** ฉันทะ ** วัตถุมงคล หลวงปู่ดู่ วัดสะแก อยุธยา **

ครับ..ตามที่คุณหมีแนะนำ สำหรับเพื่อนๆสมาชิกใหม่บางท่าน ที่ยังอาจไม่ทราบข้อมูลอยู่บ้าง

เหรียญ ๑ บาทนี้ เราเรียกว่า เหรียญเงินทอน หรือ เหรียญหนึ่งบาทขวัญถง สร้างในปี 2520 วัตถุประสงค์การทำก็เพื่อเป็นเงินทอน สำหรับผู้ที่เช่าเหรียญหลวงปู่ทวดรุ่นแรก หรือที่เรียกกันว่ารุ่นดอกบัวข้าง (เนื้อเงิน) ซึ่งสมัยนั้นทางวัดออกให้บูชาในราคาองค์ละ ๑๙๙ บาท เหลืออีก ๑ บาทจึงให้เหรียญบาทนีไว้เป็นขวัญถุงเสมือนเงินทอนครับ

เหรียญดอกบัวข้าง (เนื้อเงิน) สร้าง 108 เหรียญ ดังนั้นเหรียญบาท (ขวัญถุง) นี้จึงมีจำนวนสร้างประมาณ 108 เหรียญ หรืออาจจะมากกว่านิดหน่อยเช่นกัน

ทุกเหรียญจะถูกนำมาเชื่อมหู ตัวหูจะเป็นเนื้อทองแดง บัดกรีด้วยตะกั่ว ตอกโค๊ด 2 ตัวที่บริเวณด้านหน้า 1 ตัวบริเวณเลข ๙ ไทย ส่วนด้านหลังตอกที่บริเวณเหนือเจดีย์ข้างเรือสุพรรณหงส์อีก 1 ตัว

 

รวดเร็วทันใจดุจกามนิตหนุ่ม

 

โดยความเห็นส่วนตัวผมน่ะครับน้าชัช จะผิดจะถูกอย่างไร ต้องขออภัยด้วย

1. รอยจาร ผมเชื่อว่าเป็นรอยจารของหลวงปู่ครับ

2. องค์พระสมเด็จ ผมมั่นใจว่าไม่ใช่พระของหลวงปู่ โดยปกติทั่วๆไป ผมมักพบพระพิมพ์ต่างๆมากมาย ที่เป็นพระเก่า โดยเฉพาะพระเก๊รุ่นเก่าสมัยเก่าที่เป็นพิมพ์สมเด็จ ที่คนเอามาถวายให้หลวงปู่ท่าน หลวงปู่ท่านไม่ได้สนใจว่าจะเป็นพระจากที่ไหน จะแท้จะเก๊อย่างไร ใครมาขอความเมตตาท่าน ท่านก็ทำให้ใหม่ อธิษฐานจิตให้ใหม่ไปซะทุกองค์

3. สำหรับพระสมเด็จองค์นี้ ผมดูจากลักษณะพิมพ์รวมถึงเนื้อหาแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นสมเด็จแท้จากวัดไหนสักแห่ง ดูลักษณะแล้วไม่ใช่เป็นพระเก๊เดิม (เหมือนองค์อื่นๆที่เคยเจอ) เนื่องจากรูปแบบพิมพ์และเนื้อหา มิได้มีเจตนาจะสร้างออกไปในทางเลียนแบบพระสมเด็จของตระกูลวัดดัง เช่น วัดระฆัง หรือบางขุนพรหม หรือสำนักดังอื่นใด

4. จากลักษณะรอยจารหลวงปู่ท่าน น่าจะสามารถบ่งบอกอายุโดยประมาณได้ว่า น่าจะจารอยู่ในช่วงปี 2500 กลางๆ หรืออาจจะถึง 1 กว่าๆต้นๆ ใกล้เคียงกับสมเด็จเสด็จนิวัติปี 2504 หรืออาจจะหลังกว่าเล็กน้อย เนื่องจากรอยดินสอลากต่ำถึงระดับฐาน มีการม้วนตัวบางช่วง บางครั้งดูไปเหมือนมีลักษณะเป็นตัวอักขระบางตัว บางครั้งมีการเติมตา จมูก ปากให้ที่องค์พระด้วย รอยจารดังกล่าวบ่งบอกถึงการตั้งองค์พระ หรือที่หลายๆคนเรียกว่า ครอบแก้วองค์พระ ซึ่งเป็นยุคต้นหลวงปู่ฯท่านที่ยังใช้วิธีการนี้อยู่ (ถึงแม้จะไม่ได้วนหลายรอบเหมือนกับหลายๆองค์ที่มักพบ) ตราบจนเข้าสู่ยุคปลายจึงค่อยๆลดน้อยถอยลงตามลำดับ สำหรับการจารมากเช่นนี้

