ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. บัวรองพุทธบาท

    บัวรองพุทธบาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +745
    ต้องลองฟังที่ลุงทองใบบอกไวให้ดีๆ ครับ

    ลุงบอกว่า คุณปลาบู่บอก "โลกเปลี่ยนแปลง" แล้วลุงบอกว่า "ให้นึกถึงตอนใดโนเสาร์ตายหมด" จริงๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็เตรียมๆ ไวก็ดีนะครับ ทำตามที่คุณปลาบู่บอกก็ดีนะครับ เอารางรถไฟไปกั้น เผื่อจะทันเวลา แต่ก็ ไกลจะปีใหม่แล้ว ปีนี้ ฟังก์ชั่นทั้งหลาย พอบวกลบคูณหารแล้ว ดูจะลงตัวดีนะครับ เขื่อนใหญ่ ปริมาณน้ำ ณ วันนี้ ยังเป็น สีแดง กทม.น้ำกำลังแห้ง แต่ใต้ดิน ดินอุ้มน้ำ เต็มที่เลย ก็กันไวดีกว่าแก้ครับ

    เดียวจะกลายเป็นวัวหายล้อมคอก เพราะถ้าเป็นอย่างคุณปลาบู่บอก วัวหายหลายตัวเลยนะครับ

    ป.ล. ที่เรียกคุณปลาบู่ เพราะว่า เป็นพี่ผมหลายปีอยู่ นี้ถ้ายังไม่ตายอายุน่าจะ 40 กว่าปีแล้วหละ แต่อันนี้ทางโลก ในทางธรรมแล้ว ต้องบอกว่า เป็นพ่อเลยทีเดียว
     
  2. JETTO

    JETTO Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +54
    เวลามีอะไรที่เตือนๆกันแล้ว ไม่ค่อยมีคนเชื่อเนี่ยนะ
    พอตอนเผลอๆกัน จะมาแบบไม่รู้ตัวเลย
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "หมอนิด"เตือนเรื่องราคาทองคำ
    "ขึ้นอีกไม่มาก แล้วจะปักหัวลง"

    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ผมเขียนบอกว่าใครมีทอง ก็ให้ขายออกหรือขายออกไปครึ่งหนึ่งก่อน ปรากฏว่ามีเมล์และโทรศัพท์เข้ามาถามผมเยอะไปหมด ทุกคนสงสัยว่าทำไมผมจึงบอกให้ขาย เพราะว่าราคาทองยังจะขึ้นไปได้อีก แม้แต่ร้านค้าทองหลายแห่งก็ถามมาเช่นกัน ผมก็บอกไปตามความรู้สึก เพราะผมไม่รู้ราคาตลาดทองคำและผมก็ไม่มีทองที่จะขายด้วย ผลปรากฏว่าทองก็ลดราคาลงมาจริงๆ ส่วนหุ้นผมก็เล่นไม่เป็น แต่ผมคิดว่าหุ้นมันจะขึ้นมันก็ขึ้นจริงๆในวันรุ่งขึ้น

    ผมบอกแขกหลายคนให้ซื้อทองเก็บไว้ ตั้งแต่ราคาบาทละหมื่นเจ็ดถึงหมื่นเก้าพันบาท ทุกวันนี้รวยกันไปหลายคนเพราะทุกคนซื้อคราวละหลายสิบบาท บางคนซื้อเป็นร้อยบาท ต่อไปนี้อย่ามาถามผมเลยเอาไว้มีเสียงกระซิบสั่งก่อนก็แล้วกันนะครับ ตอนนี้ตัวใครตัวมันตัดสินใจเอาเอง ทั้งเรื่องทองคำและหุ้นต่างๆ โปรดอย่าเชื่อผมไปหมดทุกเรื่อง

    ปล. *ทองช่วงนี้กำลังขึ้น แต่ขึ้นอีกไม่มาก แล้วจะปักหัวลง ขอให้ผู้ที่ถือทองเอาไว้พิจารณาด้วย*

    ด้วยความเคารพ<O:p
    หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)<O:p
    18 ส.ค. 54

    ที่มา http://www.mornid.com/home.php

    หมายเหตุ

    หมอนิดได้ทำนายเอาไว้ในรายการ"คมชัดลึก"ทางเนชั่นทีวี เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.54 ว่าทองคำจะราคาตกไปถึง 22,000 บาทครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom height=15><TABLE width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD style="FONT-SIZE: 11px; COLOR: rgb(153,51,0); FONT-FAMILY: Tahoma" width=682 colSpan=2>ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำประจำวันพฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2554</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=right border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR align=middle><TD class=paddingleft5px width="25%" bgColor=#ddccb0>ทองคำ 96.5%</TD><TD class=paddingleft5px width="25%" bgColor=#ddccb0>รับซื้อ</TD><TD class=paddingleft5px width="25%" bgColor=#ddccb0>ขายออก</TD><TD class=paddingleft5px width="25%" bgColor=#ddccb0>ประกาศเวลา</TD></TR><TR align=middle><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>ทองคำแท่ง</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 height=30>23400</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>23500</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 rowSpan=2>12:50:00</TD></TR><TR align=middle><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>ทองรูปพรรณ</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1 height=30>23058.36</TD><TD class=paddingleft5px bgColor=#e1e1e1>23900</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. The Shadow

    The Shadow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +1,732
    ผมว่านะ ราคาทองคำไม่ต้องหมอดูก็ทำนายได้ ตอนนี้หลุด ๒๔๐๐๐ ด่านต่อไปก็๒๒๐๐๐

    ถ้าดูกราฟเป็นก็พอดูออกนะครับ ถ้า๒๒๐๐๐เอาไม่อยู่ ก็ยาวเลย

    อย่าไปให้เครดิตอะไรมากเลย แกมีอคติครอบงำแล้ว ทายไม่แม่นหรอก
     
  5. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    ส่วนเรานะ เรายังไม่คิดถึงเรื่องเขื่อน แต่เราว่า เราจะโดนอย่างในรูปอ่ะนะ

    สองอย่างนี้ แต่ไม่รู้ว่าอันไหนจะเกิดก่อน


    [​IMG]

    เห็นทางซ้ายมือและขวามือของกรอบสามเหลี่ยมที่มีคนอยู่ข้างในป่ะ แบบว่า บางทีหรือบ้านนอกจะแห้งแล้งมากๆๆๆ(อยากให้เตรียมตัวกันไว้ให้มากๆเลยสำหรับอันนี้) และก็ฝั่งซ้ายคือ กทม. จะน้ำท่วมจ่ะ (จะท่วมอีก)


    [​IMG]

    ส่วนรูปที่สอง รูปนี้คือ การสงครามในประเทศของช้างสีแดงและช้างสีเขียวแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร
    และช่วงที่เรามีปัญหากันนี้ซึ่งไม่แน่ใจว่า ประเทศพี่นกอินทรีย์กับพี่หมีแพนด้าเขาจะทะเลาะกันไปด้วยหรือเปล่า ถ้าเขาทะเลาะกันแรงก็อาจจะไม่แน่อาจจะทำให้น้ำท่วมไปถึงนครสวรรค์อย่างที่เขาว่าๆกันก็ได้

    แต่เราคิดว่า รูปแรกจะเกิดก่อน..เรื่องอื่นไม่แน่ใจ อย่าลืมนะก่อนที่สิ่งที่ลุ้นๆว่าจะเกิดไม่เกิดๆข้อแรกคือประชาชนต้องกินทุกวัน ถ้าไม่รับมือเรื่องความแห้งแล้ง ที่กำลังจะเกิด แบบแน่ๆ เราจะไม่มีกินนะ

    รูปทั้งสองนี้นำมาจาก หนังสือพระมหาชนก ในพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2011
  6. Heureuse

    Heureuse เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2008
    โพสต์:
    857
    ค่าพลัง:
    +3,446
    อากาศปีนี้ตอนนี้ เป็นภาวะอากาศแบบ "สุดโต่ง" หรือ "เอ็กซ์ตรีม เวทเธอร์" ที่เขากำลังออกๆข่าวกันนี่ล่ะจ่ะ สิ่งที่เจอก็
    ร้อนๆสุดๆ
    ฝนตกสุดๆ
    หนาวสุดๆ
    แล้งสุดๆ
    เตรียมรับมือ คำว่าสุดๆสำหรับทุกฤดูกาลกันไว้ให้ดีจ่ะ
     
  7. นายจิร

    นายจิร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +16
    ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองประเทศไทยด้วยเทอญ
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ภาคเหนือนี้จะตรึงไม่ให้เกิดแผ่นดินไหวให้ถึงแค่ 8 ม.ค. 55 เท่านั้น !!!

