ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ขออนุญาต save ข้อความนี้ไว้หน่อยนะครับ ผมชอบประโยคนี้มากฮะ

 

ได้เห็นรอยยิ้มของทุกคนก็รู้สึก Happy ไปด้วยน่ะครับ
ฟิวส์ขาด ก็เข้ามาซ่อมกันไปนะคุณเรอเน่ อิอิ

จริงๆก็รู้สึกดีๆกับข้อมูลเหล่านี้น่ะครับ ศึกษาไปแล้วได้ประโยขน์ก็เลยช่วยกันนำเสนอ
และขยายฐานแห่งความรักออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทุกๆคนก็มีพื้นฐานอยู่บนความรักและเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันอยู่แล้ว

ในระหว่างการฝึกฝนนี้ พวกเราทุกคนก็พบเจอกับสารพัดเรื่องราวที่ถาโถมเข้ามา
แต่เราปล่อยให้จิตวิญญาณนำทางไป เพื่อค้นหาตัวเองให้พบ
และหลอมรวมเข้าด้วยกัน พายเรือไปให้ถึงชายฝั่งเพื่อจะเข้าใจว่าแท้จริงนั้นเราเป็นใครน่ะครับ


ข้างบนนั้น ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเราไม่ว่าในตอนนี้หรือที่ผ่านๆมาก็ตาม
เค้าอาจมาจากตัวตนรวมเดียวกัน หรือเป็นพี่เป็นน้องกันมาก่อนก็ได้
พอลงมาก็กลับจำกันไม่ได้...จูงมือชวนกันออกทะเลไปไหนต่อไหนไม่รู้
กว่าจะรู้ตัวว่า อ้าว..นี่เธอ ทำให้ฉันร้องไห้เสียใจได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?
เธอเล่นละครได้สมบทบาทมาก น่าปรบมือให้จริงๆ
นั่งชมละครฉากนั้นฉากนี้เหมือนดู TV
คงจะแอบขำและสนุกไปอีกแบบล่ะครับที่นั่น..

ฉะนั้นแล้ว ก็ฟังเพลงเพราะๆ ที่เพื่อนๆนำมาฝาก
ทำจิตใจให้เบิกบานและมีรอยยิ้มให้กันเอาไว้เสมอทุกๆวันนะครับ

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.1764521/[/MUSIC]

 

โอว...นึกขึ้นได้ว่าลืมออกแบบร้านอาหารปิรามิดเลยนะเนี่ย
คุณชยุตก็ไม่ทวงอีกต่างหาก...โทษทีนะครับรับปากไว้นานแล้ว

ผมว่าคงหลังปี 2012 นู่นล่ะครับ ที่เราจะได้สร้างกัน
หลังการปฎิวัติทางจิตวิญญาณไปแล้ว น่าเป็นเวลาที่เหมาะสมมากๆ
เราคงจะได้รับความร่วมมือจากต่างมิติด้วยเทคโนโลยี่ใหม่ๆ และวัสดุพิเศษอะไรเหล่านี้
ช่วงนี้จินตนการล่วงหน้ากันไว้ก่อน ..... อย่าเพิ่งงอนซะก่อนล่ะครับ อิอิอิ

 

สวัสดีค่ะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกท่าน he llo _

ทุกคนคงสบายดีนะคะ ;k04

ก่อนอื่น ขอขอบคุณทุกท่านที่เป็นห่วงเป็นใยและคิดถึงกันเสมอ
ตอนนี้โซ่ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนที่พักอาศัยชั่วคราวค่ะ เพิ่งหาทางได้ออนไลน์ได้เมื่อวานนี่เอง
และยังไม่สะดวกมาแปลข้อความต่อเลย ยังไงก็รบกวนพี่ๆแปลไปก่อนนะคะ ;aa1


อ๊ะ...ขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวและความเชื่อส่วนตัวสักนิด
ช่วงก่อนหน้า 11/11/11 สัก 2-3 วัน
รู้สึกเหมือนมีการ cleansing ภายในอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองค่ะ
คือ รู้สึกอึดอัดใจ หงุดหงิดง่าย ไม่สะดวกสบายอารมณ์
ที่สำคัญคือ นอนเยอะมาก ค่ะ นอนจริงๆ ง่วงตลอดๆๆทั้งกลางวันกลางคืน
แต่หลังจาก 11/11/11 แล้ว ทุกอย่างโปร่งขึ้นชัดเจนค่ะ...

