ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. Kritsanw

    Kritsanw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +208
    เรียน พี่สุนันทา

    ผมและเพื่อนโอนเข้า
    908-2-01032-4 สุนันทา ใจดี
    300 บาท
    26/06/55
    ร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูปปางรำพึง สูง10.09 ม. ที่หมู่บ้านหลวง

    ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
    ขอบคุณ
    ช้างชายและเพื่อน
     
  2. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    สวัสดีค่ะ คุณอายาตนะ และกัลยาณมิตรทุกๆ ท่าน

    ขอโมทนาบุญกับขาโจ๋ พ่อเรือง น้าหมง คุณโมกขทรัพย์ และทุกๆ ท่านด้วยนะคะ

    ขออนุญาตคุณอายาตนะด้วยนะคะ ขออนุญาตปรับแก้ข้อความที่คุณอายตนะโพสมา ให้ท่านสมาชิกเรือธรรมท่านอื่นๆ ได้อ่านกันได้ง่ายๆ ขออนุญาตและขอขมาด้วยนะคะ หากท่านใดที่ต้องการโพสข้อความหากเป็นการเขียนไว้ใน microsoft word ขอความกรุณาดูก่อนที่จะโพส หรือว่าโพสไปแล้วช่วยกลับมาแก้ไขด้วยค่ะ (คลิกที่ปุ่มแก้ไขและทำการแก้ไขในข้อความที่ตัวเองโพสไปได้เลยค่ะ) เนื่องจากการก็อปข้อความที่เขียนไว้จากโปรแกรมไมโครซอฟ เวิร์ด จะมีติดสัญญลักษณ์ >> และตัวอมยิ้ม มานั่งยิ้มอารมณ์ดี..ในข้อความของเราด้วยค่ะ ซึ่งจริงๆ มีตัวอมยิ้มอารมณ์ดีแบบนี้ดีนะคะ คลายเครียดได้ดีมากเลย ฮา..

    แต่ว่าข้อความจะโดนปัด โดนตัดทำให้อ่านยากไปสักนิดค่ะ เพื่อความสะดวกและง่ายต่อการอ่านของหลายๆ ท่าน ซึ่งบางคำถามบางประสบการณ์ อาจจะเป็นธรรมทานให้เพื่อนๆ ที่เข้ามาอ่านโดยไม่รู้ตัว..อิ..อิ.. อานิสงค์ธรรมทานหาอ่านเอาเองนะคะ

    หนิงยังไม่ขอตอบในสิ่งที่ถามตอนนี้ค่ะ เพราะว่าวันนี้ต้องรีบเคลียร์งานประจำเพื่อไปทำหน้าที่เพื่อสังคมและเพื่อประโยชน์แก่คนหมู่มาก รวมถึงงานพระพุทธศาสนาที่ภาคเหนือและหลายๆ ภาค ช่วงนี้งานเข้าค่ะ..ฮา. ขอแปะไว้ก่อนนะคะ อย่าว่ากันเน้อ.. (ฉกตัวท่านกัปตันไปเดินสายบุญด้วยกัน..แบบว่าไปคนเดียวเกรงว่าบุญที่นำมาฝากกัลยาณมิตรน้อยไปหน่อย เลยต้องหาเพื่อนไปด้วย..ห้ามอิจฉานะคะ โมทนาได้อย่างเดียว)

    ขอโมทนาบุญกับคุณอายตนะด้วยค่ะ ที่ติดตามอ่านมาจนครบทุกหน้า รวมถึงการที่ได้ไปปฏิบัติธรรมถือศีล ๘ ทั้งยังมีใจมุ่งมั่นที่จะรักษาศีล ปฏิบัติตนอยู่ในคำสอนของพระพุทธองค์

    ขออนุญาตเรียกคุณนันนะคะ
     
  3. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    หนิงขอเล่าให้คุณนันฟังดีกว่า อย่าถือว่าเป็นการตอบคำถาม ถ้าถือว่าตอบคงจะเป็นการตอบแบบกว้างๆ (ไม่รู้กี่คนโอบนะคะ..ฮา. วัดไม่ได้) เหตุที่อยากเล่าให้ฟังไว้ก่อนเพราะเกรงว่าตัวเองจะลืม

    ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาในสัปดาห์นี้ละค่ะ ได้รับคำสอนมา ก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น คิดว่าเป็นเรื่องการปฏิบัติของตัวเอง

    แต่เมื่อวานเย็นแว่บเข้ามาดู เห็นคุณนันตั้งคำถามไว้ ก็ยังคิดว่าไว้กลับมาจากเหนือแล้วค่อยเข้ามาเรียบเรียงในสิ่งที่ตัวเองพอจะแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองให้คุณนันและเพื่อนๆ ได้อ่านกัน

    ปรากฎว่าเมื่อเช้านี้..รับรู้บางอย่างมาโดยบังเอิญ? มั้งคะ ^__^

    ที่คุณนันเล่าให้ฟังว่า

    "โดยเฉพาะกับคนอย่าง นัน ที่รู้จักศาสนา วัด แค่เพียงประเพณีปฏิบัติเท่านั้น ก็ได้ฝึกกรรมฐาน ยืน เดิน นั่ง นอน

    จนกระทั่งได้กลับมาใช้ชีวิตปรกติที่บ้าน ก็นั่งสมาธิที่บ้านทุกคืน ส่วนใหญ่จะประมาณ 20-30 นาทีค่ะ พอได้มาอ่านกระทู้นี้ ก็ได้รู้จักคำว่ามโนยิทธิ ก็สนใจอยากปฏิบัติด้วยตนเองที่บ้านก็พยายามศึกษาว่าตัวเราเองจะไปทางไหนดี เพราะที่ผ่านมาฝึกภาวนาพุทโธค่ะ"


    เพียงแค่อ่านถึงตรงนี้ ต้องบอกว่าคุณนันยังโชคดีและมีบุญเก่าที่สร้างสมมามากมาย จึงมีเหตุให้เปลี่ยนชีวิตประจำวันของคุณนันหันเข้ามาหาสิ่งที่พุทธศาสนิกชนบางคนลืม..หรือมองข้ามไป ถ้าติดตามอ่านมาตั้งแต่ต้น คงจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในชีวิตหนิงได้อย่างชัดเจน ถ้าให้พูดแบบเห็นภาพคือ พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือยังน้อยไปค่ะ

    เมื่อก่อนหนิงมองภาพของผู้ปฏิบัติธรรมเป็นอีกแบบ และคิดว่าการที่คนมานั่งสมาธิหลับตานะ เป็นการปฏิบัติธรรมจริงๆ หรือเปล่า นั่งหลับไปใครจะรู้ ด้วยความโง่เขลาของตนเองบวกกับปัญญาน้อย จึงทำให้เกิดการปรามาสโดยไม่รู้ตัว

    ดังนั้นที่คุณนันหมุนตัวเองกลับเข้ามาเห็นทางสว่างของชีวิตแล้ว ขอโมทนาในกุศลจิตด้วยค่ะ ต้องช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสืบไปตราบถึง ๕,๐๐๐ ปี ตามพุทธประสงค์กันนะคะ นำคำสอนของครูบาอาจารย์ และสิ่งที่ควรปฏิบัติน้อมนำมาปฏิบัติ หนิงคิดว่าตัวเองไม่เหมาะที่จะเป็นผู้ถ่ายทอด หรือเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่นได้ ขอเป็นเพียงศิษย์ที่มั่นคงในคำสอนของครูเท่านี้ค่ะ

