อิทธิพล บาบิโลเนี่ยนในหลักคำสอนพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 30 ธันวาคม 2012.

  1. kt984

    kt984 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +51
    ผมเคยอ่านนักศึกษาทางโบรานคดี พยายาม จะผูกความเชื่อเข้าดว้ยกันว่ามี
    ที่มาทางความเชื่อ ของคนสมัยนี้ มาจากความเชื่อเดียวกัน
    แล้วแตกมาเป็นศาส ต่างๆโดยโยงจากความเชื่อเรื่องการกับชาติมาเกิดเป็นแนวทาง
    คนกลุมนี้มีแนวคิดว่า มันคงจะคลายกับภาษาที่มีความเกี่ยวโยงกัน
    โดยใช้ มัมมี่ในอิยิป
    และรางที่ไม่เน่าทางศาสนาในแทบทิเบศ
    และพวกมัมมีชนเผ่าตางตางที่เก่ากว่ามัมมี่ในอิยิป
    เป็นร่องรอยการตามหาที่มาแต่ไม่ได้สรุป(ข้อมูลไม่เพียงพอ)
    ดูแนวทางไก้ลเคียงข้อมูลของคุณเจ้าของกระทู้มากครับ


    ปล ประโยคบอกเล่า
     
  2. wat48

    wat48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +448
    ต้องขอ ขอบคุณคำตอบของคุณ Duchess fidgette มากๆครับข้อมูลทางวิชาการเหล่านี้ ผมขออนุญาติแสดงความเห็นบางอย่างซึ่งเป็นความเห็นและข้อมูลส่วนตัวของผมนะครับ ย้ำเป็นข้อมูลส่วนตัวที่อาจคลาดเคลื่อนได้นะครับ ถ้าผิดต้องขออภัยด้วย
    ข้อที่ 1. ผมเห็นด้วยครับว่าศาสนาชมพูทวีปโบราณได้รับอิทธิพลจากบาบิโลเนี่ยนโบราณแต่อยู่ในลักษณะผสมผสาน เนื่องจากขณะนั้นเขามีเมืองเก่าอยู่ คือ โมเฮนโจดาโร-ฮารัปปา ของแม่น้ำสิธุครับ และ
    ข้อที่ 2.เรื่องดินแดนสุวรรณภูมิ ถ้าแปลตามคำจะได้ สามความหมาย คือ
    2.1 ดินแดนที่เจริญรุ่งเรือง เต็มไปด้วยอารยธรรม หรือเต็มไปด้วยความศิวิไลซ์
    2.2 ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยพืชพรรณ ธัญญาหาร ไม่อดอยาก
    2.3 ดินแดนที่เต็มไปด้วยทองคำ
    ตอนผมยังเด็กคุณพ่อผมได้ย้ายบ้านไปอยู่ที่จังหวัดทางภาคเหนือ คุณพ่อผมมีความรู้เรื่องป่าพอสมควร เจอเรื่องแปลกๆ ท่านจะมาเล่าให้ฟังอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งท่านได้สอนวิธีดูสายแร่ทองคำให้ดู ผมถามว่าทำไมเราไม่ร่อนเอาทองไปขาย ในเมื่อเราก็ดูเป็นทำเป็น ท่านหัวเราะแล้วก็สอนว่าอย่าโลภเลย เจ้าที่เขาหวงอยู่ยังไม่ถึงเวลาจิตใจคนยุคนี้เต็มไปด้วยอกุศลกว่ายุคก่อน ถึงอยากขุดเทวดาก็ไม่ให้ แล้วบอกว่าในอดีตดินแดนแถบนี้ สมัยก่อนชาวบ้านเขามีอาชีพ ร่อนทอง และขายทอง ไปไกลถึงอินเดียโน้น (หนึ่งพันห้าร้อยปีขึ้นไป) ต่อมาผมได้เจอนักวิชาการโบราณคดีที่ จ.พะเยา มีประวัติจริงๆว่ามีวัดหลวงแห่งหนึ่งในอาณาจักรล้านนาเก่า ได้สร้างหลังคาวัดทำด้วยทองคำจริงๆ เป็นทองดอกบวบใหญ่มากแต่สร้างได้เพียงระยะหนึ่งก็เสียหายเพราะฟ้าผ่า กับภัยสงคราม พร้อมทั้งเจอบ่อแร่ทองคำสีดอกบวบ ทางการได้ปิดข่าวไว้เนื่องจากเหตุผลบางประการ แต่ชาวบ้านแถบนั้นรู้ดี ไม่กล้าขุดตรงๆกลัวอาถรรพณ์ ได้แต่ขุดตามสายน้ำแล้วร่อนทองออกมาซึ่งก็พอเลี้ยงต้วได้ดีพอสมควร ขอวกกลับมาที่คุณพ่อผมสอนวิธีการดูพื้นที่ทองคำ ถ้าศึกษาแล้วพื้นที่เหล่านั้นจะอยู่แถบตอนบนของประเทศและแถบชายแดนตะวันตกของประเทศเป็นส่วนใหญ่รวมถึงในพม่าด้วยและพื้นที่ติดกับชายแดนกัมพูชาซึ่งเป็นพื้นที่นครโบราณตั้งอยู่ ในสมัยทักษิณก็เคยใช้ดาวเทียมสำรวจแร่ก็พบทองคำจริงๆในพื้นที่เหล่านั้น(ยุคตื่นทองโกโบริ โดยท่านเชาวรินท์)รายละเอียดมีอีกมากนี้ที่ผมได้ประสบมาด้วยตนเอง ถ้ามีโอกาศจะมาเล่าให้ฟัง
    สรุปผมมีความเห็นโดยส่วนตัวว่าดินแดนอินโดจีนนี้จะต้องเป็นสุวรรณภูมิคือดินแดนที่เต็มไปด้วยทองอย่างแน่นอนในสมัยโบราณเรามีสินแร่ทองคำเป็นสินค้าส่งออกด้วยจึงเรียกสุวรรณภูมิ แต่ขาดหลักฐานมายืนยันเป็นรูปธรรม ปราสาทราชวังก็สร้างด้วยไม้ กอปรกับไม่มีการบันทึกเป็นตัวหนังสือจึงขาดหลักฐานอย่างน่าเสียดาย อีกประการดินแดนสมัยนั้นอาจไม่ใช่ชนชาติไทก็ได้ อาจเป็นมอญ จาม หรือไทก็ได้ ข้อนี้ผมเห็นด้วย ขอบคุณครับ
     
