อิทธิพล บาบิโลเนี่ยนในหลักคำสอนพระพุทธศาสนา

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 30 ธันวาคม 2012.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    อิทธิพลบาบิโลเนี่ยนในหลักคำสอนพระพุทธศาสนา




    [​IMG]


    เกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อยอยากเอามาลงเพราะเห็นมีคนเข้าใจศาสนาแบบผิดเพี้ยนกันไปเยอะมากสมัยนี้ เราควรเทิดทูน
    สิ่งที่ถูกต้องในพระไตรปิฏกและไม่กลับผิดเป็นถูก

    พระพุทธเจ้าทรงประสูติในประเทศเนปาลก็จริง แต่ในสมัยนั้น ยังไม่มีคำว่าอินเดีย เนปาล และทั้งสองประเทศต่างจัดอยู่ในชมพูทวีป
    แม้กระทั้งปัจจุบันสถานที่ทรงประสูติ อยู่ที่ราบ เทอร์ไร , ซึ่ง เป็นที่รู้กันดีว่า ในเขตนี้เป็นที่
    อยู่ของ พวก มเดสี และ ในภายหลัง มีพวก พาฮารี่ (มาจากปากีร์ซึ่ง) ทั้ง มเดสี และ
    พาฮารี่ ต่างเป็นชาวอินเดีย อารยัน และแม้ทุกวันนี้ในบริเวณนี้จนทุก
    วันนี้ก็ไม่มีชาวมองโกลอยด์อาศัยอยู่ และแม้ปัจจุบันจะมีการแบ่ง ประเทศเป็น
    อินเดีย และ เนปาล แต่ที่ั้ตั้งของสถานที่ประสูติ ก็ยังอยู่ค่อนไปทางอินเดียมากกว่า

    ในขณะที่ ชาว เนปาลเชื้อสายมองโกลอยด์ แบบคนเอเชียตะวันออกนั้น ต่างมีอยู่จำนวนน้อยมากในสมัยพุทธกาล
    และไม่ได้อยู่ในเขตที่พระพุทธเจ้าอยู่ แต่จะอยู่บนภูเขาแถว กัตมันดุ ติดไปทางจีน ธิเบต ซึ่งในเวลาที่พระองค์ทรง
    จาริกพระพุทธศาสนา ไม่มีการปรากฏว่าเคยไปโปรด ชาวมองโกลลอยด์ในแถบนั้น นอกเสียจากยุคหลังๆที่ทรงเสด็จ
    ดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว และพระเจ้าอโศกฯ ทรงเริ่มส่งสมณะทูตไปยังแถบเอเชียไกล ดังนั้นความน่าจะเป็นที่
    พระองค์จะเป็นชาวมองโกลลอยด์ นั้นตัดออกไปได้เลย


    หลายปีมานี้ ได้มีงานวิจัยมากมายของทั้งนักโบราณคดีชาวอิหร่าน และตะวันตกที่เริ่มเชี่ยม
    โยงบรรพบุรุษของพระพุทธเจ้าเข้ากับ
    ชาวเปอร์เซียโบราณ มากกว่า อินเดีย ดราวิเดี่ยน
    และ คนเนปาลพื้นเมือง เพราะมีสิ่งที่สอดคล้อง
    ในหลักคำสอนและทางโบราณคดีหลายอย่างที่อ้างอิง
    พระองค์เข้ากับอาณาจักรเปอร์เซีย เช่นใน
    ทีฆนิกาย เป็นนิกายแรกแห่งพระสุตตันตปิฎกเถรวาท เป็นชุมนุมพระสูตรที่มีขนาดยาว 34 สูตร ครอบคลุมพระไตรปิฎกเล่มที่
    9 - 11 , ในพราหมชลา สูตร ศาสตราจารย์ เดวิท พิงกรี่ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า
    มีเนื้อหาไปตรงกับในคำภีร์ ความเชื่อของชาวบาบีโลเนีย ซึ่งมีความเหมือนกันทั้งการเรียงรายการ
    และเนื้อหา ซึ่งจารึกนี้ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่อิหร่าน