    การปฏิบัติอย่างไรต่อไปของคุณนัน หนิงคิดว่าคุณนันเป็นผู้ที่จะให้คำตอบแก่ตัวเองได้ดีที่สุด เพราะพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์นั้น หนิงอ่านพบที่ไหนสักแห่งเมื่อเร็วๆ นี้ ว่าพระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า ธรรมที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบนั้น มีอยู่เป็นปกติตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่พระองค์ทรงค้นพบ และนำสิ่งที่พบนั้นมารวบรวมแยกไว้เป็นหมวดหมู่ นำมาถ่ายทอดให้ทุกคนได้ฟังกัน ใครนำไปปฏิบัติก็จะพบสิ่งที่พระองค์พบเช่นกัน

    หนิงอยากให้คุณนันได้เริ่มหาทางเดินใหม่ ในการปฏิบัติว่าทางใดจะถูกกับจริตของคุณนันลองไปหาอ่านแนวทางการปฏิบัติจากกรรมฐาน ๔๐ นะคะ เชื่อว่าคุณนันจะพบได้ด้วยตัวเองค่ะ
     
  4. tia1911

    tia1911 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2010
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +938
    วันนี้เวลาประมาณ 11.30 น. โอนเข้าบัญชีกสิกรไทยเพื่อร่วมสร้างพระปางรำพึงเป็นเงิน 10000 บาทแรียบร้อยแล้วครับ
     
  5. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    อนุโมทนาค่ะ รับทราบการแจ้งยอดเรียบร้อยแล้วค่ะ
     
  6. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    อนุโมทนาค่ะ รับทราบการแจ้งยอดโอนเงินเรียบร้อยแล้วค่ะพี่ไพโรจน์
     
  7. squrez

    squrez เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +2,987
    วันนี้เวลา ๑๒.๐๓ น. โอนเงินร่วมสร้างพระจำนวน ๕๐๐ บาท
    พร้อมกันนี้ได้นำบุญมาฝากด้วยครับ
    ๑.ร่วมถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าทองคำเพื่อประดิษฐานในสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก วัดท่าขนุน link
    ๒. ร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน

    โมทนาครับ
     
  8. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    รับทราบยอดโอนเรียบร้อยแล้วค่ะ อนุโมทนาสาธุ
     
  9. อายาตนะ

    อายาตนะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +87
    สวัสดีค่ะทุกๆท่าน สวัสดีค่ะคุณหนิง

    ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำเรื่องการโพสข้อความ เพราะเมื่อวานพอโพสข้อความไปก็เห็นว่ามีตัวอมยิ้ม ขึ้นมาแล้วตัวอักษรก็เปลี่ยนตำแหน่งไปจากที่เดิมทำให้อ่านยากมาก ได้แต่นั่งมองตาปริบๆแก้ไขก็ไม่สามารถ เกรงว่าจะทำให้ทุกๆท่านอ่านลำบากไม่สบายตา ได้คุณหนิงมาแนะนำค่อยมีความเข้าใจว่า เจ้าอมยิ้ม มาจากไหน ยิ้มม

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณหนิง ท่านกัปตัน และทุกๆท่านในทุกงานบุญด้วยค่ะ

    อย่างไรก็ขออนุญาติลงนาวาบุญ ไปด้วยอีกซักคนนะคะ

    วันนี้เข้ามาพร้อมคำถาม 3 ข้อค่ะ จริงๆจะถามตั้งแต่เมื่อวานแต่ลืม
    รบกวนอย่างนี้ค่ะ...

    1 คิดว่าตัวเองคงไม่ได้คิดไปเอง (เอ หรือคิดไปเองก็ไม่รู้อีกค่ะ ฮา )
    คือช่วงหลังๆ จิ้งจกที่บ้านร้องทั้งวันเลยค่ะ ยิ่งช่วงใกล้เวลานั่งสมาธิ
    เหมือน คอรัส เลยค่ะ ก็ร้องจนทำสมาธิไปครึ่งทาง ชักไม่แน่ใจค่ะว่า
    เค๊าเลิกวงกันเมื่อไร ฮา หรือนันไม่สนใจฟังเค๊าหรือใครแล้วค่ะ
    คือที่บ้านติดถนน เสียงรถเอย เสียงคนเอย คือหน้าบ้านมีคนมาขาย
    ก๋วยเตี๋ยวจนเที่ยงคืน นั่งๆไปไม่สนใจเสียง ได้ยินแต่ไม่ได้สรรพทุก
    เสียงแหล่ะค่ะ เลยไม่แน่ใจเค๊าเลิกร้องไปตอนไหน......
    เมื่อวานก่อนและเมื่อวานเปิดแผ่นสอนกรรมฐานของครูบาอาจารย์นัน
    เองค่ะ เปิดฟังทั้งวันและตอนนั่งกรรมฐานด้วยจะได้อุ่นใจ แฮะๆ
    ปรากฏว่า จิ้งจกไม่ค่อยร้องแฮะ เอ๊ะ หรือมีวันหยุด ฮา ....มีแค่ 3-4
    จึ๊ก จั๊ก เองค่ะ (นันบ่นในใจว่า แหม มีครูอยู่ด้วยไม่กล้ากันเลยนะ )
    จิ้งจกร้องเนี่ย เค๊ามีนัยยะอะไรหรือเปล่าคะ


    2 หลังจากที่ถือศีล 5 มาได้ซัก 2-3 วัน เหมือนจับไข้ค่ะ เป็นๆหายๆ เป็นสัปดาห์ ตัวร้อนผ่าวเหมือนมีควันออกมาจากตัวเลยค่ะ ไม่ได้โดนฝนตากแดด
    อะไรเลย ก็ได้ทานยาไปแค่ 2 ครั้ง เพราะปรกติเป็นคนไม่ชอบทานยาอยู่แล้วค่ะ
    คิดว่าเป็นเองก็หายเอง ถ้าหนักมากๆ ก็ไปหาหมอทีเดียวเลย มันก็เป็นๆหายๆอยู่
    หลายวัน จนวันหลังๆไม่ไหวเกิดมาไม่เคยตัวร้อนได้ขนาดตัวเองคิดว่าเป็นควันเลย ต้องชุบน้ำเย็นเช็ดตัวตลอดทั้งวัน จนวันที่ 8-9 ก็หายไปเอง งง จนทุกวันนี้
    แต่ก็ทนนั่งสมาธิทุกคืนนะคะ ไม่ทิ้งเลย ทำได้เท่าไรเอาเท่านั้นค่ะ.....
    ที่ตัวร้อนเป็นไข้ธรรมดา หรือสภาวะอะไรหรือเปล่าคะ

    3 ก่อนโพสนี่เองค่ะ เอาหมาใส่กรงมันร้อง เสียงหมาร้องอ้อนร้องกวนนี่ ฟังเป็นปรกติอยู่แล้วค่ะ แต่ที่แปลกคือเหมือนเสียงดังที่กรง และดังในหูเลยรู้สึกเหมือนใบหูสั่นเป็นสังกะสีที่หูซ้ายข้างเดียว ข้างขวาอยู่ใกล้หมามากกว่าแต่เฉยๆปรกติ
    เสียงที่หูซ้ายนี่ สั่นพรึ่บ หูเหมือนสังกะสีแกว่งพรึ่บๆ เอ หรือจะคิดมากไปคะ


    รีบมาเล่าไว้ก่อนค่ะ เพราะว่าเดี๋ยวนี้ลืมเก่งค่ะ ว่าจะถามแค่ 2 ข้อ พอดีมีเรื่องเพิ่มมาหมาดๆ เลยถามเพิ่มอีกข้อนึงนะคะ

