หลังจากที่เคยคิดว่าอยากตาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย oatthidet, 29 สิงหาคม 2012.

  1. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    มีอยู่หลายครั้งที่เคยคิดฆ่าตัวตาย หรือ เสียดายที่ทำไมไม่ตาย

    แต่พอเวลาผ่านไปเฝ้าคิดทบทวนถึงสาเหตุของการมีชีวิต

    จึงได้รู้ว่าเหตุที่ต้องมาใช้ชีวิตนั้นไม่ใช่เกิดมาเพื่อตายเพียงอย่างเดียว

    แต่เกิดมาชดใช้ในสิ่งที่เคยกระทำไว้ และ สร้างสิ่งที่เป็นเวร เป็นกรรมต่อไปอีก

    เมื่อคิดได้ดั่งนั้น จึงถามตนเองว่าแล้วเราจะต้องสร้างเวร สร้างกรรมไปอีกนานเท่าไหร่

    เหตุ-ผลอะไรถึงไม่จบสิ้นเสียที ทั้งที่ในขณะนั้นก็ปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐานอยู่เป็นประจำ

    พระธรรมก็พอได้ฟังมาบ้าง ต้องบอกว่าได้แค่รู้พระธรรมเท่านั้น หาได้ซึมซับเข้าไปในใจเลย

    รู้แค่ตามที่มีคนบอกไว้เท่านั้น ไม่ได้เข้าใจเลย แต่พอคิดมาถึงเหตุ-ผลที่เมื่อไหร่จะจบสิ้นเสียที

    ก็เข้าใจว่าทำไมพระพุทธองค์จึงได้แสดงธรรมเพื่อการหลุดพ้น เพื่อออกจากที่คุมขังนี้นี่เอง

    สถานที่กักขังให้จมปักอยู่กับความเป็นทุกข์ โดยไม่อาจจะหลีกหนีไปไหนได้อย่างที่ปราถนา

    ด้วยแรงแห่งความอยากที่มีนี้เอง ที่เกิดจากการรับรู้โดยความรู้สึกที่ถูกกระทบเข้ามาทางกาย

    เป็นเหตุให้มีการเกิดที่ไม่รู้จักจบสิ้น ดิ้นรน แสวงหา ไม่รู้จักพอ ว่างเป็นต้องทำตามความเคยชิน

    จึงได้เข้าใจอีกว่า นี่เองคือเหตุ-ผลที่ต้องรักษาศีล เพื่อการฝึกนิสัยไม่ให้ลุ่มหลงยึดติดในสิ่งที่เป็นอบายมุข

    เมื่อจิตมีการดิ้นรนที่น้อยไปจากการลุ่มหลงแล้ว จิตจะมีความสงบได้ง่ายจากที่เคยเป็นมา

    กลับเห็นสิ่งที่เป็นอบายมุขนั้น เป็นสิ่งที่น่าเบื่อไปโดยปริยาย ได้แต่สงสารผู้ที่ดิ้นรนแสวงหา

    รู้ทั้งรู้ว่าทำแล้วเป็นทุกข์ แต่ก็ทนต่อความอยากที่มีไม่ไหว จนกลับไปทำตามความเคยชิน

    บ้างก็โทษว่าวาสนาไม่ดี โชคไม่ดี ชีวิตนี้มีแต่ความซวย ทั้งที่จริงแล้วเพียงแค่เลิกในสิ่งที่ทำอย่างเคยชิน

    ในส่วนนี้การปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐานมีผลอย่างมาก ที่จะส่งผลให้จิตมีกำลังที่จะ ลด ละ เลิก ในสิ่งเหล่านั้น

    หากทำได้ด้วยระยะเวลาที่นานพอควร จะไม่สนใจในสิ่งที่เคยเป็นความเคยชินนั้นเลย

    เรื่องที่ผมนำมาเล่านี้ ยังมีผู้คนอีกมากมายนัก ที่กำลังประสบณ์ในเรื่องราวคล้ายๆเช่นนี้อยู่

    ผมนำมาเล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์ และ ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่เริ่มสนใจในการปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐาน

    สาธุครับ
     
  2. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เกือบตายนั้น เป็นช่วงเวลาที่ผมต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองอย่างมาก

    ผมประสบณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์ ผมขับรถนิสสัน เอ็นวี และ มีรถ volvo ได้ขับข้ามมาชนประสานงา

    ทำให้รถที่ผมขับพังเสียหายยับเยิน จนเหลือกะบะ กับ ล้อหลังที่ยังดูเป็นสภาพรูป ในขณะนั้นผมมีสติโทรไปบอก

    แฟนผมเองว่ารถชน แล้วผมก็หลับไป พอตื่นขึ้นมาหมอก็ได้ทำการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อยโดยไม่ผมไม่รู้สึกตัว

    จากนั้นแฟนผมก็มาที่โรงพยาบาล และ ได้โทรแจ้งไปทางพ่อแม่ของผม จากเหตุการณ์นี้ได้เปลี่ยนชีวิตผมไป

    ไม่นานแฟนผมก็ทิ้งผมไป และ การเปลี่ยนแปลงก็ค่อยๆเริ่มขึ้น ผมเริ่มมุ่งมั่นในการทำงานอย่างจริงจัง

    จากที่ครอบครัวยากจน ไม่มีอะไรเป็นหลักทรัพย์ ก็เริ่มมีบ้าน มีรถ และ เป็นสิ่งที่ทำให้พ่อแม่ของผม

    เข้าใจว่าทั้งหมดที่ผมเป้นนี้มาจากการปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐาน เพราะผมไม่เคยว่างเว้นจากการนั่งกรรมฐานเลย

    ในช่วงที่แฟนผมทิ้งไปนั้น สภาวะจิตใจไม่คงที่ นึกเสียดายที่ไม่ตาย แต่กลับเป็นแรงกระตุ้นให้ผมนั่งมากขึ้น

    ผมเริ่มบอกกล่าวสมาชิกในครอบครัวเรื่องการนั่งกรรมฐานว่าเป็นสิ่งที่ดี ให้ผลเช่นนั้น เช่นนี้

    ตลอดจนทำให้เห็นด้วยสายตา และ ผมไม่เคยนึกคิดถึงเรื่องความอยากตายอีกเลย เพราะไม่ว่ายังไงก็ต้องตายอยู่ดี

    ความประมาทในชีวิตที่นึกคิดว่าไว้อายุ 30 ก่อนค่อยตั้งใจทำมาหากินได้เปลี่ยนแปลงไปจากวันนั้น

    เป็นเวลาที่ผ่านมา 7-8 ปีได้แล้วพ่อแม่ผมในขณะนี้ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างไม่รู้ตัว

    เข้าพรรษาปีนี้ พ่อผมตั้งใจเลิกเหล้าอย่างจริงจัง ทั้งที่ท่านกินเหล้ามา 50 กว่าปีแล้ว และ ยังเลิกเล่นการพนัน

    แต่ก็ยังเหลือเล่นหวยอยู่อีก แม่ผมจากชื่นชอบทะเลาะด้วยเรื่องเล็กน้อยก็เริ่มที่จะมีเหตุ-ผลมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

    ครอบครัวของผมเริ่มที่จะมีความเป้นสุข พูดคุยกันด้วยการยิ้มแย้ม ไม่ได้มีความเป็นทุกข์อย่างที่ผ่านมา

    การปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐานนั้น ไม่ได้ส่งผลแค่ตนเอง แต่ส่งผลให้สมาชิกในครอบครัวไปด้วย

    ในทุกวันนี้ชีวิตของผมเองไม่ได้มีความยากลำบากอะไร ไม่มีอะไรที่ดูเป็นทุกข์เลย แต่ผมก็ยังคงปฎิบัติธรรมอยู่เหมือนเดิม

    ผมปราถานาการหลุดพ้น ไม่ต้องการกลับมาเกิดอีก เพราะผมได้มองเห็นความเป็นทุกข์ของการมีชีวิตด้วยตนเองแล้ว