    ซึ่งคำจารึกความเชื่อของชาวบาบิโลเนี่ยนดังกล่าวเกิดขึ้นก่อน ศาสนาพุทธ
    ซึ่งเรื่องนี้นักประวัติศาสตร์ชั้นนำต่างรู้กันดีแต่ชาวพุทธ กลับมองข้ามในข้อนี้
    และไม่ได้ศึกษาถึงศาสนาโบราณอื่นๆของโลกไปด้วย ว่า
    อาณาจักร อะคีเมเนียห์ นั้น ในสมัยพุทธกาลได้ครอบคลุมไปถึงดินแดน
    ที่เป็นเขตปากีสถานปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของ
    อาณาจักรอะคีเมเนียห์ ซึ่ง "ตักศิลา" สถานที่ ที่พระพุทธเจ้าไป
    ศึกษาวิชาปรัชญาศาสนาก็อยู่ในเขตของอาณาจักร อะคีเมเนียห์ ด้วยเหตุนั้นเองที่คำสอนและแนวคิด
    เรื่องความเมตตานั้นไปตรงกับของ ชาวบาบิโลเนีย มากกว่า ศาสนา เทวนิยมแบบแนวทางของอินเดีย


    จากหลักฐานทางบาลีได้บอกว่า แคว้นมคธเป็นแคว้นใหญ่และมีอำนาจมากที่สุดในชมพูทวีป (เป็นแคว้นที่พระพุทธเจ้าทรงเลือกประดิษฐานพระพุทธศาสนาเป็นแห่งแรกเพราะเป็นแคว้นใหญ่) และกษัตริย์นิยมส่งพระโอรสไปศึกษายังต่างประเทศ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พระพุทธเจ้าทรงไปเรียนที่ตักศิลา ซึ่งอยู่ในเขตของ อาณาจักร อะคีเมเนียห์ จึงทรงได้รับแนวคิดปรัชญาแบบบาบิโลนเนียมา ในอีกการค้นคว้าทางโบราณคดียังกล่าวอีกว่า พระราชบิดาของพระพุทธเจ้าได้ทรงจ้าง พ่อมดชาวเปอร์เซีย เชลว์เดี่ยน เข้ามาสอนปรัชญา
    แบบบาบิโลเนีย ในราชสำนัก


    ซึ่งในเวลาต่อมาอาณาจักร อะคีเมเนียห์ได้ล่มสลายลงจากการเข้ายึดครองของพระเจ้า อเล็กซานเดอร์มหาราช แต่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ กษัตริย์หนุ่มลูกครึ่งกรีก ยุโรปตะวันออก ทรงไม่มีพระชนม์ชีวิตอยู่นานเพราะทรงป่วยและสวรรคตหลังจากโดนกษัตริย์อินเดียสังหารในคราที่ทรงไปบุกถึงอินเดีย

    หลังจากนั้นไม่กี่ศตวรรษ ชาวเปอร์เซียได้รวมกลุ่มสร้างอาณาจักรเปอร์เซียโดยหันมาใช้ภาษา อราเมอิก ของ อาณาจักร อะคเมเนียห์โบราณ แต่กระนั้นความรุ่งเรืองของศาสนาพุทธก็ยังไม่จางหายไป อัฟกานีสถานในเวลานั้นเป็นหนึ่งในเมืองของอาณาจักรเปอร์เซีย มีแคว้น คันธาระ /กันดาฮา

    กันดาฮา ซึ่งเป็นแหล่งศูนย์รวมของพระพุทธศาสนา และสำนักสงฆ์ และมีต้นฉบับคำภีร์พระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่เขียนด้วยอักษรขโรษฐี ซึ่งพัฒนามาจาก ภาษา อราเมอิก ของชาว อะคีเมเนียห์
    (ใช้กันอย่างกว้างขวางทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย และเอเชียกลาง สมัยเดียวกับอักษรพราหมี อักษรนี้ใช้มาจนถึงราว พ.ศ. 900 จึงเลิกใช้ไปและไม่มีอักษรลูกหลานต่อมาแบบอักษรพราหมี)

    มีการเขียนจากขวาไปซ้าย และใช้ไวยกรณ์แบบ ภาษา อราเมอิก



    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2426075/[/MUSIC]



