หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    ความคืบหน้าการประมูลองค์พระเพื่อสร้างวัดภูดานไห

    สวัสดีครับยามบ่ายๆครับ

    ความเข้าใจถูกต้องแล้วทั้งสองท่าน ผมจะคอยสรุปให้ท่านทราบเป็นรอบๆดังนี้

    รอบที่ 1. 8 มี.ค. 2555
    รอบที่ 2. 15 มี.ค. 2555
    รอบที่ 3. 22 มี.ค. 2555 (ประมาณ 5 โมงเย็นก่อนออกเดินทางไปภูดานไห)
    รอบสุดท้ายคือก่อนถวายภัตตาหารเช้าวันที่ 24 มีนาคม 2555

    ขอบคุณและโมทนาบุญครับ :)
     
  2. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    ขอเปลี่ยนโลโก้ใหม่ ให้เข้ากับวาระสำคัญครับ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  3. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869
    -วันนี้ผมได้นัดกับท่านภูเบศว์ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง
    เพื่อขออัญเชิญองค์ท่านทั้งสอง มาเพื่อบูชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    พร้อมนี้มีการสนทนาธรรมบ้างเล็กน้อย
    -องค์ท่านทั้งสอง สวยงามจับใจมากครับ

    ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่ท่านภูเบศว์ได้สร้างในครั้งนี้ทุกประการ ขอให้ท่านและครอบครัวจงมีความสุข ความเจริญ ในหน้าที่ การงาน และมีความสว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรมจนกว่าจะเข้าพระนิพพานด้วยเทอญ
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2012
  4. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869

    พุทธลักษณะขององค์ท่านสวยงามจับใจมากครับ

    เกิดกิเลสกระเพื่อมขึ้นมาอย่างไม่หยุด

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869
    [​IMG]


    ชุดพระเครื่องเบญจภาคี ภ.ป.ร. เนื้อผง

    **********************************

    ชุดหนึ่งมี 5 องค์ ผมมีชุดเดียวครับรักมาก...แต่ เพื่อแทนคุณพระศาสนา

    และพ่อแม่ครูอาจารย์..จำต้องละวางบ้าง

    ขอมอบให้สมาชิกธรรมที่ร่วมทำบุญสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ภูดานไห

    จำนวน 1,600 บาท (รวมค่าส่ง)



    ญาติธรรมท่านใดที่ต้องการอัญเชิญท่านทั้ง 5 องค์เพื่อไปไว้บูชา

    โปรดโอนเงินเข้าบัญชีของวัด พร้อมแนบสลิปการโอนแจ้งผมทางPM นะครับ

    การรับพระจะไปรับกับผมใน กรุงเทพฯ หรือ ฝากญาติธรรมมารับแทน

    หรือหากไม่สะดวกจะให้ส่งมาให้ก็ได้เช่นกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2012
  6. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869
    ชุดเบญจภาคี ภ.ป.ร. เฉลิมพระเกียรติ ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

    ประวัติและวัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง เท่าที่หาได้จากเวบพลังจิต



     
  7. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385

    ขอเป็นกำลังใจให้...ค่อยเป็นค่อยไปทีละขั้นเนาะท่าน หุหุ
     
  8. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    ชุดเบญจะ ภปร...ท่านมาเป็นชุดเต็มเสียด้วย
    โมทนาสาธุในกุศลจิตนี้ด้วยนะครับ :cool:
     
  9. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    อจินไตยเหนือดินแดนกรุงศรีอยุธยา

    บันทึกเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม 2555

    1. อารัมพบท

    ในราวเช้า 10.00 น. ขณะที่ผมนั่งทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย มีคลื่นพลังบางอย่างไหลเข้ามาสู่ตัวผมเป็นระยะๆ พอราว 11.00 น. ได้มีโทรศัพท์จากผู้มีบุญจากพระนครศรีอยุธยาโทรเข้ามาหา บอกว่าคือคุณอนันต์ที่เคยโทรคุยกับผมครั้งหนึ่งเมื่ออาทิตย์ก่อนๆโน้น เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คุณอนันต์เป็นญาติธรรมกับคุณติ๊กที่เคยคุยทางโทรศัพท์กับผมมาก่อนเช่นกัน คุณอนันต์แจ้งความประสงค์ที่โทรมาหาผมว่า อยากเชิญด็อกเตอร์มาร่วมในพิธีปลดปล่อยวิญญาณที่ตกค้างตั้งแต่สมัยโบราณ ผมนิ่งอยู่ขณะหนึ่ง เขาจึงให้ญาติธรรมอีกท่านหนึ่ง (เป็นกลุ่มนักรบกรุงศรีอยุธยา) พูดกับผม ญาติธรรมท่านนี้(ผมจำชื่อไม่ได้) พูดมาทางโทรศัพท์ว่า "ผมอยากให้ด็อกเตอร์มา อยากเจอตัว อยากสนทนาธรรมด้วย ผมอธิษฐานจิตต่อเทพเทวาทั้งหลายที่มีอยู่ในอยุธยา ได้โปรดดลบันดาลให้ท่านด็อกเตอร์มาร่วมในพิธีนี้ด้วยเทอญ เพื่องานจะได้สำเร็จ" ผมจึงบอกเขาไปว่า ขอผมพิจารณาดูก่อนแล้วจะโทรไปแจ้งอีกทีนะครับ

    หลังจากนั้น ผมจึงอธิษฐานจิตในใจว่า หากเขาอยากให้ผมไปร่วมในพิธีจริงๆ ก็ขอให้ผมมีเพื่อนเดินทางไปโดยสะดวก ปรากฏว่า ผมโทรไปหาคุณหนุ่มซึ่งเป็น ผอ.ป่าไม้ ที่ชัยภูมิ คุณหนุ่มได้อาสาขับรถพาผมไปทันที และผมได้แจ้งกลับไปที่อยุธยา ปรากฏว่าเขาดีใจกันมาก ผมกับคุณหนุ่มจึงออกเดินทางจากโคราชประมาณ 15.30 น. เพื่อไปให้ทันพิธีในช่วง 1 ทุ่ม และไปถึงอยุธยาในราว 18.40 น. ผมถามเส้นทางที่จะไปวัดเจ้าชาย ซึ่งเป็นวัดที่พระเอกาทศรถ พระอนุชาของพระนเรศวรเป็นผู้สร้าง วัดนี้ตั้งอยู่นอกเมือง มีเจดีย์ใหญ่หนึ่งองค์อยู่กลางทุ่ง และไม่ปรากฏสิ่งก่อสร้างอื่นๆอยู่ในบริเวณนี้เลย พื้นที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่จำนวนหนึ่ง เมื่อไปถึง ก็ได้พบกับเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรมาคอยดูแลความปลอดภัย (ขออนุญาตกรมศิลป์เพื่อทำพิธี) เดินเข้าไปก็ได้พบกับคุณติ๊๊กซึ่งเป็นแม่งานใหญ่ในการทำพิธีในครั้งนี้ เธอเดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มเสมือนเคยรู้กันมาก่อน เมื่อทักทายกันแล้ว ผมขอตัวออกไปเดินดูบริเวณรอบๆ เพื่อรอพระอาจารย์บุญสวนที่เดินทางมาจากอำเภอบรบือ และท่านได้ไปกราบหลวงพ่อโตที่วัดพนัญเชิญอยู่ (พระอาจารย์บุญสวนยังไม่ทราบว่าผมเดินทางมาร่วมด้วย) ผมกับคุณหนุ่มได้ไปนั่งสวดมนต์และภาวนาอยู่ข้างเจดีย์ใหญ่เพื่ออุทิศบุญกุศลก่อนพิธีจริงจะมีขึ้น ขณะที่ผมสวดมนต์และนั่งภาวนาอยู่นั้น ปรากฏมีคลื่นพลังมามากมาย ในจิตก็รู้ว่า มีดวงจิตญาณมามากมายเหลือเกิน ผมได้อธิษฐานจิตและแผ่เมตตาอุทิศบุญกุศลให้แก่ดวงวิญาณทั้งหลายด้วยวิธีของผม ผมนั่งพิจารณาความทุกข์ของดวงวิญาณ และความเสื่อมสลายของบ้านเมือง สิ่งทั้งหลายล้วนไม่เที่ยง สิ่งทั้งหลายล้วนมีแต่ความทุกข์ สิ่งทั้งหลายมิสามารถควบคุมมันได้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เมื่อออกจากสมาธิหลังแผ่บุญกุศลแล้ว ความเตตาสงสารก็บังเกิดขึ้นในจิต การมาในครั้งนี้ แม้จะไม่รู้ว่า ความจริงแท้นั้นมันเป็นเช่นไร แต่หัวจิตหัวใจที่บริสุทธิ์ ก็ทำให้เรารู้สึกถึงบุญกุศลได้บังเกิดขึ้นกับเราแล้ว เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเราแล้ว เจ้าภาพและผู้มาร่วมได้เกิดบุญกุศลขึ้นแล้ว



