ไครรู้จักบ้านสวน พีระมิด มั่งครับ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ล้มเหลว, 19 กันยายน 2012.

  1. ิฟ้าหลังฝน

    ิฟ้าหลังฝน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +34
    วันนี้ได้คุยกับพี่ที่รู้จักคนนึง
    ก่อนหน้านี้ได้แนะนำให้พี่เขาเข้าไปอ่านในเว็บไซต์บ้านสวนฯ
    มาช่วงหลังไม่ได้คุยกันเลย และพี่เขาก็บอกว่าไม่ได้เข้าเว็บบ้านสวนฯตั้งนานแล้ว
    ม่ายรู้ด้วยเหตุผลใด แต่พี่เขาก็บอกว่าใจน่ะสบายดี
    แต่สังขารไม่ให้เลย ปวดแปล๊บที่กลางหลัง วันก่อนให้หมอนวดมานวดให้
    อาการดีขึ้นแต่ยังไม่หาย คุยไปคุยมา
    พี่เขาก็บอกว่า อาการดีขึ้นแล้ว ยังเหลืออีกนิดนึง
    พี่เขาสารภาพว่าเคยเอามีดแทงลูกงู(งูหลบอยู่ในซอกเล็กๆ)
    หลังสารภาพอาการก็ดีขึ้นมาอีก สุดท้ายให้พี่เขาขอขมาลูกงูตัวนั้น
    ปรากฎว่า หายปวดหลังแล้ว
    สุดท้ายให้พี่เขาขอบคุณสมเด็จองค์ปฐม พระศรีอาริย์ พระเจ้าอยู่หัว
    และเทวดาที่รักษาท่านอาจารย์อุบลทุกพระองค์
    กราบพระบาทในความเมตตาของทุกพระองค์
    *** พี่เขาหายด้วยความศรัทธาที่มีต่อบ้านสวนฯ ท่านอาจารย์อุบล และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2012
  2. นรมิตร

    นรมิตร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    119
    ค่าพลัง:
    +8
    เคยเห็นข่าว เด็กเกียรต์นิยมที่จุฬาฯ
    ไปรักษากับหมอที่เขาว่ามีพลังรักษา
    หายได้ทุกโรค โฆษณามากเลยครับ
    แต่ว่า เขาก็ตาย ออกข่าวดังระยะหนึ่ง


    คิดว่าทำอะไร ถ้าไม่ผิดกฏหมาย ก็ไม่
    เป็นอะไร เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ถ้ามี
    โฆษณาเกินจริง แล้วละเมิดทำให้คนที่
    ไปรักษา เกิดเป็นอะไรขึ้นมา


    ก็คงต้องรับผิดชอบด้วยนะครับ ...
     
  3. willingboon

    willingboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2009
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +349
    ผมคิดว่าหลายๆท่านอาจยังสงสัยว่าที่เขาหายๆกันนั้นเขารักษากันยังไง เช่น เอายาให้กิน ฝังเข็ม หรืออื่นๆหรือยังไง บอกตรงๆนะครับ ไม่ใช่ทั้งนั้น เพราะที่ผมเคยเห็นมา เขาทำบุญด้วยแรงกายเป็นหลัก หรือปัจจัยสิ่งของตามแต่เขาจะต้องการ

    แต่เขาเน้นบุญแรงกายเป็นหลัก แล้วเขาสมาทานศีลกันโดยยอมเล่าเรื่องที่ตนเองเคยทำบาปผิดศีลแต่ละข้อด้วยจิตที่สำนึกและตั้งใจว่าจะไม่กลับไปทำอีก จะรักษาศีล5ตลอดไป และอุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวร โดยขอบารมีพระพุทธเจ้าขอเบิกบุญทานศีลภาวนาทุกชาติ แล้วอุทิศให้กับเขาไป แล้วอาการต่างๆที่เขาเป็นอยู่ก็หายทันที

    นี่คือธรรมะบำบัดที่ผมเคยเห็นมา คงไม่ใช่ประเด็นที่ว่ามาที่นี่แล้วต้องหายหรือไม่หาย หรือจะเป็นอะไรหลังจากนั้นเพราะเป็นสิ่งที่แต่ละคนดำเนินชีวิตกันว่าทำอย่างไรครับ เพราะเขาไม่ได้ใช้ยาหรือกดจุด ผ่าตัด หรือฝังเข็มใดๆเลย
     
  4. adi40

    adi40 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +46
    ก่อนหน้านี้ผมก็ไปฝึกปฎิบัติรรมหลายๆวัด แต่งชุดขาว เดินจงกรม
    นั่งสมาธิ 7 วัน 9 วันบ้าง ก็ทำให้ใจสงบดี แต่พอกลับมาสู่สังคมเมือง เจอสิ่งยั่วยวน
    ก็ทำให้ผมวกกลับไปทำชั่วอีก เป็นอยู่อย่างงี้มาหลายปี
    พอผมได้มาเจอบ้านสวนพีระมิด เจอสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
    มีตัวอย่างให้ดูสำหรับคนที่ทำผิดศีล แล้วผลจะเป็นยังงัย
    ทุกวันนี้ ทำให้ผมมีจิตใจเข้มแข็ง ไม่กล้าที่จะทำผิดอีก
    แล้วผลที่ตามมาคือ ชีวิตมีความสุขขึ้น การงาน เงิน ดี
    และที่สำคัญ ที่บ้านสวนฯ ทำให้ผมมีจิตอาสา
    อยากช่วยเหลือคนอื่น อยากมีส่วนช่วยสังคม ประเทศชาติ
    นี่แหละครับ คือ ความสุข อันยิ่งใหญ่

     
  5. svt

    svt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2006
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +1,033
    " จริงๆก็อยากให้ผู้ที่ได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้ทุกๆท่าน
    ได้มีโอกาสเข้าไปอ่านเว็บบ้านสวนพีระมิด
    หรือ เข้าไปพิสูจน์ ไปดูว่าที่บ้านสวนพีระมิด
    มีกิจกรรมอะไร สอนอะไร ด้วยตัวท่านเอง
    เพราะท่านจะได้หายสงสัย และเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง"


    เป็นประโยคเชิญชวนที่ดีครับ
    หากท่านใดมีเวลาว่างๆจริงก็ลองดูได้
    และธรรมดาก่อนที่จะเข้าไปเรียนรู้สิ่งใด
    ก็ควรศึกษาเรื่องราวพื้นฐานไปก่อน

    ----------------------------------

    โดยผู้ที่สนใจศึกษาพื้นฐานเบื้องต้นอีกด้านจากข้อมูลหลายๆด้านที่ประกอบกัน

    มีคลิปที่ออกมาเผยแพร่ทั่วไปซึ่งเป็นของที่นั่น ซึ่งจัดทำมาเพื่อเผยแพร่อย่างดีในวงกว้าง
    เพราะมีตัวหนังสือแนะนำสินค้าทำแปะไว้ อย่างน้อยขอแปะลงมาอีก 2 คลิป ....

