ไม่แน่ใจว่า วิญญาณเป็นส่วนหนึ่งของจิต หรือ เป็นสิ่งเดียวกัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย somchai_eee, 20 พฤษภาคม 2012.

  1. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    - จิต กับ วิญญาณ เป็นคนละส่วนกันแต่อาศัยกันอยู่เพื่อ ผู้รู้ ตัวเดี่ยวเมื่อรู้แจ้ง หรือมี วิชชา ก็จะมีแต่ ผู้รู้ เด่นอยู่

    - เพราะ ผู้รู้ ไม่ใช่จิต จิต ไม่ใช่ผู้รู้ ผู้รู้ ไม่ใช่วิญญาณ วิญญาณ ไม่ใช่ผู้รู้
     
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ผะ ผะ ผะ ผม ป่าว หือ นา....

    [​IMG]


    *************

    อันที่จริง เขาว่ากันว่า "คนยังถือร่ม เขาว่าไม่เหมาะคุยธรรมะ"

    เพราะ อกุ"ฝน"วิตก ยังกรุ้มรุมนอนเนื่องอยู่
     
  3. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413

    แล้วท่านฝึกสติปัฏฐาน 4 แล้วท่าน เห็น วิญญาน รับผัสสะตอนนั้นหรือ ครับ
    หรือตอนที่รับผัสสะ จิตเกิดก่อนแล้วหรือ
    หรือจิตเกิดวิญญาณจึงดับ ละครับ
    แล้วจิต เป็น อนัตตา มั้ยละครับ
    ถามผู้ฝึกฝน จนคิดว่าตนเองเข้าถึงแล้ว อิอิ
     
  4. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    นี้ท่านเข้าใจได้ท่องแท้....แล้วจริงหรือ ครับ

     
  5. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ผมจะขอเสนอความคิดเห็นที่พอจะรู้เห็นมาบ้างครับ
    ผมต้องขอออกตัวก่อนว่า ผิดถูกยังไงก็ขออภัยไว้ก่อนนะครับ

    ผู้ที่เน้นหนักในการศึกษาตามคัมภีร์อภิธัมมัตสังคหะ
    ท่านมักจะเชื่อว่า จิต คือ วิญญาณขันธ์
    จะด้วยเหตุผลอะไรก็่ตาม
    แต่ก็เคยมีการอ้างกันไว้มากในกระทู้ต่าง ๆ ครับ

    แต่ในภาคปฏิบัติเป็นอย่างนี้ครับ
    สำหรับเรา ๆ ท่าน ๆ หากไม่เคยปฏิบัิติภาวนามาก่อน
    ถ้าถามว่าจิตเราอยู่ที่ไหนในร่างกาย
    หลายคนก็คงตอบว่า เรารู้อยู่ที่ไหนจิตเราก็อยู่ที่นั่น
    แล้วถามต่อว่าเรารู้ตรงไหน เมื่อวิเคราะห์ดูก็จะเห็นว่า
    เวลาเรารู้นี่ก็คือ รู้ได้ทางอายตนะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
    ซึ่งการรับรู้รับทราบท่านเรียกวิญญาณ
    ก็คือ วิญญาณทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นเอง
    นี่ครับในคัมภีร์ท่านจึงกล่าวว่า
    จิต นั่นเป็นสิ่งเดียวกับ วิญญาณขันธ์
    เพราะการรับรู้ รับรู้ทางวิญญาณขันธ์

    แต่เมื่อมาเข้าภาคปฏิบัติเป็นอย่างนี้ครับ
    เมื่อเราเจริญสมถะวิปััสสนาในขั้นต้น
    กระแสของความรู้จะรวมตัวเข้ามา
    จนกระทำให้เรารู้สึกได้ครับว่า
    มีความรู้อยู่ส่วนหนึ่ง กายก็ส่วนหนึ่ง
    ความรู้นี้ เป็นคนละส่วนกับกาย

    เมื่อมีความรู้เกิดขึ้นมาใหม่อย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน แยกคนละส่วนกับกาย
    การรับรู้ทางกาย คือ วิญญาณขันธ์ ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย(ไม่รวมทางใจ)
    จะเป็นคนละส่วนกับความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้น
    จากที่เราเคยรู้สึกว่าการรับรู้จากวิญญาณทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย เคยเป็นเรา
    ความรู้สึกเช่นนี้จะเปลี่ยนไปเป็น
    เราก็คือความรู้ใหม่ที่เกิดขึ้น กับ การรู้จากวิญญาณทาง หู ตา
    จมูก ลิ้น กาย เป็นคนละส่วนกัน
    ทำให้เราเห็นในขั้นต้นว่า ความรู้ที่เกิดขึ้นใหม่นี้(ต่อนี้ไปผมจะเรียกว่าจิต)
    ไม่ใช่ความรู้ทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย ซึ่งก็คือวิญญาณขันธ์
    ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย
    นี่คือจิต แยก จากวิญญาณทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย

    แต่ในขั้นนี้จิตนี้กับวิญญาณทางใจ คือมโนวิญญาณ
    ยังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่

    เมื่อปฏิบัติสมถะวิปัสสนาละเอียดเข้าไป
    จิต กับ มโนวิญญาณ จะแยกจากกันเป็นคนละส่วน
    สุดท้าย จิต กับ วิญญาณทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็เป็นคนละส่วนกัน

    ตามความเข้าใจของผมที่ท่านอธิบายตามคัมภีร์อภิธัมมัตสังคหะ
    นั้นท่านยึดตามอาการก่อนการปฏิบัติภาวนา
    จึงกล่าวไว้ว่าจิตกับวิญญาณขันธ์เป็นสิ่งเดียวกัน
    แต่เมื่อปฏิบัติภาวนาแล้วจะเห็นจิตนี้แยกเป็นคนละส่วนกับวิญญาณขันธ์
    ซึ่งเป็นอาการของความรู้หนึ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่อย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน
    แยกเป็นคนละส่วนกับวิญญาณขันธ์
    ในคัมภีร์อภิธัมมัตสังคหะ ท่านเรียกอาการความรู้หนึ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่ว่านิพพาน

    ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าผู้ที่ศึกษาตามคัมภีร์อภิธัมมัตสังคหะ
    จะกล่าวว่าพระโสดาบันท่านถึงนิพพานครั้งแรก
    ก็คือปรากฎสภาวะนิพพานขึ้นเมื่อเป็นพระโสดาบัน

    ส่วนท่านที่ศึกษาตามพระกรรมฐาน
    ่จะกล่าวว่าพระโสดาบันจะปรากฎจิตขึ้นมา แยกเป็นคนละ่ส่วนจากขันธ์
    ก็คือปรากฏสภาวะของจิตขึ้นเมื่อเป็นพระโสดาบัน

    ตามความคิดของผม
    จิต ตามการศึกษาตามพระกรรมฐาน
    เป็นอาการหรือสิ่งเดียวกับ
    นิพพานของพระโสดาบัน ที่กล่าวตามคัมภีร์อภิธัมมัตสังคหะ ครับ

    ถ้ากล่าวตามพระกรรมฐาน ก็ต้องกล่าวว่า
    จิต เป็นคนละส่วนกับ วิญญาณขันธ์

    แต่ถ้ากล่าวตามคัมภีร์อภิธัมมัตสังคหะ ก็ต้องกล่าวว่า
    พระนิพพานเป็นคนละส่วนกับ จิตหรือวิญญาณขันธ์
    และจิตคือวิญญาณขันธ์ ครับ
     
  6. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ข้าพเจ้าได้อ่านบางส่วนของการแสดงความคิดเห็นก็อดหัวร่อไม่ได้ คุณผู้ถามขอรับ ข้าพเจ้าจะคัดลอกมาให้คุณได้อ่านและทำความเข้าใจ ดังต่อไปนี้.
    คัดลอกจากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎกฯ
    วิญญาณ หมายถึง ความรู้แจ้งอารมณ์, จิต, ความรู้ที่เกิดขึ้นเมื่ออายตนะภายในและอายตนะภายนอกกระทบกัน เช่น รูปอารมณ์ในเวลาเมื่อรูปมากระทบตา เป็นต้น ได้แก่ การเห็น การได้ยินเป็นอาทิ; วิญญาณ ๖ คือ ๑.จักขุวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางตา(เห็น) ๒.โสตวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางหู (ได้ยิน) ๓.ฆานวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางจมูก(ได้กลิ่น) ๔.ชิวหาวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางลิ้น(รู้รส) ๕.กายวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางกาย (รู้สิ่งต้องกาย) ๖.มโนวิญญาณ ความรู้อารมณ์ทางใจ (รู้เรื่องในใจ)

