ทบทวนการฝึกสมาธิ หมุนจักระ การรับส่งพลังจักรวาล สำหรับผู้ที่เปิดจักระ100%แล้ว

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Dr. Choo, 1 กันยายน 2007.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    ต้องรอ อาจารย์อาชวินมาตอบ ในส่วนนี้

    จิต หรือการถอดจิต

    จิตที่มีอนุภาพ คือจิตรู้ ที่ ไม่ต้องอาศัย หู ตาจมูก ลิ้น กาย หยาบ
    (หากใช้กันจริงๆ ต้องโยงกลับมา )
    แต่ สามารถรับรู้ได้ชัดเจน เหมือนมี อายตนะดังที่กล่าวมา
    ตัวอย่าง เมื่อถอดจิต ออกจากกายเนื้อ ไปสถานที่อื่น
    ทั้งๆที่เรานั่งหลับตา แต่ สามารถมองเห็น ได้ยิน รับรู้ได้ด้วยปัญญา

    กายทิพย์ ถอดจิต ถอดวิญญาณ ใช้หลักการสามอย่าง
    ด้วยอนุภาพ ของ ญาณ ฌาณ และกสิณ
    บางก็เห็นเป็นสภาพดวงจิต บางก็เห็นเป็นสภาพกายทิพย์ที่ก่อร่าง
    บางอย่างก็เห็นได้ตามกำลัง ของผู้ที่เห็น

    เมื่อจิตมีอนุภาพมากถึงขั้นที่ สามารถรวมตัว ก่อตัว เป็นหลายๆรูปแบบ
    เป็นธรรมดาที่ เราจะสามารถส่งจิต ออกนอกไปไกล หรือ ก่อตัวเป็นกายแทน
    โดยการนิรมิตด้วยอำนาจจิต ปัญญา ฌาณ หรือกสิณ หรือ ถอดวิญญาณออกจากร่างได้เลย ตามแต่ใครจะถนัด

    บางท่านสามารถ ก่อร่าง ก่อดวงจิต เป็นสิบ หรือร้อยดวง วิชานี้ก็มีข้อเสีย
    พวกเหล่ามารเหล่าเสนามารจะมาแทรก
    มองเห็นได้ยากรู้จักได้ยากจากผู้มีปัญญาน้อย
    คือผู้ที่ยังมีสภาวะจิตหลอกจิตอยู่
    มีปรุงแต่งอยู่ และยึดมั่นถือมั่น
    ด้วยอนุภาพของ มาร จึงทำให้ ทำได้จริง รู้จริง ผิดบ้าง ถูกบ้าง
    ได้เรียนทั้งวิชาทางพุทธ และทางมาร ไปพร้อมๆกัน


    แต่สำหรับผู้ที่มีปัญญา ท่านจะเห็น การทำงานของ มารในและมารนอก
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านจะปราศจาก มารอยู่ในจิตอยู่ในใจ
    แต่ ด้วยอนุภาพของสัมมาทิฏฐิ มีมาก ทางเหล่ามารจึงมีบทบาทน้อยลง
    จะแตกต่างไปจากผู้ที่มีบุญ-บารมีสูง เมื่อสิ้นกิเลศแล้วมารจะทำอะไรไม่ได้


    การเนรมิตกาย คือการเชื่อมโยง สภาพกายทิพย์ หลายๆ กายเข้าเป็นหนึ่งกับจิตผู้ที่มีอนุภาพฤทธิ์มาก สามารถแบ่งแยก ให้หลายกายทิพย์ทำหน้าที่ต่างๆกันโดย มีศูนย์ควบคุม คือจิต นั่นเอง
    โดยการต้องรวมจิตเป็นหนึ่ง ด้วยอำนาจฌาณสมาบัติขั้นสูง
    (ขั้นกลางก็ทำได้แต่จะได้ตามบุญ-บารมี )
    และอธิฐานจิตเพื่อ แยกจิตเป็นหลายดวง
    และ จะก่อให้เป็นสภาพทิพย์ที่มีรูปลักษณะเหมือนตัวเองก็ได้ เหมือนผู้อื่นก็ได้