    ขอบคุณค่ะ

    ปล......ขอบคุณคุณหนิงค่ะ สำหรับคำแนะนำ เดี๋ยวจะลองไปหา กรรมฐาน ๔๐ อ่านเพิ่มเติม อ่านเรื่องจริต 6 อย่าง ตัดสินใจไม่ถูกเพราะเหมือนว่าคล้ายๆจริตเราอยู่หลาย
    กอง ก็เลยคิดว่าเข้ากรรมฐานหยอดกระปุกทุกวัน เมื่อใดเข้าใกล้ ฌาน 4 คงจะพอเห็นทางสว่างได้ซักวัน เพราะทุกวันนี้บางทีถามตัวเองว่า วันคืนผ่านไปเราทำอะไรอยู่... ควรทำและไม่ควรทำอะไรบ้าง กับความคิดที่ว่าจะเอาดีให้ได้ค่ะ
     
  10. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744

    สวัสดีค่ะ ขออนุญาตตอบไปก่อนนะค่ะ ช่วงนี้พี่ๆติดภาระกิจค่ะ
    จริงๆแล้วก็ไม่กล้าที่จะแนะนำอะไรมากนัก ผิดถูก หรือ จะชอบใจ ไม่ชอบใจ อันนี้ก็แล้วแต่จะพิจารณากันนะค่ะ ก็ต้อง ขอขมากันไว้ ณ ตรงนี้ก่อน

    สิ่งที่คุณ อายาตนะ ได้พบเจอมาหลากหลายในช่วงนี้ หรือจะต่อๆไปอีกภายหน้า นั้น จริงๆแล้วถ้าหากเราไม่สนใจ ไม่เอาจิตไปจับกับสิ่งรอบตัว หรือสิ่งที่ตัวเองได้รับสัมผัสมานั้นเสีย ให้ละทิ้งไป อย่าได้ไปสนใจสิ่งเหล่านี้เลย เพียงเพราะว่า อาจจะทำให้หลง ไปกับสิ่งเหล่านี้ได้ จะกลายเป็นวิตกกังวลไปเสียด้วยซ้ำ ทำให้การปฏิบัติ ของเราไม่ไปไหน เพราะเรามั่วแต่ สงสัย กับสิ่งนั้นๆ ว่าจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ เกิดแบบนี้แล้วจะเป็นอะไรรึเปล่า การปฏิบัติไม่ทำให้เราถึงตาย ไม่ต้องกลัว ที่กลัวอย่างเดียว คือ หลง ตัวหลงตัวเดียวเลย จะหลงไปไหนนี้อันนี้ก็มีหลายทางค่ะ จะขึ้นข้างบน หรือ จะลงข้างล่าง การปฏิบัติของแต่ละบุคคล จะรู้ได้ด้วยตัวของเราเอง การสอบถาม และได้รับคำแนะนำนั้นก็นำเอามาพิจารณาแล้วเอาไปปรับใช้ให้เข้ากับของตัวเอง ได้ค่ะ แล้วแต่จะนำไปใช้ หรือ ไม่ใช้ อันนี้ไม่ว่ากันค่ะ เพราะแต่ละบุคคล ก็จะได้ ตามแต่จริตของตนไป แต่สุดท้าย ไปถึงจุดหมายเหมือนกัน ปฏิบัติ เพื่อละ ไม่ได้ปฏิบัติเพื่อยึดติดสิ่งนั้นๆที่รู้มา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะรู้มาแบบไหน สุดท้ายก็ต้องวางค่ะ

    อนุโมทนาสาธุ กับคุณ อายาตนะ ด้วยค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2012
  11. ขาโจ๋ข้าเอง

    ขาโจ๋ข้าเอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    244
    ค่าพลัง:
    +4,856
    กราบประทานอภัยขอรับ มายกมือโหวต ขอรับ เห็นด้วยกับคำตอบขอรับ ยึดติดเกินไปมันจะกลายเป็นหลง คิดว่าเรานั่งสมาธิได้แล้วเราจะต้องเกิดความหยั่งรู้ หรือ รู้เห็นอนาคต อดีต อะไรต่างๆนาๆ มันจะกลายเป็นยึดติดแล้วหลงผิด จะห่างไกลจากคำว่าหลุดพ้น

    ขาโจ๋ไม่ทราบได้หรอกขอรับว่าคุณ อายาตนะ ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร นั่งสมาธิเพื่ออะไร ลองหาคำตอบให้ตัวเองดูขอรับ เมื่อทราบคำตอบว่าเราจะกะทำเพื่ออะไร เราค่อยหาดูืทางว่าเราจะเดินไปทางไหน

    ถ้ากะทำเพื่อผลของอภิญญานั้น ก็อยู่ที่การฝึกของคุณ อายาตนะ ฝึกแล้วไปได้ขนาดไหน ฝึกแล้วเป็นอย่างไร แล้วต้องกำลังใจขนาดไหนสิ่งที่เราเห็นนั้นถึงจะผิด หรือถูก เอาอะไรเป็นตัววัด

    ขาโจ๋ไม่ได้มาพูดเพื่อให้ตัวเองเก่งนะขอรับขาโจ๋ยังเลวและเน่าอยู่ขอรับ แต่เท่าที่เห็นและเจอมาส่วนมากระยะแรกของผู้ฝึกหลายคนมักเจอแบบนี้ จะต้องเป็นแบบนั้น จะต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ขาโจ๋ก็เคยเป็นขอรับ ยอมรับ แต่หลังจากนั้นถึงรู้ว่าตัวเองนั้นผิด เดินทางไม่ตรงกับครูบาอาจารย์ที่สอนสั่ง แต่กะผมไม่ได้บอกนะขอรับว่าของคุณ อายาตนะ นั้นผิดหรือถูก เพราะขาโจ๋ไม่ทราบกำลังใจของคุณ อายาตนะ นั้นมุ่งไปทางไหน

    แนะนำว่าหาหนังสือตามที่พี่หนิงบอกมาอ่านก่อนดีกว่าขอรับ
    ส่วนเรื่องจริตนั้นๆ คนเรานั้นมีทุกจริตอยู่ในตัวเหมือนกันหมดขอรับ เพียงแต่ว่าอย่างไหน หรืออย่างไร มันจะมากกว่าเท่านั้นเองขอรับ และเมือจริตเหล่านั้นเกิดกับเรา เราจะหาหนทางแก้ไขแบบไหน อย่างไรมากกว่าขอรับ ซึ่งเหล่านั้นในการแก้ไขเรียกว่าการมี สติ ขอรับ

    ส่วนจะยึดแบบไหนเป็นหลัก โดยส่วนตัวของขาโจ๋แล้ว น่าจะเป็น อานาปานุสติ เป็นหลักขอรับ ส่วนองค์ภาวนานั้น อยู่ที่เราชอบ หรือความสะดวกของเราขอรับ จะเป็นบทสวด คาถาเงินล้าน นะมะพะทะ พุทโธ หรือจะเป็น สัมมาอะระหัง หรือ บทอื่นๆก็ได้ขอรับ

    เรื่อง งู นั้น ขาโจ๋เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดานะขอรับ บังเอิญเรานั้นยังมีโชคไม่โดนกัด (แต่ถ้าจะคิดแบบเข้าข้างตัวเองหน่อยก็มีใครคอยช่วยเหลือ แ่ต่อย่าไปคิดมากเข้าละ ปะเดี๋ยวจะเข้าข้างตัวเองมากเกินไป) เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา เราก็ต้องตาย งูก็ต้องตายหลีกหนีกันไม่พ้นหรอกขอรับ เราไม่ได้สั่งให้เขาฆ่า แต่เขาก็ต้องตาย นั้นเพราะเขาอาจจะมีกรรมต่อเนื่องซึ่งกันและกัน และเหตุว่า งู นั้นดวงจะต้องถึงฆาต ไม่ตายตอนนั้น ก็ต้องตายในตอนอื่น อย่าไปคิดมาก ขอรับ