    :z10
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2013
  2. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    ซึ่งในเวลาต่อมาอาณาจักร อะคีเมเนียห์ได้ล่มสลายลงจากการเข้ายึดครองของพระเจ้า อเล็กซานเดอร์มหาราช แต่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ กษัตริย์หนุ่มลูกครึ่งกรีก ยุโรปตะวันออก ทรงไม่มีพระชนม์ชีวิตอยู่นานเพราะทรงป่วยและสวรรคตหลังจากโดนกษัตริย์อินเดียสังหารในคราที่ทรงไปบุกถึงอินเดีย


    ใช่เหรอ ขอหนังสือหรือเอกสารอ้างอิงด้วย... ถ้าอ้างอิงภาพยนตร์ที่ทำว่าอเล็กซานเดอร์เป็นเกย์ ไม่เอานา
     
  3. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ถ้าเรื่องอเล็กซานเดอร์ดิฉันไม่ได้สนใจว่าตายแบบไหนคะ :p แต่สนใจแต่เรื่องพระพุทธเจ้าในงานเขียนของศาสตราจารย์ เดวิท พิงกรี่ Professor David Pingree & ริชาร์ด โซโลม่อน Richard Salomon ส่วนเรื่องอเล็กซานเดอร์ก็เป็นเกย์ จริง และแผลติดเชื้อตาย หรือไข้มาเลเลียตอนไปรบที่อินเดีย


    ส่วนเนื้อหาเรื่อง ศาสนาพุทธ ได้รับอิทธิพลจากศาสนาของชาวเปอร์เซีย อันนี้คงไม่ต้องพิมพ์ ลิงค์ เพราะมีเป็นตับ สามารถหาอ่านกันเองได้ในเวปภาษาต่างประเทศ บางเวปบอกด้วยซ้ำว่าศากยะมาจากคำว่า ซาก้า เป็นชนชั้นปกครองหนึ่งในเปอร์เซีย ที่ย้ายเข้าไปในอินเดีย แต่อันนี้ก็แล้วแต่คนจะเชื่อกัน


    เอามาให้ดูบางตัวอย่าง ถ้าพิมพ์เองไม่ได้

    http://jayarava.blogspot.nl/2008/06/persian-influences-on-indian-buddhism.html


    http://www.kavehfarrokh.com/wp-content/uploads/2010/04/zen_buddhism_and_persian_culture_v1.pdf


    http://www.1902encyclopedia.com/I/IND/india-20.html


    http://defenceforumindia.com/forum/...ian-arian-budins-ancient-ukraine-scholar.html


    http://wisdomquarterly.blogspot.nl/2011/07/shakyans-scythians-of-central-asia.html


    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2013
  4. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    เรื่องศาสนาพุทธ รู้พอสมควรแล้ว ขอบใจ

    แค่ติดใจเรื่องการตายของอเล็กซานเดอร์อ่ะ... เอ่อ แบบว่าอยากเจอคนที่รู้จริงๆสักที มีหลายแบบ งง

    เป็นเกย์แล้วรณรงค์สงครามสับประยุทธ์ได้เชี่ยวชาญขนาดนี้เลยเหรอ
    ถ้างั้นคณะทิฟฟานี่ที่พัทยาคงจะเป็นกองทัพที่มีพลานุภาพมากๆเลย นี่ถ้าได้กองทัพคาบาเร่ต์หนุนหลังด้วยนี่ สงสัยมันจะครองโลกเลยอ่ะ... 55555

    บางทีความรักของนักรบที่เป็นเพื่อนร่วมตาย ที่สามารถตายแทนกันได้ หรือเป็นเดนตายที่รอดจากศึกสงครามมาด้วยกันนี่ มันลึกซึ้งมากกว่าเมียหรือมากกว่าต้องมาตุ๋ยกันอีกนะ
     
  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    แหม พวกตุ๊ด แต๋ว เกย์ เนี้ยถ้าให้ตบกันกับผู้ชายนี้แรงยิ่งกว่าผู้ชายอีกนะคะพวกนี้ไฮเปอร์จะตาย ไม่งั้นคงไม่มีคำว่า กระเทย กระบือ หรอก จริงไหมคะ ?