    [​IMG]

    natthapatpun สมาชิก

    คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ตายด้วยความประมาท เมื่อถึงคราวตาย ใครจะไปห้ามไม่ให้ใครตายได้อย่างไร อยู่ที่ไหนก็ตาย แต่คนที่จิตละแล้วซึ่งโลก เลือกตายอย่างไรก็ได้ ถ้าจะไม่มีใครเชื่อเรื่องการเตือนภัย ก็ปล่อยเขาไปตามกรรมของเขาเถอะค่ะ

    แต่ถ้าการเตือนภัยนี้ทำให้สมาชิกหลายท่านเดือดร้อนทางกาย วาจา หรือใจก็ดี ดิฉันก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้เป็นอย่างสูง แต่จะให้ยืนยันว่าไม่เกิดนั้น สำหรับดิฉันยังไม่วางใจ แต่ใครจะปล่อยวางก็ไม่เป็นไร ปล่อยวางได้ก็ดีค่ะ จะได้ทำให้สบายใจ

    เคยบอกให้ทราบแล้วว่าด้านเหนือนี้จะตรึงไว้ให้ถึงแค่ 8 ม.ค. 55 เท่านั้น เพื่อให้ผู้มีจิตเป็นกุศลได้ทำบุญขึ้นปีใหม่กันอย่างสบายใจ หลังจากนั้นก็จะปล่อยให้ธรรมชาติทำงานเหมือนเดิม

    ที่มา http://palungjit.org/threads/เตือนน...้ที่สนใจช่วยเข้ามาอ่านหน่อยค่า.309640/page-31
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2011
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "ทองคำ"อุปกรณ์ลี้ภัย
    โดยคุณ Kati

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

    จำได้ว่าเมื่อตอนเป็นเด็กเล็ก ผมยังอยู่ในยุคสมัยสำคัญที่บ้านเมือง ยังหวั่นไหวใจกับทุกสิ่งอย่าง มีสงครามอยู่รอบข้างประเทศเรา แม้แต่ในประเทศของเรา สงครามของคนในชาติก็ยังคุกรุ่น ให้ได้หวั่นไหวใจกับทุกสิ่งอย่างของแต่ละวันคืน หรือแม้แต่เรื่องราวเรื่องเล่าของผู้ลี้ภัยสงครามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเขมร ลาว ญวน หรือพม่า ที่ต่างอพยพหนีภัยแห่งความโหดร้าย สู่ดินแดนซึ่งเขาคิดว่าปลอดภัยกว่า แม้ว่าจะไม่จริงเสมอไปสำหรับทุกคน แต่แผ่นดินไทยก็ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางเหมือนเช่นที่รับรู้รับฟัง

    ตำนานการพกเงินพกทอง ทองเป็นเส้นเป็นก้อน เงินเป็นสร้อยเป็นแหวน หรือแม้แต่การรีดเงินรีดทอง ให้อยู่ในรูปร่างต่างๆ เพื่อเข้าพกเข้าห่อได้สะดวก ก็ยังเป็นหนึ่งเรื่องที่ผมจำฝังใจ จำได้กระทั่งว่า ตัวเองเคยเห็นทองและเงิน ที่เตรียมไว้สำหรับการหนี ทองมักเป็นเรื่องจริงมากกว่านิยายของเงินตราใดๆ เท่าที่อำนาจทองคำแท้จะก้าวล่วงถึง ทองจึงเป็นหนึ่งสิ่งของความจริง ยามเกิดภัยสงคราม หรือยามชีวิตผู้คนตัวเล็กตัวน้อยต้องลี้ภัยสงคราม ลี้ภัยการเมือง กระทั่งลี้ภัยจากทุกสิ่งอย่าง อันไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของตน

    ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่จริงก็ตาม ชีวิตผู้คนล้วนรับรู้ได้ดี ว่าที่ใดที่ตนจะมีชีวิตรอดชีวิตของประชาชนบนเรือน้อย กลางคลื่นลมแรงกลางทะเล ยังไม่น่ากลัวเท่าใจคน ยิ่งในยามที่เราได้เห็นศพของผู้คน ลอยมาติดชายฝั่ง ยังไม่ต้องนับที่พอมีลมหายใจ และชีวิตเล็ดรอดพอเพียงเพื่อบอกเล่าความโหดร้ายของผู้คนกลางทะเล ยามคนที่มีอาวุธมีอำนาจมีความเข้มแข็ง แย่งชิงสมบัติชิ้นสุดท้ายของผู้อพยพภัยสงครามมากมาย แม้สิ่งสุดท้ายคือชีวิตอาจเหมารวมไม่ได้ว่า คนทำเป็นคนไทยหรือโจรสลัดหรือเป็นโจรทั่วไป ที่ฉกฉวยวิกฤติของผู้คนหากินบนความทุกข์ยาก ชะตากรรม หยาดน้ำตา และความเจ็บปวด จะปล้นฆ่าข่มขืน หรือเพียงฉกชิงทรัพย์สินเงินทองก็ตามแต่

    แต่สุดท้ายความเลวร้ายเหล่านั้น ย่อมถูกรับรู้ รู้เห็น และตระหนักในความจริงอันเจ็บปวด อุปกรณ์มากมายเพื่อการหนีภัย จึงเพิ่มเติมความจริงมากขึ้น กระเป๋าเดินทางที่ดีที่สุดในการหลบหนี ต้องสามารถประกอบใหม่ได้ทุกคราจนสามารถหยิบสอยอย่างอื่นได้ จึงไม่แปลกที่เราจะได้เห็น กระเป๋าและพกห่อเหล่านั้น ที่ทำจากผ้าขาวม้า หยิบจับหยิบห่อจับปลายมัดปม พอที่จะเก็บเสื้อผ้า และเงินทองยัดใส่พกใส่ห่อมาได้สะดวก หรือกระทั่งการเย็บชายขากางเกง ขอบเอว ชายกระโปรง เพื่อเก็บสร้อยแหวนเงินทอง หรือของมีค่าต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความจริงในการเอาชีวิตรอด ของผู้คนแทบจะไม่แตกต่างจากทุกวันนี้

    เมื่อเราเห็นการจับกุมชาวพม่า ชาวเขมร หรือผู้ลักลอบเข้าประเทศไทย เมื่อเขาแต่ละคน ต่างคาดหวังถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มต้นชีวิตในดินแดนอันปลอดภัย พอที่เขาจะลืมตาอ้าปาก หรือมีชีวิตอยู่ด้วยความเป็นธรรม โดยไม่ถูกใครข่มเหงรังแก กระทั่งไม่ล้มหายตายจากไป เพราะการเข่นฆ่าของใครที่มีอำนาจในมือ ความจริงของอุปกรณ์ลี้ภัย จึงเป็นหนึ่งภาพสะท้อนของความจริงสำคัญ ความจริงอันเจ็บปวด ที่ทำให้เราตระหนักได้เสมอว่า โลกนี้ยังมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ

    เหมือนเช่นยุคสมัยหนึ่งที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ ทั้งที่เป็นจีนอพยพหรือจีนโพ้นทะเล ต่างรู้สึกดีถึงคำว่า บ้านแตกสาแหรกขาด การเริ่มต้นชีวิตด้วยเสื่อผืนหมอนใบ กับลมหายใจตัวเอง สำหรับความจริงในการเอาตัวรอดเอาชีวิตรอด ล้วนเป็นความจริงที่ไม่มีใครอยากจดจำเหมือนเช่น สงครามเวียดนาม สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สงครามในอินโดจีน ได้ทำให้คนไทยเห็นถึงน้ำตา และรอยเลือดของพี่น้องรอบบ้านอุษาคเนย์ ขณะที่คนไทยบางท้องถิ่นก็เคยตระหนักถึงความเจ็บปวดเหล่านี้ได้ดี เท่ากับความจริงในความอยุติธรรมที่เราไม่ปรารถนา สำหรับการพลัดที่นา คาที่อยู่ การพลัดพรากจากบ้านล้วนคือความเจ็บปวด จะปรารถนาหรือไม่ปรารถนาก็ตามแต่

    แต่เมื่อถึงวันหนึ่งแห่งการหลบหนี หลบเร้นหนีหาย ลี้ภัย และมุ่งหน้าสู่ดินแดนใหม่ เพื่อให้ชีวิตและลมหายใจยังคงเดินทางต่อไป เพียงเพื่อคาดหวังจะกลับมานอนตายในแผ่นดินเกิด หรือคิดเพื่อว่า เมื่อชีวิตยังไม่ดับดิ้นไป เราก็ยังจะมีโอกาสสำหรับเรื่องราวในความจริง ของสินทรัพย์ซึ่งเปลี่ยนแปลงตามโลกอันเร่งรัด ความจริงของนวตกรรมแห่งสินทรัพย์ ได้ทำให้เราตระหนักถึงตำนานแบบเทพนิยาย ที่ตัวพระตัวเอกสามารถหลบหนีไปได้ หากเขาเหล่านั้นปรารถนาที่เหาะเหินเดินอากาศ ไปยังที่ใดก็ได้บนโลกใบนี้ หรือบางทีอาจจะมุดดินมุดน้ำก็ได้

    หากมีคาถาอาคมอันวิเศษวิโสพอ ใครหลายคนในตำนาน นิทาน และนิยายปรัมปรา ต่างเคยบอกเล่าให้ได้ยินเหมือนเช่นทุกวันนี้ ที่ผู้ลี้ภัยการเมืองสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ทั่วโลกหากเขาเพียงต้องการ เช้าวันแรกแห่งสัปดาห์นี้ ไม่รู้เป็นไร สำหรับการมองเห็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนตัวไป พร้อมผู้ลี้ภัยมากมาย ที่อ้างอิงว่าตนถูกข่มเหงรังแก พร้อมกับความจริงบางอย่างที่ทำให้ผมนึกถึงชีวิตวัยเด็ก กับพรมวิเศษ และไม้กวาดเหาะได้ ผมกลับนึกถึงความวิเศษของผู้คน ยามได้บินหนีหลบหายไป

    วันนี้ผมเพียงเรียนรู้ ว่าในความจริงของการลี้ภัยในโลกปัจจุบัน ทำให้คนลี้ภัยในแต่ละชีวิตไม่ใช่เป็นเพียงคนยากไร้เท่านั้น แต่สามารถเป็นคนร่ำรวยได้อย่างมหาศาลตามแต่ที่สินทรัพย์ของเขา จะบินตามไปเหมือนไม้กวาดกายสิทธิ์ข้างตัวเขา

    Posted by Kati วันพุธ ที่ 13 สิงหาคม 2551

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=300215

    ข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกัน

    ประเทศไทย เป็น ครัวโลก แต่ทำไมยัง จน ? - PaLungJit.com

    แผ่นดินเรา เขาเข้ายึด เป็นของตน ประชาชน ต้องหลบลี้ เพราะมีภัย เสือขาวเหลือง เข้ามาหา กระยาหาร เข้ารุกราน เราตายเป็นเบือ จะเชื่อไหม ส่วนที่เหลือ จะอยู่รอดกันอย่างไร ...