    กราบประทานอภัยถ้าเขียนแล้วไม่เข้าตาไม่เข้าใจ ทำให้ระคายเคือง ก็ขอประทานอภัยขอรับ ผิดพลาดประการใดขาโจ๋ขอน้อมรับขอรับ โมทนาบุญกับ คุณ อายาตนะ ด้วยนะขอรับที่เดินทางมาทางนี้และหันมารักษาศีลขอรับ
     
  12. อายาตนะ

    อายาตนะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +87
    สวัสดีค่ะ...คุณ sabzajeed และคุณ ขาโจ๋ข้าเอง


    สาธุ..กับบุญธรรมทานกับทั้ง 2 ท่าน ด้วยค่ะ ที่ได้มาแนะนำธรรมทานไว้ให้


    อย่างที่ได้เล่าไว้เลยค่ะ......ว่าหลังจากได้รับกรรมฐานมา และมาปฏิบัติที่บ้าน
    โดยลำพัง อย่างคนไม่มีความรู้ก็ได้ศึกษาหาอ่านเพิ่มเติมจากในเวปธรรมะอยู่
    3-4 เวป จากที่ปฏิบัติมาเหมือนได้พบแผนที่ ที่จะบอกกล่าวให้เราเดินทางไป
    ทิศทางใดดี จนกระทั่งเกิดบางสื่งบางอย่างที่ทำให้....กลัว....


    พอกลัวจิตก็ตก กับเหตุการณ์ต่างๆว่า สิ่งที่เจอนั้น เราทำอะไรผิด
    โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเปล่าไม่ว่าจะเรื่องตัวร้อนไม่สบาย เจอ งู
    เสียงแปลกๆ....กลัวว่าเป็นกรรมอันใดหรือเปล่าหนอ มีอะไรที่ต้อง
    ขอขมา หรือต้องแก้ไข เพื่อจะได้ มรรค ผล ในทางที่ถูกที่ควร...
    รวมถึงเราจะไปต่ออย่างไรดี.......เมื่อมาถึงตรงนี้


    จากเท่าที่อ่านมา และจาก คุณ sabzajeed และคุณ ขาโจ๋ข้าเอง....มาให้ความเห็น


    สรุปรวมลงที่.....รู้ ละ ... วาง ว่าง....


    นึกถึงตอนเจอเหตุการณ์ ก็พยายาม รู้ ละ กดข่มความกลัวทุกรูปแบบ แค่กดข่ม
    ไม่ให้ตัวเองลุกออกจากสมาธิ แต่สตินั้นไม่แน่ใจว่ามีมากน้อยแค่ไหน ฮา

    เมื่อคืนก็ได้นั่งกรรมฐานค่ะ รู้สึกว่ากลัวน้อยลง......แต่ก็เจออีกแหล่ะค่ะ สติดีขึ้น
    มาหน่อย วางได้มากขึ้น คงเพราะยังสู้อยู่ทุกวันล้มบ้าง ลุกบ้าง ในความกลัว


    ที่บอกว่า เพราะทุกวันนี้บางทีถามตัวเองว่า วันคืนผ่านไปเราทำอะไรอยู่...
    ควรทำและไม่ควรทำอะไรบ้าง ....... ช่วงนี้รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิต
    ความรู้สึกนึงคืออยากบวช อีกความรู้สึกนึงก็คิดว่ายังละบางอย่างไม่ได้

    จากการที่ได้บวชถือศีล 8 มา ได้รู้ว่าการปฏิบัติ สงบ สำรวมในธรรมนั้น
    เป็นเรื่องละเอียดมาก ความคิดทางโลกแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความคิด
    ทางธรรม........ จึงทำให้ยังติดทางโลกอยู่ เพราะขันติวิริยะ เรายังไม่ถึง
    พร้อม แต่ก็มีความหวังอยู่เสมอว่าวันใดสะสมบุญบารมีได้มีดวงตาเห็นธรรม
    ศีล สมาธิ ปัญญา คงจะละกิเลสได้ซักวันหนึ่งค่ะ.....
     
  13. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,032
    สวัสดีค่ะ diya ขอร่วมบุญสร้างพระพุทธรูปปางรำพึงร่วมกับทุกๆท่านด้วยนะคะ

    โอนเงินแล้ววันนี้ บัญชี 9082010324 เวลา 13:01 น. จำนวน 111.11 บาท

    โมทนาสาธุในบุญกุศลของทุกๆท่านทั้งหมดทั้งมวลด้วยค่ะ สาธุ
     
  14. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744

    อนุโมทนาสาธุค่ะ รับทราบการแจ้งยอดโอนแล้วค่ะ
     
  15. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    กลับมาจากภาระกิจแล้วค่ะ ทั้งสองคน ทั้งท่านกัปตันและกับดัก..ฮา...

    ธรรมะจัดสรร และธรรมะหรรษา ได้ทั้งบุญกุศลมาฝากทุกๆ ท่าน และยังได้รับเมตตาจากครูบาอาจารย์ที่เคารพ เล่าเรื่องราวครั้งก่อนสมัยที่ครูบาอาจารย์ประสบพบมาและธรรมะที่ได้รับมาจากครูบาอาจารย์รุ่นก่อนๆ

    ขออนุญาตสงวนนามครูบาอาจารย์ที่เคารพนะคะ เนื่องจากท่านไม่ประสงค์ที่จะออกตัวเอาเป็นว่ารับรู้ว่า เป็นครูบาอาจารย์ที่หนิงเคารพและศรัทธาในจริยาและคำสอนของท่านแล้วกันนะคะ

    โมทนาบุญกับคุณนัน (อายตนะ) และน้องเบน , น้องขาโจ๋ ด้วยค่ะ

    เอ.. เรื่องไหนก่อนดีหนอ...
     
  16. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615

    ยินดีต้อนรับลงเรือธรรมลำน้อยค่ะ ไม้พาย หนิงวางไว้สองข้างประตูทางลงแล้วค่ะ ทันทีที่กำลังใจพร้อมที่จะลงเรือธรรมลำน้อยและสมัครจะร่วมเป็นฝีพาย..พายไปพร้อมๆ กัน.. ก้าวเท้าลงมาแล้วหยิบไม้พาย จิบน้ำสมุนไพรเย็นๆ เลือกที่นั่งที่เหมาะกับตัวเอง คลายเหนื่อยลงแล้ว เริ่มลุยจ้ำพรึ่ดๆ กันได้เลยค่ะ

    ส่วนคำถาม...


    วันนี้เข้ามาพร้อมคำถาม 3 ข้อค่ะ จริงๆจะถามตั้งแต่เมื่อวานแต่ลืม
    รบกวนอย่างนี้ค่ะ...

    1 คิดว่าตัวเองคงไม่ได้คิดไปเอง (เอ หรือคิดไปเองก็ไม่รู้อีกค่ะ ฮา )
    คือช่วงหลังๆ จิ้งจกที่บ้านร้องทั้งวันเลยค่ะ ยิ่งช่วงใกล้เวลานั่งสมาธิ
    เหมือน คอรัส เลยค่ะ ก็ร้องจนทำสมาธิไปครึ่งทาง ชักไม่แน่ใจค่ะว่า
    เค๊าเลิกวงกันเมื่อไร ฮา หรือนันไม่สนใจฟังเค๊าหรือใครแล้วค่ะ
    คือที่บ้านติดถนน เสียงรถเอย เสียงคนเอย คือหน้าบ้านมีคนมาขาย
    ก๋วยเตี๋ยวจนเที่ยงคืน นั่งๆไปไม่สนใจเสียง ได้ยินแต่ไม่ได้สรรพทุก
    เสียงแหล่ะค่ะ เลยไม่แน่ใจเค๊าเลิกร้องไปตอนไหน......
    เมื่อวานก่อนและเมื่อวานเปิดแผ่นสอนกรรมฐานของครูบาอาจารย์นัน
    เองค่ะ เปิดฟังทั้งวันและตอนนั่งกรรมฐานด้วยจะได้อุ่นใจ แฮะๆ
    ปรากฏว่า จิ้งจกไม่ค่อยร้องแฮะ เอ๊ะ หรือมีวันหยุด ฮา ....มีแค่ 3-4
    จึ๊ก จั๊ก เองค่ะ (นันบ่นในใจว่า แหม มีครูอยู่ด้วยไม่กล้ากันเลยนะ )
    จิ้งจกร้องเนี่ย เค๊ามีนัยยะอะไรหรือเปล่าคะ

