จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

กล่าวด้วยชอบดีแท้ท่านน้อง
โมทนาสาธุการจ๊ะ

 

ขอบคุณค่ะครูดชน. มีแต่คนเชียร์ให้กลับบ้าน ^^
เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์นี้จะแอบหนีกลับไปให้ได้ค่ะ
พอดีฟันผุมีข้ออ้างกลับไปทำฟันแล้วแหะๆ

 

ครูดัชหายไปหลายวัน นึกว่าเที่ยวเพลินลืมลูกศิษย์ซะแล้วครับ ฮิๆๆๆ

 

ชาวจิตบุญไปไหนกันหมด

ว่างๆก็อย่าลืมแสดงวิปัสสนาให้คนในกระทู้นี้อ่าน
เพื่อเป็นธรรมาทานแก่ผู้คนที่คอยเกาะอยู่ขอบกระทู้กันด้วยเถิด
เมตตานะ เมตตา พวกจิตบุญท่องกันไว้ให้ดี
จิตยกกันแล้ว อย่ามัวเป็นจิตแอบ หรือแอบจิตหนีไปสุขแต่ผู้เดียว
ถึงจิตคุณไปได้ถึงนิพพานก็จริงอยู่ แต่ขอถามนิดนึงว่า
เอ๊ะ! ทำไมแสงในดวงจิตของเราสว่างไม่เท่าดวงอื่น

คำตอบก็คือ เมื่อยังมีลมหายใจกัน ก็ท่านไม่สร้างบารมีตนเองเพิ่มนิ๊
อันนี้ผมมาบ่นให้ชาวจิตยก หรือจิตบุญนะครับ

ภารหน้าที่กับทางโลกก็ทำไป มิได้ว่าอะไร ที่ออกมาพูดมิใช่ว่าหรือตำหนิต้องให้มาทำตามนะ แต่มาเตือนสำหรับผู้ที่จะไปสงสัยกันข้างบนโน้นกัน
มันสายไปแล้ว
หรือจะเอาแค่นั้นไม่ว่ากัน เพราะนี่มิใช่บอกให้เกิดความโลภ
แต่อยากให้มีเมตตาแก่จิตที่ยังไม่ได้ยก
แต่ถ้าใครพอจะมีเวลาว่างก็แสดงออกด้านวิปัสสนากันนะครับ

เพราะผู้ที่สำเร็จธรรมกันนั้น สังเกตง่ายที่สุดก็คือ ความเมตตาสูง
แต่ถ้าใครไม่เห็นด้วยกับตนเอง เขานิยมนำจิตไปพักกันที่ฌาน หรือ เข้าอุเบกขาญาณกันไปเลย
การตัดกรรมไม่ดีก็เหมือนกัน เราจะมัวไปจ้องตัดกรรมคนอื่นๆไม่ได้หรอก
ตัดกรรมโดยเฉพาะกรรมไม่ดีนี้ เราจะต้องตัดลงไปที่ใจเรา เท่านั้น จึงจะถูก

ผู้สำเร็จธรรมต้องกล้าในการทำความดี อย่ามัวอาย ทำชั่วสิน่าอายกว่า อายฟ้าดิน หรืออายนางฟ้า เทวดา หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ทุกท่านก็ทราบกันดี เรื่องบาปบุญ กฎแห่งกรรม นรกสวรรค์พรหมนิพพาน นั้นมีจริง
แต่ถ้าใครไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของคนๆนั้น

แต่ใครที่ยังหลงกายหยาบ อันนี้น่าเป็นห่วง เพราะอีกนาน เผื่อจะรู้แจ้ง
และไม่ใช่ใครที่ไหนเฝ้าบอกว่า นิพพานนั้นไกลเกินไป ที่จะมาพูดกันตอนนี้
เพราะอะไร ถึงได้คิดและพูดแบบนั้น ก็เพราะว่า เรา(จิต)ไปหลงยึดกายนี้เป็นเรา เป็นของเรา นั่นไง

เมื่อก่อนสำเร็จธรรมใหม่ เคยคิดอายนะ คือกลัวเขาจะรู้ว่าเราปฎิบัติธรรม
นับประสาอะไรแค่พูดธรรมะธรรมดาๆ บางคนก็ยังไม่กล้าพูด
อย่าไปกลัวทำดีนะพวกเรา แต่ถ้ากลัวนะ เพราะเดี๋ยวนี้ สมัยนี้ยิ่งมีคนใจบาป คนไม่ดีเยอะกว่า และเราก้ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมเราพูดธรรมะไม่ได้ เพราะพูดไปแล้วเขาไม่เข้าใจ เราก็กลัวคนอื่นไม่คบ ไม่อยากเป็นแกะดำ
ได้โปรดพวกเราอย่าได้คิดกันแบบนั้นเลย