  3. ตาดำดำ

    ตาดำดำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    420
    ค่าพลัง:
    +732
    รู้แค่ว่าพระพุทธเจ้าเป็นเชื้อชาติเดียวกับคนไทย เพราะกินข้าว/ข้าวเหนียว(จากพระวินัยจะสอนเกี่ยวกับข้าวไม่ใช่โรตีแบบแขก) ตรงกับที่หลวงปู่มั่นเคยเล่าว่าพระพุทธเจ้าไม่ใช่พวกแขกอินเดีย

    สุวรรณภูมิก็คือเมืองไทย (จากที่เคยอ่านเรื่องอดีตชาติของในหลวง)

    พระท่านหนึ่งเคยเล่าประวัติของพระเจ้าสุทโธทนะว่ามีพี่น้องสามคน ตั้งชื่อเกี่ยวข้องกับข้าวหมด (สุทโธทนะ แปลว่า ข้าวเหนียวรสเลิศ)

    ปู่ของพระพุทธเจ้าอพยพไปทำกินในป่าไม้สักแล้วตั้งชื่อตระกูลว่าศากยะวงศ์ (อันนี้ไม่แน่ใจ ตอนนั้นไม่ค่อยตั้งใจฟังเท่าไหร่ แต่เหมือนว่าตระกูลของพระพุทธเจ้าเป็นชนกลุ่มน้อยที่อพยพไปอยู่ที่อินเดียอีกที)

    ส่วนเรื่องพระเยซู หลวงพ่อฤาษีลิงดำก็บอกว่าเป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ซึ่งก็สอนตามพระพุทธเจ้าแต่คำสอนคงผิดเพี้ยนไปตามกาลเวลา

    ศาสนาพุทธแค่ 3-400 ปีก็มีคำสอนผิดเพี้ยน พระก็มีวินัยย่อหย่อน พระเจ้าอโศกมหาราชจึงต้องทำสังคายนาพระไตรปิฎก แล้วเผยแผ่ศาสนาไปได้กว้างไกลในยุคนั้น (ถ้าดูจากรูปปั้นพระเจ้าอโศกที่วัดอโศการามก็มีลักษณะคล้ายๆชาวโรมันเลยแฮะ เสาอโศกก็คล้ายๆเสาโรมัน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2013
  4. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301


