นั่งสมาธิเห็นองค์พระใสแจ๋วนี่นับเป็นฌานไหนครับ

นั่งสมาธิเห็นองค์พระใสแจ๋วนี่นับเป็นฌานไหนครับนับว่าถึงฌานหรือยังครับ
ทราบมาว่าคนตายเวลาจิตเข้าถึงฌาณจะทำให้ไปเกิดที่พรหมใช่ไม๊ครับ
แต่เคสที่ครูไม่ใหญ่เล่ามาโดยมากจะไปที่ดุสิตกันถ้าจิตเราถึงฌาณแล้วเราสามารถถอยมาที่ดุสิตรือดาวดึงได้ใช่ไม๊ครับไม่ทราบว่าถอยฌาณเป็นยังไงครับ ???

 

ต้องทำความเข้าใจดีๆนะ

ถอยฌาณ ไม่ได้แปลว่า ไม่ประกอบ ไม่เอาแบบไม่ทำ แต่ จะต้องทำให้ปรากฏได้
เสมอ เหมือนเราปราถนาจะยืดแขน งอแขนเข้า เรียกว่า ชำนาญแบบเหมือนเป็นแขน
ขา

เพียงแต่ว่า อย่าลืมว่า แขนขาเอง มันก็ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่ว่า ยืดแขนกางขาได้อย่าง
ใจ แล้วเผลอลืมที่ วาสนามันหมด วาสนาหมด แขนขาหายจ้อย ขยับไม่ได้ ยังไงก็
ต้องคืนให้กับโลกเขาไป กลายเป็น ปุ๋ย

เราชำนาญใน ฌาณ เหมือนคู้แขนเข้า เหยียดแขนออก แต่ก็ต้องไม่สำคัญผิดในฌาณ
ว่ามันเป็นตน มีตนในฌาณ มีฌาณในตน ไม่เห็นผิดว่าสังขารมีในตน ตนในสังขาร สังขาร
ทั้งปวงเป็นทุกข์ ทำการเห็นแบบนี้ มันก็ไม่ยึดติด แม้จะเหาะข้ามจักรวาลไปเจอพระ
พุทธเจ้าอีกกี่พระองค์ ชัดแค่ไหน มากแค่ไหน เราก็ไม่สำคัญผิดว่า สังขารเป็นตน มี
ตนในสังขาร ฌาณก็จะถูกประกอบอยู่ แต่ไม่ยึดมั่นถือมั่น

ความไม่ยึดมั่นถือมั่น หากมันปรากฏ ด้วยสภาวะ วุฒิภาวะ ภาวนาเห็นตามความเป็น
จริง ไม่ใช่จำคำเขามาแล้วก็กล่าวตามเอาเจื้อย มันก็เป็น วุฒิภาวะที่เป็นจริง เมื่อ
ความไม่ยึดมั่นถือมั่นปรากฏแบบนี้ เรียกว่า ถอยฌาณ

ส่วน ถอยฌาณ ที่เกร่อกันในนักสมาธิบางจำพวก ประมาณว่า 1 2 3 4 4 3 2 1
4 3 1 2 1 4 2 3 อะไรนี่ จัดว่าเป็นการฝึกการยึดสภาพธรรม คือ หมายเอารส
อารมณ์ฌาณ แล้ว น้อมไปมา จึงแล่นไป การฝึกแบบนี้เรียกว่า ไหลตาม ยึดอารมณ์
เสวยเป็นว่าเล่น

