เว็บพลังจิต ทริปกฐินภาคตะวันตก วัดท่าขนุน วัดถ้ำเบญจรัตน์นคร วัดวังขนาย จ.กาญจนบุรี วันที่ 23 ต.ค.

ทริปธรรมสัญจร (๑๐) กฐินสามัคคี ๔ วัด (วัดท่าขนุน-วัดพุทธบริษัท-วัดถ้ำทะลุ-วัดเกาะพระฤๅษี)-ไหว้พระวัดถ้ำเบญจรัตน์นคร-อาบน้ำแร่วัดวังขนายทายิการาม จ.กาญจนบุรี วันที่ ๒๓ ต.ค. ๕๔ (One day trip)

ภาพงานกฐิน ๒๓ ต.ค.๕๒

​

หลวงปู่ถวิล ธัมมะวิโร วัดถ้ำเบญจรัตน์นคร
​

กำหนดการเดินทาง รถบัสปรับอากาศ SUPER VIP ๒๕ ที่นั่ง

วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ต.ค. ๕๔
๐๕.๓๐ น. จุดนัดพบปั๊มน้ำมัน ปตท. สนามเป้า
- ตรวจสอบรายชื่อ
- ล้อหมุน

๐๙.๓๐ น. เดินทางถึงวัดท่าขนุน
- ร่วมถวายกฐิน
- ไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด อาทิ สมเด็จองค์ปฐม , รูปปั้นหลวงปุ่พุก ,กุฎิหลวงปู่สาย ฯลฯ

๑๑.๐๐ น.ถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุ-สามเณรทั้งวัด
- รับประทานอาหาร (โรงทาน)

๑๓.๐๐ น. ทอดกฐินสามัคคี (วัดท่าขนุน-วัดพุทธบริษัท-วัดถ้ำทะลุ-วัดเกาพระฤๅษี)
๑๓.๓๐ น. กราบลาพระอาจารย์

๑๔.๓๐ น. เดินทางถึงวัดถ้ำเบญจรัตน์นคร
-ไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิืภายในวัด

๑๖.๐๐ น. เดินทางถึงวัดวังขนายทายิการาม
- ไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด
- พักผ่อน อาบน้ำแร่ืแช่น้ำร้อนเพื่อบำบัดโรค กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต และบำรุงผิวหนัง ประมาณ ๑ ชม.

๑๙.๐๐ น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่านละ ๕๐๐ บาท


ท่านที่ประสงค์จะร่วมเดินทาง กรุณาโอนเงินค่าพาหนะเดินทางตามจำนวนที่กำหนดข้างต้น เข้าบัญชีตามด้านล่างนี้และมาโพสต์หรือส่ง SMS แจ้งชื่อ-สกุล เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ และจำนวนเิงินที่โอนให้ทราบด้วย

ชื่อบัญชี : นางสาวณญาดา ศราภัยวานิช
ธนาคาร : กรุงไทย ประเภทออมทรัพย์
เลขที่บัญชี : ๑๒๑-๐-๑๐๕๔๕-๔ (121-0-10545-4)
โทรศัพท์ : ๐๘๑-๗๓๕๙๒๖๑ (081-7359261)


ทริปธรรมสัญจร (๑๐) ปิดรับจองที่นั่งรถ และโอนเงินภายในวันศุกร์ที่ ๑๔ ต.ค. ๕๔ เวลา ๒๐.๐๐ น. หรือจนกว่าที่นั่งจะเต็ม


ท่านที่โอนเงินแล้ว ต่อมาประสงค์จะยกเลิกการเดินทาง ขอให้แจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย ๑๐ วันก่อนวันเดินทาง หากไม่แจ้งภายในกำหนดดังกล่าว ผู้จัดขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนเงินค่าเดินทางให้ หากปราำกฎว่าการยกเลิกล่าช้าของท่านทำให้ตัดสิทธิของบุคคลอื่น และก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้จัด

ในการโอนเงินคืนจะมีค่าธรรมเนียมการโอน ๒๕ บาท ซึ่งจะหักจากยอดเงินค่าเดินทางของท่าน หากมีเงินเหลือหลังจากชำระค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว ผู้จัดขออนุญาตนำเงินเหลือทั้งหมดเข้าร่วมบุญต่าง ๆ ของกองทุนบึงลับแลต่อไป

 