Be at peace. นะคะ ทุกคน

 

;aa55;aa55 ^ . ^ ♥♥♥ ♥;aa55;aa55

 

อ.ชยุต อ.มี๊ด ฮะ บางทีผมยอมรับนะว่า ผมก้อได้เห็นความดีในจิตวิญญาณของมนุษย์โลกบางส่วนน่ะฮะ พวกเขายังต้องเรียนรู้อะไรอีกมาก เช่นเดียวกับเรา..

ปล.เข้ามาเติมพลังงานฮะ :boo::boo:

 

;aa55;aa55;aa55;aa55

มาต้อนรับน้องโซ่กลับบ้านคร๊าบ
หายไปกับกระแสน้ำพักใหญ่ๆเลย เตรียมกลับมา stand by แล้ว
น้องน้ำใกล้จะลงทะเลแล้ว มารอรับคุณเดรดด้วยกันนะครับ
ช่วงนี้แปลข้อความจากแมทธิวอยู่น่ะครับ
มีข้อความใหม่ๆเข้ามาใม่หยุด เราก็คงหยุดแปลไม่ได้เหมือนกัน
พร้อมเมื่อไหร่ก็บรรเลงนะครับ

++++++++++

มีปรากฎการณ์ล่าสุดของ UFO มาฝากด้วยครับ
วัตถุลึกลับเปลี่ยนแสงสีได้บนน่านฟ้าของฝรั่งเศษ - 15 November 2011​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=glxOQWq072c&feature=player_embedded"]UFO Strange sighting, different colors on Gouy-Lez-Pieton, Nov 15, 2011 (HD 1080p).mp4 - YouTube[/ame]​

 

คลิบมะขึ้นอ่าครับ พี่มี๊ด ผมเอาคลิบวันที่ 11/11/11 มาฝากฮะ :boo:

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=piQVzWnVWD8&feature=share]AMAZING UFO!!!Spain 11/11/11 - YouTube[/ame]

ปล.ไม่รู้ว่าคลิบนี้เป็นของจริงรึเปล่าวนะฮะ..

 

กำ ของผมก็ไม่ขึ้น ต้องเข้าไปดูในยูทูป -_-"

 

สิ่งหนึ่งที่พวกเขาทำมาโดยตลอดคือความคลุมเครือครับ เขาจะไม่ทำอะไรที่โจ่งแจ้งพิสูจน์ได้ให้มนุษย์พบเห็น เพราะเขากลัวความแตกตื่น กับต้องการจะสกรีนคนที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไปจากความสนใจนี้


ผมเชือว่าเราเห็นพวกเขาทำอะไรเงียบๆแบบนี้แหละ คอยดูเถอะมันต้องมีซักวันที่พวกเขาจะออกแอ๊กชั่นอะไรบางอย่างแบบตะลึงทั้งโลกเลย

 

ซ้ำ...............................;aa1

 

ผมยังไม่ไปไหนนะครับพี่ชยุตพี่มี๊ด เมื่อกี้ผมไปทำใจมาครับ ผมว่าผมจะไม่ยุ่งกับพวกกระทู้ล่างๆละครับ รู้สึกว่าเหมือนพวกเค้าจะไม่มีการพัฒนาการทางด้านอะไรเลย ยังไงผมก้อยังคงอยู่กระทู้นี้ของพี่ๆทั้ง 2 ท่านนะครับ เพราะพวกพี่ๆเป็นอาจารย์คุรุของผมครับ

ปล.บางทีพวกหน้าใหม่ๆมันก้อดามหน้าเข้ามาตลอด ผมคงขี้เกรียจช่วยพวกเค้าแล้วล่ะครับ ปล่อยให้พวกเค้าช่วยกันเองดีกว่า

 

