พระเกษม ในเจาะข่าวเด่นสรยุทธ์

ดูนะคนเรายึดต่างกัน บางทีเราก็ยึดอยู่นะ ยึดว่าแบบนี้มันผิด ยึดว่ามันถูกแต่มันต้องมองแบบแยบคายจริงๆซึ่งสมัยนี้เราจะหาสิ่งนั้นมันยากจริงนอกจากตัวเราเอง แต่ก่อนน่ะใช่พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้เรายึดในพระพุทธรูปเพราะยังมีพระองค์อยู่ ปัจจุบันก็มี แต่คนจะนึกไม่ออก แต่เดี๋ยวนี้ทำไม คนยึดติดในพระคือ เข้าใจมั้ยว่าติดแต่ไม่ได้นำมาส่องทางให้ตัวเอง จะไปติดกันทำไมไว้เพื่ออะไรอย่างที่พระท่านว่า ขอฝากไว้กับคำๆนี้ พูดน้อยเสียน้อย พูดมากเสียมาก ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสียโพธิสัตว์ เหอๆ ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองจะติดอยู่กับตัวตนอยู่อีก

 

ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์



เรื่องของสงฆ์คณะสงฆ์จะตัดสินเองครับ

 

ถ้าท่านคิดว่าท่านแน่ว่าท่านหลุดพ้นจากการติดยึดได้แล้ว แม้แต่พระพุทธรูปที่เป็นองค์พระปฏิมากรณ์ให้ระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระบริสุทธิคุณท่านยังไม่ยึด แล้วท่านมายึดถือการโกนผมอยู่ทำไม เอาผ้าเหลืองมาห่มอยู่ทำไมละท่าน

 

ว่าจาแบบนี้ ยังไม่รู้จัวอีกหรอว่าใครที่จะได้รับกรรม

 

ท่านรู้สึก อย่างไร เมื่อเห็น พระเกษม หรือ ไอ้สัตว์นรกเษม

และเหล่าสาวก ที่เทิดทูนมัน กระทำการเช่นนี้
ก็ คิดดูละักัน

 

ผมไม่ได้นับถือพระที่ไหนหรอก ถ้าจะนับถือก็นับถือเพียงคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ผมหวังว่าสักวันคุณจะตัดกิเลศและสามารถสนทนากันด้วยปัญญาได้

 

นับถือไปได้ยังไง ดูไอ้เษม มันพูดสิ เลวววว

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=LH-CRBsTxvM&feature=related]ให้หลวงตาบัวหาเงินเข้าคลัง..บาปมาก - YouTube[/ame]

 

สนทนาด้วยปัญญาหมายถึงไม่ใช่อารมณ์แบบที่คุณกำลังเป็นอยู่
แต่คิดว่าตอนนี้คงยังไม่ถึงเวลานั้นเพราะฉะนั้นผมขอไม่สนทนาด้วยละกัน

 

หลวงพ่ิอเกษมท่านไม่ให้ยึดติดในวัตถุ แต่ท่านกลับติดในวัตถุเสียเอง ท่านนี่แหละเป็นวัตถุนิยมแท้ เพราะท่านไม่เคยมองที่เจตนาเลย เวลาที่ท่านเพ่งโทษใครท่านเอาผลมาตัดสิน ท่านไม่ได้เอาเจตนามาตัดสิน ท่านเอาผลของการกระทำมาตัดสินโดยใช้ตัวอัีกษร ท่านจึงมีความคิดวัตถุนิยมแม้ท่านจะปฏิเสธวัตถุก็ตาม

พระพุทธเจ้าตรัสถึงหลักจริงๆของศาสนาพุทธว่า ละชั่ว ทำดี ทำใจให้บริสุทธิ์ แค่นี้แหละครับ การทำลายพระพุทธรูป ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ คนที่ไม่กราบด้วยความงมงาย กราบด้วยปัญญามีอยู่ บางครั้งการได้พบเห็นพระพุทธรูปก็ทำให้เรามีสติได้ เป็นเครื่องเรียกสติ เรียกปัญญา เหมือนรูปถ่ายของพ่อ แม่ ที่สร้างกำลังใจให้แก่ลูก เช่นกัน บางครั้งการได้พบเห็นพระพุทธรูปก็ทำให้เรามีกำลังใจในการปฏิบัติธรรมได้ การกระทำของท่านก็ไม่ต่างจาก ตาลีบัน ทำลายพระพุทธรูปแกะสลักที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่นแหละครับ อันนั้นเป็นการกระทำของคนนอกศาสนานะ

