พ่อแม่สามีซึ่งเป็นชาวต่างชาติหัวเราะดิฉันเวลาตักบาตร

มีสามีต่างชาติค่ะ สามีไม่เคยห้ามดิฉันเรื่องการเข้าวัดทำบุญ และพาไปวัดถ้าดิฉันบอก แต่พ่อสามีและแม่สามีอึดอัดกับดิฉัน ดิฉันไม่ดื่มเหล้า ไวน์เขาจะดื่มไวน์กันทุกเย็นค่ะ ดิฉันก็ไม่ ไม่สนขอน้ำเปล่า เขาก็บอกหัดดื่มสิ หือ อยากจะบอกว่าสมัยวัยรุ่นยันเช้าค่ะ ตอนนี้คิดได้ คือ ไม่รู้จะดืมเพื่ออะไร เขาตลกดิฉันก็มองพวกเขาตลกเปลืองไร้สาละกับน้ำเมา ดิฉันไม่ทานเนื้อสัตว์หลายอย่างด้วย เขาก็งงทำไม เราอธิบายสัตว์เขาก็รักชีวิตเหมือนเรา เขาตลกความคิดดิฉัน พ่อสามี เขาเห็นดิฉันมีรูปปั้นพระ เขาถามทำไมต้องมีรูปปั้น และรูปภาพ ดิฉันบอกเอาไว้เตือนสติเวลาทำหรือคิดอะไรไม่ดีให้หยุด เขาบอกดิฉันเตือนตัวเองไม่ใช่รูปภาพหรือรูปปั้น ต่างๆ นาๆ ยาวค่ะ ถ้าดิฉันนับถือไม่ได้อยู่ที่หัวใจหรือในความทรงจำหรอกรึ เขาถาม ดิฉันบอกไม่ตลอดเวลา บางครั้งได้ยินคนนินทา ยังได้กลิ่นอาหารที่น่ากินต่างๆ นานา ยาวค่ะ สรุปง่ายๆ คือ เขาตลกที่ดิฉันไม่มีความคิด ที่ดิฉันเชื่อเรื่องเวรกรรมการเวียนว่ายตายเกิด ตลกที่ไปตักบาตร ตลกที่ไหว้รูปปั้น ดิฉันพยายามอธิบาย หลายๆอย่าง แต่ก็เป็นความเชื่อของใครของมัน สรุป เบื่อหน่ายค่ะ เขาพยายามจะเปลี่ยนความคิดดิฉันให้คิดไหม่ อึดอัดมีการบอกจะเอาคนนับถืออีกศาสนามาอธิบายให้ดิฉันเข้าใจ และปรับมุมมอง ดิฉัน ก็น้อยใจที่เขาดูถูกศาสนาเรา หรือดิฉันผิดที่เป็นอย่างนี้ ดิฉันต้องทำปรับตัวเองอย่างไรค่ะ แนะนำหน่อย ตอนนี้กลายเป็นไม่อยากพบพ่อแม่สามีเลย เซ็งอย่างแรงงงง ค่ะ

 

ทำใจน่ะสิ ครับ

ก็เราไปอยู่ในหมู่ผู้คนนอกศาสนา มีความคิดแบบมิจฉาทิฐิ
พวกนี้ไม่รู้จักพระรัตนตรัย ไม่รู้จักศีล ๕ ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ
เพราะเกิดและเรียนรู้นอกพระพุทธศาสนา น่าเห็นใจนะครับ

ถ้าไม่ชอบก็อยู่ห่างๆไว้ดีที่สุด ครับ

 

ถ้ารักเค้าก็ต้องทนครับ เรื่องครอบครัวคนนอกพูดมากไม่ได้

 

เป็นเรื่องปกติครับ...ความเชื่อที่แตกต่างกัน....หลายสิ่งหลายอย่างพูดได้ค่อนข้างยากนะครับ.....คือถ้าจะพูดเรื่องศาสนากับฝรั่ง คุณต้องเน้นด้านปัญญาที่เป็นจุดแท้ของพระศาสนาครับ...ถ้าคุณเอาด้านที่เราปฏิบัติในส่วนของพิธีกรรม เขาจะมองว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระโดยทันที...