    ตอบคะ


    อินเดียแม้ปัจุบัน
    ก็ยังกินข้าวกับแกงคะดิฉันอยู่ฮอลแลนด์ มีชนชาติ
    มากที่สุดในยุโรปก็ว่าได้ อินเดีย สุรินาม และ
    แขกหลายประเทศ ทางเมืองร้อนก็กินข้าวเหมือน
    คนไทย แถมข้าวเขาอร่อยและเม็ดสวยกว่าไทอีก
    กลิ่นเหมือนกะทิ เรียกว่าข้าวบาสมาตี้ ขนาดโมร็อกโก
    ก็มีข้าวกิน แต่เป็นอีกแบบ คล้ายเม็ดสาคู
    มาคลุกเนย ส่วนโรตีเป็นอาหารอินเดียที่ได้รับอิทธิพล
    จาก มุสลิมทางตะวันออกกลางมาอักที เดิมที
    อินเดียกินข้าว ลองหาหนังเรื่อง โจดาร์ อักบาร์ มาดู
    พระนางโจดาร์ เป็นเจ้าหญิงฮินดูจาก ฮินดูสถาน
    ก็ทานข้าวกับแกงด้วยมือ ในขณะที่ถูกส่งไป
    แต่งงานกับ พระเจ้าอักบาร์ เป็นมุสลิม เปอร์เซย
    ทานโรตี หรือ อาหาร พรีเซิร์พ แบบตะวันตก
    พราะทางประเทศที่เป็นทะเลทรายและ
    หนาวมากอย่างยุโรป ปลูกข้าวแบบทาง
    อินเดียไม่ได้ ตลอดปี เลยต้องพัฒนามา
    ทำเป็น ขนมปัง, พิซซ่า, โรตี, ครัวซอง ฯลฯ เป็นต้น



    ตระกูลศากยะ
    ชื่อนี้มาจากชนเผ่า
    ซาก้า Saka ที่แปลว่า Snake หรือ นากา มาจาก
    เปอร์เซีย, วงค์ ของพระพุทธเจ้าถูกเรียกว่าวงค์
    พระอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่รู้ดีกันในประวัติศาสตร์
    อินเดียว่า เป็นพวกอารยัน



    เดี๋ยวขอตัวไปทำธุระแล้วกลับมาเล่าต่อ


    :z15
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2013
  5. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    เรื่องนารายณ์อวตารก็น่าสนใจครับ! :cool:

    เพราะมีตำนานพูดอ้างอิงเรื่องเอาพระพุทธเจ้าเป็นอวตารของพระนารายณ์ ที่เรียกตามความเชื่อว่า "พุทธาวตาร"เรื่องนี้ปรากฎขึ้นระหว่างปี พ.ศ.๑๐๐๐-๑๑๐๐

    ในคัมภีร์ปุราณะ คัมภีร์แรกที่กล่าวถึงพระพุทธเจ้าเป็นนารายณ์อวตาร
    แต่งในช่วงระหว่าง พ.ศ.๙๔๓-๑๐๔๓

    สมัยเรียนมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นชาวฮินดู ก็เข้ากับเราดีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ก็ได้
     
  6. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    ในสมัยหลังจากพศ๑ถึง๒๐๐ศาสนาพราหมร์เสื่อมลงมีการสังคายนาคัมภีร์ใหม่มีนักบวชพราหมณืผู้หนึ่งชื่ออาทิศังกราจารย์ได้ปลอมมาบวชเอาหลักธรรมศาสนาพุทธไปแปลงและเนื่องจากพระพุทธศาสนารุ่งเรื่องมา พราหมณืไม่สามารถกลืนได้อย่างศาสนาเชน ที่พราหมณ์กลืนไปแล้วและยกศาสดามหาวีระเป็นสัตตคุรุผุ้ประกาศพระวจนะของพระเป็นเจ้าแต่ด้วยคำสอนทางพุทธที่แตกต่างและจำนวนพระอริยในรุ่นนั้นมีมากศังกราจารย์เลยต้องกลืนให้พระพุทธเจ้าเป็นนารายณ์อวตารหรือในนัยหนึ่งเพื่อให้พระพุทธเจ้าคือพระเจ้าอวตารมาเพื่อกลืนศาสนาพุทธนั่นเอง
     
  7. ~191~

    ~191~ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +19
    เรียนท่านเจ้าของกระทู้
    รบกวนแสดงข้อความที่ว่าเหมือนกันนั้นด้วยครับว่า มีเนื้อความว่าอย่างไร เพื่อความกระจ่างครับ และถ้ามีรูป จารึกที่ว่าด้วยก็จักเป็นพระคุณมากครับ
    ขอบคุณมากครับ.
     