รายนามผู้ร่วมบุญ-ร่วมเดินทาง

๑๔-๑๗ ต.ค. กฐินสร้างพระอุโบสถวัดรั<wbr>ตนานุภาพ (กฐินปลดหนี้ ๕๔)
๒๓ ต.ค. กฐินวัดท่าขนุน ไหว้พระวัดถ้ำเบญจรัตน์นคร อาบน้ำแร่วัดวังขนาย
๒๘-๓๐ ต.ค. กฐินเมืองอีสาน ภูทอก (๒)
๖ พ.ย. กฐินวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) ไหว้พระเมืองสระบุรี
๒๖-๒๗ พ.ย. นมัสการสักการะพระพุทธบาท ๙ รอย จันทบุรี
ชมภาพและบันทึกการเดินทางทุกกิจกรรมบุญปี ๒๕๕๔
<object height="315" width="420"> <embed src="http://www.youtube-nocookie.com/v/Y80g0cSGO9U?version=3&hl=en_US&autoplay=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" height="15" width="100"></object>

 

มารู้จักสถานที่ ๆ จะไปในธรรมสัญจร (๑๐) กันเถิด...

๑. วัดท่าขนุน อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี

<center></center> สรีระสังขารหลวงปู่สาย อคฺควโส ​

วัดท่าขนุน หรือที่ชาวทองผาภูมิรู้จักกันในนามชื่อ "วัดหลวงปู่สาย" ศาสน สถานแห่งนี้มีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนา รวมถึงประชาชนชาวไทยเชื้อสายมอญ พม่า และกะเหรี่ยง ที่เลื่อมใสศรัทธาตลอดมา สร้างขึ้นครั้ง พ.ศ. ๒๔๗๓สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นปูชนียสถานสำคัญ คือ พระอุโบสถคอนครีตเสริมเหล็ก พระพุทธเจติยคีรีสร้างจากศิลปะพม่า ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาสูง ต้องเดินขึ้นบันไดกว่า ๒๐๐ ขั้น จึงจะถึงยอดเขาที่ตั้งของเจดีย์ เป็นจุดชมวิวมุมสูงของอำเภอทองผาภูมิ สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่ร่มรื่นเขียวขจีได้ทั่ว และพระเจดีย์ ๘๐ พรรษา

ประวัติพระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงพ่อสาย วัดท่าขนุน)
วัดท่าขนุน ตั้งอยู่เลขที่ ๒๓๕ ณ บ้านท่าขนุน หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๕๙ ไร่ ๒ งาน ๓๐ ตารางวา มีอาณาเขต ดังนี้
ทิศเหนือ จรดทางสาธารณะ
ทิศใต้ จรดหมวดการทองผาภูมิ
ทิศตะวันออก จรดทางหลวงสาย ๓๒๓ ทองผาภูมิ - สังขละบุรี
ทิศตะวันตก จรดแม่น้ำแควน้อย

วัดท่าขนุน ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ เดิมเป็นที่ดินของตระกูลนกเล็กได้ถวายแก่หลวงพ่อพุก อุตฺตมปาโล เพื่อสร้างวัด เมื่อหลวงพ่อพุกมรณภาพ พระอาจารย์ไตยแนม ท่านเป็นชาวกระเหรี่ยง ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อมา ได้บูรณะและพัฒนาวัด ท่านได้ดำเนินการสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทที่มีมาแต่เดิมเป็นของเก่าคู่วัด โดยมีผู้ใหญ่บ้านชื่อทม หงสาวดี เป็นผู้ให้ความอุปถัมภ์ในการก่อสร้าง หลังจากพระอาจารย์ไตยแนมได้มรณภาพ ทำให้วัดท่าขนุนขาดผู้นำ เป็นเหตุให้วัดท่าขนุนต้องอยู่ในสภาพทรุดโทรมและกลายสภาพเป็นวัดร้างอยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั้งมีพระธุดงค์จากนครสวรรค์มาปักกลดพักที่วัดร้างแห่งนี้ ชาวบ้านได้ทราบข่าวก็นำข้าวปลาอาหารมาถวายท่านอยู่ระยะหนึ่ง ชาวบ้านต่างเห็นว่าพระธุดงค์รูปนี้มีวัตรปฏิบัติที่งดงาม เคร่งครัดในพระวินัยมาก ได้อบรมชาวบ้านให้อยู่ในศีลธรรมอันดีงาม พระธุดงค์รูปนี้ก็คือหลวงพ่อสาย อคฺควํโส ศิษย์หลวงพ่อเดิม แห่งวัดหนองโพธิ์ เทพเจ้าของชาวปากน้ำโพธิ์