5. แต่ถ้าจากการพิจารณาเนื้อหาพระสมเด็จองค์นี้ ดูจากความแห้งความเป็นธรรมชาติของเนื้อหาพระ ผมว่าอายุพระก็ยังไม่ถึงกับเก่ามากนัก น่าจะอยู่ในช่วงปี 10 กว่าๆซะมากกว่า

ก็ประมาณๆนี้ครับน้าชัช ไม่ทราบความเห็นจะตรงกันหรือไม่ คงต้องฟังความเห็นจากเพื่อนเราหลายๆท่าน พระลักษณะนี้เป็นพระลักษณะเฉพาะ คงต้องแล้วแต่การวิเคราะห์ของแต่ละคน ผิดถูกอย่างไรต้องขออภัยด้วยน่ะครับ

ปล. สำหรับองค์นี้รอยดินสอค่อนข้างคม อันอาจแสดงให้เห็นว่าเป็นองค์ต้น หรือองค์แรกๆ ที่หลวงปู่เพิ่งเหลาดินสอเสร็จ เส้นจึงได้ดูค่อนข้างมีลักษณะเล็กและคมกว่าปกติ

 

เฮ้ย..เป็นคนธรรมดาดีแล้ว..

ไม่ชอบเป็นเจ้าพ่อ..เดี๋ยวถูกยิงตาย

พระหลวงปู่ยิ่งไม่คุ้มครองพวกนักเลงอยู่ด้วย..:'(

 

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่ดู่ครับ สวัสดีอาจารย์และศิษย์หลวงปู่ทุกท่านครับ ขอความเมตตาจากอาจารย์ทุกท่านให้ความรู้ ความสงสัยที่ยังเข้าใจไม่แจ่มแจ้งครับ ในเรื่องพระธรรมธาตุ ที่เกิดกับพระของหลวงปู่ครับ มาได้อย่างไร และที่พบก็มีแต่วัตถุมงคลของหลวงปู่เท่านั้นที่มี ของครูบาอาจารย์ท่านอื่นก็ไม่ค่อยเห็นครับ อยากรู้จริงๆครับ รบกวนอาจารย์ผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่าง กับศิษย์ผู้ด่อยปัญญาอย่างผมด้วยครับ[Embarrass[Embarrass[Embarrass

 

เจ้ากรมบัวข้างเลยพี่โจ สุดยอด

 

อันนี้เห็นที่คำตอบต้องเป็นระดับอ๋องอย่าง คุณตุ้ย/เซียนนิวส์ เสียแล้ว..ขอรับ

ไม่รู้ท่านอื่นจะเข้ามาที่หน้ากระทู้นี้ก่อนมั๊ย เพราะวันนี้วันเสาร์มีนัดไปวัดสะแกกันตามปกติครับ ถ้ามีท่านใดเข้ามา ก่อนไปวัด คงมาตอบให้ครับ

 

รบกวนขอความรู้เพื่อน ๆ พี่ ๆ หน่อยครับ พอดีผมกำลังหาวัตถุมงคลของหลวงปู่ไว้บูชา เลยอยากทราบว่า ใช่ของหลวงปู่ไหมครับ เรียกว่าอะไร รุ่นไหนครับ น้อมรับฟังทุกความคิดเห็นครับ

 

ปกติเรื่องตอบความแท้ของวัตถุมงคลจะเป็นหน้าที่ของคุณตุ้ย กะ คุณนิวส์ แต่คิดว่าสองท่านคงอาจยังไม่ตื่น พอดีผมอยู่พอดี เลยขออนุญาตตอบให้น่ะครับ

1. รูปที่ถ่ายมาไม่ชัดเจนเลยครับ

2. ถึงรูปจะไม่ชัดเจน แต่ก็พอจะมองได้ว่า "ไม่น่าจะแท้" ครับ

3. ลักษณะไม่ใช่ลูกแก้ว เนื้อหาดูๆไปก็ไม่เหมือนผงเลย เหมือนกันลูกปัดดินเผาหรืออะไรสักอย่างหนึ่ง

สรุปก็คือ ไม่ใช่ ครับ

 

ติดตามอ่านครับ..............................

