ไม่เคยฝึกมโนมยิทธิ แต่สิ่งที่ตัวเองสื่อได้ คล้ายๆจะมาทางด้านนี้

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย Me, myself, 3 มีนาคม 2009.

  1. HANUMAN_BUDDHA

    HANUMAN_BUDDHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +244
    ขอถามข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องศีลหน่อยค้าบ

    คือผมสงสัยศีลข้อสามครับ ข้อกาเม เรื่องที่จะถามมีอยู่ว่า
    ศีลข้อนี้เขาบอกว่า ห้ามล่วงเกินลูกเมียคนอื่น
    ยกตัวอย่างเหตุการณ์ นะครับ สมมติว่า ผมไปปิ๊งสาวอยู่คนนึง
    ผมชอบเขามากและเขาก็ชอบผม สรุปคือเรารักกัน และเรามีอะไรกันโดยไม่ได้บอกพ่อกับแม่ของแต่ล่ะฝ่าย
    คือยังไม่ได้สู่ขอและยังไม่ได้แต่งงานตามประเพณีอย่างนี้อ่ะครับ อย่างนี้จาผิดศีลมั้ยครับ
    และถ้าเกิดว่าเราคบกับเขาไปสักสอง สามปี โดยที่พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายยังไม่รู้ว่าเรามี อะไรกันแล้ว
    อย่างนี้มันจะหมายความว่าเราผิดศีลข้อกาเม ตลอดระยะเวลาสองสามปีหรือป่าวครับ

    และอีกอย่างครับ เขาบอกว่าการฆ่าสัตว์ถ้าเราทำ นั่นก็หมายความว่าเราศีลขาด แต่ถ้าเรามีเจตนาจะฆ่าแต่ไม่ได้ฆ่า นั่นก็หมายความว่า ศีลเราด่าง แต่ที่จะถามมันคือศีลข้อสามอีกแหละครับ ถ้าเกิดว่าเรานั่งอยู่อย่างนี้ แล้วมีผู้หญิงหน้าตาน่ารัก สวยๆ นุ่งสั้นแค่คืบมา พอดีเค้าเดินผ่านเรามาพอดี แล้วเราเห็นเค้า เราเกิดจินตนาการเรื่องทางเพศระหว่างตัวเรากับเขาขึ้นมา (ตามประสาคนยังไม่ได้อรหันต์) แล้วเกิดเค้ามีแฟนแล้ว อย่างนี้อะครับ มันจะสรุปได้ว่า เรามีศีลด่าง ในข้อกาเม รึป่าว ครับ

    ช่วยตอบผมด้วยนะค้าบบบ พี่สาว หรือพี่ฝนก็ได้ ถ้าได้สองคนเลยยิ่งดีครับ
     
  2. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เอาคำตอบของหลวงพี่เล็กมาให้อ่านค่ะ

    -----------------------------------------------------------------

    ถาม : หลวงพ่อคะ คนที่เป็นแฟนกัน แต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ทีนี้ไปกอดจูบกัน ทำให้ศีลข้อสามด่างพร้อยไหม ?
    ตอบ : ด่าง...ในเรื่องของศีลข้อที่สาม บางทีเราคิดว่าเด็ก ๆ ไม่ผิดศีลข้อกาเมฯ เด็ก ๆ ผิดข้อกาเมได้เยอะมาก ๆ เลย เพราะ คำว่า กามะ แปลว่าความใคร่ แปลว่าของอันเป็นที่รักก็ได้ ฉะนั้น..เวลาที่เด็กไปแย่งของเล่นที่คนอื่นเขาหวง ก็ผิดศีลข้อที่สาม คนที่เขารัก ของที่เขารัก ถือว่าผิดศีลข้อสามทั้งหมด
    ถาม : อย่างนี้ถ้าพ่อแม่เขาไม่รักลูก แล้วเราไปยุ่งกับลูกของเขา ก็ไม่ผิดสิครับ ?
    ตอบ : อย่าลืมว่ามีพ่อปกครอง มีแม่ปกครอง มีพี่ปกครอง มีน้องปกครอง มีพระราชาปกครอง มีผู้จองไว้แล้ว ท้ายสุดกระทั่งมีธรรมปกครอง คุณจะลอดไปรูไหนถามหน่อยซิ ? พระราชาปกครองในปัจจุบันนี้ก็คือกฎหมายคุ้มครอง ต่อให้เจ้าของเต็มใจก็โดนพรากผู้เยาว์อยู่ดี
    ถาม : เรื่องเด็กแย่งของเล่น ถ้าเด็กต่ำกว่า ๕ ขวบก็ถือว่าบาปหรือครับ ?
    ตอบ : ก็ผิดแบบเด็ก ๕ ขวบ อย่าลืมว่ากรรมตัวหนึ่งที่เรียกว่า กตัตตากรรม เป็นกรรมที่ทำโดยไม่มีเจตนา แม้ว่าโทษจะไม่มากแต่ก็มีโทษ ถ้ากรรมหมวดอื่นไม่ส่งผล กรรมหมวดนี้จะให้ผล
    ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระองค์ท่านต้องการจะเสวยน้ำ แล้วพระอานนท์ไปตักให้ไม่ได้ เพราะเกวียนห้าร้อยเล่มเพิ่งลุยน้ำผ่านไปจนน้ำขุ่น พระพุทธเจ้าบอกให้พระอานนท์ไปตักใหม่ พระอานนท์บอกว่าน้ำยังขุ่นอยู่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ไปเถอะ..น้ำใสนั้นมีอยู่ แค่ช่วงเวลาเดินย้อนกลับไปนิดเดียวเท่านั้น น้ำที่ขุ่นอยู่ก็ใสได้ เมื่อพระพุทธเจ้าท่านได้เสวยน้ำ ก็ตรัสบุรพกรรมว่า ชาติหนึ่งท่านเกิดเป็นลูกชาวนา พอพ่อปลดควายออกจากไถ ก็ให้เอาควายไปกินน้ำ ควายมันทำงานมาทั้งวัน พอเห็นน้ำก็วิ่งรี่เข้าใส่ ท่านเห็นว่าน้ำที่ควายจะกินนั้นขุ่นอยู่ ก็เลยดึงให้ไปกินทางที่น้ำใส แค่นั้นเอง ถามว่ามีเจตนาไหม ? ไม่มีเจตนาขัดขวางมัน แถมมีเจตนาดีด้วย แต่ทำให้มันได้กินน้ำช้าไปนิดหนึ่ง พระองค์ท่านเองขนาดเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว จะปรินิพพานแล้ว ก็ยังต้องช้าไปนิดหนึ่ง
    ถ้าหากมาคิดตรงจุดนี้ เราจะเห็นความน่ากลัวของกรรมว่า แม้แต่พระพุทธเจ้ากรรมยังตามสนองเลย แล้วเราจะรอดไหม ? พระองค์ท่านจึงบอกว่า อย่าได้ประมาทว่ากรรมดีเพียงเล็กน้อยแล้วไม่ทำ ขณะเดียวกันก็ไปประมาทว่ากรรมชั่วเพียงเล็กน้อยแล้วทำ ตราบใดที่เวียนตายเวียนเกิดอยู่กรรมนั้นจะส่งผลให้อย่างแน่นอน

    พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เทศน์ช่วงก่อนทำกรรมฐาน
    เดือนกันยายน ๒๕๕๑

