หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ท่านทั้งหลาย ผมได้รับข้อความต่อไปนี้จากคุณสาวกธรรม1 ที่ส่งมาให้ เห็นว่าน่าสงสัยอยู่ จึงนำมาให้อ่านกัน อ่านแล้วจงวางอุเบกขาเสีย เพราะมีเรื่องราวทำนองนี้มากมายในช่วงเวลานี้ อีกประการหนึ่ง ในช่วงปีใหม่ยามสอง พวกเราก็คงนั่งภาวนาอยู่บนภูดานไห ก็คงได้พิสูจน์ไปด้วยกันนะครับ​

ปล. มีข้อสังเกตตรงที่ ทำไมผู้มีบุญถึงได้อายุสั้นแท้หนอ แค่ 5 ขวบกว่าๆเอง ทุกท่านลองใช้ปัญญาพิจารณาตรงจุดนี้ดูนะครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
2 ธันวาคม 2554​

สารจากคุณลุงทองใบ คำสี​

บ้านเลขที่ 234/2 [FONT=&quot]หมู่ [/FONT]1 [FONT=&quot]บ้านตามูล[/FONT]
[FONT=&quot]ตำบลทรายขาว อำเภอสอยดาว[/FONT]
[FONT=&quot]จังหวัดจันทบุรี [/FONT]2 2 1 8 0
[FONT=&quot]วันที่ [/FONT]28 [FONT=&quot]กันยายน [/FONT]2554

[FONT=&quot]สวัสดีครับ[/FONT][FONT=&quot]ผู้ที่รักผืนแผ่นดินไทย ทุกท่าน[/FONT]

[FONT=&quot]กระผม ชื่อนายทอง[/FONT][FONT=&quot]ใบคำสี[/FONT][FONT=&quot]เกิดวันที่ [/FONT]8 [FONT=&quot]ตุลาคม พ.ศ. [/FONT]2481 [FONT=&quot]อายุ [/FONT]73 [FONT=&quot]ปี เป็นชาวอำเภอสอยดาว[/FONT][FONT=&quot]จังหวัดจันทบุรี กระผมมีลูกทั้งหมด [/FONT]5 [FONT=&quot]คน เป็นผู้หญิง [/FONT]4 [FONT=&quot]คน ผู้ชาย [/FONT]1 [FONT=&quot]คน[/FONT][FONT=&quot]บุตรชายของผมคนเดียวชื่อ[/FONT]“[FONT=&quot]ปลาบู่[/FONT]”[FONT=&quot]ซึ่งได้เสียชีวิตมาแล้ว [/FONT]37 [FONT=&quot]ปี ตอนเขามีอายุได้ [/FONT]5 [FONT=&quot]ปี[/FONT] 8 [FONT=&quot]เดือน กับอีก [/FONT]15 [FONT=&quot]วัน[/FONT]

[FONT=&quot]ก่อนตายบุตร ชาย บอกกับผมว่า อีก [/FONT]15 [FONT=&quot]วันหนูจะตายแล้ว หนูอยากคุยกับพ่อ และให้ผมไปซื้อเทปมาบันทึกเสียงเขา[/FONT][FONT=&quot]แต่ผมไม่ได้ทำตาม เพราะไม่เชื่อว่าเขาจะตายจริง ๆ[/FONT]

[FONT=&quot]กระผมได้ฟังหลาย ๆ เรื่อง[/FONT][FONT=&quot]แต่เขียนเพียงบางตอนที่บุตรชายได้เล่าเมื่อ วันที่ [/FONT]23-25 [FONT=&quot]มิถุนายน พ.ศ.[/FONT]2517 [FONT=&quot]เป็นเวลา [/FONT]37 [FONT=&quot]ปีมาแล้ว เรื่องสำคัญ ๆ ที่เขาเล่าคือ[/FONT][FONT=&quot]เรื่องอดีตชาติของเขา และบุคคลสำคัญ ๆ[/FONT][FONT=&quot]เรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยและโลกในอนาคต[/FONT][FONT=&quot]เรื่องราวในอนาคตของประเทศไทย เรื่องสงครามโลกครั้งที่ [/FONT]3 [FONT=&quot]เรื่องดวงอาทิตย์ โลก[/FONT][FONT=&quot]จักรวาล ธาตุ เหล็กไหล มีความเป็นมาอย่างไร[/FONT][FONT=&quot]เรื่องขุมทรัพย์ในแผ่นดินที่พระแม่ธรณีเก็บเอาไว้หลาย ๆ แห่ง ฯลฯ[/FONT]

[FONT=&quot]รวม ถึงต้องการให้พ่อเป็น"ทูต" หรือ[/FONT] "[FONT=&quot]สื่อ"ให้มีการเตรียมการป้องกันเขื่อนที่จะพังจากแรงแผ่นดินไหว การวางท่อใหญ่ ๆ[/FONT][FONT=&quot]เพื่อระบายน้ำจากตัวเขื่อนลงทะเลเพราะน้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้[/FONT][FONT=&quot]และเรื่องการขุดคลองลัดคอคอดลูกน้ำเต้าเพื่อระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้[/FONT][FONT=&quot]ไหลเร็วขึ้น (ปัจจุบันเป็นโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว)[/FONT]

[FONT=&quot]ในเรื่องอดีตชาติของเขา เขาบอกว่า หนูระลึกชาติได้จริง ๆ[/FONT][FONT=&quot]เป็นปู่ของปู่ทวด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์รู้มั้ย ตาเป็นทิพย์ หูเป็นทิพย์[/FONT][FONT=&quot]หมดทั้งตัวเป็นไพฑูรณ์ เมื่อชาติก่อนโน้นหนูเคยเกิดเป็นพระชื่อ[/FONT]“[FONT=&quot]อชิตะ[/FONT]”[FONT=&quot]ตอนพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตได้บอกว่าหนูจะได้เป็น[/FONT]“[FONT=&quot]พระศรีอาริยเมตไตรย[/FONT]”[FONT=&quot]ไง ไม่ต้องมีตำรา[/FONT][FONT=&quot]ไม่ต้องมีคัมภีร์ก็เทศน์ได้[/FONT]