    I
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=TMQRC6vAzDg]รายการคุยไปแจกไป 5 ส.ค. 2555 - YouTube[/ame]

    จากตอน "สารภาพบาปกับองค์เทพสฟิงซ์ เห็นผลฉับพลันทันที เหมือนสารภาพกับ อ.อุบล" ที่มาเนื้อหาและวิดีโอ http://www.baansuanpyramid.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539466719&Ntype=2

    ถอดมาคำต่อคำตามนั้นในคลิปประมาณ นาทีที่ 0:30:00 อาจารย์ที่นั่นเก่งมาก?? อัญเชิญพระพุทธเจ้ามาได้ ๔ พระองค์ เค้าเป็นคนกลางสื่อสารภาพบาป และยังสารภาพบาปกับสฟิงค์ได้อีกด้วย
    หมายเหตุ: การสารภาพบาปที่นั่น เป็นการอวดอ้าง ถึงพระพุทธเจ้าองค์ต่างๆ ของเจ้าสำนักนั้นเอง และไม่มีในพระไตรปิฏกของศาสนาพุทธ ว่าบุคคลใดต้องไปสารภาพบาปกับพระพุทธเจ้า และสาวกองค์ใด พึงใช้วิจารณญาณ ..ยิ่งสารภาพกับสฟิงค์(สัตว์ในตำนานอียิปต์) หรือกับอาจารย์เจ้าสำนัก ก็ยิ่งทำให้ชาวพุทธหลงทิศไปกันใหญ่

    แนวคิดที่นำมาประยุกต์ใช้ คล้ายๆ ของศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิก ที่มีการสารภาพบาปกับหลวงพ่อบาทหลวงในโบสถ์ เพราะนิกายนี้มีความเชื่อศรัทธาว่า บาทหลวงสามารถติดต่อกับพระเจ้าได้ พระเจ้าสถิตย์ในโบสถ์ สามารถลอยบาปที่ตนก่อขึ้นออกไปได้ถ้าทำอย่างนี้(อาจได้ปลอดปล่อยจิตใจใต้สำนึก และจิตใต้สำนึกผ่อนคลายร่างกายปวดตึง ที่เจ็บป่วยได้บ้างบางขณะ แต่"วิบาก"แห่งกรรม ยังอยู่ไม่ได้หายไปไหน)

    หากสนใจเนื้อหาทั้งหมด ท่านก็สามารถคลิกดูตามคลิปนั้นต่อเองได้...
    _________________


    II

    นอกจากเรื่องสารภาพบาปกับอ.เจ้าสำนัก และสฟิงค์แล้ว
    ยังมีมนุษย์ต่างดาวมาเข้าทรง มาบอกภัยพิบัติ
    โดยธรรมชาติ ความกลัวทำให้มนุษย์ต้องการที่ยึดเหนี่ยวอาจเป็น สถานที่ หรือ วัตถุ
    ...นี้เป็นการสร้างความกลัววิธีนึง โดยมีคำตอบให้คนที่กลัวคือสินค้าที่บอกในตัวหนังสือบนคลิป และจากในคำถามชี้นำโดย อ.เจ้าสำนัก ที่ได้โต้ตอบกับร่างทรงมนุษย์ต่างดาว หรือปล่าว ??
    หรือแน่ใจได้อย่างไรว่านี่ไม่ใช่อาการทางจิตประสาทหลอนชนิดนึง ??

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=qakh9mTWFT8]ท่านดตาจินินเสด็จมาบ้านสวนพีระมิด - YouTube[/ame]


    --------------------------------

    ครั้งนี้ไม่วิจารณ์ที่บ้านสวนพีระมิดแต่ประการใดๆ แต่กล่าวเป็นกลางๆว่า ...

    เมืองไทยในปัจจุบันมีหลายสำนัก หลายสถาน อ้างบอกว่า สอนตาม "คำสอนพระพุทธเจ้า"

    ขอให้ท่านผู้อ่านพึงทำความเข้าใจตรงนี้ก่อนว่า "คำสอนพระพุทธเจ้า" นั้นหากศึกษาดูให้ครบถ้วน คำนี้จะกินความหมายกว้าง

    คือ ในพระไตรปิฏก ที่มี"คำสอนพระพุทธเจ้า" ทรงสอนทั้งหมด ๔๕ ปี และหัวข้อต่างๆ เชื่อมโยงสอดคล้องกัน ไม่ขัดแย้งกันเลย
    หัวข้อสำคัญโดยลำดับ ได้แก่
    - กฏแห่งกรรม
    - การทาน
    - ศีล
    - สมาธิ
    - ปัญญา
    - วิมุตติ
    - วิมุตติญาณทัศนะ

    กระนั้นบางสำนัก บางสถานที่ อาจสอนถูกหัวข้อเรื่องนึง แต่ตีความ"คำสอนพระพุทธเจ้า" ไปสอนผิดอีกหัวข้อนึงเรื่องนึง ก็สามารถเกิดขึ้นได้
    แต่ประเด็นที่สำคัญทั้งนี้ ได้แก่

    ๑. ขึ้นกับผู้เข้าไปศึกษาปฏิบัติเองว่ามีความรอบคอบ มีคำตอบให้กับตัวเองเพียงใดระดับไหน ?

    ๒. ผู้ที่เข้าไปศึกษาปฏิบัติ เขาได้นำคำสอนของเจ้าสำนักนั้นๆ หรือ สาวกรุ่นหลัง เทียบเคียงความถูกต้องกับพระพุทธดำรัส ว่าลงกันได้อย่างสม่ำเสมอทุกหัวข้อมั้ย ? และเชื่อใครมากกว่ากัน?

