สัมมาสมาธิ แตกต่างกับ สมาธิทั่วไปอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 6 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เก่ง สมแล้วที่เป็นศิษย์เทวทัต ใช้ได้ เยี่ยมๆ
     
  2. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    พูดแบบนักภาวนา สังเกตุ ตรงอารมณ์กระทบครับ

    อย่างชีวิตประจำวัน ตาเห็น มันไม่เห็นปล่าว มันมีอยากดู ยินดี พอใจด้วย

    ผมถามกลับว่า ตัณหาสร้างปัจจัย หรือ ปัจจัยสร้างตัณหา
     
  3. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80


    อนุโมทนาครับ
     
  4. วันเบาๆ

    วันเบาๆ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2012
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +2
    555+

    ตามคุณลุง ตามนั้นครับ
     
  5. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ปัจจัยสร้างตัณหาคืออะไรหรือครับเจ็หลง:cool:
     
  6. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    เห็นวนอยู่ในเรื่องตัณหา และปัจจัย

    ให้นึกถึงภาพวงกลมครับ จิ้มไปตรงไหน ตรงนั้นคือตัณหา

    แล้วลากเส้นจุดเริ่มไปตรงๆ มันก็จะกับมาเจอตัณหาอยู่ดี

    เข้าใจไหมครับ ^^
     
  7. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    (เขาหิวครั้งใด) ฉันเดินเข้าครัว

    (เขาหิวเขาทำ) ฉันนั้นทำเอง

    (เขาหิวเขาทำ) ทำเป็นอย่างเดียว

    ไข่เจียวนั้นง่ายทำบ่อย

    (แค่เพียงน้ำมันวางลงบนเตารอไฟให้ร้อน)

    เหลืองไข่เหลืองและหอมกรุ่น

    ฟู...ฟู ดูน่ากิน

    จบ ไหม จบ :cool:
     
  8. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    อืม ขี้เกียจคุยแล้วเหมือนกัน เน็ตไม่ดี แต่รู้อย่างหนึ่ง อาหลงนักภาวนาที่ยังไม่รู้จัก จิตรู้เฉย:cool:
     
  9. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    รู้แบบไหนล่ะครับ รู้แบบแช่ตัวรู้

    หรือรู้ จากปัญญา จนเฉยต่อรูปนาม เป็นอุเบกขา

    ลองอธิบายหน่อยสิ จะได้เข้าใจ
     
  10. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    เห็นตัณหาเป็นเหตุก็รู้แล้วละครับว่าอยู่ตรงไหน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2012
  11. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    ตกลงตัณหาอยู่ตรงไหนหรือครับ ^^
     
  12. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า เครื่องนำไปสู่ภพ เครื่องนำไปสู่ภพ ดังนี้ ก็เครื่องนำไปสู่ภพเป็นอย่างไรเล่า พระเจ้า ข้า และความดับไม่เหลือของเครื่องนำไปสู่ภพ นั้น เป็นอย่างไรเล่า พระเจ้า ข้า....................ราธะ ฉันทะ ก็ดี ราคะ ก็ดี นันทิ(ความเพลิน)ก็ดี ตัณหาก็ดี และ อุปายะ(กิเลสเป็นเหตุสู่ภพ) และ อุปาทานอันเป็นเครื่อง ตั้งทับ เครื่องเข้าไปอาศัย และเครื่อง นอนเนื่องแห่ง จิตก็ดี ใดใด ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาน กิเลสเหล่านี้เรียกว่า เครื่องนำไปสู่ภพ ความดับไม่เหลือ ของเครื่องนำไปสู่ภพมีได้ เพราะความดับไม่เหลือของกิเลส มีฉันทะ ราคะ เป็นต้นเหล่า นั้นเอง--ขนธ.17/233/368:cool:
     
  13. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย อาหารสี่อย่างเหล่านี้มีอยู่ เพื่อ ความตั้งอยู่ได้ของสัตว์ ผู้เกิดแล้วบ้าง เพื่ออนุเคราะห์สัตว์ผู้แสวงหา ที่เกิด(สัมภเวสี) บ้าง อาหารสี่อย่าง อะไรเล่า? อาหารที่หนึ่ง คือ คำข้าว หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม อาหารที่สองคือ ผัสสะ อาหารที่สามคือ มโนสัญเจตนา(มโนกรรม) อาหารที่สี่คือ วิญญาน ภิกษุทั้งหลาย อาหารสี่อย่างเหล่านี้แล มีอยู่ เพื่อ ความตั้งอยู่ได้ของสัตวืผู้เกิดแล้วบ้าง เพื่ออนุเคราะห์สัตว์ผู้กำลังแสวงหาที่เกิด บ้าง....ภิกษุทั้งหลาย ก็อาหารสี่อย่างเหล่านี้ มีอะไรเป็นเหตุให้เกิด....มีอะไรเป็นเครื่องก่อให้เกิด........มีอะไรเป็นเครื่องกำเนิด............และมีอะไรเป็นแดนเกิด ภิกษุทั้งหลาย อาหารสี่อย่างเหล่านี้ ตัณหาเป็นเหตุให้เกิด มีตัณหาเป็นเครื่องก่อให้เกิด มีตัณหาเป็นเครื่องกำเนิด และมีตัณหาเป็นแดนเกิดแล--นิทาน.สํ.16/14/28-29:cool:
     