เช่นถ้าเขาไม่เข้าใจเรื่องการที่เราไหว้พระพุทธรูปนั้น คำตอบคุณก็ตอบได้ค่อนข้างที่จะถูกแล้วครับ...ว่าเอาไว้เป็นอนุสสติเพื่อให้ระลึกถึงคำสอนและความดีของพระพุทธเจ้า...เหมือนศาสนาคริสต์นิกายโรมันแคทอลิกไง ที่มีรูปปั้นพระเยซู พระแม่มารี ก็เพื่อเป็นการที่จะระลึกถึงท่านได้ง่าย เพื่อที่จะไม่ห่างจากพระเจ้าว่าไป...เน้นด้านปัญญาสักหน่อย คุณดูนะพระพุทธรูปนี้เป็นรูปแทนของพระพุทธเจ้า แต่ในพระพุทธรูปนั้นไม่ได้เป็นเพียงแต่รูปแทนเท่านั้นนะ ท่านสอนเราได้ด้วย...เช่นแนะนำให้ดู พระพุทธรูปมองลงที่ต่ำ คือสอนให้เรามองดูตนเอง รู้จักตนเอง อ่อนน้อมถ่อมตน ในขณะที่หูยานใบหูยาว สอนให้เราเป็นผู้ที่มีหูที่หนัก คือไม่เชื่ออะไรง่ายๆให้พิจารณาด้วยปัญญา ฝ่าพระหัตถ์ที่ยาวเท่ากันสอนเราเป็นคนที่ซื่อสัจ มองคนอื่นให้เสมอภาคกัน อย่างนี้เป็นต้น นะครับ...และก็บอกเราไปว่ามันมีความสุขใจทุกครั้งที่ได้กราบพระพุทธรูปเพราะเมื่อฉันกราบทุกครั้ง ฉันจะได้ตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอและได้รำลึกถึงพระธรรมที่ท่านสอนไว้ให้ เป็นต้น ว่าไป..........

เรื่องการดื่นสุรา คุณก็ต้องรู้ว่าทำไมท่านไม่ให้ดื่ม คือถ้าดื่มแล้วจะทำให้ทำเรื่องที่เลวร้าย หรือผิดศีลได้ เพราะว่าทำให้เราไม่มีสติ แม้การขับรถก็ไม่ดีอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ และหากดื่มมากๆก็เป็นเหตุให้เสียทรัพย์ ว่าไป....อาจเที่ยบว่าเหมือนกับศาสนาอิสลามไง เขาก็ไม่ดื่มนะด้วยเหตุผลเดียวกัน....

ฝรั่งเขาชอบการปฏิบัติธรรมครับ คุณลองให้เขาสวดมนต์สิ หรือไม่ก็นั่งสมาธิ แต่คุณต้องอธิบายเขาได้นะครับว่ามีประโยชน์อย่างไร..ว่าไปครับ...พวกนี้ต้องให้เขาลงมือทำจนเห็นประโยชน์ จริตนิสัยเขาเป็นคนเชื่อยากอยู่แล้ว เพราะวัฒนธรรมของเขาเป็นอย่างนั้น.......

 

แนะนำศาสนาให้ฝรั่งต้องใช้แนวหลวงพ่อชา สุภัทโธ ครับ....พระฝรั่งเข้ามาบวชมากมาย ท่านเอาของจริงให้เลย...ทำให้เห็น พาทำเลย....