ผมไม่ได้ว่าหลวงพ่อเกษมไม่ดีนะครับ ผมพูดถึงการกระทำของท่าน ผมเพียงไม่เห็นด้วยกับความสุดโต่งของท่านในบางอย่าง ผมไม่ทราบเจตนาของท่านถ้าเจตนาท่านดี ผู้ที่นับถือท่านจะตำหนิผม ผมก็ยอมรับ เพราะผมไม่รู้จริงๆถึงเจตนาของท่าน ผมตัดสินเอาแต่ผลของการกระทำของท่าน ก็เหมือนที่ท่านไม่รู้เจตนาของพระเถระผู้ใหญ่ พุทธศาสนิกชน แล้วตัดสินเอาเฉพาะผลของการกระทำ เ่ช่นกัน

 

ผมว่าคุณกำลังเข้าใจผิดนะ ผมไม่ใช่คนที่คุณเคยคุยด้วยหรอก ผมสมัครสมาชิกเมื่อปีที่แล้ว
แต่ก็ไม่ค่อยได้เข้ามาพึ่งจะมาบ่อย ๆ ก็เดือนมกราคมนี่เอง คุณมาสรุปว่าผมเป็นอย่างนั้น
อย่างนี้แล้วกล่าววาจาด่าท่อได้อย่างไร ผมถึงได้บอกให้สนทนากันด้วยปัญญายังไงละ

 

ใครอยากรู้ว่า Goldtop คือใคร ผมสืบทางลับมาให้แล้วนะ รูปก็มีนะ หากินกับวัตถุมงคลของขลัง
เขาคือ กิติภพ มหัทธนะรัตน์ บ้านเลขที่5 ถนนวัดกลาง ซ.1 ต.ปากน้ำ อ.เมือง
จ.สมุทรปราการ 10270 โทร.097-7799522

 

น่าจะไปตั้ง ลัทธิใหม่ได้แล้วนะ ดูแล้วอนาถใจดีแท้ ไม่เชื่อเค้าก็หาว่างมงายอีก ของจิงต้องนิ่งใบ้ แต่พวกที่ชอบโชว์ว่ากูเจ่งนี่สิปลอมทั้งนั้น ขนาดนี้ยังไม่รู้ตัวเองอีก

 

คนเราที่ไม่รู้ความจริงแท้ ย่อมมีความเห็นแตกต่างกันและทะเลาะวิวาททุ่มเถียงกัน มีคนประเภทใดบ้างที่ไม่ทุ่มเถียงกับใคร ๆ ?

พุทธดำรัส ตอบ “อัคคิเวสสนะ เวทนา ๓ อย่างนี้คือ สุขเวทนา ๑ ทุกขเวทนา ๑ อทุกขมสุขเวทนา ๑ อัคคิเวสสนะ สมัยใดได้เสวยสุขเวทนาในสมัยนั้นไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้น ในสมัยใดได้เสวยทุกขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยไม่ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา เท่านั้น ในสมัยใดได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา
“อัคคิเวสสนะ สุขเวทนา...... ทุกขเวทนา....... อทุกขมสุขเวทนา.....ไม่เที่ยงอันปัจจัยปรุงแต่งขึ้นอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไป เสื่อมไป คล้ายไปดับไปเป็นธรรมดา
“อัคคิเวสสนะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมหน่ายทั้งใน ทั้งสุขเวทนา ทั้งทุกขเวทนา ทั้งอทุกขมสุขเวทนา เมื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดย่อมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ ว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี อัคคิเวสสนะ ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล ย่อมไม่วิวาทแก่งแย่งกับใคร ๆ โวหารใดที่ชาวโลกพูดกันก็พูดไปตามโวหารนั้น แต่ไม่ยึดมั่นด้วยทิฐิ”

ทีฆมขสูตร ม. ม. (๒๗๓)
ตบ. ๑๓ : ๒๖๗-๒๖๘ ตท.๑๓ : ๒๒๖-๒๒๗
ตอ. MLS. II : ๑๗๙-๑๘๐

 

คนชนิดไหนเป็นคนที่เราควรเฉยเสีย ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้ ?

พุทธดำรัส ตอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนเจ้าโทสะ มากด้วยความแค้นใจ แม้ถูกว่าแม้เพียงเล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคือง พยาบาท...แสดงความโกรธ ความขัดเคือง และความโทมนัสให้ปรากฏเปรียบเหมือนแผลเก่า ถูกไม้หรือกระเบื้องกระทบเข้าย่อมให้สิ่งหมักหมมกระจัดกระจายมากมาย.... เปรียบเหมือนถ่านไม้มะพลับ ถูกไม้หรือกระเบื้องกระทบเข้า ย่อมแตกเสียงดังจิจิ...เปรียบเหมือนหลุมอุจจาระ ถูกไม้หรือกระเบื้องกระทบเข้า ย่อมส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งขึ้น... บุคคลเช่นนี้ ควรวางเฉย ไม่ควรคบ เพราะเหตุไร ? เพราะเขาถึงด่าบ้าง บริภาษบ้าง ทำความเสียหายให้เราบ้าง....”