    ทุกวันนี้คดีเรื่องรถที่ผมถูกชนนั้นก็ยังไม่จบเรื่อง เหลืออีกหนึ่งศาลที่ต้องรอการตัดสิน คือ ศาลฎีกา

    ผมต้องการบอกกล่าวถึงผู้ที่เข้ามาอ่านข้อความที่ผมโพสไว้ว่า อย่าได้ยอมแพ้ อย่าได้ท้อถอย

    การปฎิบัติธรรมนั่งกรรมฐานนั้น ให้ผลที่ดีจริงๆ สามารถเป้นกำลังในการ ลด ละ เลิก ยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ เหล้า หรือ อย่างอื่นได้จริง

    เลิกเล่นการพนัน ไม่เที่ยวเตร่ในยามกลางคืน และ นำพาครอบครัวไปสู่ความเป้นสุขได้จริง

    สาธุครับ
     
  3. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..เขาเรียก วิบากกรรมที่ผลักดัน หนุนให้คุณมาสร้างกรรมดี เป็นคนดี..หากคุณขับรถยนต์ด้วยความไม่ประมาทนะ..อนุโมทนาด้วยครับ
    แต่ยังนะ ชีวิตนี้ยังอีกนานแค่ 30 กว่าๆของคุณ อิอิ
     
  4. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..เอ้อ..มาอ่านเรื่องของคุณแล้วก็น่าศึกษาเป็นสภาวะธรรมที่น่าตระหนกหากใครพบเจอด้วยตนเอง น่าตกใจแต่คุณมีดี มีดีทีเดียวคุณไม่ใช่จำเลยของสังคมบอร์ดนี้ คุณมั่นใจในการปฏิบัติของคุณไปเถอะเมื่อคุณยังมีศิลกำกับอยู่..เวลา และประสบการณ์ในการหาความรู้ จะเป็นยารักษาจิตใจคุณเอง สาธุ
    ผมเข้าใจในเหตุการณ์ต่างๆที่คุณพบ สภาะธรรมที่คุณเจอ คุณอาจจะไม่เชื่อนั่นสิทธิ์ของคุณ คิดเสียว่าผมมากระตุ้นให้คุณฉุกคิด และสงสัย ในการปฏิบัติของคุณ ก็แล้วกัน ถูกผิดคุณคงเข้าใจได้บ้างแล้วด้วยตัวคุณเองในขณะนี้ จิตคุณตั้งมั่นดีมากอย่าให้เขาคลายจากศิลทีกำกับนะระวังด้วย แต่ "ศิล"..ไม่ได้ทำให้คุณหลุดพ้นนะครับจำไว้..สิ่งที่ผ่านมาผมขออโหสิกรรมกับคุณก็แล้วกันนะ เพราะผมมีเจตนาดี ท่านขันธ์ผมก็คิดว่าท่านมีเจตนาเดียวกับผม
    เจตนาผมต้องการให้คุณฟัง อ่านสภาวะธรรมของคนอื่นบ้างโดยผมใช้ถ้อยคำที่รุนแรงต่อคุณ เพราะอยากลองของและผมคิดเองว่คุณนี่ต้องยาแรง(ผมอาจคิดผิดก็ได้)
    ยังไงก็ตามคุณจะอโหสิกรรมกับผมรึไม่นั่นไม่สำคัญ เพราะผมเชื่อมั่นในเจตนาของผมอยู่แล้ว ผมชอบเป็นใหญ่เฉพาะตนแต่ต้องมีศิลธรรมกำกับ ทำได้แค่ไหน ใครจะมองยังไง นั่นไม่สำคัญสำหรับผม อย่างเก่งก็ชดใช้กันในชาติต่อไป
    ผมฉุกคิดถึงสภาวะ.." สงบและระงับของคุณ.." นั่นหมายถึงจะมีศิลซ่อนอยู่ในอาการเหล่านั้นเสมอ มันบอกถึงคุณปฏิบัติมานั้น มีศิล กำกับดีทีเดียวมิฉนั้นคุณจะไม่พบอาการเช่นนี้แน่..เมื่ออ่านเรื่องที่ผลักดันให้คุณปฏิบัติ ผมก็ยิ่งเข้าใจ ในความใจแข็งไม่ยอมละเมิดศิลของคุณ (ประโยคนี้คนอื่นจะเข้าใจถึงรึไม่ ไม่ทราบแต่คุณเข้าใจแน่) นี่คือสาเหตุที่ผม มาขออโหสิกรรมกับคุณ เกรงว่าจะทำให้คุณเข้าใจผิด
    ผมก็ยังคงทำตัวไปตามสภาพของผม..เหมือนเดิม ผมชอบสนุกที่ได้ด่าคนอื่น อิอิ
     