ก็ต้องทำความเข้าใจเพิ่ม หากเล่นได้แบบนั้น ว่าไม่ใช่การ ถอยฌาณ ที่จะทำให้
ได้ไปอยู่ที่แยกสีลมตัดถนนพระราม4 ( รร ดุสิต ) เพราะเล่นแบบนั้น ก็เป็นพรหม
อยู่ดี การถอยตรงนี้ต้องยกอีก คือ ไม่ยึดติดในปัญญาที่สามารถขับฌาณแบบเกียร
กระปุกได้ ไม่ยึดติดในปัญญาที่ขับเกียรกระปุกได้ ก็ถือว่า เก๋ามาก ( พวกเคี้ยวหมากแหลก)
[ หากเคยขับรถเกียรกระปุก จะพึงทราบว่า การสลับเกียรนั้น เท้าเนี่ยะ จะต้องหยั่ง
อยู่บนอะไรให้ดี -- หากไม่เคยขับ พึงทราบไว้ว่า มันยังมีเรื่องซับซ้อน กว่านี้
...หากเราสดับธรรมบ่อยๆ จะรู้เลาๆว่า อานาปานสติ คือ ตัวช่วยนั้นๆ เสมอ ]

 

ถ้าคุณนั่งสมาธิแล้วเห็นภาพพระใสๆมองทะลุได้.
และบางครั้งมองภาพนั้นอยู่ดีๆเหมือนตัวเราหายเข้าไปในองค์พระซะงั้น..มองอะไรก็ไม่เห็นและภาพพระที่เห็นมักจะอยู่ในท่านั่งสมาธิ.
.เป็นระดับกำลังสมาธิที่กล่ำกลึ่งระหว่างฌาน ๓ และฌาน ๔ แบบหยายๆครับ.
ยังไม่เกิดประโยชน์อะไรสำหรับตอนนี้ นอกจากเป็นตัวบอกว่าคุณเคยฝึก พุทธานุสสติมาก่อนในอดีตชาติ
และควรจะมาฝึกพุทธานุสสติต่อ ณ ปัจจุบัน จะเป็นกองกรรมฐานที่จะถนัดและไปได้เร็วที่สุด
และต้องฝึกจนกระทั้งเห็นภาพพระ เป็นประกายพลึกระยิบระยับ.
หรือบางครั้งกายกับจิตอาจจะแยกกันก่อนก็ไม่ใช่
ประเด็นปัญหาอะไร..เพราะถ้าไม่ฝึกจะถึงขั้นนี้.
ความสามารถพิเศษในการรับรู้หรือสัมผัส
ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะเสื่อมได้ครับ...
ส่วนในอนาคต.ถ้าคุณอยากจะไปไกลกว่า ชั้นดุสิต.ต้องมาวิปัสสนาตัดร่างกายเพิ่มเติม
.และระลึกถึงความตายเป็นอารมย์ก่อนทำกรรมฐานให้เป็นปกติ
.ถึงจะไปได้ไกลกว่าชั้นนี้ครับ..​

 

เป็นนิมิตขอรับ
เป็นนิมิตที่ดี
หากนิมิตที่ไม่ดีคือเห็นภาพเห็นภพเห็นถูมิที่ตำเกว่า
หรือไม่อย่างไร

อาจารย์
คือท่านจารย์
การจารย์นั้นเพื่อทำเครื่องหมายให้เราพิจารณาว่าหรือไม่อย่างไร
การจารย์นั้นอดีตกว่าจะได้แผ่นโลหะมาจารย์ยากยิ่ง
ดังนั้นท่านคงไม่จารย์ลายแทงเพื่อให้เราไปนรก
แต่มันไม่แน่
หากขาดการพิจารณาและวิตกวิจารณ์หรือไม่อย่างไร

ดุสิต
ยากยิ่งเข้าใจรู้ใครรู้หัวมันก่อน
แต่หากบอกว่าสะดือนี่พอจะเอียงขอรับ

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

 

ก็เป็นนิมิตสิขอรับ นิมิตแปลว่าเครื่องหมาย เป็นเครื่องหมายที่เหนี่ยวใจสำหรับสมถภาวนา คริๆ