 

ได้รับพัสดุแล้วครับ แถมยังได้ CD ธรรมะของหลวงปู่ด้วย
ขอบคุณมากครับ

 

ขออนุญาตพี่ตุ้ย พี่โจ ช่วยแชร์ประสบการณ์เรื่องพระธาตุที่เสด็จมาเองของพระหลวงปู่ดู่นะครับ

การเสด็จมาเองของพระธาตุที่ปกติเรามักจะพบเจอกัน คือ การเสด็จมาเอง หรือการเพิ่มจำนวนขึ้นได้เอง ของพระธาตุที่เป็นพระอรหันตธาตุ หรือพระธาตุของพระปัจเจกพระพุทธเจ้า หรือพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้รับการเก็บไว้บูชาอย่างดี ซึ่ีงการเก็บมักเก็บไว้ในผอบ ครอบแก้ว หรือในภาชนะที่สะอาด วางบูชาไว้ในที่สูงรวมกับหิ้งพระ หรือแยกบูชาไว้ต่างหาก ซึ่งปัจจุบันเราจะเห็นได้ตามวัดต่างๆ มักจะมีพระธาตุให้ประชาชนได้เข้ามาสักการะบูชา เช่น วัดปทุมวนาราม วัดพระรามเก้า หรือแม้แต่พระธาตุที่ถูกอันเชิญมาจากต่างประเทศ แล้วทางการได้จัดสถานที่ให้ประชาชนได้เข้าสักการะบูชา ตัวอย่างล่าสุดก็ พระบรมสารีริกธาตุของพระกัสสโปพระพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ก่อนที่จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) ที่ทางการได้จัดสถานที่ให้ประชาชนได้เข้าสักการะบูชาไว้ที่ท้องสนามหลวง เป็นต้น

ส่วนสาเหตุที่พระธาตุเหล่านี้สามารถเพิ่มจำนวนได้นั้น (เป็นความเชื่อส่วนตัวผมเองนะครับ) เคยได้ยินพ่อแม่ครูอาจารย์บอกเล่าไว้ว่า พระธาตุที่เพิ่มจำนวนขึ้นได้เองเป็นเพราะพระธาตุต่างๆ เหล่านี้มีเทวดาคอยปกปักษ์รักษาอยู่ ซึ่งจากประสบการณ์ส่วนตัว จากคำบอกเล่าของพรรคพวกเพื่อนฝูง ก็มีคนที่ประสบเหตุการณ์ที่พระธาตุที่เจ้าตัวเก็บไว้ เพิ่มจำนวนขึ้นได้เองอย่างน่าอัศจรรย์ และหากการเก็บรักษาที่ไม่ดี เช่น ไม่บูชาตามสมควร ไม่เก็บไว้ในที่สูง พระธาตุก็เสด็จหายไปได้เช่นกัน

ที่นี้มาพูดถึงการเสด็จมาของพระธาตุในวัตถุมงคลหรือพระเครื่อง ต้องขอบอกก่อนว่าความเห็นต่อไปนี้เป็นความเห็นส่วนตัวผมเอง หลายๆท่านอาจมีประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากนี้ ก็อยากให้ช่วยแชร์กันได้ครับ ...เท่าที่เคยพบเห็นนอกจากพระของหลวงปูู่่ดู่ที่มีพระธาตุเสด็จมาเองได้แล้ว ผมเคยเห็นพระเนื้อโลหะของหลวงปู่ลือ วัดป่านาทาม ก็มีพระธาตุเสด็จมาได้เองเช่นกัน ลักษณะพระธาตุที่เห็นเป็นเม็ดๆ วรรณะใสๆ ติดอยู่ตามองค์พระ คล้ายพระธาตุที่เสด็จมาในพระหลวงปู่ดู่เนื้อโลหะบางองค์ (เห็นแล้วขนลุกเลยครับ)

ส่วนสาเหตุที่พระเนื้อผง เนื้อโลหะ ที่มีพระธาตุเสด็จมาได้นั้น ผมบอกตรงๆว่าไม่มีคำอธิบายครับ ไม่รู้จะหาคำอธิบายไปทำไม (ขออภัยหากคำตอบนี้ไม่ถูกใจสมาชิกท่านใดด้วยครับ) เพราะของบางอย่างผมว่าปล่อยให้เป็นไปเช่นนั้นๆก็ดีแล้ว (ตถตา) คือไม่ต้องมีคำตอบ ไม่ต้องรู้ที่มาที่ไปจะเป็นการดีกว่าครับ