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    ต่อมาราวสามทุ่มกว่า พระอาจารย์บุญสวน จันทวัณโณ พร้อมคณะได้เดินทางมาถึง ผมเข้าไปกราบนมัสการท่าน ท่านแปลกใจเล็กน้อยเพราะนึกไม่ถึง เพราะผมกับคนที่นิมนต์ท่านมาก็ไม่เคยรู้จักกัน ท่านยิ้มพร้อมทักทายกันแล้ว จึงเข้าไปนั่งข้างปะรำพิธี ซึ่งมีพระอาจารย์เอ แห่งสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งที่อำเภอด่านขุนทด นครราชสีมา นั่งรออยู่แล้ว พระอาจารย์เอรูปนี้ยังมีอายุน้อยน่าจะยังไม่ถึงสามสิบ ว่ากันว่า ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เณร สายหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร และเคยมีความผูกพันอยู่กับคุณปู และพระอาจารย์บุญสวนเมื่อครั้งเป็นพญานาคโน้น (เรื่องนี้เกินวิสสัยของผม)

    หมายเหตุ ที่ผมทราบคร่าวๆคือ คุณติ๊ก คุณอนันต์ ครอบครัว และญาติธรรมที่อยุธยากลุ่มนี้ ล้วนมีญาณสัมผัส มีองค์บารมี มีความผูกพันอยู่กับพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา บ้างก็เคยเป็นกษัตริย์ บ้างก็เคยเป็นทหาร บ้างก็เคยเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ ได้ตั้งกลุ่มนักรบกรุงศรีอยุธยากันขึ้นมาเพื่อกิจบางอย่าง (ประมาณนี้ครับ) และในช่วงก่อนพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณ ก็ได้มีพิธีอัญเชิญองค์บารมีของแต่ละคน (ประมาณห้าหกคน) ส่วนใหญ่เป็นสายพญานาคทั้งนั้น



    [​IMG]



    2. พิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณ

    เมื่อพระอาจารย์บุญสวนมาถึงและนั่งในที่ของสงฆ์แล้ว เจ้าพิธีซึ่งเป็นหญิงวัยราวหกสิบ ได้อัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเริ่มพิธีตามวิธีการของเธอ(สายเทพ) ตลอดเวลามีองค์เทพมาประทับร่างของเธอ เป็นใครบ้างผมก็จำไม่ได้เพราะมามากมายเหลือเกิน บางคราเธอก็พรรณาเป็นบทกลอนโบราณด้วยเสียงหวานๆของหญิงโบราณ ภาษาก็เป็นโบราณ กิริยาก็เป็นโบราณ บางคราก็เสียงห้าวหาญของพระมหากษัตริย์ไทยและนักรบไทย เอ้าพม่าก็มา บางคราก็เสียงมีเมตตาของหลวงปู่และเทพเซียนทางจีน มีทั้งภาษาเทพ ภาษาจีน ภาษาโบราณสลับกันไปมาอยู่ราว 5-6 ชั่วโมง

    ตลอดเวลา จะมีดวงวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานมายาวนาน สลับกันมาขอความเมตตาพระคุณเจ้า ขอความเมตตาจากผู้มีบุญบารมีช่วยปลดปล่อยพวกเขาด้วยเถิด เสียงโหยหวน เป็นที่สะเทือนใจมาก อาทิเช่น

    "เจ็บปวดเหลือเกิน ร้อนเหลือเกิน พม่ามันเผาเมือง ทรมานเหลือเกิน ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วยเจ้าข้า ร้อนเหลือเกิน โอ๊ยๆๆๆ..."

    "ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย ข้ากลัวเหลือเกิน... ข้ากำลังจะถูกประหาร โอ้ย โอ๊ย... ข้ากลัว ช่วยด้วยเจ้าข้า..."

    "โอ๊ย...หนักเหลือเกิน เจ็บปวดเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน ข้าถูกทับไว้ ขยับตัวไม่ได้ ช่วยข้าด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าที เมตตาข้าที ช่วยด้วย โอ๊ย..."

    "อย่าๆ อย่าๆ...อย่าบีบขมับข้าเลย ข้าปวดเหลือเกิน เจ็บเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน อย่าทำข้า... ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย..."

    "ข้าหายใจไม่ออก ช่วยด้วยเจ้าข้า ข้ากำลังจมน้ำ ข้าหายใจไม่ออก ทรมานเหลือเกิน ใครก็ได้ช่วยข้าที ข้าหายใจไม่ออก ช่วยด้วย ช่วยด้วย..."

    "โอ้ย หือ หือ... ช่วยด้วย อย่าเอาลูกข้าออก อย่าเอาลูกข้าไป... ข้าทรมานเหลือเกิน ข้าตายท้องกลม อย่า อย่า โอ๊ย โอ๊ย หือ หือ พระคุณเจ้าช่วยข้าที ช่วยข้าทีเถิด..."

    " อ้าว เห้ย ทหารหาญแห่งข้า...นักรบกล้าแห่งกรุงศรีอยุธยา ไม่เคยเกรงกลัวใคร ข้าขอสัญญา จะเกิดภพชาติใด ข้าก็ขอเป็นทหารเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยไปทุกภพชาติ ข้าจะไม่ขอไปเกิดในแผ่นดินอื่นใดได้ นอกจากแผ่นดินไทย ข้าขอสู้ตาย..."

    "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...ข้าคือพระ...ผู้รักษาแผ่นดินไทย ข้าขอประกาศให้รู้กันว่า จะเกิดกี่ภพกี่ชาติ ข้าก็ขอเกิดเป็นคนไทย บนผืนแผ่นดินไทย ขอปกป้องผืนแผ่นดินไทย ด้วยเลือดเนื้อแลชีวิตของข้า มิเคยกลัวเกรงผู้ใด ทหารหาญและบริวารของข้า หากเจ้าปรารถนาจะไปจากข้า ก็จงไปเถิด ข้าจะยังไม่ไปไหน ข้าจะขอดูแลลูกหลานของข้าต่อไป... มาลาข้า แล้วจงไปเสีย...ฮ่าๆๆ"

    ท่านทั้งหลาย นี่คือ เสียงโหยหวนผ่านร่างทรงของเจ้าพิธี บางรายก็กลิ้งไปมา บางรายก็แสดงอาการที่กำลังถูกกระทำ บางรายก็วิ่งหรือเดินไปรอบๆ บางรายก็ห้าวหาญเด็ดเดี่ยว บางรายก็ตวาดลั่น... มันชั่งเหมือนในละครหรือในหนังเสียเหลือเกิน... แม้ความจริงแท้นั้นจะเป็นเช่นไรก็ตาม ผมก็ไม่ทิ้งโอกาสในการพิจารณาเป็นอุบายธรรมทันที... โอ้หนอ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ หรือดวงวิญญาณ แม้ตายไปแล้ว ก็ยังมีความทุกข์มากมายเหลือเกิน มากเสียจนโหยหวนเกินที่ผมจะบรรยายออกมาเป็นตัวอักษรได้ ใครที่อยู่ในเหตุการณ์นั้น ถ้าไม่ขนลุกขนพอง ก็แสดงว่าผู้นั้นไร้ซึ่งความรู้สึกหรือตายด้านไปแล้ว... ผมพิจารณาเห็นความทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พร้อมกับแผ่บุญกุศลไปให้พวกเขา จงพ้นทุกข์เสีย จงละวางจิตสุดท้ายที่ผูกพันอยู่กับความเจ็บปวดนั้นเสีย ทุกสิ่งมันผ่านมาแล้ว อย่าได้ผูกจิตผูกใจอยู่กับสิ่งเหล่านั้นต่อไปเลย ขอให้ท่านทั้งหลายจงน้อมระลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่งเสียเถิด แล้วดวงจิตของพวกท่านจะพ้นความทุกข์ทั้งหลาย หากท่านยินดี จงกล่าวคำอนุโมทนานับตั้งแต่บัดเดี๋ยวนี้เถิด...