    จากลิงค์เว็บวัดท่าขนุน



    ถาม : สมมติว่ามีผู้หญิงกับผู้ชายหนีไปด้วยกัน โดยที่พ่อแม่ไม่ได้ยอมรับ แล้วอยู่ๆ ผู้หญิงก็ไปมีสามีใหม่โดยที่ไม่ได้เลิกกับสามีที่หนีตามกันไป แต่พ่อแม่ยอมรับผู้ชายคนใหม่ อย่างนี้ผู้หญิงจะผิดศีลข้อ ๓ ไหมครับ ?
    ตอบ : ผิดตั้งแต่แรกแล้ว
    ถาม : แล้วผู้ชายคนใหม่ผิดศีลหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : ถ้าพ่อแม่ยกให้ก็ไม่ผิด แต่ต้องดูด้วยว่าผู้ชายคนแรกเขายึดถือว่าเป็นเจ้าของหรือเปล่า ? ถ้าเขาหวงขึ้นมาก็โทษถึงตาย..!
    ถาม : แต่พ่อแม่เขายกให้แล้วนี่ครับ ?
    ตอบ : พ่อแม่ไม่ได้ยกให้ผู้ชายคนแรก แต่คุณยอมไปกับเขา ถือว่าคุณเป็นสมบัติของผู้ชายคนแรกไปแล้ว เพราะฉะนั้น..ผู้หญิงผิด ๒ ครั้ง อย่างแรกคือพ่อแม่ไม่ได้ยกให้ อย่างที่ ๒ คือสามีคนแรกไม่ได้ยกให้
    ถาม : ทำไมผู้หญิงจึงผิดสองอย่าง ก็พ่อแม่ผู้หญิงยกให้ผู้ชายคนใหม่แล้วนี่ครับ ?
    ตอบ : ก็เพราะผู้ชายคนแรกเขาไม่ได้ยอม ส่วนผู้ชายคนที่สอง ไม่มีโทษเพราะพ่อแม่ยกให้แล้ว แต่ผู้หญิงผิดทั้งสองรอบ
    ถาม : ถ้าเกิดพ่อแม่ผู้หญิงตายไป ผู้ชายคนแรกไปขอขมาศพ เพื่อยกโทษให้จะได้ไหมครับ ?
    ตอบ : ไม่ได้..การขอขมาต้องอยู่ต่อหน้าโจทก์และจำเลย เอ่ยปากแล้วยินยอมกัน ถ้าไปขอขมาศพแล้วพ้นโทษได้ ป่านนี้ก็สบายกันไปหมดแล้ว

    ถาม : ผู้หญิงกับผู้หญิงคู่กัน ผิดศีลข้อ ๓ ไหมครับ ?
    ตอบ : ผิดเหมือนกัน
    ถาม : แล้วใครผิดครับ ?
    ตอบ : ผิดทั้งคู่แหละ
    ถาม : ไม่มีอะไรเสียนี่ครับ ?
    ตอบ : อย่างน้อยๆ การล่วงละเมิดในส่วนของศีลธรรมก็มีอยู่ เพราะว่าบุคคลนั้นเราไม่ใช่เจ้าของ เหมือนกับคุณฉวยของเขาไปใช้โดยที่เจ้าของไม่ยอม แล้วก็ไปส่งคืนโดยไม่เสียหาย เจ้าของเขาจะยอมไหม ?
    รถยนต์อยู่ในบ้านเรา อยู่ๆ เขาเอาไปขับ แล้วบอกว่าไม่มีอะไรเสีย เอามาคืนให้เราจะยอมไหม ?
    ถาม : ผู้ชายกับผู้ชายก็เหมือนกันสิครับ ?
    ตอบ : เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 เมษายน 2012
  3. Me, myself

    Me, myself บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    เคยอ่านเจอประวัติวัดนี้ เกี่ยวกับยายแฟงที่เอาเงินจากการบังคับขูดรีดไปสร้างวัดเสียใหญ่โต แต่บุญที่แกได้ไม่ถึงสลึงเฟื้อง เป็นบทเรียนสอนได้ดี เลยอยากให้อ่านกันไว้ อย่าได้ไปบังคับเอาเงินจากใครไปทำบุญ เพราะบุญที่เกิดเป็นบุญที่ไม่บริสุทธิ์พอค่ะ

    -------------------------------------------------------------------------

    ประวัติของวัดคณิกาผล ( วัดใหม่ยายแฟง )

    <!-- Main -->
    ในสมัยเมื่อครั้งสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ทรงได้ครองแผ่นดินสยามอยู่นั้น มีหญิงคนหนึ่งที่ชาวบ้านเรียกว่า ยายคุณท้าวแฟง หรือบางครั้งก็เรียกว่า ยายแฟง เฉย ๆ ยายคุณท้าวแฟงนี้มีอาชีพเก็บตลาดเอาผลกำไร รวมทั้งเป็นแม่เล้าเจ้าของซ่องนางโลมด้วย

    ยายแฟงนั้นแกรู้ว่า ในหลวงทรงโปรดการทำบุญสร้างวัดแกจึงได้ทำการสร้างวัดด้วยเงินรายได้ของแกขึ้นมา เพื่อต้องการให้สดุดสายพระเนตรของพระเจ้าแผ่นดินกับเขาด้วยเหมือนกัน ที่ตรอกแฟง ในแหล่งธุรกิจของพระนครสมัยนั้น พวกชาวบ้านจึงเรียกกันว่า " วัดใหม่ยายแฟง " เมื่อสร้างเสร็จแล้ว แกก็ได้ทูลขอพระราชทานนามของวัดนั้น ทรงโปรดพระราชทานนามของวัดนั้นว่า
    " วัดคณิกาผล " อันแปลตรงตัวได้ว่า วัดที่เป็นผลได้มาจากหญิงโลมเมือง เพราะรายได้หลักของยายแฟงนั้นก็คือได้จากการเป็นแม่เล้า เจ้าโสเภณี

    ในการสมโภชน์วัด ยายแฟงได้ไปนิมนต์สมเด็จพุฒาจารย์ ( โต พฺรหฺมรังสี ) ซึ่งสมัยนั้นสมเด็จฯ ท่านยังไม่มีสมณศักดิ์ คงเป็นเพียงแค่มหาโต พระมหาบาเรียนธรรมดาเท่านั้นให้มาเทศน์ฉลอง โดยมีความปรารถนาจะให้ท่านได้สรรเสริญผลบุญของตนต่อหน้าชุมชน แต่ผลก็ไม่ได้เป็นดังใจของยายแฟง เพราะพระมหาโต ท่านกลับเทศน์บอกแก่เจ้าภาพว่า ในการที่เจ้าภาพได้จัดการทำบุญเช่นนี้นั้น เป็นการทำบุญที่มีเบื้องหลังอยู่หลายประการ เป็นเหตุให้เหมือนกับว่า ในเงินทำบุญ ๑ บาทนั้น ยายแฟงจะได้อานิสงส์เพียงแค่สลึงเฟื้องเท่านั้น โดยพระมหาโตท่านได้ยกนิทาน เรื่องตากะยายฝังเงินเฟื้องไว้ที่ศิลาหน้าบันไดขึ้นมาประกอบคำเทศน์ของท่านด้วย ท่านได้เทศน์ว่า เพราะด้วยผลบุญที่ทำนั้นมีสาเหตุมูลฐานในการประกอบการบุญนั้นไว้ผิด แม้ว่าเรื่องที่เจ้าภาพได้สร้างวัดนี้ไว้นั้นจะเป็นการดี แต่ก็เพราะการตั้งฐานในการทำบุญครั้งนี้ไม่ถูกบุญใหญ่ จึงทำให้ผลแห่งการทำบุญนั้นใหญ่โตเหมือนดังที่หวังไว้ไปไม่ได้ คงจะได้บ้างก็แค่เพียงของเศษบุญ หรือจาก ๑ บาทก็ได้เพียงสลึงเฟื้องเท่านั้น

    เมื่อยายคุณท้าวแฟงได้ฟังเช่นนั้นแล้ว ก็ให้รู้สึกขัดเคืองใจเป็นกำลัง มีอาการโกรธหน้าแดง จนแทบจะระเบิดวาจาออกมาต่อว่า บริภาษมหาโตอย่างรุนแรง แต่ก็ยังเกรงเป็นการหมิ่นประมาท แกจึงได้เพียงแต่ประเคนกัณฑ์เทศน์ด้วยอาการไม่พอใจ กระแทก ๆ ดังปึงปังใหญ่ แล้วหลังจากนั้นแกก็จึงได้ไปนิมนต์เสด็จทูลกระหม่อมพระ ซึ่งก็คือ สมเด็จพระจอมเกล้าฯ ในสมัยเมื่อครั้งที่พระองค์ยังได้ทรงผนวชอยู่ เพื่อจะได้ให้ทรงเสด็จมาประทานธรรมต่อให้อีกสักกัณฑ์หนึ่ง โดยหวังว่า แกคงจะได้รับคำชมจากพระองค์ท่าน ซึ่งก็เท่ากับเป็นการแก้ลำพระมหาโตไปในคราวเดียวกัน