ด้วยหลวงพ่อสาย อคฺควํโส มีวัตรปฎิบัติที่งดงาม ไม่นานนักก็เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านอย่างมาก ตลอดทั้งชาวกระเหรี่ยงต่างก็เคารพหลวงพ่อสาย อคฺควํโส ชาวทองผาภูมิจึงพร้อมใจกันนิมนต์หลวงพ่อสาย อยู่จำพรรษาที่วัดร้างแห่งนี้ และร่วมแรงร่วมใจกันสร้างกุฏิให้ท่าน หลวงพ่อสายจึงรับนิมนต์เนื่องจากชาวบ้านมีความศรัทธาในตัวท่านจึงอยู่จำพรรษาที่วัดเรื่อยมาและได้เริ่มพัฒนาวัดทั้งแต่บัดนั้น โดยหลวงพ่อสายได้หาทุนทรัพย์และขอแรงงานชาวบ้านแผ่วถางปรับพื้นที่วัดให้ดูสะอาด หลังจากนั้นหลวงพ่อสายก็เริ่มพัฒนาวัดโดยการสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ ที่จำเป็นที่วัดพึงจะมี และได้ขยายความเจริญให้กับวัดจากวัดร้างเป็นวัดที่มีความสมบูรณ์สวยงามจนกลายเป็นวัดประจำอำเภอทองผาภูมิ

ในปัจจุบันวัดท่าขนุน มีอุโบสถที่มีความงดงามมากหลังหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี มีพระเจดีย์ที่สง่างาม มีศาลาการเปรียญที่กว้างขวาง ฯลฯ ด้วยหลวงพ่อสาย อคฺควํโส ได้พัฒนาวัดท่าขนุนให้เจริญเป็นที่ภาคภูมิใจของชาวอำเภอทองผาภูมิต่างพร้อม ใจกันเรียกวัดท่าขนุนในอีกนามหนึ่งว่าวัดหลวงพ่อสาย เพื่อเป็นการเทิดทูนคุณงามความดีที่หลวงพ่อสายได้มอบไว้ให้กับชาวทองผาภูมิ

ลำดับเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน
๑. หลวงพ่อพุก อตฺตมปาโล ช่วงปี พ.ศ. ๒๔๗๓ ถึง พ.ศ. ๒๔๘๕
๒. หลวงพ่อไตแนม ช่วงปี พ.ศ. ๒๔๘๕ ถึง พ.ศ. ๒๔๙๘
๓. พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงพ่อสาย อคฺควํโส) ช่วงปี พ.ศ. ๒๔๗๓ ถึง พ.ศ. ๒๕๓๕
๔. พระอธิการสมเด็จ วราสโย ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๑
๕. พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๕๑
๖. พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ถึง ปัจจุบัน

วัดท่าขนุนจัดงานบำเพ็ญกุศลถวายหลวงปู่สาย อคฺควโส ทุกวันที่ ๑๔ กันยายน ของทุกปี อ่านประวัติแบบละเอียดของหลวงปู่เพิ่มเติมได้ที่ เว็บวัดท่าขนุน



๒. วัดถ้ำเบญจรัตน์นคร อ.ไทรโยค จ. กาญจนบุรี

วัดถ้ำเบญจรัตน์นคร ตั้งอยู่ที่ ต.ลุ่ม สุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์หลายองค์ เช่น หลวงพ่อดำ หลวงพ่อนาคปรก บริเวณนี้เป็นเมืองบาดาล หลวงปู่ถวิล เจ้าอาวาสอาย ๙๗ ปี (ปีปัจจุบัน) เป็นพระอริยเจ้า มีตาทิพย์ ท่านเล่าว่าพญานาคมีจริง ท่านเคยไปเที่ยวพบเห็นมาด้วยตัวเองหลายครั้งแล้ว อยู่บนถ้ำในเขาในวัดนี้แหละ มีรูชอนไชไปจนถึงใต้แม่น้ำโขงเลย ต่อเนื่องกันหลายจังหวัด วัดนี้เคยเป็นทางผ่านทัพของพระเจ้าตาก ท่านเคยเ็ห็นทหารพระเจ้าตากใส่หมวกกะโล่แดงเต็มไปหมด พญานาคก็มีหงอนแดง หลังเขียว ลำตัวสีเทา-ขาว มีหัวหน้าที่นี่ชื่อท้าวพญาภุชฌงค์นาคราช ในถ้ำหลวงปู่สร้างพระบรมธาตุเจดีย์ไว้สวยงามมากเป็นรูปโดม แล้วมีเจดีย์บนยอดโดม พระที่ดูแลหลวงปู่เล่าว่ามีพระธาตุเสด็จที่นี่หลายปีแล้ว มีคนถ่ายภาพไว้ได้