    ท่านทั้งหลาย แม้ผมจะไม่รู้ว่า ผมจะสามารถช่วยพวกเขาได้หรือไม่ แต่ด้วยหัวจิตหัวใจที่บริสุทธิ์ของผม ก็ได้แผ่บุญกุศลไปตามวิธีของผม และในขณะหนึ่งผมมีความรู้สึกที่คิดว่า ผมน่าจะช่วยดวงวิญญาณที่จมน้ำให้พ้นจากความทุกข์ทรมานได้ ด้วยอำนาจคุณธรรมบางอย่างของผม (ไม่ขอยืนยัน)... ส่วนพระอาจารย์บุญสวน พระอาจารย์เอ และญาติธรรมท่านอื่นๆ ก็ได้ช่วยกันปลดปล่อยดวงวิญาณเหล่านั้น สลับกันไปอยู่ตลอดเวลา ในคราหนึ่งเจ้าพิธีได้มีองค์เบื้องบนเสด็จลงมาประทับร่างของเธอ พร้อมกับสั่งให้ท้าวมหาราชทั้งสี่จงเปิดประตูมิติ เพื่อปลดปล่อยวิญญาณเหล่านั้น ผมเองก็ได้อธิษฐานจิตช่วยปลดปล่อยวิญญาณตามวิธีการของผม ปรากฏภาพหนึ่งขึ้นมาในมโนจิต(ไม่ขอรับรอง) เห็นดวงวิญญาณไหลผ่านประตูทั้งสี่ และทั้งแปดทิศ เป็นทางยาวขึ้นไปสู่เบื้องบน... พวกเราได้ใช้เวลาเนิ่นนานราว 5-6 ชั่วโมง กว่าพิธีการจะเสร็จสิ้นลง...หลังจากนั้นเจ้าภาพได้ถวายสังฆทานแด่พระคุณเจ้า เพื่ออุทิศบุญกุศลแก่ดวงวิญญาณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในอยุธยา... ท่านทั้งหลาย เมื่อท่านได้อ่านตรงนี้จบลงแล้ว ท่านมีความรู้สึกเป็นเช่นไรหนอ...


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ครอบครัวของคุณติ๊กและคุณอนันต์กำลังถวายสังฆทาน



    3. พิธีอัญเชิญวัตถุศักดิ์สิทธิ์เสด็จทางอากาศ

    การอัญเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ เป็นของแถม โดยคุณติ๊กและครอบครัวเป็นเจ้าภาพนิมนต์พระอาจารย์บุญสวนมาอัญเชิญ เพื่อนำวัตถุเหล่านี้มอบถวายพระอาจารย์เอ เพื่อพุทธศาสนิกชนจะได้ไปบูชา เพื่อนำปัจจัยไปร่วมสร้างสำนักสงฆ์ ก็ขออนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลของคุณติ๊กและญาติธรรมผู้มีส่วนร่วมในครั้งนี้ทุกคน (ปล. มีพระทองคำน้ำหนักประมาณ 10 บาท เสด็จมาให้คุณติ๊ก 1 องค์ ขออนุโมทนาด้วยนะครับ)



    [​IMG]



    4. บทส่งท้าย

    อนึ่ง...ในวันต่อมา คุณติ๊กได้โทรมาคุยและขออนุโมทนากับผม ที่ได้เดินทางไปร่วมในพิธีในครั้งนี้ เธอกล่าวด้วยอาการปีติ เธอขอเป็น...เพื่อปฏิบัติธรรมกับผม และจะขอศึกษาธรรมกับเหล่านักรบธรรม และจะขอติดตามไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ในอนาคตด้วย ผมจึงอนุโมทนาในจิตศรัทธาของเธอว่า ขอให้นับถือที่คุณธรรมนะ อย่าได้นับถือในรูปกาย เพราะรูปกายนั้นไม่เที่ยง แต่คุณธรรมของผู้นั้นจะเที่ยง รูปกายของผมก็เช่นกัน

    ท่านทั้งหลาย เรื่องราวที่ผมนำมาเล่าสู่กันฟังนี้ ผมมิได้มีเจตตนาให้ผู้หนึ่งผู้ใด ได้ลุ่มหลง เชื่อหรือไม่เชื่อ หรือยกตัวตนของผู้หนึ่งผู้ใดขึ้นมาก็หาไม่ เป็นเพียงประสบการณ์หนึ่งเท่านั้น ความเป็นจริงแท้นั้น มันเกินวิสสัยของผมที่จะรับรองได้ จึงโปรดใช้วิจารณญาณของตัวท่านเอง ผมไม่ขอรับรองในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ที่รู้ก็คือ ผมได้เรียนรู้ในอีกมิติหนึ่ง ได้เรียนรู้ผู้คน ได้เรียนรู้สิ่งรอบกาย และที่สำคัญได้เรียนรู้จิตใจของตัวเองว่า ได้คิดอย่างไรกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มีอะไรเป็นอุบายธรรมบ้าง โดยผมไม่ได้ติดใจในความจริงหรือไม่จริง แต่ผมเห็นความทุกข์ของสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา แม้ดูประหนึ่งว่าเป็นนิยายที่แต่งขึ้นมาก็ชั่ง แต่มันก็เกิดประโยชน์ต่อการพิจารณาธรรมของผมแล้วนะครับ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    3 มีนาคม 2555
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      269.9 KB
      เปิดดู:
      2,311
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      386.5 KB
      เปิดดู:
      7,443
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      452.5 KB
      เปิดดู:
      2,372
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      301.8 KB
      เปิดดู:
      7,165
    • 7.jpg
      7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      372.3 KB
      เปิดดู:
      6,755
    • 10.jpg
      10.jpg
      ขนาดไฟล์:
      416.7 KB
      เปิดดู:
      7,163
    • 6.jpg
      6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      447.8 KB
      เปิดดู:
      6,956
    • 8.jpg
      8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      546.6 KB
      เปิดดู:
      7,015
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มีนาคม 2012
  10. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    เมื่อ 3 มีนาคม 2555, 15:57, เปียว คอมพิวเตอร์ <phaenwong@hotmail.com> เขียนว่า:

    กราบเรียน ท่านดร.นนต์ ที่เคารพครับ อยากเรียนถามเรื่องการนั่<WBR>งทำสมาธิครับ ปกติเปียว จะ เดินจงกลม 30 นาที นั่งอีก 30 นาที
    ถ้าทำอย่างนี้ทุกๆวัน คงก้าวหน้าช้าใช้ไหมครับ ต้องเร่งความเพียรขึ้นใช้หรือป่<WBR>าวครับ ใช้การสังเกตุว่า ยังไม่มีความก้าวหน้าในการปฏิบั<WBR>ติครับ
    เพราะยังหลับในสมาธิอยู่ คิดว่ากิเลสคงยังหนาอยู่มากครั<WBR>บ อีกเรื่องที่ยังอยู่ในความคิ<WBR>ดครับ คืออยากไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโชเจ้า
    เพื่อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านอี<WBR>กสักคนครับ แต่ในใจก็คิดว่าบุญกุศลเรายั<WBR>งไม่ถึง คงต้อรอให้ถึงเวลาอันควรคงได้ไป หรือถ้ามีงานบุญอะไรที่นั้น
    เปียวขออนุญาติไปร่วมบุญได้<WBR>ไหมครับ แต่ไม่รู้จักใครเลยครับ กราบขอบพระคุณครับ

    ด้วยความเคารพ
    น้องเปียว

    ..................................................................




    การนั่งสมาธิ หรือเดินจงกรมนั้น ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว แล้วแต่จริตของแต่ละคน ในระยะแรกๆของคุณ ผมคิดว่าน่าจะเหมาะสมแล้วสำหรับการปฏิบัติ และขออย่าได้กังวลว่า การปฏิบัติของเราจะก้าวหน้าหรือไม่ก้าวหน้า ขอให้ตั้งใจมั่นในการปฏิบัติก็พอ ขอเป็นสายกลาง ไม่หย่อน ไม่ตึงจนเกินไป เหนื่อยก็พัก มีกำลังก็เริ่มใหม่ หากมันจะแอบหลับในบ้างก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ค่อยๆปฏิบัติไปนะครับ พระอริยเจ้าแต่ละองค์ท่านยังต้องใช้เวลานาน นับประสาอะไรกับปุถุชนอย่างเรา จะไวดั่งใจนั้นอาจจะยาก


    การที่คุณมีความศรัทธาต่อองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโชเจ้านั้น นับเป็นมงคลยิ่งแล้ว เป็นบัณฑิตตั้งแต่เริ่มคิดแล้ว เมื่อถึงเวลาคุณก็จะไปกราบแทบเบื้องบาทท่าน กาลเวลามิใช่อุปสรรค ขอให้จิตตั้งมั่นพร้อม จิตนั้นจะพาคุณไปกราบท่านเองครับ


    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    3 มีนาคม 2555
     
  11. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    .....โมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ.....
     