    ทูลกระหม่อมฯ ทรงรับนิมนต์ของยายแฟงแล้ว ได้ทรงประทานธรรม ในเรื่องจิตของบุคคลที่ประกอบการกุศลว่า ถ้าทำด้วยจิตที่ผ่องใส ไม่ขุ่นมัวก็จะได้อานิสงส์มาก แต่ถ้าบุคคลใดทำงานการบุญด้วยจิตที่ขุ่นมัว ก็ย่อมจะทำให้เกิดได้ผลน้อย และสำหรับในเรื่องของการสร้างวัดนี้ ก็ดูเหมือนจะเนื่องด้วยเรื่องของจิตที่ขุ่นมัวทั้งนั้น ดังนั้นอานิสงส์ผลบุญจึงมีเพียงเท่านั้น ตามที่ท่านมหาโต ท่านยกเรื่องตากะยาย ไปอ้อนวอนเทวดาที่ต้นไม้ใหญ่มาประกอบนั้น เป็นเรื่องที่มีปรากฏในฎีกาพระอภิธรรมอยู่ เป็นฉากตัวอย่างที่ช่วยให้ท่านทำการตัดสินบุญของผู้สร้างวัดนี้ว่า ผลแห่งบุญนั้นจะอำนวยให้เกิดได้ไม่เต็มเม็ด เต็มหน่วย คงได้แค่เพียง ๓ ใน ๘ ส่วน เหมือนกับเงิน ๑ บาท โค้งเว้าหายไปเสีย ๕ เฟื้อง คงได้เพียง ๓ เฟื้อง คือ เหลือเพียงสลึงเฟื้องเท่านั้น การที่ท่านตัดสินอย่างนี้ก็นับว่ายังดีนักเทียว ถ้าเป็นความเห็นของเรา (สมเด็จพระจอมเกล้าฯ) คงจะตัดสินให้ได้บุญเพียง ๒ ไพเท่านั้น คือตัดสินตามเหตุที่ได้เห็น เพราะในการสร้างบุญนั้น วัดกันด้วยระดับของจิตใจ ผลที่เธอควรได้รับจึงควรมีเพียงเท่านี้ แล้วทูลกระหม่อมฯ ก็ลง เอวัง ไว้เท่านั้น

    เทศน์ ๒ กัณฑ์ของ ๒ ท่านนี้ นับเป็นเรื่องน่าคิด และในเรื่องนี้ผู้อ่านก็ควรจะคิดวินิจฉัยเองด้วยเหมือนกัน ผู้เรียบเรียงคิดว่า ท่านทั้งสองต้องการให้ยายแฟงรู้จักการทำบุญด้วยการพิจารณาลงไปถึงมูลเหตุต่างๆ ที่มีอยู่ในใจ และให้รู้จักคำนึงถึงที่มาของสิ่งที่ได้มาใช้ในการทำบุญด้วยว่า เป็นมูลฐานสำคัญของบุญ สมเด็จพระจอมเกล้าฯ ท่านคงทรงพระประสงค์ที่จะตอกย้ำความรู้สึกของยายคุณท้าวแฟง ให้รู้ตระหนักลงไปถึงในเรื่องกุศลจิต และอกุศลจิต มีอำนาจความสำคัญแตกต่างกันอย่างไร ผู้เรียบเรียงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เรื่องการสร้างวัดของยายแฟงนี้คงจะแสดงให้พวกเราได้เห็นอะไรๆ เกี่ยวกับการทำบุญกุศลได้ชัดขึ้นมาบ้าง ไม่มากก็น้อย

    อนึ่ง ในเรื่องนี้มีอยู่ตอนหนึ่งที่ทูลกระหม่อมพระ ท่านได้ตรัสว่า คุณท้าวแฟงควรจะได้บุญเพียง ๒ ไพเท่านั้น ท่านผู้อ่านที่มีอายุน้อยนั้นอาจจะไม่ทราบมาตราเงินไทยในสมัยเก่า ดังนั้นจึงจะขอเรียนให้ทราบว่า ๔ ไพนั้นมีค่าเท่ากับ ๑ เฟื้อง และ ๒ เฟื้องเป็น ๑ สลึง ดังนั้น หนึ่งไพจึงมีค่าเพียงราว ๑ สตางค์เท่านั้น พระองค์ทรงบอกว่าที่ทำบุญบาทหนึ่งนั้นได้ผลบุญจริงๆ เพียงแค่ ๖ สตางค์ น้อยกว่าที่มหาโตท่านได้ตัดสินไว้เสียอีก คือ ใน ๑๐๐ ส่วน เหลืออยู่เพียง ๖ ส่วน เท่านั้นนั่นเอง

    และอีกประการหนึ่ง ควรทำความเข้าใจไว้ให้ชัดว่า คำว่า "จิดขุ่นมัว" ที่มีใช้อยู่ในเรื่องนี้นั้น ไม่ได้หมายถึงการขุ่นมัวด้วยความโกรธหรือการลุแก่โทสะเพียงอย่างเดียว ถ้าพิจารณากันให้ดีแล้วจะเห็นว่า ท่านหมายถึงความขุ่นมัวด้วยความโลภและความหลงด้วย คือ พร้อมกันทั้ง ๓ ประการ ยายแฟงโลภอยากได้หน้า และหลงไปว่า ในหลวงท่านจะโปรดปราน จึงได้สร้างวัดขึ้นมา ส่วนจิตใจของยายแฟงนั้น ไม่มีใครรู้ได้ แต่เท่าที่ประมาณพอได้ก็คือ แกเป็นแม่เล้าคุมซ่องนางโลม ดังนั้นจิตใจแกจึงน่าจะมีส่วนที่ผ่องใสในการกุศลอยู่น้อยมาก เมื่อเทียบกับส่วนที่เป็นอกุศลอันขุ่นมัว ซึ่งซ่อนลึกหลบอยู่ภายในใจของแก

    คนที่ทำบุญเอาหน้า ได้เงินทองมาโดยไม่บริสุทธิ์นั้น จึงอยู่ห่างไกลบุญมาก ทำให้ไม่สามารถไปสู้คนที่ทำบุญด้วยจิตที่บริสุทธิ์ และด้วยสิ่งของที่บริสุทธิ์สะอาดไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามผู้เรียบเรียงคิดว่า แม้ได้น้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้เลย บุญนั้นไม่ว่ามากหรือน้อยเพียงใด ย่อมมีผลให้อุบัติเกิดเป็นความดีมาค้ำจุนผู้กระทำบุญนั้นแต่เพียงฝ่ายเดียว จะมากหรือน้อยก็มีแต่ดี เรื่องของยายแฟงนี้ได้เขียนเล่าเก็บเอาไว้เพื่อเตือนใจผู้ที่อาจจะตีความคิดเอาเองว่า จะหากำไรด้วยการทำชั่วทำบาปให้มาก แล้วก็จะเอาสิ่งของจำนวนมากที่ได้จากบาปกรรมของตัวนั้นมาสร้างความดี จะได้มีความดีมากๆ ความคิดเช่นนั้นเป็นความคิดที่ผิด เพราะความดีที่เกิดนั้นย่อมมีผลน้อย อย่าคิดว่าทำชั่วไว้มาก ๆ แล้ว ก็จึงค่อยหันกลับมาทำความดี แล้วก็จะทำให้ได้กำไร เกิดเป็นผลบุญขึ้นอีกมากมายได้ตามที่ใจตนเองคาดเดาเอาไว้เลยเป็นอันขาด เรื่องของคุณท้าวแฟง ที่สร้างวัดคณิกาผลนี่นั้นนับว่าเป็นอุทาหรณ์ ที่น่าสังวรอยู่ไม่น้อยเลย จริง ๆ ทีเดียว

    ที่มา : หนังสือ " เรื่องเขา เล่ากันมา "
     
  4. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,849

    อนุโมทนาครับพี่สาว สำหรับธรรมะดีๆ สาธุๆ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2012
  5. โมกขทรัพย์

    โมกขทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    474
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,849
    อนุโมทนาครับพี่ริค ขอให้เจริญในธรรมนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  6. cookieberry

    cookieberry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2009
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +4,607
    เรื่องศีลข้อสามตัวฝนเองก็ร่อแร่เหมือนกันค่ะ

    โมทนากับคำตอบของพี่สาวด้วยค่ะ สาธุ
     
  7. HANUMAN_BUDDHA

    HANUMAN_BUDDHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +244
    ขอบพระคุณมากๆครับ สำหรับคำตอบ ^__^
     
  8. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    อนุโมทนาค่ะ กับคำตอบ และความรู้ที่เป็นธรรมทาน ของครูบาอาจารย์ และ ผู้ที่โพสค่ะ
     
  9. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    ตอนที่ ๒๐ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ
    จากหนังสือแนะวิธีหนีนรกแบบง่ายๆ