    ผู้มีปัญญามาก ก็ทำด้วยปัญญา-ญาณ
    (ปัญญา หยั่งรู้ ในอิทธิวิถี ด้วยกำลังของตนเองและใช้กำลังผู้อื่นได้ด้วย)


    ดังนั้น เมื่อ จิตของผู้ที่มีกำลังอานุภาพ ออกจากกายหยาบ
    และอยู่ในสภาวะทิพย์ หากมีอายตนะทิพย์ คือ หูทิพย์ ตาทิพย์ จมูกทิพย์
    จึงเป็นธรรมดา ที่สามารถ มองเห็นจักระ หรือกระแส
    ปราณ กระแสไฟฟ้าในร่างหรือความเจ็บความปวดภายใน
    โดยเฉพาะโรคกรรม


    ตาทิพย์
    ก็จะเห็น ในสิ่งที่คนทั่วไปไม่เห็น
    หูทิพย์
    นับได้ตั้งแต่รู้ภาษา สากล ภาษา ภพภูมิอื่นตั้งแต่พรหมโลกจนถึงยมโลก
    แต่บางท่านก็ได้ยินเฉยๆ ปัญญายังไม่พอ ที่จะเข้าใจได้ทั้งหมดก็มี
    จมูกทิพย์
    ก็จะรู้ในกลิ่น ของพรหม เทวดา เจ้าที่ ภพภูมิต่างๆ
    ลิ้นทิพย์
    รู้รสชาติของภูมิต่างๆ ว่าเสพอะไรเป็นอาหาร
    รู้บ้างไม่รู้บ้างก็มี ไม่ใช่ว่ารู้ไปหมด
    กายทิพย์
    สามารถ เอากายที่เป็นกายเนื้อหรือกายละเอียดก็ตาม
    เอารับรู้ตามภพภูมิต่างๆได้
    ส่วนใจ หรือจิต
    ไม่ขอเขียนต่อนะคะ.


    ตัวชา ขอขมา คุณพระศรีรัตนไตร ครูบา-อาจารย์
    หากผิดพลาดพลั้ง ด้วยความไม่ตั้งใจ
    ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ในเหตุทั้งหมด
    จึงเขียนเท่าที่พอรู้และที่พอทำได้
    เพื่อเป็นการตอบปัญหา ของผู้ที่ติดขัด
    บางคำอักษร ได้รู้ได้เห็นจริง
    จากครูบาอาจารย์เป็นผู้ต่อยอดให้ ที่ท่านได้ทั้งมรรคทั้งผล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2007
  2. ปานโสม

    ปานโสม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +18,151
    พี่เม้าท์
    นำวิชา ธรรมกายมาโพส

    หากผู้ที่ฝึกและสำเร็จวิชชาธรรมกายในบางส่วน
    เรื่องกายทิพย์ต่างๆ หรือหลายๆกายนั้น
    จะเห็นและทราบว่า มี เป็น อยู่ จริง

    เมื่อ ฝึกถึงจบวิชชา 18กาย ก็จะพอเข้าใจว่า
    จิตเดิมแท้ เป็นประภัสสร กิเลสเป็นอคันตุกะจรมา จิตจึงหม่นหมอง

    ขอท่านผู้แตกฉานในวิชามโนมยิทธิ เมตตา
    นำความรู้ในส่วนนี้ กายทิพย์ เนรมิตกาย
    มาเทียบในจุดเชื่อมโยง ให้ความรู้ ด้วยได้ไหมคะ
    เพื่อเป็นวิทยาทาน สาธุ สาธุ
     
  3. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    เมื่อจิตมีอนุภาพมากถึงขั้นที่ สามารถรวมตัว ก่อตัว เป็นหลายๆรูปแบบ
    เป็นธรรมดาที่ เราจะสามารถส่งจิต ออกนอกไปไกล หรือ ก่อตัวเป็นกายแทน

    โดยการนิรมิตด้วยอำนาจจิต ปัญญา ฌาณ หรือกสิณ หรือ ถอดวิญญาณออกจากร่างได้เลย ตามแต่ใครจะถนัด..........................................

