ข้าพเจ้าเจอเหตุการณ์ประหลาดเหมือนว่าออกร่างในระหว่างกึ่งหลับกึ่งตื่น

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย hydraxis, 13 มิถุนายน 2012.

  1. hydraxis

    hydraxis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +529
    ตอนบ่ายๆวันนี้ผมได้นอนเต็มอิ่มจนจะเย็นผมก็ฝืนหลับต่อครับ จนรู้สึกว่า ตามองเห็นทุกอย่างรางๆ แต่ร่างกายไม่มีแรง เหมือนหลับอยู่ ข้าพจึงกำหนดสมาธิ พุธ โธ ตัวข้าพเหมือนสั่นๆหนักหน่วง ชาๆเหมือนเหวี่ยงเลยจนเหมือนวิญญานได้หลุดออกมาโดยที่ตัวยังนอนอยู่ ข้าพเจ้าได้ลุกออกมาโดยที่รู้สึกเบาหวิว มากๆแต่ยังมีสมาธิไม่นิ่งเท่าไหร่เพราะมันไม่เคยเป็น เลยเหมือนกับหายมานอนที่เดิม ละก็ตื่นแบบยังง่วงๆขอรับ ไม่รู้ข้าพเจ้ากำลังจะออกจากร่างหรือไม่ มันรู้สึกตื่นเต้นตอนที่จะลุกออก แต่มันได้แค่ไม่ถึง10วิ แต่รู้สึกเบาเหมือนไม่มีขายืนกับพื้นเลย

    นี้ข้าพเจ้ากำลังเจอกับอะไรกันหรือขอรับทุกท่านๆช่วยมาบอกกล่าวกันหน่อยใครที่เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆแบบนี้ pity_pig
     
  2. uthaimai

    uthaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +1,344
    นี่ละครับ หากถึงเวลาที่ท่านจะทิ้งร่างนี้ไปกายนั้นนั่นแหละครับเรียกว่าวิญญาณ จะทำหน้าที่รู้ต่อไปและพาความรู้สึกขณะนั้นไปตามแรงกรรมที่ระลึกได้หรือทำไว้ในปัจจุบันนี้ จะไปที่ดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับความรู้สึกนี้ จะพาไปครับ ตายไม่สูญก็คือร่างกายที่ท่านได้สัมผัสแล้ว แม้เวลาเพียงเล็กน้อย ขอให้เจริญในธรรมมากๆนะครับ.....สาธุ....สาธุ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    กำลังจะเจอดีแล้วซิครับ.....แต่เป็นเจออะไรดีๆในทางธรรมต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ไงครับ
     
  4. hydraxis

    hydraxis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +529
    ดีอะไรเหรอท่าน ขอรับช่วยบอกสักนิดอะไรมั้งเอ๋ย อันนี้มันไม่เหมือนฝันเลยซึ่งต่างที่ฝันเราไม่มีสติ กำหนดเรื่องราวไม่ได้ แต่ที่กระผมได้เจอมันกำหนดจิตได้หมดรู้สึกถึงร่างกายทั้งตัวที่สั่นตอนก่อนที่จิตจะหลุดออกมา catt24 เดินโดยไม่มีขาก็ไม่เมื่อยดีนะท่าน ฮะๆ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,040
    แหมๆพอจะทราบครับ 555+ ใหม่ๆก็อย่างนี้หละครับมันก็ไปได้ไม่ไกลครับอยู่แถวที่เรานอนๆก่อนและก็มีดีก็ตรงเวลาจะปฎิบัติอะไร หรือ ทำอะไรจะไปได้เร็วนั่นนะซิครับ..อย่าลืมฝึกเจริญสติควบคู่กับสมาธินะครับ..ครั้งต่อไปจะไปได้ไกลกว่านี้ครับ(สถานที่นะครับ)แหมๆ เอาไว้ไปได้ไกลๆกว่านี้ก่อน..หรือไปได้ทั้งไตรภพแล้วมาคุยก็ยังมิสายครับ 555+
     