  12. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    ประมาณกลางเดือนนี้ผมจะนำภาพพระหลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยมมาโพสให้ได้ชมและร่วมทำบุญตามที่แจ้งไว้นะครับ อดใจรอและรับรองว่างามครบเครื่องอย่างแน่นอน.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2012
  13. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2012
  14. สมาชิกธรรม

    สมาชิกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2011
    โพสต์:
    751
    ค่าพลัง:
    +1,308
    สวัสดีครับท่านภู.....มีญาติธรรมต้องการร่วมทำบุญสร้างวัดภูดานไหจำนวน 2,000.-บาทโดยประสงค์ขอรับพระพิมพ์ TOP4 2องค์ ท่านภูยังพอมีแบ่งปันศรัทธาของญาติธรรมไว้บูชาหรือปล่าวครับ.....หากไม่ขัดข้องผมจะดำเนินการโอนเงินเข้าบ/ชทางวัด และแจ้งที่อยู่ให้ทราบต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2012
  15. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    ให้หมั่นรักษาศิลบำเพ็ญภาวนามากๆ และต้องทำถูกวิธี ทำให้ถูกหลัก และทำต่อเนื่องคะแล้วท่านที่ปฎิบัติจริงๆท่านจะได้ของจริงๆคะ บุญรักษานะคะ
     
  16. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    ขอบพระคุณคุณพี่ tuta_868 ที่กรุณามาเยี่ยมและให้ข้อชี้แนะครับ
    ขอเจริญในธรรม
     
  17. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    วันนี้ผมได้ตัดสินใจครั้งสำคัญต่อวิถีการดำเนินชีวิตในทางโลกอีกครา แต่ส่วนหนึ่งก็เพื่อการสนับสนุนในเส้นทางธรรมของผม ผมตัดสินใจถอยฟอร์จูนเนอร์ ตอนนี้ขอให้เพื่อนดำเนินการให้อยู่ครับ

    องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านบอกผมว่า "สงสัยจะได้ทุกขลาภ" หึหึ เนื่องจากสามวันก่อน ผมโดนรถยนต์ถอยมาชนอย่างจัง ระหว่างขี่รถเครื่องไปทำธุระส่งพัสดุให้ญาติธรรม แต่ก็ไม่เป็นอะไรมากครับผม...องค์ท่านก็เมตตาโปรดว่า

    อุบัติเหตุเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นมาได้เสมอ เราได้มีโอกาสเรียนรู้ธรรมะของจริง ได้ดูว่าจิตใจของเป็นอย่างไร ทั้งการตั้งสติมั่นคง ผลของการปฏิบัติจะถูกนำออกมาใช้ก็ตอนนี้ อาการเจ็บ (เกิด แก่ เจ็บ ตาย) เป็นของธรรมดา ร่างกายสังขารเสื่อมโทรมจึงเป็นของธรรมดา ให้รักษาเขาไว้เพื่อสร้างแต่คุณงามความดี...ซึ่งแม้แต่พระพุทธองค์ยังทรงได้รับห้อเลือดที่ข้อพระบาท ผลของบุญกุศลที่สร้างมากับพลานุภาพของพระที่ห้อยคออยู่ จักช่วยป้องกันตัวเราจากหนัก ก็จักกลายเป็นเบา จากเบาก็กลายเป็นแคล้วคลาดปลอดภัย นี่ก็ต้องถือว่าดีมากๆแล้วที่ไม่เป็นอะไรมาก

    และวันนี้ท่านเทศน์โปรดโดยขอสรุปสั้นๆว่า

    หากทำการใดๆไม่เดือดร้อนก็สามารถทำได้ สมบัติภายนอกเป็นแต่เพียงเครื่องอาศัย หากแต่ต้องไม่ยึดติด ใครเขาจะว่าอย่างไรก็ตาม หากมองเป็นกิเลส เป็นของฟุ่มเฟือยก็ได้กิเลส หากมองเป็นธรรมแล้วยังประโยชน์ในทางธรรมก็จะได้ธรรม...ซื้อรถมาแล้วพาไปประกอบกรรมไม่ดี ก็กลายเป็นกิเลสของมัวเมา หากเกิดอุบัติเหตุก็ไปโทษสีรถ ฤกษ์ หรืออาจารย์ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนพารถไป นั่นก็มี

    สาธุ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2012
  18. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    เรื่อง พระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุ
    จากหนังสือ ประวัติ
    พระภิกษุ พระยานรรัตนราชมานิต ธมมวิตกฺโกภิกขุ
    วัดเทพศิรินทราวาส