  14. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ " เพราะ อาศัย ซึ่ง จักษุ ด้วย ซึ่งรูปทั้งหลายด้วย จึงเกิดจักขุวิญญาน การประจวบพร้อมแห่งธรรมทั้งสาม (จักขุ+รูป+จักขุวิญญาน) นั้นคือ ผัสสะ เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัยจึงมี อุปาทาน เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ เพราะมีชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะทุกขโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน ความเกิด ขึ้นแห่งกองทุกข์ ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้( ในกรณี แห่ง โสต ฆานะ ชิวหา กาย และมโน ก็ตรัสไว้ในกรณีเดียวกับ จักขุ) ..............อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส):cool:
     
  15. <Q>

    <Q> Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,907
    ค่าพลัง:
    +80
    จัดไป......

    ขอบคุณนะครับ
     
  16. แปะแปะ

    แปะแปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    780
    ค่าพลัง:
    +128
    กรรม มีส่วนให้เกิดปาฏิหาริย์ต่างๆ นั้น ปาฏิหาริย์ ในที่นี้ คือ อิทธิปาฏิหาริย์
    คำว่า ไทยเรานำเอาคำสันสกฤตว่า ฤทธิ มาเป็นคำแปล ซึ่งมีความหมายครอบคลุม
    ถึงการทำอัศจรรย์ต่างๆ ที่เหนือวิสัยที่คนสามัญจะทำได้ อาทิ การเหาะ การหายตัว
    การทำของน้อยให้เป็นของมาก การทำของใหญ่ให้เป็นของเล็ก
    การทำอย่างนี้ได้ต้องอาศัยสัมมาสมาธิ (ฌานขั้นที่๔) เป็นบาทคือคุณธรรมรองรับ

    มิฉะนั้นก็ไม่สามารถทำฤทธิ์ดังกล่าวให้เกิดขึ้นได้การทำสัมมาสมาธิให้เกิดขึ้นนั้น
    เป็นการทำกุศลหรือบุญอย่างหนึ่งที่เรียกว่า ภาวนา การทำภาวนานี้ก็จัดเป็นกุศลธรรมในตัวเอง
    ที่ทำกุศลกรรมให้เกิดขึ้น เพื่อละอกุศลธรรมที่เป็นฝ่ายตรงข้าม และเป็นกุสลธรรมที่มีกุศลธรรม
    อย่างอื่นสนับสนุนเช่น การให้ทานและการรักษาศีล เป็นต้น

    ดังนั้น กุศลกรรมจึงเป็นส่วนสนับสนุนสำคัญให้เกิดอิทธิปาฏิหาริย์
    ในอรูปฌานอันเป็นฌานที่สูงขึ้นไปก็ไม่สามารถที่จะทำปาฏิหาริย์ในที่นั้นๆได้
    เหตุเพราะว่าท่านเหล่านั้นไม่มีรูปคงมีแต่นามนั่นเอง
    ก็ผู้ที่จะทำปาฏิหาริย์เหล่านั้นได้ต้องเป็นผู้ที่ได้ฌานที่ ๘ หรือ ๙ อย่างคล่องแคล่วมาแล้วนั้นนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2012
  17. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    มีข้อสังเกตุว่า

    พระเทวทัต สามารถเหาะได้ แปลงกายได้
    หลังจากได้ฟังธรรมพระพุทธเจ้า แล้วสำเร็จอภิญญาโลกียะ

    ลองดูว่า พระเทวทัต จะมีสัมมาสมาธิหรือไม่

    การจะมีสัมมาสมาธิ ก็ต้องมีสัมมาสติมาก่อน
    และยังต้องมี สัมมาทิฏฐิเป็นประธานอีกตะหาก
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อย่างนี้สิ ลูกศิษย์พระพุทธองค์ รู้จักมีโยนิโสมนสิการได้ถูกต้อง เป็นอรรถเป็นธรรม
     
  19. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ในฌานที่ ๔ คือ จตุกนัย หรือ ปัญจมนัย ที่เป็นโลกียะนั้น สัมมาสมาธิ จะเด่นชัดกว่า
    สัมมาสติ สัมมาทิฏฐิ ก็เกิดร่วมด้วย แม้องค์มรรค ๕ (เว้น สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาชีวะ)
    ก็ไม่เคยตกหล่น เพียงแต่ไม่เกิดพร้อมกันเท่านั้นเอง
    ถ้าหากสัมมาทิฏฐิเป็นประธานก็จะน้อมไปหา วิปัสสนาปัญญา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กุมภาพันธ์ 2012
  20. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    มีข้อสังเกตุอย่างหนึ่ง

    ทำไมในพระไตรจึงกล่าวว่า

    พระโสดาบันมีปฐมฌานเป็นบาทฐาน

    จริงๆก็ว่าจะชวนคิดสร้างการขบคิดซักหน่อยไปถึง ที่ในตำรากล่าวว่า
    พระอรหันต์ มีจตุถฌาน(ฌานที่4 ในสัมมาสมาธิ)เป็นบาทฐาน
    ตรงนี้ก็ต่างกันมากแล้ว ในฌาน 4(โลกียะ)ที่เป็นบาทฐานอภิญญา

    แต่เอาไว้ก่อน ไปธุระก่อนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...