    เออ เข้าเรื่องวิชาการหน่อย เท่าที่ดิฉันอ่านมาเขาบอกว่าอเล็กซานเดอร์ เป็น ไบ คะ ไม่ใช่เกย์ อย่างเดียว แต่ในประวัติพวกแม่ทัพดังๆ เก่งๆของโลก โดยมากจะมีประวัติชอบฟันดะไม่เลือกหน้า ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย อย่าง เคานท์ กิลล์ เอ เรย์ ทีช่วย โจน ออฟ อาร์ค รบ และขอโจน ออฟ อาร์ค แต่งงานนั้นนก็ ชอบทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย เห็นโจนออฟ อาร์คแต่งตัวเหมือนเด็กผู้ชาย
    เลยขอแต่งงานด้วย

    นอกจาก เพื่อนสนิทในวัยเด็กของ อเล็กซานเดอร์ที่รักมาก ที่ชื่อ เฮฟเฟเอสเธี่ยนแล้ว
    อเล็กซานเดอร์มีคนสนิทที่เป็น ขานธี ชาวเปอร์เซีย ที่ตะวันออกกลางเรียกว่า ยานุก
    พวกนี้จะถูกจ้างไว้ทำงานในฮาเล็มของสุรต่านทางตะวันออกกลาง คนนี้ชื่อ บาโกส
    ก็เป็นเมียผู้ชายลับๆของอเล็กซานเดอร์เช่นกัน แต่ตามปรวัติศาสตร์เอล็กซานเดอร์
    ไม่เคยแสดงออกว่าตนเป็นเกย์ และมีมเหษี สี่ องค์ รักษาภาพรักมากแต่ที่คน
    สงสัยว่าอเล็กซานเดอร์น่าจะเป็นเกย์ หลายสาเหตุ

    คือ เป็นผู้ชายรูปหล่อ สนใจว่าต้องดุดี หล่อเนี้ยบ และพระมารดา โอลิมเปีย
    เคยเสนอ หญิงงามเมืองมาให่บำเรอ เอล็กซานเดอร์ แต่เขาปฏิเศษ และบอกว่า
    จะไม่มีทางทำอย่างงั้นกับคนไม่รู้จักหรือไม่ได้รัก อีกประการอเล็กซานเดอร์มีอุปนิสัย
    ชอบการรบและการทหาร และชอบให้คนใต้บังคับบรรชาเทิดทูนตัวเอง
    และน่าจะคิดว่าการที่เพื่อนของตัวเองที่เป็นคนสนิทแสดงออก
    ความจงรักภักดีด้วยการมีอะไรด้วย ทำให้รู้สึกว่าตัวเอง โดมิแน่น


    อเล็กซานเดอร์ เป็นไบ ไม่ใช่เกย์ และเป็นคนมีอุดมการณ์ ไม่ใช่ฟันดะ
    อย่างเช่นมีบันทึกตอนหนึ่งว่า มีพวก ขุนนางรู้ว่าอเล็กซานเดอร์เป็นเกย์
    เลยจะนำ เด็กผู้ชายมาถวายเพื่อเอา ความดีความชอบ แต่อเล็กซานเดอร์
    กล่าวว่า "เห็นเราเป็นปีศาจร้ายหรืออย่างไรจึงจะเอาของแบบนั้นมาเส้นสรวง"
    (พูดรักษาหน้า)
    ในขณะที่มีบันทึกว่าอเล็กซานเดอร์ กล่าวชมว่า
    สตรีเปอร์เซียทำให้รู้สึกทรมานตา เพราะสวย



    แต่ก็ทรงอภิเสกช้าและอภิเสกทางการเมืองเท่านั้น อย่างหญิง สแตททีเรีย
    ทรงไม่เคยมีอะไรกับนางด้วยซ้ำและกล่าวว่าเห็นนางเหมือนน้องสาวคนนึ่ง
    ในขณะที่พวกขุนนางพยามเร่งรัดให้มีทายาท อเล็กซานเดอร์จึงอภิเสกกับ
    เจ้าหญิง โรซาน่า หรือ ร็อกซาน แห่ง ซองเดียน ทางตะวันออก อิหร่าน
    และ ก็ตั้งนานกว่าจะมีรัชทายาท กล่าวกันว่า ทำไปเพื่อ
    ผลทางการเมืองเท่านั้น และก็มีนาสนมอีกสองคนเป็นเจ้าหญิง
    จากประเทศที่ไปยึดๆมา แต่ก็ไม่มีทายาทกับ เจ้าหญิงเหล่านั้น