    โดย ท. สิริปญฺโญ ภิกฺขุ
    วัดอุดมรังสี หนองแขม กรุงเทพ
    [​IMG]
    พระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุ ๙ ค่ำ
    [​IMG]เกร็ดประวัติของพระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุ ท่านปลัดโกศลได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ท่านเจ้าคุณธมมวิตกโกได้มอบไว้ให้แก่ครอบครัวของท่าน ปรกติท่านเจ้าคุณฯมิได้สนใจในเรื่องเครื่องรางต่าง ๆ นัก แต่เนื่องจากมีผู้ที่นับถือท่านฯ ได้ขออนุญาตจากท่านสร้างพระเครื่องรางต่าง ๆ มอบให้ท่านฯ อธิษฐานจิตให้ และเป็นที่น่าประหลาดมาก โดยเฉพาะการปลุกเสกพระเครื่อง ท่าน ฯ มิได้เคยหันหน้าเข้าทำพิธีอย่างพระคณาจารย์อื่น ๆ ท่าน ฯ จะนั่งหันหลังให้ คือหันหน้าเข้าหาพระประธาน ต่อจากนั้นท่านก็จะสวดแผ่เมตตาจิตให้
    ท่าน ฯ เคยได้กล่าวไว้ว่าท่านไม่สามารถที่จะเสกพระพุทธเจ้าซึ่งเปรียบประดุจบิดา และพระองค์ ก็เป็นผู้ประเสริฐ ฉะนั้นพิธีต่าง ๆ ที่ทางลูกศิษย์ได้จัดขึ้น ท่านจงเป็นเพียงแต่อธิษฐานให้เท่านั้น แต่สำหรับพระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุนั้น ท่านฯ ได้เจาะจง โดยท่านฯ ได้สั่งให้คุณปลัดโกศล ซึ่งเป็นหลานชายของท่านฯ และคุณปลัดผู้นี้ก็เคยเป็นผู้ที่ส่งอาหารให้ท่านฯ ตั้งแต่ครั้งที่คุณปลัดยังเรียนอยู่ ชั้น ม. ๑-๒ ครั้งหลังที่คุณปลัดได้ศึกษาจบและได้เข้ารับราชการ จึงไม่ค่อยมีเวลา คุณปลัดจึงได้ให้ทางคุณน้ารับช่วงส่งอาหารแทน แต่ครั้งหลังตอนท่านฯ ป่วย คุณปลัดจึงได้ปฏิบัติท่านอีก คือทำอาหารซุปส่งให้เป็นประจำ ท่านฯ ได้เคยถามคุณปลัดว่า เหนื่อยไหมหลาน เพราะระยะทางจากบ้านซึ่งจะต้องนำอาหารมาส่งที่วัดนั้น มีระยะทางไกลพอสมควร ส่วนซุปซึ่งเป็นอาหารชนิดอ่อนนั้นท่านฯ ได้เป็นผู้สอนโดยจดแต่ละประเภทของอาหารรวมกันมีหลายชนิด คือ
    ๑. ผักขม ๒. ถั่วฝักยาว ๓. หัวผักกาดขาว ๔. หัวผักกาดเหลือง ๕. ถั่วเขียว ๖. ถั่วลิสง๗. ถั่วเหลือง ๘. มันฝรั่ง ๙. ผักกาดเขียว ๑๐. มะขามเปียก ๑๑. เกลือ ๑๒. น้ำตาลมะพร้าว๑๓. มันฮ่อ ๑๔. หัวหอม ๑๕. มะนาว
    โดยนำถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถัวลิสง มันฝรั่ง เคี่ยวให้เปื่อยแล้วบดให้ละเอียดด้วยเครื่องบด แล้วนำผักต่าง ๆ ต้ม พอสุกแล้วใช้เครื่องบดให้ละเอียดเช่นกันแล้วนำมาผสมกันใส่เครื่องปรุงมีน้ำตาล เกลือ มะขามเปียก มะนาว แล้วตั้งไฟให้เดือดอีกครั้งเป็นอันเสร็จ ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วนำบรรจุโถพลาสติกนำไปส่งที่วัด พร้อมด้วยผลไม้ตามที่ท่านจะสั่งแต่ละวัน แต่ที่จะต้องมีประจำได้แก่ผลฝรั่งทั้งเปลือกฝานเอาแต่ผิว แล้วนำมาบดด้วยเครื่องให้ละเอียดผสมเกลือลงไปเล็กน้อย ใส่โถพลาสติกเช่นกัน และกล้วยน้ำว้าสุก ๓ ผล ส่วนผลไม้อื่น ๆ สุดแต่ปลัดโกศลและภรรยาจะนำไปถวาย เท่าที่ทราบได้แก่ ชมพู่สาแหรก สับปะรด ลูกพลับสด สาลี่ ฯ ล ฯ โดยบดให้ละเอียดเช่นกัน และกว่าจะออกจากวัดไปทำงานต้องใช้เวลานานมากจึงจะถึงที่ทำงาน แต่คุณปลัดและภรรยาคือคุณนายจำเนียร ก็ได้ทำซุปเองทุกวัน ซึ่งกว่าจะเสร็จก็เป็นเวลา ๒๓.๐๐-๒๔.๐๐ น. ทุกวัน ซึ่งทั้งคุณปลัดและคุณนายก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ซึ่งผู้เขียนก็รู้สึกปลื้มปีติในความมานะพยายามอันเป็นมหากุศลของคุณปลัดและคุณนายทั้งสองคน
    ก่อนที่ท่านเจ้าคุณนรรัตนฯ (ธมฺมวิตกฺโก) ท่านจะมรณภาพ เหมือนว่าท่านจะรู้ตัวมาก่อน ท่านจึงพูดกับคุณปลัดผู้เป็นหลานว่า หลานจงไปเก็บก้อนกรวดที่บางบ่อมา ลุงจะทำของดีให้ คุณปลัดจึงได้เรียนถามท่านว่า ผมจะเก็บที่อื่นได้ไหม ท่าน ฯ บอกว่าไม่ได้ คุณปลัดจึงสงสัยว่าเหตุใดท่านฯ จึงมีความประสงค์เช่นนั้น
    ดูเหมือนท่าน ฯ จะรู้ว่าคุณปลัดมีความสงสัย ท่าน ฯ จึงได้อธิบายว่า อันธรรมตากรวดที่อำเภอบางบ่อนั้น ชื่ออำเภอก็เปรียบเหมือน บ่อเงิน บ่อทอง และถือเคล็ดว่าจังหวัดสมุทรปราการด้วย คำว่าปราการ เปรียบเหมือนเป็นเกราะป้องกันภยันตรายต่าง ๆ นั้น บางครั้งท่านจะเรียกก้อนกรวดว่า เพชร-พลอยและท่านยังได้อธิบายต่อไปว่าก้อนกรวดนั้นเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ หรือเรียกว่า คดดินตามธรรมดามนุษย์เราจะถือว่าของที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เช่น คดปลวกที่เกิดขึ้นในจอมปลวก คนโบราณท่านถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกจึงได้เจาะจงให้หลานชายท่านไปเก็บของสิ่งนี้มา
    ในรุ่งขึ้นคุณปลัดก็ลืมเสียท่านฯ จึงได้ย้ำอีกว่าจงรีบไปหาเก็บมานะ เดี๋ยวจะไม่ทันการ คุณปลัดเองก็ไม่ได้สังหรณ์ใจในคำพูดเช่นนี้ คุณปลัดได้กราบเรียนท่าน ฯ ว่า ผมผ่านไปมาทุกวันไม่เห็นมีกองกรวดที่ไหนเลย ท่านฯ จึงพูดว่าไปหาให้ดีเถอะ มีแน่ ๆ ที่บางบ่อ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ที่ท่านฯ ไม่เคยออกจากวัดไปไหนมาก่อนเลย เหตุไฉนท่านฯ จึงรู้ว่ามีกองกรวดอยู่ คุณปลัดเองก็ขับรถเข้าออกอยู่ทุกวัน แต่ก็ไม่เคยเห็น หรืออาจจะเป็นเพราะคุณปลัดไม่ได้เอาใจใส่เองก็อาจจะเป็นได้ และที่ท่านได้เอ่ยปากว่าจะทำของดีให้นั้น ก็ทำให้คุณปลัดรู้สึกประหลาดใจบ้าง เพราะตามปกติท่านก็ไม่เคยให้สิ่งใดแก่คุณปลัดไว้บูชาเลย และตนเองก็เคยทราบว่าท่านมักจะไม่ปลุกเสกของให้ใครง่าย ๆ เพราะท่านเคยพูดกับคุณหมอสุพจน์ ศิริรัตน์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งคุณหมอสุพจน์ได้นำผงสมเด็จจากกรุวัดจักรวรรดิ (สามปลื้ม) บดละเอียดใส่บาตรไปไว้ทิศใต้ฐานชุกชีในพระอุโบสถวัดเทพศิรินทร์ ฯ เป็นเวลา ๑ ไตรมาส ตอนเอากลับท่านได้พูดกับคุณหมอสุพจน์ว่า ผงนี้ท่านปลุกเสกให้สำเร็จแล้ว ถ้าจะนำไปทำพระ ก็ไม่ต้องนำมาให้อาตมาปลุกเสกอีก เพียงแต่นำไปเข้าพิธีที่ไหนก็ได้ จะได้ผลเท่ากัน อาตมาเองก็ไม่อยากที่จะปลุกเสกให้นัก เพราะถ้าพระของอาตมา ที่ปลุกเสกให้ตกไปอยู่กับใคร ถ้าผู้นั้นประกอบแต่กรรมดี ผู้นั้นก็จะได้รับแต่ความเจริญก้าวหน้า แต่ถ้าผู้ใดที่ประพฤติในทางที่ไม่ชอบจะเป็นกำลังหนุนให้ประพฤติมิชอบยิ่งขึ้น แต่ไม่นานก็ได้รับผลกรรมนั้น ด้วยเหตุนี้อาตมาจึงไม่อยากปลุกเสกให้กับผู้ใด นอกจากท่านพระครูอุดมคุณาทรเท่านั้น (ท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณ)
    ฉะนั้นเมื่อคุณปลัดโกศลมานึกถึงคำนี้ ก็ให้แปลกใจเป็นอันมาก ที่จู่ ๆ ท่านก็ให้ไปเก็บก้อนกรวดให้ และบอกว่าจะทำของดีด้วย ก็คิดว่าจะต้องมีอะไรเป็นพิเศษแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นท่านจะไม่เร่งเร้าเป็นอันขาด และของดีที่ท่านได้เคยปลุกเสกให้ท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณ ซึ่งสมัยยังเป็นพระครูอุดมฯ อยู่ ก็ก่ออภินิหารศักดิ์สิทธิ์มากแก่ผู้ที่ได้รับไปบูชา จนเป็นที่เลื่อมใสในศรัทธาแก่มหาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งในต่างประเทศก็เคยปรากฏว่าฝรั่งถึงกับนั่งเครื่องบินมาขอบูชาพระเครื่องของท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณก็ยังเคยมี และคุณปลัดเองก็เคยมาขอกับเจ้าคุณลุงเหมือนกัน แต่ท่านได้บอกว่าเฉพาะที่ตัวท่านแล้วไม่เคยมีพระเครื่องเลย ถ้าอยากได้ก็ให้ไปขอท่านเจ้าคุณอุดมฯ ซึ่งเป็นผู้สร้าง และท่านยังกำชับอีกด้วยว่า อย่าไปเอาของเขาฟรี ๆ นะ ต้องบริจาคเงินด้วยเพื่อเขาจะได้นำไปสร้างกุศล นี่ก็เป็นเหตุการณ์ตอนหนึ่งที่ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกไม่ยอมให้ญาติพี่น้องหรือลูกหลานของท่านไปรบกวนคนอื่น ๆ
