สนทนา...วิชชาธรรมกาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สมถะ, 19 สิงหาคม 2011.

  1. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245
    จะมีใครรู้ตัวเองไหม ที่รู้ตัวว่า ตัวเองเกิดมาด้วยเหตุ 3
     
  2. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    การบรรลุธรรมในสมัยพุทธกาลกับการเทศนาของพระพุทธเจ้า

    ท่านที่เข้าใจไปเองว่า ผู้ที่ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าแล้วบรรลุธรรมทันที นั้นไม่เห็นต้องฝึกสมาธิมาก่อนเลย
    หรือไม่เห็นต้องฝึกสมถะอะไรเลย แปลว่าท่านไม่เข้าใจว่าสมถะในหลักพุทธศาสนาคืออะไร ไปคิดเอาเรื่องสมาธินอกพระพุทธศาสนา แล้วติดว่านั่นก็เพียงฝึกสมถะไม่เห็นบรรลุธรรมได้เลย เท่ากับท่านก็กำลังแย้งพุทโธวาทที่ทรงกล่าวว่า ส่วนแห่งวิชชามี 2 อย่าง คือ สมถะ และ วิปัสสนา
    นั่นเพียงเพราะท่านไม่ทราบว่าสมถะและวิปัสสนาในพระพุทธศาสนานั้นคืออย่างไร เกื้อกูลกันอย่างไร
    ดังนั้นขอให้ท่านเข้าไปอ่านข้อมูลตามลิ้งค์กระทู้ข้างบนนั้นเถิดครับ ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2011
  3. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คำกล่าวนี้ถูกต้อง และ ผมก็บอกกล่าวไปไม่ต่างจากที่คุณกล่าว

    แต่ก่อนหน้านี้คุณได้กล่าวเช่นนี้หรือไม่ คุณกล่าวถึง ปริยัติ โดยไม่ต้องปฎิบัติ

    ก็บรรลุมรรคผลได้ นี่ต่างหากที่ผมแย้งคุณครับ
     
  4. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    คุณมองเช่นนั้นเพราะยึดติดหรือเปล่าครับ และ ที่เขาติดสุขกันเป็นอย่างไร

    คุณรู้หรือเปล่าครับ หรือแค่ฟังเขาว่ามา ส่วนผมรู้ว่าการติดสุขเป็นอย่างไรครับ

    ตัวอย่างที่คุณยกมา ท่านเหล่านั้น ท่านปฎิบัติสมถะมาจนถึงพร้อมแล้วครับ

    นาง วิสาขามหาอุบาสิกา ท่านปฎิบัติมาแต่ชาติปางก่อน จนบรรลุเป็นพระโสดาบันมาก่อน

    เมื่อได้สดับรับฟังพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็บรรลุเป็นพระโสดาบัน

    และพระธรรมของพระศาสดา ไม่ว่าผู้ใดกล่าว ก็คือพระธรรมของพระศาสดา
     
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    แต่ที่คุณกล่าวมาทั้งหมด เพียงแค่ศึกษาเล่าเรียนซึ่งพระธรรม แต่ไม่ปฎิบัติแล้ว

    จะสำเร็จมรรคผลได้อย่างไร และ ท่านทั้งหลายที่คุณยกมากล่าว คุณก็ยังบอกว่าสั่งสมบารมี

    ฉนั้น ก็ต้องสั่งสมบารมีก่อน จึงจะพิจารณา วิปัสนา จนบรรลุมรรคผล

    ปริยัติ ปฎิบัติ ปฎิเวท ศึกษาเล่าเรียน พากเพียรปฎิบัติ สำเร็จมรรคผล
     
  6. tOR_automotive

    tOR_automotive เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    582
    ค่าพลัง:
    +184
    เขาอาจหมายถึงพวกที่ใช้การบรรลุที่ใช้เหตุน้อย ๆ มั้ง เช่นเห็นใบไม้ร่วง หรือว่านั่งลูบผ้า อะไรทำนองนั้น (ผมว่าจะแนะนำตาซั้วเจ๋งให้ลูบผ้าซัก 7 ปี หุหุ)
     