แล้วน้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนต่อพี่ไหมครับ พี่เป็นผู้ใหญ่กว่าน้องนะ ถึงพี่จะบ้าๆบอๆแต่ก้อน่าจะให้ความเคารพกันบ้าง สังเกตุจากกระทู้ต่างๆของพี่สิครับ ตอนแรกพี่อาจจะโอเวอร์ไปหน่อย แต่สุดท้ายพี่ก็รู้จักพูดนะครับ

 

ขอโทษนะน้อง ไปเอาลิงค์ที่พี่พูดว่าคนอายุ 40 กว่ามาเคารพให้ดูหน่อย เพราะพี่ไม่เคยพูดครับ

 

คิดถึงจังเลยค่ะคุณโซ่
ดูแลตัวเองดีดีนะคะ กลับมาเมื่อไหร่จะได้
มาแปลข้อความดีดีให้อ่านอีกค่ะ (เริ่มทวงล่วงหน้า อิอิอิ)
รักนะคะ ส่งกำลังใจไปให้ทุกครั้งเลย (ที่เพ่งพระอาทิตย์)
ส่งไปให้คุณ เดรดด้วย แล้วก็เพื่อนๆทุกคนที่นี่นะคะ
สู้สู้นะคะ ทุกคนเลยค่ะ

 

สวัสดีครับคุณ "โปเซดอน" และคุณ "Light worker"

ผมขออนุญาตแชร์ไอเดียด้วยคนได้ไหมครับ

อันดับแรก ก่อนอื่นเลย กรุณาอย่าเรียกผมและคุณ mead
ว่าเป็นอาจารย์หรืออะไรเลยนะครับ..อ่านแล้วขนลุกซู่เลยครับ
เพราะรู้สึกกระดากอายมากๆหนะครับ เพราะว่ามันไม่ใช่เลย

พวกเราทั้งหลายในนี้ ไม่ว่าผม คุณ mead คุณโซ่ คุณเดรด
หรือพวกคุณเองก็ด้วย ในความคิดของผม
ล้วนแต่เป็นนักเรียนด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ
พวกเราคือนักเรียน ที่กำลังเรียนรู้บทเรียนแห่งชีวิต บนโลกใบนี้อยู่หนะครับ

และสมมุติว่า แม้ว่าบางบทเรียน ผม หรือบางคน
อาจจะเรียนไปได้หลายบทกว่าคนอื่นบางคนแล้ว
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ผมและคนบางคนที่ว่านั้น
จะอยู่ในระดับชั้นที่สูงกว่าคนอื่นๆหรอกนะครับ

เพราะว่าบทเรียนบทอื่นๆ หรือวิชชาอื่นๆ คนอื่นๆเขาก็ไปได้ไกลกว่าเราก็มี
และที่สำคัญแล้ว ในโลกแห่งความเป็นจริงระดับปรมัตถ์ที่ไร้กาลเวลาแล้ว
วิวัฒนาการของจิตวิญญาณ ไม่มีจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด
ไม่มีลำดับว่าจะต้องเป็นตรงนี้ก่อน แล้วค่อยไปตรงโน้น
ในแบบที่มีลำดับเป็นเส้นตรงแบบที่มนุษย์โลกเข้าใจหนะนะครับ
อันนี้ อ้างอิงจากท่านอาจารย์โนวา อนาลัยหนะนะครับ

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเราเห็นใครดีกว่าเรา เก่งกว่าเรา หรือวิวัฒน์ไปได้ไกลกว่าเรา
ในแง่ใดแง่หนึ่งแล้ว นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเหล่านั้น
อยู่เหนือกว่าเรา หรือสูงกว่าเรา หรือประเสริฐกว่าเราเสมอไป
...ซึ่งในทางกลับกันก็ด้วยนะครับ...