    ในวันรุ่งขึ้นตรงกับวันอาทิตย์ คุณปลัดโกศล พร้อมด้วยภรรยาคือคุณนายจำเนียร ปัทมสุนทร และ พ.อ. วรสนธิ วรเสียงสุขา (เดิมชื่อ พ.อ.สนธิเสียงสุขา) แต่ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโก ท่านได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลให้ใหม่โดยเติม วร เข้าที่หน้าชื่อและนามสกุล ทั้งสามได้นำเอารถส่วนตัวออกเที่ยวตระเวนหาก้อนกรวดจนทั่วท้องที่บางบ่อก็ยังไม่พบเลยสักก้อน จนกระทั่งขับรถจะออกมาทางบริเวณปากทางจะเข้าตัวอำเภอบางบ่อ ซึ่งตรงนั้นใกล้กับสะพานคลองเจ้า (พระองค์เจ้าไชยยานุชิต) จึงพบกองทรายเข้ากองหนึ่ง ทั้งสามจึงจอดรถเข้าไปค้นหาดูก็พบ
    คุณปลัดรู้สึกดีใจมาก จึงเลือกเก็บก้อนกรวดเป็นนาน และได้มาทั้งหมดประมาณ ๒ กำมือ ใส่ถุงพลาสติกเล็ก ๆ ได้ ๓ ถุง จึงนำไปชำระล้างจนสะอาดดี
    รุ่งขึ้นตรงกับวันจันทร์ที่ ๔ มกราคม จึงได้นำก้อนกรวดใส่ภาชนะ คือพาน และมีผ้าขาวปักดอกไม้ต่าง ๆ ปูรองอยู่ใต้พาน นำก้อนกรวดวางไว้จำนวน ๙ ก้อน ซึ่งคุณปลัดได้กะไว้สำหรับครอบครัวพอดี ตามจำนวนที่ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกท่านสั่งไว้ คือของบุตรคุณปลัด ๗ คน และคุณปลัดพร้อมด้วยภรรยาอีกรวมเป็น ๙ คนพอดี
    ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโก ได้ปลุกเสกให้โดยรับไว้ในมือ เสกอยู่นานประมาณ ๑๘ นาที จึงเป็นอันเสร็จพิธี ท่านได้มอบให้กับคุณปลัดโกศล และบอกให้ไปเลี่ยมให้ลูก ๆ ห้อยคอไว้ จะเกิดสิริมงคลอันยิ่งใหญ่ และท่านได้สั่งให้ปลัดโกศลไปนำก้อนกรวดมาอีกท่านจะเสกให้
    รุ่งขึ้นในวันอังคารที่ ๕ มกราคม ๒๕๑๔ คุณปลัดก็ได้สั่งภรรยา คือคุณจำเนียร ปัทมสุนทร (ซึ่งเป็นหลานสะใภ้ของท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโก) ซึ่งคุณจำเนียรได้เดินทางไปพร้อมกับภรรยาของข้าราชการผู้ใหญ่คนหนึ่งแห่งอำเภอบางบ่อ (สำหรับผู้นี้ไม่ประสงค์จะออกนาม ด้วยเกรงว่าจะถูกรบกวน เรื่องปฐวีธาตุ) เพียง ๒ คน เพราะคุณปลัดโกศลไม่ว่างเพราะติดราชการ จึงได้มอบหมายให้ภรรยาจัดการแทน ซึ่งเก็บได้อีก ๑ ถุงพลาสติก และได้นำไปชำระล้างอีกอย่างเคยพร้อมกับนำใส่ถาดพลาสติก และรวมทั้งของที่เก็บไว้เมื่อครั้งก่อนอีก ๓ ถุง รวมเป็น ๔ ถุง จากนั้นจึงได้นำไปให้ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกปลุกเสกอีก
    ภายหลังจากที่ท่านได้ทำวัตรเย็นเสร็จเรียบร้อยและได้รับการชำระแผลจากนายแพทย์ไพบูลย์เป็นที่เรียบร้อย คุณปลัดโกศลจึงได้นำมาให้ท่านช่วยปลุกเสกให้ภายในพระอุโบสถ โตยท่านใช้เวลาบริกรรมปลุกเสกให้อย่างตั้งใจ เป็นเวลาเท่ากับครั้งแรก และครั้งนี้ท่านก็ได้อธิบายให้คุณปลัดโกศลฟังว่า ของดีที่มีคุณค่ามากเรียกว่า พระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุหมายความว่ามีจิตเมตตา ถึงใครจะเหยียบย่ำทำสิ่งใดก็ไม่ว่า ประดุจพ่อแม่ของเราที่รักลูก จะมีแต่ความเมตตากรุณาต่อลูกทุกคน แม้ลูกจะกระทำสิ่งใดผิดก็จะให้อภัยเสมอ ฉะนั้นก้อนกรวดนี้จึงมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก หากจะมอบให้กับใคร ก็จงให้แก่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาเท่านั้น เพราะสิ่งของนี้มีค่ายิ่งกว่าเพชรพลอย และให้ผู้ที่เขารับไป จงนำก้อนกรวดนี้วางไว้ตรงกลางรูปใบโพธิ ส่วนรูปใบโพธินั้นให้เอากระดาษแข็งหรือจะเป็นโลหะ ทองเหลืออง ทองแดง เงินหรือทองคำก็ได้ ให้ตัดเป็นรูปใบโพธิ ให้เขียนเป็นตัวอักขระขอมตัว อุณาโลม ๙ ชั้น อยู่ด้านบน หางตัว อุ ชี้ตรงไปจดปลายใบโพธิ ส่วนใต้ตัว อุลงไปให้เขียนเป็นอักขระภาษาไทยก็ได้ว่า สำหรับใต้ตัว ลงไปก็ให้เขียนชื่อของผู้ที่เป็นเจ้าของก้อนกรวดนั้น พร้อมกับนามสกุลด้วย แล้วจึงนำก้อนกรวดวางลงตรงกลางใบโพธิที่เขียน แล้วนำไปเลี่ยมห้อยคอ จะเกิดสิริมงคลแก่คนห้อย
    สำหรับพระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุท่านได้ย้ำเสมอว่า มีทั้งหมด ๙ คำด้วยกัน พร้อมกันนั้นท่านยังได้นับนิ้วมือให้ดูอีกด้วยดังนี้:-
    ๑. พระ
    ๒. พ่อแม่
    ๓. ธอ
    ๔. ระ
    ๕. ณี
    ๖. ปะ
    ๗. ฐะ
    ๘. วี
    ๙. ธาตุ
    และเป็นที่น่าสังเกตได้ว่า ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโก ท่านชอบทำอะไรต้องลง ๙ เสมอ เช่น การบูชาพระ ท่านชอบบูชาด้วยดอกบัว ๙ ดอก รูปก็ ๙ ดอกเช่นกัน ท่านอาจจะถือเคล็ดการก้าวหน้าเสมอก็เป็นได้ เช่นการบำเพ็ญกุศลต่าง ๆ ของท่าน ท่านจะไม่ละความพยายามที่จะให้เจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไปเสมอ ท่านไม่เคยย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ เลย ถึงแม้ท่านจะได้รับความทุกขเวทนาจากโรคภัย แต่ท่านก็ยังยิ้มเสมอ แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นผู้มีความอดทนอย่างยอดเยี่ยมไม่มีพระภิกษุองค์ใดจะมีความมานะอย่างท่าน
    และเป็นที่น่าแปลกใจยิ่ง ที่ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกรู้สึกกระวนกระวายมาก ที่จะให้คุณปลัดโกศลไปนำก้อนกรวดมาในครั้งนี้ แถมยังกำชับเสียหนักแน่น ไม่ให้ไปเอาจากที่อื่น จำเพาะจะต้องที่อำเภอบางบ่อแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งท่านได้ย้ำอย่างผิดสังเกตมาก แต่ก่อนมีแต่จะถูกผู้อื่นขอร้อง รบกวนให้ปลุกเสกของตลอดมา จนบางครั้งท่านยังตำหนิเอา เช่นเมื่อคราวที่พระมหารูปหนึ่ง ได้นำเหรียญกลมใส่ตะลุ่มแล้วเอาผ้าปิด เพื่อกันผู้อื่นเห็น เข้าไปขอร้องให้ท่านช่วยอธิษฐานให้ในพระอุโบสถ ตอนหลังจากทำวัตรเรียบร้อย ขณะนั้นคุณปลัดโกศลและภรรยา และผู้อื่นอีกหลายท่านอยู่ในที่นั่นด้วย ท่านได้ตำหนิเอาว่า เอ ท่านมหานี้รบกวนจริง ๆ ปลุกเสกไม่รู้จักหมดจักสิ้นกันเสียที บางรายก็จะถูกถามเอาว่า จะปลุกเสกเอาไปเพื่อประโยชน์อะไร ?
    แต่ถ้าเพื่อการกุศลทางศาสนา ดังเช่นที่ท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณ ท่านก็ยินดีที่จะปลุกเสกให้ เพราะท่านเคยพูดไว้ตอนหนึ่ง เมื่อคราวที่ท่านเจ้าคุณอุดมสารโสภณ (สมัยยังเป็นพระครู) ได้นำพระเครื่องใส่พานไปให้ท่านอธิษฐานจิตให้ ท่านได้พูดกับพระมหาองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นพระผู้ใหญ่และอยู่ในที่นั้นด้วยว่า คุณไม่มีความสามารถที่สร้างได้สำเร็จเหมือนพระครูอุดม ฯ เขา ที่ท่านพูดดังนี้ เพราะพระมหารูปนี้ได้เคยไปขอร้องให้ท่านปลุกเสกของให้ และมหารูปนี้ปัจจุบันก็ยังอยู่ แต่ผู้เขียนจะไม่ขอออกชื่อ ท่านยังบ่นอีกว่า แหม พวกคุณนี่รบกวนกระทั่งคนเจ็บคนป่วย แต่ถ้ามีผู้ใดจะให้ปลุกเสกของเพื่อนำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาหรือสาธารณประโยชน์ ท่านจะไม่ปริปากบ่นเลย สำหรับผู้ต้องการจะหาประโยชน์ใส่ตน ต้องถูกท่านไล่ให้กลับไปอย่างไม่ไว้หน้า ฉะนั้นพระที่ต้องการจะสร้างพระไปให้ท่านอธิษฐานจิตให้ เมื่อรู้ดังนี้จึงไม่ค่อยมีใครที่จะเข้าใกล้ท่าน เพราะท่านเองก็ไม่เคยจัดสร้างพระเครื่องเลย ไม่เหมือนกับคณาจารย์อื่น ๆ
    โดยปรกติท่านก็ไม่เคยมีพระเครื่องไว้แจกผู้อื่นเลย แม้แต่ญาติพี่น้องหรือลูกหลานของท่าน ท่านก็ไม่มีให้ซึ่งเราก็ย่อมรู้ได้ว่าท่านเป็นพระที่ไม่ยอมสร้างสมอะไรทั้งสิ้นไม่ บางท่านได้ทราบมาว่าท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกเคยแจกพระเครื่องเป็นรูปเหรียญด้านข้างรูปไข่ เรื่องนี้ผู้เขียนขอค้าน เพราะท่านไม่เคยมีเหรียญไว้แจกเลย อาจจะเป็นการเข้าใจผิดก็ได้ ผู้เขียนต้องขออภัยด้วย และยังมีบางท่านว่าท่านได้มอบพระเครื่องไว้ให้โดยล้วงออกมาจากในย่ามตอนลงพระอุโบสถ และลงใบหนังสือพิมพ์เสียด้วย แต่ผู้เขียนมาคิดดูและไตร่ตรองอยู่เป็นนานก็คิดไม่ตกว่าจะเป็นจริง เพราะตามธรรมดาผู้เขียนไม่เคยเห็นท่านถือย่ามเลย แม้แต่รูปถ่ายท่านก็ไม่เคยถือย่าม ดังนั้นเหตุใดท่านจะถือย่ามลงทำวัตร แม้แต่พระที่มีกิจธุระเวลาทำวัตร ท่านก็ยังไม่ถือย่ามเข้าพระอุโบสถ นอกจากพระคณาจารย์ที่มาจากที่อื่น โดยได้รับการนิมนต์มานั่งปรกท่านจึงจะถือมา ดังนั้นผู้ที่ว่าท่านได้ล้วงย่ามนำพระออกมาแจก ผู้เขียนเข้าใจคงมีการเข้าใจกันผิดก็เป็นได้