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    รู้ได้อย่างไรว่า พ่อแม่ ดีขึ้น เพราะ ตัวคุณ

    คิดไปเองหรือเปล่า

    ข่ม เหง แม้แต่ ปัญญาของพ่อแม่ตัวเอง แบบ อกตัญญู หรือเปล่า !?

    พ่อ แม่ เขาก็เป็น คน มีปัญญา อาบน้ำร้อนมาก่อน เป็น ภันเต อยู่ใน
    พรหมวิหาร อริยวิหารต่อลูกมาตลอด ...........ท่านๆ ย่อม รู้ยิ่งเองได้
    ด้วยตัวท่านเอง และ ดีได้เพราะตัวท่านเอง

    การที่ ลูก ไปดำริว่า พ่อแม่ ดีขึ้นมาได้ เพราะ ตัวลูก เป็นปัจจัย อันนี้
    เขาเรียกว่า นอกจากจะไม่เข้าใจว่า ตนเอง ภาวนา แล้วเจริญได้อย่างไร
    ยังต้องเรียกว่า

    อกตัญญู ชัดเจน ..... สาหัสกว่าเก่าเสียอีก

    นี่หากดูไปแล้ว จากเหตุปัจจัย ในการ กล่าว ด้วยกาละ เทศะ ก็น่าจะเข้า
    ข่าย

    เอา พ่อแม่ มาเป็น ฐานลองเท้า เพื่อ เหยียบส่ง ให้ตัวเอง ดูสูง ขึ้นมาใน บอร์ด

    แล้ว สำเร็จเสียด้วย เพราะ มีคนไม่ฉลาดคนหนึ่ง มาละล่ำละลักว่า อโหสิๆ
     
  6. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    เล่าปัง อย่ามาทำลายความรู้สึกคนอื่นแบบนี้ เคารพความรู้สึกคนอื่นบ้าง..ไอ้น้ำท่วมทุ่ง ไปไกลๆเลย..
    คิดแบบเดรถีย์รึ..คนอื่นเขามีหลักปฏิบัติเป็นพื้นฐานในการคิด คุณมีอะไร..เดี๋ยวตบปากฉีกหรอก เช้านี้ออกบิณฑบาตร อิ่มแล้วมีแรงซี่ อิอิ :cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 สิงหาคม 2012
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918

    เสียใจด้วย นะ

    แต่........เว้นแต่ คุงสับสน ต้องการให้ เขาออกมา สร้างกระทู้ใหม่ๆ

    เอาคำศัพท์บาลี ไปเล่น แร่ แปรธาตุ เป็น นัยยะ อื่น ที่ต่างจากบรรพบุรุษ
    บุคคลาธิฐาน เขาใช้กัน


    หากต้องการ สนับสนุน อุปถัมภ์ คำชู ส่งเสริม ให้เกิด สาสนัง (คำสอน)
    ใหม่ทั้งหมด แบบผลิกฝ้าคว่ำแผ่นดิน คุงสับสน ก็ สนับสนุน "ผู้มีความเด่น ทางอกตัญญ"
    ปาย......( ไม่แปลกที่สนับสนุน เพราะ ............. เสมอกัน )

    ตามฉะบาย

    ( ฉะ บาย นะ คำตรงตัว ไม่ใช่สก๊อย )
     
  8. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    แร๊งงงงงง
    คนเค้ากำลังอินกันอยู่
    ......................นายแน่มาก อย่าได้แคร์จริงๆ.................



    แต่ว่าก็ว่าเถอะ มองกันแง่ดีเข้าไว้
     
  9. bankbankbank

    bankbankbank เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +885
    เรื่อง ของคุณ อธิเดชที่เล่ามา....