  7. nutman

    nutman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +259
    ดูลูกแก้ว ให้เห็นลูกแก้วข้างใน ขยายออกมา แล้วดูให้เห็นข้างในไปเรื่อยๆ
    และมีการกำหนด ธรรมกายต่างๆ เพื่อให้จิต ไม่นิ่ง ให้มีสติรู้อยู่ตลอดเวลา

    การดูเข้าไปจริงๆ แรกๆ ผู้ดู จะได้สมาธิ เป็นสมถะ
    แต่เมื่อดูจนจิตจำสถาวะได้ จะเข้าใจดีกว่า นิมิตต่างๆที่เกิดขึ้นนั้น
    มี การเกิด ตั้งอยู และดับไป

    สุดท้ายให้ทิ้ง ลูกแก้วไปเสีย

    ความรู้สึกที่นานมาแล้ว
     
  8. ddty2k

    ddty2k สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +5
    ผมสนใจชุดเทวดาของธรรมกายอะครับ อยากทราบว่า ถ้าผมถวายเสต็ก
    จะมีพวก ส้อยคอเสต็คเนื้อวัวพริกไทยดำอะไรแบบนี้ขายมะครับ อยากได้อะครับ
    เห็นส้อยคอ แหวน ชุดอะไรแล้วสวยดี
     
  9. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    รวมพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
    คลิ๊กลิ้งค์นี้ http://khunsamatha.com/blog/dhammakaya-C5.html



    กระทู้นี้ไม่เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ให้เข้าไปอ่านลิ้งค์ข้างบนนี้ ตัวหนังสือสีแดงนั่นแหละครับ ท่านจะได้เข้าใจว่าวิชชาธรรมกายมาจากวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ส่วนวัดพระธรรมกายเป็นวิชชาแนวประยุกต์ ไม่ใช่วิชชาตรงตามแบบหลวงพ่อวัดปากน้ำนั่นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2011
  10. totccccc

    totccccc สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2011
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +24
    ยากอ่ะครับ แยกนามรูปจนเห็นตัวเองเป็นศพเดินได้ แล้วดูความน่ากลัวของร่างกาย ให้เห็นทุกข์ อริยสัจ4 แบบนี้ไปนิพานง่ายกว่าไหม
     
  11. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    สมถกัมมัฏฐาน ๔๐

    แต่ นี้ต่อไปจะกล่าวถึงกัมมัฏฐาน ๔๐ ก่อน ซึ่งจะใช้แต่เฉพาะกายโลกีย์ทั้ง ๘ คือ กายมนุษย์ กายมนุษย์ละเอียด, กายทิพย์ กายทิพย์ละเอียด, กายรูปพรหม กายรูปพรหมละเอียด, กายอรูปพรหม กายอรูปพรหมละเอียด ถ้าจะทำกัมมัฏฐาน ๔๐ ต้องสับกายซ้อนกายเสียก่อนจึงจะทำได้คล่องแคล่ว คือให้ถอยกลับออกมาจากกายที่ ๘ ออกมากายที่ ๗, แล้วก็ออกมากายที่ ๖, แล้วก็ออกมากายที่ ๕ ....แล้วก็ออกมากายที่ ๑, แล้วกลับเข้ากายที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ....ถึงกายที่ ๘, แล้วก็กลับออกมาจากกายที่ ๘ ....ออกมากายที่ ๑ ให้ฝึกสับกายซ้อนกายอย่างนี้สัก ๗ เที่ยว หรือให้มากกว่า ๗ เที่ยวก็ได้ ให้เป็นวสี และก็ให้กายมันใสนั่นเอง ให้ใสเป็นแก้วทุกกาย