  8. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    อันนี้ฉันคงนำมาพิมพ์ ไม่ได้เพราะทั้งท่านผู้ถาม และตัวดิฉันเองอ่านภาษา
    อราเมอิก และ บาลีไม่ออก?? แต่จากที่อ่านเนื้อเรื่องในภาษา อังกฤษมา
    ศาตราจารย์ เดวิท พิงกรี่ กล่าวว่า รูปแบบการเขียน ไวยกรณ์ และ การจัดหมวดหมู่เนื้อหา
    หลักคำสอน มีความเหมือน ตลอดจนเนื้อหา เช่นเนื้อหาข้อบังคับต่อภิกษุ
    ในบท พราหมชลา สูตร เหมือนกับ Babylonian Omen Text



    เนื้อหาภาษา อังกฤษ ไม่แปลรอบสองนะคะ เพราะแปลไปแล้ว


    Some years ago now the late Professor David Pingree
    noticed that the first sutta of the Dīgha Nikāya,
    the Brahmajāla Sutta (ทีฆนิกาย เป็นนิกายแรกแห่งพระสุตตันตปิฎกเถรวาท
    เป็นชุมนุมพระสูตรที่มีขนาดยาว 34 สูตร ครอบคลุมพระไตรปิฎกเล่มที่
    9 - 11 , ในพราหมชลา สูตร)
    , contained a list of omens.
    The context is that the Buddha is spelling out
    to the bhikkhus that he considers divination and the interpreting
    of omens as wrong livelihood for a bhikkhu.
    แปลให้หน่อยละกัน : แปล พระพุทธเจ้ากล่าวว่าทรงห้ามภิกษุยุ่งเกี่ยวกับ
    การพยากรณ์และการตีความเรื่องโชคลาง
    อันนี้ก็เหมือนในความเชือของบาบิโลเนี่ยน


    The reasons
    for this are not clear but I suspect that it was one of many
    ways in which the Buddhist sangha tried to make itself
    distinctive from a. laymen, and b. ascetics from other traditions.
    The interesting feature of this list is that in both
    form and content it very closely resembles a Babylonian omen manual
    preserved in cuneiform writing in what is now Iran.
    รูปแบบเนื้อหา เรื่องนั้นเหมือนของบานิโลเนี่ยน

    Professor Pingree closely compares the items on the two lists and
    the order in which they appear and concludes that they
    are (practically identical แปลว่าเหมือนกัน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2013
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เรื่องพระนารายณ์ อวตารที่พรามหณ์แต่งขึ้น
    เรื่องนั้นดิฉันเคยได้ยินอยู่เหมือนกัน ในสมัยที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้มี
    พ่อค้าชาวเปอร์เซีย จากแบกเธรีย มาเยี่ยมสองคน
    และที่หลังก็บวชเป็นพระและไปสร้าง
    โรงเรียนสงฆ์อยู่ที่ อัฟกานีสถาน ในเมืองชื่อ Balkh, แต่ประเด็น
    เรื่องอิทธิพลเปอร์เซียในศาสนาพุทธเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยง
    หรือเถียงไม่ได้ เพราะท่านไปศึกษา ปรัชญา ศาสนามาจาก
    อณาจักรอะคีเมเนียห์ อย่างที่กล่าวไปแล้วคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2013
  10. ~191~

    ~191~ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +19
    ขอทวนคำขอของผมครับ คือผมรบกวนขอข้อความ(เนื้อความ)ที่บอกว่าเหมือนกัน ที่บอกว่าเป็นคำจารึกความเชื่อของชาวบาบิโลเนี่ยนดังกล่าวที่เกิดขึ้นก่อน ศาสนาพุทธ และ
    ข้อความ ในพราหมชลา สูตร ว่าเขียนว่าอย่างไร เหมือนกันตรงใหน จะได้เปรียบเทียบกันครับว่าจริงเท็จ อย่างไรที่นำมาอ้าง
    เพราะที่ผมเห็นในพรหมชาลสูตร มีกล่าวเรื่องศีลและทิฏฐิ
    ผมยกตัวอย่างนะครับ
    อ้างอิงจาก
    เวป
    พรหมชาลสูตร
    ใน ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค พรหมชาลสูตร
    มหาศีล ติรัจฉานวิชา
    ข้อ [๑๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อปุถุชนกล่าวชมตถาคต พึงกล่าวเช่นนี้ว่า
    ๑. พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธีเติม เนยบูชาไฟ ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์

    เป็นการเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา แล้วไปตรงกับข้อวัตรข้อใหนของศาสดาของบาบิโลเนี่ยนเขาครับ ช่วยยก(เนื้อความ)มาให้ดูหน่อย แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ
    ขอบคุณครับ.
     