    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย สำหรับตอนนี้เรื่องหนี้นรกเป็นตอนที่ ๒๐ก็ถือว่าเป็นตอนจบ จบเรื่องราวที่เราจะหนีนรกกันแล้วก็ยังไม่หยุด จะมีอีก ๒ตอน คือเป็นตอนที่ ๒๑ ถึง ๒๒ เป็นรายการสรุปเรื่องการหนีนรกเพื่อบรรดาท่านพุทธบริษัทไม่อยากจะฟังนานๆ ก็เอาตอนสรุปไปฟังก็หมดเรื่องกันง่ายดี อยากจะฟังจุดละเอียดบ้าง แต่ไม่ละเอียดมากนัก ก็ฟังมา ๑๐ คาสเซทหรือ ๒๐ ตอน ถ้าอยากจะฟังสั้น ๆ ก็เอาไปคาสเซทเดียว คือคาสเซทที่ ๑๑ตอนสุดท้าย ถ้าเป็นตอนก็เป็นตอนที่ ๒๑ และ ๒๒ สองหน้า


    ตอนนี้เป็นตอนที่ ๒๐ กล่าวถึงสัมมาทิฏฐคือ ความเห็นชอบ ความเห็นชอบนี่ก็พูดไปเลย บรรดาท่านพุทธบริษัทความเห็นชอบนี่เป็นตัวปัญญา ถ้าจะถามว่าเห็นชอบอะไรจึงจะถูกก็ต้องเห็นชอบตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้ง ๘๔,๐๐๐พระธรรมขันธ์ ถ้าเป็นอย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท ทุกท่านจะเห็นชอบไหวไหมก็มีทุกท่านอาจจะตอบได้ว่าเห็นชอบครับ เจ้าค่ะ แต่ปฏิบัติตามไม่ได้ทั้งนี้เพราะอะไร? เพราะว่าตั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์เอาแค่จำอย่างเดียวยังจำไม่ได้หมดแล้วจะปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมสุคตได้ยังไงก็ต้องเห็นชอบกันตามขอบเขต ขอบเขตนี่เราปฏิบัติตอนไหนเวลานี้เราปฏิบัติเพื่อหนี้นรกกัน นรกนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท ใครๆ ก็ไม่ชอบเราไม่หนีแต่นรกแต่อย่างเดียว หนีความเป็นเปรต หนีความเป็นอสุรกายหนีความเป็นสัตว์เดรัจฉาน ถ้าถามว่าทำไมจะต้องหนี้ตอนนี้สัมมาทิฏฐิที่เป็นตัวปัญญา เราก็ต้องใช้ปัญญาทบทวนหรือความจำทบทวนความจำเรียกว่า สัญญา ปัญญา แปลว่า การรอบรู้ต้องใช้สัญญาทบทวนลงไปว่าตั้งแต่วันนี้ไปจนกว่าจะเป็นเด็กจำความได้เราเกิดมากี่ปีแล้ว เราทำอะไรบ้างและก็ใช้ปัญญาเข้าช่วยพิจารณาเอาการกระทำของเราก็ดี ความพูดก็ดี วาจาที่พูดก็ดี ความรู้สึกทางใจก็ดีที่ผ่านมาแล้วนี่มันเป็นบุญทั้งหมดหรือเป็นบาปบ้าง


    คำว่า "บุญ" คือ ความดีบาปคือ ความชั่ว เราทำความชั่ว เราพูดชั่ว เราคิดชั่วบ้างหรือเปล่า? เราทำดีเราพูดดี เราคิดดีบ้างหรือเปล่า? ก็ต้องตอบได้ว่า เรามีทั้ง ๒ ประการทั้งดีและชั่วเรามีกลั้วกันไป ความดีที่ทำไว้นะไม่เป็นไรแน่อย่างเลวที่เราเกิดในสวรรค์ได้ อย่างกลางเกิดเป็นพรมได้ถ้าดีถึงทีสุดเราไปนิพพานได้ ดีน้อยลงไปกว่าเทวดาก็เกิดเป็นคนได้ และในการที่จะเกิดใน ๔ จุดนี่มันก็แสนยาก เราก็ต้องใช้ปัญญาพิจารณาอีกว่าเราทำความดีมากหรือความชั่วมาก อารมณ์ของเราหนักในความดีหรือความชั่วคนอื่น อาตมาไม่ทราบ สำหรับอาตมาเอง ถ้าทบทวนถอยหลังลงไปอารมณ์ในความชั่วมีมากกว่าอารมณ์ในความดี แต่อีตอนแก่นี่ก็เบา ๆ ไปหน่อยพอแก่แล้วมันสู้อะไรใครเขาไม่ได้ก็เบา ถ้าอยากจะโลภก็มีทรัพย์สมบัติมากมายก็ไม่สามารถจะทำไหวแล้ว ตัวเองก็ลุกไม่ขึ้น เลขเจ็ดออกหน้าไปแล้วอย่างนี้แสดงความโลภหดไปเพราะความแก่ทีนี้ความรักในระหว่างเพศ อยากจะแต่งงานกับใคร เรื่องนี้ไม่ต้องพูดพูดไปก็ไร้ประโยชน์ อยากจะแต่งงานหรืออยากได้ แต่ไม่มีใครเขาแต่งด้วยก็เลยอารมณ์แบบนี้หดไป ถ้าจะบอกว่าเอา ๒ ประการขาดไปเสียเลยก็ยังได้

    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ถ้าเขาถามว่า "ขาดไปเพราะกำลังของอนาคามี ที่สิงใจใช่ไหม? หรือความเป็นพระอรหันต์สิงใจใช่ไหม?
    ต้องตอบว่า "ไม่ใช่ ขาดไปเพราะความแก่มันสู้ใครเขาไม่ได้แล้ว ไม่ใช้สู้ไม่ไหวสู้ไม่ไหวยังมีทางสู้ นี้มันสู้ไม่ได้เลยอย่างความรักนี่ไม่มีทางสู้เด็ดขาดร้อยเปอร์เซนต์คนที่มีอายุ ๗๐แล้วที่ยังจะสู้คนอยู่มีหรือเปล่าก็ไม่ทราบ สู้กันด้านความรัก"
    อาตมานี่บื้อตื้อมานานแล้ว ด้านความอยากร่ำรวยก็ตีแผ่มาตั้งแต่โน่น อายุ ๑๗-๑๘แล้ว การคิดอยากร่ำรวยไม่มี มีแต่คิดว่าทำให้มันพอกิน ทำให้มันเหลือกินมันจะรวยหรือไม่รวยก็ช่างหัวมัน ตอนนั้นพยายามทำให้มันเหลือกินไว้ถ้าพอกินก็ไม่มีอะไร ซื้อเสื้อซื้อกางเกงมันต้องเหลือกินเอาเงินมาซื้อเสื้อ ซื้อกางเกง ซื้อรองเท้า ซื้อหมวกซื้อนาฬิกา ข้อมือ ซื้อแหวนใส่ ซื้อสร้อยใส่ เอาเก็บไว้ใช้เมื่อคราวจำเป็นแต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะรวย เลิกมานานแล้ว

     
  10. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> ต่อไปก็กำลังของความโกรธ ความพยาบาท สมัยก่อนนี้เก่งเรื่องความโกรธ ความพยาบาท ไม่ใช่เก่งไปฆ่าเขาไปตีเขา เก่งโกรธ เก่งพยาบาท มันโกรธใคร ปั๊มนึ่งอึ้งพูดไม่ออก ไอ้ไม่พูดนี้มันยัน ลิ้นมันไม่ไหว แต่ก็สร้างกำลังใจให้มันยิ้มไว้เสมอ ให้ปากมันยิ้ม โกรธเท่าไรก็ยังยิ้ม เพราะโกรธไม่ดี แต่เวลานี้ถาม " โกรธไหม" บอก "แค่ไม่พอใจนิดหน่อยอาจจะมี แต่โกรธจริง ๆ ไม่มีแล้ว ถ้าขืนโกรธมากเท่าไรร่างกายก็ทรุดโทรมมากเท่านั้น" แล้วก็อย่าไปลองเลย อย่างไปพิสูจน์ ดีไม่ดี ไอ้ความแก่ว่าคนแก่ตัณหากลับ ตัณหากลับไม่เป็นไร ถ้าความโกรธกลับมันก็แย่ ถ้าไปโกรธเขาหนัก ๆ จะได้ตายภายใน ๓ วัน ที่พยายามไม่โกรธเพราะว่าร่างกายมันไม่ดี ก็เกรงว่าร่างกายจะทรุดโทรมมากเกินไป จิตจะเศร้าหมองมากเกินไป จึงพยายามทำใจไม่โกรธจริง ๆ แล้วมันโกรธหรือไม่โกรธก็ไม่ทราบ อย่าไปลองมันนะ ถ้าความโกรธกลับเข้ามาละก็แย่ มันร้ายกว่าตัณหากลับ ถามถึงสภาพแห่งความหลงจะไปหลงอะไรล่ะ กลัวอย่างเดียวคือหลงจำไม่ได้ มันมีอะไรควรจะหลงบ้าง ความแก่ทรุดโทรมขนาดนี้ เวลานี้หลายปีมาแล้ว เป็นพระที่มีความเคร่งครัดมาก ไม่ยอมส่องกระจก