ชิคุจฉสูตร ติก. อํ. (๔๖๖)
ตบ. ๒๐ : ๑๕๘-๑๕๙ ตท. ๒๐ : ๑๔๓
ตอ. G.S. ๑ : ๑๐๙

 

เว็บนี้มีนักสืบด้วย

 

อย่าเอาสันดานตัวเองมาวัด หากินกับวัตถุมงคล 5555555 จะได้เป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งในข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคล รับรองว่าไม่ยอมความแน่เต็มที่เลย จัดมา เป็นคดีอาญาซะด้วย อิอิ สงสัยอยากตามไอ้เกษมไปนอนในคุกด้วยกัน หากไม่ยากหรอกนะ IP น่ะ แต่ยังอยากลากเอาพวกเหี้ยมาให้คนรู้กันก่อน รอได้5555555 อินเตอนร์เน็ตมันเผยแพร่ทั่วประเทศไทยจะขับรถตระเวณแจ้งความทุกจังหวัด เอาแบบหากไม่หนี ก็เอามาขึ้นศาลกันให้แท[ทุกจังหวัด หาค่าทนายไว้เผื่อด้วย เพราะมึงต้องจ่ายต่าทนายให้กูด้วยมันเป็นธรรมเนียม แค่เอาข้อหานำที่อยู่ของบุคคลอื่นมาโพสแล้วก่อให้เดิดผลเสียหายกับผู้นั้น หลายๆด้านแค่นี้มึงก็ตายแล้วเพราะกรรมดลให้พวกมึงพลาดไง 5555555

 

ทำเอาจิตเราส่ายออกจากแกนจริงๆ ถึงแม้ปรกติจะส่ายไปส่ายมา แต่ดูและอ่านแล้วความหวั่นไหวมันออกมาแลดูเป็นจิตตก มากกว่า ยกระดับจิต แล้วยังงี้ผู้เกิดใหม่ผู้ยังไม่มีภูมิคุ้มกันทางศาสนา จะพัฒนาจะยกระดับจิตยังไงจะเอาไรเป็นที่ระลึกจะเอาไรมาอ้างอิงว่าต่อไปนี้อะไรจะถูกอะไรจะผิดจะตัดสินจากไร สงสารเด็กรุ่นหลังจริงๆ เราอยากไห้เด็กๆดูและคิดตามไปด้วย คนเราโง่ ถึงต้องเรียนหนังสือ คนเราสกปรกจึงอาบน้ำชำระร่างกายคนเราจิตหมองหม่นถึงหาที่พึ่งบวชเพื่อชำระไม่ใช่บวชปุบจิตสอาดปับแต่ยกเว้นอริยบางพวก เขาคิดเขายังงั้นเขาก็คิดว่านี่เป็นทางเดียวทั้งๆที่เขาลืมไปแล้วว่าแนวคิดที่เขามีที่เขารับไว้เป้นหนึ่งในเศษเสี้ยวของทางออกอีกหลายๆทางจริตคนอื่นรับไม่ได้กะจริตเขาๆก้บังคับบรรยายว่าผิด แล้วผู้ที่จิตหม่นหมองอยากจะชำระจิตแบบค่อยเป้นค่อยไปก็ไม่ได้ซิต้องสอาดหมดจดตลอดเวลาเลย ขอส่ายออกแค่นี้พอมันบรรยายออกมาไม่หมดแต่สรุปได้ว่าสงสารเด็กๆลูกๆรุ่นหลังจริงๆที่จะมีบางส่วนตามแถวเขาไป บารมี(กำลังใจ)ไม่พอก็ต้องสะสมๆจนพอแต่บารมีไม่พอแถมหลงทางอีกเด็กๆหนูๆจะสะสมอะไรกัน น้ำตาเราจะไหล
กะความคิดคนๆเดียวจริง

 

ดูหน้าตาแต่ละคนสิครับ ไปโกรธเคืองพระพุทธรูปอะไรหนักหนา รอดูเวลาละสังขารจากร่างกายก็แล้วกันครับ ว่าจะไปเกิดที่ไหน
ลองนับจำนวนพระพุทธรูปดูนะครับว่ามีกี่องค์ แล้วคูณด้วยระยะเวลาที่เรียกว่ากัปป์ คนทั้งหลายที่ยืนดูอยู่ในรูปจะได้เป็นเกิดในอบายภูมิตามระยะเวลาที่คูณได้นะครับ

ช่วงที่พระพุทธเจ้ายังบำเพ็ญพระบารมีอยู่ พระองค์ยังทรงเฉือนเนื้อตัวเองจนหมด แล้วให้ช่างทอง(พระอินทร์แปลง)ทำเป็นทองคำเปลวเพื่อปิดองค์พระพุทธรูปให้เหลืองอร่ามงดงามทั้งองค์
​

