รบกวนถาม อ.อาชวิน และสมาชิกทุกท่านครับ

เดี๋ยวผมขอหายตัวไป 5 วันนะครับ ไปเที่ยวอะครับ ^_^ กลับมาแล้วเดี๋ยวมาแปลต่อนะครับ (ระหว่างนี้ฝึกตามแบบฝึกหัดไปด้วยก็ดีครับ แล้วใครสัมผัสอะไรได้ตามที่ฝึกช่วยบอกด้วยครับ อยากรู้ เพราะผมเพิ่งลองเล่นๆ ไปได้ถึงแบบฝึกหัดที่ 4 เอง)

ขอบคุณครับ

 

เที่ยวให้สนุกนะครับ น้องโจ้
พักผ่อนบ้าง เดี๋ยวจะหมดแรงเสียก่อนนะ
(b-love2u)

 

สวัสดีครับ ^^ กลับมาแล้วครับ เดี๋ยวมาแปลกันต่อนะครับ

บทนี้ชื่อว่า จักระของมือและเท้า

การศึกษาจักระที่เกี่ยวกับการรักษานั้น รวมถึงมือและเท้าด้วย เหมือนกับจักระอื่นๆ ทั้งมือและเท้าสามารถดูดซับ และถ่ายเท พลังงานได้
จักระของมือ
คุณได้ทดลองการใช้จักระของมือไปแล้วในแบบฝึกหัดที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เราจะใช้การดูดซับพลังงาน และจักระที่ 6(ตาที่สาม) ก็จะส่งข้อมูลให้สมองแปลอีกที แต่ช่วงปลายของแบบฝึกหัดที่1 (การสัมผัสพลัง) ความตั้งใจของคุณคือส่งพลังไปช่วยผู้อื่นผ่านทางจักระมือ สิ่งนี้จะทำให้รู้สึกถึงความต่างในการส่งและการรับพลังงาน
สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าจักระที่มือ เชื่อมโยงกับจักระหัวใจ สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะการรักษาจะต้องเชื่อมโยงกับความรัก(จักระหัวใจ) จักระหัวใจจะเป็นตัวเปิดพลังในการรักษาและส่งผ่านไปยังมือ

จักระเท้า
จักระนี้จะเป็นตัวดูดรับพลังงานจากโลก ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญในการรักษาเมื่อพลังงานหมุนเวียนไปมาระหว่างผู้รักษา และผู้ป่วยซึ่งต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างพลังงานของโลก ซึ่งจักระเท้านี้จะเชื่อมกับจักระที 1

 

โอย แฮงค์จริงๆ ด้วยครับ หายไปหนึ่งข้อความ ไม่ได้พิมพ์ใส่ word ก่อนด้วย ฮืออ

 

เอาใหม่นะครับ ยังไม่จบบทครับกลัวมันแฮงค์เลยรีบกดไปก่อน(แล้วก็แฮงค์จริงๆ เมื่อกี้)

กฎของจักระในการสร้างสมดุลพลัง

ดูจากภาพประกอบรูปขวา จะมีเส้นสองเส้น, ทางสองทางในแต่ละด้านของเส้นตรงกลาง (งงไหมครับ ผมอ่านตรงนี้อยู่สามรอบ กว่าจะหาย ^^) ซึ่งเส้นเหล่านี้เชื่อมต่อกับจักระที่1 และ 6(ตาที่สาม) เส้นพวกนี้เป็นตัวนำพาพลังงานสองชนิดซึ่งเรียกว่า Feminine และ Masculine ซึ่งพลังงานทั้งสองนี้อยู่ในตัวของทุกคน ทุกเพศ มันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงพลังงานที่คู่กันในทุกสิ่ง (เหมือนหยิน หยาง) กฎของมันคือ ในร่างกายมนุษย์ที่แข็งแรง จะมีพลังงานเหล่านี้ในระดับสมดุลกันทั้งสองขั้ว ซึ่งกฎนี้ใช้ได้กับทุกระบบในร่างกาย ดังนั้นมือและเท้าก็จะเชื่อมโยงกับระบบนี้เช่นกัน ในบางครั้งการรักษาเราก็จะต้องเช็คขั้วพลังงานว่าสมดุลหรือไม่จากเท้าก่อน (แบบฝึกหัดที่ 5) แต่บางทีก็สามารถเช็คจากไหล่ได้เล่นเดียวกัน ดังนั้นเราสามารถเข้าถึงพลังงาน ความสมดุลย์ของผู้อื่นได้ทางจักระเท้าและมือ