    ......................การเนรมิตกาย คือการเชื่อมโยง สภาพกายทิพย์ หลายๆ กายเข้าเป็นหนึ่งกับจิตรูผู้ที่มีอนุภาพฤทธิ์มาก สามารถแบ่งแยก ให้หลายกายทิพย์ทำหน้าที่ต่างๆกันโดย มีศูนย์ควบคุม คือจิต นั่นเอง
    โดยการต้องรวมจิตเป็นหนึ่ง ด้วยอำนาจฌาณสมาบัติขั้นสูง

    (ขั้นกลางก็ทำได้แต่จะได้ตามบุญ-บารมี )
    และอธิฐานจิตเพื่อ แยกจิตเป็นหลายดวง
    และ จะก่อให้เป็นสภาพทิพย์ที่มีรูปลักษณะเหมือนตัวเองก็ได้ เหมือนผู้อื่นก็ได้
    ผู้มีปัญญามาก ก็ทำด้วยปัญญา-ญาณ
    (ปัญญา หยั่งรู้ ในอิทธิวิถี ด้วยกำลังของตนเองและใช้กำลังผู้อื่นได้ด้วย)

    ...............................................................................

    โมทนาสาธุ กับคุณปานโสม ครับ

    ทำให้เราทราบว่า นอกจากกายหยาบ แล้ว ยังมีกายทิพย์อีกหลายกาย
    ที่ไม่ใช่ กายเดียว

    คงจะพออธิบายในบางสิ่งที่ลุงหมูบิน ต้องการทราบได้บ้างนะครับ
     
  4. s_pantusom

    s_pantusom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,333
    ต้องขอขอบคุณ พี่เม้า และคุณปานโสมมากครับ คำตอบของพี่เม้า และ คุณปานโสมได้อธิบายสิ่งต่าง ๆ ที่สงสัยได้มากเลยทีเดียวครับ อันที่จริงที่ผมสงสัยเกี่ยวกับการเนรมิตกายแล้ว กายเนรมิตสามารถกระทำสิ่งต่าง ๆ ได้ โดยที่กายเนื้อก็ยังสามารถรู้สึก หรือทำสิ่งต่าง ๆ ได้เช่นกัน แต่พอได้อ่านคำตอบของคุณปานโสมแล้ว กระจ่างขึ้นเยอะเลยครับ ทำให้ผมฉุกคิดถึงเรื่องสมัยพุทธการว่าก็ได้มีตัวอย่างอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะว่าผมลืมไปเอง ต้องขอบคุณ คุณปานโสม และพี่เม้าอีกครั้ง คำตอบเหล่านี้ได้ช่วยคลายความสงสัย และได้เพิ่มความศรัทธา ในตัวท่านอาจารย์ ได้มากครับ

    ขอบคุณมากครับ
     
  5. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    หลังจากงานวันที่ 9 กย. ได้ตามอ่านในหลายๆกระทู้

    ผู้ที่ได้รับการเปิดจักระ 100% หลายๆท่านจะมีปัญหาเกี่ยวกับอาการคอแห้งแสบๆในคอคล้ายๆกับจะเป็นหวัด
    ในงานได้กล่าวเตือนเรื่องนี้ไว้แล้วและบอกวิธีแก้ โดยการให้กิน(ดื่ม)น้ำบ่อยๆ ไม่ต้องหายากิน เพราะยาอะไรก็ช่วยไม่ได้