[FONT=&quot]เคยเกิดเป็นพระมหา[/FONT][FONT=&quot]กษัตริย์ไทยในอดีตหลายพระองค์จนถึงพระมหากษัตริย์ในสมัย กรุงรัตนโกสินทร์คือ[/FONT][FONT=&quot]สมเด็จพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเจ้าหลวง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล[/FONT][FONT=&quot]ตายแล้วเกิดเป็นหนู ตามหาพ่อมาเกิด อยากให้พ่อช่วยเป็นทูตทางวิญญาณบอกให้ท่านทราบ[/FONT][FONT=&quot]จะได้ป้องกันไว้ก่อนที่เขื่อนจะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว "[/FONT][FONT=&quot]แผ่นดินแยก เขื่อนแตกขาด" เขื่อนกักเก็บน้ำที่จังหวัดตาก (เขื่อนภูมิพล)[/FONT][FONT=&quot]จะพังเสียก่อนจะแก้ไขไม่ได้ โดยการเอาเหล็กรางรถไฟไปหุ้มให้แข็งแรงเป็นเขื่อนเหล็ก[/FONT][FONT=&quot]จะได้พังไม่มาก จากหนักจะได้เป็นเบา[/FONT]

"[FONT=&quot]หนูมองเห็นความเสียหาย มีคนตายมากมาย อำเภอสามเงา[/FONT][FONT=&quot]ตากนครสวรรค์ อโยธยา ปทุมธานี นนทบุรี โรงพยาบาลศิริราช ท่าเรือคลองเตย[/FONT][FONT=&quot]เครื่องบินโดยสารไอพ่นจมน้ำด้วย"[/FONT]

[FONT=&quot]เขาถามผมว่า[/FONT]" [FONT=&quot]รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั้ยพ่อ[/FONT]?" " [FONT=&quot]รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ยพ่อ[/FONT]?" ([FONT=&quot]ปี พ.ศ.[/FONT]2517 [FONT=&quot]ยังไม่มีรถไฟลอยฟ้าและรถไฟใต้ดิน) ใต้กรุงเทพฯ- ธนบุรีไม่มีลูกรัง-หิน[/FONT][FONT=&quot]มีแต่ทรายทับถมโคลนตมอยู่ลึกๆ คนโบราณก่อสร้างเมืองไม่ต้องตอกเสาเข็ม[/FONT][FONT=&quot]เอาซุงมาทำแพบก จึงทำได้มั่นคงแข็งแรง[/FONT]

[FONT=&quot]แม่น้ำเจ้าพระยาถูกขุดลอกให้ลึก ๆ เป็นอันตรายมาก ๆ[/FONT][FONT=&quot]เพราะทรายทับถมตมเลนเหลือบางมาก ๆ ทำให้ตมเลนปูดทะลักขึ้นมาในแม่น้ำเจ้าพระยา[/FONT][FONT=&quot]ตึกรามบ้านช่องสิ่งก่อสร้างที่มีน้ำหนักมาก ๆ จมดินยังไม่พอ[/FONT][FONT=&quot]เพราะเสาเข็มยังจมยังไม่ถึงดินดาน รถไฟยังวิ่งสะเทือนเขย่าเม็ดทรายที่หุ้มเสาเข็ม[/FONT][FONT=&quot]ทำให้เสาเข็มทรุดตัว[/FONT]

[FONT=&quot]หนู อยากให้รัฐบาลทำเขื่อนใต้น้ำ[/FONT][FONT=&quot]ดักทรายเป็นระยะเพื่อให้แม่น้ำเจ้าพระยาตื้นขึ้นเหมือนเดิม[/FONT][FONT=&quot]เพราะเมื่อขุดแม่น้ำเจ้าพระยาลึก ๆ[/FONT][FONT=&quot]ก้นแม่น้ำก็จะมีแต่ตมเลนน้ำหนักของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำจะกดตมเลนในแม่น้ำ[/FONT][FONT=&quot]ให้ปูดขึ้นมา ทำให้เกิดการทรุดตัวของสิ่งก่อสร้างริมแม่น้ำ[/FONT]
[FONT=&quot]ตึกราม บ้านช่อง สิ่งก่อสร้างต่างๆ จะพังเพราะแรงแผ่นดินไหว[/FONT][FONT=&quot]น้ำในตัวเขื่อนที่พังยังไหลมาท่วมซ้ำเติม ทุกข์ยาก ลำบากมาก ๆ[/FONT][FONT=&quot]การสร้างเขื่อนใหญ่อยู่เหนือพระนคร เป็นอันตราย เพราะแรงแผ่นดินไหวแรงมาก[/FONT][FONT=&quot]เหมือนเมื่อก่อน ครั้งนาน ๆ โน้น ที่ไดโนเสาร์ตายหมด !![/FONT]

[FONT=&quot]เขียน ถึงตรงนี้เด็กอายุเพียง [/FONT]5 [FONT=&quot]ขวบ [/FONT]8 [FONT=&quot]เดือน [/FONT]15[FONT=&quot]วัน บ่นว่า[/FONT][FONT=&quot]เขื่อนที่สร้างเสร็จแล้วยังไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้วางท่อใหญ่ ๆ[/FONT][FONT=&quot]เพื่อเอาน้ำออกสู่ทะเล ไม่มีท่อปล่อยน้ำออกจากเขื่อน[/FONT][FONT=&quot]เพราะถ้าระดับน้ำในเขื่อนเต็มขึ้นมา ก็จะมีการปล่อยน้ำออกจากตัวเขื่อน[/FONT][FONT=&quot]น้ำก็จะท่วมบ้านเรือนที่อยู่ใต้ตัวเขื่อน แต่ถ้ามีการวางท่อใหญ่ ๆ[/FONT][FONT=&quot]จากตัวเขื่อนลงสู่ทะเลเลย น้ำก็จะระบายลงท่อไปสู่ทะเล[/FONT][FONT=&quot]ไม่ท่วมบ้านเรือนและแผ่นดินที่อยู่ข้างบน น้ำเมื่ออยู่ในท่อจะสามารถควบคุมได้[/FONT][FONT=&quot]และจะสามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ในระยะยาว[/FONT]