    แต่ว่าในกรณีที่ท่านได้สั่งปลัดโกศลหลานท่านให้รีบไปนำก้อนกรวดมาให้ แล้วท่านก็ยังติดตามผลที่ท่านสั่งเสมอ เหมือนกับว่าท่านยังมีห่วงกังวลอะไรสักอย่าง ตั้งแต่ท่านได้ปลุกเสกพระเครื่องตลอดมา ท่านไม่เคยได้พูดอวดอ้างสรรพคุณของที่ท่านปลุกเสกให้ แต่มาคราวนี้ท่านก็ได้อธิบายให้หลานชายท่าน คือ ปลัดโกศลฟัง จะว่าเป็นการอวดอ้างของท่านเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ เป็นของชิ้นแรกที่ท่านได้ให้หลานชายท่านนำมาและเป็นของสิ่งแรกที่ท่านได้ประคองปลุกเสกโดยหันหน้าเข้าหาสิ่งของนั้น แต่.........อะไรจะไม่ตื่นเต้นเท่ากับท่านได้พูดว่า ก้อนกรวดนี้ขลังมาก สามารถที่จะคุ้มครองป้องกันนิวเคลียร์ได้อีกด้วยและยังป้องกันไฟได้อีกเช่นกัน พร้อมทั้งยกนิ้วชี้ขึ้นกระดกสำทับอย่างกลัวจะไม่เชื่อ
    เมื่อท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกปลุกเสกก้อนกรวดเสร็จในตอนเย็นของวันอังคารที่ ๕ มกราคม ๒๕๑๔ แล้วท่านก็ได้มอบก้อนกรวดที่ปลุกเสกทั้งหมดแก่คุณปลัดโกศล ขณะนั้นลูกศิษย์ลูกหาที่เฝ้าดูท่านเจ้าคุณธมมฺวิตกฺโกอยู่ในพระอุโบสถที่มีจิตศรัทธาในตัวพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกต่างก็ลุกฮือเข้ามารุมล้อมขอของดีจากคุณปลัดโกศลกันยกใหญ่ ซึ่งปลัดโกศลก็ได้แจกแก่ผู้ที่เข้ามารุมล้อมโดยทั่วหน้ากันทุกคน ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกเห็นดังนั้น จึงบอกแก่ปลัดโกศลให้ไปเอาก้อนกรวดมาอีก ท่านยินดีที่จะเสกให้
    รุ่งขึ้นตรงกับวันพุธ ที่ ๖ มกรากม ๒๕๑๔ คุณปลัดโกศลติดราชการ จึงได้มอบหมายให้คุณจำเนียรซึ่งเป็นภรรยาไปเก็บก้อนกรวดแทนอีกเช่นเคย ในครั้งนี้ก็ได้มีผู้ที่ได้ร่วมสมทบไปอีก รวม ๔ ท่านด้วยกัน เท่าที่จำได้ก็คือ คุณจำเนียร ปัทมสุนทร พ.ต.ไพบูลย์ บุษปะธำรง และนายทหารยศร้อยเอกซึ่งเป็นนายแพทย์ทหารบกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าทั้งสองท่าน พร้อมกับผู้สมทบติดตามไปอีก ๑ ท่านแต่จำชื่อไม่ได้ จากนั้นทั้ง ๔ ท่าน จึงขับรถมุ่งไปยังท้องที่อำเภอบางบ่อ . โดยเก็บจากสถานที่จุดเดิมนั่นเอง เหมือนกับจะมีอะไรมาดลจิตใจทำให้แต่ละคนที่ไปด้วยกันต่างก็พยายามจะหาก้อนกรวดให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะว่าคงจะไม่มีโอกาสดีเช่นนี้อีกแล้ว ดังนั้นทั้ง ๔ ท่านจึงได้ขอยืมตะแกรงร่อนจากคนงานที่นั่นมาช่วยกันร่อนเอาทรายออก เหลือนอกนั้นจึงคัดเอาก้อนกรวดที่งาม ๆ เท่าที่จะหาได้ เมื่อถึงตอนนี้อดที่จะรู้สึกขำไม่ได้ เมื่อนึกถึงภาพคนที่แต่งตัวดี ๆ มียศเป็นนายทหาร แต่ไปยืนถือตะแกรงร่อนทราย เหมือนกับจะหาสิ่งของที่ทำตกอย่างนั้นแหละ ถ้าผู้ที่ขับรถผ่านไปมาพบเห็นเข้า และรู้ว่าที่มาร่วมกันเพื่อต้องการแต่เพียงก้อนกรวด เขาก็จะคิดว่าพวกนี้คงจะเป็นพวกนักวิทยาศาสตร์ คงจะมาค้นคว้าอะไรสักอย่างเป็นแน่ และคงจะเป็นที่สงสัยแก่ชาวบ้านในย่านนั้นและผู้ที่สัญจรผ่านไปมา มีบางคนสงสัยมากถึงกับเข้าไปถามก็มี และก็ได้รับคำตอบจากคุณนายจำเนียร ปัทมสุนทรไปว่า ท่านให้มาเก็บซึ่งคุณจำเนียรก็อดที่จะสงสารคนที่สงสัยไม่ได้ เพราะคำตอบที่ได้รับคนฟังย่อมไม่รู้เรื่อง ก็ได้แต่ดูเขาเก็บเพชรพลอยกันโดยมิได้เสียดายแม้แต่น้อย
    เมื่อเก็บได้จนเป็นที่พอใจแล้วจึงได้พากันกลับ พ.ต.ไพบูลย์ บุษปะธำรง แยกส่วนที่เลือกมาได้ไว้เป็นของแต่ละคน โดยหวังที่จะให้ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกปลุกเสกให้ ส่วนคุณนายจำเนียร ปัทมะสุนทร พอถึงบ้านก็จัดเตรียมชำระล้างก้อนกรวดเป็นอย่างดี
    พอวันรุ่งขึ้นตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๗ มกราคม ๒๕๑๔ โดยคุณปลัดโกศลก็ได้เตรียมก้อนกรวด แต่คราวนี้ไม่กล้าจะนำไปมาก เพราะเกรงว่าท่านเจ้าคุณลุงจะหนักด้วยเหตุท่านต้องยกไว้ในอุ้งมือตลอดเวลาในการบริกรรม ปลุกเสกสำหรับก้อนกรวดนั้นคุณปลัดโกศลได้จัดไว้ในถุงพลาสติกและใส่ไว้ในถาดเหมือนอย่างเดิม และถุงนี้เองที่เป็นถุงสุดท้ายที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกได้พยายามนั่งบริกรรมปลุกเสกให้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะมรณภาพ เมื่อปลุกเสกเสร็จท่านก็ปรารภว่า วันนี้รู้สึกไม่ค่อยสบาย เหนื่อยเหลือเกินนั่นคือเสียงสุดท้ายที่ท่านเปล่งไว้ในโบสถ์ แล้วท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกก็รีบรุดกลับกุฏิท่านทันที นี่คือการปลุกเสกก้อนกรวดหรือเพชรพลอยของท่านเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ โดยไม่มีใครได้เฉลียวใจในคำพูดของท่านเลย ทั้ง ๆ ที่วันนั้นก็มีหลายท่านนั่งร่วมอยู่ในพระอุโบสถด้วย
    สำหรับเรื่องปฐวีธาตุนี้คุณปลัดโกศลเป็นคนรอบคอบมาก เพราะเรื่องปฐวีธาตุเป็นเรื่องใหญ่ในปัจจุบันนี้ และเป็นการยากที่จะดูให้รู้ได้ เพราะก็เหมือนก้อนกรวดธรรมดานั่นเอง ครั้นจะใช้วิธีดูทางในก็เป็นของลึกลับ เดี๋ยวจะพบแบบที่เขาพบกันเมื่อปี พ.ศ..๒๕๐๘ ที่เขาเรียกกันว่า ยำใหญ่ ฉะนั้นคุณปลัดโกศลจึงได้ทำบัญชีหรือที่เรียกกันว่า การขึ้นทะเบียนนั่นเอง เพราะผู้ที่ได้รับไปคุณปลัดโกศลได้จดรายชื่อ นามสกุล ไว้หมด จดแม้กระทั่งของที่ได้รับไปจำนวนเท่าไหร่ วันไหน ซึ่งดูก็รู้ว่าคุณปลัดเป็นบุคคลที่รอบคอบดีจริง แต่รายชื่อนั้นถ้าใครสงสัยว่าจะได้รับของแท้หรือไม่ก็ลองโทรไปถามคุณปลัดโกศลหรือคุณนายจำเนียร ปัทมสุนทรดูก็ได้ หรือถ้าเป็นการรบกวน ก็โทรไปที่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ก็ได้ แต่ผู้เขียนไม่สามารถที่จะนำรายชื่อของผู้ได้รับมาลงได้ เพราะเจ้าของที่ได้รับปฐวีธาตุบอกว่ากลัวจะมีคนไปรบกวน จึงขอสงวนนาม และเคยมีหลายท่านถามผู้เขียนว่า ปฐวีธาตุนั้นมีจริงเท่าไหร่กันแน่ ผู้เขียนก็ได้เรียนถามไปทางคุณปลัดโกศลดูแล้ว ก็ได้ทราบว่า ปัจจุบันนี้ คุณปลัดมีเหลือทั้งหมดจำนวน ๑ ถุง จะคำนวณออกมาก็หลายร้อยก้อน เพราะเมื่อคราวที่มอบให้ พ.ต.ไพบูลย์ บุษปะธำรง คราวที่เสร็จพิธีครั้งสุดท้าย โดย พ.ต.ไพบูลย์ได้ใช้มือกำมาจากในถาด ๑ กำ เมื่อนับดูได้จำนวน ๕๓ ก้อน ซึ่งถ้าเรามาคำนวณกันจริง คุณปลัดโกศล ปัทมสุนทร ก็ให้ภรรยาไปเก็บมาก็หลายครั้งด้วยกัน ฉะนั้นรวมแล้วก็จำนวนมากพอดู
    และคุณปลัดโกศล พร้อมด้วยภรรยา คุณนายจำเนียร ปัทมสุนทร ก็เป็นผู้มีจิตเป็นมหากุศล คือมีผู้ที่มารับปฐวีธาตุจากคุณทั้งสองและช่วยทำบุญอุทิศ ไปถึงท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกด้วย คุณปลัดโกศล และภรรยาก็ได้นำเงินไปร่วมการกุศลกับท่านเจ้าคุณพระอุดมสารโสภณ รวมทั้งสิ้นก็หลายครั้งด้วยกัน เป็นเงินประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาทเศษ ดังนั้น เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๑๕ ซึ่งเป็นวันเปิดป้ายโรงเรียน นวมราชานุสรณ์นครนายก คุณปลัดโกศล พร้อมด้วยคุณนายจำเนียร ปัทมสุนทร จึงได้มีโอกาสเข้าเฝ้ารับพระราชทานเข็มทองคำ จากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นเกียรติแก่คุณปลัดโกศล และคุณนายจำเนียร และสกุลปัทมสุนทรเป็นอย่างสูงยิ่ง และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นที่ยิ่ง
    นี้คือผลแห่งการกระทำความดีของบุคคลในครอบครัว จึงได้รับผลของการกระทำในครั้งนี้ สมดังที่ท่านเจ้าคุณธมฺมวิตกฺโกซึ่งเป็นหลวงลุงของบุคคลทั้งสอง ได้สอนไว้เสมอและไม่ว่าใครก็ตามที่ไปพบและนมัสการท่าน ท่านจะสอนเสมอว่า จงทำแต่กรรมดีนะสำหรับผู้ที่ได้รับปฐวีธาตุครั้งหลัง คุณนายจำเนียร ปัทมสุนทร ได้ห่อใส่ผ้าไนล่อนบางตาเม็ดพริกไทยสีเขียวใบไม้ ผูกด้วยไหมญี่ปุ่น สีเหลืองสวยงามน่ารักมาก คุณนายจำเนียร ปัทมสุนทร ได้เล่าว่า เขียวเหลือง นั้นเป็นสัญลักษณ์ของวัดเทพศิรินทราวาส ซึ่งเจ้าคุณลุงได้กล่าวไว้
    [​IMG]
     