    "สมเกียรติ" แฉ "ทักษิณ" จ้างทหารเขมร เตรียมรับมือปฏิวัติ :: Hunsa NEWS

    สมเกียรติ แฉคนของ ทักษิณ ได้จ้างทหารเขมรที่เคยผ่านสงครามเวียดนามไว้ 5 พันคน ...

    นึกไป เขียนไป: รวมข้อมูลเรื่อง"ด้ามขวานไทยหัก"

    เกิดสู้อย่างไร้สมอง ทหารแลมองอ่อนกำลัง ข้างบ้านวาจาดัง ทลายรั้วทวงที่ดิน ขวานทองดั่ง<WBR style="WORD-SPACING: 0px; FONT: small/16px arial, sans-serif; TEXT-TRANSFORM: none; COLOR: rgb(34,34,34); TEXT-INDENT: 0px; WHITE-SPACE: normal; LETTER-SPACING: normal; BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255); orphans: 2; widows: 2; webkit-text-size-adjust: auto; webkit-text-stroke-width: 0px">มะพร้าว ชนกลุ่มพาลแบ่งแยกกิน ด้ามขวานสูญเสียสิ้น จากนั้นกินรอบทิศทาง ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2011
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ได้ยินเสียงจากพระเจ้า….

    [​IMG]

    ผมยังไม่รู้จักว่าเสียงพระเจ้าเป็นอย่างไรครับ เป็นเสียงให้เราได้ยิน หรือเป็นความคิดที่เกิดขึ้นโดยพระวิญญาณทรงนำครับ คือบางครั้งมีความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในคำภีร์ คือวันนั้นกำลังอธิษฐานอยู่ พออธิษฐานจบ ก็มีข้อพระคำภีร์ ลูกา 16 เข้ามาในหัว พอเปิดอ่านดู ก็เป็นเรื่องที่เพิ่งอธิษฐานไป อย่างนี้ที่มีข้อพระคำภีร์เข้ามานี่เป็นเสียงของพระเจ้ารึเปล่าครับ?

    ผู้เชื่อ 17 เม.ย. 49 เวลา 1:36:46

    คริสเตียนส่วนใหญ่ มักเรียกการสื่อสารชนิดต่างๆ ที่ได้รับจากพระเจ้าว่าเป็น "เสียง" ค่ะ มีหลายรูปแบบ เป็นทั้งเสียงที่ได้ยินด้วยหู เสียงที่ได้ยินได้ในวิญญาณ หรือสื่ออื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์, ธรรมชาติ, ถ้อยคำแห่งความรู้, ความฝัน, ภวังค์, นิมิต, พระคัมภีร์, หนังสือคริสเตียน, สัญลักษณ์ ฯลฯ

    อย่างเวลาอ่านพระคัมภีร์ถ้าเราได้อธิษฐานแบบดาวิดในสดุดี 119.18 พระเจ้ามักจะนำให้เราเกิดความเข้าใจพิเศษกับข้อความที่ดูธรรมดาๆ ให้เข้าใจในความล้ำลึกของข้อความนั้นๆ มากเป็นพิเศษ และบางครั้งพระเจ้าก็ตรัส หรือประทานคำตอบที่ตรงกับความจำเป็นของเราให้

    ในลูกากล่าวว่า แกะของพระเยซูย่อมรู้จักเสียงพระเจ้า และในยอห์นกล่าวว่าการตรัสของพระวิญญาณเป็นเสมือนลม เราได้ยินเสียงลม แต่ไม่รู้ว่าลมมาจากไหน ... เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์ และท่อนไหนที่พระเจ้าต้องการสื่อด้วยกับเรา ลักษณะจะเป็นเหมือนแสงที่วาบเข้ามาในความคิด คล้ายๆ ปิ๊งๆๆๆ ใช่เลย!!! ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเสียงพระเจ้าแหละค่ะ แต่เราก็ต้องมั่นใจดีๆ นะคะ เพราะบางครั้งเราก็เข้าข้างตัวเองได้ และมีโอกาสที่มารจะหลอกใช้พระคำพระเจ้าหันเหความจริงได้ด้วย ต้องอธิษฐานพึ่งพาการทรงนำดีๆ โดยเฉพาะคำตอบเรื่องสำคัญๆ ... มิฉะนั้น เราจะเอาโล่(ความเชื่อ)ของตัวเอง ป้องกันพระแสง(พระคำ)พระเจ้าไม่ให้ทะลุแทงใจได้

    วิธีอื่นๆ ที่พระเจ้าจะตรัสด้วย นอกจาพระคัมภีร์แล้ว ก็จะคล้ายๆ กัน คือ ถ้าเราคุ้นเคยกับพระองค์ เราก็จะรู้จักพระองค์ คือ พัฒนาความสัมพันธ์เรากับพระเจ้า ... และสิ่งที่เชื่อถือได้มากที่สุด ก็เป็นพระคัมภีร์นี่เอง เพราะการสื่อสารทางอื่น จะต้องไม่ขัดแย้งใดๆ กับพระวจนะของพระเจ้าเลย

    Pop BFC 18 เม.ย. 49 เวลา 18:01:17

    คำตอบชัดเจนดีครับ แต่ขอขยายความในส่วน ของการที่เรามีประสพการณ์ในการฟังเสียงของพระเจ้านะครับ พระเจ้าสื่อสารกับเราหลายวิธี ในส่วนของการแยกแยะการฟังพอจะจำแนกได้ดังนี้

    เสียงในใจที่แผ่วเบา

    - เสียงนี้จะเกิดในความคิดของเรา ระดับของเสียงชั้นนี้ มีโอกาสที่จะเป็นความคิดของเราค่อนข้างมาก และ ควบคุมได้ให้อธิษฐานทูลขอให้ชัดเจน และ อธิษฐานผูกมัดเสียงรบกวนจากมาร เพื่อจะฟังเสียงของพระเจ้าเท่านั้น ลักษณะของเสียงจะคล้ายเสียงของเรา แต่เหมือนสะท้อนมาจากที่ห่างไกล เสียงของพระเจ้าจะเป็นด้านบวกเท่านั้น เสียงของมารจะมีลักษณะรุกเร้าและถือสิทธิ และ เป็นความคิดแง่ลบ ถ้ารู้สึกว่าถูกรบกวนระหว่างอธิษฐานให้อธิษฐานในนามพระเยซู และ ขอ พระโลหิต ของพระองค์ผูกมัด การรบกวนของมาร ..จงต่อสู้กับมารแล้วมันจะหนีท่านไป ส่วนมากในการอธิษฐานเรามักจะได้ยินเสียงนี้ ให้ทูลถามว่านี่มาจากพระองค์หรือไม่ ขอการยืนยันจากพระองค์

    เสียงในใจที่ผ่าเข้ามาท่ามกลางการอธิษฐาน

    - บางครั้งเมื่อเรา อธิษฐานพระเจ้าจะตรัสกับ เราผ่าเข้ามาท่ามกลางการอธิษฐาน เสียงนี้จะชัดเจน ในใจบางครั้งมาพร้อมภาพนิมิต ข้อสังเกตุ คือ ลักษณะเสียงในใจ เช่นนี้เรา ไม่สามารถบังคับให้หยุดได้ ต้องยอมพระองค์จนจบ ข้อสังเกตุอีกประการ คือ เสียงนี้จะมีพลังอำนาจจนเราไม่สงสัย สิ่งใดอีก เพราะบอกแล้วว่า เสียงของพระเจ้าเป็นแง่บวกเท่านั้น ผมเคยมีประสพการณ์นี้ครั้งหนึ่งเมื่อไปที่ นอร์เวย เป็นพระมหาบัญชา ที่ตรัสผ่ามาท่ามกลางการอธิษฐาน ในฝ่ายวิญญาณ นั้น ผมยอมจำนนต่อพระองค์ จนร้องไห้ออกมาเหมือนเด็ก ๆ น่าสังเกตุว่า สิ่งที่พระองค์ตรัสจะมีรากฐานอยู่ในพระคัมภีร์ ทั้งสิ้น (ตรงนี้เป็นข้อสังเกตุส่วนตัว แต่หัวข้อที่ผมยกมานั้นได้มาจากหนังสือ " เพื่อท่านทั้งหลายจะเผยพระวจนะ" ขออภัยที่ตอนนี้จำชื่อผู้เขียนไม่ได้ต้องไปค้นดูก่อน)