    ๓. ศรัทธาและปัญญาเปรียบขาซ้ายและขวา เมื่อก้าวเดิน ควรไปอย่างสมดุลย์ ต่อเนื่อง ก้าวที่ขยับแต่ละก้าวที่สลับพร้อมเพรียงกัน ดังนั้นผู้ที่เข้าไปศึกษาพึงสำรวจว่ามีศรัทธาต่อเจ้าสำนักนั้นล้ำไปไกลกว่าปัญญามากเกินไปมั้ย?
    ซึ่งข้อนี้พูดกันลำบาก ศรัทธาเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล
    เช่นดังในอดีต ดร.ท่านนึงที่เคยศรัทธาพระรูปนึง(อดีต อ.กู้) ท่านไปจบดร.ถึงญี่ปุ่น เป็นถึงอาจารย์สอนนักศึกษาป.โท มหา'ลัยดัง ยังพลาดพลั้งได้ และถอนตัวได้มาแล้ว

    แต่ที่ยกตัวอย่างนี้มาพูดถึงเพราะเหตุจะบอกว่า.. ขณะที่คนเรากำลังศรัทธาฝังลึกในเรื่องใดนั้น ส่วนใหญ่เขามักจะไม่ค่อยฟังอะไร เพราะมั่นใจปักใจไปแล้ว และอาจพาคนให้เชื่อตามหลายคนบุพกรรมร่วมหมู่ แต่วันนึงเมื่อตาสว่างก็จะพบปัญญาออกมาเองได้ เพราะโตๆกันแล้ว


    ----------------------
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 ตุลาคม 2012
  6. ขวานฟ้า

    ขวานฟ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +100
    ก็คงเป็นอีกความเห็นหนึ่งของคุณnataraja ซึ่งไม่เคยไปที่บ้านสวนพีระมิด คาดว่าคงได้แต่นั่งคิดวิเคราะห์ตามสิ่งที่ได้อ่านโดยไม่รู้ที่มาที่ไป และความแตกต่างของสิ่งที่เขาทำ ก็เลยคิดเอาเองว่านี่คือการสารภาพบาปแบบคริสต์


    การสารภาพบาปแบบคริสต์นั้นเขาทำกับบาทหลวงคนเดียว แต่ขอโทษนะครับแต่ที่บ้านสวนสิ่งที่เขาทำเรียกว่า สมาทานศีล คือระลึกว่าศีลแต่ละข้อนั้นมีอะไรบ้างและเราเคยพลาดพลั้งละเมิดศีลอะไรไปบ้างแต่ละข้อ ที่สำคัญไม่ได้ทำกับอาจารย์อุบลคนเดียว แต่กฏของเขาคือให้สมาทานศีลหรือระลึกถึงบาปกรรมที่ตนเองละเมิดศีลแต่ละข้อต่อหน้าผู้คนมากมายและทุกคนต้องออกทีวีด้วย และทุกคนที่ผมเห็นเขาก็สำนึกจริงๆและยินดีที่จะใช้ประสบการณ์ของตนเองที่มีความทุกข์ต่างๆเพราะละเมิดศีลแต่ละข้อ เพื่อเป็นธรรมทานแก่บุคคลทั่วไป ไม่ให้หลงผิดทำบาปเช่นตนเองอีกต่อไป แค่ตรงนี้ก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแล้ว


    มันเหมือนกับไอ้สิ่งที่คุณnatarajaว่าตรงไหนครับ555 เพราะนั่นเขาทำกันในห้องเล็กๆสองคนกับบาทหลวง แต่นี่กล่าวถึงศีลแต่ละข้อที่ตนเองละเมิดและผลกรรมที่ตนเองได้รับต่อหน้าคนอื่นๆมากมาย คนละเรื่องกันเลยครับ ไงหากคุณnataraja อยากพิสูจน์ก็ลองไปดูนะครับ จะได้มีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำในการเขียนดีกว่าซึ่งเราควรใช้หลักกาลามสูตรดีกว่าครับ เพราะการเชื่อหรือไม่เชื่อโดยการอ่านหรือนั่งจับประเด็นโดยที่เราไม่รู้ต้นสายปลายเหตุก็ทำให้คนมากมายพลาดเสียท่าให้เห็นอยู่ทุกวันนี้ครับ :)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2012
  7. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    เราทุกคนมักมีความเชื่อที่แตกต่างกัน
    บางคนเชื่อง่าย เชื่อโดยไม่ไตร่ตรอง บางคนต้องศึกษา ค้นคว้าพิสูจน์ แล้วจึงตัดสินใจ

    และโดยมากทุกคนที่อยากให้คนอื่นเชื่อ ก็ต้องหาเหตุ หาตัวอย่าง มาสนับสนุนความเชื่อของตนต่าง ๆ นานา
    แต่ส่วนใหญ่มักมองมาจากมุมที่ตัวเองคิด สำคัญที่เป็นกลางหรือไม่

    ผมเองมีน้องที่ทำงาน แต่ต่างแผนกกัน เป็นคนที่แต่งตัวเก่ง สังคมเก่ง พูดจาตลกโปกฮา

    แต่เชื่อไหมครับ เธอรู้เรื่องการรักษาศีล ซึ่งผมเองยังไม่อยากเชื่อ

    งั้นเราต้องเชื่อในพระธรรมของพระพุทธองค์
    ที่ทรงตรัสว่า อย่าเชื่ออะไรโดยไม่ได้พิสูจน์ อย่าตัดสินคนอื่นจากภายนอก


    สิ่งที่ผมเชื่ออีกอย่างหนึ่ง คือ เชื่อในกฎแก่งกรรม
    เพราะกฎแห่งกรรมเที่ยงตรงและยุติธรรมที่สุด

    ความยึดมั่นในหลักการ โดยไม่ได้ศึกษาอย่าละเอียด ไม่ได้ปฏิบัติจริง
    พระพุทธองค์ทรงติว่าเป็นเถรใบลานเปล่า

    ลองหาสาเหตุการเกิดโรคภัย ความทุกข์กายใจ

    แล้วลองตั้งใจดับเหตุนั้น เหตุที่แท้จริง โรคภัย ความทุกข์ต่าง ๆ จะหายได้
    ยิ่งตั้งใจจริงเปลี่ยนแปลงกรรมชั่วของตนให้เป็นกรรมดีได้ โดยเฉพาะรักษาศีล 5
    ให้มั่นคง ทั้งกาย วาจาและใจ ชีวิตก็จะเป็นสุข