    แค่พูดถึงจิ้งจก..หนิงก็จะวิ่งแล้วค่ะ เรามีสัญญาใจกันไว้ว่า จิ้งจก ตุ๊กแก ไม่ใช่ตุ๊กฉัน.. เราจะเว้นระยะห่างกัน 500 เมตรค่ะ ถ้าใครล้ำแดนเข้ามา อีกฝั่งต้องวิ่งไปตั้งหลักให้ห่างกันเข้าไว้ จะได้ไม่ต้องมาจดจำซึ่งกันและกัน

    บ้านหนิงก็เป็นตึกแถวติดถนนที่มีเสียงดนตรีขับกล่อมเป็นเสียงรถยนต์ บางทีก็จะมีจังหวะ ชะชะช่า หรือร๊อค.. ตามเสียงแว๊นของมอเตอร์ไซด์ ได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ คนทั้งบ้านมีโสตประสาทเสื่อมลง คือต้องฟังเสียงที่ดัง รวมไปถึงการดำเนินชีวิตของพวกเรามีการพูดจาที่มั่นคง เสียงดังหนักแน่น ถ้าพูดเบาจะไม่เป็นเอกลักษณ์ค่ะ..

    อยู่อย่างเป็นสุขได้ คือไม่สนใจสิ่งต่างๆ รอบตัวเรา จะเป็นอย่างไรก็ช่าง เสียงจะดัง จะคุยกัน จะตะโกนอย่างไร ก็ถือว่านั่นเป็นปกติของเขา , ส่วนปกติของเรา คือ จิตพร้อมที่จะนิ่งได้ตลอดเวลา

    หนิงเขียนตามที่ครูบาอาจารย์สอนมานะคะ ตัวเองยังทำได้ไม่ดีนัก ยังขึ้นๆ ลงๆ เปลียนแปลงได้ตลอดเวลา อย่างไรแล้ว เรามาร่วมทำไปพร้อมๆ กันดีไหมคะ คุณนัน... ละ วางในทุกอย่างที่ได้เห็น ได้ยินได้ฟัง เพื่อการปฏิบัติภาวนา อ่อ..ตรงนี้ หนิงลืมไปว่า ครูบาอาจารย์สอนให้ นำสิ่งที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวัน มาจับเป็นกรรมฐาน พิจารณาไปเลยค่ะ เราเห็นสิ่งใดก็พิจารณาไปเลย สุดท้ายแล้ว มาจบลงตรง เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป


    2 หลังจากที่ถือศีล 5 มาได้ซัก 2-3 วัน เหมือนจับไข้ค่ะ เป็นๆหายๆ เป็นสัปดาห์ ตัวร้อนผ่าวเหมือนมีควันออกมาจากตัวเลยค่ะ ไม่ได้โดนฝนตากแดด อะไรเลย ก็ได้ทานยาไปแค่ 2 ครั้ง เพราะปรกติเป็นคนไม่ชอบทานยาอยู่แล้วค่ะ
    คิดว่าเป็นเองก็หายเอง ถ้าหนักมากๆ ก็ไปหาหมอทีเดียวเลย มันก็เป็นๆหายๆอยู่ หลายวัน จนวันหลังๆไม่ไหวเกิดมาไม่เคยตัวร้อนได้ขนาดตัวเองคิดว่าเป็นควันเลย ต้องชุบน้ำเย็นเช็ดตัวตลอดทั้งวัน จนวันที่ 8-9 ก็หายไปเอง งง จนทุกวันนี้ แต่ก็ทนนั่งสมาธิทุกคืนนะคะ ไม่ทิ้งเลย ทำได้เท่าไรเอาเท่านั้นค่ะ.....
    ที่ตัวร้อนเป็นไข้ธรรมดา หรือสภาวะอะไรหรือเปล่าคะ

    เรื่องตัวร้อนเป็นไข้ หนิงไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เพราะว่าสภาวะร่างกายของหนิงทั้งก่อนและหลังการปฏิบัติ (ก่อน คือก่อนที่จะเข้ามาสนใจธรรมะ และหลังคือหลังจากที่พบทางสว่างของชีวิตแล้วนะคะ) ยังเป็นปกติทุกประการ จะมีบ้าง คืออาการป่วยของตัวเอง ภูมิแพ้ทุกประเภททั้งอากาศ ฝุ่น ควัน ละอองเกสรดอกไม้ หนิงคิดว่าดีขึ้น เพราะไม่ได้แพ้น้อยลงแต่ว่าอาการที่เกิดขึ้นกับร่างกายน้อยลงค่ะ

    ขันธ์ห้าเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หากสภาวะของร่างกายไม่ไหวจริงๆ พบแพทย์รักษาตามอาการดีกว่าปล่อยไว้นะคะ อย่างน้อยๆ จะไม่เป็นขันธมาร ขวางในการปฏิบัติของเรา ถ้าพอจะรักษาได้ ถนอมรักษาไว้ก่อนค่ะ


    3 ก่อนโพสนี่เองค่ะ เอาหมาใส่กรงมันร้อง เสียงหมาร้องอ้อนร้องกวนนี่ ฟังเป็นปรกติอยู่แล้วค่ะ แต่ที่แปลกคือเหมือนเสียงดังที่กรง และดังในหูเลยรู้สึกเหมือนใบหูสั่นเป็นสังกะสีที่หูซ้ายข้างเดียว ข้างขวาอยู่ใกล้หมามากกว่าแต่เฉยๆปรกติ

    เสียงที่หูซ้ายนี่ สั่นพรึ่บ หูเหมือนสังกะสีแกว่งพรึ่บๆ เอ หรือจะคิดมากไปคะ

    ข้อนี้ ต้องขอโทษด้วยค่ะ เพราะไม่ทราบจริงๆ



    รีบมาเล่าไว้ก่อนค่ะ เพราะว่าเดี๋ยวนี้ลืมเก่งค่ะ ว่าจะถามแค่ 2 ข้อ พอดีมีเรื่องเพิ่มมาหมาดๆ เลยถามเพิ่มอีกข้อนึงนะคะ

    ขอบคุณค่ะ

    ปล......ขอบคุณคุณหนิงค่ะ สำหรับคำแนะนำ เดี๋ยวจะลองไปหา กรรมฐาน ๔๐ อ่านเพิ่มเติม อ่านเรื่องจริต 6 อย่าง ตัดสินใจไม่ถูกเพราะเหมือนว่าคล้ายๆจริตเราอยู่หลาย
    กอง ก็เลยคิดว่าเข้ากรรมฐานหยอดกระปุกทุกวัน เมื่อใดเข้าใกล้ ฌาน 4 คงจะพอเห็นทางสว่างได้ซักวัน เพราะทุกวันนี้บางทีถามตัวเองว่า วันคืนผ่านไปเราทำอะไรอยู่... ควรทำและไม่ควรทำอะไรบ้าง กับความคิดที่ว่าจะเอาดีให้ได้ค่ะ

    เรื่องจริตนื่อยากเล่าให้ฟังเหมือนกันค่ะ แต่ยกไปอีกความเห็นแล้วกันนะคะ ความเห็นนี้ยาวมากแล้ว
     
  17. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    โมทนาบุญกับน้องโจ๋ด้วยค่ะ โค๊ดมาทั้งข้อความ จริงๆ อยากนำของน้องเบนมาด้วย แต่ขอทีละคนก่อน เพราะความเห็นเมื่อสักครู่หนิงทิ้งท้าย เรื่องของจริตไว้

    จริต ๖ ตามที่พระพุทธองค์ทรงจำแนกไว้นั้น และที่น้องโจ๋เล่าให้ฟัง ซึ่งพวกเรารับรู้มาจากคำสอนของครูบาอาจารย์ตรงกันว่า จริตทั้ง ๖ นั้นมีอยู่ในตัวพวกเราทั้งหมด เพียงแต่ว่าในช่วงเวลาไหน จริตอะไรจะแสดงออกมาก่อน

    ไม่ว่าจะเป็น โทสะจริต โมหะจริต ราคะจริต วิตกจริต ศรัทธาจริต(หนิงไม่รู้ว่าเขียนว่า สัทธาหรือศรัทธานะคะ) และพุทธจริต

    หามาให้แล้วค่ะ...