    ถ้าถามว่า "เคร่งในวินัยข้อไหน"
    ก็ ต้องตอบว่า "จำไม่ได้เหมือนกัน ที่จำได้จริง ๆ ก็คือว่าเวลาส่องกระจกทีไรหน้ามันแปลกไปคล้ายผีดิบเลย ไม่อยากมองหน้า ได้ที่ไม่ส่องกระจกไม่ใช่เคร่งตามวินัยคือไม่กล้าดูหน้าตัวเอง ถ้าตัวเองขนาดไม่กล้าดูหน้าตัวเองแล้วคนอื่นเขาอยากจะดูหน้าหรือเปล่าก็ไม่ ทราบ"
    รวมความว่า การพูดอย่างนี้ไม่ใช่อวดความเป็นพระอรหันต์ ที่มันลดลงไปเพราะความแก่
    เรามาพูดกันเรื่อง สัมมาทิฏฐ ตอนนี้มาถอยหลังกันใหม่ ถอยหลังว่าความเห็นชอบนี่เราจะชอบกันตรงไหน พระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แค่จำก็จำไม่ได้ เวลานี้เราอยู่ในขอบเขตของการหนีนรก แล้วก็ถอยหลังไปดูว่าที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนเราเกิดมาแล้วมันต้องตายนี่ จริงไหม? ก็เห็นว่าไม่ต้องไปใช้ตำราที่ไหน คนตายให้เราดูมันเกิดจนนับไม่ถ้วน ถ้ารู้ทุกคนนับไม่ถ้วนแน่ คนที่ตายก่อนเรา แก่ก็มี แก่มากก็มี แก่น้อยก็มี เสมอเราก็มี อ่อนกว่าเราก็มี เป็นเด็กเล็กกว่าเราเด็กมาก ๆ ก็มี
    รวมความว่าชีวิต คนนี้เกิดมาแล้วต้องตายแน่ ตายแล้วไปไหน? พระพุทธเจ้าตรัสว่าถ้าทำชั่วจิตชั่วไปนรกเป็นต้น จิตสะอาดน้อยไปสวรรค์ เข้มแข็งมากเป็นพรหม ถ้าจิตไม่นิยมสมบัติของโลกทั้งหมดไปนิพพาน ที่นี้ตอนนี้พระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ เราเห็นชอบไหม? เราอาจจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบก็ได้ แต่ในที่นี้ต้องเห็นชอบ เราจะเห็นชอบได้ยังไง เราก็ต้องใช้วิชาที่พระพุทธเจ้าให้ คือ สองในวิชชาสาม ห้าในอภิญญาหก หรือไม่สามารถทำห้าในอภิญญาหกได้ ก็ทำมโนมยิทธิ การเตรียมตัวเพื่ออภิญญา ใช้กำลังใจมันเป็นของไม่ยาก เวลานี้เด็กเล็ก ๆ ฝึกกันวันสองวันสามารถทำได้แล้ว


    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
    แล้วก็ใช้ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ถอยหลังลงไป
    ใช้อตีตังสญาณ ใช้ญาณถอยหลังเข้าไป ของเรื่องคนอื่น เท่านี้เราจะทราบว่าตายแล้วเกิดมาจากไหน
    ใช้จุตูปฺปาตญาณ ดูคนตายแล้ว สัตว์ตายแล้ว เขาไปเกิดที่ไหนหรือไม่ ข้อนี้เป็นของไม่ยากเลย เท่านี้เราก็หมดความสงสัยในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าตายแล้วมันต้องเกิดต้องทำดี แล้วก็ดูนรกก็ได้ ไปเที่ยวนรกก็ได้ ไปสวรรค์ก็ได้
    เรื่องนี้เป็นของไม่ยาก เราพิสูจน์ได้เราก็เชื่อได้ว่าตายแล้วไม่สูญ ถ้าทำชั่วไปนรก ทำดีไปสวรรค์ เป็นต้น หรือเราต้องการไปสวรรค์เป็นต้น นรกเราไม่ไป อบายภูมิเราไม่ไป ก็ใช้กำลังใจ คือความดีของใจ ใช้ปัญญาเข้าช่วย สัมมาทิฎฐินี่เป็นตัวปัญญาพิจารณาความดีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิธีพิจารณาความดีใช้พิจารณาศีลกับธรรมะ คือศีลห้า กรรมบถ ๑๐ ทั้งหมดนี้ที่พระพุทธเจ้าตรัสมาข้อไหนบ้างที่ไม่ดี
    รวมความว่านับถือ พระพุทธเจ้าด้วย นับถือพระธรรมไปด้วยในตัวเสร็จ แล้วก็ต้องนับถือพระอริยสงฆ์ด้วย เพราะความรู้สึกทั้งหลายเหล่านี้ เราจะรู้ขึ้นมาได้เพราะอาศัยพระอริยสงฆ์ท่านรวบรวมเข้าไว้ แล้วนำมาแจกจ่ายนำมาสอน พระอริยสงฆ์เบื้องต้น ๕๐๐ ร้อยกรองอธิบายกันเรื่อยมา เพื่อความเข้าใจของเรา เราก็ยอมรับนับถือที่ท่านมีความดีช่วยสงเคราะห์เรา ถ้าท่านไม่สร้างตำหรับตำราขึ้นมา ท่านนอนเฉย ๆ มันมีความสุขมาก แต่อาศัยท่านมีเมตตาอย่างองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า คือปฏิบัติตามกันพวกเราจึงสามารถรู้พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ได้ ยอมรับนับถือพระสงฆ์อีกก็หมดเรื่องกันไป

     
  11. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> เรื่องใหญ่ที่เราต้องใช้ปัญญาเห็นชอบ ต้องใช้ปัญญาศีลห้า กับกรรมบถ ๑๐ จะว่าควบกันไป เพราะแตกต่างมันแยกอยู่นิดหน่อย