    คงเป็น แนวทาง ของการปกิบัติ ที่ เขาเอง ดำเนินมาและ ได้ผล ในแบบที่เขา พอใจ..เรียกว่า เขา กำลังปลื้ม กับผลงานตนเอง และมีการยก สิ่งแวดล้อม ตัวเขามาเป็น เอกสาร อ้างอิง ว่า มีผล เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี..ชัดเจน ..เพราะเขาสังเกตุเห็น...

    ผม ว่า ท่าน เล่า ..อย่าพึ่งไป สกัด ดาวรุ่งเลยครับ...
    ผม วิเคราะห์ ดู แล้ว...อธิเดช เนี่ย..กำลังเข้าโหมด ของนัก ปฏิบัติ แค่ เริ่มต้น..เหมือน เด็ก ที่กำลังโต

    ว่าเป็นของใหม่ ที่เพิ่งพบเห็น แบบวัยรุ่น..เพิ่งโต...หรือกำลังโต
    ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ ธิเดช แสดงมา มันยังไม่พ้นเรื่อง สมถะ เลยสักเรื่อง
    เขา ยังไม่เข้าใจ เลยว่า สมถะ คืออะไร วิปัสสนา คืออะไร...
    แก่นศาสนา อยู่ตรงไหน...ธิเดชยังไม่รู้ ครับ....

    แถม ยิ่ง หัดไปๆมาๆ ธิเดช ยิ่ง อัตตา สูงด้วยเพราะ เชื่อแต่ ตัว กู ไม่เชื่อ ใครเลย แถมคุย เป็นคุ้วงเป็นแคว ด้วยว่า ปฏิบัติ ได้เอง รู้เอง เห็นเอง...ลองถามสิว่าเห็นอะไร..ก็ ตอบ แบบ ไม่เป็นภาษา ธรรม ไม่ได้ ศัพท์ ไม่ได้ อรรถ ทางธรรมเลย

    และ มักสรุป ลงท้ายว่า หาก คุณ ทำได้แบบผม แล้วจะเห็นเอง ทุกคราวไป...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 สิงหาคม 2012
  10. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..คุณมันหนอนหนังสือ..เอาตำรามาจับผิดคนปฏิบัติ มองสรุปผล-ข้อเท็จจริงไม่ถึง ไม่เป็น เอาแต่จับผิดเขา
    คุณไม่เคยให้อภัยใคร มีแต่เห็นใครเกินหน้าเป็นไม่ได้ อีกทั้งมุมมองของคุณมันไร้สมรรถภาพ คุณดู2 ปีมานี่ อธิเดช..เขาเกิดอาการ สำรวมระงับได้ดีทีเดียว.. ผมด่าเขาแรงกว่าคุรเยอะ..จนผมสงสัย เขาก็ตอบโต้ด้วยความสุภาพ
    .. "ปรากฏการณ์นี้เขาทำได้ดีที่สุดในสภาวะที่เขาเป็นแล้ว เขาเป็นคนธรรมดามีความอดทนต่อการกระทำของคนอื่นต่อเขาที่ไม่ธรรมดาคุณต้องให้กำลังใจเขา ไม่ใช่จ้องจะมาทำลายเขา
    คนอย่างคุณมองไม่ออกหรอก"..นี่คือพยานหลักฐาน ว่าเขาเข้าถึง ศิล อย่า มุ่งเอาชนะหรือตามแห่แหน..คุณมีสมองแต่มองไม่ออกก็แน่ละ อิอิ
    :cool: ผมไม่เถียงเลยว่าที่ อธิเดช..กล่าว พูดจาออกมานั้นผิด..หลายเรื่อง ดื้อดึงหลายอย่าง ..แต่นั่นเป็นเรื่องธรรมดา ยังเป็นเรื่องเล็ก ของนักปฏิบัติที่ขาดครู อาจารย์แนะนำ
    แต่ศิล คือหัวใจของนักปฏิบัติ เขาทรงได้มันยิ่งใหญ่กว่าการพูดผิด เข้าใจผิด..หรือไขว้เขวในหลักการธรรม เพราะขาดการชี้นำ..
    แต่โดยรวมเขาผิดไม่มาก เขาสามารถรู้ตัวได้เองเพียงแค่เขามีเวลา ต้องใช้เวลา คุณดูผลจากการปฏิบัติของเขาสะท้อนออกมาทางพฤติกรรมที่ สงบระงับ..เขาไม่ใช่อลัชชี หลอกลวงใคร หรือแต่งพระไตรขึ้นมาเอง..เขาแค่เข้าใจผิด ทำไมพวกคุณไม่ให้โอกาสเขาและนี่ก็ไม่ใช่เหตุที่พวกคุณ.."จะมาทำลายเขา"..ให้หนักไปกว่านี้ ..คุณควรชี้แนะ ตามไสตล์คุณไป
    เรามองกันด้วยเหตุ-ผล เขาสามารถจะเติบโตได้ เขาบานของเขาเองได้ อาจได้ดีกว่าผม และ หลายๆคนในนี้ซะด้วย ทุกอย่างที่เขาเล่ามา สภาวะที่เกิดต้องจริงจังกับศิลมาก..
    เขาจึงจะสัมผัสกับ สภาวะที่เขาเล่ามา การต่อสู้กับการกระทำผิด เอาชนะฤติกรรมเดิมๆทุกวันนั้นยิ่งใหญ่มาก กรมหรือวิบากกรรมช่วยผลักดันเขาเห็นๆ..
    เขาต้องบริสุทธิ์ตั้งใจจริง ถึงใจและมั่นคงจึงจะทำได้นั่นคือ ศิล..ครับ ก็แล้วแต่ใครจะคิดยังไง ผมเห็นว่าบุคคลากรแบบนี้ต้องมีมากๆผมจะปกป้องเขา..อย่าเอาความผิดเล็กน้อยมาทำลายหลักการใหญ่ๆเพียงแค่เขาพูดไม่ถูกใจเรา..ก็ว่ากันไปครับ:cool:
     