    สิ่งที่เกิดขึ้น เกิดจากพลังที่ร่างกายดูดซับเข้าไป ทำให้ธาตุน้ำในกายเสียสมดุล จึงต้องแก้ด้วยการดื่มน้ำ ยิ่งฝึกมาก อาการก็จะยิ่งเกิดมาก(จนกว่าร่างกายจะปรับสมดุลยได้ อาการดังกล่าวจะค่อยๆลดลงจนหายไป)

    แต่ในงานสอนแต่เพียงให้ดื่มน้ำเข้าไว้จะแก้ได้ มีบางคนดื่มน้ำแล้วดื่มน้ำอีกก็ยังไม่หายอยาก กินเสียจนท้องกางก็ยังไม่หาย จนท้องจะแตกตาย

    วันนี้จะขอขยายรายละเอียดเทคนิคการดื่มน้ำเพื่อแก้อาการคอแห้งแสบคอจากการฝึกพลัง(ไม่ว่าจะฝึกสายใหนก็ใช้ได้)

    การดื่นน้ำท่านให้ดื่มแบบจิบทีละน้อย แต่บ่อยๆ
    ก่อนกลืนท่านให้อมน้ำไว้ ให้น้ำกระจายไปทั่วทั้งปาก กำหนดความรู้สึกให้น้ำสัมผัสทั่วทั้งปาก ชั่วครู่แล้วจึงกลืน

    ตอนที่กำหนดความรู้สึกให้น้ำสัมผัสทั่วทั้งปาก อาจกำหนดคำภาวนาว่า "อาโป อาโป" ธาตุ แล้วตั้งจิตกำหนดการรักษาอาการฯ ก่อนกลืน

    เมื่อมีการภาวนากำกับ อาการจะหายเร็วขึ้น แต่ถ้ามากไป ธาตุน้ำก็จะเป็นตัวขัดขวางการการหมุนจักระ ทำให้การฝึกถดถอยและช้าลง

    ให้ทำแต่พอดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2007
  6. triangle-w

    triangle-w เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    3,417
    ค่าพลัง:
    +21,412
    ความสำคัญของการฝึกพลังต้องเข้าใจไว้ก่อนว่าเมื่อพลังเข่ามาสู่ร่างกายเราแล้วจะต้อง ถ่ายพลังออกจากร่างกายด้วยครับ ไม่เช่นนั้น พลังจะอัดแน่นอยู่ภายใน ทำให้เกิดอาการดังกล่าวครับ วิธีถ่ายพลังเช่นถ่ายให้ต้นไม้หรือช่วยรักษาคนที่ไม่สบายหรือเจ็บป่วยครับ โดยวางมือหนึ่งที่จักระที่คุม อวัยวะส่วนที่เจ็บป่วยและอีกมือวางลงบนจุดที่เจ็บป่วยครับ เมื่อรู้สึกร้อนก็พอครับ จะเกิดจากพลังตีกลับครับแปลว่าพลังที่เราให้เขาเต็มแล้วครับ หรือให้สูดลมหายใจยาวๆทางจมูกแล้วพ่นออกทางปาก 3 ครั้งครับ
     
  7. ธรรมจักร

    ธรรมจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    700
    ค่าพลัง:
    +4,150
    ผมขอเล่าประสบการณ์ให้ฟังนะครับหลังจากที่อาจารย์เปิดจักรให้แล้ว จึงเริ่มมาทดลองที่บ้าน โดยผมมีอาการณ์ภูมิแพ้อยู่บ้างแต่พอเรื่มหมุนจักระอาการณ์ภูมิแพ้ที่เป็นอยู่ก็หายไป และผมก็อยากรู้ว่าเป็นเพราะว่าเป็นผลจากการฝึกพลังจักรวาลหรือไม่ ต่อมาก็ลองงดที่ไม่ทำดูก็ปรากฎว่าอาการณ์ที่ว่าก็กลับมาเป็นอีกหลังจากทดสอบดูจึงรู้ว่าพลังจักรวาลสามารถใช้รักษาโรดได้จริง
    และที่ผมทำผมก็จะใช้อานาปาฯ ควบด้วยพร้อมกับหมุนจักระไปพร้อมกันครับทั้งหกจักระครับ
     