    อย่างข้อ ปาณาติบาต ความ โหดร้ายของจิต คิดจะฆ่าเขาบ้าง คิดจะทำร้ายเขาบ้าง หรือฆ่าเขาบ้าง ทำร้ายเขาบ้าง อย่างนี้มันเป็นความดีหรือความชั่ว เราก็ทราบว่าคนที่ขาดความเมตตาปราณีประเภทนี้มีแต่ความโหดร้ายไม่ใช่คนดี เป็นคนเลว ใครเขาคิดเขาทำกับเราแบบนั้นเราไม่ชอบ แล้วเราไปทำกับเขา ๆ ก็ไม่ชอบ เราจะทำยังไงเราก็ทำเป็นคนใจดีเสีย มีเมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร แล้วก็ยิ้มสบาย ไปไหนก็มีกำลังใจ มีเพื่อนให้ความสุขใจ เราก็เห็นชอบกับพระพุทธเจ้าว่า เออ..ศีลข้อนี้มีประโยชน์กรรมบถ ๑๐ ข้อนี้มีประโยชน์ ทำให้เรามีความสุข
    ข้อที่ ๒ อทินนาทาน กรรมบถกับศีลก็เหมือนกัน ไม่รัก ไม่ขโมย ไม่ยื้อไม่แย่งใคร ไปไหนก็มีแต่คนไว้วางใจ เป็นที่รักของคนทั้งหลาย เราก็มีความสุข ก็น่าปฏิบัติตาม
    ข้อที่ ๓ กาเมสุมิฉาจาร เราไม่เจ้าชู้เกินไป คำว่า "เจ้าชู้" ก็เจ้าชู้เฉพาะสามีภรรยาของเรา เจ้าชู้เท่าไรก็ไม่มีใครเขาว่า ยิ่งเจ้าชู้มากเท่าไรภายในบ้านคู่ครองรักมากเท่านั้น แต่คนเจ้าชู้นี่ต้องปากหวาน รู้จักการเอาใจ ขอประทานอภัย แล้วก็อย่าร้องตะโกน ถามมานะญาติโยมพุทธบริษัท ว่าท่านที่พูดน่ะท่านเคยเจ้าชู้หรือเปล่า? ก็ต้องตอบว่าในชีวิตอาตมาไม่เคยเจ้าชู้เลย ตั้งแต่เกิดมาตั้งแต่เด็กถึงแก่นี่ไม่เคยเจ้าชู้ ก็มีอย่างเดียวมีคนอื่นเขาเมตตา คนอื่นเขาเมตตาเรา เราก็เมตตาเขา เขาเมตตานี่เขารักเรา เราก็รักเขา เขาสงสารเรา เราก็สงสารเขา เขาหวังดีกับเรา เราก็หวังดีกับเขา เท่านี้เองไม่เคยเจ้าชู้ คนที่เจ้าชู้เขาบอกว่าต้องปากหวาน ปากหวานนี่ไม่ได้ทาน้ำผึ้งนะ คือเสียงหวานพูดเพราะ พูดดี พูดตามความเป็นจริง แล้วก็ต้องรู้จักเอาใจกัน ถ้าขัดใจกันคนที่เราพอใจเขาก็ไม่รัก มันต้องฉลาดในการเอาใจ เราก็เอาวิชานี้แหละมาใช้ในบ้านของเรา ต่างคนต่างรัก ต่างคนต่างปากหวาน ต่างคนต่างเอาใจกัน ยิ่งเจ้าชู้มากเท่าไรภายในบ้านยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น เพราะความเป็นอยู่เป็นสุขไม่ขัดใจกัน ต่างคนต่างรัก ต่างคนต่างมีความเมตตาปรานีซึ่งกันและกัน เป็นอันว่าข้อนี้พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่ควรจะเจ้าชู้เกินไป อันนี้ถูก สัมมาทิฏฐิ เราเห็นชอบตามนี้ ตามพระพุทธเจ้าตรัส
    และต่อไปเรื่องวาจา วาจานี่ขอเอาศัพท์สุนทรภู่มาว่า ท่านบอกว่า
    "คนจะชั่วหรือดีอยู่ที่ปาก จะได้ยากหิวโหยเพราะชิวหา"
    เรื่อง ลิ้นที่ประคับประคองเสียงเปล่งออกไปนี่มีความสำคัญ บรรดาท่านพุทธบริษัทปากขั้นแรกยิ้มก่อนพูด จำให้ดีนะ ยิ้มก่อนพูดแล้วก็พูดให้ดีให้ถูกใจคนฟัง ถ้าถามว่า "หลวงตาแก่ที่พูดนี่ทำได้ไหม?" ก็ต้องตอบว่า "ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง" แล้วไปถามว่า "ไปแนะนำเขาทำไม?" ก็บอกว่า "แนะนำตามตำรา"


    ถ้าใครทำได้จริง ๆ มีเสน่ห์จริง ๆ ยิ้มแล้วก็ก่อนพูด เวลาพูดก็พูดดี คือ
    ๑. พูดตรงตามความเป็นจริง เราก็ชอบเขาก็ชอบ พูดวาจาไม่หยาบคาย ไม่สะเทือนใจคนรับฟัง เราก็ชอบเขาก็ชอบ พูดไม่ให้เขาแตกร้าวกันมีแต่ความสามัคคีมีแต่ความรักมีความกลมเกลียวกัน อย่างนี้เราก็ชอบเขาก็ชอบ และพูดเฉพาะวาจาที่เป็นประโยชน์ ถ้าเป็นอย่างนี้เราก็ชอบเขาก็ชอบ ในเมื่อต่างคนต่างชอบ ต่างคนก็พอใจความเป็นเสน่ห์ก็เกิดขึ้น ต่างคนต่างรักกัน ต่างคนต่างนับถือกันเราก็มีแต่ความสุข ก็เห็นจริงตามพระเจ้าท่านตรัส ดีกว่าการพูดปด พูดหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล อย่าง นี้ไม่เป็นเรื่อง ใคร ใคร ก็ไม่ชอบ เราก็เลือกเอา เลิกการพูดปด พูดหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล โยนทิ้งไปให้ไกลที่สุดแสนจะไกล เอาไว้แต่พูดตามความเป็นจริง แล้วก็พูดวาจาไพเราะ แล้วก็พูดให้เขาสามัคคีกัน พูดแต่วาจาที่เป็นประโยชน์ ของอย่างนี้ดีแน่มีแต่คนรัก พระพุทธเจ้าท่านตรัสถูก เห็นชอบด้วย เพราะเอา เอาเป็นประจำเลย อย่าลืม พอตื่นปั๊บยิ้มทันที ถามว่า "ยิ้มกับใคร" อันดับแรกก็ยิ้มกับเพดานก่อน ถ้านอนในมุ้งยิ้มกับเพดานมุ้ง ถ้านอนในห้องไม่มีมุ้งยิ้มกับเพดานห้อง พอลุกขึ้นมาเหลียวซ้ายเหลียวขวายิ้มกับฝาอีก เอ้า ไปนั่งกับกระจกยิ้มกับกระจกอีก ใช้ได้ไม่เป็นไร แต่ระวังถ้าอยู่คนเดียวยิ้มเฉย ๆ อย่าให้เขาเห็นนะ ถ้าใครเขาเห็นแทนที่เขาเห็นแล้วเขาจะว่าดี เขาจะจับส่งปากคลองสาน เพราะมันดีเกินไป นี่การฝึกยิ้มเอาไว้ใครเขาพูดไม่ชอบใจฝืนยิ้มรับเข้าไว้ อย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัทปากยิ้ม ใจเขาก็ยิ้มไปด้วย เราก็มีความสุขและก็มีคนรัก ถ้าเขาพูดกับเราอย่างนี้เราก็รักเขา เราพูดกับเขาอย่างนี้เขาก็รักเรา ถ้าต่างคนต่างรักกันนี่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย อะไรมันจะเกิดขึ้น ความสุขซิท่านเกิดขึ้น นี่กรรมบถ ๑๐ ด้วยนะ
     
  12. sabzajeed

    sabzajeed เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +4,744
    ต่อไปเฉพาะศีลข้อสุรา สุรานี่ในกรรมบถ ๑๐ ไม่มี มีอดีตผู้ว่าท่านหนึ่งท่านจดหมายถามมาว่า"กรรมบถ ๑๐ ของท่านทำไมไม่มีการห้ามดื่มสุรา"ก็แสดงว่าการดื่มสุราเป็นของดี ต้องขอประทานอภัย ท่านเป็นอดีตผู้ว่าท่านเข้าใจพลาดไปนิดหนึ่ง ความจริงกรรมบถ ๑๐ ไม่ใช่ของอาตมาเป็นของพระพุทธเจ้าท่าน ถ้าคนมีกายดี มีวาจาดี มีใจดีไม่ต้องห้ามดื่มสุรามันไม่ดื่มเอง ถ้าขืนดื่มเอง ความดีในกรรมบถ ๑๐นี่ไม่ได้ จิตใจมันก็เป๋ไป กายวาจาเป๋หมด ใจก็เป๋หมดก็รวมความว่าการดื่มสุราไม่ใช่ของดีเมาแล้วก็มีสภาพเหมือนคนบ้าดีไม่ดีมันเลยไปกว่านั้น ด่าพ่อตีแม่ก็ได้ ทุบลูกตีเมียก็ได้ทรัพย์สินทั้งหลายเสียหายไป เพราะการดื่มสุราและเมรัยโดยไร้ประโยชน์เวลาการงานที่มีขึ้นเอาเวลาไปกินสุรามันเสียเวลาการงานถ้าจะประกอบกิจการงานก็จะมีประโยชน์มาก อย่างนั่งดื่มสุราวันละครึ่งชั่วโมงถ้า ๑๐ วันมันก็ ๕ ชั่วโมง ๑๐๐ วันก็ ๕๐ ชั่วโมงอย่าลืมว่าเวลาเท่านี้สร้างประโยชน์ไม่ใช่น้อยเลย แล้วก็ทำประสาทเสียศักดิ์ศรีก็เสีย ก็ไม่ขอพูดมาก เท่านี้เราเห็นดีตามพระพุทธเจ้าแล้วมันก็บั่นทอนชีวิต
    คนดื่มสุราและเมรัย บางทีร่างกายทรุดโทรมอย่างหนักถ้าร่างกายยังไม่ทรุดโทรม ศักดิ์ศรีก็ทรุดโทรม ถ้าศักดิ์ศรียังไม่ทรุดโทรมทรัพย์สินก็ทรุดโทรม พอเอาทรัพย์สินไปซื้อกับข้าวได้ไปซื้อเหล้ามากินมันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยเราก็เลิกเป็นคนไม่กินเหล้าดีกว่าลูกศิษย์ของอาตมาอยู่คนหนึ่งรับราชการเป็นนายทหาร เวลานั้นเธอเป็นเรือโทอาตมาไปพบเข้าเธอกินเหล้า ก็ปรากฏเป็นหนี้ดะ เป็นหนี้ลูกน้องยังได้ต่อมาก็แนะนำเธอว่าไอ้การเป็นหนี้ลูกน้องลดการกินเหล้าแล้วมันจะเป็นหนี้ไหม? หนึ่งปีผ่านไปกลับไปใหม่ เธอเลิกกินเหล้าตั้งแต่วันนั้นกลับไปคราวนี้แทนที่เธอจะเป็นหนี้เธอเป็นเจ้าหนี้เขาแถมยังคุยบอกวิทยุก็มีให้ลูกฟัง โทรทัศน์ก็มีให้ลูกดู เพราะการไม่กินเหล้านี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ไอ้ปากขวดเหล้ามันไม่โตแต่ช้างและครุฑสามารถบินเข้าไปได้ มันเก็บแบงก์ เก็บเวลาการงานได้ทั้งหมดองค์สมเด็จพระบรมสุคตและนำว่าจงเว้นเสียแล้วจะมีความสุข หนีนรกได้เราก็เว้นเป็นอันว่าหนีได้แน่