แต่ดูหลวงพี่เกษมกับลูกศิษย์ทำสิ เห้ยๆๆๆ เหนื่อยใจแทน หลวงพี่เกษมท่านจะย้ำเสมอว่าไม่ยุ้งกับใคร หลวงพี่ทำแต่ในวัด แต่หลวงพี่ก็ทำคลิปลงยูทูป เห้ยๆๆประกาศให้ชาวโลกรู้ ไม่รู้บอกพูดงัย อิอิ

 

อานิสงส์ซ่อมพระพุทธรูป​

ตัวอย่างก็คือ พระนางวิสาขามหาอุบาสิกา ท่านสวยด้วยอำนาจเบญจกัลยาณี ตามที่ท่านเจ้าคุณราชเมธี วัดประยูรวงศาวาส ท่านแต่งเป็นคำกลอนไว้ว่า​

งามผมสมพักตร์ลักขณา งามโอษฐาจิ้มลิ้มดูพริ้มเพรา​

งามทนต์ยลปลั่งดังสังข์ขัด ผิวทัดกณิการ์งามราศี​

คลอดบุตรสักเท่าไรวัยยังดี หญิงเช่นนี้ใครได้มางามหน้าเอย​

คำว่า "งามผมสมพักตร์ลักขณา" ก็ เพราะว่าผมจะเรียบอยู่ตลอดเวลา ถ้าต้องการให้เป็นคลื่นก็จะเป็น และก็เรียบโดยไม่ต้องหวี ไม่ต้องแต่ง และก็จะยาวไม่มากถ้ายาวไปถึงเอวก็จะช้อนงอนขึ้นไม่ยาวลากดิน ผมก็ไม่เหม็นสาบเหม็นสาง ไม่ต้องสระไม่ต้องล้าง​

คำว่า "โอษฐาจิ้มลิ้มดูพริ้มเพรา" ก็เพราะว่าริมฝีปากแดงระเรื่อไม่แดงมากนัก แล้วเรียบไม่มีริ้วไม่มีรอย ปากสวย​

คำว่า "งามทนต์ยลปลั่งดังสังข์ขัด" ก็เพราะว่าฟันเรียบแลดูเป็นเงาเหมือนมุกน่าชม ไม่ต้องใช้แปรงสีฟัน ไม่ต้องขัด ไม่ต้องแต่ง​

คำว่า "ผิวทัดกณิการ์งามราศี" ขึ้นชื่อว่าผิวไม่มีไฝไม่มีฝ้า ถ้าขาวก็ขาวเนื้อละเอียดดี ถ้าดำก็ดำนวลๆ เรียกว่าพอสวยสำหรับในสมัยที่เขาต้องการ​

คำว่า "คลอดบุตรสักเท่าไรวัยยังดี" หมาย ความว่าเวลาที่คลอดบุตรคนแรกอายุเท่าไร ท่านคลอดบุตรคนแรกอายุ ๑๖ ปี แล้วก็เลยเป็นสาวแค่ ๑๖ อยู่แบบนั้น ร่างกายไม่เปลี่ยนแปลงอีกต่อไปจนกระทั่งอายุ ๑๒๐ ปี พระนางวิสาขามีบุตรหญิง ๒๐ คน แล้วบุตรหญิงของท่านคลอดบุตรมาอีกคนละ ๒๐ คน ระหว่างที่บรรดาหลานๆ เป็นสาวคราว ๑๕-๑๖ ปี ท่านวิสาขานั่งอยู่ท่ามกลางหลาน ท่านชีวกโกมารภัจนำพระเจ้าปเสนทิโกศลไปดู อยากจะทราบว่าพระนางวิสาขาคนไหน ก็ดูไม่ออกเพราะสาวเท่ากัน เรียกว่าท่านสาวเท่าอายุ ๑๖ ตลอดกาล​

อานิสงส์ ที่พระนางวิสาขามหาอุบาสิกามีความสาวความสวยไม่เปลี่ยนแปลง ก็เพราะว่าในชาติก่อนท่านซ่อมพระพุทธรูปที่ปรักหักพัง ทรุดโทรม คือมีผิวแตกทองลอกไปเสียแล้ว ท่านซ่อมพระพุทธรูปด้วยกุศลเจตนาจริงๆ เกิดมาชาตินี้จึงกลายเป็นคนสวย

​

​

แล้วหลวงพี่เกษมกับลูกศิษย์ได้กระทำกับพระพุทธรูปแบบนี้ จะมีร่างกายแบบไหน !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! (น่าสงสารลูกศิษย์ของหลวงพี่จัง ที่เจอหลวงพี่เกษมสอนแบบนี้ )




​