 

อันนี้เป็นรูปและสีของจักระทั้ง 7 นะครับ

 

รักพี่วินจากน้องหมวดหนุ่มที่ไปหาเสาร์ที่แล้วครับ ได้โทรไปรบกวนพี่วินหลายครั้งด้วย

 

โห น้องโจ้ เที่ยวกลับมาก็ทำงานต่อเลย ยอด ๆๆๆๆๆ[bw-cry]

 

ติดตามอ่านตลอดครับ

ขอเป็นกำลังใจให้น้องโจ้ ด้วยครับ

 

ขอขอบคุณพี่ชยา และพี่เมาท์ที่ให้กำลังใจนะครับ ^^

ต่อกันนะครับ
ระบบต่อมต่างๆ ในร่างกาย (ดูชื่อต่อมที่เป็นภาษาอังกฤษประกอบนะครับ)

ระบบสำคัญอย่างที่สองที่ควบคุมระบบการทำงานของร่างกายคือ ระบบต่อมไร้ท่อ ที่นำพา สาร ข้อความ ความลับต่างๆ ไปตามเส้นเลือด และเม็ดเลือด ข้อความต่างๆ อาจจะ ถูกส่ง แบบ หยุด ช้า หรือเร็ว ไปตามระบบของร่างกาย ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับระบบประสาทและสมอง
ระบบต่อมไร้ท่อต่างๆ นี้ล้วนมีความสำคัญโดยตรงกับผู้ทำการรักษา มันเป็นเหมือนทางผ่าน ทางเข้าของพลังงานของจักระทั้ง 7 ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างร่างกายของเรา และสิ่งต่างๆ
<O</O
ในผู้ชายจักระที่ 2 เป็นตัวควบคุมเรื่องเพศ และการเติบโต และการผลิตสเปิร์ม ซึ่งสเปิร์มจะมีโครโมโซม X และ Y ถ้า Y ไปปฏิสนธิกับไข่ จะทำให้เกิดเด็กผู้ชาย<O</O
ส่วนผู้หญิง จักระนี้ควบคุมการพัฒนาทางเพศและการเจริญพันธ์ และทำหน้าที่ผลิตไข่ ซึ่งมีโครโมโซม X จักระที่อยู่สูงขึ้นมา จักระ 3 เป็นตัวควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด


จักระที่ 1 (ต่อม adrenal) อยู่ด้านบนไต(ดูภาพประกอบ) ควบคุมระดับเกลือ และสมดุลย์ของน้ำในร่างกายในเวลาที่ฉุกเฉิน และที่ต่อมนี้ผลิตอะดรีนาลีนที่ช่วยให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น และปล่อยน้ำตาลเข้าสู่ระบบกล้ามเนื้อ ทำให้สามารถต่อสู้ได้ในยามคับขัน จักระที่ 4 บริเวณหัวใจ เป็นตัวพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันโรค ต่อมนี้จะใหญ่ตอนเป็นทารกและจะเล็กลงเมื่อเป็นผู้ใหญ่


จักระที่ 5 (บริเวณคอ) ควบคุมระบบ metabolism (ระบบการเผาผลาญพลังงาน) และการเจริญเติบโต และควบคุมแคลเซียมในกระดูก


จักระที่ 6 (บริเวณหน้าผาก ตาที่สาม) เป็นตัวควบคุม การคัดหลั่งของต่อม พิทูอิทารี ซึ่งไปกระตุ้นต่องพิทูอิทารีให้ปล่อยฮอร์โมน ที่มีผลต่อระบบร่างกายผ่านการกระตุ้นผ่านต่อมอื่นๆ ด้วย