  11. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..คุณมันหนอนหนังสือ..เอาตำรามาจับผิดคนปฏิบัติ มองสรุปผล-ข้อเท็จจริงไม่ถึง ไม่เป็น เอาแต่จับผิดเขา
    คุณไม่เคยให้อภัยใคร มีแต่เห็นใครเกินหน้าเป็นไม่ได้ อีกทั้งมุมมองของคุณมันไร้สมรรถภาพ คุณดู2 ปีมานี่ อธิเดช..เขาเกิดอาการ สำรวมระงับได้ดีทีเดียว.. ผมด่าเขาแรงกว่าคุรเยอะ..จนผมสงสัย เขาก็ตอบโต้ด้วยความสุภาพ
    .. "ปรากฏการณ์นี้เขาทำได้ดีที่สุดในสภาวะที่เขาเป็นแล้ว เขาเป็นคนธรรมดามีความอดทนต่อการกระทำของคนอื่นต่อเขาที่ไม่ธรรมดาคุณต้องให้กำลังใจเขา ไม่ใช่จ้องจะมาทำลายเขา
    คนอย่างคุณมองไม่ออกหรอก"..นี่คือพยานหลักฐาน ว่าเขาเข้าถึง ศิล อย่า มุ่งเอาชนะหรือตามแห่แหน..คุณมีสมองแต่มองไม่ออกก็แน่ละ อิอิ
    :cool: ผมไม่เถียงเลยว่าที่ อธิเดช..กล่าว พูดจาออกมานั้นผิด..หลายเรื่อง ดื้อดึงหลายอย่าง ..แต่นั่นเป็นเรื่องธรรมดา ยังเป็นเรื่องเล็ก ของนักปฏิบัติที่ขาดครู อาจารย์แนะนำ
    แต่ศิล คือหัวใจของนักปฏิบัติ เขาทรงได้มันยิ่งใหญ่กว่าการพูดผิด เข้าใจผิด..หรือไขว้เขวในหลักการธรรม เพราะขาดการชี้นำ..
    แต่โดยรวมเขาผิดไม่มาก เขาสามารถรู้ตัวได้เองเพียงแค่เขามีเวลา ต้องใช้เวลา คุณดูผลจากการปฏิบัติของเขาสะท้อนออกมาทางพฤติกรรมที่ สงบระงับ..เขาไม่ใช่อลัชชี หลอกลวงใคร หรือแต่งพระไตรขึ้นมาเอง..เขาแค่เข้าใจผิด ทำไมพวกคุณไม่ให้โอกาสเขาและนี่ก็ไม่ใช่เหตุที่พวกคุณ.."จะมาทำลายเขา"..ให้หนักไปกว่านี้ ..คุณควรชี้แนะ ตามไสตล์คุณไป
    เรามองกันด้วยเหตุ-ผล เขาสามารถจะเติบโตได้ เขาบานของเขาเองได้ อาจได้ดีกว่าผม และ หลายๆคนในนี้ซะด้วย ทุกอย่างที่เขาเล่ามา สภาวะที่เกิดต้องจริงจังกับศิลมาก..
    เขาจึงจะสัมผัสกับ สภาวะที่เขาเล่ามา การต่อสู้กับการกระทำผิด เอาชนะพฤติกรรมเดิมๆทุกวันนั้นยิ่งใหญ่มาก กรมหรือวิบากกรรมช่วยผลักดันเขาเห็นๆ..
    เขาต้องบริสุทธิ์ตั้งใจจริง ถึงใจและมั่นคงจึงจะทำได้นั่นคือ ศิล..ครับ ก็แล้วแต่ใครจะคิดยังไง ผมเห็นว่าบุคคลากรแบบนี้ต้องมีมากๆผมจะปกป้องเขา..อย่าเอาความผิดเล็กน้อยมาทำลายหลักการใหญ่ๆเพียงแค่เขาพูดไม่ถูกใจเรา..ก็ว่ากันไปครับ:cool:
     