    เมื่อคุณได้อ่านความข้างต้นแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นความที่นำมาจากพระไตรปิฎกอีกทอดหนึ่ง และทำความเข้าใจดีแล้ว คุณก็ลองอ่านและคิดพิจารณา ความต่อไปนี้ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าได้ศึกษาค้นคว้า วิจัย ทดลองปฏิบัติ ฯ ความว่า...
    ข้าพเจ้าเรียก วิญญาณ ว่า จิตวิญญาณ ในร่างกายของมนุษย์ มีจิตวิญญาณ อยู่หลายล้านดวงจิตวิญญาณ จิตวิญญาณที่ใหญ่ที่สุด จะอยู่ที่หัวใจ(อันนี้ตามหลักศาสนา) ถ้าเป้นไปตามหลักการแพทย์หรือหลักวิทยาศาสนา จิตวิญญาณ จะอยู่ที่ หัวใจและสมอง
    จิตวิญญาณ ในร่างกายมนุษย์ ก็คือ นิวเคลียส ในอวัยวะต่างๆนั่นเอง และในนิวเคลียสต่างๆเหล่านั้น ก็จะมีคลื่นแห่งความรุ้ความจำต่างๆ สะสม หรือ หมุนเวียน หมุนวนเข้าออกอยู่เนืองๆ ตราบที่คุณยังมีลมหายใจ รับประทานอาหารได้ และทำกิจกรรมต่างๆได้ จิตวิญญาณ หรือ นิวเคลียส ในร่างกายเรานั้น สามารถดับ และเกิดใหม่ได้ อยู่เสมอ เมื่อจิตวิญญาณหรือนิวเคลียสเกิดใหม่ ก็จะมีการสะสม หรือหมุนเวียนคลื่นแห่งความความต่างๆ เช่นดังเคย
    ถ้าหากคุณหรือใครก็ตามเสียชีวิต จิตวิญญาณหรือนิวเคลียสบางส่วนจะถูกแรงดึงดูดของ โลก ,ดวงจันทร์ ,ดวงอาทิตย์, สัตว์ พืช ดึงดูดไป
    ถ้าหากจิตวิญญาณหรือนิวเคลียส ได้รับการสะสมความรู้ความจำไว้มากจนมีพลังแข็งแกร่งแรงกล้า จิตวิญญาณหรือนิวเคลียสเหล่านั้น ก็สามารถไปเกิดใหม่ได้อีก หมายความว่า อาจจะเกิดเป็น สัตว์ ,พืช ,มนุษย์ ,เทวดา ก็ตามแต่พลังงานของจิตวิญญาณหรือนิวเคลียสเหล่านั้น
    อธิบายมาก็พอสมควรแล้ว คุณไม่ต้องถามต่อนะ ถามมากก็รำคาญนะ อิ อิ อิ อิ
     
  7. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    แล้วจะเชื่อ พระกรรมฐาน(ขอข้อมูลพระที่ท่านว่ามาหน่อยนะครับ) หรือคัมภีร์ ละครับ แล้วคัมภีร์ไม่ได้มาจากพระที่ปฏิบัติกรรมฐานหรือครับ

    หากจิต ไม่ใช่วิญญาณ แล้วทำมั้ย พระพุทธองค์ จึงไม่แยก เป็นขันธ์6 ไปเลยละครับ

    แล้วจิตเป็นอนัตตามั้ยละครับ
    ตอนที่เกิดจิต ท่านเห็นวิญญาณ แยกมาทำงานด้วยหรือครับ

    คอยคำตอบนะครับ
     
  8. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    อธิบายได้ดีมากครับ เตซพโล

    ถ้าเป็นหลักปฏิบัติผมก็ยังไม่รู้ ก็อาจจะมีความเป็นไปได้เเบบที่นายบอก
     
  9. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    มันต้องอย่างนี้ซิ :cool: ให้ทั้งสองท่าน ผู้พัน +ท่านหลง ครับ

    เพราะหยดน้ำที่หยดเร็วมาก ก็จะกลายเป็นสายฟน เช่นนั้น

    สาธุครับ
     
  10. chottana

    chottana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    176
    ค่าพลัง:
    +337
    telwada

    ระเอียดกว่านี้อีกได้มั้ยครับ
     
  11. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ผมขอสรุปแบบนี้นะครับว่า
    วิญญาณ รับ แล้วกลายเป็น จิต นึก แล้วกลายเป็น มโน รู้สึก

    จากที่ท่านกล่าวด้านบน ท่านคงเข้าใจที่หลวงปู่ดุล สอนว่า จิตเห็นจิต เป็นมรรค และ
    และคงเข้าใจ แล้วนะครับว่า ทำไม่พุทธองค์จึงตรัสว่า จิตหลุดพ้น จิตวิมุติ แต่ไม่ตรัสว่า วิญญาณ หรือ มโน หลุดพ้น นะครับ