    เสียงที่ตรัสให้เราได้ยิน

    - เสียงนี้เป็นเสียงที่พระองค์ตรัสให้ได้ยินจริง ๆ แต่พระองค์ไม่ใช้วิธีนี้กับทุกคน หรือ ไม่บ่อยนักนอกจากพระองค์ มีสิ่งที่เฉพาะเจาะจงจะตรัสกับเรา (ผมเองก็ยังไม่เคยได้ยินเสียงในขั้นที่ 3 นี้เลย) ขอหนุนใจให้อธิษฐานทุกวัน หมั่นเข้าเฝ้าพระเจ้า แล้วคุณจะคุ้นเคยกับพระองค์เป็นการส่วนตัว เพราะ พระนามหนึ่งของพระเจ้าของเรา ในภาษาฮีบรู ได้ชื่อว่า พระเจ้าแห่งความเป็นส่วนตัว (ในภาษาฮีบรู มีชื่อที่ใช้เรียกพระเจ้าด้วยความยำเกรงหลายชื่อ เพราะ คนฮีบรูในสมัยก่อนยำเกรงพระเจ้าจนไม่กล้าเอ่ย พระนามอย่างพล่อย ๆ พระนามที่ชาวฮีบรูเรียกขาน เช่น พระเจ้าแห่งอับราฮัม, พระเจ้าแห่งยาโคบ , อาโดนาย, อาโดน ,เอโลฮิม ฯลฯ

    นิติ 25 เม.ย. 49 เวลา 20:39:03

    ที่มา http://www.jaisamarn.org/webboard/question.asp?QID=2174

    หมายเหตุ

    ที่ผมได้นำเรื่องได้ยินเสียงจากพระเจ้านี้มาโพสต์ในกระทู้นี้ ไม่ได้ต้องการจะมาชักจูงให้ท่านไปนับถือศาสนาคริสต์แต่อย่างใดนะครับ เพียงแต่ผมอยากชี้ให้เห็นว่า ชาวพุทธของเราที่มีความสามารถได้ยินเสียงจากพระเจ้านี้ก็มีมากมายหลายท่านด้วยกัน เช่น อ.ปริญญา ตันสกุล เรียกเสียงที่ได้ยินนี้ว่าจิตจักรวาลดวงใหญ่ คุณหนุมาน ผู้นำสาร เรียกเสียงนี้ว่าโลกุตตรธรรม คุณแม่เกษร สุทธจิตจันทร์ประภาพ เรียกเสียงนี้ว่า องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังษีบรมธรรมบิดา ทางสำนักอนุตรธรรมเรียกเสียงนี้ว่า องค์พระอนุตรธรรม

    สรุปรวมความว่า จะเรียกแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม แต่หมายถึงผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในสากลจักรวาล ส่วนตัวตนที่แท้จริงของผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในสากลจักรวาลนี้ จะเป็นใคร หรือเป็นอะไรก็แล้วแต่ความคิดความเชื่อของท่านที่ได้ยินเสียงจากพระเจ้านี้ ซึ่งเรียกแตกต่างกันไปตามความคิดความเชื่อของตนเองครับ -เกษม-

    ************************************************************

    ถาม : พระเจ้าคืออะไร?

    ตอบ :

    เพื่อนได้มโนมยิทธิพร้อมหูทิพย์ตาทิพย์ ก็ขอให้ช่วยทำกิจทางโลกทิพย์หลายอย่าง เขาเป็นเด็กอายุสิบสี่ ไม่ได้เรียนหนังสือเพราะจน และไม่ได้อ่านตำราธรรมะอะไรมากนักเลย จึงได้ทดสอบเขาก่อนหลายครั้ง ว่าเขาสื่อสารกับจิตวิญญาณได้จริงหรือไม่ ผลก็ปรากฏว่า “พอใช้ได้” จากนั้น จึงทำงานร่วมกัน ผู้เขียนได้ข้อมูลส่วนใหญ่จากเขา ดังจะเล่าดังนี้

    เรื่องของพระเจ้า ได้ขอให้เพื่อนไปพบพระเจ้าท่านก็มาพบ วิมานของพระเจ้าอยู่ที่สวรรค์สุขาวดี ลักษณะของท่านมองไม่เห็นรูปร่างเลย มีแต่แสงสว่างเทศน์ธรรมได้ บางเรียกว่าพระเจ้าแสงแห่งธรรม ท่านกล่าวว่าเมื่อทำกิจบางประการลุล่วงแล้วท่าน ก็จะเข้านิพพาน เหมือนกัน แต่จะเข้านิพพานโดยไม่ต้องลงมาเกิดบนโลกมนุษย์คือ นิพพานบนสวรรค์นั้น ส่วนพระเยซู ก็ได้ไปพบท่านมา วิมานของท่านอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต ใกล้โลกมากกว่าพระเจ้า ท่านไม่ใช่พระเยซูองค์ปฐม เพราะองค์ปฐมลงไปเกิดเพื่อบำเพ็ญบารมี

    ท่านเป็นองค์ลำดับที่เท่าไรจำไม่ได้แล้ว ท่านกล่าวถึงการพิพากษา เรื่องน้ำท่วมด้วยแต่ขอไม่บอกไปมากกว่านี้ ไม่ใช่เรื่องควรประกาศมาก ลักษณะของท่านยังมีวิญญาณขันธ์อยู่ คือ เห็นทั้งกายทิพย์ครบ ไม่เหมือนพระเจ้าที่ไม่มีรูปกายใดๆ แล้ว คือ ดับขันธปรินิพพานแล้ว แต่ยังมี “มโนธาตุ” อยู่ เช่นเดียวกับพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ที่เมื่อบำเพ็ญบารมีถึงที่สุดจะสลายขันธ์ห้าด้วยเตโชกสิณไฟ ทำให้ขันธ์ห้านิพพานหมด แต่จะเหลือ “มโนธาตุ” อยู่ เพื่อทำกิจที่คั่งค้างอยู่ให้หมดไป เมื่อหมดกิจแล้ว ก็จะนิพพาน ไม่เหลือแม้แต่ธาตุหรือขันธ์ใดๆ

    ถาม : พระพุทธเจ้ากับพระเจ้าต่างกันอย่างไร?

    ตอบ :

    พระพุทธเจ้า คือ ผู้ตรัสรู้บนโลกแล้วโปรดสัตว์ พระเจ้าคือผู้ที่โปรดสัตว์โดยยังมีมโนธาตุอยู่ ที่พระเยซูเรียกว่า “พระจิต” ก็คือ จิตนั่นเอง (จิตก็คือมโนธาตุ) แต่ไม่มีรูปนาม หรือขันธ์อีก ดังนั้น พระเยซูจึงไม่ให้สร้างรูปเคารพหรือรูปเหมือนพระเจ้า เพราะหมดรูปนามและขันธ์ห้าใดๆ แล้ว อันเกิดจากการดับขันธปรินิพพาน ยังเหลือก็แต่มโนธาตุอยู่นั่นเอง พระพุทธเจ้าเมื่อละสังขารแล้วดับขันธปรินิพพานจะดำรงฐานะ “พระเจ้า” คือ พระจิตหรือมโนธาตุที่ยังทรงกิจอยู่โดยไม่มีขันธ์ห้าแล้ว แต่ถ้าพระพุทธเจ้าพระองค์ใดที่มีอายุขัยยืนยาวมาก ก็จะดับธาตุดับขันธ์นิพพานหมด ไม่มีเหลือทั้งธาตุและขันธ์ จะไม่ต้องมาทำกิจหรือดำรงฐานะพระเจ้าอีกต่อไป ตายแล้วนิพพานเลยทันที ไม่มีกิจใดเหลืออยู่อีก

    อย่างพระพุทธเจ้าสมณโคดม ยังทรงทำกิจโปรดสัตว์ต่อจนกว่าจะหมดอายุพุทธกาลคือห้าพันปี ดังนั้น ท่านจึงกระทำเพียง “ดับขันธปรินิพพาน” ไม่ได้ทำ “ธาตุขันธ์นิพพาน” จึงเหลือมโนธาตุอยู่ ทำกิจโปรดสัตว์ต่อไป เราสามารถเห็นได้ด้วยตาทิพย์ หรือถ้าไม่เห็น ใช้วิธีของชาวคริสต์ คือ ระลึกนึกถึงพระเจ้าว่าทรงเป็นหนึ่งเดียวกับเรา เป็นพระจิต อยู่กับเรา ก็จะได้ปัญญาจากท่านได้ ด้วยวิธี “จิตสู่จิต” แบบเซน ซึ่งเป็นวิธีที่พระพุทธเจ้าใช้สื่อจิต สอนธรรมมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว แม้ท่านจะไม่เหลือขันธ์ห้า แต่จิตหรือมโนธาตุยังคงทรงไว้ สามารถโปรดสัตว์แบบจิตสู่จิตหรือแบบเซนได้เหมือนเดิม ดังนี้ ชาวคริสต์ก็เป็นเซนด้วยนะ เข้าใจไหม พุทธกับคริสต์ก็อย่างเดียวกันแหละ ค้นพบสิ่งเดียวกัน สรุปดังนี้

    พระเจ้ามีทั้งที่เคยเป็นพระพุทธเจ้าบนโลก แล้วดับขันธปรินิพพาน เหลือแต่มโนธาตุ ไปทำกิจต่อบนสวรรค์ ผ่านทางพระบุตร เนื่องจากทรงไม่เกิดอีก ไม่มีขันธ์ห้าแล้ว แต่ยังไม่นิพพานหมด เพราะยังทรงทำกิจอยู่นั่นเอง และทั้งที่ไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าบนโลก แต่มีบารมีมาก แล้วดับขันธปรินิพพานไปเหลือแต่มโนธาตุ เพื่อดำรงทรงทำกิจโปรดสัตว์ต่อไป แบบนี้อาจมาจากพระโพธิสัตว์ก็ได้ หรือพระยูไลก็ได้ ส่วนพระพุทธเจ้า ต้องตรัสรู้บนโลกแล้วโปรดสัตว์ แต่ละสังขารแล้วจะนิพพานเลยหรือดับแต่ขันธ์ห้า เหลือมโนธาตุไว้ทำกิจต่อบนสวรรค์ในฐานะ“พระเจ้า” อีกได้ เมื่อทำกิจจบแล้วก็จะนิพพานเหมือนกัน

    ถาม : หมายความว่าถ้าดับขันธปรินิพพานจะกลายเป็นพระเจ้าหรือ?