  11. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964

    แกงนี่ ไทยได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียใช่ไหม?
    เครื่องเทศของอินเดียเยอะมากๆ แต่ไทยปรับลด
    เอาแต่พอควร ผสมผสานต่างสูตร ทำให้ได้สูตร
    เครื่องแกงที่ต่างกันไป


    ดั้งเดิม สุวรรณภูมิคงอยู่ง่าย กินง่ายมาก ไม่มีอะไร
    ซับซ้อนนัก แต่ได้อาํศัยรับแนวคิดต่างๆ รอบตัวมา
    ก็เลยได้ปรับเป็นของตัวเองเรื่อยๆ


    เรื่องของอินเดียนี่ ผมสงสัยมันมียุคก่อนอิทธิพลของ
    มุสลิมจะเข้ามา และหลังจากได้รับอิทธิพลของมุสลิม
    แล้ว อันนี้ ก็เป็นช่วงเปลี่ยนแปลงช่วงสำคัญช่วงหนึ่ง
    นับย้อนไปก่อนนั้นอีก คือ ยุคก่อนที่ "คนขาว" จะเข้า
    มา ผมสงสัยว่าชนพื้นเพเดิมไม่ได้มีผิวขาวแบบฝรั่งนะ
    แต่มันมียุคหนึ่งที่เกิดการเคลื่อนย้ายอพยพของผู้คนจน
    คนดั้งเดิมแตกกระจายออก (สงสัยว่าเ็ป็นพวกผิวเหลือง
    และอาจแตกกระจายมาถึงสุวรรณภูมิด้วย) แล้วก็มีพวก
    ผิวขาวเข้าไป ผสมผสานกันตั้งแต่ยุคนั้น ปัจจุบัน เราก็
    เห็นคนอินเดีย มีเชื้อคนผิวขาวเหมือนกันนะ???
     
  12. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    และจากข้อมูลที่เด่นชัดว่า "พระพุทธเจ้ามีวรรณะดั่งทองคำ" นั่นน่าจะหมายถึง
    ท่านมีผิวสีเหลือง ก็คือ มีเชื้อสายของเอเชีย ไม่น่าจะเป็นเชื้อสายของพวกฝรั่ง
    ผิวขาว (ที่เรียกว่า คอเคซอยด์ ใช่ไหม?) อันนี้ มันยุคไหนนะ? เพราะหลังจาก
    ยุคนี้ มันมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลย เหมือนชนพื้นเพเดิมจะย้ายถิ่น และชน
    ชาติอื่นเข้ามาแทนที่ด้วย ทำให้ เรื่อง "เชื้อชาติของพระพุทธเจ้า" กับ "สถานที่"
    อาจไม่ตรงกัน เช่น เดิมอาจมีเชื้อสายคนผิวเหลือง อยู่แ้ถบอินเดีย-เนปาล แต่ก็
    อยู่ไม่ได้เพราะภัยสงคราม (ตระกูลศากยะถูกสงครามล้างโคตรเลยนะครับ) ก็เลย
    แตกกระจายหนีออกมาจาก "สถานที่อยู่เดิม" สมมุติฐานเล่นๆ สถานที่ตั้งดั้งเดิมก็
    อาจเป็นอินเดีย-เนปาล แต่เชื้อชาติของชาวเมืองนั้น อาจกระจายมาอยู่แถวไทย
    พม่า, ลาว ฯลฯ เป็นไปได้บ้างไหม? (ไม่รู้นะ)
     
  13. ManeeC

    ManeeC Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +52
    เป็นแค่บทความสั้นๆจากblogนี้ใช่ไหมคะ

    Jayarava's Raves: Persian Influences on Indian Buddhism

    คนเขียนบทความสรุปว่าเรื่องนี้พิสูจน์ไม่ใด้

    The conclusion here is that Persian influences were behind the creation and adoption of dhāraṇīs by Buddhists in Gāndhāra. I cannot prove this, but it is one explanation which fits the known facts.
     
  14. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    วัฒนธรรมจากวรรณะพราหมณ์


    ของอินเดียปัจจุบัน ไม่ชัดเจน แต่ของไทย ชัดเจนกว่ามากครับ
    อย่างไรหรือ? คำว่า "วรรณะพราหมณ์" หมายถึง ชนชั้นที่ครอบครัว
    เป็นพราหมณ์ เกิดมาในตระกูลพราหมณ์ นั่นเอง ในไทยนี่มีอยู่ แต่มัน
    ไม่ได้ชัดเจน หลังปฏิวัติอิทธิพลขอมลงไปแล้ว (ยุคตั้งราชวงศ์สุโขทัย)
    ก็จำเป็นต้องจัดการวรรณะพราหมณ์ที่หนุนพวกขอมด้วย เอาพระลังกา
    มาแทนที่ เพื่อลดอำนาจของพวกนี้ลงไป