    ต่อไปก็กำลังใจไม่คิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่น อันนี้เห็นชัดสัมมาทิฏฐิใช้ปัญญาหรืออยากได้ของเขามันจะมีประโยชน์อะไร เอาของเขามาเขาไม่เต็มใจให้มันก็เป็นศัตรูกัน ถ้าเอามาไม่ได้กำลังใจก็เป็นทุกข์กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ เรียกว่าหากินเองโดยชอบธรรมดีกว่า
    ข้อที่ ๙ความโกรธความพยาบาทจองล้างจองผลาญกันมันมีแต่อารมณ์เป็นทุกข์เราไม่ต้องการ เราต้องการความเป็นสุข คือความเมตตาปรานีเมตตาความรักกรุณาความสงสาร ใจสบายกว่ามีอารมณ์ชุ่มชื่น
    และข้อที่ ๑๐สัมมาทิฏฐิคือข้อที่กล่าวมาแล้ว
    ก็รวมความว่าถ้าเรามีความเห็นชอบตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเฉพาะในขอบเขตของสังโยชน์ ๓ ประการ เวลานี้เราปฏิบัติเท่านี้เราก็ใช้สัมมาทิฏฐิแค่นี้ อย่าไปใช้กว้างเกินไปกว้างเกินไปมันจะเหลวไหลไร้ประโยชน์ ปฏิบัติไปไม่ได้อารมณ์ใจจะเป็นโทษคือมีความกลุ้ม ใช้แค่นี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทความสุขกายสุขใจของบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายจะมีมากขึ้นกว่าปกติมาก และสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ใช้กำลังกาย วาจา ใจ คิดไว้เพียงเท่านี้คือเริ่มต้นไม่ประมาทในความตาย ข้อต่อไปเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรมพระอริยสงฆ์ และปฏิบัติตรงในศีลห้าและกรรมบถ ๑๐เท่านี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัทองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์โสภาคย์กล่าวว่า "บาปทุกอย่างไม่สามารถให้ผลเราได้ ไม่สามารถลงโทษได้"และก็นอกจากนั้นบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การเกิดจะมีเฉพาะเทวดาหรือพรหมกับมนุษย์เท่านั้น แล้วเกิดไม่นาน กำลังใจอ่อนเกิดเป็นมนุษย์ ๗ ชาติเป็นพระอรหันต์ กำลังใจอย่างกลางเกิดเป็นมนุษย์อีก ๓ชาติเป็นพระอรหันต์ถ้ากำลังใจเข้มข้นมาเกิดเป็นมนุษย์อีกชาติเดียวเป็นพระอรหันต์


    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ในเมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วก็จบกันชื่อว่าจบการปฏิบัติตนหนีนรกเพียงเท่านี้ ต่อไปอีก ๒ ตอนคือ ตอน ๒๑ กับ ๒๒เป็นบทสรุป ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายคอยติดตามต่อไป


    เวลานี้ก็หมดแล้วขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่านสวัสดี...


    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->
    จาก หนังสือแนะวิธีหนีนรกแบบง่ายๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2012
  13. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    สวัสดีค่ะคุณพี่สาวและทุกๆ ท่าน น้องห่างหายจากกระทู้ไปนาน ตอนหลังๆ นี่ไม่ค่อยได้เข้ามาอ่าน

    น้องได้ไปปฏิบัติธรรมมาค่ะ ขอเชิญทุกท่านร่วมโมทนา
    บุญกุศลใดที่ข้าพเจ้าได้รับขอให้ทุกท่านในกระทู้นี้ด้วยเทอญ และขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2012
  14. Phunyanuch

    Phunyanuch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2012
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +3,276
    สวัสดีค่ะ พี่สาว และเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ^/\^

    ห่างจากการเข้ามาติดตามสักระยะ (แอบไปเล่นบอร์ดอื่น แหะ แหะ)

    ช่วงนี้ที่จ.อุบลฯ มีหลายวัดที่กำลังสร้างพระ ศาลา ฯลฯ เจก็ร่วมทำบุญสร้างด้วย บวกกับทำบุญสร้างพระ วิหารในบอร์ดพลังจิตอีกหลายวัด ก็ขอให้ทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนาด้วยกันนะคะ (แต่หลังๆ มานี้ปัจจัยเริ่มหมดค่ะ เลยได้แต่ขอโมทนาบุญกับท่านอื่นๆ แทน หะหะ)

    ตอนนี้โรงเรียนปิดเทอมค่ะ ไม่มีแพลนเที่ยว แต่มีแพลนทำบุญที่วัดหลายวัด (รอเงินตกเบิกครู ยังไม่ได้เลยค่ะ >_< เลยได้แค่ส่งใจไปก่อน) แต่ที่เจไปเรื่อยๆ และชอบมากก็วัดป่าโนนจ่าหอมค่ะ ตอนนี้ที่วัดกำลังสร้างสมเด็จองค์ปฐมเยอะมากค่ะ และพญานาคที่นี้ต้องบอกว่าทำได้สวยมากๆๆ ค่ะ

    มีภาพให้ชมนิดหน่อยค่ะ https://profile.live.com/cid-fa66daf115af90a4/#!https://skydrive.live.com/?cid=fa66daf115af90a4&sc=photos!cid=FA66DAF115AF90A4&id=FA66DAF115AF90A4!145&sc=photos

    สุดท้ายค่ะ ขอเชิญทุกท่านร่วมทำบุญกับนักเรียนและโรงเรียนของเจค่ะ กับโครงการซ่อมแซมอาคารเรียนและปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคค่ะ ^/\^
     
  15. Phunyanuch

    Phunyanuch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2012
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +3,276
    ขอโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลกับน้อง Kim_UoonSo ด้วยจ้ะ สาธุ สาธุ ^/\^

    ** ใช่น้องที่เคยไปเปิดโภคทรัพย์ ที่อ.น้ำพอง ขอนแก่นหรือเปล่าคะ กลุ่มน้องๆ มข. ที่มากันสามคน??

     
  16. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937

    โอ้.. คุณพี่จำน้องได้? ขอบคุณค่ะ นี่น้องหว้าเองเจ้าค่ะ
    ขอให้คุณพี่มีความสุข ความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม และขอให้ถึงซึ่งพระนิพพานชาตินี้ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2012
  17. Phunyanuch

    Phunyanuch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2012
    โพสต์:
    717
    ค่าพลัง:
    +3,276
    สาธุ สาธุ ^/\^ ขอให้น้องหว้ามีความสุข ความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม และขอให้ถึงซึ่งพระนิพพานชาตินี้เช่นกันจ้ะ

    จำหน้าได้หมดแหละ เพียงแต่จำชื่อไม่ได้ หะหะ

     
  18. วิณวิญ

    วิณวิญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +2,089
    สวัสดีค่ะ เอหายไปเกาะภูเก็ตซะหลายวัน กระทู้วิ่งเร็วปรู๊ดไปหลายหน้าเลยทีเดียว ลูกขอกราบในความเมตตาของสมเด็จพ่อองค์ปฐมต้น และโมทนาบุณกับธรรมทานจากพี่ใหญ่ พี่ริคกี้ พี่ฝน น้องเบน คุณโมกขทรัพย์ด้วยนะคะ และที่สำคัญขอส่งกำลังใจสำหรับคุณพี่ไพโรจน์ และทุกท่านที่กำลังตั้งใจปฏิบัติด้วยใจจริงค่ะ