    พวกนี้ประมาณว่า รบมาก จับเชลยก็เยอะ ไม่ค่อยได้เจอผู้หญิง
    เชลยที่จับมาก็ผู้ชาย, ทหารในหองทัพก็ผู้ชาย, เจอแต่ผู้ชาย
    ก็เลยต้องฟันผู้ชาย ทำนองว่ารู้สึกตัวเองเป็น โดมิเนท ต่อผู้ชาย
    พวกนั้น แต่พวกนี้พกลับไปเจอผู้หญิงก็แต่งงานกับผู้หญิงได้
    เคยอ่านในหนังสือความเป็นเกย์นี้มีระดับความ
    มากน้อยตั้งแต่ เป็นผู้ชายทั้งแท่งยังไงก็ไม่เอาผู้ชายด้วยกันไม่ว่าสถานการณ์ไหน
    ไปจนถึงพวกระดับที่ชอบผู้หญิงแต่ถ้าไม่มีผู้หญิงก็สามารถเอา
    ผู้ชายที่ดูคล้ายผู้หญิงได้ แต่พอกลับมาอยู่ในที่ที่มีผู้หญิงก็พยาม
    ลืมเรื่องที่มีอะไรกับผู้ชายและปกปิด เหยียบตายไว้ จนถึงระดับพวกที่
    เกย์ร้องเปอร์เซ็นต์เต็มที่ไม่ชอบผู้หญิงด้วยประการทั้งปวงคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2012
  6. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    มาลงชื่อว่า อ่านแล้ว...
     
  7. ทีฆ

    ทีฆ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2012
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +95
    มารออ่านต่อ^^
     
  8. nussuw

    nussuw Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +52
    เล่าต่อเถอะค่ะ อยากรู้จริงๆ
     
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เดี๋ยวเย็นมาเล่าต่อคะตอนนี้ออกไปข้างนอกก่อน wel lcome_pink
     
  10. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    อ่า จขกท. กล้าพูดฉะฉานตรงไปตรงมาดี คุยด้วยน่าจะสนุก
    งั้นของเข้าร่วมวงสนทนาด้วยก็แล้วกันนะครับ
     
  11. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    เรื่องค่านิยมการมี "อนุ" เป็นผู้ชาย


    จริงๆ มีมากเลยครับ ในสังคมชั้นสูงยุคกรีก เขาไม่ว่าเป็นสิ่งที่ผิดนะ
    แต่เขามองว่าคุณจะไปสู่ระดับเหนือชายได้ ก็จะต้องมีอนุเป็นชาย
    ด้วยอะไรแบบนั้น ศิลปินสมัยนั้นหลายคนครับ ที่มีประวัติในยามที่
    วัยเยาว์จะไปบำเรอกามให้พวกชนชั้นสูงพวกนี้ แต่เขาจะเลือกคนที่
    เด็กๆ หนุ่มๆ นะครับ โตแล้วเขาจะไม่ยุ่ง เขาถือว่าพ้นภาระนี้แล้วให้
    ไปมีครอบครัวตามปกติได้ครับ แต่มันนานมากแล้ว คนยุึคหลังมา มัน
    ก็มีครับที่ค้นคว้าประวัติศาสตร์แล้วทำตามฮีโร่ในดวงใจยุคโบราณนั้น
    เหมือนกับที่ "ฮิตเล่อร์" ก็สร้างสังคมอารยันในแบบของตัวเอง นั่นก็
    มาจากความเชื่อโบราณนะครับ คนพวกนี้ เขามีต้นแบบอย่างนี้แหละ


    มันมาจากความเชื่อที่ว่า "เทพซูส" ผู้ยิ่งใหญ่ จะมีอนุเป็นชายด้วยครับ
     
  12. โปเย

    โปเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,231
    ค่าพลัง:
    +964
    ค่านิยมที่แปลกๆ ผิดๆ งี่เง่าของผู้ชาย


    เช่น ค่านิยมกล้าลองไหม? (ยาเสพติด) ถ้าไม่กล้า
    ขายหน้าเพื่อนแย่อ่ะ มันก็เลยต้องลอง สักครั้งในชีวิต
    ค่านิยม "ยกพวกตีกัน" มันต้องมีสักครั้งหนึ่งสิน่า ที่ไป
    ตีกะคนที่ถูกสมมุติว่า "เป็นศัตรู" ไม่รู้ละ มึงกล้าป่ะละ?
    ค่านิยมพนัน โดยเฉพาะพนันบอล เรียกว่า เอ้ย ทีมมึง
    เหรอ? ห่วยแตกว่ะ เย้ย ไม่ได้ต้องสู้ พนันกันไปเล้ย !