    ทุกอย่างเกิดแต่เหตุ เหตุดับผลดับ

    คนเราจะเป็นเทวดาได้ ต้องเป็นตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่
    นั้นคือ มีหิริโอตตัปปะ มีความละอายและเกรงกลัวในผลของบาป

    คนเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นคนดีหรือไม่

    ไม่ใช่ดูจากภายนอก ต้องใช้ศีลมาจับเท่านั้น
    วัดกันที่การรักษาศีล ความหอมของศีลครับ

    กรรมของเราเดินทุกวัน
    บุญของเราเดินทุกวันมากกว่ากรรมหรือไม่

    สำรวมกาย วาจา และใจไว้ ทำดี คิดดี พูดดี
    จะได้ไม่เพิ่มกรรมกันนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2012
  8. ิฟ้าหลังฝน

    ิฟ้าหลังฝน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +34
    พูดถึงเรื่องกฎแห่งกรรมนั้นจะส่งผลแน่นอน มีทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว
    พูดถึงกรรมดีไม่มีปัญหา ทุกชีวิตมีความสุข
    แต่กรรมชั่วนี่สิ ขณะกระทำ(ผู้กระทำจะมีทั้งสุขและทุกข์)ส่วนผู้ถูกกระทำย่อมได้รับความทุกข์แน่นอน
    และผลกรรมก็จะติดตามผู้กระทำไปทุกที่เหมือนกัน
    เมื่อไหร่เราเผลอ เมื่อนั้นและกรรมจะมาแสดงตัวให้เราเห็นทันที
    นั่นคือความเจ็บป่วย หลายคนอาจไม่ตั้งใจสร้างกรรม(รวมถึงตัวเองด้วย)
    แต่ก็อ้างเหตุมาสนับสนุนให้ดูดี เช่นการฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหารของเรา
    บางครอบครัวทำเป็นอาชีพ บางคนก็ทำเป็นอาชีพ ถ้าไม่ทำแล้วจะเอาอะไรกิน
    นี่คือคำตอบที่ได้รับกลับมา หากมีคนที่คิดฆ่าคนเพื่อเป็นอาหารบ้างเราจะทำอย่างไรกัน
    เพราะทุกวันนี้แค่ระวังคนลักขโมยของก็จะแย่อยู่แล้ว หากต้องระวังคนมาฆ่าเราอีก
    ชีวิตจะมีความสุขได้อย่างไร เช่นกันสัตว์ที่ถูกฆ่าเพื่อเป็นอาหารชีวิตเขาคงไม่มีความสุขเช่นกัน
    ครานี้มาดูผลกรรมที่เราสร้างไว้ดีกว่าว่าเป็นอย่างไรบ้าง
    - การฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย เช่นยุง มด แมลงสาบ เป็นต้น
    ผลกรรมคือเป็นคนที่แพ้ง่าย ผื่นคัน ภูมิแพ้ โรคผิวหนัง อาการมึน เวียนหัว
    - การฆ่าสัตว์เพื่อเป็นอาหาร เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา หมู เป็ด ไก่ กบ ฯลฯ
    ผลกรรม เกิดตามสภาพที่เราได้กระทำกับสัตว์ไว้ เช่น อาการปวดหัว(ทุบหัวปลา)
    อาการร้อนตามตัว( ชอบลวก ปิ้ง ย่าง สัตว์เป็นอาหาร)
    บางคนชอบจับไก่ตีกัน(ชนไก่) ทำให้เชื่องช้า นิ้วหัวแม่โป้ง(นิ้วมือ)โตเหมือนนิ้วไก่
    อันนี้เกิดกับญาติของข้าพเจ้าเอง ด้วยสมัยหนุ่มๆ ใจคอโหดร้าย
    หากไก่ที่เอาไปตีกันเกิดแพ้ขึ้นมา ก็ถูกจับฟาด ตายกับมือ
    บางคนชอบกินหมู มองไปมองมาก็หน้าคล้ายหมูเหมือนกัน
    บางคนเป็นเจ้าของเขียงหมู นอกจากหน้าตา ลำตัวจะเหมือนหมูแล้ว
    สุดท้ายชีวิตเขาก็ต้องเข้ารพ.ให้หมอ ชำแหละเหมือนกัน
    ส่วนเรื่องของกบเขียด ก่อนเขาตาย จะทุกข์ทรมาณ ถูกหักแข้งหักขา
    ไปไหนไม่ได้ ลองดูคนเฒ่าคนแก่ที่บ้านโดยเฉพาะ ชาวนา
    เป็นกันทุกคน ปวดแข้ง ปวดเข่า ปวดขา
    ครานี้มาถึง คนที่มีอาชีพทำเรือตังเก
    ถึงแม้จะเป็นลูกจ้างเราก็ต้องรับกรรมเช่นกัน
    เจอคนที่รู้จักหลายคนป่วยเป็นโรคตับอักเสบ-ตับแข็ง-มะเร็งตับ
    เล่ามาซะยาวเลย
    เมื่อเรารู้เหตุของการเจ็บป่วยแล้ว แต่เราไม่ดับที่เหตุ
    ผลคือโรคยังไม่หายขาด หรือเป็นโรคใหม่ขึ้นมาแทน
    จนเราคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว
    การดับที่เหตุเลยคือ เราต้องเลิกเบียดเบียนชีวิตผู้อื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม(รักษาศีล)
    ขอยกตัวอย่างที่เห็นภาพชัดเจนคืออาการปวดหลัง
    หากเราจำได้ก็คงไม่แคล้วเรื่องตีงู ตะขาบ หรือการผิดลูกเมียชาวบ้าน เป็นต้น
    ส่วนที่ทำไปแล้ว เราต้องขอขมาพระพุทธองค์ที่เราบกพร่องในศีล
    ขอขมาสัตว์ทั้งหลายที่เราได้ทำร้ายมาตั้งมากมาย
    และต้องอุทิศบุญให้เขาอย่างสม่ำเสมอ จนกว่าจะหมดกรรมต่อกัน

    ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่ง
    ที่ท่านอาจารย์อุบล ท่านสอนให้เรารักษาศีล รู้สำนึก หยุดการสร้างกรรม
    สุดท้ายชีวิตก็จะเป็นสุขยิ่งขึ้นไป ​

