาจารย์พระพุทธพระธ­­รรมพระสงฆ์อัญเชิญเข้าตัวเพื่อป้องกันภัยและสร้างมหาโชคมหาลาภ

    อานิสงส์แก่ผู้สวดมีทั่งมหาบุญมหาลาภเนื่องจากมีการกล่าวถึงพระสีวลีร่วมถึงบทนี้มีพ­­ลังงานอย่างยิ่งในการเจริญพระกรรมฐาน หากนำไปสวดบริกรรมก่อนหรือระหว่างนั่งภาวนากรรมฐาน...จะทำให้การภาวนามีพุทธานุภาพมา­­คลุมและคุมการปฎิบัติของเรา คลุมกายและจิตเราเป็นวิมาทิพย์(ครอบวิมานให้ตัวเองหรือสวดอธิษฐานครอบคนอื่นก็ได้)

    หากสวดบทนี้สามารถอฐิษฐานเรื่องราวใดๆมี่ติดข้องใจได้ให้ผ่านพ้นไปอย่างทะลุปรุโปร่ง กล่าวโดยสรุปได้ว่าคาถาจักรพรรดินี้ จากการเรียบเรียงถ้อยคำโดยหลวงปู่ดู่ท่าน ก่อให้เกิด จักรพรรดิ กำลังจักรพรรดิขึ้นด้วยในบทสวด พระคาถาครอบจักรวาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 มกราคม 2013
  12. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    [​IMG][​IMG][​IMG]
     
  13. phiung_ay

    phiung_ay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +895

    "เรายังมีเราเสมอ" คุณครูพี่ภูคะ "ทิ้ง" ต้องขว้างแรงๆด้วยหรือเปล่าคะ จะได้กระเด็นไปไกลๆ ^^
    "ทิ้ง" ต้องหนีหายไปไม่กลับมาพบ
    "ทิ้ง" ต้องไม่สนใจแม้นกายอยู่ใกล้ ก้อเหมือนอากาศธาตุ เช่นนั้นหรือไม่ ^^

    ถ้าไม่มีข้อใดถูก คำว่า "ทิ้ง"ก้อผิด
    แม้จะเป็นผิดแบบสมมติ ก้อผิด ที่ถูกก้อคือ จิตของพวกเราเกาะกันเหนียวแน่น และกำลังมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายที่เราจากมา ไม่คิดถึงบ้านกันหรือคะ แล้วเราจะปล่อยมือกันทำไม เมื่อปล่อยแล้ว "หกล้มใครจะโอ๋"

    ผู้น้อยขอเจรจา...กระดาษแม้เพียงเบาบาง เมื่อเราถือไว้นานวัน นานไป ก้อจะเกิดความเหนื่อยล้า ความเมื่อย ความไม่เบาสบาย แม้หินผาก้อนใหญ่จะหนักสักเพียงใด ถเาเราไม่ได้เป็นคนแบก แค่สอดสายตามองหินนั้นก้อยังคงเบากว่ากระดาษที่ถือไว้ในมืออยู่ดี
     
  14. NOKMAM

    NOKMAM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +6,157
    เราจะไม่ทิ้งกันค่ะพี่ภู เราจะจูงมือกลับบ้านด้วยกันค่ะ

    น้อง(นก)หญิง



    [​IMG]
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    โอกาสนี้กระผมขอกล่าวเชิญปุจฉา วิสัชชนา ธรรม ร่วมกันครับ คือ แม้ว่าเราจะยังไปไม่ถึงความเป็นอรหันต์ แต่ความเป็นอรหันต์นี่คือจุดหมายเดียวกัน ความเป็นอรหันต์เมื่อเรายังไปไม่ถึงจึงเป็นสิ่งที่กล่าวอธิบายได้ยากยิ่งนัก ทั้งนี้หากไปศึกษาตามพระวัจจนะ ก็ดี พุทธโอวาทก็ดี พระธรรมปิฏกก็ดี พระสุตันตปิฏกก็ดี มีกล่าวอุปมาให้เห็นไว้มาก แต่อารมณ์พระอรหันต์หรือพระนิพพานนี้ อธิบายได้ยากยิ่งจริงๆ วันนี้จึงขอร่วมปุจฉา วิสัชชนา ร่วมกันดังนี้ว่า