    ปล. รูปและรายละเอียดทริปถวายองค์พระภูเก็ต พี่ใหญ่บอกว่าขอละเอียดๆทุกตัวอักษรห้ามตกหล่น งั้นเดี๋ยวเอไปจัดแบบเอ๊กคลูซีฟ ซี๊ฟๆในเว็ปชุมชนมโนมยิทธิแล้วกันนะคะ ^__^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2012
  19. วิณวิญ

    วิณวิญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +2,089
    วันเสาร์ที่๗ เมษายน ๒๕๕๕:-

    - คุณเอ๋และลูกสาว แวะเข้ามากราบองค์สมเด็จ เพราะวันอาทิตย์ต้องเดินทางไปปฏิบัติธรรม ไม่สามารถมาร่วมงานได้พร้อมร่วมทำบุญอีกครั้งนึง ซึ่งครั้งแรกคุณเอ๋ได้ช่วยบอกบุญญาติๆแล้วโอนเข้าบัญชีให้แล้ว โมทนาบุญเป็นอย่างสูงค่ะ

    - คุณเกาะแก้ว และเข้ามากราบองค์สมเด็จเช่นกัน ทักทายปราศัยให้คำแนะนำในส่วนของวัดเกาะแก้วพิสดาร เพราะคุณเกาะแก้วเพิ่งจะไปร่วมงานไหว้ครูที่วัดมาเมื่อ2วันก่อน เป็นประโยชน์ต่อการเตรียมการ โมทนาบุญเป็นอย่างสูงเช่นกันค่ะ


    วันอาทิตย์ที่๘ เมษายน ๒๕๕๕:-


    - องค์พระถูกห่อด้วยพลาสติกกันกระแทก ด้านในห่อด้วยพลาสติกบางอีกชั้นนึง แต่อีกองค์ไม่ได้ห่อมา เอจึงเลือกที่จะเก็บองค์ที่ห่อไว้นำไปถวายหลวงปู่สุภาต่อไป

    - เพชรเม็ดเล็กหล่นลงมาจากห่อ<wbr>พลาสติกกันกระแทก ตรวจดูแล้วว่าไม่ได้หลุดลงม<wbr>าจากส่วนใดที่ชฎา และเพชรมีขนาดเล็กกว่าเพชรเ<wbr>ม็ดอื่นๆที่ใช้ประดับตกแต่งองค์พร<wbr>ะ เอขออนุญาตเก็บใส่ผอบพระบรมสารีริกธาตุสม<wbr>เด็จองค์ปฐมไว้บูชานะคะ

    - ช่วงเช้านัดช่างมาติดสติ๊กเกอร์พระนามที่ใต้ฐานขององค์พระ ในการอัญเชิญพระนามนั้น พระท่านเมตตาสงเคราะห์สื่อผ่านมาทางพี่นาคาค่ะ และโกโอ๋ เจ้าของร้านออกแบบสติ๊กเกอร์ลดราคาให้เพื่อเป็นการทำบุญร่วมกัน โมทนาบุญด้วยนะคะ

    - มหาสังฆทานกองกลาง (เอได้รับคำแนะนำจากพี่เกาะแก้วว่า ควรเตรียมเป็นข้าวสารอาหารแห้ง และของจำเป็นที่ใช้ในครัวเรือน ซึ่งบางทีพระและแม่ชีก็ไม่สะดวกในการข้ามเรือไปเลือกซื้อได้บ่อยๆครั้ง)

    - ช่วงเย็นคุณแม่ของเอและพี่ๆที่ภูเก็ตวิลล่าดาวรุ่ง ช่วยกันเลือกซื้อกับข้าวสดเพื่อที่จะมาทำภัตตาหารเพลในตอนเช้าวันจันทร์

    - ความสวยงาม พระจันทร์เต็มดวงของคืนวันอาทิตย์<wbr><wbr><wbr><wbr><wbr><wbr>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1030731.JPG
      P1030731.JPG
      ขนาดไฟล์:
      100.5 KB
      เปิดดู:
      65
    • P1030734.JPG
      P1030734.JPG
      ขนาดไฟล์:
      109.8 KB
      เปิดดู:
      57
    • P1030729.JPG
      P1030729.JPG
      ขนาดไฟล์:
      71.2 KB
      เปิดดู:
      69
    • P1030742.JPG
      P1030742.JPG
      ขนาดไฟล์:
      104.7 KB
      เปิดดู:
      59
    • P1030750.JPG
      P1030750.JPG
      ขนาดไฟล์:
      120.7 KB
      เปิดดู:
      53
    • P1030753.JPG
      P1030753.JPG
      ขนาดไฟล์:
      122.6 KB
      เปิดดู:
      54
    • P1030754.JPG
      P1030754.JPG
      ขนาดไฟล์:
      103.7 KB
      เปิดดู:
      56
    • P1030755.JPG
      P1030755.JPG
      ขนาดไฟล์:
      123.4 KB
      เปิดดู:
      59
    • P1030744.JPG
      P1030744.JPG
      ขนาดไฟล์:
      28.8 KB
      เปิดดู:
      58
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2012
  20. วิณวิญ

    วิณวิญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +2,089
    วันจันทร์ที่๙ เมษายน ๒๕๕๕:-

    - ช่วงเช้ามืดตื่นไปตลาดซื้อดอกบัวและผลไม้ และทำกับข้าวเตรียมภัตตาหารเพล ขนใส่ท้ายรถกระบะไปส่งที่หมู่บ้านคนน้ำ หาดราไวย์ ภูเก็ต

    - คุณเกาะแก้วอัญเชิญองค์พระจากที่บ้านเอ พร้อมด้วยคณะลูกหลานย่ามุก-ย่าจัน-ย่าโมและศาลเจ้าบางโจวถลาง ตามมาที่จุดนัดพบ

    - ทักทายปราศรัยประสาพี่ๆน้องๆญาติธรรม คณะพลังจิต, คณะย่ามุก-ย่าจัน-ย่าโมและศาลเจ้าบางโจว, คณะเอวาซอนภูเก็ต, คณะภูเก็ตวิลล่าดาวรุ่ง, ญาติธรรมภูเก็ต และคณะชาวน้ำ

    - อัญเชิญองค์พระลงเรือหางยาวโดยคณะชาวน้ำ พร้อมด้วยผอบพระบรมสารีริกธาตุนาคนฤมิตร

    - วาระอันเหมาะสมโดยบังเอิญ พระสงฆ์และคณะเณรอาคันตุกะ เดินทางไปที่วัดเกาะแก้ว

    - ภาพพระอาทิตย์ทรงกลด ณ.เวลา ๑๐.๓๐ นาทีโดยประมาณ

    - หลวงพ่อนั่งชื่นชมองค์พระใกล้ๆ หลวงพ่อชมไปยิ้มไป ทั้งคณะเราก็ชื่นใจตามไปด้วยค่ะ

    - ภาพขณะกำลังกล่าวคำถวาย สองมือวันทา โมทนาท่วมหัว สาธุ สาธุ สาธุ

    - ถวายปัจจัยกับหลวงพ่อเสือ ๒๐,๐๐๐ บาท หลวงพ่อเปรยว่าจะนำไปสร้างหลังคาศาลารูปหล่อองค์พระศิวะ ซึ่งก็แล้วแต่หลวงพ่อจะเห็นสมควร (จากเงินทำบุญกองกลางแบ่งออกเป็น2ส่วน แบ่งไว้สำหรับถวายหลวงปู่สุภาต่อไป)

    ปล. เอื้อเฟื้อภาพในงานโดยพี่นาคา โมทนาบุญเป็นอย่างสูงค่ะ

    ข้าพเจ้าขอเป็นตัวแทนเจ้าภาพถวายองค์พระ "สมเด็จพระพุทธรัตนศรีอริยมิ่งมงคลทศพลอุดมเมตตาบารมี" ในครั้งนี้แด่ หลวงพ่อเสือ วัดเกาะแก้วพิสดาร หาดราไวย์

    เพื่อ ยังประโยชน์ความสุขสงบแห่งพี่น้องชาวภาคใต้และเกาะภูเก็ต และเพื่อรักษาสืบทอดพระพุทธศาสนาคงไว้ซึ่ง๕,๐๐๐ปี ไว้ในรัชสมัยแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่๙ แห่งราชจักรีวงศ์เป็นไปด้วยดีสำเร็จลุล่วงตามจุดประสงค์ทุกประการ

    ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบัน และให้ได้ให้มีผลเช่นเดียวกันทุกประการเทอญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...