    ฯลฯ และอีกเยอะแยะครับ มักจะมีช่วงวัยหนุ่ม แก่ๆ
    ก็หมดแล้วครับ (แก่แล้วมีแต่เรื่องครอบครัว หัวหมุน)
     
  13. ดูงาน

    ดูงาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +2,670
    โอ้ย อะไรกัน ศาสนาพุทธ นะครับ ศึกษาดีๆกว่านี้ก่อนครับ. แต่ถ้าเป็นเรื่องของปุถุชนของทางโลกน่ะก็ไม่แน่ มันปนเปกันไปจนหมด แหละครับ ท่าน
     
  14. kt984

    kt984 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +51
    เห็นชื่อเจาของกระทู้เลยตามมาอ่านครับ
    ประทับใจ หลายๆ
    เรื่อง ของบรรดานายยอดชาย เบกไว้ก้อน เอาเปอร์เซียต่อ
    เอาแบบ ย่อย มาแล้ว เลยก็ได้ครับ รอดูดซึมหยู่
    มันจะจุงเขาพุธ ทั้ง2นิกายหลือปล่าวนิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2012
  15. Asvel

    Asvel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    224
    ค่าพลัง:
    +822
    มันก็เป็นแค่ ความคิดเห็นในการสันนิษฐานของคนทั้งนั้นนั่นแหละ
    ไม่ใช่ความจริง

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านว่า เชื้อสายศากยะเป็นไทยอาหม (แขกที่มีเชื้อสายใกล้ๆกับคนบ้านเรา) เป็นกลุ่มที่ไม่แต่งงานกับสกุลของเชื้อชาติอื่นในแถบนั้น (พวกแขกอินเดีย-เนปาล ฯลฯ) เพราะรังเกียจอะไรก็ไม่ทราบ จึงถูกกลุ่มเชื้อชาติอื่นรังเกียจและต่อว่า ว่าหยิ่งในชาติสกุลของตนเอง จึงมีการแต่งงานระหว่างเครือญาติกันเฉพาะในเชื้อสายศากยะ เนื่องด้วยสาเหตุของความแตกต่างหลายประการ และภาษาที่ใช้ก็เป็นภาษาใกล้เคียงกับภาษาของคนในแถบสุวรรณภูมิ (ท่านกล่าวถึงเรื่องหนึ่งในพระไตรปิฏกเพื่อยืนยันด้วย)
    แต่ไม่ได้หมายความว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนสุวรรณภูมิหรือประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพานในดินแดนสุวรรณภูมิแบบทฤษฎี-ความเชื่อของบางกลุ่มนะครับ

    และที่สำคัญคำสอนพระพุทธเจ้าไม่ได้รับอิทธิพลจากที่ใดแน่นอน ท่านตรัสรู้เองตามความเป็นจริงที่มีอยู่ในจักรวาล ไม่ใช่แนวคิด แล้วจึงเลือกนำมาสอนชาวโลกเท่าที่ควร
    คนที่เขียนตำราสร้างข้อสันนิษฐานขึ้นมา ไม่มีใครได้ไปถามพระพุทธเจ้าที่นิพพานสักคน เชื่อเป็นตุเป็นตะว่าจริงก็ไม่ได้เลย เขาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยข้อสันนิษฐานกันทั้งนั้น
     
  16. jesdath

    jesdath เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,209
    ค่าพลัง:
    +1,279
    สถานีบีบีซีของอังกฤษ ค้นคว้าไปพบว่าพระเยซูและเพื่อนนักบวชอีกสองรูปน่าจะเป็นพระในพุทธศาสนาอีกด้วย ชักจะยุ่งกันใหญ่ ในหมูบ้านหนึ่งของญี่ปุ่นมีสัญญลักษร์ไม้กางเขนทุกบ้าน และเชื่อว่าพวกตนสืบเชื้อสายมาจากพระเยซูโดยตรง เรื่องแบบนี้ในเกาหลีก็มี แต่เม้คๆ อยากจะเป็นต้นตอคริสตศาสนาซะมากกว่า
    --ยิ่งค้นก็ยิ่งยุ่ง รออย่างเดียว เครื่องย้อนเวลาครับ
     