[FONT=&quot]ปลาบู่ถามผมว่าอีก [/FONT]27 [FONT=&quot]ปี พ.ศ.อะไร[/FONT] ? (2544) [FONT=&quot]จะมีเครื่องบินชนตึก อีก [/FONT]30 [FONT=&quot]ปี พ.ศ.อะไร [/FONT]? (2547) [FONT=&quot]จะเกิดคลื่นยักษ์คนจะตายกันมาก อีก [/FONT]35 [FONT=&quot]ปี พ.ศ.อะไร[/FONT]? (2552) [FONT=&quot]จะเกิดแผ่นดินไหวในต่างประเทศ แต่อีก [/FONT]38 [FONT=&quot]ปี ([/FONT]2555) [FONT=&quot]จะเกิดอาเพศรุนแรง[/FONT][FONT=&quot]แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ[/FONT][FONT=&quot]เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง "ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน[/FONT][FONT=&quot]เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา [/FONT]22.00 –24.00 [FONT=&quot]น.)[/FONT]

[FONT=&quot]กระผม ได้ฟังหลาย ๆ เรื่อง แต่เขียนเพียงบางตอน[/FONT][FONT=&quot]ตามเรื่องที่ปลาบู่เล่าเป็นเวลา [/FONT]37 [FONT=&quot]ปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้กระผมอายุ [/FONT]73 [FONT=&quot]ปีแล้ว[/FONT][FONT=&quot]เป็นห่วงประเทศชาติ เชื่อว่าต้องเป็นความจริงตามที่ปลาบู่เล่า[/FONT][FONT=&quot]เพราะที่ผ่านมาเกิดขึ้นมาหมดแล้ว เหลือแต่ที่ยังไม่ถึง[/FONT]

[FONT=&quot]ปลาบู่บอกว่า พ่อครับที่ดินแปลงนี้ยกให้หนูนะ (ที่สวนศรีมหาโพธิ์[/FONT][FONT=&quot]อ.สอยดาว จ.จันทบุรี ได้ปลูกต้นโพธิ์ตามที่ลูกชายขอไว้กว่า [/FONT]200 [FONT=&quot]ต้น เป็นเวลา [/FONT]36 [FONT=&quot]ปีแล้ว) และให้ทำถนนให้รอบเหมือนกับสนามหลวง ให้ปลูกต้นโพธิ์ให้ด้วย[/FONT][FONT=&quot]หากหนูตายไปแล้วพ่อจะรู้เอง.. ให้จำปานของหนูไว้ให้ดี..[/FONT][FONT=&quot]หนูจะกลับมาเกิดอีกครั้งเป็นลูกของ...... ตัวโตเท่านี้จะบวชเณร[/FONT][FONT=&quot]ออกธุดงค์มาช่วยพ่อสร้างวัด [/FONT]“[FONT=&quot]สุทัศน์เทพไพฑูรย์[/FONT]” ([FONT=&quot]สวนศรีมหาโพธิ์) พร้อมกับแม่ใหม่[/FONT][FONT=&quot]จะมาทำปาฏิหารย์เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา[/FONT] ([FONT=&quot]ลูกชายบอกว่าต่อไปประเทศไทยจะเป็นตัวอย่างแก่ประเทศอื่น ๆ[/FONT][FONT=&quot]ต่างประเทศจะมาพึ่งพาประเทศไทย และพระพุทธศาสนาจะเป็นอันดับหนึ่งของโลก[/FONT][FONT=&quot]ขณะที่ประเทศอื่น ๆ จะเสียหายเพราะภัยพิบัติและการสู้รบจากสงคราม)[/FONT][FONT=&quot]จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ในปีที่ [/FONT]40 [FONT=&quot]หลังจากเสียชีวิต (ตรงกับ พ.ศ. [/FONT]2557)

[FONT=&quot]ที่ สวนศรีมหาโพธิ์จะเป็นสถานปฏิบัติธรรมของผู้หญิง[/FONT][FONT=&quot]และสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและคนชรา (ในยุคที่เกิดความทุกข์ยากเพราะภัยพิบัติ)[/FONT][FONT=&quot]บนเขาลับแล(โครงการจัดตั้งฯ วัดป่าร่มโพธิ์ศรีฯ)[/FONT][FONT=&quot]จะเป็นวัดที่อยู่ของพระภิกษุและสามเณร จะมีพระองค์หนึ่งมีบุญบารมีมาก[/FONT][FONT=&quot]จะมาช่วยพ่อสร้างวัด จะมีคนมาถวายให้สร้างโน่นสร้างนี่จนสร้างไม่หวาดไม่ไหว[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งในปัจจุบันผมได้สร้างรอลูกชายตามที่สัญญาไว้ว่าจะมาหาทั้งสองที่[/FONT][FONT=&quot]และได้เฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรชายในชาติใหม่มาเป็นเวลา [/FONT]37 [FONT=&quot]ปีแล้ว[/FONT]

[FONT=&quot]กระผม[/FONT][FONT=&quot]ขอวิงวอนรัฐบาลและผู้ที่รับผิดชอบช่วยพิจารณาเรื่องการนำรางรถไฟที่ไม่[/FONT][FONT=&quot]ใช้แล้วเพราะสับเปลี่ยนเป็นรางใหม่ (ซึ่งปัจจุบันวางกอง ๆ ไว้มากมายตามสถานีรถไฟ)[/FONT][FONT=&quot]นำไปเสริมตัวเขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตาก และเขื่อนเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาท[/FONT][FONT=&quot]เพื่อให้มีความแข็งแรง เพียงพอที่จะรับแรงแผ่นดินไหว[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักในการเขียนจดหมายของกระผมในครั้งนี้[/FONT][FONT=&quot]และท่านคงทราบดีว่าในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงในด้านธรณีวิทยาทำให้เกิด[/FONT][FONT=&quot]แผ่นดินไหวบ่อยครั้ง และสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั่วทั้งโลก[/FONT][FONT=&quot]การป้องกันเตรียมการไว้ก่อน เมื่อเกิดปัญหาจะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา[/FONT]