    จิตอรหันต์ หรือจิตนิพพานนั้น มีความเหมือนและแตกต่างจาก จิตเดิม หรือไม่อย่างไร
    หากเหมือน เหมือนอย่างไร หากไม่เหมือนหรือแตกต่าง ไม่เหมือนหรือแตกต่างอย่างไร โปรดวิสัชชนาอธิบายด้วยครับ

    ขอเชิญท่านผู้ทราบปริยัติ ท่านผู้พร้อมด้วยปฏิบัติ ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยปฏิเวธขอเชิญร่วมกล่าวสาธยายเพื่อเป็นธรรมทานในโอกาสนี้ด้วย ครับ สาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2013
  16. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ความหมาย คำว่า "ทิ้ง"
    หมายถึง พี่ภูจะปิดกระทู้ ทิ้ง+หนี ไปเลยดีไหม๊ หมดเรื่อง หมดราว อยากทะเลาะหรือขัดแย้งกันดีนัก...อิอิ

    พี่ภู ทำตามใจตนเองแบบนั้น ไม่ได้หรอก กระทู้นี้เกิดขึ้นได้เพราะ บบ.มีใบสั่งให้เปิด(ไม่เชื่อก็ให้ไปถามเอาเองดิ่)
    พี่ภู ขืนไปปิดสุ่มสี่สุ่มห้า มีหวัง...

    แต่ คำว่า "ทิ้ง" ในที่นี้หมายถึง ให้ทิ้งกิเลสตนเอง ได้แก่ ทิ้งอัตตาหรือมานะ โดยเฉพาะอัตตาละเอียดตัวสุดท้าย ก็คือ สติเราดีๆนี่เอง
    มิได้ ให้เราไปทิ้งกิเลสของบุคคลอื่น หรือกำจัดงู(กิเลส)ที่บ้านตนเอง นี่แหล่ะ!
    อย่าได้เที่ยวไปมองหางูที่บ้านของคนอื่นๆ หรือใครเขาเลย

    หรือว่าทิ้งฌาน แปลว่า ทรงฌานอัตโนมัติ เอ๊ย พี่ภูงงกับภาษาดิ้นได้จริงๆ
    หรือว่าคนมันดิ้นได้ฟ๊ะ...
    เอาเถ๊อะๆ ระลึกถึงความตายของตนเองจะดีกว่าเน๊อะ..ตายแล้วไปไหน???
    ไปกับใคร???
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    โฮ๊ะๆ ฉลาดถามดีจริงๆ ครูก้อง
    เดี๋ยวรอจอมยุทธแห่งธรรม มาตอบแทน

    สำหรับพี่ภู ขอตอบในฐานะผู้ปฎิบัติธรรมด๊า ธรรมดาคนนึง ถึงไม่ถึงคนอื่นไม่รู้ ผู้ปฎิบัติเท่านั้น จะต้องตอบตนเองให้ได้

    และขอตอบแค่ จิตเท่านั้นที่จะเป็นอรหันต์ มิใช่ เพียงลมปากหรือสติเป็นอรหันต์
     
  18. phiung_ay

    phiung_ay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +895
    อนุโมทนาสาธุในคำสอนของคุณครูพี่ภู สุดสวาสขาดดิ้นค่ะ เขกกะโหลกผึ้งบ่อยๆนะคะ ผึ้งชอบค่ะ คราบหินปูนที่เกาะข้างในนานๆมันได้ล่อนออกมาค่ะ อิอิ ^^
     
  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อย่างนี้ต้องขยาย!

     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ธรรมาทานนี้ต้องขยาย!

     

แชร์หน้านี้

Loading...