  6. datchanee

    datchanee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,947
    ค่าพลัง:
    +1,276
    สมาธิคุณเริ่มลงลึกแล้วแต่สติคุณมีน้อยจึงตามไม่ทัน โมทนาค่ะ
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    เป็นไปไม่ได้หลอกนะ....ธรรมชาติของสมาธิจะเกิดขึ้นได้เพราะสติเป็นเหตุให้เกิด...สติบริบูรณ์จนตั้งมั่นถึงเรียกว่าสมาธิ...เช่นกัน สัมมาสติ ย่อมมาก่อนสัมมาสมาธิ สมาธิเกิดขึ้นเองลอยๆ ไม่มีหลอก....

    เมื่อมีสมาธิ ชื่อว่ามี สติบริบูรณ์.....ได้ยินมามากนะที่ว่า สติตามไม่ทันสมาธิบ้าง อะไรอย่างนี้...เห็นผิดชัดๆเลยนะ....

    จริงๆแล้วแนวคิดนี้มาจากสำนักที่ต้องการแยกการเจริญสติออกจากสมาธิ สำนักเหยียดสมาธิ จะฝึกแต่สติ...สำนักที่เรียกตัวเองว่าฝึกวิปัสสนานั่นหละ และคิดว่าฉันนี่ฝึกวิปัสสนาอย่างเดียว คนอื่นฝึกสมถะอย่างนี้หละ ต้นตอแนวคิดนี้ เห็นผิดทั้งนั้นนะ...

    ถ้าศึกษาพระไตรปิฏกดีๆ และ ปฏิบัติจนเห็นธรรมชาติของจิตจริงๆจะรู้ชัดเลย...

    ..................................................................................................

    ยกอ้าง.. ความจาก มหาจัตตารีสกสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๖ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์

    ...................................................................................................

    นอกเรื่องหน่อยนะ เห็นบ่อย เรื่องนี้.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2012
  8. khimiiez

    khimiiez สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2011
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +22
    คล้ายๆกับเพื่อนของพี่สาวผมเลยครับ แต่คนนั้นเค้าไม่ได้ฝึกจิตหรืออะไรเลย
    แต่เวลาหลับไปเหมือนกับจิตเค้าหลุดไป และสามารถรับรู้เหตุการณ์ต่างๆได้
    แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ทุกวันนี้ก็ยัง งงๆกันอยู่เลยครับ
     
  9. hydraxis

    hydraxis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +529

    มีใครอธิบายข้อความของท่านนี้ได้มั้ง ผมงงนะขอรับ catt2 ผมงงนิดๆนะ
     
  10. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ก็ไม่มีอะไรหรอก เขาแค่ อยากสงวนรักษาวิธีการปฏิบัติในแบบตนเอาไว้

    เพื่อที่ว่าจะได้ต่อยอด นับ นิยตโพธิสัตว์ที่เที่ยงต่อการตรัสรู้แต่กลับลา
    พุทธภูมิ ไม่เป็นแล้วพระสัพพัญญู ทอดธุระ ขอไปอยู่เมืองแก้ว เมือง
    นิพพาน เมืองสุขาวดี จุฬาฯ ธรรมศาสตร์

    เพราะ เขามีการนับกันไว้ว่า พุทธวงษเนี่ยะ มี 10 ในอนาคต แล้ว
    ตอนนี้มีแล้ว 4 เหลืออีก 6 พอเหลืออีก 6 เอ้า 10 มันเกิน แปลว่า
    ต้องลาพุทธภูมิไป 4 ทางเขาชัดแล้วว่า พระมาราธิราช หรือ พระยามาร
    หรือ พระมาลัย ลาไปแล้วหนึ่ง ดังนั้น เหลืออีก 3

    พอเหลืออีก 3 พวกลูกศิษย์ลูกหา ก็ต้องเป็น ลูกหาสมให้เป็นลูกศิษย์

    ก็เลยต้องสงวน การทำสมาธิบางประเภทที่ทำให้อยู่เมืองนิพพานไว้
    เพื่อที่จะได้ หาให้ครบ