    ตอบ :

    ก็ไม่เชิง ผู้เป็นพระเจ้า จะยังไม่นิพพานแบบสิ้นเชื้อ ยังมีกิจทำอยู่ เหมือนอย่างที่เราเห็นพระเจ้าทั้งหลายกระทำต่อโลกนั่นแหละ ทั้งที่ปรากฏไว้ในตำราคริสต์หรืออิสลาม ท่านยังมีกิจต้องทำอยู่ ไม่สำเร็จก็เข้านิพพานไม่ได้ เมื่อทำกิจสำเร็จหมดแล้วก็จะได้นิพพาน ท่านที่รู้แจ้งถึงนิพพานแล้ว เบื่อหน่ายในขันธ์ห้า แต่ยังทำกิจไม่จบไม่เสร็จสิ้นได้ ก็จะทำการดับขันธปรินิพพาน เหลือแต่ “มโนธาตุ” ไว้ทำกิจต่อไป โดยอาศัยพระมหาโพธิสัตว์ ลงมาเกิดเพื่อช่วยประสานงานบนโลกในฐานะพระบุตร เหมือนพระนบีมูฮัมหมัดและพระเยซู ทั้งนี้ พระเจ้าและเหล่าพระสาวก จะมีวิมานอยู่บนสวรรค์

    แต่พระเจ้า ไม่จำเป็นต้องอาศัยวิมาน เพราะดับขันธปรินิพพานทำให้ไม่ต้องพะวงเรื่องการอยู่อาศัย ปรากฏได้ทุกสถานที่ วิมานจะมีหรือไม่ ไม่สำคัญ แต่ที่ต้องมีเพราะเอาไว้รองรับ ให้ผู้ที่เป็นสาวก เมื่อตายลงจิตจะจุติตามท่านมา ถ้ายังไม่ได้ดับขันธปรินิพพาน ก็จะต้องมีวิมานรองรับเขานี้ เมื่อพระเจ้านิพพานแล้ว พระสาวกทั้งหมดในสวรรค์นั้น ก็จะนิพพานบนสวรรค์นั้นด้วย ที่เรียกว่า “ชีวิตนิรัน” คือ ภาวะไม่ตายอีกแล้ว ไม่มีการเกิดและดับอีกแล้ว นิพพานนั่นเอง ถ้านิพพานทั้งธาตุและขันธ์ก็ดับหมดสิ้นเชื้อ ไม่เหลือกิจอะไรจะทำได้อีก

    มโนธาตุมีกิจรู้ ถ้าดับธาตุตัวนี้นิพพานแล้ว จะพ้นจากทั้งภาวะรู้และไม่รู้ ไม่รู้ก็เหมือนรู้ รู้ก็เหมือนไม่รู้ จึงหมดกิจรู้หรือไม่รู้ ดับสนิทนิพพานสิ้นเชื้อ แบบนี้ไม่มีภาวะที่จะทำกิจแบบพระเจ้า ก็ไม่ใช่พระเจ้าอีก นิพพานหมดเลย ไม่มีอย่างอื่นให้เหลืออีก อนึ่ง ผู้ที่จะอยู่ในภาวะพระเจ้าได้ก็ต้องมีบุญบารมีมาก มีกรรมมากเกินกว่าอายุขัยมนุษย์จะชำระได้หมด จึงต้องชำระต่อในสวรรค์ ดังนั้น พระสาวกธรรมดา ดับขันธปรินิพพานเป็นพระเจ้าไม่ได้ แต่มีภาวะเดียวกับพระเจ้าได้ด้วยการดับขันธปรินิพพาน แต่จะไม่ทำหน้าที่พระเจ้า อันนี้ แตกต่างกันอยู่

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=640880

    สารเตือนมนุษย์.....จากพระผู้เป็นเจ้า

    *** สารโปรดมวลมนุษย์ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาล ****

    ศาสนศาสตร์ในโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ แท้จริงแล้วมีเพียงหนึ่งเดียว….เพราะทุกชีวิตทุกดวงวิญญาณ จะต้องอยู่อาศัยบนโลกมนุษย์ด้วยหลักเดียวที่ปักไว้อย่างมั่นคง นิ่ง ไม่กระดุกกระดิก นั้นคือ “หลักสัจจะธรรม”…. ทุกดวงวิญญาณจะต้องเวียนว่ายตายเกิด เพื่อทำในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ และทำในสิ่งที่ยังทำไม่ได้….คือ การปลิด ปลด ลด เลิก นิสัยสันดานที่ไม่ดีของตนเองที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด….

    ทุกชีวิตในจักรวาล คือ มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ ล้วนคือดวงวิญญาณ คือเพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมสุข เป็นเพื่อนร่วมโลกที่ต้องอาศัยพึ่งพากันทั้งสิ้น…มนุษย์ คือ ผู้มีร่างกายที่สมบูรณ์ มีสติปัญญา รู้ดี รู้ชั่ว สามารถคิดและเลือกทำในสิ่งที่ต้องการได้…สัตว์และต้นไม้ คือ ผู้ที่เคยกระทำผิด เบียดเบียนชีวิต และร่างกายผู้อื่นทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ จึงถูกพิจารณาลงโทษให้ดวงวิญญาณไปเกิดในร่างของสัตว์และต้นไม้ อยู่อาศัยหากินได้ด้วยความทุกข์ทรมานแสนยากลำบากยิ่ง…

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาล จึงมีพระเมตตาให้ทุกดวงวิญญาณได้มีโอกาส มีหนทางพ้นทุกข์….ในแต่ละยุคสมัย จึงลงมาปรากฏกายบนโลกมนุษย์ เพื่อส่งมอบศาสนศาสตร์ คือ คำสั่งสอนในแต่ละศาสนา ให้มนุษย์ในแต่ละยุคได้นำไปปฏิบัติ….จนกว่าจะสามารถขจัดนิสัยสันดาน กิเลส ตัณหา ได้จนหมดสิ้น…ดวงวิญญาณของผู้ที่ทำได้ จึงไม่ต้องเกิดใหม่อีกครั้ง….

    แต่จะได้เดินทางไปยังดินแดนที่ไม่ตาย ไม่สูญสลาย มีแต่ความสุขที่แท้จริง … นั้น คือดวงวิญญาณจะสามารถหลุดพ้นไปจากแรงดึงดูดของโลก ออกไปในอวกาศมุ่งสู่ภายในดวงอาทิตย์ที่แสนอบอุ่น คือ ดินแดนที่สุดของสรวงสวรรค์ เรียกว่า “แดนนิพพาน” …เมื่อนั้นเราจึงจะรู้ได้เห็น สิ่งที่เราเคยกระทำมา ทุกย่างก้าวในอดีตทั้งหมด

    ศาสนาที่กำเนิดขึ้นบนโลกหลายยุคสมัย คือ คำสั่งสอน คำบัญชาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจักรวาล ที่ได้ส่งมอบให้มนุษย์ผู้หนึ่งที่เชื่อและศรัทธา ได้นำไปปฏิบัติและเผยแพร่ต่อไป….คำสั่งสอนในแต่ละยุคจึงเหมาะสมต่อสภาวะ สถานการณ์ในขณะนั้น….ศาสนาต่างๆ จึงเป็นคำสั่งสอนเพื่อให้มนุษย์มีเมตตา มีความรัก ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ช่วยให้เกิดความสงบสุขบนโลกมนุษย์….

    มีเพียง ศาสนาเดียว ที่เป็นคำสั่งสอนสูงสุดที่จะทำให้มนุษย์สามารถปฏิบัติตน จนหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด และมุ่งสู่ดินแดนที่สุดของสรวงสวรรค์ได้ …คือ “พุทธศาสนา”… ดังนั้น ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาหลักของโลก โดยมีศาสนาอื่นคอยช่วยสนับสนุนมนุษย์โลก ให้มาพบศาสนาพุทธในภายหลัง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

    พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า หมายถึง คำพูด คำบัญชาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ พระเจ้า หรือ พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดของทุกศาสนา ซึ่งแท้จริงแล้วคือ “โลกุตตระ” นั้นเอง

    โลกุตตระ หมายถึง “พระไตรปิฎก” ที่อุบัติเกิดขึ้นเป็นมนุษย์เหนือโลก บนโลกทุกๆ หมื่นปี กำเหนิดขึ้นมาในยามที่ศาสนศาสตร์กำลังจะวิบัติ มนุษย์นับถือศาสนาแต่ปากและกำลังจะทำลายล้างกันเอง จึงต้องอุบัติมาเพื่อสานต่อศาสนาจนครบอายุพุทธกาลที่ได้พยากรณ์ไว้ …โดยโลกุตตระ จะนำพาสั่งสอนให้บุรุษผู้หนึ่งที่เชื่อพระองค์ ได้บรรลุธรรมสูงสุด ….