[FONT=&quot]ขอแสดงความนับถือ[/FONT]​

[FONT=&quot]ทองใบ คำสี[/FONT]​

*************************************

[FONT=&quot]ป.ล. มีพยานหลักฐานทั้ง พยานบุคคล[/FONT][FONT=&quot]และสถานที่ (อ.สอยดาว จ.จันทบุรี)[/FONT]​

 

[FONT=Verdana, sans-serif]พระดีคู่กายของ ดร.นนต์[/FONT]​

[FONT=Verdana, sans-serif]พระชุดพิเศษคู่กายของผมชุดนี้ เป็นผลมาจากการศึกษาทั้งตามหลักวิชาการ หลักพุทธศาสนา การปฏิบัติธรรม การสัมผัสด้วยญาณใน และความเมตตาของพระผู้อยู่เหนือโลก และนับเป็นข้อสรุปจากพระเครื่องและวัตถุมงคลที่ผมมีอยู่ทั้งหมด ซึ่งล้วนแต่ทรงคุณค่าและมีพลานุภาพแทบทั้งสิ้น การจะอาราธนาพระดีพร้อมๆกันหลายๆองค์คงเป็นเรื่องลำบาก และไม่เหมาะสมกับการเป็นนักภาวนา ดังนั้น ผมจึงจำเป็นต้องเลือกสิ่งที่เป็นที่สุดในการอาราธนาติดตัวแค่ครั้งละ 1- องค์ก็น่าจะเพียงพอ ผมจึงขอสรุปสิ่งมงคลที่ถือว่าเป็นที่สุด ที่ผมจะนำมาเป็นคู่กายของผม จนกว่าจะถึงกาลเวลาในการละวางท่านไว้ในที่อันควรในอนาคต สิ่งมงคลคู่กายของผมที่ว่านี้ก็คือ[/FONT]

​

[FONT=Verdana, sans-serif][/FONT]
[FONT=Verdana, sans-serif]1. พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่นิยม เนื้อผงใบลานผสมผงเหล็กไหลไพลดำ [/FONT]

[FONT=Verdana, sans-serif]พระสมเด็จวัดระฆังชุดนี้ อธิษฐานจิตโดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ผู้มีญาณในหลายท่านบอกว่า นอกจากหลวงปู่โตจะเป็นผู้อธิษฐานจิตแล้ว ยังมีองค์อภิญญาใหญ่ ทั้งคณะหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร ขรัวตาแสง และองค์อื่นๆ รวมถึงพระเบื้องบนก็เสด็จมาร่วมในพิธีอธิษฐานจิตอีกด้วย อันเนื่องจากเป็นวาระเฉลิมฉลองรัชกาลที่ 5 ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2411 จึงนับว่าเป็นพิธีใหญ่มากที่สุดตั้งแต่มีมา บางท่านก็นิมิตเห็นหลวงปู่โตกำลังเผาผงใบลานด้วยตัวของท่านเอง [/FONT]

[FONT=Verdana, sans-serif]จากการศึกษา พบว่า พระสมเด็จวัดระฆังเนื้อผงใบลานนี้ สร้างจำนวนมาก มีหลายพิมพ์ ว่ากันว่า เพื่อจะนำไปฝากกรุที่วัดบางขุนพรหม แต่ปรากฏว่า เมื่อสร้างและอธิษฐานจิตเสร็จแล้ว พระสมเด็จเนื้อผงใบลานจำนวนมาก ได้อันตรธานหายไปแบบไร้ร่องรอย ยังคงเหลืออยู่เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากหนังสือของตรียัมปวายก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้เช่นกัน [/FONT]

[FONT=Verdana, sans-serif]อย่างไรก็ตาม พระเนื้อผงใบลานชุดนี้ นอกจากจะมีความเป็นมาที่เป็นปริศนาแล้ว ยังมีพลังพลานุภาพที่สูงมากๆ แบบครอบจักรวาล ผู้ที่สามารถสัมผัสพลังได้ เพียงแค่สัมผัสครั้งแรกก็จะมีพลังมหาศาลวิ่งเข้าสู่ตัวอย่างหนักหน่วงและเร็วมาก บางคนถึงกับหงายหลังก็มี บางคนไม่สามารถแขวนคอได้ แต่ผู้ที่บำเพ็ญภาวนาอยู่เป็นประจำ กลับทำให้ผู้นั้นมีแต่ความสงบร่มเย็น สามารถเข้าสมาธิภาวนาได้รวดเร็ว และว่ากันว่า คุณสมบัติพิเศษของผงเหล็กไหลที่ผสมอยู่นั้น จะทำให้ดูดสิ่งมงคลและทรัพย์สินเงินทองมาสู่ผู้นั้น ดังจะเห็นได้จากผู้ที่มีครอบครองได้ประจักษ์มาแล้วหลายคน[/FONT]

[FONT=Verdana, sans-serif]อย่างไรก็ตาม พระชุดที่ผมนำมาให้ดูนี้ น่าจะเป็นพระชุดที่สูญหายไปในช่วงเวลาดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น และพึ่งปรากฏขึ้นมาเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว ดูเสมือนหลวงปู่โตท่านได้กำหนดเวลาให้ลูกหลานของท่าน ได้นำมาใช้ป้องกันภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตประมาณนั้น การกลับปรากฏขึ้นมาใหม่ในครั้งนี้ จึงนับเป็นความลับเฉพาะ การเปิดเผยตัวขึ้นมาก็เพื่อการบางอย่าง เพื่อป้องกันภัยพิบัติ หรือเพื่อ.... ซึ่งเป็นเรื่องเกินวิสสัยของปุถุชนคนธรรมดาจะรับรู้ได้ [/FONT]