    จริต แปลว่า จิตท่องเที่ยว สถานที่จิตชอบท่องเที่ยว หรืออารมณ์ที่ชอบท่องเที่ยวของจิตนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ มี 6 ประการคือ

    1. ราคจริต จิตท่องเที่ยวไปในอารมณ์ที่รักสวยรักงาม คือ พอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสนิ่มนวล ชอบการมีระเบียบ สะอาด ประณีต พูดจาอ่อนหวาน เกลียดความเลอะเทอะ
    2. โทสจริต มีอารมณ์มักโกรธ เป็นคนขี้โมโหโทโส จะเป็นคนที่แก่เร็ว พูดเสียงดัง เดินแรง ทำงานหยาบ แต่งตัวไม่พิถีพิถัน เป็นคนใจเร็ว
    3. โมหจริต มีอารมณ์จิตลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ ชอบสะสมมากกว่าจ่ายออก มีค่าหรือไม่มีค่าก็เก็บหมด นิสัยเห็นแก่ตัว อยากได้ของของคนอื่น แต่ของตนไม่อยากให้ใคร ไม่ชอบบริจาคทานการกุศล เรียกว่า เป็นคนชอบได้ ไม่ชอบให้
    4. วิตกจริต มีอารมณ์ชอบคิด ตัดสินใจไม่เด็ดขาด ไม่กล้าตัดสินใจ คนประเภทนี้เป็นโรคประสาทมาก มีหน้าตาไม่ใคร่สดชื่น แก่เกินวัย หาความสุขสบายใจได้ยาก
    5. สัทธาจริต มีจิตน้อมไปในความเชื่อเป็นอารมณ์ประจำใจ เชื่อโดยไร้เหตุผล พวกนี้ถูกหลอกได้ง่าย ใครแนะนำก็เชื่อโดยไม่พิจารณา
    6. พุทธจริต เป็นคนเจ้าปัญญาเจ้าความคิด มีความฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบ การคิดการอ่าน ความทรงจำดี
    อารมณ์ที่กล่าวมา 6 ประการนี้ บางคนมีอารมณ์ทั้ง 6 อย่างนี้ครบถ้วน บางรายก็มีไม่ครบ มีมากน้อยกว่ากันตามอำนาจวาสนาบารมีที่อบรมมาในชาติอดีต อารมณ์ที่มีอยู่คล้ายคลึงกัน แต่ความเข้มข้นรุนแรงไม่เสมอกันนั้น เพราะบารมีที่อบรมมาไม่เสมอกัน

    หลวงพ่อที่เคยมาแสดงธรรมที่ศูนย์พุทธศรัทธา เง้อ จำชื่อหลวงพ่อไม่ได้ค่ะ หลวงพ่อแสดงธรรมให้ฟังเรื่องจริตให้ฟัง ถามว่า จริตมีกี่ประเภท

    หลวงพ่อบอกว่า จริตตามที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้มี ๖ ประเภท แต่คนเราชอบเป็นประเภทที่ ๗ .. ฮา.. โดนไปกลางแสกหน้า..เป็นมานาน และเป็นบ่อยค่ะ หนิงเอง.. จริตที่ ๗ ออกนอกหน้าให้คนเห็นบ่อยๆ "ดัดจริต" จนต้องปรามๆ ตัวเอง ..

    ไม่ได้ว่าใครนะคะ เขียนเล่าสู่กันฟัง เพราะว่าบางครั้งฟังธรรมที่ครูบาอาจารย์เมตตาสอนมานั้น โดนตัวเอง ในขณะนั้นบ่อยๆ พอขาโจ๋พูดเรื่องจริตพี่หนิงเลยคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้..
     
  18. Doughnut

    Doughnut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +15,615
    สุดท้ายนะคะ

    หากคุณนันและทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ สนใจที่จะศึกษาแนวการปฎิบัติพระกรรมฐาน เบื้องต้น ตามคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่พระราชพรหมยาน (หลวงปู่ฤาษีลิงดำ) สามารถหาอ่านคำสอนและแนวทางการปฎิบัติทั้งเป็นหนังสือรวบรวมคำสอน แยกเป็นเรื่องๆ ได้อย่างชัดเจน สามารถซื้อได้ที่บ้านสายลม หรือวัดท่าซุงค่ะ

    หรือ..ค้นหาอ่านได้ทั้งเว็บวัดท่าซุง และในเว็บพลังจิตนี้ มีรวบรวมไว้ให้ค่ะ หรืออีกหลายๆ เว็บที่หนิงไม่ทราบ

    ขออนุญาตนำคำสอนเรื่องวิธีฝึกพระกรรมฐาน ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ

    ที่มา : http://www.palungjit.org/smati/books/index.php?cat=151

    ท่านให้ทำจิตให้ทรงตัวในอารมณ์ต่อไปนี้คือ

    • ๑. คิดว่าชีวิตนี้ต้องตายแน่แต่เราไม่ทราบวันตาย ให้คิดตามที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า เธอทั้งหลายจงอย่าคิดว่าวันตายจะเข้ามาถึงเราในวันพรุ่งนี้ ให้คิดว่าอาจจะตายวันนี้ก็ได้ เมื่อคิดถึงความตายแล้วไม่ใช่ทำใจห่อเหี่ยว คิดเตรียมตัวว่าเราตายเราจะไปไหนจงตัดสินใจว่าเราต้องการนิพพาน ถ้าไปนิพพานไม่ได้ขอไปพักที่พรหมหรือสวรรค์ ถ้าต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์จะต้องไม่ลงอบายภูมิ แล้วพยายามรักษากำลังใจให้ทรงตัวในความดีที่เป็นที่พึ่งเพื่อให้เราเข้าถึงได้แน่นอนตามที่เราต้องการ คือ

      ๒.
      ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพ โดยปฏิบัติใน พุทธานุสสติ ตามที่แนะนำมาแล้วอย่าให้ขาด

      ๓.
      เคารพในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า โดยใจนึกถึงความตายอย่างไม่ประมาท ทรงอารมณ์ไว้ใน อานาปานุสสติกรรมฐาน และกรรมฐานข้ออื่นๆ ที่ทำได้แล้วเป็นปกติ อย่าให้กรรมฐานนั้นๆ เลือนหายจากใจในยามที่ว่างจากการงาน "เวลาทำงานใจ อยู่ที่งาน เวลาว่างใจอยู่ที่กรรมฐาน"

      ๔. ยอมรับนับถือพระอริยสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าด้วยการปฏิบัติตามพระธรรมของพระพุทธเจ้า ที่พระสงฆ์นำมาแนะนำเลือกปฏิบัติตามที่พอจะทำได้