จักระที่ 7 (ต่อม pineal) จะอยู่สูงขึ้นไปจาก ต่อมพิทูอิทารี มีความไวต่อแสงและจะปล่อยสาร melatonin เมื่อแสงเริ่มมืดลง และจุดนี้เองที่ต่อมนี้ได้เป็นตัวบอกเราถึงสภาวะกลางคืน กลางวัน และฤดูต่างๆ อย่างไรก็ตาม บางทีเราก็รู้สึกหดหู่ในวันที่เป็นสีเทาๆ และทำให้เกิดโรคได้ นักบำบัดควรจะต้องสังเกตอาการของผู้ป่วยว่า มีสีเทาหรือแนวความคิดด้านลบอยู่ในความคิดมากเกินไปหรือเปล่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ต่อมสูงสุด(จักระ 7) จะเป็นระบบที่เกี่ยวกับการรับรู้แสง และแจ้งให้ร่างกายทราบเกี่ยวกับแสง เช่นตอนเช้า แดดออกเพราะจุดจักระนี้เป็นจุดที่แสงแห่งวิญญาณลงมาที่จักระ1 และเข้าสู่ร่างกาย<O</O

 

เพิ่งรู้วิธีปรับขนาด font ในบอร์ดครับ เพราะถ้าพิมพ์ใส่ word ก่อนแล้วตัวเล็กมากเลย ตอนนี้เลยตัวใหญ่ขึ้นเลยครับ อ่านง่าย ^^

ไม่แน่ใจที่ อ.อาชวินว่าเรื่องการกินแดด ไปรับพลังแดดตอนที่อ. เหนื่อย จะเกี่ยวกับเรื่องของจักระที่ 7 ต่อม pineal นี่หรือเปล่าเพราะเกี่ยวกับการรับรู้แสงเหมือนกัน

 

พอดี ผมมีต้นฉบับ เล่มที่ คุณ OjO กำลังแปล
และได้ ซีร๊อค มาให้ผู้ที่อยากได้ ไปแล้ว ประมาณ 5 เล่ม
ผู้ที่ ภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง..ควรจะมาใช้คู้กัน
ต้องขอขอบคุณ คุณOjO ที่กำลัง พยายามแปลไปเรื่อยๆๆ
แปลมากๆๆอย่างตั้งใจ ก็เท่ากับได้เรียนรู้อย่างลึกซึ้งไปด้วย
ขออนุโมทนา ครับ

 

ตอนนี้แฟนคลับ น้องโจ้เริ่มเยอะแล้วน่ะครับ ฮิ ๆๆๆๆๆ

 

ขอบคุณ อ . อาชวินและพี่ชยาด้วยครับ ^_^


แบบฝึกหัดที่ 8, 9, 10, 11, 12 เกี่ยวกับการฝึกสมาธิด้วยการหายใจทั้งหมด ดังนั้นผมขอพูดแบบสรุปๆ เลยนะครับ
แบบฝึกหัดที่ 8 ฝึกหายใจแบบเต็มปอด
วางมือที่ท้อง จินตนาการว่าตัวเองเป็นบอลลลูน เมื่อหายใจเข้าให้ท้องป่องกลั้นไว้แล้วปล่อยออกอย่างช้าๆ เมี่อคล่องให้จินตนาการว่ากำลังหายใจพลังงานชีวิต ความรัก เข้าไป

แบฝึกหัดที่ 9 การฝึกหายใจแบบเป็นจังหวะ
ให้หายใจลึกตามปกติแต่คราวนี้ใช้การนับด้วย ให้นับถึงสี่แล้วผ่อนลมหายใจออก ครั้งต่อไปนับถึงสองแล้วผ่อนลมหายใจออก นี่ถือว่าเป็นหนึ่งจังหวะ และทำจังหวะนี้สี่ครั้งการหายใจลึกจะช่วยเรื่องการย่อยอาหาร และการนอน และผ่อนคลายความเครียด
<O
แบบฝึกหัดที่ 10 การหายใจแบบสายรุ้ง
ให้ยืนแยกขาความกว้างประมาณไหล่ จินตนาการว่ากำลังจะหายใจลูกบอลแต่ละสีเพื่อปรับสมดุลย์ออร่า
มองให้เห็นสีแดงในใจและเมื่อหายใจ จินตนาการว่าลูกบอลสีแดงนี้ค่อยๆ เลื่อนจากเท้าขึ้นมา ขึ้นไปบนหัว และเมื่อหายใจออกลูกบอลก็ย้อนกลังลงไป และคลุมร่างเอาไว้ ต่อไปก็ทำทุกสีของจักระทั้ง 7