และอย่าไปสนใจว่าเราปฎิบัติถึงหรือยัง ตนเองนั่นแหล่ะจะต้องเป็นฝ่ายที่ต้องตอบกับตนเอง มิใช่ให้ผู้อื่นมาตอบแทนตัวคุณเอง
เพราะผู้ปฎิบัติธรรม และผู้ที่เข้าถึงธรรมนั้นจะต้องตอบตนเองให้ได้ เมื่อเราตอบตนเองได้ เราก็ตอบคนอื่นๆได้ด้วย
ตรงนี้ขอให้พวกเราคอยสังเกตผู้ที่บอกกับท่านว่า ฉันบรรลุธรรมแล้ว

ในสามประการขอให้พวกเราพึงสังเกตกันให้ดีว่า ผู้บรรลุธรรมนั้น หมายถึงผู้ใด...
1.ต้องมีความเมตตาสูงนำหน้าเลย อันนี้จะต้องมาอันดับหนึ่ง โปรดสังเกตให้ดี
เพราะผู้มีดวงตาเห็นธรรมนั้น จะมีความเมตตาสูงเป็นพื้นฐานของจิต เพราะจิตผู้ใฝ่บุญ
เขามีแต่ให้อภัยลูกเดียว ทรงพรหมวิหาร4 ตัดขาดแล้วซึ่งกิเลส โดยเฉพาะกับความโกรธของตน ถามว่าจิตยกนั้นมีความโกรธหลงเหลือไหม๊ ตอบว่า กิเลสมันก็อยู่ที่กายหยาบของตนเหมือนเดิม แต่ผู้ฝึกจิตมาดีนั้น ย่อมไม่นำจิตไปเกี่ยวข้อง หรือยึดติดกับสิ่งนั้น แต่จะนำจิตไปเกี่ยวข้องเฉพาะเขตบุญ กุศล บารมีเท่านั้น
เพราะจิตที่ฝึกกันมาดีนั้น จิตย่อมแยกแยะดี-ชั่วได้ชัดเจน
เพราะฉะนั้นแล้วถ้ามีคนด่าก็เฉย คนชมก็ต้องเฉยอีก เป็นเพราะว่าอะไร
ก็เพราะว่า จิตไม่ไปยินดี ยินร้ายอะไรกับใครแล้ว คุณสมบัติจิตยกนั้นเด่นชัด แยกแยะเด่นชัด มิต้องมาระวังเรื่องศีลขาด มิต้องอายฟฟ้าดิน ผีสาง นางฟ้า เทวดาถ้าจะคิดพูดทำอะไรแล้ว มั่นใจทุกอย่าง แม้นจะไม่มีใครเห็นก็ตามที
2.ต้องตอบโจทย์ หรือตอบปัญหา หรือทำให้สิ้นความลังเล สงสัยของตนให้ได้เสียก่อน นั่นหมายถึงบุคคลที่กล่าวนี้ คือ จะต้องตอบปัญหาธรรมะทุกธรรมะให้กับผู้มาถาม ผู้ที่สงสัย และผู้ถามนั้นจะต้องหมดความสงสัยตรงต่อหน้าเราให้จงได้ แต่ถ้าเราตอบไปแล้ว คนนั้นมิได้หาย หรือคลายความสงสัย เราจะต้องกลับไปพิจารณาตนเองเสียใหม่ แต่มิใช่รวมถึงผู้เอาธรรมะ เอาความรู้จากพระไตรปิฎกมาห่ำหั่นกันนะ อันนั้นเป็นผู้ไกลความจริงหนักเข้าไปใหญ่
เพราะผู้บรรลุธรรมนะ มิใช่บบรรลุทางโลก เล่นไปท่องจำเอามาจากตำราแล้วมาถกเถียงกัน
และก็ชอบอ้างมาตราไหน พระไตรปิฎกข้องไหน อ้างอิงจากที่ไหน มีที่มาไหม๊ อันนั้นเรามิได้รู้เองจริงๆหรอก แต่ไม่ท่องจำกันเองแล้วมาถามกัน มาลองภูมิกัน อันนั้นความรู้จากตำรา หรือรู้จากคนอื่น มิใช่ตนรู้จากการปฎิบัติ
และจงมีเมตตาต่อผู้มาถาม และต้องให้เกียรติกับจิตผู้ถามด้วย มิใช่คนถามมาแล้วเมื่อเราตอบเขาไม่ให้หายความสังสัยได้ เรามิใช่ไปต่อว่า หรือพูดทำนองเสียดสี ตอบแบบน้ำขุ่นๆไม่ได้ เพราะเราเป็นสัตว์ประเสริฐ มิใช่เราเป็นประเภทปลา หรือปลาหมึก
นั่นแสดงว่าเรามีปัญยาน้อยกว่าผู้ถาม
3.ขาดความมั่นใจในการปฎิบัติของตน เช่น ไม่กล้าแสดงธรรมต่อหน้าผู้อื่น
จิตผู้ถึงธรรมนั้น เขาจะเห็นธรรมะทุกลมหายใจ เห็นใบไม้หล่น ก็อธิบายเป็นธรรมะให้ลูกหลานฟังได้
ยกเว้นจิตต่ำกว่าฌานหนึ่ง นั่นก็ช่วยไม่ได้แน่ อันนั้นจะเอาธรรมะที่ไหนไปพูดกันหล่ะ ก็จริงอยู่ ไม่เถียง
เหมือนคนที่กำลังทำจิตเกาะพระกันอยู่นี้ บอกว่าให้ส่งการบ้านๆครู แต่ก็งงๆกันอยู่ เพราะไม่รู้จะไปเขียนอะไร เพราะในเมื่อสติไม่พอ สติตามจิตไม่ทัน ก็เลยไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรส่งครู เอิ๊กๆ
เข้าใจกันไหม๊ทั้งครู ทั้งศิษย์ ผมมาเฉลยให้แร๊ะ