หากพี่ๆ สมาชิกท่านใดมีความเห็นเป็นอื่น สามารถแชร์ประสบการณ์กันได้ครับ กระทู้ของพี่ตุ้ยนี้เปิดกว้างทางความคิดเห็นเสมอ....ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมาแต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรในกอไผ่...จบดีกว่าครับ

 

กดไลท์ หลายๆครั้งให้คุณ konnok ครับ

ถูกตามที่ได้กล่าวมาทั้งหมดแล้วครับ ^___^

 

อยากได้กายทิพย์จังเลยคับ

 

นักเลง ที่มีธรรมะในใจพระหลวงปู่คุ้มครองแน่นอนพี่...

 

ขออนุญาตทุกท่านนะครับ...
เรื่องพระธาตุเสด็จมีเอกสารให้อ่านนะครับ...ถ้าสนใจกดตามลิงค์ได้เลยนะครับ...

ตำรา พระบรมสารีริกธาตุ.doc

ความเชื่อส่วนตัวและประสบการณ์จริงที่เจอนะครับ..
พระธาตุเสด็จเมื่อครั้งสวดบทพระมหาจักรพรรดิ.และอธิษฐานนะครับ...ถ้าใจแน่วแน่ ภูมิว่าท่านมาโปรดให้แน่นอนครับ...อันนี้ท่านเคยเสด็จมาใส่ที่มือเลยครับ...

สำหรับพระธาตุเสด็จ บนพระของหลวงปู่นั้น มีแน่นอนครับ เคยเห็นแล้วครับ..(อยากจะบอกว่าเป็นพระที่ลูกศิษย์สร้างถวายเป็นอาจาริยบูชาด้วยซ้ำ และไม่ใช่เนื้อผง ดังนั้น หากปฏิบัติดีแล้ว ผมมาเวลานั้นมาถึงทุกท่านแน่นอนครับ ที่มั่นใจว่าเป็นพระธาตุ เพราะขนาดใหญ่ขึ้นครับ เพียงไม่กี่เดือน) หากเป็นพระหลวงปู่เสกแล้ว มั่นใจเถอะคับว่าวันนึงมาเสด็จมาโปรดแน่นอนครับ..

นอกเหนือจากพระธาตุที่เสด็จมากับพระหลวงปู่แล้ว (เนื้ออื่นที่ไม่ใช่เนื้อผง)
ที่เคยเห็นกับตา ก็มีพระสมเด็จองค์ปฐม รุ่น 4 ของหลวงพ่อฤาษีครับ...ติดอยู่ที่ฐานพระ ซึ่งท่านเสด็จมาหลังจากเลี่ยมกรอบเงินแล้วนะครับ...

สิ่งที่อยากจะบอกคือ...ภูมิเชื่อว่า พระธาตุท่านเสด็จมาเป็นกำลังใจสำหรับผู้ปฏิบัติครับผม...โมทนาบุญครับ

 

อ่านข้อเขียนของคุณนก Konnok แล้ว..โมทนาสาธุด้วยครับ

สมกับเป็นศิษย์สายปฏิบัติจริงๆ..

อย่างไรก็ดีเรื่องเกี่ยวกับพระธาตุเสด็จนี่..

ว่ากันจริงๆ.. โดยส่วนตัวผมยังไม่เคยมีประสบการ์ณกับพระธาตุของหลวงปู่ดู่ท่านเสด็จมาจริงๆเลยสักครั้งครับ..เลยไม่กล้าที่จะเล่าหรือโม้อะไรให้ฟัง

ทราบแต่ว่า กรณีของคุณตุ้ยแกจะมีครับ ไว้โอกาสหน้าคุณตุ้ยว่างๆพิมพ์ คงมาเล่าให้ฟัง

สำหรับผมถ้าจะมี เห็นกันแบบชัดๆจะๆ ได้เคยเห็นอยู่เพียง 2 ครั้งในชีวิต

ครั้งที่หนึ่งที่บ้านเรือนไทย (ลาดพร้าว) ของคุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัตร

ผู้ได้ชื่อว่าเป็นอุปัฏฐากใหญ่ของครูบาอาจารย์องค์สำคัญ สายพระป่ากรรมฐาน หลายๆองค์

อันนั้นเห็นเสด็จมาชัดๆ เดี๋ยวนั้นเลย.. ถ้าจำไม่ผิดเป็นคราวเตรียมงานกฐิน หรือผ้าป่าของที่ไหนสักแห่งหนึ่ง (หลายๆงานเลยจำไม่ค่อยได้) แต่ถ้าจะไม่ผิด น่าเป็นการเตรียมงานจะหาเงินสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลุย ที่วัดป่าสาละวัน จ.สกลนคร หรืออย่างไรเนี่ยละ ไม่แน่ใจอีกเช่นกัน เพราะนานมากแล้วจำไม่ค่อยได้ ช่วงนั้นหนุ่มๆ ตะลุยบุกป่าฝ่าดง และก็งานติดๆกันมากมายเหลือเกิน..บางครั้งอาจจะมีการจำสับสนกันไปบ้าง

งานนั้นแผนงานจะทำการแจกพระอรหันตธาตุ หรือพระบรมสารีริกธาตุเสียก็ไม่รู้ไม่แน่ใจ จำได้แต่จะแจกคนละ 9 องค์ ตอบแทนแก่ผู้มาร่วมทำบุญ บรรดาศิษย์ๆก็ไปช่วยกันนับใส่บรรจุลงในถุงซิบมากเป็นหมื่นๆถุง

ทำไปได้สักพักหนึ่ง พระธาตุที่เตรียมไว้ในโถก็หมดลง จึงแจ้งกับคุณหญิงท่านให้ทราบว่าพระธาตุที่คุณหญิงให้มานั่นหมดแล้ว ที่เตรียมไว้คงไม่พอกับญาติโยมที่จะมาร่วมทำบุญกับคุณหญิงที่คาดว่ามีจำนวนมากนับหมื่นคน

ท่านก็ว่าไม่เป็นไร รอเดี๋ยว ก็คว้าโถบรรจุเดิมที่หมดลง หันหลังไป 4-5 ก้าว ไปที่โต๊ะบูชาที่อยู่ใกล้ๆกับพวกเราที่ช่วยๆกันนี่แหละ คุณหญิงท่านก็อธิษฐานจิตกล่าวกับอะไรก็ไม่ทราบ (ตอนแรกท่านอธิษฐานจิตอยู่เงียบๆ ) สักพักท่านก็กล่าวลอยๆถึง พระอาจาร์จวน กุลเชษโฐ พระอาจารย์อีกองค์หนึ่งของคุณหญิง ท่านพูดให้พวกเราพอได้ยิน (ตอนนั้นหลวงปู่ท่านละสังขารแล้ว )แจ้งว่า "หลวงปู่ฯพระธาตุหมด ไม่พอแจกญาติโยม ขอเพิ่มให้พอเพียงกับคนที่จะมาร่วมบุญด้วยเถิด "

คุณหญิงท่านกล่าวจบ พอหันหลังกลับ พระธาตุที่เมื่อกี้หมดลง กลับเพิ่มขึ้นมาอีกเกือบๆค่อนโถ ดูๆไปช่างเหมือนกับกลของ เดวิด คอปเปอร์ฟิล เลยจริงๆ เหลือเชื่อและอัศจรรย์ใจมาก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ บุญบารมีคุณหญิงท่านมากเหลือเกิน ผู้ปฏิบัติธรรมสายหลวงปู่มั่นรุ่นเก่าๆเกือบทุกคน มักรู้จักคุณหญิงท่านเป็นอย่างดี ไม่มากก็น้อย ทั้งอาจรู้จักจากตัวจริงท่าน หรือผลงานท่านก็ตาม นอกจากท่านจะเป็นผู้ปฏิบัติธรรมอันยิ่ง, เป็นผู้สนองงานกราบบังคมทูลถวายเรื่องราวของครูบาอาจารย์สายพระป่าแก่พระเนตรพระกรรณที่ทรงเฝ้าเป็นห่วงติดตามโดยตลอดแล้ว ยังเป็นผู้แต่งหนังสือประวัติครูบาอาจารย์ใหญ่องค์สำคัญสายพระป่ากรรมฐานหลายๆองค์ รวมถึงบทความธรรมะต่างๆ ถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ในสายกรรมฐานมากมายหลายเล่มที่เดียว