 

แบบฝึกหัดที่ 11 การหายใจเพื่อปรับสมดุลย์จักระทั้ง 7
นั่งหรือนอนราบกับพื้น เป้าหมายคือหายใจสีต่างๆ เข้าไปในจักระ ต่อไปวางจิตไว้ที่จักระที่ 7 และสร้างสีม่วงขึ้นมาในใจ และจินตนาการว่าหายใจสีม่วงนี้เข้าไปในจักระที่ 7(หมายถึงจินตนาการว่า ใช้จักระที่ 7 เป็นตัวหายใจสีม่วงเข้าไปแทนจมูก) ทีนี้ก็วางจิตไว้ที่จักระต้อไปเรื่อยๆ และเปลี่ยนสีตามจักระนั้นๆ

แบบฝึกหัดที่ 12 การหายใจพลังงานชีวิตเข้าไป
พลังงงานสีส้ม
ควรจะยืนหรือนั่งกลางแดด ให้ให้โดนแดด แล้วตั้งจิตไว้ที่ท้องน้อย ตำแหน่งของจักระที่ 2 ซึ่งเป็นสีส้ม และจินตนาการว่าคุณสามารถหายใจเอาพลังงานของดวงอาทิตย์ แสงอาทิตย์เข้าไปไว้ในจักะที่ 2 นี้ หายใจเข้าไปทางจมูกแต่วาดภาพในใจว่าเห็นแสงสีส้มที่ท้องน้อย แสงนี้เยอะมาก และทำให้จักระนี้เรืองแสงออกมา หลังจากนั้นเคลื่อนพลังงานตัวนี้ไปทั่วร่างกาย เข้าไปให้พลังงานและปรับสมดุลย์ทั้งหมด ใช้วิธีนี้ในการลดความเครียด และสร้างพลังงานได้แต่ไม่ควรหายใจมากกว่า 7 ครั้ง
<O
พลังงานสีเหลือง
ทำเหมือนพลังงานสีส้มเพียงแต่เปลี่ยนจุดโฟกัสไปที่บริเวณท้อง จักระที่ 3 แทน และให้จินตนาการว่ามีแสงสีเหลืองทองเข้ามาอยู่
<O

 

หนังสือบอกไว้ว่ากฎของการปรับพลังงานให้สมดุย์คือ ใครที่มีพลังงานต่ำ หรือขาดพลังงานตัวใด ก็จะดูดพลังงานตัวนั้นจากคนอื่น ผู้รักษาต้องให้พลังงานที่ผู้อื่นขาดไป แต่ห้ามไปเอาของคนอื่นมา (พลังงาน) ดังนั้นการเพิ่มพลังงานให้ตัวเองจึงต้องทำเรื่อยๆ ในแบบฝึกหัดที่ 10 , 11 ละการเพิ่มพลังงานแบบฉุกเฉินสามารถทำได้ด้วยแบบฝึกหัดที่ 12 ครับ ^_^

 

ยิ่งอ่านห็เหมือนที่ อ. อาชวินบอกว่าเวลาเหนื่อยๆ จากการตรวจผู้คนก็ออกไปยืนตากแดด เพิ่มพลังให้กับตัวเอง

 

ตามมาอ่านต่อครับ

 

คุนjo หายไปไหนขอรับ กะลังรออ่าน อิอิอิ

 

ขอบคุณที่มาทักทายกันครับ ^_^
ไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ (เข้ามาอ่านกระทูทุกวันเหมือนเดิม) แต่ช่วงนี้นั่งปั่นวิทยานิพนธ์จนหัวฟูอยู่ครับ หมดแรงแปล อิอิ หลังจากส่งวิทยานิพนธ์อาทิตย์หน้าแล้วก็ว่างละครับ ได้กลับไทยแล้วด้วย (เรียนจบซะที) แล้วอาทิตย์หน้าผมมาแปลให้ใหม่นะครับ ^_^
ขอบคุณครับ