    *******************

    เอ้า ก็ พูดออกมาเองว่า มีแล้ว 4 ก็คือ เจอแล้ว 4 หรือ รู้แล้ว 4
    จึงได้มั่นใจว่า พุทธวงษ์ที่ว่ามี 10 จะต้อง หักออก 4 เหลือ 6

    การกล่าวแบบนี้ มันก็ต้องทราบแล้วว่า 4 เนี่ยะ ใครบ้าง ไม่ใช่ บอก
    ว่า รู้ชัด 4 แต่ยังต้องหา

    ไปๆ มาๆ ที่บอกว่า รู้แล้ว4 ก็หมายถึง พระพุทธเจ้าฯ ในภทัรกัป นี้ไง

    ภัทรกัปนี้ ภัทรกัปเดียวกันกับ พระสมณโคดม เนี่ยะ สำเร็จไปแล้ว 4
    ก็เลยบอกว่า พุทธวงษ์ เหลือ 6 เพราะ ผ่านไปแล้ว 4 พอเหลือ6
    ก็เลยต้องหาว่า ใครหายไป

    ก็มันหายไปอะไรที่ไหน พุทธวงษ์พระพุทธองค์ตรัสเป็นฏีกาชัดเจน
    ผิดไม่ได้ว่า มี 10

    ก็หมายถึง อนาคตข้างหน้านู้น

    แล้ว ที่ผ่านไปแล้ว 4 เอาไปหัก กับ 10 ให้เหลือ 6 ทำไม มันไม่เกี่ยวกัน

    พอได้ตัวเลข 6 ในใจ กลายเป็นว่า พุทธวงษ์ต้องลา 4 แล้ว ต้องหาว่าใคร

    เฮ้อ....!!!

    เนี่ยะ สมถะ ในแบบเขาที่เขาสงวนรักษา ปฏิเสธการทักท้วง แม้กระทั่ง
    คำสอนของพระพุทธองค์ที่ชี้ให้เห็นได้ว่าอะไรคือทุกข์ ยังไม่ใส่ใจ
    ด้วยดีเลย ขอรักษาการทำสมถะ การเห็นในแบบที่ตนทำไว้ เพื่อจะได้
    กล่าวกลบ สัทธรรม ไปทีละน้อย

    แบ่งแยกนิพพาน เป็นบ้านเป็นเมือง แล้ว อาศัยออกนั่งในตู้แก้วตู้กระจก
    ต้อนรับคณะทัวร์ของพวกตน

    ถ้ายอมรับ สัมมาสมาธิ วิปัสสนา ที่ทำให้มี สติชนิดที่ทำให้ สมาธิ"พอเหมาะ"

    เขากลัวไง เขาไม่อยากได้ สมาธิพอเหมาะ เพราะ เขาอยากได้สมาธิที่เกินๆ
    เกินจนพาไปเห็น พระอนาคตวงษ์ลาอีก3 มีใครบ้าง จะได้กล่าวกลบพระไตรปิฏก
    ให้มันจบๆ ไป ในประเด็นนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2012
  11. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    กลับมาเรื่อง กระทู้

    ถ้าคุณสนใจ ใส่ใจด้วยดี ใน สัทธรรม

    คุณก็จะพึงทราบได้ว่า จะสมาทานอะไร

    ปัญหาที่คุณพบ คือ ปัญหาเชิง "สมาธิ" มันออกไปข้างนอกได้ อันนี้ไม่แปลก
    บุคคลบางจำพวก ทำสมาธินิดๆหน่อยๆ ยังไม่ พอเหมาะ ดี ก็จะ ออกไปรู้ไปเห็น
    ไปเที่ยวไปเล่น ไปดูพระอินทร์ยิ้ม ไปดูพระยามัจจุราชยิ้ม ไปดูมหาพรหมยิ้ม ไปดู
    กระทะทองแดงยิ้ม ไปดูภูเขาน้ำแข็งยิ้ม อันนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก มันเป็นเรื่องของ
    "สมาธิที่ไม่พอเหมาะ"