    คำว่า ครอบครัวพราหมณ์มันยังไง? ก็เหมือนคนไทย ที่มีวิชา, เวทย์มนต์
    ของใครของมัน พ่อสืบต่อให้ลูก ไม่ยอมบอกให้คนนอก คุณรู้ไหม แถว
    บ้านผม เป็นแบบนี้แทบทุกบ้าน? จนผมก็งงๆ ว่านี่มันวรรณะพราหมณ์ใช่
    ไหม? แต่ที่อินเดียไม่ใช่แบบนี้ครับ น้อยคนมากๆๆ ที่จะตั้งตัวเองเป็นคน
    สำคัญทางศาสนาได้ เช่น คนดูแลโบสถ์พราหมณ์, ร่างตัวแทนของเทพฯ
    คุรุ แบบท่านไสยบาบา หรืออะไร? มันน้อยมากที่จะเป็นเช่นนั้นได้ มันไม่
    อาจจะเรียกได้ว่า "ชนชั้นวรรณะ" เลย มันเป็นแค่ "คนส่วนน้อยมากๆๆ"
    จริงๆ ครับ ถ้าเทียบกับของไทย อย่าง เผ่าผีตองเหลืองนี่ มุมมองผมเขา
    ก็คือ "วรรณะพราหมณ์สายโยคีทิคัมพร" ครับ นุ่งลม ห่มฟ้า ไม่ใส่เสื้อผ้า
    เหมือนเราๆ ท่านๆ แต่คนรุ่นหลังมองว่าเป็นผีบ้าไป? เรียกว่าทั้งเผ่าก็คือ
    พราหมณ์ทุกคน สืบตามสายเลือด


    ถ้าจะแก้ต่างว่า วรรณะพราหมณ์ถูกทำให้เสื่อมลง หลังพระพุทธเจ้ามา
    โปรด ก็จริงนะ แต่มันต้อมีเค้าลางเหลือไว้บ้าง ว่าเคยมีวรรณะนี้อยู่ ซึ่ง
    เค้าลางเหล่านี้ิ มีในไทย เต็มไปหมดเลยครับ งงไหมเนอะ ???
     
  15. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    พระสมณโคดม เว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่นอย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เห็นปานนี้ คือ ทายอวัยวะ ทายนิมิต ทายอุปบาต ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ ทำพิธีเบิกแว่นเวียนเทียน ทำพิธีซัดแกลบบูชาไฟ ทำพิธีซัดรำบูชาไฟ ทำพิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ ทำพิธีเติม เนยบูชาไฟ ทำพิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ ทำพิธีเสกเป่าบูชาไฟ ทำพลีกรรมด้วยโลหิต เป็นหมอดูอวัยวะ ดูลักษณะที่บ้าน ดูลักษณะที่นา เป็นหมอปลุกเสก เป็นหมอผี เป็นหมอลงเลขยันต์คุ้มกันบ้านเรือน เป็นหมองู เป็นหมอยาพิษ เป็นหมอแมลงป่อง เป็นหมอรักษาแผลหนูกัด เป็นหมอทายเสียงนก เป็นหมอทายเสียงกา เป็นหมอทายอายุ เป็นหมอเสกกันลูกศร เป็นหมอทายเสียงสัตว์ เป็นการเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา


    ตรงนี้แหละคะที่เขาบอกว่าเหมือนกัน แต่ ประโยคของทางบาบีโลเนี่ยนนี้ ดิฉันได้ลองาแล้วแต่ไม่พบเจอแต่ที่นักวิชาการบอกว่าเหมือนจารึกของบาบิโลน ดังที่มีเขียนไว้ในหนังสือ เล่มนี้ ชื่อ Theravada Buddism a social history from benares to Columbo, 2 edition. แต่งโดย Richard F. Combrich Therav錫da Buddhism: A Social History from Ancient Benares to Modern Colombo - Richard Francis Gombrich - Google หนังสือ (ลิงค์นี้จะมีเหนือหาของหนังสือทั้งหมดเลย)


    มีประโยคว่า
    [​IMG]



    ถ้าท่านไหนอยากลิองหาก็อ่านเอาในนี้ แต่ตัวเองคงไม่อ่านเพราะมันยาว
    ขี้เกียจ ให้ท่านอ่านกันเอาเอง


    [ame="http://www.scribd.com/doc/3281359/Jastrow-Babylonian-Assyrian-BirthOmens-"]Jastrow - Babylonian- Assyrian Birth-Omens"]http://www.scribd.com/doc/3281359/Jastrow-Babylonian-Assyrian-BirthOmens-"]Jastrow - Babylonian- Assyrian Birth-Omens[/ame]