[FONT=Verdana, sans-serif]อนึ่ง ผู้รักษาศีล ผู้ปฏิบัติธรรม และผู้ที่ศรัทธาเท่านั้น จึงจะมีโอกาสได้ครอบครองพระสมเด็จชุดนี้ ก็ลองตั้งจิตอธิษฐานเอาเองนะครับ อาจโชคดีได้ท่านมาคุ้มครอง ขอให้โชคดีนะครับ[/FONT]

​

องค์คู่กายของ ดร.นนต์​

​

องค์ของลูกชาย​

[FONT=Verdana, sans-serif]2. พระพุทธปฐวีธาตุ รุ่นแก้วจักรพรรดิมณีนาคา [/FONT]

[FONT=Verdana, sans-serif]พระชุดนี้สร้างและอธิษฐานจิตโดย พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช พระผู้ลงมาโปรดโลกในช่วงกึ่งกลางพุทธศาสนา ในช่วงต้นปี 2554 ปฐวีธาตุเกือบทั้งหมด เหล่าเทพและพญานาคได้อัญเชิญมาจากแม่น้ำโขง และนำถวายท่านเพื่อการบางอย่างเช่นกัน พลานุภาพเป็นแบบครอบจักรวาลและประมาณมิได้ (แบบไร้ขีดจำกัด) พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านสร้างขึ้นมา เพื่อมอบให้กับลูกศิษย์(เหล่านักรบธรรม) เพื่อใช้ในการบำเพ็ญภาวนาสมาธิเป็นหลัก และใช้ป้องกันภัยและอื่นๆครบทุกด้าน พระพุทธปฐวีธาตุแต่ละองค์จะมีเทพและพญานาคดูแลอยู่ทุกองค์[/FONT]

​

[FONT=Verdana, sans-serif]3. สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ [/FONT]​

[FONT=Verdana, sans-serif]ผู้มีญาณรู้บอกว่า หลวงปู่โต พรหมรังสี เป็นผู้อัญเชิญมาด้วยฤทธิ์และอธิษฐานจิตในวาระปี 2407-2409 และยังบอกว่า สร้อยประคำแต่ละเส้นมีพรหม 12 องค์ เทวดา 12 องค์ ฤาษี 3 องค์ และพญานาค 110 องค์ (หนึ่งเม็ดมีนาคดูแล 1 องค์) เป็นผู้ดูแลรักษา สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำพึ่งจะเปิดเผยตัวขึ้นมาไม่ถึงปี หลังจากก่อนหน้านั้นพระสมเด็จเนื้อผงใบลานได้เปิดเผยตัวขึ้นมาแล้ว ผู้ที่ได้ครอบครองสร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ส่วนใหญ่จึงมักจะเป็นผู้ที่บำเพ็ญภาวนา และเชื่อกันว่า เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันกับหลวงปู่โตในอดีตชาติ ส่วนประวัติความเป็นมาของสร้อยประคำชุดนี้ ก็ถูกปิดเป็นความลับมาตั้งแต่แรก จึงไม่มีในสารบบของเซียน [/FONT]

[FONT=Verdana, sans-serif]สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำมีพลานุภาพสูงมาก แบบไร้ขีดจำกัดและครอบจักรวาล ผู้ที่สัมผัสได้บ้างเมื่อสวมใส่แล้วจะมีพลังมหาศาลวิ่งลงทางศรีษะอย่างหนักหน่วง และจะดึงให้ผู้นั้นเข้าสู่สมาธิดิ่งเร็วมาก คุณสมบัติของสร้อยประคำเหล็กไหล จึงสร้างขึ้นมาเพื่อการบำเพ็ญภาวนา ป้องกันภัยพิบัติ ดูดสิ่งมงคลและทรัพย์สินเงินทองให้แก่ผู้ที่ครอบครอง ผู้ที่เชื่อ ศรัทธา และสัมผัสได้ จะมีโอกาสได้ครอบครองอยู่บ้าง ก็ลองค้นหาดูนะครับ ปล. ขณะนี้เริ่มมีของปลอมออกมาระบาดมากแล้ว จงใช้ญาณสัมผัสเอาเองนะครับ แล้วจะโชคดี[/FONT]

​

 

ด้วยความยินดีครับท่าน ดร.นนต์......และขอขอบคุณมากครับสำหรับคำยืนยันเพิ่มเติมในเรื่องของผ้ายันต์..... ก็ถือเป็นสิ่งมงคลสูงสุดในชีวิตที่สุดยอดมากชิ้นหนึ่งเลยหล่ะครับ..... รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจมากที่ได้รับความเมตตาจากพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ท่านได้สละเวลาเพื่อบรรจงสร้างผ้ายันต์ผืนนี้ขึ้นมาซึ่งต้องใช้สมาธิอย่างสูงมากที่จะได้ภาพออกมาสวยงามเช่นนี้(ไม่ใช้ไม้บรรทัดเลยนะครับ)ทุกอย่างทุกตัวอักษรลงตัวสมส่วนพอดีเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ทีแรกคิดว่าเป็นภาพพิมพ์ ท่านว่าของแต่คนจะไม่เหมือนกันครับ..... ผมกำลังมองหากรอบภาพที่เหมาะสมที่สุดอยู่ครับ.....