    ไม่พอเหมาะตรงไหน คุณ สามารถสังเกตได้ง่ายๆ คือ มันทำให้เรา สับสน พอสับสน
    แล้วเกิดการสำคัญว่า สิ่งที่เห็นนั้นจริง ก็จะเกิดการลูบคลำสัทธรรม

    คือไปเห็น อะไรบางอย่างเป็นข้อเท็จจริง ที่ต่างจาก พระไตรปิฏกเขียนเอาไว้ ที่นี้
    หากสมาธิไม่พอดี เราสำคัญว่าข้อมูลที่เราเห็นนั้นถูก ก็จะเกิด การลูบๆคลำๆ พระ
    ไตรปิฏกทันที

    ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การเห็น ออกไปเห็น

    ปัญหามันอยู่ที่เห็นอะไรมา แล้วทำให้ เราสงสัย ลูบคลำพระไตรปิฏกไหม

    หากมี ก็ระลึกสภาวะธรรม อารมณ์การสับสนนั้นไว้ สังเกตพฤติจิตนี้ไว้
    อย่าให้มันกำเริบ จน พูดออกมาเป็น วาจา จนไปก้าวล่วง สัทธรรม เข้า

    หากเราหมั่นระลึก ตรวจสอบ ความสงสัย อยากได้ ใคร่มี เอาไว้เนืองๆ
    เนี่ยะ การมี "สติ" ที่จะทำให้ "สมาธิพอเหมาะ" คือ เห็นอะไรก็ได้
    ไม่สำคัญหรอก ขอให้เห็นแล้วเราทันจิตใจอยากได้ ใคร่ดี ทันอารามณ์
    จินตนาการบันเจิดเอาไว้ มันก็จะพอเหมาะ ไม่เกิดการก้าวล่วงสัทธรรม
    ใดๆ

    ดูอย่างนี้เนืองๆ ก็ได้ชื่อว่า ต่อยอดสมาธิที่ออกรู้ออกเห็นให้กลายเป็น
    สมาธิพอเหมาะ ที่มีเหตุจาก สติ สัมปชัญญะบริบูรณ์
     
  12. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    แล้ว สมมติว่า เอ่อ ชักจะเข้าท่า ฝึกสมาธิเห็นอะไรก็ได้ ไม่ห้าม แต่เห็น
    แล้วเรามาพิจารณาอารมณ์สับสน ที่มันจะเกิด อารมณ์อยากได้ใคร่ดี ที่มัน
    จะเข้ากรุมรุมห้อมล้อมให้เรา ก้าวล่วงสัทธรรม เราก็ไม่พลาด และเหตุของ
    การไม่พลาด ก็คือ "สติ"

    ดังนั้น สำนักที่เน้นฝึกสติ เพื่อให้ สมาธิพอเหมาะ เกิดขึ้นเนี่ยะ ก็คือ สำนัก
    ของพระพุทธองค์นี่แหละ

    เราก็จะ เก็ตว่า อืม สติ เท่านั้นที่จะทำให้ สมาธิที่เราฝึกอยู่ พอเหมาะ เราก็
    ไม่ปฏิเสธคำสอนของพระพุทธองค์หรอก เราก็เอามาใส่ใจเลยว่า แล้วฝึก
    สตินี่ฝึกอย่างไร

    ก็จะเห็นว่า พระพุทธองค์กล่าวโดยลำดับอยู่แล้ว ว่า สัมมาทิฏฐิ เนี่ยะ มาก่อน

    แล้วจะหาจากไหนหละ สัมมาทิฏฐิ เนี่ยะ เพราะกว่าจะมี จริงๆกับเขาได้ เป็น
    พยานรู้เห็นสัมมาทิฏฐิมีจริงได้เต็มปากเนี่ยะ ก็ต้องโสดาบัน แต่ ตอนนี้เป็นปุถุชน
    จะเอา สัมมาทิฏฐิ มาแต่ไหน

    ก็ปัดโถ่ ไม่ยากหรอก เฝ้นหาบรรดาคำสอนที่ไม่ก้าวล่วงสัทธรรม ไม่กล่าวกลบ
    พระไตรปิฏกนั่นแหละ สัมมาทิฏฐิ ที่วางใจได้ ล้านเปอร์เซนต์ !!!