    ในคำภีร์เตามุดก็มีทีคล้ายๆกัน
    The Talmud


    ใน Deuteronomyของยิวก็มีข้อที่คล้ายกันเรื่องห้ามการทำนายทายทัก
    เชื่อเร่องดวง อันนี้อาจารย์ฝรั่ง สมัยดิฉันยังเรียนอยู่ ดิฉันไปหาร่างทรงมาแล้วเคลียด
    เพราะบอก ดิฉันถ้ามีแฟนก็จะตาย อาจารย์เลยบอกไปอ่านดูเทอร์โรโนมี่
    เขาบอกว่าห้ามเชื่อเรื่องดวง ทำนายทายทัก ถือว่าผิดศีล

    ซึ่งตามหลักศาสนาพุทธที่พัฒนามาจากพราหมณ์ศาสนาเทวนิยมแต่ไปมีกฏ
    ข้อเรื่องงห้ามพระสงฆ์แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหรแบบพวก
    ศาสนาตะวันตกที่เชื่อ และห้ามเชื้อเทพ ภติผี ปีศาจบนดิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cop1.JPG
      cop1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      22.7 KB
      เปิดดู:
      368
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2013
  16. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,670
    ให้ จขกท ไปทำความเข้าใจในหลักคำสอนของศาสนาพุทธ ให้ดีก่อน

    ผมแนะนำให้ลองหา ไฟล์เสียง คำเทศนา ของพระอาจารย์ สมภพ โชติปัญโญ มาฟัง เพื่อปรับทรรศนคติเกียวกับศาสนาพุทธ ก่อน

    ท่านไปอยู่เมืองนอกมา พูดได้หลายภาษา อ่านและศึกษาพระไตย์ปิฏก มาอยางชำนาญ และท่านศึกษามาหลายศาสนา

    น่าจะเข้ากับจริต จขกท.

    ศึกษาประวัติท่านด้วย. จขกท น่าจะได้ประโยชน์มาก

    อย่างที่ผมเคยว่า เรื่องของปุถุชน มันปนเปกันไปหมดและครับ ยิ่งเรื่องอดีตด้วยแล้ว มันก็เดาจากหลักฐานอันน้อยนิด.
    สมมุติ นะ ถ้าผมว่าคนในแถบบ้านเราเป็นชาวอารยัน โดยอาศัยหลักฐานจากลูกปัดสุริยะเทพที่พบแถวใต้ที่เป็นข่าวว่าถูกขโมยไป

    จะไม่ขัดกับสิ่งที่เขาเชือถือมาหลอกหรือ
    อย่าลืมว่า นักวิชาการยังหาข้อสรุปไม่ได้เรื่องเวลาของพัฒนาการของมนุษย์จากสัตว์มาเป็นคนแล้วมาเป็นอารยธรรม ช่วงเวลานี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้นะครับ ไม่นับ ชาวแอตแลนติสอีก ขนาดมีหลักฐานขนาดนั้น
    เคยสังเกตุมัย คนพื้นเมืองแถบอเมริกาใต้ ทำไม คลายๆคนเอเชีย

    ผมก็มั่วๆไปเลื่อย อย่าถือสานะครับ ตามภาษาคนความรู้น้อยแต่อยากแสดงความเห็นแค่นั้นครับ
     
  17. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    ยิ่งอ่านยิ่งสนุกค่ะ มีอะไรอีกมากที่ต้องศึกษา:cool:
     
  18. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ดิฉันไม่ได้เอามาจากเวปนั้น แต่ท่านได้อ่านตั้งแต่ต้นหรือ ยกประโยคเขามาไม่ยกมาให้หมดละคะว่าเขาบอกว่า เขาเชื่อแต่พิสูจน์ให้คนอื่นไม่ได้เพราะมันเป็นความลับที่เขายังต้องค้นับนักวิชาการที่เขาติดต่อด้วยทางเมลล์ ซึ่งยังต้องหาหลักฐานมากกว่านี้ แต่ดิฉันเจอหลายเวป ซึ่งได้ให้ลิงค์ไว้ต้นๆหน้าที่ เป็นของนักวิชาการอินเดีย
     
  19. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    แต่เท่าที่ได้ยินที่เมืองนอก ใช้บรรยายคนที่มีผิว
    แทน หรือคร้ำแต่สวยอะคะ อย่างนางงามอินเดียที่ชื่อ
    ไอศวรรยา ไร นั้นฝรั่งเรียก ผิวสีทอง แต่
    อย่างคนเอเชียจีนนี้เขาว่าขาวซีดหรือเหลือง
    อีกอย่างในมหาปุริศก็บรรยายว่า
    พระพุทธเจ้ามีพระเนตรสีฟ้า ซึ่งตามบาลี "นิลละ"
    แปลว่าสีฟ้านะคะ แต่คนไทยไปแปลว่าสีดำ