แต่ จขกท. ถามว่าฌานขั้นไหน ผมอยากให้สังเกตอารมณ์ของมันทั้งหมด เฉพาะนิมิตชัดแจ๋วนี่ ผมเห็นตั้งแต่อุปจารสมาธิแล้ว

ถ้านิ่งแน่วแน่ลงไป หูไม่ได้ยินเสียง ก็ฌานสี่
ถ้าหูได้ยินนิดหน่อย คำภาวนาไม่ปรากฏ ก็ฌานสาม ฌานสอง
ถ้ามีคำภาวนา ก็ฌานหนึ่ง
ทั้งนี้ ค่อยคิดตอนออกจากกรรมฐานนะครับ เดี๋ยวใจวอกแวก

 

ทิ้งเรื่องที่ได้ยินแล้วทำด้วยตนเองดีกว่าครับ ศึกษาและเรียนจากตนเองดีกว่าครับ เท่าไรเท่านั้น

 

จารีตฮีตฮอยหายหมดหรือไม่อย่างไร
พุทธที่แท้จริงคืออะไร
หากเราไม่ตามที่ท่านจารย์เอาไว้ขอรับ

 

พุทธที่แท้ ฟังเรื่องพระสารีบุตรตอบพระพุทธเจ้าว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนตัวท่านยังไม่เชื่อยังไม่ขัดแย้งแต่จะลองทำดูก่อน

 

แม่นอีหลีแล้วขอรับ
พอลองดูแล้ว
พบแล้ว
ภพแล้ว
จบแล้วหรือไม่อย่างไร
ไปไหนดีหรือขอรับ
หากไม่ตามจารย์

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

 

รอยทุกรอยมีความหมาย
แต่เราเข้าใจหรือไม่เท่านั้น
ทำไมพกพยัญแล้วชนะ
ทำไมไม่พกสระ
หรือตัวสะกดขอรับ

แล้วรีตละครับ
ต่างจากฮีตตรงไหน

อยากปากสว่างเหลือเกินแต่ทำไม่ได้ขอรับกลัวลูกหลง

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

 

ถามจริง
ทุกวันนี้ตามรอยธรรมที่ไหน
ทำไมธรรมหายไป
เอ...ไม่เกี่ยวกับกระทู้เวปบอร์ดจะลบไหมเนี่ย

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

 

อ๋อหมายถึงผมติดอยู่ที่ประมาณฌาณ3-4ใช่ไม๊ครับจะได้รู้เพราะผมไม่เคยผ่านขั้นปิติเลยครับชอบมากขนลุก,ตัวลอยผมนึกว่าไม่ถึงฌานสักทีและพี่ที่บอกมาว่าผมมีของเก่ามา
ผมมีโอกาสพัฒนามากขึ้นไช่ไม๊ครับผมฝึกกสิณสีก็ฟุ้งมากกำหนดลมหายใจสักพักก็เบื่อจิตฟุ้งไม่สงบพอดีบ้านอยู่ติดถนนใหญ่ติดตลาดเลยหาที่สัปปายะลำบากเสียงดังหนวกหูก็เลยติดแถวๆฌาณ3มั้งครับเสียงดังก็เลยเลิกเลยครับท่านใดมีบ้านติดถนนใหญ่เสียงดังหนวกหูมีวิธีแก้ไม๊ครับเราต้องทำมาหากินอะครับจะมานั่งอะไรตั้งนานสองนานขอบคุณครับ
และอีกอย่างพอนั่งไปจะรู้สึกแน่นหน้าอกเหมือนมีอะไรดันไม่ทราบว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือผลทางการปฏิบัติครับ

 

ข้าพเจ้าจะตอบตามความเป็นจริงนะขอรับ และจะตอบเป็นข้อๆไปเพราะคุณถามมาหลายอย่าง

- นั่งสมาธิ เห็นองค์พระฯ ไม่นับว่าเป็นฌาน(ชาน) แต่นับว่า เป็นการสร้างภาพหลอน ถ้าเป็นทางจิตเวชเรียกว่า "โรคจิตประสาท ชนิด สร้างภาพ หรือ ประสาทหลอน"