    แล้วจึงเป็นหน้าที่ของบุรุษผู้นี้ที่จะต้องนำพาทุกดวงวิญญาณให้ได้พบกับ “หลักสัจจะธรรม” ได้รู้ “ความหมายของหลักสัจจะธรรม” ที่แท้จริง… เพื่อให้มนุษย์ได้ยำเกรง “ผลการกระทำของตนเอง” ว่าจะต้อง มีผลตอบแทนย้อนกลับมา…อย่างแน่นอน

    พระไตรปิฎก หมายถึง “คำสั่งสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้า” ศาสดาของพุทธศาสนาทุกพระองค์ที่เคยอุบัติเกิดขึ้นมาแล้วบนโลกหลายยุคสมัย พระไตรปิฎกจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาลเป็นคำบัญชา เป็นโองการสูงสุดที่มนุษย์จะต้องเชื่อและปฏิบัติตาม

    เหตุของวันสิ้นยุค หรือ เหตุของวันแห่งการพิพากษา คือ ผู้มีอำนาจของประเทศหนึ่งประเทศใดฝ่าฝืน ไม่เชื่อ ไม่ปฏิบัติตามโองการของพระเจ้าสูงสุดของแต่ละศาสนา ซึ่งหมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสากลโลกและจักรวาล นั่นคือ โองการของโลกุตตระ

    โองการของพระผู้เป็นเจ้าครั้งล่าสุด ซึ่งหมายถึง โองการของโลกุตตระ คือ พรโปรดมนุษย์ ที่ประกาศไว้ เมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐ มีเนื้อความว่าดังนี้

    “ ถึง ผู้มีอำนาจทั้งหลายทั่วโลก เราขอประกาศไว้ว่า…….สถานที่นี้ เอาหลักธรรมของ โลกุตตระ มานำสัตว์ให้หลุดพ้น เพราะฉะนั้นผู้มีอำนาจทั้งหลาย ขอให้ตั้งอยู่ในความสงบ อย่าได้เอาท้องฟ้านี้ เป็นสนามรบ ถ้าฝ่าฝืน ประเทศใด ประเทศหนึ่งฝ่าฝืนโองการของ โลกุตตระ…….ฟ้าจะต่ำลงมา ”

    ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น หมายถึง ฟ้าจะต่ำลงมา…ยักษ์ที่ถูกสาปจะตื่นลุกขึ้นอาละวาด คือ เปลือกโลกทั้งหมดจะเคลื่อนตัวครั้งยิ่งใหญ่ โลกจะเสียสมดุลหมุนกวัดแกว่ง….มนุษย์บนโลกจะเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวเดือนไม่เคลื่อนที่ตามปกติ ไม่เป็นเส้นตรง … มนุษย์ในอวกาศ จะมองเห็นโลกหมุนพลิกกลับไปมา หักมุม…

    สงครามที่ฝ่าฝืนโองการของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บังอาจใช้ท้องฟ้าเป็นสนามรบ จะไม่มีฝ่ายใครเสียใครสูญ หาผู้ชนะไม่ได้…. แต่จะทำให้ โลกมนุษย์ “ระส่ำระสาย”… ประเทศที่โหดร้ายจะราบพณาสูญ หลายประเทศที่เป็นเกาะอยู่ติดหน้าผาที่ขอบเปลือกโลก จะจมหายในทะเล คลื่นยักษ์สูงเท่าฟ้าจะถาโถมใส่แผ่นดินและเกาะต่างๆ….

    เมืองและผู้คนที่ไม่เชื่อใน “สัจจะ” จะถูกกวาดหายไปสิ้น…แผ่นดินจะแยกออก พ่นไฟสีเขียวจากใต้พิภพมาเผ่าผลาญและสูบสิ่งที่ไร้สาระและมนุษย์ที่ไม่ถูกจัดสรรให้เข้ายุคศิวิไลซ์ จะหายจมลงใต้พื้นดิน…สายฟ้าที่ใหญ่กว่ามนุษย์เคยพบเห็นหลายร้อยหลาย พันเท่า จะฟาดลงกลางเมืองถิ่นของมนุษย์ที่จิตใจสกปรกหยาบช้า …. แผ่นดินจะระเบิดออก เพราะแรงจากพายุสายฟ้า …

    พายุที่ยิ่งใหญ่จะก่อตัวติดๆ กัน ลูกแล้วลูกเล่า พัดทำลายความชั่วร้ายทุกอย่างจนหมดสิ้น…รวมทั้งความชั่วร้ายโหดร้ายในใจมนุษย์ชนิดขุดรากถอนโคน

    เรือของโนอาห์ เคยช่วยให้มนุษย์และสัตว์รอดจากภัยน้ำท่วมโลกในอดีต แต่ยุคปัจจุบัน สิ่งที่จะช่วยให้รอดพ้นจากสรรพภัยทั้งปวง คือ “สัจจะ” สัญญาใจของตนเอง คือ การตั้งใจจริง ที่จะทำความดีอยู่เป็นประจำทุกวัน วันละอย่าง วันละข้อ โดยกำหนดความชัดเจนที่จะทำให้กับตนเองด้วย “กำหนดเวลา” ที่จะสิ้นสุด …

    จึงขอให้เชื่อว่า “สัจจะ มีผลตอบแทน” … ผู้มีสัจจะ ผู้ทีเชื่อในสัจจะ คือ ผู้ที่ได้รับการคัดสรรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากโลกกุตตระ หรือพระผู้เป็นเจ้า จะได้รับการยกเว้นจากดินฟ้าอากาศ ให้อยู่รอดอย่างปฏิหาริย์…. เพื่อจะได้พบกับ “หลักสัจจะธรรม” และ “บุรุษผู้ที่ทำได้” ในยุคศิวิไลซ์ต่อไป

    หนุมาน ผู้นำสาร หมายถึง นามแฝง ของผู้นำสารจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาล คือ ศาสนทูตของพระผู้เป็นเจ้าในยุคปัจจุบัน ก่อนที่มนุษย์โลกกำลังจะเผชิญกับสรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาล หรือ วันสิ้นยุค หรือ วันพิพากษา หรือ วันโลกาวินาศตามคัมภีร์ของแต่ละศาสนา

    สิ่งที่ใช้ยืนยันความจริงในสารที่ หนุมาน ผู้นำสาร ได้นำมาจากพระผู้เป็นเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแห่งจักรวาล คือ พระพุทธรูปเก่าแก่หนึ่งเดียวของศาสนาศาสตร์ ที่ถูกปิดบังความจริงด้วยแท่งหินสีดำใหญ่ ที่ครอบไว้ ณ ใจกลางนครเมกกะ ซึ่งชาวมุสลิมทุกท่านมีความศรัทธากราบไหว้มายาวนาน กาลเวลานี้ คือเวลาเหมาะสมที่ความลับในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของโลกแห่งนี้จะถูกเปิดเผยต่อมวลมนุษย์ เพื่อความสันติสุขจะกลับคืนมาสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง ก่อนที่มนุษย์ผู้หนึ่งจะทำลายโอกาสของดวงวิญญาณที่จะมาเกิด…ด้วยการฝ่าฝืนโองการของสิ่งศักดิ์สิทธิ์….

    “ อย่าได้เอาท้องฟ้านี้ เป็นสนามรบ ” !!!!!!!

    ในวันแห่งการพิพากษา The Day of Judgment วันที่พระเจ้ากลับมา วันแห่งการสิ้นยุค วันที่พระธรรมจะกลับมา “ให้ทุกคนระวังตัวให้ดี …วันเวลาที่ใกล้เสด็จกลับมา จะได้ยินเสียงสงคราม ข่าวลือสงคราม … จะต่อสู้สงครามกัน เกิดความกันดาร อดอยากทุกข์ยาก เกิดแผ่นดินไหวไปทั่ว … เมื่อเห็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว น่าเกียจน่าชัง คือ คนไร้สัจจะ ที่ไม่เชื่อในโองการจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะก่อให้เกิดสงครามนิวเคลียร์

    ขอให้หนีไปดินแดนที่สูง เมืองใหญ่ที่มั่งคั่ง มีแต่การแย่งชิงผลประโยชน์เบียดเบียนกันจะอันตราย อย่ามัวชักช้า รีบหนีไปบ้านนอกคอกนา ไปถิ่นคนมั่นคงในศาสนา ภัยจะมาเร็ว โลกจะระส่ำระสาย … การเสด็จมาของบุรุษผู้ทำได้ จะปรากฏ ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ !!!!!!!

    ผู้ที่รู้แล้วไม่บอกต่อๆ กัน นับเป็นกรรมยิ่งนัก … กรรมกำลังปรากฏชัดขึ้นเรื่อย

    โดย “ หนุมาน ผู้นำสาร ”

    ——————————

    ไม่ได้ต้องการให้เชื่อ “หนุมาน ผู้นำสาร”…แต่ปรารถนาที่จะให้เชื่อในสาระที่นำมา และ “สัจจะ” ….หนทางปฏิบัติของมวลมนุษย์ทุกคน….พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ สำเร็จได้ด้วย “สัจจะ” เช่นกัน…

    - ” หนุมาน ผู้นำสาร ”

    ———————————-

    *** ไม่ยั่วยุกัน ****


    อิหร่าน ไม่ยั่วยุ ได้ไหม ?