พรุ่งนี้บ่ายๆพบกันที่ภูดานไหครับผม

 

แหวนเพ็ชรนาคาที่เสด็จมาทางอากาศ เป็นของคู่กายผมอีกชิ้นหนึ่ง พลานุภาพไม่ต้องพูดถึง พญานาคท่านดูแลและติดตามไปทุกหนทุกแห่ง ดูแล้วโปรดวางอุเบกขานะครับ

​

 

สร้อยเพ็ชรตาเสือของท่านร่วมชาติ ผมนำไปให้ร้านเขาร้อยให้ใหม่เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้จะนำไปมอบให้เจ้าของครับ

​

 

สร้อยเพ็ชรตาเสือ พร้อมกับหมูและมังกรเพ็ชรตาเสือ ที่แม่บ้านของผมเธอยึดไปเรียบร้อยแล้ว

​

 

เหมาะสมและสวยงามดีทุกประการครับ

สร้อยประคำ/จี้เพชรตาเสือ ก่อนอัญเชิญขึ้นคอ...สรงน้ำทิพย์ที่ได้จากพระพุทธบาทสี่รอย...ดีครับ

 

วันนี้ราว 6 โมงเย็นนิดๆผมเดินทางกลับจากแม่สะเรียงสู่บ้านเรียบร้อยแล้ว

ระหว่างที่อยู่แม่สะเรียงก็ได้อาศัยช่วงเวลาเย็นขึ้นไปกราบสักการะพระธาตุประจำแม่สะเรียงทั้งสี่แห่งบนยอดเขา ได้ชมวิวเมืองไปในตัว และครบในวันสุดท้าย ซึ่งสองวันหลัง มักจะเกิดเหตุการณ์แปลกๆหลายครั้ง ให้สัมผัสกันได้เนืองๆ เดี๋ยวจะทยอยลงภาพให้ชมกัน ระหว่างที่คณะศิษยานุศิษย์เข้าไปภูดานไห

เมื่อราวสี่ทุ่มวันนี้ก็ได้รับทราบข่าวว่า พระทันตธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามพระพุทธกัสสปะ ได้เสด็จมาถึงประเทศไทยของเราแล้ว โดยองค์กษัตริย์แห่งภูฏาน ได้ทรงให้อัญเชิญมาร่วมเฉลิมฉลองวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษาองค์มหาราชา

ขอแนะนำให้ญาติธรรมที่อยู่ กทม. หากมีเวลาก็เข้าไปกราบนมัสการสักการะนะครับ ผมเองก็จะหาเวลาเหมาะเข้าไปกราบฯอยู่เช่นกัน

สามวันนี้ 3-4-5 ธันวาคม 2554 ผมคงถือการปฏิบัติธรรมอยู่เป็นนิจ เพื่อน้อมถวายบุญกุศลร่วมกับพ่อแม่ครูอาจารย์ คณะ นรธ. ทุกสถานที่ รวมทั้งประชาชนชาวไทยผู้มีความจงรักภักดีครับ

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นพระมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป

 

ขอถามท่านนนต์ด้วยครับ

สมเด็จทั้งสององค์ที่ส่งรูปมาให้ดูนั้น
เป็นสมเด็จเนื้อผงใบลาน รุ่นผสมเหล็กไหล หรือรุ่นไหนครับ?

 

<TABLE border=0 cellPadding=5 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD align=left><TABLE style="BORDER-BOTTOM: #ccc 1px dotted" border=0 width="100%"><TBODY><TR><TH class=Caption1 scope=row align=left>อัญเชิญพระทันตธาตุจากภูฏานประดิษฐานสนามหลวง</TH></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><TABLE border=0 cellPadding=5 align=center><TBODY><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top>เวลา 16.40 น. วันที่ 2 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ คณะสงฆ์ ข้าราชการ พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนทั่วไป ร่วมพิธีอัญเชิญพระทันตธาตุจากราชอาณาจักรภูฏาน ประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในราชอาณาจักรไทย เฉลิมพระเกียรติถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา

โดยมีน.พ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต้อนรับคณะผู้แทนรัฐบาลราชอาณาจักรภูฏานผู้อัญเชิญพระทันตธาตุ ประกอบด้วยนายเดโช ซังเก วังชุก องค์คมนตรี ผู้แทนสมเด็จพระราชาธิบดีราชอาณาจักรภูฏาน และซัมเตน ดอจิ จูกลา โลเปน หัวหน้าคณะผู้อัญเชิญพระทันตธาตุ

จากนั้นอัญเชิญพระทันตธาตุประดิษฐานเข้าพัก ณ ห้องรับรองพิเศษ ก่อนอัญเชิญพระทันตธาตุประดิษฐานขึ้นรถบุษบกอัญเชิญออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ โดยขบวนรถเดินทางไปบริเวณแยกคอกวัว ถนนราชดำเนินนอก ในช่วงดังกล่าวขบวนปรับเป็นให้รถวิ่งช้า มีวงโยธวาทิตบรรเลงนำหน้าขบวน ส่วนบริเวณสองฟากถนนมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากร่วมถวายสักการะพระทันตธาตุ

ทั้งนี้ คณะสงฆ์ คณะรัฐมนตรี และคณะทูตานุทูตจากประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา รวมทั้งคณะกรรมการจัดงานและพุทธศาสนิกชน ต้อนรับขบวนอัญเชิญพระทันตธาตุที่เดินทางถึงมณฑลพิธีท้องสนามหลวง

เวลา 18.30 น. นพ.สุรวิทย์ อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนบุษบกและถวายสักการะหน้าบุษบกที่ประดิษฐานพระทันตธาตุ โดยมีพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เป็นเสร็จพิธี

น.พ.สุรวิทย์กล่าวว่า ตามที่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคลเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฎานเสด็จฯ ไทย เมื่อเร็วๆ นี้ พระองค์รับสั่งต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าราชอาณาจักรภูฎาน มีความเต็มใจที่ให้ประเทศไทยได้อัญเชิญพระทันตธาตุของพระกัสสปะพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 ประดิษฐานประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ให้ประชาชนชาวไทยมีโอกาสสักการะเป็นสิริมงคลกำลังใจ