 

มันเป็นเรื่องของหัวใจอ่ะครับ....ถ้ารักเขาก็หาทางปรับตัวเข้าให้ได้

และถ้าอยากรักก็ทุกภพทุกชาติ ก็ทำบุญกับเขาสิไม่ว่าจะวิธีไหนไง ^^

 

เขาจะพูดอะไรเราก็ฟังไว้ พิจารณาตามว่าที่เขาพูดจริงหรือไม่จริง ถ้าศรัทธาของ
เรามั่นคงแล้วเขาจะพูดให้ตายยังไงมันก็ไม่มีความหมายหรอกครับ ฟ้าถล่มดิน
ทลายยังไงก็ไม่ทำให้เราสั่นคลอนได้ ถ้าคนที่เขาฉลาดจะเลิกพูดไปเอง เพราะ
เห็นว่าไม่มีทางทำลายศรัทธาเราได้

 

ฝรั่งเขา ปัญญา นำ ศรัทธา นะ .ใช้ปัญญาแนะเขาดั่งพี่พานุเดชบอกนั่นละ ตัวเราก็ให้หนักแน่นเข้าไว้ ชอบไม่ชอบเป็น โลกธรรมนะเป็นธรรมชาติ ใจเราหนักแน่น เราก็เป็นสุข .

 

มันเป็นกรรมของแต่ละคนที่ทำมาแตกต่างกัน

 

สู้ ๆ ใจเราศรัทธา ใจเราระลึกตลอด ภาวนาตลอด คนนอกศาสนาเขาจ้องจะทำลายศาสนาทั้งทางตรงและทางอ้อม อยู่ที่ตัวเราจะมั่นคงต่อพระรัตนตรัยเพียงใด พระพุทธเจ้าท่านจะทรงสอนในหมู่ที่สอนได้เท่านั้น ผู้ที่พิจารณาแล้ว ไม่สามารถสอนได้ หรือเสียเวลา ก็ไม่ต้องสอน ไม่มีใครทำลายในศรัทธาได้ นอกจากตัวของเราเอง

 

จงสู้ด้วยเมตตาจิต

จงพัฒนาตัวเองให้ได้

จงแสดงธรรมของพระตถาคตให้เห็นผลทันตา

จงใช้ปัญญาประหัดประหารคำหมิ่นจากศาสนาอื่นด้วยธรรมะ

 

เห็นใจค่ะ แต่ถ้าทำดีทำไปเถอะ ถ้าเค้าไม่ขัดขวางเราก้อทำต่อไป
ถ้าเค้าทักท้วงก้อยิ้มรับ...ฝึกขันติบารมีไปเลย
ฝรั่งเค้ามีปัญญาทางโลกเยอะเจริญวัตถุเยอะเหตุผลเยอะ(ส่วนใหญ่จะคิดว่าจะได้อะไรหรือเสียอะไรจากการกระทำเช่นนั้น เช่นการใส่บาตร) เค้าก้อจะหาเหตุผล ใช้สมองสั่งการณ์เยอะ แต่เรามุ่งหาปัญญาทางธรรม จิตเป็นตัวสั่งการณ์ เหตุผลของเรามาจากเหตุ + ผลที่เกิด(เหตุที่เราใส่บาตรเพิ่อตัดความตระหนี่ออกไปจากจิตใจ ฝรั่งคนนั้นอาจมองว่าเอาของไปให้คนอื่นทำไมมั้ง)

อยู่ที่ใจศรัทธายึดมั่นในศาสนา
ขอให้เข้มแข็งเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ
:z12 สู้ๆค่ะสู้กับใจเราเอง..ใจคนอื่นช่างเค้าถือว่าเราเป็นผู้โชคดีในหมู่คนพวกนั้น ที่เราได้เกิดมาพบพุทธศาสนาค่ะ

 

ให้กำลังใจนะคะ เข้มแข็งไว้ สะสมกำลังกาย กำลังใจไว้เพื่อพิทักษ์ศาสนาของเราค่ะ

 

อย่าไปว่าเขาเลยพวกเขาเกิดมามีกรรมที่ไม่พบพระพุทธศาสนาต่างกับเราที่ทำกรรมดีไว้เยอะถึงได้มาพบพระพุทธศาสนาถือเป็นโชคดีของเราที่ได้นับถือศาสนาพุทธครับหมั่นทำความดีไว้ครับใครว่าก็ช่างเขาเถอะอย่าไปถือสาเขาเพราะเขาเกิดมามีกรรม

 

I think you should show the appriciate for their concern but in the mean time you should strong in your belive and continue, then they will give up themself that try to change you to belive like them. Show respect of their belive and smooth doing what your belive to yourself, time will take care every thing. Forgiveness will be help your mind to continue do the merrit.