เพราะว่าตามนัยยะของข้อความจากรูปธรรมชีวิตจากต่างมิติทั้งหลายแล้ว
มันมีอยู่อีกหลายประเด็นที่จะต้องนำมาพิจารณาด้วย และนั่นแหละคือสิ่งที่เราไม่รู้
เพราะว่าเราไม่อาจมองข้ามพ้นมายาการของมิติที่ 3 นี้ไปรู้ได้หนะครับ

ประเด็นที่ว่าเหล่านี้ก็คือ

ขอเริ่มต้นจากเรื่องนี้ก่อนก็แล้วกันนะครับ คือ
"พันธะสัญญาทางจิตวิญญาณ" ของพวกเราแต่ละคน
ที่ไม่เหมือนกันแน่ๆหละ และแต่ละคนก็ทำขึ้นมาเอง
ก่อนที่จะลงมาเกิดบนโลกใบนี้ ซึ่งถ้าให้ผมอธิบายย่อๆ
ผมก็อยากจะขอยกตัวอย่างหนึ่งให้ฟังครับ

คือในหนังสือที่ชื่อ "อานุภาพรัก" มีบทหนึ่งที่กล่าวถึง
"The Drunken man" หรือ "ชายขี้เมา"
ในโลกนี้ ในมิตินี้ ในชีวิตนี้ เขาเกิดมามีชีวิตแบบขี้เมาไปวันๆ
ก็เพราะว่าเขามีพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณมาว่า
เขาจะมาทำตัวอย่างให้เพื่อนที่ลงมาเกิดพร้อมเขา
แต่เป็นทนายความฐานะดีและขี้เหนียว ได้รู้จักสงสารเขา และมีเมตตากรุณา
เพื่อช่วยยกระดับจิตวิญญาณของเพื่อนเขาคนนี้ อะไรแบบนั้นหนะครับ
ทั้งๆที่จิตวิญญาณเดิมแท้ของชายขี้เมาคนนั้น แท้จริงแล้ว
ก็คือรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่างผู้ที่มีวิวัฒนาการไปไกลมากๆแล้วรูปธรรมหนึ่งนั่นเอง

เพราะฉะนั้น แม้ว่าในสายตาของมนุษย์โลก
ที่ถูกพรางกั้นไว้ด้วยม่านมายาแห่งมิติที่ 3 อยู่นี้
จะมองเห็นใครต่อใคร เป็นคนดี หรือ คนชั่ว
ในสายตาของพวกเราเองไปอย่างไรก็ตาม
แต่แท้ที่จริงแล้ว มันอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปก็ได้

เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านทั้งหลายจึงพร่ำบอกอยู่เสมอว่า
อย่าเที่ยวไปตัดสินชี้ถูกชี้ผิดใครเขา
ด้วยความคิด และความเห็นของเราเองเพียงอย่างเดียว

เพราะว่ายังไงๆเสีย เราทุกคนต่างก็กำลังสวมแว่นสายตากันคนละสีอยู่
ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้ ที่จะไปบังคับให้คนอื่นๆมามองเห็นโลกสีเดียวกับของเรา
เพราะว่าแว่นสายตาของเขามันคนละสีกับเรา

แต่เราก็ไม่ผิดหรอกนะ เพราะว่าเราคิดแบบนั้นจริงๆ
เราเห็นว่าโลกมันเป็นสีนั้นจริงๆ เราก็เลยพูดออกมา คิดออกมา
และทำออกไปแบบนั้น ตามความคิดที่เราคิดว่าเราทำถูกแล้ว
เฉกเช่นเดียวกันครับ คนอื่นๆ เขาก็คิดว่าเขาทำถูกแล้ว ไม่ต่างจากเราหรอกครับ

เพราะฉะนั้น ตราบใดที่พวกเราแต่ละคน ยังไม่ได้เอาแว่นสายตาของพวกเรา
ไป Calibrate ให้ถูกต้องเสีย ให้ใสสว่าง กระจ่างแจ้ง เสียก่อน
พวกเราก็ยังไม่อาจที่จะมองเห็นโลกตามที่มันเป็นจริงได้อยู่ดี

ปัจจัยที่สองก็คือ จิตวิญญาณเดิมแท้ของทุกๆสรรพชีวิต
ล้วนมีคุณค่า ล้วนมีพลังอำนาจ และมีความประภัสสรเสมอเหมือนกันหมด

ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว "ล้วนมาจากจุดกำเนิดเดียวกันทั้งหมด" ซะด้วย
อันนี้ตามนัยยะของต่างมิติทั้งหลายหนะนะครับ