      ๕. ปฏิบัติและทรงกำลังใจใน ศีลและกรรมบถ ๑๐ อย่างเคร่งครัด ไม่ยอมละเมิดศีลและกรรมบถ ๑๐ อย่างเด็ดขาดเว้นไว้แต่ทำไปเพราะเผลอไม่ตั้งใจสำหรับศีลควบกรรมบถ ๑๐ ท่านให้ปฏิบัติดังนี้

      อันดับแรก จงมีความเข้าใจว่าการปฏิบัติคือการใช้อารมณ์ให้เป็นสมาธิหมายถึงว่าจำได้เสมอไม่ลืมว่า ศีล และ กรรมบถ ๑๐ มีอะไรบ้าง เมื่อจำได้แล้วก็พยายามเว้นไม่ละเมิดอย่างเด็ดขาด ใหม่ๆ อาจจะมีการพลั้งเผลอละเมิดไปบ้างเป็นของธรรมดา เมื่อชินคือชำนาญที่เรียกว่า จิตเป็นฌาน คือปฏิบัติระวังจนชิน จนกระทั่งไม่ต้องระวังก็ไม่ละเมิด อย่างนี้ท่านเรียกว่า เป็นฌานในศีล และ กรรมบถทั้ง ๑๐ ประการ ผลที่ทำได้ก็มีผลในขั้นต้นก็คือไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม หรือมาเกิดมาเป็นมนุษย์ชั้นดีตามที่กล่าวมาแล้ว​

      ผลของศีลและกรรมบถ๑๐ มีดังนี้
      ๑. เว้นจากการฆ่าสัตว์และทรมานสัตว์ ให้ได้รับความลำบากตลอดชีวิตเว้นอย่างนี้ได้ ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ใหม่จะเป็นคนมีรูปสวยมาก ไม่มีโรคเบียดเบียนอายุยืนยาวครบอายุขัยตายใหม่ไม่ต้องลงอบายภูมิต่อไป จนกว่าจะเข้านิพพาน

      ๒. เว้นการถือเอาทรัพย์สินที่คนอื่นไม่เต็มใจให้ หรือขโมยของเขาตลอดชีวิตและมีการให้ทานตามปกติ เว้นตามนี้ได้และให้ทานเสมอตามแต่จะให้ได้ ถ้ายังไม่มีพอจะให้ได้ก็คิดว่า ถ้าเรามีทรัพย์เราจะให้เพื่อเป็นการสงเคราะห์ อย่างนี้ถ้าตายไปจากชาตินี้ ก็ ไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหม หมดบุญจากเทวดาหรือพรหมมาเกิดเป็นคน จะเป็นคน ร่ำรวยมาก มีความปรารถนาในทรัพย์สมหวังทุกอย่าง ทรัพย์ไม่ถูกทำลาย เพราะโจร ไฟ น้ำ ลม และจะรวยตลอดชาติ

      ๓. เว้นจาการทำชู้ ลูกเขา ผัวเขา เมียเขา ตลอดชีวิต เว้นอย่างนี้ได้ตายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมแล้วลงมาเกิดเป็นคนจะมีคนในปกครองดีทุกคนจะไม่หนักใจเพราะคนในปกครองเลย

      ๔. เว้นจาการพูดปด

      ๕. เว้นจาการพูดหยาบ

      ๖. เว้นจากการพูดยุให้ชาวบ้านแตกร้าวกัน เว้นจาการพูดวาจาที่ไม่เป็นประโยชน์ตลอดชีวิต เว้นอย่างนี้ได้ หลังจากเป็นเทวดาหรือพรหมแล้ว มาเกิดเป็นคน จะเป็นคนที่มีวาจาเป็นที่รักของผู้รับฟัง ไม่มีใครอิ่มหรือเบื่อในการฟัง ถ้าพูดตามภาษาชาวบ้านท่านเรียกว่ามีวาจาเป็นมหาเสน่ห์ หรือมีเสียงเป็นทิพย์ คนชอบฟังเสียงที่พูด การงานทุกอย่างจะสำเร็จเพราะเสียง ทรัพย์สินต่างๆ จะเกิดขึ้นเพราะเสียง ถ้าพูดโดยย่อก็ต้องพูดว่ารวยเพราะเสียง หรือเสียงมหา-เศรษฐีนั่นเอง

      ๗. เว้นจากการดื่มน้ำเมาที่ทำให้เสียสติทุกประการตลอดชีวิต เว้นได้ตามนี้ เมื่อเกิดเป็นคนใหม่จะไม่มีโรคปวดศีรษะ ไม่เป็นโรคประสาท ไม่มีโรคบ้ามารบกวน เป็นคนมีมันสมองดีปลอดโปร่งในอารมณ์ (เป็นคนฉลาดมาก)

      ๘. เว้นจากการคิดอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่นเอามาเป็นของตน ข้อนี้ไม่ได้ขโมยและไม่คิดว่าจะขโมยด้วย เป็นการคุมอารมณ์ใจ

      ๙. ไม่คิดประทุษร้ายจองเวรจองกรรมจองล้างจองผลาญใคร มีจิตเมตตาคือความรักในคนและสัตว์เหมือนรักตัวเอง

      ๑๐.ยอมรับนับถือพระพุทธเจ้า
      และปฏิบัติตามที่พระองค์ทรงสั่งสอนทุกประการไม่สงสัย ในคำสอนและผลของการที่ปฏิบัติตามคำสอนแล้วมีผลความสุขปรากฏขึ้น ผลของการเว้นในข้อ ๘, ๙, ๑๐ นี้ เมื่อเกิดใหม่จะเป็นคนมีอารมณ์สงบสุข ไม่มีความทุกข์ทางใจอย่างใดอย่างหนึ่งเลยและเป็นผลที่ทำให้เข้าถึงพระนิพพานง่ายที่สุข

      เมื่อท่านเว้นตามนี้ได้ การเว้นควรเว้นแบบนักเจริญสมาธิ
      คือมีอารมณ์รู้เพื่อเว้นตลอดเวลา เมื่อเว้นจนชิน จนไม่ต้องระวังก็ไม่ละเมิด อย่างนี้ถือว่าท่านมีฌานในศีลและกรรมบถ ๑๐ ประการ ท่านเรียกว่า เป็นผู้ทรงฌานในสีลานุสสติกรรมฐาน

      อานิสงส์ที่ได้แน่นอน

      อานิสงส์ คือ ผลของการปฏิบัติได้ครบถ้วนและทรงอารมณ์ คือไม่ละเมิดต่อไป ท่านบอกว่าเมื่อตายจากความเป็นคนชาตินี้ ไม่มีคำว่าตกนรก เป็นต้น ต่อไป อีกในระยะแรกก่อนปฏิบัติท่านจะมีบาปหนักหรือมากขนาดใดก็ตาม บาปนั้นหมดโอกาสลงโทษท่านตลอดไปทุกชาติจนกว่าท่านจะเข้า พระนิพพาน

      เมื่อไรจะไปนิพพาน

      ในเมื่อท่านปฏิบัติได้ตามนี้ครบถ้วนแล้ว จะไปนิพพานเมื่อไรท่านตรัสไว้ ดังนี้คือ

      ๑. ถ้ามีอารมณ์เข้มข้น คือบารมีเข้มแข็ง บารมี คือ กำลังใจ มีกำลังมั่นคงปฏิบัติแบบเอาจริงไม่เลิกถอนหรือย่อหย่อนแต่ไม่ทำจนเครียดเอาแค่นึกได้เต็มใจทำจริงอยู่ในเกณฑ์อารมณ์เป็นสุข อย่างนี้ท่านบอกว่าตายจากความเป็นคน ไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมลงมาเกิดเป็นมนุษย์ชาติเดียว ในชาตินั้นเองเป็นพระอรหันต์ไปนิพพานในชาตินั้น