  8. triangle-w

    triangle-w เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    3,417
    ค่าพลัง:
    +21,412
    อาการของโรคภูมิแพ้ เกิดจากจักระที่ 5 และจักระที่ 3 ไม่แข็งแรงครับ ต้องพยายามทำบ่อยๆครับ การหมุนจักระทำได้ทั้งวันครับ ไม่มีข้อจำกัดครับ ตอนเช้าคุณรักษาก่อน โดยมือหนึ่งแตะที่จักระที่ 5 และอีกมือแตะที่ขั้วปอด สูดสั้นพ่นยาว 3 ครั้ง เมื่อร้อนเป็นพอ แล้วไปรักษาต่อที่จักระที่ 3 มือหนึ่งที่จักระ 3 มือหนึ่งที่ท้อง ถ้ามีอาการถ่ายท้องอย่าตกใจครับ พลังจะไปขับพิษที่สะสมอยู่ในร่างกายออกครับ อย่าตกใจไป หลังจากรักษาแล้วห้ามรักษทอีกครับ ให้หมุนจักระแทนครับ
     
  9. diawmu

    diawmu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    255
    ค่าพลัง:
    +322
    แล้วอย่างโรคหอบหืดละครับใช้วิธีรักษายังไงครับ
     
  10. triangle-w

    triangle-w เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    3,417
    ค่าพลัง:
    +21,412
    โรคหอบหืดและโรคภูมิแพ้เป็นถือว่าเป็นโรคทาง จิตวิญญาณครับต้องค่อยๆรักษาและยอมรับกับสิ่งที่ตนเองเป็นอยู่ เท่าที่จำได้จะหายได้ก็ต่อเมื่อเรียนถึงระดับ 7 พิเศษไปแล้วอาการที่เป็นอยู่จะทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัดครับ ส่วนในระดับ 4 เป็นการใช้ลมปราณในการรักษาครับ คงต้องเพียงรักษาตามอาการที่เป็นครับ คล้ายกับโรคภูมิแพ้เหมือนกันครับ ในระดับที่สูงขึ้นกว่านี้จึงจะเป็นการเรียนในระดับที่มีจิตวิญญาณเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องครับ ถ้าสนใจคงต้องไปเรียนที่ศูนย์ ตามที่บอกไว้ข้างต้นครับ ลองเปิดกลับไปดูครับ
     
  11. sorapong_raluk

    sorapong_raluk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +318
    ผมก็มีอาการเหมือนกัน อาจารย์ triangle w ตอบคำถามได้ชัดเจน และทำให้มีกำลังใจว่ามาถูกทางแล้วครับ . . . ต้องฝึกต่อไป. . .
     
  12. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,514
    ค่าพลัง:
    +27,181
    ที่คุณชาใช้น่ะแหละจ้ะ เป็นมโนมยิทธิ
    การตั้งดวงธรรมที่จุดศูนย์กลางกายถึงเป็นวิชาธรรมกาย
    ตั้งที่อื่นเป็นมโนมยิทธิที่เดินด้วยกสิณสว่างแบบธรรมกาย
    ถ้าจะเอากำลังมโนมยิทธิสมบูรณ์ก็เพิ่มการฝึกแยกธาตุ4ในร่างกาย
     