เพราะฉะนั้นแล้ว ความแบ่งแยกที่ทำให้เราเห็นว่าเป็น "เรา" เป็น "เขา" อยู่นี้
มันคือมายาการพรางตาเราเอาไว้เท่านั้นครับ
ดังนั้น ท่านถึงว่า เราทำร้ายเขา ก็เท่ากับเราทำร้ายตัวเราเองนั่นแหละ
ซึ่งคำพูดนี้ไม่ใช่การเปรียบเทียบแต่ประการใดเลย
แต่คือคำพูดที่มีความหมายตรงไปตรงมาอย่างนั้นจริงๆครับ

ก็คือว่า นอกจากจิตวิญญาณของมนุษย์จะมาจากจุดกำเนิดเดียวกันแล้ว
หลายๆคน ซึ่งอาจจะเป็นล้านคน อาจจะมาจาก "ตัวตนรวม" เดียวกันด้วยซ้ำไป
ซึ่งเจ้าตัวตนรวมที่ว่านี้ ในทางพุทธเราอาจจะไม่เคยกล่าวถึงเลย
แต่มันก็คือตัวตนที่แท้จริงของเรา คือจิตวิญญาณที่แท้จริงของเรา
ที่อยู่ในมิติที่สูงกว่านั่นเอง..

เพราะว่าพวกเราคือสิ่งมีชีวิตหลากมิติ
เราไม่ได้มีแค่ตัวตนนี้ ชื่อนี้ หรือร่างกายนี้ แต่เพียงเท่านี้เท่านั้น

ถ้าจะอธิบายเรื่องนี้ต่อไปมันก็จะยาวหนะนะครับ เอาเป็นว่า
กาลเวลาที่เป็นเส้นตรงไม่มีอยู่จริง ทุกๆภพชาติที่เราเกิดไปแล้ว
และทั้งภพชาติในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนมีอยู่เป็นอยู่พร้อมกันหมด
แต่ทั้งหมดนั่นก็คือ "เรา" ทั้งนั้น โดยที่มี "เราที่แท้จริง" และยิ่งใหญ่กว่า สูงกว่า
เป็นเจ้าของทุกๆภพชาติย่อยๆนั้นอีกทีหนึ่ง ซึ่ง "เรา" ข้างบนนั่น
จะรู้จะเห็น จะรู้สึก และ ฯลฯ ความเป็นไป ความรู้สึก และ ฯลฯ
ของ "เรา" ย่อยๆในแต่ละภพชาตินี้ทั้งหมด
ไปพร้อมๆกับ "เรา" ย่อยๆทั้งหมดนี้ด้วย

ดังนั้น ก็ไม่แน่ว่า คนที่คุณกำลังด่าอยู่ปาวๆนั่น หรือกำลังเอาปืนไล่ยิงอยู่นั่นหนะ
อาจจะเป็นหนึ่งในตัวตนย่อยๆ ของตัวตนรวมเดียวกับคุณเองก็ได้

และอันที่จริงแล้ว มนุษย์โลกทุกๆคน ก็คือ "เซล" เซลหนึ่งของร่างกายของโลก
ดังนั้น ถ้าเซลใดเซลหนึ่ง ไปทำร้ายเซลอื่นๆเข้า
มันก็ย่อมจะไปกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมของโลกด้วย
และถ้าโลกมีอันเป็นไปในแง่ลบแล้ว
คิดหรือว่าเซลย่อยๆทั้งหลายนั้นจะลอยนวลอยู่ได้

ผมขอขยายความตรงนี้หน่อยนะครับว่า เราคือเซลของโลกอย่างไร
ในแง่กายภาพหละ ใช่อยู่แล้ว แต่กลัวท่านไม่ get
เลยจะขออธิบายในแง่ของ "พลังงาน" เอาไว้ด้วย

ความจริงก็คือ โลกใบนี้ มีโครงข่ายพลังงานห่อหุ้มอยู่
และโครงข่ายนี้ ก็ทำหน้าที่เชื่อมต่อพลังงานกับทุกสรรพสิ่งที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ด้วย
พลังงาน..หมายรวมถึง..พลังงานความร้อน, พลังงานความคิด,
พลังงานจิต, พลังงานที่เกิดจากอารมณ์ความรู้สึก และ ฯลฯ ทั้งหมด