    เกาหลีเหนือ ไม่ยั่วยุ ได้ไหม ?

    จีน ไม่ยั่วยุ ได้ไหม ?
    รัสเซีย ไม่ยั่วยุ ได้ไหม ?
    อเมริกา อดทน ได้ไหม !!!
    สุดท้าย…ไม่มีใครชนะ….ต่างระส่ำระสาย หาที่ยืนที่อาศัย ยากลำบาก !!!!
    แล้วจะทำอย่างไร
    เคยคิดต่อบ้างไหม…ว่า ยิงอาวุธนำวิถี ….แล้วจะเกิดอะไรตามมา !!!
    พระเจ้า…เทพเจ้า ของท่าน…เตือนแล้วนะ


    - ” หนุมาน ผู้นำสาร ”

    —————————-


    คนทุกชาติ ทุกศาสนา…ถ้าไม่มี “สัจจะ” ….ก็ไม่มีวันได้พบแสงสว่าง…หนทางหลุดพ้นจากความทุกข์ไปได้


    - ” หนุมาน ผู้นำสาร ”

    ——————————–

    *** แก่นสาร ทางตรงสู่นิพพาน ****

    “สัจจะปฏิบัติ”… คือ แก่นสาร ของพุทธศาสนา….เป็น “ทางตรงสู่ นิพพาน”

    “สัจจะปฏิบัติ”…. ไม่พาให้หลงออกนอกเส้นทาง…ไม่หลงกาย….ไม่หลงวัตถุ…ไม่หลงพิธีการ…ไม่หลงอภินิหาร….ไม่พาให้หลงงมงาย

    “สัจจะปฏิบัติ”….ทำให้ลด…ไม่ทำให้เพิ่ม
    ลดนิสัย ลดสันดาน…ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดให้หมดไป…ทำให้ลดกิเลสจนหมดสิ้น
    ไม่ทำให้เพิ่ม…ความอยาก ความต้องการ กรรม สิ่งผูกพันธ์ที่ส่งผลเสียในอนาคต
    “สัจจะปฏิบัติ”…. ทำให้เกิด “การกระทำใหม่” ในชีวิตของเรา…ฝืนไม่ทำตามนิสัยตนเอง
    ทำให้เกิด “ผลของการกระทำ” ติดตัวของเราไปตลอดกาล
    “สัจจะ” ทำให้ชีวิตเราในอนาคต ดีขึ้นเรื่อยๆ …ไม่ตกต่ำลง
    “สัจจะปฏิบัติ”….มีผลต่อผู้ที่ปฏิบัติได้เท่านั้น…เป็นเรื่องเฉพาะตัว
    อยู่บนหลัก “ตนพึ่งตน”….
    ทุกคนต้องพึ่งการกระทำของตนเองที่ได้ทำมาแล้วในอดีต !!!!


    - ” หนุมาน ผู้นำสาร ”

    ——————–

    *** ดิน น้ำ ลม ไฟ ****

    “ดินฟ้าอากาศ”…. เป็นพี่เลี้ยง ให้กับ “พระไตรปิฎก” เมื่อยามปรากฏบนโลกเป็น “โลกุตตระ” มนุษย์เหนือโลก

    “พระแม่ธรณี”…บอกกับ “โลกุตตระ” ว่า…”ขอเชิญท่านกลับ เมื่อไม่มีผู้ใดสนใจท่าน”

    “ไฟป่า”…ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ…คือ ความเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ …จัดสรรให้ สรรพสัตว์ และต้นไม้ ได้ตายลง และไปเกิดใหม่…หมดการชดใช้กรรม ไปอีก ๑ ชาติ…แล้วไปเกิดใหม่ในที่ที่ดีขึ้นตาม ผลการกระทำ…. คือ “ตัวกระทำ” ที่ติดอยู่กับดวงจิตวิญญาณ

    “สายฟ้า” มักทำลายผู้ผิด “สัจจะ” ร้ายแรง …ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็ตาม…เช่น สาบาน ปฏิญาณ คำสัตย์ สัตย์อธิษฐาน สัจจะอธิษฐาน ฯลฯ

    “ฟ้าอากาศ”…ประทาน “สายฟ้า” ลงกลางป่าใหญ่…เกิดไฟป่าเผาผลาญสัตว์ ต้นไม้ ให้ไปเกิดใหม่

    “น้ำ”…เมื่อ มนุษย์ขาด “ความเมตตา”… ไม่เชื่อใน “หลักสัจจะธรรม” …ปากบอกเชื่อ แต่การปฏิบัติไม่มี…สร้างความโหดร้ายต่อกัน…น้ำ สิ่งที่ “หล่อเลี้ยงมนุษย์” จะถูกจัดสรร…ให้แห้งหายไป โดยซึมหายไปใน ดิน คือ “แม่ธรณี”…และ ระเหยขาดหายไปด้วย…พลังงานจาก “แดนนิพพาน” นั่นคือ “ดวงอาทิตย์”

    เมื่อ… “มนตรีพระ ทั้ง ๓๒ องค์ ที่ดูแลจักรวาล” …เห็นว่า ถึงเวลาแล้ว …ที่จะต้องจัดสรรโลกให้สมบูรณ์ขึ้น…จึงจัดสรร “น้ำ” ที่อยู่ในรูปน้ำแข็งใน “แหล่งน้ำของจักรวาล คือ ทางช้างเผือก”…มาสู่โลก ด้วยกระแส “ลม” ในจักรวาล…ให้มาลงที่ ไซบีเลีย…เสียดสีกับอากาศ จนกลายลักษณะเป็น ละอองฝน ละอองน้ำ มีเพียงบางส่วนที่ตกมาเป็น ก้อนน้ำแข็งกลมใหญ่เท่าแตงโม…จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในท้องฟ้า เช่น ฝนดาวตกในช่วงเวลาต่างๆ

    โลกยุคใหม่…ที่กำลังจักเกิดขึ้น จึงมีน้ำมาเติมจนเต็มครบส่วน ตามที่ขาดหายไป…และจะกลายเป็น “ยุคศิวิไลซ์”…หรือ “ยุคพระศรีอารย์” …หรือ สวนสวรรค์ตามคัมภีร์โบราณต่างๆ ได้กล่าวไว้ เมื่อ โลกมี “ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น”…การพยากรณ์ดินฟ้าอากาศ ของมนุษย์จากสถิติเก่า จึงผิดเพี้ยนไป…ไม่สามารถคาดการได้ถูกต้องแม่นยำ เหมือนที่เคยทำได้

    “ดิน” …แม่ธรณี คือ แผ่นดิน …รวมดิน หิน ทราย และ ซากสังขารของ มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ ที่เน่าเปื่อยทับทม คือ เปลือกโลกทั้งหมด….

    แผ่นดิน ชั้นหิน…คือ “บันทึกประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก…ไว้ให้มนุษย์ได้ ค้นคว้าศึกษา “ความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต”… เพื่อจะได้เข้าใจ “หลักสัจจะธรรม” และผลของการกระทำของมนุษย์ในอดีตกาลยุคต่าง ๆ ที่ผ่านมา …. แต่ มนุษย์ ก็มองข้ามไม่สนใจค้นหาว่า…อะไรคือ “หลักสัจจะธรรม” …และ….อะไร คือ “การปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักสัจจะธรรม”

    การเคลื่อนไหวของเปลือกโลก…แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก แผ่นดินทรุด ภูเขาไฟระเบิด …คือ การจัดสรรของโลก…เพื่อให้เกิด ความสมบูรณ์ และสมดุล

    หาก…มนุษย์ไม่ฝ่าฝืน “โองการของสิ่งศักดิ์สิทธิ์” ที่มอบไว้ให้เมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐ …”อย่าได้เอาท้องฟ้ามาเป็นสนามรบ”….โลก คือ ทั้ง ดินฟ้าอากาศ จะปรับตัวอย่าไม่โหดร้าย…เพราะ โองการนี้ เป็นทั้ง “พรศักดิ์สิทธิ์” เมื่อมนุษย์ร่วมใจกันปฏิบัติตาม…แต่ โองการนี้ จะเป็น “คำสาป” ทันที เมื่อมนุษย์ผู้ใดผู้หนึ่งฝ่าฝืนโองการ…วันแห่งการพิพากษา The Day of Judgment วันสิ้นยุค จะปรากฏทันที…โลกมนุษย์จะ “ระส่ำระสาย”…จะหาผู้แพ้ ผู้ชนะสงครามไม่ได้

    ขอให้มวลมนุษย์โลก…ช่วยกันอ้อนวอน มนุษย์ผู้มีอำนาจทั้งหลายทั่วโลก…อย่าได้ก่อสงครามอีก…อย่า ได้ฝ่าฝืน โองการของพระผู้เป็นเจ้า โลกุตตระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาล…ขอให้ใช้พลังมวลชนเพื่อสันติสุข ช่วยกันออกมาหยุดยั้งสงคราม เพื่อให้สังคมโลกกลับมาสงบสุขอีกครั้ง…เพื่อที่มนุษย์และสัตว์ทุกชีวิต จะได้ร่วมกันก้าวเดินไปสู่ “ยุคศิวิไลซ์” ที่กำลังเกิดขึ้นในอีกไม่นานข้างหน้า

    ขอให้มนุษย์ทุกคน รักษาชีวิต และร่างกายไว้ให้ดีที่สุด…และได้พบกับพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า โลกุตตระ และหลักสัจจะธรรม สิ่งสูงสุดในจักรวาล ต่อไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่จะถึง

    ขอให้ผู้มีเมตตาต่อมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ได้ช่วยกันเผยแพร่ธรรมบทนี้ให้กระจายครอบคลุมทั้งโลก

    - ” หนุมาน ผู้นำสารจาก สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ”

    โพสเมื่อ 2010-3-31 18:58

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2011
  11. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    16 ธ.ค. 54

    พื้นที่ ขึ้นต้น ตัวสุ
    ระบุ อยู่ใน เว็บนี้
    ภูเขา พ่นไฟ นั้นมี
    ราวี เมื่อถึง เวลา

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน

    ปล. ท่านอนุบาล1 ติดต่อรถตู้ไปถึงไหนแล้วครับ ช่วยแจ้งกลับด่วน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 ธันวาคม 2011
  12. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64
    อ่านแล้วปวดหัว มึนๆๆๆๆๆ เด๋วเขาก้อเอามาว่า เอาศาสนามาปนกันอีกละ
     
  13. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    16 ธ.ค. 54

    สองเด้ง

    สุ...ธน คือภาพ ทั้งสอง
    มัวหมอง ภาพธน ไม่ชัด
    มุมสูง มองดู อึดอัด
    เมื่อชัด แล้วจะ แจ้งมา

    ปล. สุ...คือ ดิน
    ธน...คือ...?