    และผมขอด ก้นหอย หรือหยักศกก็เป็นผมแบบคน
    คอเคเซี่ยนผมไม่ตรงแบบคนเอเชียมองโกลอันนี้
    ขอฟันธงเพราะอยู่เมืองนอก ไม่เคยเจอทั้งฝรั่ง
    และแขกผมตรงเลย โดยเฉพาะแขกขาวผมนี้หยัก
    เป็นหลอดๆ เห็นๆผมหลอดเองโดยไม่ต้องม้วนโลว์

    พระเนตรดั่งลูกโคเพิ่งคลอด ก็หมายถึงตาโตแบบ
    แขกนะคะ



    คุณAngry Bird ได้อ่านแต่ต้นหรือเปล่าที่บอกว่า

    พระพุทธเจ้าทรงประสูติในประเทศเนปาลก็จริง แต่ในสมัยนั้น ยังไม่มีคำว่าอินเดีย เนปาล
    และทั้งสองประเทศต่างจัดอยู่ในชมพูทวีป
    แม้กระทั้งปัจจุบันสถานที่ทรงประสูติ อยู่ที่ราบ เทอร์ไร , ซึ่ง เป็นที่รู้กันดีว่า ในเขตนี้เป็นที่
    อยู่ของ พวก มเดสี และ ในภายหลัง มีพวก พาฮารี่ (มาจากปากีร์ซึ่ง) ทั้ง มเดสี และ
    พาฮารี่ ต่างเป็นชาวอินเดีย อารยัน และแม้ทุกวันนี้ในบริเวณนี้จนทุก
    วันนี้ก็ไม่มีชาวมองโกลอยด์อาศัยอยู่ และแม้ปัจจุบันจะมีการแบ่ง ประเทศเป็น
    อินเดีย และ เนปาล แต่ที่ั้ตั้งของสถานที่ประสูติ ก็ยังอยู่ค่อนไปทางอินเดียมากกว่า

    ในขณะที่ ชาว เนปาลเชื้อสายมองโกลอยด์ แบบคนเอเชียตะวันออกนั้น
    ต่างมีอยู่จำนวนน้อยมากในสมัยพุทธกาล
    และไม่ได้อยู่ในเขตที่พระพุทธเจ้าอยู่ แต่จะอยู่บนภูเขาแถว กัตมันดุ
    ติดไปทางจีน ธิเบต ซึ่งในเวลาที่พระองค์ทรง
    จาริกพระพุทธศาสนา ไม่มีการปรากฏว่าเคยไปโปรด
    ชาวมองโกลลอยด์ในแถบนั้น นอกเสียจากยุคหลังๆที่ทรงเสด็จ
    ดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว และพระเจ้าอโศกฯ ทรงเริ่มส่งสมณะทูต
    ไปยังแถบเอเชียไกล ดังนั้นความน่าจะเป็นที่
    พระองค์จะเป็นชาวมองโกลลอยด์ นั้นตัดออกไปได้เลย


    เดี๋ยวดิฉันจะเอาแผนที่เชื้อชาติของคนในเนปาลให้ดูว่า
    ตรง ลุมพินีและเทวทะหะ เป็นที่อยู่ คนเชื้อสาย อินโด อารยัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2013
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    [​IMG]ภาพแผนที่เชื้อชาติของประเทศเนปาล จะเห็นได้ว่า
    สถานที่ประสูติตั้งอยู่ในเขตชาวอินเดีย คอร์เคเซี่ยน
    ในขณะที่คน เนปาลมองโกอยด์จะอยู่บนภูเขา
    ในกัตมันดุ และนสมัยพระพุทธองค์ทรงประกาศ
    ศาสนา มิทรงเคยไปโปรดคนมองโกลลอยด์
    ในแถบนั้นในขณะที่บรรดาภิกษุที่บรรพชา
    ส่วนใหญ่กลับเป็นชาวคอเคเซี่ยนมาจาก
    แคว้นทางตะวันตกหรือ พวกชาวเปอร์เซีย
    เพราะการประดิษฐานศาสนาในกลุ่มชนที่
    มีอำนาจจะทำให้ศาสนาแพร่กระจายไปได้
    ไกลและอยู่นานกว่าแคว้นน้อย



    [​IMG]

    ในแผนที่จะเห็นว่าที่ที่ทรงประสูติจะเป็นสีเหลือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์
    แทนชาว พาฮาลี่ ซึ่งเป็นพวกมีชาติพันธุ์ใกล้ชิดแขกปากีร์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...