ดังนั้น ทุกครั้งที่มนุษย์สร้างพลังงานอะไรขึ้นมาก็ตาม
มันก็จะถูกถ่ายทอดต่อไปยังโครงข่ายพลังงานนี้ของโลกเสมอ
และมันก็จะไปรวมกับพลังงานอื่นๆ ที่สะสมอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
แล้วก็กลายไปเป็น "พลังงานแห่งจิตสำนึกมวลรวม" ของคนทั้งโลก

ซึ่งถ้าเป็นพลังงานบวกก็ดีไป เพราะมันจะทำให้เกิดสิ่งดีๆตามมา
เช่น ความอุดมสมบูรณ์ของโลก สภาพภูมิอากาศที่ดี ที่สบายๆ
อะไรแบบนั้นเป็นต้น

แต่ถ้ามันเป็นพลังงานด้านลบหละ อย่างที่เป็นมานานหลายพันปีที่ผ่านมา
ที่มวลหมู่มนุษยชาติ เอาแต่ทำสงครามกัน รบราฆ่าฟันกัน
ไม่ยกเว้นประเทศไหนเลย เช่น ดูอย่างประวัติศาสตร์จีนสิครับ
แต่ไหนแต่ไรมา ก็ทำแต่สงครามทั้งนั้น ทำมาตลอด
เกาหลีเป็นไง ตามละครที่เราได้ดูกัน เราได้ข้อคิดอะไรบ้างไหม

ไทย-พม่าเป็นไงบ้างครับ, พวกลัทธิล่าอาณานิคมทางตะวันตกอีกหละ
USA ที่ไปแย่งชิงดินแดนของชนเผ่าพื้นเมืองชาวอินเดียนแดงอีกหละ
มิหนำซ้ำยังไปเกียดชังชนพื้นเมือง และเหยียดสีผิวพวกเขาอีก

ทางอิสลามเป็นไงบ้างครับ ตะวันออกกลาง ภาคใต้ของไทย
และแอฟริกาอีกหละ..แล้วแบบนี้ พลังงานบวกหรือลบที่มันจะถูกสะสม
อยู่ใน "โครงข่ายพลังงานของจิตสำนึกมวลรวม" มากกว่ากัน

แล้วมีมนุษย์หน้าไหนรอดพ้นจากภัยพิบัติที่เกิดถี่ขึ้นๆ
เพราะต้องชำระล้างพลังงานด้านลบเหล่านี้ออกไป
เพราะว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยุคแล้วบ้างไหม

อย่าเพิ่งคิดว่า แค่เราคนเดียว ที่คิดเกลียดชังใครสักคนเพียงคนเดียว
เพียงชั่วแป๊บเดียวนี่ จะไม่มีผลกระทบอะไรต่อ
พลังงานของจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลกนะครับ

เพราะว่า..ท่านจะดูถูก หรือ ดูหมิ่น พลังจิต
และพลังความคิดของท่านเองไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
เพราะว่ามนุษย์ทุกคนมีพลังอำนาจมากกว่าที่เราคิดมากมายนัก!

........................................................

 

ปลื้มมากค่ะ (อ่านยังไม่จบแต่อยากมาขอบคุณก่อน อิอิอิ)
โดนกลางใจเลยค่ะข้อความพี่ชยุต ขอให้เพื่อนๆ ตั้งใจอ่านกันเลยนะคะ
พวกเราคือหนึ่งเดียวกัน หันมาส่งความรักให้กันมากมากนะคะ
เริ่มวันนี้ยังไม่สาย ประสบการณ์ทุกอย่างพวกเราต้องผ่านไปด้วยกัน
และต้องผ่านไปอย่างดีมากมากด้วย
จับมือกันไว้แล้วไปด้วยกัน(เลิกตัดสินชี้ถูกผิดกันได้แล้วค่ะ)
โลกที่สวยงามและสดใส สงบสุข รอพวกเราทุกคนอยู่ค่ะ
รักนะคะ ทุกๆคน

 

(rose) ขอบคุณค่ะ คุณ Chayutt

" พันธะสัญญาทางจิตวิญญาณ "(kiss) เป็นคำสั้น ๆ แต่ลึกซึ้งมากมายค่ะ

สิ่งที่เราร่วมสร้างและมีประสบการณ์ร่วมกัน ไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญ...