  12. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    คุณอย่าเอาจิตใจคุณมาวัดผม..หวังว่าหน้าตาคุณคงเหมือนจิตใจคุณนะ มองตัวเองยังไม่ชัดหรือให้ชัดก่อนค่อยมามองผม อิอิ:cool:
     
  13. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ขัดใจจริงๆปู่ อินทรีย์เป็นนกกระจิบซะล่ะ
    ต้องให้ไปเรียนกะเจ้บี ล่ะม้าง
    ทีนี้ ปฏิบัติ เขาตามใจกิเลส ล่อ เหรอปู่
    ลองดูนะ ผมเองพอเข้าใจคุณโอ๊ต หากแต่ตรงนี้ผมมองพี่เล่าปังว่าเหมาะควรครับ
    จังหวะดีของคุณโอ๊ตเขาแล้ว
    ยินดี ยินร้าย ปรากฏ แล้วไปจับ ยก ติดดีอีกนะปู่
     
  14. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    อธิเดช..เขาโยนิโส ไม่แยบคายเพราะขาดครูอาจารย์และมันผิดตรงไหน โยนิโสเพื่อยกคุณธรรมตัวเองมันผิดตรงไหนวะนั่นพื่อเป็นกำลังใจให้ตนเองทำดี ต่อไปภายภาคหน้าเขาอ่านมากเรียนมากมันก็จะเข้าใจไปเอง..คนกำลังหัดเดิน
    :mad: เอ็งมองให้เป็น อย่าไปบ้าตามไอ้เดียรถีเล่าปังมัน..ไอ้มะกอก3ตะกร้า 5ชื่อนั่นเอ็งมองหลักการ..มองภาพใหญ่ที่มั่นคง อย่าไปเอาความผิดเล็กมาทำลายหลักการใหญ่ๆ..ศิลเว้ยยส์ มันติดดี มันติดศิล..ศิลไม่ได้ทำให้มันพ้นทุกข์แต่เอ็งต้องให้เวลาเขา เหมือนสติ..ที่เอ็งฝึกนั่นแหละ..
    สติ..มันแค่พื้นฐาน มันไม่ได้ทำให้เอ็งพ้นทุกข์เลย แทนที่จะฝึกสมาธิสติก็ได้ไปด้วย..เสือกไปฝึกสติแต่ทิ้งสมาธิ..อิอิ:cool:
     