ขอบคุณที่มา : เว็บบ้านเรือนไทย
​

เครดิตภาพ : คุณเอ้ บ้านโป่ง


๓. วัดวังขนายทายิการาม อ.ท่าม่วง จ. กาญจนบุรี

​

ประวัติบ่อน้ำแร่
พระครูกาญจนสุตาคม เจ้าอาวาสวัดวังขนายทายิการามได้ฝันว่า มีคนแต่งชุดขาวมาบอกให้ขุดบ่อน้ำหน้าวัดไว้ให้ชาวบ้านใช้แล้ววัดจะเจริญ

ต่อมาเมื่อทางวัดจะเจาะบ่อน้ำเพิ่มเติม พระครูกาญจนสุตาคมจึงให้กรมทรัพยากรธรณีมาเจาะบ่อน้ำที่ด้านหน้าวัดเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ พบว่ามีความร้อนถึง ๔๒ องศาเซลเซียส จนกระทั่งปี ๒๕๔๑ ทางวัดได้จัดให้มีเวทีชาวบ้านขึ้น เพื่อให้ชาวบ้านได้แสดงความคิดเห็นในการพัฒนาหมู่บ้าน คุณสุรพันธ์ เชาว์กุลจรัสศิริ (ผู้จัดการบริษัท แสงโสม จำกัด) ได้เสนอแนะให้นำน้ำในบ่อนี้ส่งไปวิเคราะห์ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน เมื่อเอาน้ำแร่ไปวิจัยแล้วปรากฏว่าในน้ำมีแร่ธาตุอยู่หลายชนิด เช่น

ความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) ๖.๑๕
การนำไฟฟ้า (conductivity) ๑.๒๐ mS/cm
ความกระด้างทั้งหมด (Total Hardness) ๗๔๐ ppm.
ปริมาณของแข็งทั้งหมด (Total Solids) ๗๔๐ ppm
สังกะสี (Zn) ๐.๐๐๒ ppm
ทองแดง (Cu) น้อยกว่า ๐.๐๐๕ ppm
โซเดียม (Na) ๓๐ ppm
แคลเซี่ยม (Ca) ๑๕๐ ppm
แมกนีเซี่ยม (Mg) ๓๖ ppm
เหล็ก (Fe) ๐.๐๒ ppm
คลอไรด์ (Ci) ๖ ppm
แมงกานีส (Mn) ๐.๑๗ ppm
ไนเตรท (No/๓) ๐.๐๙ ppm
ความเป็นด่าง (Alkalinity) ๑๔๓๐ ppm
ความขุ่น (Turbidity) ๑ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

ดังนั้นทางวัดจึงได้เจาะบ่อน้ำร้อนน้ำแร่เพิ่มขึ้น และสร้างที่ให้ประชาชนไว้อาบน้ำแช่ตัว ปรากฏว่ามีชาวบ้านมาใช้เป็นจำนวนมากจนบ่อน้ำไม่พอเพียง ทางวัดจึงได้จัดสร้างที่ให้อาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนขึ้นอีก มีทั้งแบบนั่งแช่เท้า แบบนอนแช่ทั้งตัว แบบลงไปนั่งแช่ครึ่งตัวอีก ๕๗ บ่อ

บ่อน้ำร้อนนี้ใช้กับคนทั่วไป และเหมาะสำหรับใช้บำบัดรักษาคนที่เลือดลมเดินไม่สะดวก คนมีสิวมีฝ้า อัมพฤกษ์-อัมพาต โรคปวดข้อ-ปวดกระดูก โรคผิวหนัง เนื่องจากในน้ำมีส่วนผสมของกำมะถันและเกลือซึ่งจะช่วยบำบัดรักษาในเรื่องของ โรคผิวหนังโดยตรงอยู่แล้ว

บ่อน้ำร้อนน้ำแร่นี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่ ๐๕.๐๐–๒๑.๐๐ น. ของทุกวัน และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น โดยผู้ที่จะมาอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อนควรจะเตรียมเสื้อผ้ามาผลัดเปลี่ยนด้วย แต่หากไม่เตรียมมาทางวัดก็ได้จัดผ้าไว้ผลัดเปลี่ยนให้ด้วย

วิธีการอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน
๑. ให้ไปขอพรหลวงพ่อสรรเพชญ และรูปจำลองหลวงพ่อเสนาะที่วิหารกาญจนาภิเษก ๕๐ ปี เพื่อเป็นศิริมงคลในการบำบัดรักษาหรือเพื่อสุขภาพที่ดี
๒. ให้ผู้ที่ต้องการแช่น้ำในบ่อ มาลงชื่อที่อยู่พร้อมทั้งขอรับบัตรและน้ำมนต์
๓. ควรทำความสะอาดอ่างน้ำที่จะลงแช่ก่อน หากเปิด-ปิดน้ำร้อนยังไม่เป็น
ให้เรียก จนท.ช่วยเหลือหรือแนะนำในการปิด - เปิดน้ำร้อน โดยในครั้งแรกควร
เปิดแช่เพียงแค่ระดับข้อเท้าเพื่อปรับตัวและระดับอุณหภูมิในร่างกายเสียก่อน
แล้วจึงเพิ่มปริมาณน้ำ ปรับระดับน้ำร้อนให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ จากข้อเท้า เป็นเข่า
เอว อก โดยในแต่ละระดับควรแช่และปรับตัวครั้งละประมาณ ๓ - ๕ นาที
ปวดเมื่อยบริเวณใดก็แช่น้ำร้อนแล้วบีบนวดไปตามความพอใจ ​

ข้อควรระวัง!
๑. ห้ามสตรีมีรอบเดือนหรือครรภ์และผู้ที่มีเชื้อ เอช.ไอ.วี ลงอาบน้ำ
๒. ห้ามอาบหรือแช่เกินครั้งละ ๓๐ นาที (๑๕ นาทีกำลังดี)
๓. ห้ามดำน้ำเล่นโดยเด็ดขาด (อาจสำลักและเป็นอันตรายได้)
๔. ห้ามเด็กต่ำกว่า ๗ ขวบและคนสูงอายุ คนพิการ อาบหรือแช่น้ำตามลำพัง
๕. หลังจากอาบ-แช่น้ำร้อนแล้ว ควรนั่งพักประมาณ ๑๕ นาที เพื่อปรับสภาพร่างกาย ก่อนที่จะแช่ต่อหรือเลิกการอาบ - แช่น้ำร้อน
๖. ห้ามนำสบู่ ยาสระผม ลงไปในอ่างอาบ - แช่ น้ำร้อนเด็ดขาด
๗. ผู้เป็นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน หืดหอบ ไม่ควรแช่เกิน ๒๐ นาที
๘. ไม่ควรแช่น้ำเกินระดับหน้าอก เพราะจะทำให้เสียเหงื่อมาก
๙. รับน้ำมนต์จากเจ้าหน้าที่ไปดื่มเพื่อชดเชยเหงื่อที่เสียไป ​

**ผู้ที่เสียเหงื่อระหว่างแช่น้ำร้อนอาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เนื่องจากแช่อยู่ในน้ำ เมื่อเหงื่อออกจึงไม่รู้สึกตัวหากไม่ระมัดระวังตัวซึ่งอาจเป็นลมหรือช็อคได้ เนื่องจากร่างกายสูญเสียเหงื่อหรือน้ำในร่างกายโดยฉับพลัน


ขอบคุณที่มา :
<cite>- www.kanchanaburi.com</cite>
- www.watwangkhanai.com

 

ได้ค่ะ น้องอ้ำเก็บเงินหยอดกระปุกวันละ ๑๒ บาทไว้ได้เลย

 

อานิสงส์กฐินทาน

​

​

อานิสงส์กฐินทาน... พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
​

ต่อไปนี้จะพูดถึงอานิสงส์กฐิน เอาย่อ ๆ นะ อานิสงส์ในการถวายกฐินหรือว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายถวายสังฆทาน สังฆทานวันนี้เป็นสังฆทานของกฐิน การถวายสังฆทานทุกอย่างมีผลควบกับกฐิน เพราะเป็นวันของกฐิน ความจริงการทอดกฐิน ไม่ใช่ประเพณีนิยม เป็นพระวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ว่า ผ้ากฐินทาน จะรับได้ก็ต่อเมื่อถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ หลังจากนั้น จะทอดขนาดไหนก็ตาม จะไม่เป็นกฐิน ฉะนั้น กฐินมีเวลากาลจำกัด