อีกครั้งหนึ่งก็เมื่อครั้งหลวงปู่บุญญฤทธิ์ท่านไปเยี่ยมที่บ้านเรือนไทย ที่เดิมอีกเช่นกัน อันนั้นเป็นการหล่นจากฟ้ามาให้เห็นๆ หลังจากที่บรรดาศิษย์สนทนาธรรม ถามปัญหาธรรมกับหลวงปู่ท่านเยอะแยะเมื่อตอนสักสองทุ่ม จำได้ว่าสนทนาไปถึงช่วงหนึ่ง วกไปเข้าเรื่องเทวดามีจริงหรือ ศิษย์สตรีท่านหนึ่งแหย่หลวงปู่ว่า..

" ถ้ามีจริง หลวงปู่มานี้ เทวดาก็ต้องมากราบหลวงปู่ซิเจ้าค่ะ "

พูดจบเรือนไทยหลังใหญ่ที่ปกติบรรจุคนนับร้อยที่ไม่เคยแม้แต่กระดิกสักน้อย ก็สั่นไหวแบบน้อยๆเลยที่เดียว หลวงปูไม่พูดอะไรก็ได้แต่ยิ้มๆ พูดแต่ว่า " แน๊ะเขามาแล้วไง" มาเขย่าเรือน (เขย่าจริงๆ) ศิษย์สตรีท่านนั้นยังแหย่อีกครั้งพูดว่า จะจริงหรือเจ้าค่ะ ถ้าจริงก็ต้องอีกครั้งซิเจ้าค่ะ คราวนี้ก็ไหวใหญ่อีกครั้งหนึ่งขึ้นทันที หลวงปู่บุญญฤทธิ์ ท่านมีบุญบารมีเดิมคล้ายๆกับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม อาจารย์ท่าน เป็นพระที่ได้การยกย่องจากพระอาจารย์ใหญ่มั่นว่า พระอันเป็นที่รักของเหล่าเทวดา

เล่าเลยเถิดไปเรื่องเทวดาเขย่าเรือน ว่าจะจับจุดเฉพาะเรื่องพระธาตุ แต่เห็นเหตุการ์ณต่อเนื่องกัน ไม่รู้จะยกออกยังไง สรุปก็คือพูดไปพูดมา มาถึงเรื่องของพระธาตุอย่างไรไม่รู้ ก็ขอให้พระธาตุเสด็จมาโปรดพวกหนูๆบ้าง (ศิษย์สุภาพสตรีอีกนั่นแหละ มักเป็นผู้นำแห่งการขอทั้งปวง +5555 เราก็เลยพอได้รับอานิสสงฆ์ไปด้วย ) นั่นลงจากฟ้ามาให้เห็นๆเลย หล่นกระจายจับกลุ่มกันแต่พองาม ได้กันไปคนละ 2-3 องค์ จำได้ว่าหลวงปู่ท่านยิ้มน่ารักมากๆ ก็ได้แต่หัวเราะความขบขันในความตาเหลือกตาค้างในอัศจรรย์ที่พวกเราได้เจอกันแบบเห็นๆ

นั่นก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ได้เห็นชัดๆอีกเช่นกัน

ก็แค่นั่นเองครับ สำหรับประสบการ์ณเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ หรือพระอรหันตธาตุเสด็จ ที่เห็นกับตาชัดๆด้วยสองลูกกะตาตนเอง เสด็จมาได้ เพิ่มจำนวนได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ..

เหตุการ์ณผ่านมาเกือบๆ 20 ปีแล้ว อาจมีตกหล่น หลงๆลืมๆไปบ้าง..เล่าสู่กันฟังครับ

ปล. อย่าถามน่ะครับ พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ ที่เมื่อก่อนมีเยอะแยะมากมายหายไปไหนหมด แจกเขาไปหมดแล้วเจอใครก็แจก ปัจจุบันส่วนตัวยังแทบไม่มีเหลือพอให้กราบไหว้กับเขามั้งเลย..เฮ..แต่ไม่เป็นไร กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ น้อมเป็นที่พึ่ง ที่ระลึก ที่ปฏิบัติ ที่บูชา อันสูงสุดของจริงของแท้กันต่อไป..

 

ป๋าโจครับ..

เอกสารที่ภูมินำมาให้โหลด ก็ได้กล่าวอ้างถึงคุณหญิงสุรีพันธ์ มณีวัตร นะครับ..