  17. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เดี๋ยวจะตอบอย่างละเอียดทีละคนคะ
     
  18. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ดิฉันก็เชื่อเรื่องนั่งสมาธิสายของท่านะคะ
    ที่นั่งได้ก็เพราะสายของท่านนั้นแหละ

    แต่ขอตอบเรื่องใหัวข้อนี้ก่อน ท่านดูภาพนี้
    ถ้าพระพุทธรูปบามิยัน เป็นสถานที่ลองรับ
    ของทางพระพุทธศาสนาจริง นั้นก็หมายความว่า
    พระพุทธเจ้าต้องเป็นชาวอารยันแน่นอน
    เพราะอะไร? ดูรูปก็รู้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
    ทั้งใหญ่ โบราณอลังการ ทรงกรีก ถ้า
    พระพุทธเจ้าไม่ใช่คนคอร์เคเซี่ยน
    จะไม่การสร้างปฏิมากรรม สรรเสริญพระบารมี
    แบบนี้แน่นอน เพราะจากรูปปั้น

    ดูก็รู้ว่าคนสร้าง
    เป็นผู้มีความเจริญ ทางวัตถุจาก ตะวันตก
    พูดง่ายๆผู้สร้างเป็น พวกอารยันวัตุนิยม
    ซึ่งไม่มีทางจะสรรเสริญเยิญยอผู้ที่มาจาก
    เผาพันธุ์ที่ต่ำกว่า เราดูได้จากประวัติศาสตร์
    โลกยุคโบราณ ไม่เคยมีชาวตะวันตกหรือชาวกรีก
    ที่สร้างวิหารทางศาสนา หรือรูปปันให้แก่คน
    มองโกลอยด์ หรือ คนดำ บุคคลในประวัติศาสตร์
    ทีมีชาวกรีกโบราณ ทำรูปปั้นให้ล้วนเป็น
    ผู้ที่มีเชื้อสายอยู่ในวงตะวันตกทั้งสิ้น

    นอกเสียจากว่า รูปปั้นพระพุทธเจ้าที่ บามิยัน
    จะเป็นคนละองค์กับพระพุทธเจ้าที่ท่านกล่าวถึง


    อีกข้อ ที่พระพุทธเจ้าไม่น่าจะใช่ชาวอาหม
    เพราะชาวอาหม เป็นชนชาติลูกผสม thai& india
    ในสมัยเผ่าไท แยกกันไป คนละที่, เช่น ไทยใหย๋ ไปรัฐฉาน
    ไทย อย่างพวกเรา มาสยาม, และยังมีไทยลาว, ไทยดำ, ไทลื้อ ฯลฯ
    ในขณะที่ ไทย-อาหมเป็นกลุ่มไทย ที่ ไปทางตะวันตก
    โดยการนำของ พระเจ้า เสือก่าฟ้า
    และปักหลักในอัสสัมประเทศ ผสมกับคนอินเดียพื้นเมือง
    ออกมาเป็น ไทยอาหม ซึ่งถ้านักโบราณคดีไม่ผิด?
    ตามที่อ่านมา, คนไทยกลุ่มที่ไปผสมกับอินเดียจน
    เป็นไทยอาหมนี้ เกิดหลัง สมัยพระพุทธเจ้าประสูติเกือบๆพันปี
    คือ คศ 6....นอกเสียจากว่าหลวงพ่อฤษีฯ
    จะหมายถึงอินเดียพื้นเมืองในรัฐอัสสัม่อนที่ยังไม่มีเผ่าไทยเข้าไปผสม




    ไม่เคยมีปรากฏในประวัติศาสตร์ว่าชาวอารยัน
    จะสรรเสริญ ผู้ที่มาจากชนชาติทีไม่ใช่อารยัน
    จนสร้างสิ่งมหัศจรรย์ อย่างภาพนี้