ปล.คุณนกชาย คุณแสงจันทร มาซะดีๆ ไปวิปัสสนาตกหล่นที่ไหน
มาทรงอิทธิบาท4 กันซะดีๆ
สำหรับจิตยกที่ยังไม่ผ่านวิปัสสนา นั่นก็แสดงว่า สติเริ่มน้อยลง
พระอรหันต์ฝ่ายสงฆ์ (พระอาชีพ) ท่านยังต้องคงซึ่งไว้ความต่อเนื่อง คือสติ
ขนาดพระพุทธเจ้าท่านยังตรัสสอนแด่พวกเราๆ ก็คือ ให้หมั่นระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเลย
และพวกเราหล่ะคิดถึงกี่ครั้งต่อวัน ต่อเดือน ต่อปีกัน หึๆ

 

คุณwatjojoj เป็นอย่างไรบ้างครับ
อย่าตั้งใจไปนะ เอาแบบพอดีๆ เบิร์ดๆ สบายๆ
เน้นจิตสบายก่อน แต่ถ้ารู้สึกไม่สบาย ก็ปล่อยวางก่อน
ปฎิบัติใหม่ๆขอให้พวกเราเน้นเรื่อง สติให้มากกันก่อนนะ
อย่าไปเน้นเรื่องภาพจะชัดหรือไม่ชัดกันนะ
เพราะว่าที่บอกว่าภาพไม่ชัด ไม่ใสกันน่ะ เป็นเพราะว่า
จิตเรายังไม่นิ่ง ยังไม่เป็นสมาธิ จิตทรงฌานกันเมื่อไหร่แล้ว ภาพก็จะปรากฎเด่นชัด และใสประกายพรึกกันไปเองนะครับ

ก่อนอื่น ก่อนที่จิตเราจะนิ่งกันได้ จึงมิใช่เรื่องง่ายๆ
แต่ขอให้มีความเพียรเท่านั้น สนใจ ตั้งใจเท่านั้นเป็นพอ
ก่อนที่จิตจะนิ่งกันได้นั้น ตัวแปรมันอยู่ที่สติของเราต่างหาก

จบไหม๊? เข้าใจนะครับ
เข้ามาอ่านบ่อยๆ และส่งการบ้านด้วย
แต่ถ้าไม่มี นั่นแสดงว่า สติตามจิตไม่ทัน ก็เลยไม่รู้ว่าจิตอยู่ที่ไหน จิตทำอะไร เพราะมีสติตัวเดียวเท่านั้น ที่จะทำหน้ารายงานให้กับตัวเรา
จิตเป็นนาม เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเอานามไปตามดูกัน นั่นก็คือ สติเรา

ตามไปๆทำไปๆเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ตามทันจิต
เมื่อสติตามทันจิตแล้ว จิตก็จะนิ่งมากยิ่งขึ้นไปตามลำดับเอง
นั่นจึงหมายถึง จิตก็จะรู้เท่าทันกิเลสของตน ได้แก่ ความโกรธของตน เป็นต้น
แต่ถ้าสิตไม่มากพอ จิตเราก็ไม่นิ่งตามไปด้วย
เมื่อจิตไม่นิ่งกันแล้ว เราก็ไม่สามารถตามทันกิเลสตนเองได้
และพวกเราจึงตัดกิเลสกันไม่ได้ หรือเราละปล่อยวางกับสิ่งสมมุติกันไม่ได้ ตรงนี้นี่เอง
พอจะเข้าใจการทำงานของสติ ของจิต ของกิเลส ที่มันเข้าไปเกี่ยวข้องกันตรงไหน อย่างไร
และถ้าผู้ทำให้จิตนิ่งสงบดีมากแล้ว
ต่อไปจิตก็จะเข้าไปเห็นความเกิด-ดับของธรรมนั้นๆได้เอง

จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรมากหรอก เพียงที่คนไม่ค่อยเข้าใจธรรม หรือละปล่อยวางกันไม่ได้สักทีนึง ก็เพราะว่า จิตเราไม่นิ่ง
แต่ถ้าจิตใครนิ่งมาก ก็ยิ่งฉลาด หรือมีญาณหยั่งรู้ที่เขาพูดกันนั่นแหล่ะ!

ขอให้พวกเราถามกันมาเยอะๆนะ จะเป็นเรื่องสติ จิต กิเลส หรือฌาน ญาณ นิมิต ฤทธิ์ทางใจ หรือสวรรค์พรหมนิพพาน ก็ไ้ด้
แต่เรื่องบาป นรก อบายภูมิ ไม่ชอบพูด เพราะไม่อยากให้จิตเราไปยุ่งเกี่ยว โดยเฉพาะพวกจิตอ่อนๆ ด้วยแล้ว ขอให้เกาะพระ เกาะพระบุญกุศลกันเยอะ

ต่อไปถ้ามีโอกาสวันหน้า ผมจะพาคณะไปนอนป่าช้ากันบ้าง
ดูสิว่าใครจะกลัวผีกันบ้าง เพราะอีกไม่นานเราก็จะเหมือนผีเหล่านั้น เราไปกลัวทำไม หรือผีกลัวผี
แต่เราจะขอเป็นผี หรือวิญญาณชั้นดีหน่อย คือ อย่าเป็นผีเร่ร่อน เพราะจิตหลงกันยังมีลมหายใจ พอตายไปแล้วก็หลงหนักเข้าไปอีก
เพราะว่าไม่มีอวัยวะ ไม่มีอายตนะ ดูเห็นหรือได้ยินแล้ว มองอะไรก็ไม่เห็นกัน จิต ดวงจิต หรือวิญญาณก็เลยไปไหนกันไม่ได้ไกล เพราะขาดกำลังใจ หรือบุญบารมี นั่นเอง

ขอให้พวกเราพวกเราดูตัวอย่างเช่น พวกที่พวกมโนยิทธิ อภิญญา ฤทธิ์ทางใจ หรือพระอรหันต์ ทำไมจิตท่านไปได้ทั้งนรก สวรรค์พรหม พระนิพพาน
ก็เพราะว่าท่านฝึกฝนจิตตนเองมาดี เป็นจิตที่มีกำลังใจ หรือพลังจิตสูง
นั่นหมายถึง บุญบารมีที่สะสมจิตอยู่นั้น
เขาเรียกว่า ยานพาหนะสำหรับจิต ก็คือ บุญนั่นเอง

เราฝึกตาย ก่อนตายจริงๆกันบ่อยๆ แล้วจะเข้าใจ

 

เหมือนโดนอ่านใจเลยครับ 55555 เนื่องจากเมื่อก่อนชอบอ่านคราวนี้เหตุผลมันเลยเยอะครับ ใครบอกอะไรมาคิดๆๆๆๆ มันเลยติดๆขัดๆ เพราะการเกาะภาพพระต้องทำๆๆๆๆๆ ตามคำสอนของครูประภาศ เลยต้องทิ้งนิสัยที่ติดตัวมานานครับ