- ทราบมาว่าคนตาย เวลาจิตเข้าถึง ฌานจะทำให้ไปเกิดที่พรหมใช่ไหม
ตอบ... ฌาน(ชาน) เป็นลักษณะทางธรรมชาติของมนุษย์ขณะปฏิบัติสมาธิ (อธิบายอย่างง่ายที่สุดแล้ว) ดังนั้นคุณจะเข้าถึง ฌาน ระดับใดใด ก็ไม่สามารถจะทำให้คุณไปเกิดที่พรหม หรือสวรรค์ชั้นใดใดได้เลย ถ้าคุณต้องการไปเกิดบนสวรรค์ คุณต้องทำความดีเป็นอย่างมาก ตลอดชีวิตของคุณเลยก็ว่าได้ขอรับ

 

แล้วการเห็นอวัยวะภายในร่างกายผู้อื่น เป็นการสร้างภาพหลอน "โรคจิตประสาท ชนิด สร้างภาพ หรือ ประสาทหลอน" ด้วยไหมครับ?

 

อุปจารสมาธิก็เห็นพระใสแจ๋วครับ
ฌานนั้นให้สังเกตที่องค์ของฌาน
วิตก วิจารณ์ ปีติ สุข เอกคตารมณ์

สวรรค์ชั้นดุสิต ที่มีมากได้แก่ พระโพธิสัตว์ และพระอริยเจ้า

ว่าแต่ไปพรหมนั้นดีกว่าสวรรค์แล้วจะถอยลงมาทำไมละครับ

 

เอาใจไปหยุดนิ่งเฉยๆที่กลางของกลางองค์พระเลยคับเดี๋ยวได้ไปต่อเอง

 

พยายามต่อไปนะครับ

 

การเห็น กับการนึกภาพที่เกิดจากความคิด มันคนละอย่างกันนะขอรับ
การเห็น หมายถึง การมองไปที่ร่างกายของบุคคลคนนั้น แล้วเห็น เช่น มองเห็นการเคลื่อนที่ของไฟฟ้าของระบบประสาท หรือ คลื่นความคิด หรือเห็นสภาพสภาวะจิตใจของบุคคลคนนั้น

ส่วนการนึกภาพ คือ นั่งหลับตาแล้วนึกภาพเอาเอง เป็นภาพจากความคิด ไม่ใช่เห็นจริง หรือว่าคุณอยากจะพิสูจน์
สำหรับที่เจ้าของกระทู้เขียนมา เป็นการสร้างภาพจากความคิดส่วนลึกที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ว่าได้คิด นั่นแหละคือ "อาการเริ่มต้นของ โรคจิตประสาท ชนิดสร้างภาพหลอน หรือประสาทหลอน"

 

แล้วไอ้การคิดหลงไปว่าตัวเองเป็นลูกของพระมหากษัตริย์ จนต้องไปพบจิตแพทย์ จึงจะหายคิดแบบนั้นไปได้ เป็น "อาการเริ่มต้นของ โรคจิตประสาท" ด้วยไหมครับ?

 

ผมสงสัยอย่างนึงครับ
เวลาคนเราหลับตา แล้วนึกคิดเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา ทำไมแต่ละคนถึงนึกคิด เกิดมโนภาำพ ชัดเจนไม่เท่ากัน .....
บางคน นึกภาพต่างๆไม่ออกเลย มืดมนไปหมด นึกหน้า แฟน หน้า พ่อ แม่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นยังไง แต่ถ้าเจอจำได้
หรือบางคน หลับตานึกภาพ กลับสว่างชัด เหมือนลืมตามอง จะนึกอะไรก็เห็นเปนภาพสว่างหมด สิ่งเหล่านี้เกิดจากอะไรครับ คุณ telwada