 

สิ่งที่คุณชยุตอธิบายมาคือความจริงครับ จิตวิญญาณของเราแต่ละคนย่อมรู้ดี
จิตวิญญาณของเราในมิติที่สูงขึ้นไป ที่ไม่มีกายสังขารอำพรางอยู่
จะรู้ชัดเจน และมีมุมมองที่ลึกละเอียดและกว้างกว่ามากๆ

แต่ละคนมาเกิดในโลกนี้ ต่างก็มาเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ของตนเอง
ที่เคยคิดมาตลอดว่ามันเป็น "ฉัน" น่ะมันไม่ใช่เลย มันเป็น "เรา"ทั้งหมดจริงๆ
เราต่างก็เป็นจิตคนละดวงที่มีความเฉลียวฉลาด
ซึ่งได้พัฒนามานานก่อนที่จะมีชีวิตบนโลกซะอีก

เรามีอิสระที่จะเลือกว่าต้องการมีชีวิตแบบไหน
และเราก็ไม่ควรจะปฏิเสธอิสระเสรีของคนอื่นๆด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการเติบโตในทิศทางเฉพาะของแต่ละคน
เพราะกำหนดการชีวิตของทุกคนก็ล้วนมีอยู่แล้ว เราถูกส่งมาให้ดูแลกันและกัน
และเมื่อใดที่เสร็จสิ้นภารกิจ ต่างก็จบและจากโลกนี้ไป
ไม่มีอะไรน่ากลัว หรือต้องวิตกกังวลใดๆ....
แต่ละคนล้วนมีเส้นทางของตัวเองทั้งนั้นครับ

ไม่ว่าจะเขาคนนั้นจะดีหรือร้ายกับเราเพียงใดก็ตาม
สิ่งสำคัญคือเราต้องมี "ความรัก" (ที่ไม่เห็นแก่ตัว) เป็นคำตอบสุดท้ายครับ
-------------------------------------------------------------------

ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า "เธอจดจ่อกับสิ่งใด ได้สิ่งนั้น ไม่มีกฏเกณฑ์อื่น"
หากเราเข้าใจในคำกล่าวนี้ เราจะตระหนักได้ว่า แม้แต่สิ่งที่เรียกว่ากรรม ก็เป็นสิ่งที่เราเลือก
หรือควบคุมได้ด้วยความเชื่อ อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด และอารมณ์
จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดทั้งในแง่บวกและลบ ต่างก็มีพลังอำนาจไม่แพ้กัน
คิดแว้บอะไร มันก็กลายเป็นความเป็นไปได้ทั้งสิ้น และบางสิ่งที่พลังแรงกว่าก็กลายมาเป็นความเป็นจริง

 

เมื่อถึงเวลาที่กำหนด สิ่งที่จะทำให้มนุษย์ตะลึงและเปลี่ยนความเชื่อได้มากที่สุดก็คือ การปรากฎตัวของจานบินและมนุษย์ต่างดาวนี่ล่ะครับ เพราะมันคือการประจักษ์ต่อสายตาอย่างเป็นรูปธรรมที่สุดแล้ว...เชื่ออยู่ลึกๆว่าการช่วยเหลือจากมิติที่สูงขึ้นไปเกิดขึ้นมาตลอดทุกยุคสมัย แต่ด้วยกฎเกณฑ์ของจักรวาลในการไม่แทรกแทรงโดยตรงนี่แหละครับ ทำให้สิ่งนี้ดูลึกลับหรือไม่น่าเชื่อไป แต่หากเรามีความคิดที่ว่า มันไม่มีจริงหรอกเรื่องอะไรแบบนี้ เท่ากับเราปิดกั้นความจริงในมิติอื่นไปเรียบร้อยแล้วนะครับ โชคดีว่าส่วนตัวเคยประสบพบเห็นมาบ้างแล้ว ก็ไม่รู้จะปฎิเสธเรื่องการติตต่อจากนอกโลกนี้ได้อย่างไร?