 

เอาใจช่วยในการทำบุญต่อไปนะครับ...เมื่อเราอยู่ต่างถิ่น ในที่ที่เราไม่คุ้นเคยว่าวัดอยู่ที่ไหน จะเดินทางไปอย่างไร หรือผู้คนก็มีความเชื่อแตกต่างไปจากเรา คงทำได้ดีที่สุด คือ ยังคงความเชื่อของเราไว้ให้ดีที่สุด อย่าอ่อนไหวกับสิ่งทีเกิดขึ้น แต่การปฏิบัติของเราอาจะทำไม่ได้บ่อยเหมือนเดิม แต่ในใจยังเหมือนเดิม ขณะเดียวกันก็จะต้องลองพยายามเข้าใจคนที่ไม่มีความเชื่อเหมือนกับเราด้วย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องทำตามพวกเขา

 

ผมว่าอย่างแรกพ่อแม่สามีอยากให้คุณกลมกลืนกับวิุุถีชีวิตแบบเค้าิแค่ีนั้นเอง ถ้าเราเปลี่ยนตัวเองได้อย่างที่เค้าต้องการเค้าจะพึงพอใจและยอมรับเรา บางทีการนิ่งเฉยไม่ใช่เพิกเฉยนะครับเป็นวิธีที่ดีในการรับมือกับปัญหาคิดในเชิงบวกมากขึ้น ผมหมายถึงต่อให้อธิบายต่อให้เราพูดก็ไม่อาจจะเปลี่ยนความคิดที่ยึดมั่นถือมั่นของใครสักคนได้ เปรียบกับบัวสี่เหล่าที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้ ถ้าพ่อแม่สามีที่คุณคาดหวังว่าเค้าจะเข้าใจยอมรับคุณ ในสิ่งที่เรารู้และอยากให้เค้าได้คิดเหมือนบัวที่พ้นน้ำโดยไม่เอาศาสนามาเป็นเครื่องกั้นความเชื่อเค้าก็จะใช้เหตุผลกับคุณและยอมรับความแตกต่างทางความเชื่อความคิดและความศรัทธา แล้วคุณล่ะ??? อยากให้เค้าเป็นบัวพ้นน้ำใช่หรือไ่ม่ คุณอยากให้เค้าเข้าใจในสิ่งที่คุณนับถือศรัทธาแต่เค้ากลับไม่เป็นอย่างที่คุณคาดหวังจริงมั้ยครับ??? ทำไมไม่ลองนิ่งเฉยดูล่ะครับ ทำใจตั้งสติ ไม่ตอบโต้ ไม่คิดเอาชนะ ไม่ให้ความโกรธเป็นโมหะจริตที่ก่อตัวขึ้นทุกๆครั้งที่ต้องพบกับเรื่องที่พ่อแม่สามีบอกกล่าว กิเลสในใจคุณนั่นแหละ คือ ปัญหาไม่ใช่ที่พ่อแม่สามีคุณ ปุถุชนที่อยู่ในกลุ่มบัวใต้น้ำจะใช้เหตุผลคงไม่ใช่ทางออก การอ่อนน้อม การมีมารยาท การยอมรับในไมตรีจิตของผู้ใหญ่ และเป็นผู้รับฟังจะดีกว่านะครับลองหัดเป็นผู้ฟังดูบ้างครับ อย่าเพิ่งคิดโต้ตอบ เรานิ่งเฉยได้ ผมว่าพ่อแม่สามีคุณคงไม่พยายามอีกต่อไปถ้าคุณไม่โต้ตอบ แต่กลับรับฟังและให้โอกาสเค้าได้ชนะคุณ แม้จะเปลี่ยนความคิดคุณไม่ได้ อีกหน่อยเค้าจะเริ่มมองคุณในทางที่ดีขึ้นเอง เหมือนกับการดูโฆษณาครับถ้าคุณโฆษณาภาพตัวคุณว่าหัวแข็งไ่ม่ยอมคน ภาพนั้นจะถูกจำแล้วเ้ค้าจะคิดทุกวิถีทางที่จะเอาชนะด้วยการเข้ามาวุ่นวายกับคุณมากกว่าเดิม กลับกันถ้าคุณโฆษณาภาพตัวคุณเข้าใจและรู้ว่าเค้าหวังดีไม่โต้ตอบ ปฏิเสธอย่างนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการปะทะ เค้าจะไม่วุ่นวายและค่อยๆยอมรับคุณไปเองโดยไม่รู้ตัว บางทีเค้าอาจจะไม่ได้อยากเปลี่ยนความคิดคุณหรอกนะครับ แต่เค้าอาจจะแค่สั่งสอนอบรมเหมือนแค่ชี้นำคุณแต่คุณเองกลับเหมือนถูกไฟจี้จุดและจี้แรงทำให้ร้อนรุ่ม หรือเค้าอาจจะแค่อยากให้คุณเปลี่ยนไลฟ์สไตล์แค่นั้นไม่ได้คิดจะล่วงละเมิดความเชื่อคุณแต่อย่างใด