    เมื่อกาย ใสดีแล้ว ให้เข้าตั้งกสิณในดวงทุติยมรรคของกายทิพย์ พอดวงทุติยมรรคใสและใหญ่เท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ นึกบริกรรมว่าปฐวีกสิณัง ดินก็เกิดขึ้นในดวงนั้นเป็นปฐวีกสิณ ใสเหมือนแก้ว, พอจิตละเอียดนิ่งแน่นเลยดินลงไป น้ำก็ผุดขึ้นเป็นอาโปกสิณในกลางดวงดินนั้น ดินก็เพิกหายไป เมื่อจิตละเอียดเลยน้ำลงไป ลมก็ผุดขึ้นเป็นวาโยกสิณในกลางดวงอาโปกสิณนั้น อาโปกสิณก็เพิกหายไป, ผุดขึ้นแล้วก็เพิกหายไปเป็นลำดับ คือ ที่ ๔ ก็เตโชกสิณ, ที่ ๕ ก็นิลกสิณ (สีเขียว), ที่ ๖ ปิตกสิณ (สีเหลือง), ที่ ๗ โลหิตกสิณ (สีแดง), ที่ ๘ โอทาตกสิณ (สีขาว), ที่ ๙ อาโลกกสิณ (แสงสว่าง), ที่ ๑๐ อากาสกสิณ (ว่างเปล่า), พอจิตละเอียดเลยกสิณลงไปหนักเข้า กสิณก็เพิกหายไป ทีนี้อสุภะ ๑๐ ก็เกิดขึ้น

    คือกายเรานั้นเองเกิดขึ้นเป็นศพ ที่ ๑ เป็นศพที่ขึ้นพอง, ที่ ๒ เป็นศพที่ขึ้นสีเขียว, ที่ ๓ เป็นศพที่ขึ้นอืดเต็มที่มีน้ำหนองไหล, ที่ ๔ เป็นศพที่ขาดปริ, ที่ ๕ เป็นศพที่ฝูงสัตว์กัดกิน, ที่ ๖ เป็นศพที่หลุดจากกัน, ที่ ๗ เป็นศพที่ขาดหลุดกระจัดกระจาย, ที่ ๘ เป็นศพที่เต็มไปด้วยเลือด, ที่ ๙ เป็นศพที่เต็มไปด้วยหมู่หนอน, ที่ ๑๐ เป็นศพที่เหลือแต่ร่างกระดูก เมื่อจิตละเอียดนิ่งแน่นเลยอสุภะลงไป อสุภะก็เพิกหายไป อนุสสติ ๑๐ ก็เกิดขึ้น

    พอจิตละเอียดเข้า ถึงพุทธานุสสติ คุณพระพุทธเจ้าก็เกิดขึ้น, พอจิตเข้าถึงธัมมานุสสติ คุณพระธรรมก็เกิดขึ้น, พอจิตเข้าถึงสังฆานุสสติ คุณพระสงฆ์ก็เกิดขึ้น, แล้วก็เกิดขึ้นตามลำดับไป, ที่ ๔ ระลึกถึงคุณของศีล คุณศีลก็เกิดขึ้น, ที่ ๕ ระลึกถึงคุณทาน คุณทานก็เกิดขึ้น, ที่ ๖ ระลึกถึงคุณที่ทำให้เกิดเป็นเทวดา คุณที่ทำให้เป็นเทวดาก็เกิดขึ้น, ที่ ๗ ระลึกถึงกาย คุณที่ทำให้ระลึกถึงกายก็เกิดขึ้น, ที่ ๘ ระลึกถึงลมหายใจเข้าออก คุณที่ทำให้ระลึกถึงลมหายใจเข้าออกก็เกิดขึ้น, ที่ ๙ ระลึกถึงความตาย คุณที่ทำให้ระลึกถึงความตายก็เกิดขึ้น, ที่ ๑๐ ระลึกถึงคุณพระนิพพาน คุณที่ทำให้ระลึกถึงความดับทุกข์ก็เกิดขึ้น
    กายทิพย์นี้ทำได้ ๓๐ ที่ตั้งดั่งนี้แล
    อ่านต่อ ที่นี่ ปราชญ์ขยะ - ธาตุธรรม ๓ ฝ่าย และจักรพรรดิกายสิทธิ์ - ธาตุธรรม ๓ ฝ่าย (ตอน 2)