น่าสนดีครับ อยากเจออาจารย์ทุกท่านครับ ผียังไม่อยากเจอครับ ยังจิตใจไม่แกร่งพอ

 

ประกาศ สองประกาศ ด่วน สองด่วน
ลูกศิษย์ลูกหา ใหม่ๆ เกาะขอบกระทู้ รีบมาเร็วๆ
ครูนั่งรอสอนกันเป็นแถว อย่าทิ้งโอกาส
อันดีนี้ไปเลย อ่านแล้ว อย่าอ่านเลย
อ่านเฉยๆก็ไม่ได้ ต้องมาให้ครูๆ
ทั้งหลาย ได้ติวเข้มนะจ๊ะ
มาไวไว มาทำจิตเกาะพระกัน

 

555555 อย่าว่าแต่คุณลินดาเลย
ตอนนั้นครูดัชก็กำลังเข้าได้เข้าเข็มกับอาการหลง
อยู่เหมียนกัลลลล 555555
ยังไงก็ขอให้ท่านๆที่เข้ามาใหม่เปิดอ่านกระทู้แล้ว
อย่าอายเข้ามา ฝึกจิตกันได้เลยจ๊ะ

 

เย๊ย ว่าแล้วเชียวเหมียลไผมากระทุ้งสีข้าง อ้อ พี่ภูนี่เอง
กำลังตามหาลูกศิษย์ใหม่ๆอยู่ง่ะ ที่ฝึกๆอยู่จะพากันยกในอีกไม่กี่ราตรี
หางานรอ อิอิ

 

หัวใส ไม่พอจิตมาแรงได้ใจ
ยกได้ปั๊บ ส่งไปเรียนเรื่องพลังจิตทันที
กิ๊ว กิ๊ว

 

กราบนมัสการ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
โมทนาสาธุ เจ้าค่ะ

 

ใครบอกยาก ไม่จริง
คุณพี่วางอัตตาลงไปตั้งเยอะ แถมตั้งใจมีความเพียร
อย่างนี้ครูๆชอบใจเจ้าค่ะ

 

โมทนาสาธุกับความรู้ที่ให้มาจริงๆ
ยังมีอีกเยอะที่ไม่รู้นะเนี่ย

 

ได้เรื่องว่าไง เอามาให้ชาวกระทู้ได้ โมทนา กันนะจ๊ะ
เป็นกำลังใจจ๊ะ

 

ไม่ได้หายไปไหนหรอกเจ้าค๊า ลำบากเรื่องเน็ตของประเทศนี้หน่อยเดียว อิอิ

 

สองวันก่อน ไม่รู้ใครกระทุ้งเราแฮะ เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ก็เพิ่งเจอครั้งแรกเลย แต่เอ้ ทำไมต้องกระทุ้งตรงสีข้างนะ ทีหลังขอแรงๆตรงแสกหน้านะจ้ะ จาได้ตาสว่างทันเหตุการณื แบบว่าความรู้สึกช้าอ่ะค่ะpig_ballet

 

chearr chearrchearr

ตามมาเชียร์อีกรอบจ้าาาาาาาา
ตัดสินใจถูกแล้วคะ ขอยืนยัน
กลับบ้านเรา รักรออยู่นะจ๊ะ

;ปรบมือ

 

หรือจะเกาะพระไป ฟังเพลงพี่เบิร์ด "สบายๆ" ไปด้วยก้อได้นะครับ
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=GvJj4EwVi5Y]สบาย สบาย - เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ - YouTube[/ame]

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=LbUpPVOEkdA"]I Believe i can fly lyrics - YouTube[/ame]

เอาเพลงมาฝาก เพลงนี้เป็นเพลงให้กำลังใจที่ดี เพลงนึงจะครับ
ใครปฏิบัติแล้วท้อ ขอให้มีกำลังใจ ต่อๆไปนะครับ

ใครจะสำเร็จช้าหรือเร็วไม่สำคัญ
ขอให้อย่าท้อ ไหนๆก็ตั้งใจมาแล้ว ก็ตั้งใจทำให้สุดๆนะครับ chearr

 

งั้นจัดเพลงนี้ไปอีกเพลง จะได้คิดอะไรได้บ้างครับ อิอิ
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=wKQCoHSoAR4&feature=related]อิ่มอุ่น (Original Version) - YouTube[/ame]