  15. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ปู่ลองดูนะว่า อินทรีย์ ตัวใดที่พร่องไป
    คำว่าโยนิโสมนสิการโดยแยบคายนั้น จำต้องมีการสละออก สลัดคืนได้ด้วยไหม

    ปู่ ในมรรคมีองค์แปดนั้น เป็นทางสู่ความพ้นทุกข์ ครับ
    ทีนี้หากมาโยนิโสมนสิการในคำสอนองค์ตถาคต ให้เข้าที่เข้าทาง
    เริ่มด้วยอะไรครับปู่
     
  16. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    53
    ค่าพลัง:
    +4,021
    สาธุุ ขอโมทนาครับ คุณoatthidet
    คุณเป็นแบบอย่างนึงของผู้ฝึกหัดขัดเกลาตนที่ผมจะนำไปเป็นแบบอย่างครับ
     
  17. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741
    อู้ย.....แหมๆ...พูดซะ up เกรดตัวเองสูงเชียว
    ว่าแต่ตัวสับสนเถอะ หายสับสนตัวเองให้ได้ก่อนนะ
    ค่อยมาว่าคนอื่น

    แหวะ:boo:
     
  18. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    มีกี่ชื่อล่ะนี่..นึกเป็นวันเลยรึถึงจะมาตอบ อิอิ ดูหน้าตนเองให้มากๆอย่ามาหาเรื่องผม..
     
  19. JitJailove

    JitJailove เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    736
    ค่าพลัง:
    +741

    อย่ามาพูดอะไรแบบนี้เลย

    พูดให้คนอื่นดูไม่ดี

    งานถนัดของสับสน ทำต่อไปเถอะ ไปล่ะนะ เชิญ......ว่าไปตามสะดวก
     
  20. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ JitJailove [​IMG]
    รู้ได้อย่างไรว่า พ่อแม่ ดีขึ้น เพราะ ตัวคุณ

    คิดไปเองหรือเปล่า

    ข่ม เหง แม้แต่ ปัญญาของพ่อแม่ตัวเอง แบบ อกตัญญู หรือเปล่า !?

    พ่อ แม่ เขาก็เป็น คน มีปัญญา อาบน้ำร้อนมาก่อน เป็น ภันเต อยู่ใน
    พรหมวิหาร อริยวิหารต่อลูกมาตลอด ...........ท่านๆ ย่อม รู้ยิ่งเองได้
    ด้วยตัวท่านเอง และ ดีได้เพราะตัวท่านเอง

    การที่ ลูก ไปดำริว่า พ่อแม่ ดีขึ้นมาได้ เพราะ ตัวลูก เป็นปัจจัย อันนี้
    เขาเรียกว่า นอกจากจะไม่เข้าใจว่า ตนเอง ภาวนา แล้วเจริญได้อย่างไร
    ยังต้องเรียกว่า

    อกตัญญู ชัดเจน ..... สาหัสกว่าเก่าเสียอีก

    นี่หากดูไปแล้ว จากเหตุปัจจัย ในการ กล่าว ด้วยกาละ เทศะ ก็น่าจะเข้า
    ข่าย

    เอา พ่อแม่ มาเป็น ฐานลองเท้า เพื่อ เหยียบส่ง ให้ตัวเอง ดูสูง ขึ้นมาใน บอร์ด

    แล้ว สำเร็จเสียด้วย เพราะ มีคนไม่ฉลาดคนหนึ่ง มาละล่ำละลักว่า อโหสิๆ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    แร๊งงงงงง
    คนเค้ากำลังอินกันอยู่
    ......................นายแน่มาก อย่าได้แคร์จริงๆ.................



    แต่ว่าก็ว่าเถอะ มองกันแง่ดีเข้าไว้
    .....................
    สับสนชื่อใช่ไหมล่ะ เอะ ! ตรูชื่ออะไรหว่า คุยกับเล่าปัง สับสนรับแทน<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...