     
  12. totccccc

    totccccc สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2011
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +24
    เข้าใจแล้วครับว่าเป็นสมถกัมมัฏฐานได้จริงๆ(พึ่งรู้ครับ) ขอบคุณที่นำมาให้อ่านครับ(แต่ยากมาก)
     
  13. tOR_automotive

    tOR_automotive เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    582
    ค่าพลัง:
    +184
    คุณ สมถะครับ ถามว่า

    ได้ยินมาว่า วิชาธรรมกายนี้ มีคุณสมบัติพิเศษ ตัดกิเลสได้ในฌาณเลยจริงไหมครับ?
     
  14. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    ตามที่ได้รับรู้มาต้องใช้ รู้ญาณทัสสนะของพระธรรมกายพิจารณาวิปัสสนาญาณ ขันธ์ ธาตุ อายตนะ อินทรีย์ ปฏิจจสมุปบาท และอริยสัจ ๔ จึงจะตัดกิเลสเป็นสมุปเฉทนะครับ

    พิจารณาแนวเดินวิชชาประหารกิเลสตามลิ้งค์เหล่านี้



    วิชชาธรรมกายระดับประหารกิเลส(เพิ่มเติม) คลิ๊กลิ้งค์นี้ วิชชาธรรมกายระดับสูง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2011
  15. tOR_automotive

    tOR_automotive เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    582
    ค่าพลัง:
    +184
    ขอบคุณครับ เนื่องจากที่ผมถามไปนั่้น ขณะที่จิตอยู่ในฌาณ จะตัดกิเลสยังไงเมื่อยังไ่ม่ได้ล่ะอารมณ์ ผมก็ตั้งข้อสังเกตุกับวิชาธรรมกายไว้แบบนี้
    ส่วนหลักการที่บอกมา ก็เป็นปรกติ ไปในทางนี้ ไม่แปลกอะไรเลยครับ
     
  16. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972


    โปรดเข้าไปอ่าน ตามลิ้งค์ข้างบนนี้ เพื่อให้ท่านได้ข้อคิดในการเรียนรู้วิชชาธรรมกายนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2011
  17. กาน้ำ

    กาน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +153
    อ่านพระไตรปิฏก อ่านคำสอนของพระพุทธองค์
    เรียนพระอภิธรรม เรียนสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
    ทำทาน (อโลภะ องค์ธรรมคือการจาคะ) สลัดออกไม่กอดรัดในวัตถุกาม
    รักษาศีล ๕ ศีลกุศลกรรมบถ๑๐ ศีลมรรคมีองค์๘ มีอินทรียสังวรศีล
    เป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน๔

    ตาปลาว่าที่กล่าวมานี้ เพียงพอแล้วสำหรับฆราวาสที่เจริญรอยตามคำสอนขององค์ศาสดา
    อะไรที่ไม่มีในพระไตรปิฏก เทียบเคียงแล้วไม่ตรง คงต้องวางเอาไว้ก่อนนะคะ
     