  13. surapar

    surapar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,408
    เมื่อวาน(16)ช่วง 10 โมง ไปหาอาจารย์ที่บูท ท่านแนะนำวิธีหมุนจักระแบบใหม่ค่ะ คือแค่ให้นึกว่าตัวเราถอดกายออกมานั่งอยู่ข้างหน้าเราโดยหันด้านข้างให้ แล้วเราใช้นิ้วมือหมุนจักระที่ร่างสมมุติของเราตามจุดเลย ปรากฏว่าเป็นการกำหนดที่ดีมากค่ะ หมุนติ้วๆ เลยแล้วมีพลังด้วย ง่ายกว่าการนึกภาพตามจุดที่ร่างของเราจริงๆ ด้วย มหัศจรรย์มากค่ะ ลองทำดูนะคะ หนุกดี ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2007
  14. monsodsai

    monsodsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +570
    <TABLE class=MsoNormalTable style="BACKGROUND: white; WIDTH: 116.16%; mso-cellspacing: 0cm; mso-padding-alt: 4.5pt 4.5pt 4.5pt 4.5pt" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="116%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0"><TD style="BORDER-RIGHT: white 1pt solid; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: white 1pt solid; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #f7f3f7; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: white 1pt solid; WIDTH: 160.45pt; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: white 1pt solid; mso-border-top-alt: .25pt; mso-border-left-alt: .75pt; mso-border-bottom-alt: .25pt; mso-border-right-alt: .75pt; mso-border-color-alt: white; mso-border-style-alt: solid" vAlign=top width=214>เมื่อวานนี้, 10:01 PM <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: white 1pt solid; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #efebef; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; mso-border-right-alt: solid white .75pt" vAlign=top>
    #1 <o:p></o:p>
    </TD></TR><TR style="mso-yfti-irow: 1; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: white 1pt solid; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: white 1pt solid; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #f7f3f7; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: white 1pt solid; WIDTH: 160.45pt; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: white 1pt solid; mso-border-top-alt: .25pt; mso-border-left-alt: .75pt; mso-border-bottom-alt: .25pt; mso-border-right-alt: .75pt; mso-border-color-alt: white; mso-border-style-alt: solid" vAlign=top width=214>FATAL_FRAME<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_707884", true); </SCRIPT> <o:p></o:p>
    สมาชิก<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 10:01 PM<o:p></o:p>
    วันที่สมัคร: Mar 2006<o:p></o:p>
    ข้อความ: 21
    ได้ให้อนุโมทนา 14 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 89 ครั้ง ใน 19 โพส <o:p></o:p>
    พลังการให้คะแนน: 0 <?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:preferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><v:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></v:path><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=_x0000_i1026 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="FATAL_FRAME is on a distinguished road" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://www.palungjit.org/board/images/reputation/reputation_pos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><v:shape id=_x0000_i1027 style="WIDTH: 6pt; HEIGHT: 7.5pt" alt="FATAL_FRAME is on a distinguished road" type="#_x0000_t75"><v:imagedata o:href="http://www.palungjit.org/board/images/reputation/reputation_pos.gif" src="file:///C:\DOCUME~1\User\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.gif"></v:imagedata></v:shape><o:p></o:p>
    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: white 1pt solid; PADDING-RIGHT: 4.5pt; BORDER-TOP: #ece9d8; PADDING-LEFT: 4.5pt; BACKGROUND: #efebef; PADDING-BOTTOM: 4.5pt; BORDER-LEFT: #ece9d8; PADDING-TOP: 4.5pt; BORDER-BOTTOM: #ece9d8; mso-border-right-alt: solid white .75pt" vAlign=top>ข้อห้าม!!! การฝึกลากจักระ หมุนผิด ทวนผิด..มีผลให้ อายุแก่เร็วขึ้น <o:p></o:p>
    <HR align=center width="100%" color=white noShade SIZE=1>
    ทางเต๋า มีวิชาที่ใช้การหมุน ตามเส้นจักระ ทั้ง7 อยู่ ซึ่งลาก ชี่ หรือ ปราณ ที่วิ่งตามเส้น กุลดีณี (เส้นกึ่งกลางของ มนุษย์ ซึ่งเกี่ยว กับ จักระทั้ง 7 ไว้)