มีข้อความจาก Shedan Nedel เข้ามาล่าสุด เล่าให้ฟังสั้นๆนะครับ
เขาแจ้งว่า จากนี้ไปสมาพันธ์กาแลคซี่มีความตั้งใจที่จะทำให้มีการปรากฏของ "ยานอวกาศ"
ให้ได้เห็นในท้องฟ้าในเวลากลางวันให้มากขึ้น เพื่อให้รัฐบาลออกมาชี้แจงและนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลจากภาครัฐฯ

ในขณะที่เวลาที่เป็นเส้นตรงของโลก ก็กำลังหักพับและยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว
จากพลังงานใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น ที่ไหลลงสู่เส้นกริดคริสตัลไลน์เหล่านี้
เพื่อเขย่ารากฐานแห่งความมืดที่ปกคลุมโลกมานานกว่า 13,000 ปี
เพื่อปลดปล่อยย่อยสลายเรื่องราวเพ้อเจ้อทั้งหลายบนโลก เพื่อนำไปสู่ความจริง
ซึ่งพวกเขาก็กำลังอยู่ที่นี่เพื่อคอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ในงานสำคัญนี้เช่นกัน

ส่วนเรื่องระบบเศรษฐกิจและการเมืองใหม่ ก็มีเหล่าจิตวิญญาณชาวอากาธ่าที่กำลังทำภาระกิจนี้อยู่บนโลก
พวกเขาได้เตรียมเอกสารทางกฎหมายต่างๆที่จะเสร็จสมบูรณ์สำหรับขั้นตอนแรกของระบบเศรษฐกิจใหม่ไว้แล้ว
ในการดำเนินการปฏิวัติทางจิตวิญญาณที่จะเปลี่ยนความเป็นจริงบนโลกให้เป็นแสงสว่างในที่สุด
ขั้นตอนต่อไปคือการผลักดันรัฐบาลฝ่ายมืดออกไปและการจัดตั้งองค์กรระหว่างประเทศขึ้นใหม่
ที่มีความตั้งใจและอุทิศตนเพื่อสันติภาพ,เสรีภาพ,เพื่อความร่วมมือและความเจริญรุ่งเรืองของโลก
การเริ่มต้นสำหรับองค์กรเหล่านี้จะได้รับการลงนามจากนานาชาติทั่วโลก
ซึ่งขณะนี้ ก็ถึงเวลาที่สุกงอมสำหรับการกระทำนี้เหล่านี้แล้ว

และเมื่อมีรายงานว่าทุกอย่างบนโลกเริ่มปลอดภัยและราบรื่นดีแล้ว ในการส่งมอบอำนาจที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์
เขาคาดว่าการส่งมอบและการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นพร้อมกันในรัฐบาล และมันจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
การพัฒนาเหล่านี้จะค่อนข้างน่าตกตะลึงอย่างมาก
การติดต่อกันครั้งแรกจะเกิดขึ้นพร้อมการออกอากาศสด
เพื่อชี้แจงถึงความเปลี่ยนแปลงต่างที่กำลังเกิดขึ้นกับโลก
นั่นคือแผนของเขาที่กำลังดำเนินการอยู่ครับ.....

ส่วนกลุ่มประท้วงที่ใช้ชื่อว่า "ออคคิวพาย วอลล์สตรีต" นี่ เราดูข่าวก็จะเห็นนะครับ ว่ากำลังขยายวงกว้างออกไปทั่วโลก เพื่อการกดดันธนาคารและภาครัฐฯ เพื่อลดช่องว่าง ดอกเบี้ยธนาคาร รวมทั้งการเอาเปรียบประชาชนตาดำๆ จำนวนกว่า 99 % ซึ่งเป็นผลมาจากพลังแสงสว่างที่เพิ่มสูงขึ้นและเป็นหน้าที่ที่พวกเขาขันอาสามาทำนั่นล่ะครับ ที่ต่างมิติฯเขาพูดถึงกันมากว่าเรื่องนี้จะเป็นการกระตุ้นให้ก้าวไปสู่ความเปลี่ยนแปลงสำคัญในอีกไม่นานนี้ เราจับตาดูกันหน่อย"ยุคมหาชนพาไป" น่าจะใกล้เข้ามาแล้วก็ได้ครับ