  19. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181

    อนุโมทนากับคุณckj_tongด้วยครับ นอกจากจะได้ร่วมบุญถวายปัจจัยสร้างวัดแล้ว ยังได้สร้างบารมีมอบสิ่งมงคลศักดิ์สิทธิ์ที่หวงแหนมามอบให้ผู้ที่จะได้ร่วมทำบุญอีก สะพานบุญต่อสะพานบุญก็จะได้ทอดยาวไปไม่สิ้นสุด จวบจนจะถึงซึ่งแดนพระนิพพาน
    เท่าที่ได้สังเกตุ หลายท่านที่ได้โน้มมาสู่สายธรรม เมื่อได้เจอกันมักเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยกัน ไม่เหมือนเป็นคนแปลกหน้าทั้งที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่แตกต่างกับการที่เราได้เจอกับผู้อื่นที่ไม่รู้จัก และผมเชื่อว่าผู้อยู่ในสายธรรมเดียวกันยังมีอีกมาก เพียงแต่วาระเวลาเท่านั้น
    ท่านที่มีความรู้สึกภายในว่าเรามีจุดร่วม หรือเป็นส่วนหนึ่งในสายธรรม อย่าได้ให้ความลังเลสงสัยมาเป็นเครื่องกั้นขวางการสร้างบุญ สร้างบารมีของท่านอยู่เลย เวลาในชีวิตของเรามีไม่มาก ภาวะของโลกปัจจุบันนับวันก็ล่อแหลมต่อการดำรงอยู่ ไม่สร้างเสียแต่ชาตินี้ หากพลาดพลั้งไปในภพชาติต่อไปไม่อยู่ในสถานะ ภพภูมิที่เหมาะแก่การปฏิบัติบำเพ็ญ ก็คงต้องอยู่กับวัฏฏะสงสารอีกยาวนานไม่รู้จะไปสิ้นสุดเมื่อใด ในยุกาลศาสนาพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลพระองค์ใด

    ขออนุโมทนากับท่านที่ได้ระลึกรู้ตัวแล้ว ระลึก
    รู้ความเป็นจริงแล้ว ระลึกในธรรมแล้วทุกท่าน
    ในวันหนึ่งเมื่อวาระเวลามาถึงเราคงได้สร้างบารมีร่วมกันอีก
    บนเนื้อนาบุญแห่ง ภูดานไห

    ขอเจริญในธรรมทุกท่านครับ


    ภูเบศวร์
     
  20. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157

    ขออนุโมทนาในบุญที่ท่านได้กระทำแล้วทุกประการครับ พรุ่งนี้วันจันทร์ผมจะส่งพระไปให้ท่านนะครับ ขอให้ท่านจงมีแต่ความสุขความเจริญ สว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรมจนกว่าจะเข้าพระนิพพานเทอญ


    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
     

แชร์หน้านี้

Loading...