    ดังนั้น ปริยัติ เนี่ยะ ถือเป็น ยันต์เกราะเพชรเลย ที่จะป้องกัน คำสอนที่ผิดแผก
    แตกต่างเอาไว้ได้ ก็ขอให้ ทรงอารมณ์ไม่ทิ้งพระไตรปิฏกไว้ ควบคู่กับการ
    สมาทานสิกขา ทำสมาธิ ก็ย่อมได้ชื่อว่า เอา "สัมมาทิฏฐิเป็นประธาน" ได้
    ตรงคำสอนของพระพุทธองค์แล้วหละ

    *****************

    อันนี้ พิจารณาดีๆ นะ เรากล่าวว่า ให้เฝ้นคำสอน ไม่ใช่ การปฏิเสธคำสอนทั้งหมด

    คำสอนส่วนไหนดี ใช้ได้ เราก็รับมา คำสอนไหนพิจารณาแล้วขัดกับพระไตรปิฏก
    อันนั้นก็ไม่ต้องจำมา ตรงนี้จะทำให้เราฝึก ความไม่ประมาท และ โยนิโสมนสิการ
    และ กัลยาณมิตร ได้อย่างดี เพราะ ธรรม3อย่างนี้ จะช่วยให้ปุถุชนพบแสงอรุณ
    กับเขาได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2012
  13. vitcho

    vitcho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +748
    ว่างๆ ลอง ไปศึกษา เรื่อง ฌาณสมาธิ 2 แบบ นะท่าน นะ

    อารัมณูปนิฌาร กับ ลักขณูปนิฌาณ

    ความสงบ 2 แบบนี้ จะตอบความข้องใจ และ ลบความ มั่นใจ ของท่าน เรื่องที่ว่า มี การเหยียด สมถะ หรือ มีการ ฝึก วิปัสสนาอย่างเดียว เพราะ เหตุใด ...

    ซึ่งที่จริง ไม่มีการเหยียด อะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ คนที่เขาไม่ทำ สมถะ นั้นเพราะเขามีเหตุผลของเขา ว่าเพราะอะไร..คุณ อย่า สรุปเอาเองว่า ในกลุ่ม ผู้ เจริญสติ อย่างเดียวนั้น เขา ดูถูก การทำสมถะ..แต่เขามีเหตุผลของเขา

    และ อย่าคิดเอาเองว่า สิ่งที่ คุณ คิดว่าใช่ ในแบบของตุณ จะถูกต้อง ทีเดียวมันเป็น มิจฉาทิฎฐิ ครับ...

    พระธรรมกว้างไกล การเรียนการ รู้ ก็ หลากหลาย..อย่าประเมินอะไร โดยใช้กิเลส ตนเองนำหน้า....นะ ท่าน นะ....

    พระ พาหิยะ ไม่เห็นเคยทำสมถะเลย แค่ ฟังธรรม 3 ประโยค ก้สำเร็จธรรมได้(พระพุทธเจ้า ทรงรับรอง ไว้ หาก จะแย้งงว่า ท่านเคยทำในอดีตชาติ นั่นก็เป็นเรื่อง ที่พระพุทธองค์ ทรงเฉลยให้ฟัง หาก ท่านไม่บอก เราก้ ไม่รู้กันอยู่ดี)

    พระ ยะสะ..อีกองค์ ฟัง อนุกุพพิกกถา 2 รอบ บรรลุ อมฤตธรรมเลย..ท่านไป นั่ง สมถะ ตอนไหนล่ะ มีแต่นอนเคล้า อิสตรี ทั้งวันจนเบื่อ เดินมาพบพระพุทธองค์ ฟังธรรม 2 รอบ บรรลุธรรม..