เนื่องในปีแห่งมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ประชาชนชาวไทยมีกำลังใจที่เข้มแข็งในภาวะที่ประเทศไทยได้รับภัยพิบัติจากอุทกภัยครั้งใหญ่ไปได้ พระทันตธาตุองค์นี้ได้เก็บรักษาไว้ในพระบรมมหาราชวังแห่งภูฏาน ยังไม่เคยได้รับให้นำออกไปต่างประเทศ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้อัญเชิญจากประเทศภูฏานมาประดิษฐานในประเทศไทย นับเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ราชวงศ์ไทยกับภูฏาน ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่พี่น้องประชาชนชาวไทยจะได้สักการะพระทันตธาตุ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD class=Source align=right>ที่มา : ข่าวสดออนไลน์</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สวัสดีครับ ตอนนี้ทางคณะ นรธ.รวมทั้งท่านนนต์ เดินทางไปปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา กับพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ภูดานไห รวมแล้วประมาณ 10 กว่าท่าน และจักเดินทางไปกราบหลวงปู่จามที่คำชะอี มุกดาหารด้วย (ห่างจากภูดานไหประมาณ 20-30 กม.)
ขอน้อมโมทนาสาธุทุกประการครับ

สำหรับพระพิมพ์องค์สีดำที่นำมา post นั้น ผมขออนุญาตตอบแทน เพราะได้พูดคุยกันอยู่ว่าไม่ใช่พระพิมพ์สมเด็จชุดผสมมวลสารใบลานกับผงแร่เหล็กไหลครับ (เหล็กไหลเงินยวง ในความเห็นผม) แต่น่าจะเป็นกลุ่มพิเศษที่มีหลากสี เช่น สีดำ สีชมพู สีเขียว สีขาว สีน้ำตาล เป็นต้น

 

พระพิมพ์สมเด็จองค์เนื้อผงใบลานผสมเหล็กไหลเงินยวง
องค์นี้พิเศษตรงที่มีเกสาธาตุ(ใต้ฐานที่สาม บนขวามือเรา)
ของเจ้าขรัวแสง แสงแห่งบูรพาจารย์ของหลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จฯโต​

​

หากผู้มีจิตกุศลอันบริสุทธิ์ในการหามาครอบครองและบุญบารมีสะสมมาเพียงพอ
ก็ขอให้ท่านพบเจอนะครับ​

พลังที่ตรวจสอบครั้งแรกคือ 150x
ยอมรับเหลือเกินว่า...ดีมากๆภายใต้โลกธรรมทั้ง 8
Link ที่เกี่ยวข้อง เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์:

 

ท่านสมบัติ

ขอบคุณมาก ที่ให้ข้อมูล
เพราะบางครั้ง ผมอาราธนามาโดยไม่ทราบข้อมูลครับ

สำหรับพระจิตรลดา กรุวัดพระแก้วที่ท่านณัฐชัยโพ้สใน Blog
ผมเคยมีแต่ชุดเบญจภาคี ที่มีประทับตราครุฑไว้ข้างหลัง คล้ายกัน
จะหารูปมาแชร์กันต่อไป

 

ขออนุโมทนาบุญกับนรธ.ทุกท่านนะครับ กับวาระโอกาสได้ไปปฏิบัติธรรม กราบพ่อแม่ครูอาจารย์ ณ ภูดานไห ในช่วงวันมหามงคล 3-5 ธ.ค.นี้
ส่วนผมช่วงเวลานี้ เดินทางไปเชียงใหม่ประมาณ 7-10วัน คงจะไม่ได้เข้ามาพูดคุยที่นี่ แต่คงมีโอกาสสักช่วงเวลาที่เราจะได้ปฏิบัติร่วมกันอีก ไม่ช้านานนี้นะครับ
ขอเจริญในธรรมทุกท่านครับ

 

ขอให้การเดินทาง,ปฏิบัติภาระกิจสำเร็จด้วยดี

ปีเก่าย่างเข้า-ปีใหม่:ขอเรียนเชิญปฏิบัติธรรมข้ามปี ร่วมกับพ่อแม่ครูอาจารย์และเรา นรธ. ณ.ภูดานไห ตั้งแต่ 30 ธ.ค.'54 - 2 ม.ค.'55 ครับ

 

ขอเชิญร่วมถวายพระพรและจุดเทียนชัยถวายพระพรออนไลน์ที่

ww.king84.th

ผมได้หมายเลข ID ลำดับที่ 109,091 ครับ​

 

พระเต้าปทุมนิมิต​

<LINK rel=image_src href="../prdinfo2011/data_images/20110912142506.jpg">

​

พระเต้าปทุมนิมิต เป็นเครื่องราชูปโภคประเภทหม้อน้ำมนต์ลักษณะกลมทรงเจดีย์ สลักลวดลายเป็นรูปดอกบัวสามดอกพร้อมกันจากดอกล่างสู่ดอกบน มีฝาสำหรับเปิดออกจากกันได้ รัชกาลที่ ๑ โปรดให้สร้างเมื่อแรกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างย่อ เมื่อเสด็จปราบดาภิเษกเถลิงถวัลยราชสมบัติในพุทธศักราช ๒๓๒๕ เป็นพระเต้าทำด้วย ทอง นาก เงิน และสำริด ครั้นถึงพุทธศักราช ๒๓๒๘ เมื่อการก่อสร้างพระนครและพระบรมมหาราชวังเสร็จแล้ว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้จัดการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเติมตามตำรับโบราณราชประเพณีใหม่เป็นครั้งที่ ๒ ครั้งนี้ได้ตั้งแต่งเตียงพระแท่นมณฑลพิธีด้วยการอัญเชิญพระเต้าทอง นาก เงิน ออกร่วมกับพระพุทธปฏิมากรที่สำคัญ เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ พระแสงราชศัสตราวุธ พระมหาสังข์ ประกอบพิธีในพระที่นั่งอินทราภิเษกมหาปราสาท

พระเต้าทอง นาก เงิน และสำริด ในรัชกาลที่ ๑ คงใช้ในการพระราชพิธีต่อมา ครั้งในรัชกาลที่ ๒ จะทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในพุทธศักราช ๒๓๕๒ ก็ได้นำพระเต้านี้ใส่น้ำเบญจสุทธคงคาเพื่อถวายสำหรับเป็นน้ำสรงมูรธาภิเษกด้วย