    สาธุครับ
     
  12. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    หากสิ่งที่ผมตอบนั้นไม่ตรงกับตำรา ผมก็ขออภัย เพราะที่ผมตอบนั้น ผมเห็นมาเช่นนั้นครับ

    การแยก กาย จนเหลือ ใจกับจิต จะทำให้ต้องมีการเกิดอยู่ร่ำไป จึงจำเป็นต้องแยกใจกับจิต

    แต่หากแยก ใจกับจิต จะทำให้จิตไม่มีที่ยึดเกาะ เมื่อจิตไม่มีการรับรู้ จึงทนอยู่ในสภาพเช่นนั้นไม่ได้

    การปรุงแต่งเกิดจาก ใจที่มีหน้าที่รู้สึก และ แสดงการนึกคิด จิตมีหน้าที่รับรู้ และ จดจำ

    แต่จำเป็นต้องมีร่างกายให้อยู่อาศัย จึงจะปรุงแต่งได้ครับ เหมือนกับการทำน้ำแกง

    หากไม่มีภาชนะ ก็ไม่สามารถปรุงน้ำแกงได้ครับ ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องปรุง และ ฝีมือในการทำอาหารครบ

    วิญญาณจึงเปรียบเหมือนน้ำแกงที่ปรุงเสร็จแล้ว แสดงออกถึงรสชาดเมื่อเกิดการชิมลิ้มรส

    สาธุครับ
     
  13. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ที่แต่ต่างกันระหว่างคัมภีร์กับพระกรรมฐาน
    แตกต่างกันตรงการบัญญัติแค่นั้นครับ
    พระกรรมฐานท่านว่า จิต แต่ในคัมภีร์บัญญัติว่า นิพพาน
    พระกรรมฐานท่านว่า วิญญาณ แต่ในคัมภีร์บัญญัติว่า จิต ต่างกันแค่นี้ครับ

    ก็จิตนี่ล่ะครับ ที่ไปยึดเอาขันธ์มาเป็นตัวเป็นตน
    ไปสวมเป็นร่างนั้นร่างนี้ ตามภพตามชาติ
    จิตนี้ไม่ตายครับ ที่ตายคือขันธ์ 5 ท่านจึงแยกจิตแยกขันธ์ ยังไงครับ
    จิตนี้ไม่ตายเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติไป ที่ตายคือขันธ์ 5
    ขันธ์นี้ได้ จิตก็ไปยึดเอาขันธ์ใหม่เป็นตน
    เมื่อจิตปล่อยว่างจากขันธ์ 5 แล้วจิตนี้ก็ยังเป็นสมมติอยู่ครับ
    เมื่อจิตนี้เป็นสมมติก็คือยังยึดถือว่าจิตนี้เป็นตัวเป็นตน
    ก็ยังต้องพิจารณาว่าจิตนี้เป็นอนัตตาอีกครับ
    เพื่อไถ่ถอนอัตตานุทิฏฐิว่าจิตยังเป็นตัวเป็นตนอีกครั้งครับ

    ดูในอนัตตลักขณสูตรสิครับ
    ท่านว่าขันธ์ 5 เป็นไตรลักษณ์ยังไม่พอ
    ท่านยังมาลงที่สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ อีก
    ก็คือเมื่อจิตยอมรับว่าขันธ์ 5 เป็นไตรลักษณ์ยังไม่พอ
    มันก็ยังต้องมีสิ่งให้ไถ่ถอนต่อไปอีกก็คือจิตนี่ล่ะครัีบ
    สุดท้ายจึงลงมาที่สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ
    ใช่ครับ จิตแยกตัวออกมาอีกส่วนอย่างชัดเจน
    จิตก็ส่วนหนึ่ง ขันธ์ 5 ซึ่งรวมวิญญาณ ก็แยกทำงานอีกส่วน ไม่เกี่ยวกับจิตครับ
     
  14. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    แล้วท่านไม่ได้แยกธาตุแยกขันธ์ หรือ สติปัฏฐาน4 ตอนสมถะวิปัสสนาหรือครับ
     
  15. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    ยัง งง งง อยู่ เลยขอถามต่อนะครับ เพราะผมวิปัสสนามา ไม่เห็นเช่นนั้น
    พระกรรมฐานท่านว่า จิต แต่ในคัมภีร์บัญญัติว่า นิพพาน
    พระกรรมฐานท่านว่า วิญญาณ แต่ในคัมภีร์บัญญัติว่า จิต ต่างกันแค่นี้ครับ
    ทำไม่กลายเป็นอย่างนี้ไปได้ละครับ งง จิต เป็น นิพพาน มันจำเป็นต้องกล่าวต่างกันด้วยหรือครับ