    ยังมี อำมาตย์ ของ พระเจ้าปเสนทิโกศลอีก..ไปรบ ชนะข้าศึกมา กลับมา ฉลอง 7 วัน 7คืน และหลงรักนางรำ คนนึงเข้า พอ นางรำตาย ในวัน ที่ 7 อำมาตย์ ร้องไห้จะเป็นจะตาย ดี ที่รู้จักไป หา พระพุทธเจ้า...พระพุทธเจ้า ท่านเทศนาให้ฟัง เรื่อง ทุกข์และ เรื่องความไม่เที่ยง อำมาตย์ พิจารณาตาม บรรลุธรรมเลย ไม่เห็นว่า อำมาตย์ นั้นไ ปนั่ง สมถะ ตอนไหน

    แค่นี้นะ ยกตัวอย่าง มา พอสมควร ลองพิจารณาดู
    อย่า คิดเอาเองว่า ท่านคิดอะไรถูก เสมอๆไป..
     
  14. hydraxis

    hydraxis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2012
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +529
    ผมเลื่อมใส ในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เท่านั้น ครูบาอาจารย์ที่ข้าพเจ้านับถือ มีหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ หลวงปู่โตวัดระฆัง หลวงปู่กาหลงวัดเขาแหลม หลวงปู่เกษมเขมโก ครับผม ถ้าให้ไปสำนักไหนหรือฝึกอะไรมาผมไม่เชื่อทั้งนั้น ที่ผมรู้สึกว่ากลับเข้ามานั้นไม่ใช่เพราะความกลัวตายเลย ไม่ได้นึกเลย แต่เกิดจากสมาธิของข้าพเจ้าเพิ่งเจอเหตุการณ์นี้ เหมือนกับยังไม่ชินกับการออกมาเพราะมันมีแต่จิต งงกับเหตุการณ์สักพักแค่5วิ แค่ไม่อยู่ในสมาธิ พุธ โธ ได้ไม่นาน ก็กลับเข้าร่างเลยเหรอขอรับ
    ตอนนี้ยังอยากออกอีกครั้ง ให้ได้รู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าเล่นรถไฟเหาะอีกแหนะ ตอนจะลุกออก
    ตอนยังไม่ออกรู้สึกตัวชาทุกอย่างแขนขาชา อกสั่นๆคอเกร็งๆ แต่ออกมาแล้วมันเบามาก มีแต่จิตอย่างเดียว ไม่มีอารมณ์หนักร่างกายเลย(||)
     
  15. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134

    ถามท่าน phanudet ครับ
    ในสภาวะการเข้าฌาน และ การนอนหลับสนิท (ไม่ฝัน) กำลังของสมาธิ และ สติ เป็นอย่างไรครับ?
     
  16. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    อ่านดูความเห็นของ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->บุคคลทั่วไป 3 คน<!-- google_ad_section_end --> ลากซะสามโพสยาวซะ แต่มีแต่น้ำ เกือบจะไม่มีเนื้อ....

    นี่ตกลงเนื้อความที่ท่านจะสื่อนี้คือ

    ของโพสแรก....

    ส่วนตัวนี่ผมไม่ทราบว่าสมาธิที่เกินในความคิดเห็นของเจ้าของโพสนี่เป็นสมาธิเกินแบบใหนนะ....เพราะสมาธิที่พระพุทธเจ้าท่านกล่าวถึงนี่ถ้านับวิธีการปฏิบัติในพระกรรมฐาน ๔๐ เข้าไป ตามที่สมเด็จท่านทรงสั่งสอนไว้นี่มี อรูปฌาน ๔ ไว้ด้วยนะ จริงๆแล้วอย่าว่าแต่ลำดับสมาธิขั้นสมาบัติ ๘ เลย แม้แต่นิโรธสมาบัติ ท่านก็ทรงตรัษไว้ว่าเป็นความสุขในพระศาสนา เป็นวิหารธรรมอันดี.....แต่ที่นี้เรามาดูในเรื่องของสัมมาสมาธิ เป็นอย่างไร.....เราก็ควรนำความหมาย ในสติปัฏฐานสูตร มาดูว่า สัมมาสมาธิตามที่สมเด็จท่านทรงได้กล่าวอธิบายไว้ในพระสูตรนี้เป็นอย่างไร

    ยกอ้าง.....สติปัฏฐานสูตร จากพระไตรปิฏก ฉบับ ปฏิบัติ รวบรวมโดย ท่านธรรมรักษา.