    ขอย้ำนะครับ ว่า ต้องวนตามทิศทาง จากจักระ ท้องน้อย(จะเริ่มที่ใหนก็ได้แต่ต้องตามเส้นทางที่บอก) แถวทวารหนัก ไปก้นกบ หลัง ต้นคอด้านหลัง หัว หน้าผาก คอ ลิ้นปี่ ท้อง ท้องมาน้อย

    อย่า!! ไปสลับกัน จากท้องน้อย ขึ้นไปท้อง ลิ้นปี่ คอ หน้าผาก หัว ต้นคอด้านหลัง หลัง ก้นกบ แถวทวารหนัก กลับมาท้อย นะครับ

    เป็นการหมุนตามเส้นจักระที่ผิด... เพราะเคยมีคนลองแล้ว ปรากฏว่า มีปัญหา ผมร่วง สุขภาพร่างกายต่างๆ (ร่างกายโทรมลง)


    บางคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หมุนตามเส้นกุลดิณีผิด บางสำนักอาจจะมีการสอนที่ผิด(เพราะบางทีไปแปลจาก ตำราต่างประเทศมา ที่ให้ลองหมุนเส้นแบบที่ผิด)


    บางคนเผลอทำผิดจนชี่มันวิ่งเป็นอัตโนมัติแบบนั้น แล้วจะแก้ มันแก้ยากครับ เส้นชี่มันวิ่งอัตโนมัติของมันไปแล้ว<o:p></o:p>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
    ขออนุญาตนำข้อความจากกระทู้อื่น ซึ่งเห็นว่าเกี่ยวข้องกันมาถามค่ะ คืออ่านแล้วยังไม่เข้าใจ รู้สึกว่า การแนะนำการหมุนจักระของเขา จะไม่ตรงกับที่อาจารย์ ดร.ชู ท่านสอนในงานวันที่ 9-9-50 ขอความกรุณา ท่านอาจารย์ หรือคุรุ ผู้รู้ช่วยอธิบายเพิ่มหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  15. Dr. Choo

    Dr. Choo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +1,473
    การหมุนจักระแบบพลังจักรวาล

    การหมุนจักระจะหมุนทวนเข็มหรือตามเข็มนาฬิกาก็ได้ครับ

    การหมุนจักระคือ การกระตุ้นให้จักระต่างๆทำงาน ได้ทั้งสมาธิและสุขภาพแข็งแรง โดยใช้จักระ6ไปหมุนจักระ7,5,4,3 และ 2

    จะหมุนทีละจักระไหนก่อนก็ได้ หรือจะหมุนพร้อมๆกันกี่จักระหรือทั้งหมดพร้อมกันก็ได้ครับ

    อาการที่แสดงว่าหมุนแล้วอาจรู้สึกหมุนเป็นเกลียวซ้ายหรือหมุนขวาหรือรู้สึกร้อนๆที่จักระ หรือตึงๆ, โบ๋งๆ, ตุบๆแล้วแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน
    แม้จะมีความรู้สึกเล็กน้อยก็ถือว่าหมุนแล้ว จักระทำงานแล้วครับ

    หมุนวันละกี่ครั้งก็ได้ จักระละไม่เกินห้านาทีครับ

    วิธีการดังกล่าวเป็นมาตรฐานของวิชาพลังจักรวาล

    มีผู้ใช้วิธีนี้ทั่วโลกมากกว่าสองล้านคนแล้วครับและก็ประสบผลสำเร็จ

    ผมเองก็ใช้วิธีนี้ บางครั้งก็หมุนทีละจักระ บางครั้งพร้อมๆกันห้าจักระ บางครั้งสลับกันไปสลับกันมา ไม่มีปัญหาครับ