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2012
  9. Jenny19

    Jenny19 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +97

    จะเห็นได้ว่าคำสอนของทุกๆ ศาสนา
    ล้วนสอนให้คนเป็นคนดี เป้าหมายคือชำระจิตใจ ไม่ให้ทำชั่ว
    การสารภาพบาปก็คือการสำนึกนั่นเอง
    หากเราสำนึกและไม่ทำกรรมนั้นอีก ผลที่ได้ก็คือการอโหสิกรรม
    มีผลให้กรรมนั้นยุติ หรือบรรเทาเบาบางได้ค่ะ แต่ถ้าสารภาพแล้ว
    กลับไปทำอีก กรรมที่ทำมานั้น ก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นไปอีก ไม่มีที่ใด
    ในโลกหรอกค่ะที่จะยุติกรรมของใครได้ ถ้าเจ้าตัวไม่คิดจะสำนึกก่อน
    คือก่อนจะให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย คุณต้องช่วยตัวเองก่อนค่ะ

    และการอารธนาบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิโดยเฉพาะ
    การอารธนาบารมีพระพุทธเจ้านั้น
    ถือเป็นสิ่งสูงสุดที่เราชาวพุทธ ไม่ว่าจะเริ่มลงมือทำสิ่งใด
    ตัวเราเองไม่มีปัญญาหรือบารมียิ่งใหญ่ไปกว่าพระพุทธเจ้า
    หากเราจะทำอะไร ควรขอบารมีท่านก่อน เพื่อนำทาง
    เรื่องยากก็เป็นเรื่องง่าย ถือเป็นศิริมงคลสูงสุด หากบารมีท่าน
    ราดรดมายังกาย วาจา ใจของเรา การอารธนาบารมีพระพุทธเจ้า
    มีอยู่ในพิธีการ บทสวด มากมาย อาทิเช่น
    คำสมาทานพระกรรมฐาน ของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)ความว่า

    ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอมอบกาย ถวายชีวิต แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออาราธนาบารมี พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เป็นที่สุด ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ ขอพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ จงมาบังเกิดปรากฏ ในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต สามารถกำหนดจิต รู้ภาวะการณ์ต่างๆ ทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน ได้ทุกขณะจิต ที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้ว ขอให้เห็นภาพนั้น ได้ชัดเจนแจ่มใส และพยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกประการ เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้น ได้โดยมิต้องกำหนดจิต แม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

    ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต สามารถกำหนดจิต รู้ภาวะการณ์ต่างๆ ทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน ได้ทุกขณะจิต ที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้ว ขอให้เห็นภาพนั้น ได้ชัดเจนแจ่มใส และพยากรณ์ได้ตามความเป็นจริงทุกประการ เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้น ได้โดยมิต้องกำหนดจิต แม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด


    ถือเป็นแค่ตัวอย่างค่ะ ยังมีอีกมากมายหลายบท
    ที่ชาวพุทธควรน้อมนำบารมีท่าน
    ก่อนทำการงานใด ซึ่งจะนำมาซึ่งความเจริญ ก้าวหน้า
    ประสบความสำเร็จทุกคนค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2012
  10. จิตสุดท้าย

    จิตสุดท้าย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +54
    เราทุกคนต่างมีความเชื่อต่างกันออกไป แต่ผมเลือกที่จะเชื่อมั่นและศรัทธาบ้านสวนพีระมิด แรกเริ่มผมไม่ได้เชื่อในทันทีครับ จนได้ศึกษาจากเวปไซด์บ้านสวนและได้ลองพิสูจน์ โดยปฏิบัติตามคำสอนท่าน อ.อุบล ที่นำพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์มาสอนให้เข้าใจง่ายและไม่บิดเบือนพระธรรมคำสอน ผลคือทำให้เราพ้นทุกข์ได้จริงถ้าเราศรัทธาและปฏิบัติตามอย่างจริงจัง โดยอาศัยหลักกาลามสูตร10 ลองดูนะครับ
    บางท่านยังไม่ทันได้เข้าไปศึกษาหรือพิสูจน์ก็คอยแต่ตั้งข้อสงสัยและโจมตีเขา อย่างนี้เขาเรียกอันธพาลชน อยู่ใกล้ก็อันตราย เสวนาไปก็เสียเวลาเปล่า เพราะจิตเค้าไม่เปิดโอกาสตัวเอง
     
  11. ทอฝันรัก

    ทอฝันรัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +175
    ดิฉันเคยเป็นโรคภูมิแพ้มาเป็นเวลา 7 ปี ก่อนรู้จักบ้านสวนพีระมิด จะมีอาการหายใจไม่ออก จามแรง ๆ และมีน้ำมูกเยอะมาก ตอนกลางคืนจะนอนไม่ค่อยได้ เพราะหายใจไม่ออก ต้องกึ่งนอนกึ่งนั่ง ได้ไปรักษาที่ ร.พ.จุฬา คุณหมอให้ยามากิน ตอนแรกจะมียาพ่นด้วย ต้องกินยาทุกวัน เป็นเวลา 7 ปี คุณหมอบอกว่าโรคภูมิแพ้คนเป็นกันเยอะ รักษาไม่หายขาด จะเป็น ๆ หาย ๆ ถ้าร่างกายไม่แข็งแรงก็จะกลับมาเป็นอีก

    ดิฉันต้องกินยาทุกวัน แม้กระทั่งตอนท้องก็ยังต้องกิน เพราะถ้าไม่กิน อาการจามแรง ๆ ก็จะทำให้กระทบถึงลูกในท้อง

    หลังจากที่ดิฉันรู้จักบ้านสวนพีระมิด ดิฉันทำบุญโดยใช้แรงกาย อาการโรคภูมิแพ้ก็หายไปโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ดิฉ้นไม่ต้องกินยาแล้ว และมารู้สาเหตุของโรคภูมิแพ้ที่ท่านอ.อุบลบอกว่าเป็นเพราะชอบฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย มันก็ตรงจริง ๆ ค่ะ ตอนเด็กๆ ดิฉันชอบตบยุงมาก ไม่เคยปล่อยให้รอดชีวิตไปได้ น่าจะเป็นหลายหมื่นตัวก็ว่าได้ พอมารู้จักบ้านสวนพีระมิด ท่านอ.อุบลให้รักษาศีล 5 ให้ได้ ท่านจะเคร่งครัดเรื่องศีลมาก ดิฉ้นก็ไม่ได้ตบยุงอีก ก็เลยบอกลาโรคภูมิแพ้อย่างถาวร

    เหมือนดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ สร้างเหตุไว้เช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น เมื่อเหตุดับ ผลก็ดับไปด้วย บ้านสวนพีระมิดได้แก้ที่ต้นเหตุจริง ๆ

    ถ้าเพื่อน ๆ ท่านใดเป็นโรคเดียวกับดิฉัน ลองค้นหาสาเหตุดูนะคะ อาจจะเป็นมด ปลวก แมลงต่าง ๆ ก็ได้ แล้วดับที่เหตุโดยไม่ไปทำอีก ก็จะหายจากโรคภูมิแพ้เหมือนดิฉันได้เลย และดิฉันก็อยากจะแบ่งปันความสุขที่ได้จากบ้านสวนพีระมิดให้เพื่อน ๆ ทุกคน สนใจลองเข้าเวปไซด์ดูนะคะ ยังไงมาเล่าแบ่งปันความสุขกันค่ะ
     
  12. zt.Sodiac

    zt.Sodiac Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    30
    ค่าพลัง:
    +28
    หลายๆท่าน ถึงกับสมัครสมาชิกเพื่อตอบกระทู้นี้โดยเฉพาะ
     
  13. อัญลา

    อัญลา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +12
    ตอนแรกได้ดูรายการ คุยไปแจกไป ก็แปลกใจที่มีผู้คนหายจากโรคภัยต่างๆ เพียงแค่เราโมทนาหน้าจอทีวีก็ทำให้เราหายได้ อีกทั้งได้ฟังรายการแล้วจะรู้สึกสดุดใจในการใช้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า แนวคำสอนก็เหมือนกับที่เราได้รับรู้ศึกษาจากวัด
    ท่าซุง น่าสนใจมากๆ ก็เลย
    1.ดั้นด้นไปพิสูจน์ว่าบ้านสวนเป็นอย่างไร โดยศึกษากฏ กติกา ก่อนไป หลังจากได้ชมเวปบ้านสวนพีระมิดแล้ว
    2.ไปแล้วได้ยินกับหูในแนวคำสอนของ อ.อุบล และได้เห็นกับตาถึงการบำบัดโรคภัยให้กับผู้คนที่อาการดีขึ้น และบางคนก็หายเลย อัศจรรย์ใจมากๆ
    3.พิสูจน์ด้วยตัวเองโดยไปทำบุญใช้แรงกาย ทำทาน รักษาศีล สารภาพบาปที่เราทำมาโดยการผิดศีลทั้ง 5 ข้อซึ่งเราคิดว่าที่ผ่านมาเรารักษาดีแล้ว แต่ความจริงเราแค่ลูบคลำศีล เป็นชาวพุทธแค่ทะเบียนบ้าน เพราะเราผิดทั้ง กาย วาจา ใจ(มโนกรรม) โดยเฉพาะใจนี้อันตรายมาก เราควบคุมมันไม่ได้มันถึงได้ล้นออกไปทางปากด่า ทะเลาะผู้อื่น ออกทางกาย ตบตี ทำร้าย ฆ่าสัตว์ ขโมยของ ใจที่คิดแต่เรื่องไม่ดี อาฆาต เจ้าคิดเจ้าแค้น อิจฉา ริษยา สมน้ำหน้าคนอื่น มองหาความเลวตัวเองไม่เจอเห็นแต่ความ่เลวของคนอื่น(ข้าดีอยู่คนเดียว)
    4.รู้จักตัวเองมากขึ้นว่าที่ผ่านมาเราทำชั่วอะไรบ้าง โดยเอาศีล 5 เข้ามาจับ
    ปรากฏว่า สำนึกได้ว่าทุกวันนี้ที่เรายัง เจ็บ ป่วย จน ทุกข์ ก็เพราะว่าแค่
    -ศีลข้อ 1 (ห้ามฆ่าสัตว์) แต่เรายัง ทรมานสัตว์ แช่งชักหักกระดูกคนที่เราเกลียด ทำร้ายคน สัตว์เห็นว่าเขาพูดไม่ได้ทั้งๆ ที่เขาก็มี 1 ชีวิตรักตัวกลัวตายเหมือนเรา เพื่อนยืมเงินไปทำแท้ง เราก็กลายเป็นผู้รู้เห็นเป็นใจในการทำแท้งวิญญาณเด็กก็แค้นเรา มิน่าถึงเห็นวิญญาณเด็กเกาะติดเรา นี้แค่ข้อ 1 เราก็ชั่วได้ขนาดนี้นะ ดีนะที่มาเจอบ้านสวนและท่าน อ.อุบล ทำให้ชีวิตนี้ไม่ถลำลึกไปกว่านี้ไม่เสียชาติเกิดที่ได้มาพบพระพุทธศาสนา และดีใจที่ได้มีโอกาสมาเล่าเรื่องความชั่วของตัวเองให้ผู้ที่อาจคิด ทำเหมือนเรา จะได้รู้ว่าเลิกการกระทำนั้นเสียเถิด เพราะหลังจากเราสำนึก ลด ละ เลิก ไม่ทำชั่วอีก ชีวิตการงาน การเงิน สุขภาพดีขึ้นมาก ภูมิแพ้ไม่เป็นอีกเลย ไม่ต้องไปหาหมอบ่อยๆ เหมือนที่ผ่านมา อันนี้เพราะเราได้พิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วมาเล่าได้อย่างภาคภูมิใจ โดยไม่ได้เชื่อเพราะฟังตามๆ โดยไม่รู้ ดู เห็น ฟัง ด้วยตัวเอง ต่อไปต้องยึดหลัก "กาลามสูตร" เอามาเป็นบรรทัดฐานเส่ียแล้ว เพราะที่ผ่านมารู้สึกว่าตัวเองชอบเป็นปลาสลิด(ไม่มีหัว) สมองกลวง แม้แต่ในเรื่องอะไรที่เราไม่รู้ เราก็จะศึกษา ค้นหา พิสูจน์ด้วยตัวเองถึงจะแล้วใจ
    ท่านไม่ต้องเชื่อในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เขียนมา แต่เชิญพิสูจน์ด้วยตัวท่านเอง แล้วลองไปศึกษาหาคำตอบด้วยตัวท่านเอง น่าจะดีกว่า...ก็คนอื่นเขาว่า นะ
     