  18. nipp

    nipp สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    95
    ค่าพลัง:
    +20
    วิชชาธรมกายเนี่ยไม่ใช่สมถะธรรมดานะ ผู้ที่ได้วิชชาธรรมกายจะมีฤทธิมาก แม้แต่ดวงปฐมมรรค ขั้นพื้นฐานธรรมดา เนี่ยถ้าใครได้จริงๆจะสามารถรักษาโรคก็ได้ เช่นใครเจ็บตรงไหนก็เอาดวงปฐมมรรคไปวงตรงนั้น แล้วบีบดวงให้เล็กลงๆๆๆจนดวงหายไป โรคก็จะหาย แต่ต้องใช้พลังจิตมาก เพราะโรคมันจะต้านดวง ต่างคนต่างสู้กัน เปรียบเสมือนเราเอามือปิดท่อน้ำ เรามีแรงมากกว่าก็ปิดอยู่มีแรงน้อยก็ปิดไม่ได้

    ถ้าจะใช้ดูอะไรเช่นดูของที่อยู่ในกล่องที่ปิดมิดชิด ก็เอาดวงปฐมมรรคไปสองดู ก็จะเห็นได้

    มันไม่ใช่ของง่ายๆที่จะทำได้กัน แต่คนที่ทำได้นะมีแต่มีน้อย ไอ้คนที่ฝึก 3-4 วัน แล้วบอกว่าได้ดวงปฐมมรรคแล้วนั้น มันจินตนาการเห็นไม่ได้เห็นจริงๆๆ

    ยากจริงๆๆ
     
  19. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972
    เรื่องวิชชาแก้โรคตามหลักวิชชาธรรมกายนั้นไม่ใช่อย่างที่คุณTenBallกล่าวนะครับ ขอให้ลองเข้าไปอ่านตำราทางวิชชาทุกหลักสูตรหรือเข้าไปวัดปากน้ำ ไม่ถามพระราชพรหมเถร เจ้าคุณภาวนาเถิด

    สำหรับการเห็นดวงปฐมมรรค เห็นได้ทุกคน ถ้าฝึกอย่างถูกต้องถูกวิธี เมื่อใจหยุดถูกส่วนเข้าเห็นได้ทุกคน เพราะเป็นการฝึกเบื้องต้น แต่การนำไปใช้นั้นมันคนละเรื่องกัน อย่าได้แสดงความเห็นแบบไม่เข้าใจหลักวิชชาธรรมกาย หลวงพ่อวัดปากน้ำ ต้องการให้ผู้ฝึกใจหยุดใจนิ่ง เพื่อให้เกิดความสงบจากอกุศลธรรม ส่วนคนที่เห็นได้แล้วสามารถนำไปใช้ในทางวิชชา แปลว่า ต้องฝึกให้ยิ่งๆ ขึ้นไป บางสำนักสอนไม่เป็น พอคนไปเรียนไม่มีใครเห็นธรรมหรือไม่มีใครเห็นดวงอย่างถูกต้อง คนอื่นเขาสอนได้ ก็ไปพูดบิดเบือนว่า เป็นเพียง กุศลนิมิต ไม่ใช่เห็นจริง นั่นเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงกาลของคนพูด เขาสอนให้ใจหยุดใจนิ่ง ไม่ได้สอนให้แสดงฤทธิ์ ก็พูดคนละเรื่องแล้วจะหาสาระอะไรได้ สำคัญคือถ้าเราสอนถูกตรงตำราทางวิชชา คนฝึกเขาเห็นได้จริงครับ เห็นได้แล้วก็พัฒนาด้วยการเดินวิชชาทุกวัน ก็เท่ากับพัฒนาวิชชาให้เข้าถึงยิ่งๆ ขึ้น ทุกอย่างต้องผ่านการเรียนรู้ฝึกฝน ไม่มีใครเข้าถึงดวงปฐมมรรคหรือเข้าถึงธรรมกายแล้ว จะต้องมาโชว์อิทธิฤทธิ์อย่าเข้าใจไปอย่างนั้นเลยนะครับ...


    ห้องสนทนาวิชชาธรรมกาย

    หน้าเวบหลัก http://khunsamatha.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2011
  20. สมถะ

    สมถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,091
    ค่าพลัง:
    +972

แชร์หน้านี้

Loading...