    อย่าลืมว่าพวกเราได้เปิดจักระ 100% เรียบร้อยแล้ว

    ผมเองก็ทำการหมุนจักระให้กับทุกคนแล้ว

    การหมุนจักระเป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่งของวิชาพลังจักระวาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2007
  16. surapar

    surapar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,408
    แล้วการเปิดรับพลังจักรวาล จะเป็นการรับพลังทั้งดี และไม่ดีเข้ามาในตัวด้วยหรือเปล่าคะ
     
  17. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    การเปิดรับพลังจักรวาล
    คือการที่จักระหมุน
    จักระจึงดูดแสง ทั้ง 7 สี ที่เป้นสีรุ้ง
    ม่วง คราม น้ำเงิน เหลิองส้ม แดง
    ซึ่งเป็น สะเปคตรั้มของ แสงแดด
    แสงแดดจึงเป็นแสงที่บริสุทธิ์

    จึงมีข้อห้าม
    นั่งหมุนจักระในห้องที่ ไม่มีการถ่ายเท อากาศ
    ใต้แสงไฟนีออน และใต้สายไฟฟ้าแรงสูง ของ กฟผ
    ที่แรง มาก ถึง 250,000 โวลท์

    เพราะ แสงจะเพี้ยน และ ความถี่คลื่นสูง เกิน
    นั่งในสนามหญ้า ตามชายทะเล จะดีที่สุด
     
  18. triangle-w

    triangle-w เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    3,417
    ค่าพลัง:
    +21,412
    ถ้าเรียนถึงระดับหนึ่งจะเป็นการ อธิษฐานขอพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนครับ ในการศึกษาเบื้องต้นก็เป็นอย่างที่พี่ ตาที่ 3 ว่าไว้ครับ
    (one-eye)
     
  19. Maxxyzzz

    Maxxyzzz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +823
    อาจารย์ครับ ตอนฝนตก กับ ตอนกลางคืนมีผลอะไรรึเปล่าครับ
     
  20. ฟิล์มนรกภูมิ

    ฟิล์มนรกภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    132
    ค่าพลัง:
    +669
    1. กายมนุษย์
    2. กายมนุษย์ละเอียด
    3. กายทิพย์
    4. กายทิพย์ละเอียด
    5. กายรูปพรหม
    6. กายรูปพรหมละเอียด
    7. กายอรูปพรหม
    8. กายอรูปพรหมละเอียด
    9. กายธรรมโคตรภู
    10. กายธรรมโคตรภูละเอียด
    11. กายธรรมโสดาบัน
    12. กายธรรมโสดาบันละเอียด
    13. กายธรรมสกิทาคามี
    14. กายธรรมสกิทาคามีละเอียด
    15. กายธรรมอนาคามี
    16. กายธรรมอนาคามีละเอียด
    17. กายธรรมอรหัตต์
    18. กายธรรมอรหัตต์ละเอียด



    หว้ายของดีมากๆ อยู่นี่เอง สงสัยตั้งนานว่ามีกายไหนบ้าง
    ก็แหม พัฒนาที่จิตสิคะ กิเลสค่อยๆ เบาบาง เวลาเข้าวิชชา
    ธรรมกายจะเห็นเลยค่ะ ว่ากายมันต่างกัน เรียกว่า เช็คได้
    ไม่มีโป้ปดมดเท็จ ปัจจัตตังอะไรนั่น มันพิสูจน์เป็นสากลได้
    โดยเข้าวิชชานี่แหละเจ้าค่ะ


    การได้เห็น "กายใน" แล้ว เพราะบรรลุวิชชาธรรมกาย
    จากนั้นให้ละกิเลสไปเรื่อยๆ กายในจะเปลี่ยนเอง ให้ละที่จิต
    ไม่ต้องไปเสริมแต่งบุญอะไรให้กายในนะค่ะ


    จิตเปลี่ยน กายใน จะเปลี่ยนเอง จะรู้สึกได้ว่ามันดีงามขึ้นค่ะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...