มูรธาภิเษก คือ การนำน้ำเบญจสุทธคงคาหรือน้ำพระพุทธมนต์รดพระเศียรในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกการรดน้ำสรงมูรธาภิเษก พระเจ้าอยู่หัวจะทรงเป็นผู้ยกพระเต้าน้ำสรงด้วยพระองค์เอง
ในรัชกาลที่ ๒ พระเต้า ทอง นาก เงิน สำริด ยังไม่มีนาม ครั้งเมื่อสรงมูรธาภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งนี้แล้ว ปรากฏว่า พระธรรมราชาแห่งวัดศาลาปูน เมืองกรุงเก่า คือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาปัจจุบัน ได้ถวายนามพระเต้าชุดนี้ว่า “พระเต้าปทุมนิมิต” จึงมีนามเรียกสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

พระเต้าปทุมนิมิตมีประวัติการเชิญออกมาใช้ในงานพระราชพิธีที่มีการสรงมูรธาภิเษก พระราชพิธีอุปราชาภิเษก สถาปนาสมเด็จพระบวรราชเจ้าทุกรัชกาล และการพระราชพิธีแต่ละครั้ง การแต่งตั้งเครื่องบนพระแท่นมณฑลพิธีย่อมขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและพระราชนิยมในแต่ละรัชกาลเสมอ เช่น

ในรัชกาลที่ ๓ พระราชพงศาวดารบันทึกว่า “เมื่อถึงวันพระราชพิธีได้พระฤกษ์สรงน้ำมูรธาภิเษกพระเต้าปทุมนิมิตแล้ว ผลัดเครื่องสีแดง เสด็จขึ้นประทับตั่งอัฏทิศ รับน้ำกลศ น้ำสังข์ ทั้ง ๘ ทิศ”

ในรัชกาลที่ ๔ ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในพุทธศักราช ๒๓๙๔ กล่าวว่า ในการประกอบพระราชพิธีก่อนจะสรงมูรธาภิเษก จะทรงสรงสหัสธารา โดยไขน้ำฝักบัวที่ท่ออยู่ภายใต้เศวตฉัตรก่อนตามที่พรรณนาไว้ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แล้วจึงจะทูลเกล้าฯถวายน้ำสรงมูรธาภิเษก ได้กำหนดให้

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะเมื่อดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ถวายน้ำพระเต้าปทุมนิมิตทอง

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ขณะดำรงพระอิสริยยศพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมขุนเดชอดิศร ถวายพระเต้าปทุมนิมิตนาก

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระรามอิศเรศ พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๑ ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมขุนรามอิศเรศ ถวายพระเต้าปทุมนิมิตเงิน

และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ ขณะดำรงตำแหน่งพระยศพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมขุนพิพิธโภคภูเบนทร์ถวายน้ำพระเต้าปทุมนิมิตสำริด

ดังนั้น การพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรัชกาลที่ ๕ รัชกาลที่ ๖ รัชกาลที่ ๗ และรัชกาลที่ ๙ จึงได้กำหนดเป็นพระราชประเพณีให้พระบรมวงศ์ผู้ใหญ่ฝ่ายหน้า เป็นผู้เชิญน้ำจากเต้าปทุมนิมิต ทอง นาก เงิน สำริด ทูลเกล้าฯถวายในการสรงมูรธาภิเษกตามแบบอย่างที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติไว้ตลอดมา

 

พระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา
ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายพระพรชัย

ทีญายุโก โหตุ มหาราชา
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
Long Live The King​

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
นักรบธรรมแห่งภูดานไห ศิษย์พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช
บุญวิถีแห่งข้าพเจ้า ,พระเครื่องเรื่องใหญ่ , พระพุทธปฐวีธาตุ , เรียงร้อยถ้อยธรรม​

 

ขอบคุณหลายเด้อ...

 

พระของท่านศรีทองชุดนี้เป็นพระสมเด็จชุดเนื้อหลากสีดังที่ท่านสมบัติบอกครับ

ถ้าเป็นพระชุดเนื้อผงใบลานผสมผงเหล็กไหล เนื้อจะเป็นผงแห้งมีคราบกรุสีขาว คล้ายผงปูนและไขขาว ดูดแม่เหล็กชัดเจน ผู้ที่สัมผัสได้จะรู้สึกแสบที่มือที่นิ้วเวลาจับท่าน และมีพลังทิ่มแทงคล้ายเข็มแสบจี๊ดๆ พลังหนักหน่วงมหาศาลมาก พระชุดที่ผมนำมาให้ชมนี้ พึ่งจะเปิดเผยมาประมาณสองปีที่แล้ว ตอนนี้กระจายไปอยู่กับผู้มีบุญและชาวต่างประเทศ (สิงคโปร์) ประมาณ 30-50 องค์ พระชุดนี้เป็นพระชุดเดียวกันกับท่านตรียัมปวายนำมาเผยแพร่และได้กล่าวถึงไว้แล้วในหนังสือของท่าน ที่ผ่านมาจึงพบน้อยมากๆ ตอนแรกผมเองสะสมมาได้นับสิบองค์ แต่ญาติธรรมเมื่อรู้ข่าวก็มาขอแบ่งไปจนเหลือเพียงหนึ่งองค์ และพึ่งได้อัญเชิญมาใหม่อีกสององค์สำหรับภรรยาและบุตรชายผม ในอนาคตผมอาจจะนำออกมาประมูลอีกครั้ง ผมถือว่าเป็นที่สุดของพระสมเด็จวัดระฆังที่มีคุณค่าจนประมาณค่ามิได้ ขอให้ผู้ปรารถนาจงตั้งจิตอธิษฐานหากท่านมีบุญวาสนาก็จะได้มาครอบครองเองครับ ขอให้โชคดี

ดร.นนต์
6 ธันวาคม 2554

​

​

​