  14. woranea

    woranea สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +14
    บางครั้งบางสิ่งบางอย่างเราไม่จำเป็นต้องเชื่ออะไรใครง่ายๆ แต่ว่าการที่จะเชื่อเราก็ต้องพิสูจน์กันก่อนใช้มั้ยค่ะ บ้างคนก็ปักใจเชื่อเพียงแค่คำพูดเท่านั้นทั้งๆที่ยังไม่ได้พิสูจน์เลยว่าสิ่งที่เค้าพูดเค้าบอกมาเป็นจริงหรือไม่จริงอย่างไร ก็ด่วนสรุปซะแล้ว เพราะฉะนั้นก็ลองดูนะค่ะลองพิสูจน์ลองศึกษาเรื่องราวความเป็นมาของบ้านสวนพีระมิดดูสักหน่อย ว่าบ้านสวนพีระมิดท่านอาจารย์อุบลท่านสอนอะไร ยังไง คงไม่เสียเวลานะค่ะ ถ้าอ่านแล้วศึกษาแล้วท่านจะคิดยังไงก็ตามแต่ค่ะ เพราะถือว่าได้อ่านแล้วได้ไตร่ตรองดูแล้วว่าสิ่งที่บ้านสวนพีระมิดทำ สิ่งที่ท่านอาจารย์อุบลสอนเป็นอย่างไร คงไม่เสียเวลาของท่านเท่ากับมานั่งวิเคราะห์คำพูดคำบอกกล่าวที่ไม่ดีนะค่ะ
     
  15. woranea

    woranea สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +14
    จากการได้สัมผัสบ้านสวนพีระมิด ทำให้รู้ว่าศีล5 มีความหมายต่อการดำเนินชีวิตมากค่ะ ตัวดิฉันเองก็ชั่วทำผิดศีลมาทุกข้อ แต่ก็คงไม่มีใครที่ดีเพียบพร้อมไปซะทุกอย่างช้ายมั้ยค่ะ ขอยกเรื่องการฆ่าสัตว์แล้วกันนะค่ะ การทำเราไปฆ่าเค้าตอนนั้นคิดว่า เค้าตัวเล็กนิดเดียวไม่เจ็บหรอก เค้าคงอยู่ไปไมนานถ้าเราไม่ฆ่าเค้าก็คงจะตายในไม่ช้า ยังไงๆเราฆ่ากับเค้าตายเองมันก็ไม่ต่างอะไรกันสักเท่าไหร่ แต่รู้มั้ยค่ะว่าจากที่ได้สะสมกรรมจากการฆ่าสัตว์เล็กสัตว์น้อย ทำให้เราโดนสัตว์เล็กสัตว์น้อยเช่น มดกัด ยุงกัด ก็แพ้เป็นผื่นขึ้นปวมใหญ๋แล้ว อันนี้พิสูจน์ได้เลยว่ามันจริงๆค่ะ อันนี้คือทุกสิ่งเกิดจากเหตุ เราสร้างเหตุไว้กับยุง มด ผลก็คือ พอมดกัดรึยุงกัด ทำให้เราแพ้เราเป็นผื่น ลองสังเกตุตัวเองดูนะค่ะ ว่าถ้าตัวเองเป็นคนชอบฆ่าสัตว์เล็กๆ เห็นไม่ได้เป็นต้องฆ่าา เวลาโดนเค้ากัดจะมีอาการอย่างไรบ้างเอ้ยย ^^
     
  16. ทอฝันรัก

    ทอฝันรัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +175
    เห็นด้วยกับคุณ mameaw912 นะคะ การจะเชื่อหรือไม่เชื่อเป็นสิทธิ์ของแต่ละคน ถ้าฟังแล้วเชื่อทันที บางทีอาจจะถูกมองว่างมงาย และถ้าไม่เชื่อคนที่มีปัญญาเขาก็ต้องรอพิสูจน์ดูก่อนที่จะว่า ติเตียน หรือปรามาส เหมือนดังนักวิทยาศาสตร์เขายังต้องพิสูจน์ก่อนเลย การที่เราไปว่า ติเตียน หรือปรามาส ถือว่าเราปิดกั้นตัวเองที่จะยอมรับบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้น เพราะในสิ่งที่เรายังไม่รู้ยังมีอีกเยอะ

    บางทีสิ่งเหลือเชื่อบางอย่างที่คนอื่นเขาพบเจอมาแล้ว มันเป็นสิ่งดี ๆ ที่ทำให้เขามีความสุข อยากจะแบ่งปันให้คนอื่นได้รับความสุขอย่างเขาบ้าง ทั้งที่เขาก็รู้ว่าถ้าบอกไปแล้วคนอาจจะไม่เชื่อ แต่อยากจะให้คนอื่นที่ยังไม่ได้สัมผัสได้รับความสุขเหมือนเขาบ้าง เขาต้องใช้กำลังใจสูงนะ เพราะรู้ว่าถ้าบอกไปแล้วคนไม่เชื่อก็จะด่าว่าเขาว่างมงาย ถ้างั้นเก็บไว้คนเดียวดีกว่า เราได้รับความสุขแล้วนี่ แต่เขากลับเลือกที่จะบอก อันนี้เราควรเก็บมาคิดนะ เท่ากับเขาละอัตตาได้ อยากให้คนอื่นมีความสุขด้วย เมื่อเราได้พิสูจน์แล้ว นั่นคือคำตอบของเราว่าจะเชื่อหรือไม่ และถ้ามันเป็นอย่างที่เขาพูดจริง เราจะได้ไม่ต้องมาเสียดายว่า ทำไมตอนนั้นเราไม่พิสูจน์ดูก่อนนะ
     
  17. Inwpower

    Inwpower เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +105
    ผมเห็นส่วนใหญ่จะเข้ามาบอกว่า บ้านสวนสอนให้คนรักษาศีลเป็นคนดี แล้วก็เรื่องผลบุญ

    เห็นทันตาที่หลายคนเอาประสบการณ์ตรงมาเล่า ก็ดีครับ แต่คุนก็ให้อยู่ชัดๆว่าเค้าโฆษณา