    แสดงว่าที่ท่านกล่าวว่าจิต ตามพระกรรมฐานนั้น หมายถึงนิพพานในคัมภีร์อย่างนั้นหรือ

    จิตนี้ไม่ตายครับ แล้วจิตเป็นอนัตตา ได้ยังไง แล้วที่หลวงปูดุลว่า จิตเห็นจิต มันเป็น นิพพานเห็นนิพพาน กระนั้นหรือ
    แล้วจะพิจารณาว่าจิตเป็นอนัตตา ทำไม่ละครับ

    สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ นี้ เขาให้พิจารณาเฉพาะ จิต หรือครับ

    สาธุครับ
     
  16. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ผมเกรงว่าคุณจะเห็นจานบิน
    แล้วไปคิดเอาเองว่าเป็นเกวียนน่ะสิครับ
     
  17. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ต่างกันตรงบัญญัติศัพท์เท่านั้นครับ
    ตัวเดียวกันแต่เรียกกันคนละชื่อเท่านั้นครับ

    ถ้าวิปัสสนาเห็นแค่เกิดดับยังเป็นขั้นต้นเท่านั้นครับ
    หลวงปู่บอกว่า จิต เห็น จิต เป็นมรรคไม่ใช่เหรอครับ
    ก็นั่นแหละการบัญญัติต่างกันจึงทำให้มีการถกเถียงกันอย่างที่เห็นครับ
    พอเข้ามาถึงจุดนี้ปัญหาก็เหลือแค่จิตเท่านั้นแล้วครับ
    ยังไงเสียต้องเข้าจุดนี้ครับ
     
  18. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ครับพยายามอธิบายอย่างเต็มที่ครับ
    เท่าที่มีความสามารถจะทำได้ครับ
    แต่ก็คงจะไม่กว้างขวางละเอียดเท่าไหร่ครับ
    เพราะภูมิรู้ภูมิธรรมมีจำกัดครับ
     
  19. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    หลวงปู่บอกว่า จิต เห็น จิต เป็นมรรคไม่ใช่เหรอครับ
    ก็อย่างนั้นแหละครับ ผมเลยงง กับที่ท่านบอก
    แล้วหลวงปู่ดุลไม่เป๋น พระกรรมฐาน หรือครับ หรือ พระกรรมฐาน รูปอื่น ที่เรียกจิต ว่าเป็น นิพพาน ครับ ข้อทราบข้อมูลได้มั้ยครับ เพราะผมก็ฟัง มามากทั้งสายหลวงปูมั่น หลวงพ่อฤษี หรือ ท่านพุทธทาส แต่ไม่เคยเข้าใจว่าท่านพูดว่า จิต หมายถึง นิพพาน ตาม บัญญัติ นะครับ

    ขอบคุณครับ
     
  20. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ครับ เมื่อจิตเห็นจิตนี่ก็ยังไม่บรรลุโสดาบัน
    ถ้าเห็นกระทู้เก่าที่คุณปราบเทวดายกธรรมะมานั้น
    เนื้อหาในธรรมนั้นบ่งบอกว่าขั้นโสดาปัตติมรรคจะเห็นนิพพานครับ
    ถ้าจะเปรียบเทียบตามพระกรรมฐานก็คือเห็นจิตครับ

    นั่นแหละครับ จิต เห็น จิต เป็นมรรค

    หรือจะอธิบายอีกแง่ เรามีสติมีสมาธินิดหน่อย
    เห็นจิตแสดงการคิดการปรุงออกมา
    โดยเห็นว่าเป็นอีกส่วนไม่ใช่เรา
    และเราไม่ได้สั่งให้คิดแต่คิดออกมาเอง นี่ก็เป็นมรรคเช่นกันครับ
    ซึ้งต่างขั้นต่างระดับกันไปครับ

    และส่วนที่ว่าครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ท่านไม่เคยพูดว่ิา
    นิพพานในขั้นโสดาปัตติมรรค เป็น จิต นั้น
    เท่าที่ผมหาข้อมูลแล้วไม่มีองค์ไหนพูดจริง ๆ

    แต่ผมวิเคราะห์มาจากที่พบที่เห็น
    จึงนำมาแสดงความคิดเห็นในนี้ครับ
    เพื่อประโยชน์ในแง่การพิจารณาแก่ท่านผู้อ่าน
    ส่วนจะผิดจะถูกยังไง ก็ตามที่เคยออกตัวไว้แต่แรกครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...