      ๒. ถ้ามีบารมีคือกำลังใจปานกลาง ทำไปไม่ละแต่การทำนั้นอ่อนบ้างเข้มแข็งบ้าง อย่างนี้เกิดเป็นมนุษย์อีกสามชาติไปนิพพาน

      ๓. ประเภทกำลังใจอ่อนแอ ทำได้ครบจริงแต่ระยะการกระตือรือล้นมีน้อยปล่อยประเภทช่างเถอะตามเดิม ฉันรักษาได้ไม่ขาดก็แล้วกัน อย่างนี้ท่านว่า มาเกิดเป็นมนุษย์อีกเจ็ดชาติไปนิพพาน

      รวมความแล้ว ประเภทแข็งเปรี๊ยะไปนิพพานเร็วประเภทแข็งบ้างอ่อนบ้างไปนิพพานช้านิดหนึ่ง ประเภทอ่อนไม่ค่อยจะแข็ง แต่ไม่ยอมทิ้งความดีที่ปฏิบัติได้ เรียกตามภาษาชาวบ้านว่า ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง อย่างนี้ถึงช้านิดหนึ่ง แต่ก็ต้องถือว่าเป็นผู้มีโชคดีเหมือนกันหมดคืองดโทษบาปที่ทำมาแล้วทั้งหมดมีกำลังเข้าพระนิพพานแน่นอน
      ถ้ายังไปนิพพานไม่ได้แต่เมื่อมาเกิดเป็นคนก็เป็นคนพิเศษ มีรูปสวยรวยทรัพย์เป็นต้น ตายจากคนก็เป็น เทวดา นางฟ้า หรือพรหม ต้องถือว่าโชคดีมากเป็นอันว่า กรรมฐาน-ปฏิบัติด้วยตนเองแบบง่าย ๆ แต่ไปถึงนิพพานได้ก็ยุติกันเพียงเท่านี้​

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2012
  19. อายาตนะ

    อายาตนะ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +87
    สวัสดีค่ะคุณหนิง

    มานั่งอ่านธรรมทานที่คุณหนิงนำมาแบ่งปันกันขอขอบคุณและ สาธุค่ะ

    นั่งอ่านไป ยิ้ม ไป....ชอบที่คุณเขียนค่ะ ธรรมะหรรษา

    มีความคล้ายกันหลายเรื่องเลย โดยเฉพาะเรื่อง จิ้งจก ตุ๊กแก (มีอะไรดลใจให้เล่า

    เรื่องจิ้งจก ตุ๊กแก หรือเปล่าคะ) เรามีสัญญาใจกันไว้ว่า จิ้งจก ตุ๊กแก ไม่ใช่ตุ๊กฉัน.. เราจะเว้นระยะห่างกัน 500 เมตรค่ะ

    อยากรู้ว่าถ้ามีตุ๊กแกตัวยาว 30 นิ้ว มาอยู่รอบๆคุณ 3 ตัวระยะ 5 เมตร ล่ะค่ะ
    คุณจะทำอย่างไร เอาหัวใจไปไว้ที่ไหน ( นันใส่เกียร์ 5 ค่ะ) ฮา.... วิ่งจริงค่ะ
    แต่ก่อนกลัวทั้งจิ้งจก ตุ๊กแก หลังจากต้องผจญกับตุ๊กแกไซส์แบบนี้ทั้งนั้น จิ้ง
    จก เลยกลายเป็นเหลนโหลนความกลัวไปเลยค่ะ เริ่มน้อยๆลง....

    บ้านหนิงก็เป็นตึกแถวติดถนนที่มีเสียงดนตรีขับกล่อมเป็นเสียงรถยนต์ บางทีก็จะมีจังหวะ ชะชะช่า หรือร๊อค.. ตามเสียงแว๊นของมอเตอร์ไซด์ ได้ยินมาตั้งแต่เด็กๆ คนทั้งบ้านมีโสตประสาทเสื่อมลง คือต้องฟังเสียงที่ดัง รวมไปถึงการดำเนินชีวิตของพวกเรามีการพูดจาที่มั่นคง เสียงดังหนักแน่น ถ้าพูดเบาจะไม่เป็นเอกลักษณ์ค่ะ.......(จริงๆแล้วเราไม่ได้อยากจะมั่นคง หนักแน่นแบบนั้น
    เลยใช่มั้ยคะ อันนี้ก็เอกลักษณ์เหมือนกันค่ะ เอิ๊กก ๆ

    ช่วงนี้ จิ้งจก ตุ๊กแกจะเยอะมากค่ะ คงเป็นฤดูของเค๊า ตามวัดป่านี่มีเยอะค่ะ
    ต้องระวังเป็นพิเศษจะยืน จะนั่ง ระวังค่ะ

    ครูบาอาจารย์ให้ฝึกอยู่กับความกลัว เคยต้องยืนหลับตาปี๋ไม่กล้าลืมตา (เพราะ
    ข้างหน้ามีตุ๊กแกเกาะอยู่ 1 ตัวระยะ4 เมตร ในระยะลืมตาเห็นพอดีเลย กลัวมาก
    ยืนทั้งน้ำตาเลยค่ะ พุทโธ ถี่ยิบ สติไม่มีหรอกค่ะ

    ที่ได้มานั่งคุยกับคุณหนิง ก็เพราะตุ๊กแกแหล่ะค่ะ
    ท่านอาจารย์ อยากให้ฝึกต่อสู้กับความกลัว ก็รู้ว่าท่านฝึกขันติ
    ให้ละ ความกลัว ถึงจะผ่านได้(แต่ด้วยปัญญาทางธรรมะอ่อนค่ะ
    มีแต่คิดแบบทางโลก ยอมให้กับความกลัวเลยยังไปไม่ถึงไหน)
    อยู่ที่วัดมีแต่ตุ๊กแก ห้องนอน ห้องน้ำ ศาลาทำวัตร หนีมาอยู่บ้าน
    ก็มีเหตุให้กลัว....นึกถึงคำสอนของท่านแล้วเศร้าจังค่ะ...หนีไป
    ตรงไหนก็ไม่พ้นเพราะมันอยู่ที่จิตของเราเอง

    ก็ยังปฏิบัติอยู่ทุกคืนค่ะ แก้ไขด้วยการเปิดธรรมะไปด้วย เปิดไฟช่วย
    อีก ช่วงนี้ก็กลับไปเริ่มอ่านกระทู้นี้ใหม่อีกรอบ ได้ 161 หน้าก็ได้เริ่ม
    เก็บข้อมูล (หลังจากที่อ่านมาคิดว่าตัวเองจะพอจำได้ ที่แท้ลืมเกือบหมด)
    ฮา....

    จะรออ่านเรื่องทริปนี้ของคุณหนิงกับท่านกัปตันต่อ
    ขอโมทนาบุญกับ 2 ท่านด้วยค่ะ






     
  20. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0

    อ้าว คุณหนิง มีเพื่อนจริตเดียวกันแล้ว อย่างนี้ถ้าไปออกทริปนอนที่วัดนี่ แล้วให้สองคนนี้นอนด้วยกัน ถ้าจิ้งจก ตุ๊กแกมา สงสัยทำไรกันไม่ได้ ช๊อคตายกันพอดี

    ทุกวันนี้ไปทริปกัน ต้องอยู่เป็นหน่วยหน้ากล้าตาย ไปตรวจตราจิ้งจกตุ๊กแกให้ก่อน ไม่งั้นมีหวังคุณหนิงเดี้ยง ขนาดล่าสุดนอนยังฝันว่าจิ้งจกเกาะขาแล้วแกถีบขามา ดีนะไม่โดนเรา เหอ เหอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...