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 16 ธันวาคม 2011
  14. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    สุราษฎร์ธานี มีบ่อน้ำร้อน คือหลักฐาน พลังงานใต้พิภพ

    [​IMG]

    ญี่ปุ่น ดินแดนภูเขาไฟ เรียก ออนเซ็น

    ที่จริงหลายจังหวัด มีบ่อน้ำร้อนบ้าง น้ำพุร้อนบ้าง นั่นล่ะ พลังานใต้พิภพที่ยังเดินเครื่องอยู่

    เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง ตาก ราชบุรี กาญจนบุรี ระนอง

    [​IMG]
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ถ้าปวดหัว มึนหัว ก็เลิกอ่านไปเสียก็หมดเรื่อง

    ของง่ายๆ แค่นี้เอง จะตามเข้ามาอ่านอยู่ทำไมกัน

    ถ้าไม่เชื่อ ก็ไปดูหนัง ฟังเพลง ให้สบายใจดีกว่า

    กระทู้นี้ ขอสงวนให้กับผู้ที่มีสติปัญญา ได้อ่านกันเท่านั้นครับ
     
  16. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949

    คิดค่อนข้างเหมือนกันกับผมครับ
    ๕๕ - ๕๖ น่าจะเป็นภัยจากน้ำ - ดิน
    ตั้งแต่ ๕๗ น่าจะเป็นไฟ

    นอกจากน้ำจะท่วมหนักแล้ว
    แล้งหนักอาจตามมา
    อดอยาก ขาดแคลน
    เตือนพ่อแม่พี่น้องชาวนา อย่าพึ่งหลงระเริงกับข้าวตันละสองหมื่น
    ขายข้าวหมด ไม่เผื่อเหลือไว้ให้มาก
    ฝนฟ้าแปรปรวน อาจไม่ได้ทำนา
    มีเงิน อาจไม่มีข้าวให้ซื้อกิน..ก็อาจจะเป็นได้
     
  17. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ๒๕๕๕ ภัยดินน่าจะแรง

    [​IMG]
     
  18. GreenTea32

    GreenTea32 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +12
    ถ้า สุ...คือ ดิน
    ธน...ก็น่าจะหมายถึง น้ำ ครับ
     
  19. okung3036

    okung3036 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +183
    2554 น้ำ
    2555 ดิน
    2556 ไฟ
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แอฟริกาตะวันตก..อดอยาก 9 ล้านคนจากภัยแล้ง

    [​IMG]

    องค์การช่วยเหลือระหว่างประเทศเตือนว่า มีประชากรมากถึง 9 ล้านคนในแอฟริกาตะวันตกที่อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤตอาหาร อันเนื่องมาจากภัยแล้ง และราคาอาหารพุ่งสูง

    5 ประเทศในแอฟริกาตะวันตก ประกอบด้วยมอริเตเนีย, ไนเจอร์, บูร์กีนาฟาโซ, มาลี และชาด กำลังเสี่ยงได้รับผลกระทบรุนแรงจากวิกฤตอาหาร ขณะที่คลังอาหารสำรองภายในประเทศเหล่านี้กำลังร่อยหรอลง และราคาธัญพืชสำคัญบางรายการมีราคาเพิ่มขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะที่ไนเจอร์ ซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุด ราคาข้าวและเนื้อสัตว์ได้เพิ่มขึ้นทำสถิติ และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง เนื่องจากภัยแล้งยืดเยื้อทำให้มีผลผลิตออกมาน้อย

    โครงการอาหารโลกเป็นหนึ่งในองค์กรที่เรียกร้องให้นานาชาติให้ความช่วยเหลือเพื่อป้องกันอาหารขาดแคลนจนเข้าขั้นวิกฤต โดยขณะนี้ทางโครงการได้ตั้งจุดแจกจ่ายอาหารตามศูนย์สุขภาพชุมชนและโรงเรียน และขอให้นานาชาติบริจาคเงินสำหรับซื้อเสบียงอาหารมากักตุนเพิ่มขึ้น

    ขณะที่องค์กรการกุศลออกซ์แฟม ได้ปรับเพิ่มระดับเตือนทุพภิกขภัย พร้อมกับเตือนรัฐบาลและประชาชนในประเทศเหล่านี้ให้เร่งหามาตรการรับมือ ก่อนที่สถานการณ์จะรุนแรงจนควบคุมไม่อยู่เหมือนปีที่แล้ว

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันศุกร์ ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

    โคลนถล่มที่โคลอมเบีย

    [​IMG]

    สภาพอากาศเลวร้ายที่โคลอมเบีย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมา ต้องเผชิญทั้งฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและอุทกภัยครั้งรุนแรง ล่าสุดเมื่อสองวันก่อนเกิดดินถล่มทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คนสูญหาย 14 คน

    เกิดเหตุดินถล่มที่เมืองลาครูซ จังหวัดนาริโน ของโคลอมเบีย ดินถล่มเกิดขึ้นหลังจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและถล่มลงมาทับบ้านเรือน 3 หลัง พบศพแล้ว 1 คน ขณะที่อีก 14 คนสูญหาย เจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านช่วยกันค้นหาผู้สูญหายและกู้บ้านเรือนของพวกเขาที่ถูกดินถล่ม คาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นอีก

    ในวันเดียวกันนี้ที่เมืองบาลันคิลลา เมืองชายฝั่ง ได้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน กระแสน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมถนน เมืองดังกล่าวถึง 90 เปอร์เซ็นต์ จมอยู่ใต้น้ำ ขณะที่รถยนต์ 4 คันและรถบัสอีก 1 คันถูกกระแสน้ำพัดพา สำนักข่าวต่างประเทศยังได้จับภาพขณะรถแท็กซี่คันหนึ่งกำลังถูกน้ำพัดไปตามท้องถนนที่แปรสภาพกลายเป็นแม่น้ำไปแล้ว

    โคลอมเบียต้องเผชิญทั้งน้ำท่วมและฝนตกหนักมาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะด้านการส่งออก การประเมินความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าสูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 105,000 ล้านบาท ยอดผู้เสียชีวิตมีมากกว่า 120 คน ผู้ประสบภัยอย่างน้อย 5 แสนคน

    ประธานาธิบดีฮวน มานูเอล ซันโตส ของโคลอมเบียเผยว่า สภาพอากาศที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นนับเป็นสิ่งท้าทายที่หนักหนาสาหัสในการบริหารประเทศของเขาตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 16 เดือนที่ผ่านมา และปรากฏการณ์ลานีญ่า เป็นสาเหตุสำคัญของสภาพอากาศเลวร้ายครั้งนี้
    <!-- title news -->
    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัส ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

    อุทกภัยที่คอสตาริกา

    [​IMG]

    ที่คอสตาริกา ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดทั้งคืน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเอ่อล้นตลิ่ง เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย เมื่อวานนี้

    คณะกรรมาธิการฉุกเฉินแห่งชาติ หรือ ซีเอ็นอี ของคอสตาริกา สั่งอพยพประชาชน 1,052 คน ไปอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราว หลังจากเกิดฝนตกหนักตลอดทั้งคืนวานนี้ ในพื้นที่เขต Sarapiqui จนทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายเพิ่มสูงขึ้น และไหลทะลักเข้าท่วมอาคารบ้านเรือนหลายร้อยหลัง ได้รับความเสียหาย และทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน จากอุบัติเหตุรถไถลจากเนินเขาและร่วงลงสู่ถนนที่ถูกน้ำท่วม

    คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าวจะทวีความรุนแรง เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยาคอสตาริกา คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกลงมาอีกจนถึงวันนี้

    ข่าวทีวีช่อง 3 วันพฤหัส ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554

    ที่มา http://www.krobkruakao.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1323994357.jpg
      1323994357.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.2 KB
      เปิดดู:
      2,381
    • 1323928674.jpg
      1323928674.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.2 KB
      เปิดดู:
      2,336
    • 1323929164.jpg
      1323929164.jpg
      ขนาดไฟล์:
      27.8 KB
      เปิดดู:
      2,344
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ธันวาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...