เป็นเอกสารที่โหลดมาอ่านตั้งนานมากแล้ว...โมทนาบุฯกับผู้เขียนด้วยครับ...

 

อ้อ..นึกขึ้นมาได้..มีอีกครั้งหนึ่ง

ของเพื่อนรุ่นพี่สุภาพสตรีท่านหนึ่งที่ผมเคารพรัก

นั่นก็ปฏิบัติดี ปฏิบัติเป็น ปฏิบัติชอบแท้อีกท่านหนึ่ง..

เธอรักเคารพผูกพันธ์กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านมาก

แม้เข้ารักษาตัวที่ รพ.วิชัยยุทธ ยังต้องนำพระบูชาหลวงปู่ไปไว้หัวเตียงข้างๆด้วย

จำได้ว่าพูดไปพูดมาเกี่ยวกับพระธาตุต่างๆนี่แหละ

สักครู่มีแสงสว่างเข้าตาเธอ มาตกอยู่ที่ฐานรูปบูชาหลวงปู่ชอบ

ผลปรากฏกลายเป็นพระธาตุเสด็จมาโปรดเธอ..3-4 องค์ (ถ้าจำไม่ผิด)

กับอีกครั้งหนึ่งรู้สึกจะที่ทำงานเธอ ไปคุยเรื่องการเตรียมการพาหมู่เพื่อนไปปฏิบัติธรรมกับครูบาอาจารย์ทางด้านอีสาน ตอนหนึ่งคุยกันเรื่องพระธาตุ ท่านว่าคุณโจมีพระธาตุพระสีวลีแล้วหรือยัง ตอนนั้นผมยังไม่มี ท่านก็ว่าพี่มีอยู่องค์หนึ่งเอาไว้ที่ทำงาน คุณหญิงให้พี่ติดตัวมา องค์นี้จะมีขนาดกลมใหญ่มากเป็นพิเศษ เธอพูดไปก็ลุกไปที่โต๊ะหมู่บชาภายในห้องที่ทำงานเธอ

เมื่อหยิบตลับพระธาตุขึ้นมาเปิดออกต่อหน้าผม ผลปรากฏกลายเป็นสององค์ ใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่ง..เธอก็น้ำตาไหล..ว่าท่านมาโปรดอีกแล้ว พี่รับรองมีองค์เดียวแน่ๆ เพราะเป็นองค์กลมใหญ่พิเศษ..

สรุปเราก็เลยได้องค์ที่เสด็จเพิ่มนั่นมา..นัยว่าที่พูดเรื่องพระธาตุขึ้นมา แต่เดิมท่านตั้งใจจะให้องค์ใหญ่แก่เรานั่นแหละ แต่ใจลึกๆก็ยังรู้สึกเสียดาย การที่พระธาตุเสด็จเพิ่มขึ้นเช่นนั้น เห็นที่จะรู้วาวะจิตท่าน ก็เลยเมตตาเสด็จมาเพิ่มให้

เป็นพระธาตุพระสิวลีองค์แรกที่ได้รับ แต่คล้อยหลังอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ต่อมา มีงานต้องไปซื้อบ้านจากคนๆหนึ่งที่ชลบุรี แทนที่จะไปซื้อไปต่อรองราคา กลับกลายเป็นไปนั่งฟังคุณยายแกปรับทุกข์ เล่าเรื่องทุกข์ เล่าเรื่องแบงค์จะยึดบ้านให้ฟัง..เราฟังแล้วก็แสนจะเศร้าใจ ไม่รู้จะหาอะไรให้เธอไว้เป็นกำลังใจ หรืออาจช่วยเหลือเธอแบบทางลัดได้บ้าง ก็นึกถึงพระธาตุพระสิวลีขึ้นมา เขาว่าจะมีโชคลาภถ้าใครมีไว้ติดบ้านติดเรือน สรุปอีกวันรุ่งขึ้นก็เลยขับรถตัดใจเอาองค์ที่เพิ่งได้รับมานั้น เอาไปให้คุณยายเธอซะเลย..

เล่าเรื่องเก่าๆให้ฟัง..อันเกี่ยวพันกับเรื่องพระธาตุ เห็นที่จะมีแค่นี้ล่ะ..จบ

 

สุดยอดเลยพี่โจ อยากเจอแบบพี่บ้างจัง คงเป็นบุญตาอย่างยิ่ง...