    ขายของในราคาแพง จะบอกว่าไม่ได้บังคับให้ซื้อ แต่เค้าก็พูดชักนําชัดเจนในคลิบบอกว่า

    "พีระมิด กับ เสื้อ สามารถปกป้องเราจากภัยพิบัตได้ ให้ซื้อแจกญาติๆทุกคน" ก็เห็นอยู่ว่า

    แบบนี้มันไม่เป็นไปตามหลักศาสนาพุทธ แล้วทำไมยังหลับหูหลับตาปกป้องกันอยู่ จะบอกว่า

    วัดไหนๆก็ขายวัตถุมงคล มันไม่เหมือนกัน อันนั้นอย่างน้อยเงินก็เข้าวัด แต่อันนี้เงินเข้า

    อ.อุบลตรงๆ แล้วเงินแบบนี้มันตรวจสอบยากจะตาย เหมือนกรณีหนูกันภัยนั่นแหละ เห็นเค้า

    จัดกิจกรรมออกให้ทุกอย่าง คนไปไม่ต้องเสียอะไรเลย แล้วคุนรู้หรือเปล่าเค้าได้เงินบริจาค

    กับค่าขายของเท่าไหร่ ขนาดแค่ขอทานตามวัดยังมีเงินเก็บเป็นล้านเลย -*-
     
  18. ทอฝันรัก

    ทอฝันรัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +175
    อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น อย่าเชื่อในสิ่งที่หูได้ยิน จนกว่าจะได้พิสูจน์แล้ว อยากให้คุณ Inwpower นำไปใช้ก่อนค่ะ

    แต่ก่อนดิฉันก็เคยเป็น แต่ดิฉันเลือกที่จะพิสูจน์ก่อน และตอนนี้กลายเป็นว่าดิฉันต้องไปขอบคุณเขาด้วยซ้ำ อะไรที่มันเป็นบ่างช่วงบางตอนก็อาจทำให้เราเข้าใจผิดได้ พอดีเห็นปัญหาเดียวกัน ดิฉันไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรที่บ้านสวน แต่ที่ชี้แจง เพราะอยากให้คุณพิสูจน์ดูก่อนค่ะ มันไม่ได้เสียหายอะไรนี่ค่ะ คุณอาจจะพบความสุขเหมือนดิฉันก็ได้ค่ะ
     
  19. Light Candle

    Light Candle Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2012
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +59
    เมื่อก่อนตัวเองมีปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน และหนี้สินอีกจำนวนมาก ทั้งที่รายได้ก็ไม่ได้น้อย และก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือย ทำให้แต่ละเดือนรายได้ไม่พอจ่าย ตอนนั้นทุกข์ใจมาก คิดแต่ว่าเป็นเวรกรรมของเรา แต่ไม่ยอมค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์นี้ขึ้นมา

    จนได้มารู้จักบ้านสวนพีระมิด ที่เน้นสอนในเรื่องของศีล 5 เป็นหลัก ไม่เฉพาะการกระทำ แต่รวมไปถึงความคิดด้วย ซึ่งเป็นศีลขั้นละเอียด ย้ำไม่ให้เราไปละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น ซึ่งทุกคำสอนสามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

    ทำให้เกิดปัญญาขึ้นมา นึกได้ว่าเมื่อสมัยวัยรุ่น ได้ขโมยเงินแม่ และพี่ เพื่อนำไปกินเที่ยวกับเพื่อน ทำมาเป็นระยะเวลานานเกือบ 10 ปี ไม่เคยฉุกคิดว่ากรรมที่เรารับอยู่เป็นเพราะเราได้ผิดศีลข้อ 2 มา

    เมื่อเรารู้ถึงสาเหตุ ก็ตั้งใจว่าจะไม่ทำอีก และพยายามรักษาศีล 5 ให้ได้ทุกข้อ จนทุกวันนี้ชีวิตดีขึ้นทุกด้าน มีความสุขมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงตามไปด้วย

    มีหนทางในการปลดหนี้ และมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นแบบไม่ได้คาดหวังมาก่อน

    ทำให้รู้ว่าศีล 5 มีความจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในปัจจุบันของเราเป็นอย่างมาก
     
  20. nakoruru

    nakoruru เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2005
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +1,120
    ก่อนที่จะมาบ้านสวน เราเองก็คิดว่า เราน่ะ น่าจะเป็นคนดี แล้ว รักษาศีล 5 โดยที่ไม่รู้ถึงความละเอียดของศีล ผลก็เลยต้องรับกรรม เพราะ กรรมที่เกิดจาก มโนกรรม ที่เมื่อก่อนเราเอง คิดแค่ว่าไม่ลงมือทำ ก็ไม่บาป แต่จริงๆ แล้ว การแค่คิดอยากให้คนอื่นตาย นั่นก็บาปแล้ว แถมบางทีดูละครเวลาโจรถูกวิสามัญ หรือ ตัวโกงถูกฆ่า ก็สะใจ
    โดยหารู้ไม่ว่า นั่นเราได้ทำกรรมไปแล้ว จาดที่เคยคิดว่าตัวเองดีแล้ว มาบ้านสวน เลยรู้เลยว่า เรายังเลวอยู่มากๆ แล้วมาที่ก็เปลี่ยนเราได้จริงๆ
    จากคนที่ทานเนื้อสัตว์เพราะคิดว่า เราไมได้ฆ่า แต่ การที่เราทานเนื้อสัตว์ เราเองก็มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ เหมือนกัน แถมเห็นแก่ตัว เข้าข้างตัวเองว่าเราไม่ได้ทำ แล้วเราก็สงสาร คนที่เขาทำอาชีพนี้เหมือนกัน เพราะ เขาก็ต้องทำบาป เพื่อความอร่อยของเรา สัตว์ต่างๆ ที่ต้องตาย
    หลังจากมาบ้านสวน ได้เริ่มทานมังสะวิรัติ และหมั่นอุทิศบุญให้อาหาร ที่เราทาน สัตว์ทุกตัวที่เราเคยทาน และคิดว่า คงไม่กลับไปทานเนื้อสัตว์อีกแน่ๆ ยิ่งเห็นคลิปโรงฆ่าสัคว์ ก็ยิ่ง สงสารพวกเขา ที่ต้องมาเป้นอาหารของเรา
     

แชร์หน้านี้

Loading...