ถ้าพิจารณาให้ดีคุณจะพบว่านี่คือ สัจจะธรรมบนโลกนี้ มันคือความเป็นจริงของโลกนี้ เราเปลี่ยนโลกไม่ได้ครับ แต่เราเปลี่ยนตัวเราเองได้จริงมั้ยครับ??? ถ้าคุณยอมรับได้ นั่นแหละคุณจะรับมือกับปัญหานั้นได้ไม่ยากเลย แต่ถ้าคุณยังเป็นมนุษย์ธรรมดาอย่างผมหรือคนทั่วไปที่ไม่ใช่พระอรหันต์คุณต้องฝึกจิตให้ยอมรับ เหมือนที่คุณรักษาศีลนั่นแหละ ความโกรธระงับด้วยความไม่โกรธ ใช้ธรรมะเข้ากล่อมเกลา และปลงซะ ความทุกข์ทั้งหลายที่คุณเจอก็จะกลายเป็นสุขครับ

ธรรมะชี้ทางให้แล้วครับแต่คุณจะต้องเป็นผู้ดำเนินตามทางนั้นด้วยตนเอง ใช้ปัญญาครับ อย่าใช้โมหะ โทสะ แก้ไขปัญหา ไม่เช่นนั้นคุณจะถูกดึงจมลงไปในกิเลสซะเอง

 

คิดได้แล้วค่ะ เป็นอย่างที่เราเป็น เชื่อในสิ่งที่เราเชื่อ แล้วก็อยู่ในที่สมควรอยู่ หากอยู่ในที่ไม่สมควรอยู่ก็ควรปรับและให้กลมกลืนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ยอมรับเมื่อคืนนอนทบทวน ข้อดีข้อเสีย หลายๆ อย่าง ก็ได้บทสรุปค่ะ

 

พิสูจน์ตัวให้เขาเห็นนะครับ ทำให้เขาเห็นโดยไม่ต้องอธิบายมาก ทำให้เขาเห็นโดยการกระทำของเรา(สอนโดยไม่ต้องเอยปาก) รอจังหวะ รอเวลาที่เหมาะสม เขาจะซึมซับไปเรื่อย ๆ และ " เมื่อถึงเวลา" คุณจะชนะเขาโดยเด็ดขาด
( เหมือนมหาอุบาสิกาวิสาขา ที่เอาชนะพ่อสามี)
เชื่อมั่นในคุณครับ

 

ศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา คือสิ่งที่ควรพิจารณาในการเลือกคู่ครองว่าเสมอกันไหม
ถ้าเป็นไปแล้วควรทำใจยอมรับ เพราะถ้าเหตุไม่เกิด ผลคงไม่มี