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • bamiyan1.jpg
      bamiyan1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      433.8 KB
      เปิดดู:
      548
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2012
  19. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    อันนี้เดี๋ยวเอามาลงด้วยเช่นกัน มีคนเชื่อกัน
    เยอะขนาด อาจารย์ ที่สอน ตนเราเรียน มหาลัยยังเชื่อ
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ในปี 125 ก่อน คริตกาล
    ชนเผ่า ตาต้าร์จากรัสเซียตะวันออกเข้าบุก
    ไซเธีย และ แบกเธรีย
    ซึ่งทั้งสองเมืองเป็นแคว้นของเปอร์เซียที่ โดน
    พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ยึดมาเป็นอาณานิคมของกรีก
    ทำให้ชาวไซเธีย และแบกเธรีย ต้อหนีพวกตาต้าร์
    เข้ามาทางตะวันตกของอินเดีย


    และตั้งเมืองในแคว้น
    ปัญจาบ ซึ่งต่อมาได้ตั้งเป็นราชวงค์
    ของพระเจ้ากนิษกะมหาราช แห่งอาณาจักรคูซาน
    หรือ กุษาณะ ทรง ราชูปถัมภ์พุทธศาสนานิกายมหายาน
    ซึ่งเปรียบได้กับพระเจ้าอโศกมหาราช ที่ทรง
    เป็นองค์อัครราชูปถัมภ์ของนิกายหินยาน
    ราชธานีของพระองค์คือเมืองเปศวรใน
    ประเทศปากีสถานปัจจุบัน

    พระเจ้ากนิษกะเป็นนัดดาของพระเจ้ากัทพิเสส
    ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรกุษาณะ
    ได้ครองราชย์ในปี พ.ศ. 621
    พระองค์มีความเลื่อมใสในพุทธศาสนามาก
    จนได้รับขนานนามว่า "พระเจ้าอโศกองค์ที่ 2"
    และทรงแผ่อาณาจักรกว้างไกลครอบคลุม
    คันธาระ แคชเมียร์ สินธุ และมัธยประเทศ
    (ปัจจุบันอยู่ในเขตอิหร่าน อัฟกานิสถาน
    ปากีสถาน เติร์กเมนิสถาน และบางส่วน
    ของอินเดีย) ในสมัยนี้พุทธศาสนามหายาน
    แผ่ไปสู่เอเชียกลางและจีนอย่างรวดเร็ว
    วรรณคดีภาษาสันสกฤตได้เจริญรุ่งเรืองแทนภาษาบาลี



    ไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ พวกชาวจีนมหายาน
    กับอินเดียเหนือ ได้พยามเขียนบันทึกมากมาย
    เกี่ยวกับที่มาของเชื้อสายของพระพุทธเจ้า
    เข้ากับพวก เปอร์เซียที่ย้ายจากอาณาจักร
    ไซเธียเข้ามาเป็นพวกราชวงค์ในสมัยพระเจ้า
    กนิษกะ ในปี 625 ก่อนคริตกาล

    กล่าวกันว่าพวกเปอร์เซียจากไซเธียได้ย้าย
    เข้าไปนอินเดียมากมาย ตามเมืองดังนี้
    ได้แก่แคว้น สินธุ โดยมีเมืองหลวงคือ
    ไฮเดอราบัด ในขณะที่บางกลุ่มกลับเข้า
    ไปใน อิหร่าน แต่ไปทางทะเล และไป
    สร้างเมืองที่อัสสิเรีย ส่วนกลุ่มสุดท้าย
    มาไกลสุดคือตะวันออกเฉียงเหนือ
    อินเดียเล็กน้อย คือ กรุงกบิลพัสดุุ

    โดยพวก กบิลพัสดุมีกับสร้างหลุมศพมีป้ายด้านบน
    ฝังศพในยุคก่อนพระพุทธเจ้าจะทรงตรัสรู้
    เหมือนกับประเพณีของชาวอารยัน
    ซึ่งเฮโรโดตัสกล่าวว่า พิธีการฝังศพ
    แบบพวกอารยันจากไซเธีย
    ในสมัยหลังพระพุทธเจ้าประกาศศาสนาภายหลัง
    ได้มามีธีการฌาปนกิจศพ

    เดี๋ยวมาต่อ ทีหลัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...