    ชัดเจน ตามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ สัมมาสมาธิ คือ ฌาน ๔ เป็นอย่างอื่นได้อย่างไร.


    ..........................................................................

    โพสที่ ๓.

    เนื้อความที่ ๑

    "สมาธิที่เราฝึกอยู่ พอเหมาะ " สมาธิที่ฝึกพอเหมาะ ตามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ฌาน ๔

    "เราก็ไม่ปฏิเสธคำสอนของพระพุทธองค์หรอก " อันนี้เห็นด้วย

    เนื้อความที่ ๒

    อันนี่ถูกต้องแน่นอน เพราะเรื่องนี้ที่พูดถึงเรื่องของฌาน ๔ ตลอดจนสติไปสมาธิ ข้อมูล ตลอดจนอ้างอิงที่มาจากพระไตรปิฏกผมขึ้นไว้ชัดเจนแน่นอนแล้ว ว่าที่ไม่ขัดจากพระไตรปิฏกเป็นอย่างไร และที่เรียกว่าขัดนี่ไม่รู้ว่าใครขัด....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2012
  17. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ไม่ต้องว่างหละนะในเรื่องของ อารัมณูปนิฌาร กับ ลักขณูปนิฌาณ นี่ผมศึกษามานานแล้ว....แต่ผมจะบอกคุณอย่างหนึ่ง ผมไม่รับฟังนะ เพราะอะไร เพราะว่า อารัมณูปนิฌาร กับ ลักขณูปนิฌาณ ไม่มีปรากฏในบาลี(ส่วนของพระไตรปิฏก ๔๕ เล่ม) เลยแม้แต่ที่เดียว...แต่ไปปรากฏอยู่ในคัมภีร์ ชั้น อรรถกถา นู่น.....ซึ่งอรรถกถานี่เขามาแบ่งอีกที หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไป ๑๐๐๐ กว่าปี....ซึ่งพูดตรงๆก็คือพระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงตรัษไว้...แต่ทั้งนี้ผมไม่ได้หมายความว่าอรรถกถาไม่น่าเชื่อถือนะ...แต่ส่วนตัวผมให้ความสำคัญน้อยกว่า บาลี....ฉะนั้นส่วนตัวผมยึดบาลีเป็นหลัก.....


    ในส่วนที่ขีดเส้นใต้นั้น เจ้าของโพสแน่ใจแล้วหรือ ว่าท่านทั้งสามไม่เคยทำความสงบแห่งจิตมาก่อนเลย....ถ้าท่านกล่าวไว้อย่างนี้ ฉะนั้น องค์ธรรมมรรคมีองค์ ๘ ตามที่สมเด็จท่านทรงตรัษไว้ว่าเป็นองค์ธรรมแห่งการบรรลุธรรม ไม่จำเป็นเลย...สัมมาสมาธิท่านไม่ต้องมีเลย.....ถ้าอย่างนั้น มรรคมีองค์แปดตามความคิดท่านก็เป็นหมัน....ถ้าผมจะกล่าวว่าท่านสอนค้านพระพุทธเจ้าจะได้ไม....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มิถุนายน 2012
  18. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    นี่ท่านอย่าเพิ่งถามผมเลย....ท่านมีความเข้าใจในเรื่องของการเกิดของสมาธิหรือยัง....
     
  19. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    เรื่องเหล่านี้ งง เป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าเวลานี้ท่านยังปฏิติยังไม่ถึง หรืออาจถึงแต่ยังไม่แจ้ง....ถ้าท่านทำไปนานๆ ท่านก็จะเข้าใจ.....ในเรื่องของปริยัติ จำเป็นต้องรู้ไว้บ้าง ก็อ่านๆไปก่อน....พยายามทำความเข้าใจไป.....
     
  20. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ความเห็นที่มันผิด จะไปกอดไว้ก็ไร้ค่า....ปรับความคิดเห็นเสียก็เท่านั้น.....
     

แชร์หน้านี้

Loading...