ทีนี้ ว่าถึงอานิสงส์กฐิน อานิสงส์กฐินนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ท่านเคยเทศน์ และก็เทศน์ตามบาลี ท่านพูดถึงอานิสงส์ให้ทราบ ฉะนั้น การถวายวันนี้ทั้งหมด เมื่อวานก็ดี วันนี้ก็ดี จะเป็นเงินก็ตาม จะเป็นของก็ตาม ถือว่าทุกอย่าง เป็นอานิสงส์กฐิน

ต่อไปนี้ก็โปรดทราบ จะนำพระสูตรตามที่ท่านกล่าวไว้ในบาลีให้ทราบ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า ในสมัยพระองค์เกิดเป็น "มหาทุคคตะ" ในสมัยพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระปทุมมุตระ" เวลานั้น พระพุทธเจ้าของเรา เกิดเป็นคนจนอย่างยิ่ง เป็นทาสของคหบดี เวลานั้น ถอยหลังจากนี้ไป ๙๒ กัป ก็ปรากฏว่า พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า "พระปทุมมุตระ"

วันหนึ่ง มหาทุคคตะ ไปดูงานทอดกฐินเขา เมื่อเขาทอดกฐินเสร็จ พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุคคลใด เคยทอดกฐินแล้วในชีวิตหนึ่ง ในฐานะที่เป็นเจ้าภาพกฐินก็ดี และเป็นบริวารกฐินก็ดี (แต่ว่ากฐินนี้ไม่มีบริวาร มีแต่เจ้าภาพ เพราะเป็นกฐินสามัคคี) จะทำบุญน้อย จะทำบุญมาก มีอานิสงส์เสมอกัน แต่ทว่าปริมาณอาจจะแตกต่างกัน และอานิสงส์กฐินนี่ เวลานั้น พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า

"โภ ปุริสะ ดูก่อนท่านผู้เจริญ บุคคลใดเคยทอดกฐินไว้ในพระพุทธศาสนา แม้ครั้งหนึ่งในชีวิต ถ้าตายจากความเป็นคน ยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ท่านผู้นั้น จะไปเกิดเป็นเทวดา หรือนางฟ้า ๕๐๐ ชาติ"!!!!......

นั่นหมายความว่า ถ้าหมดอายุเทวดา หรือ นางฟ้า จุติแล้วก็เกิดทันที ๕๐๐ ครั้ง เมื่อบุญหย่อนลงมานิดหน่อย เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นนางฟ้าไม่ได้ ลงมาเป็นมนุษย์ จะเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิปกครองโลก ๕๐๐ ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ชาติ แล้วบุญก็หย่อนลงมา ก็จะเป็นพระมหากษัตริย์ ๕๐๐ ชาติ หลังจากนั้น จะเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ!!!!

คำ ว่า"มหาเศรษฐี"นี่ มีเงินตั้งแต่ ๘๐ โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "มหาเศรษฐี" ถ้ามีเงินต่ำกว่า ๘๐ โกฏิ แต่ว่าตั้งแต่ ๔๐ โกฏิขึ้นไป เขาเรียกว่า "อนุเศรษฐี"

เมื่อเป็นมหาเศรษฐี ๕๐๐ ชาติแล้ว ก็เป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติ หลังจากเป็นอนุเศรษฐี ๕๐๐ ชาติแล้ว ก็เป็นคหบดี ๕๐๐ ชาติ !!!

ก็รวมความว่า การทอดกฐินครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า นอกจากจะเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐีแล้ว บุคคลที่ทอดกฐินครั้งหนึ่งในชีวิต จะปรารถนาพระโพธิญาณก็ย่อมได้!!!.....นั่นก็หมายความว่า จะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าก็ได้ จะปรารถนาเป็นอัครสาวกก็ได้ จะปรารถนาเป็นมหาสาวกก็ได้ จะปรารถนานิพพานเป็นพระอรหันต์ปกติก็ได้!!!!

ฉะนั้น การทอดกฐินแต่ละคราว ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท โปรดทราบถึงอานิสงส์ คนที่เคยทอดกฐินแล้วแต่ละครั้ง รวมความว่า ถ้ายังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด คำว่ายากจนเข็ญใจ จะไม่มีแก่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกชาติ!!!

สำหรับวันนี้ การทอดกฐินมันมี ๓ อย่าง ความจริงอานิสงส์กฐินก็ย่อมเป็นอานิสงส์กฐิน แต่ในปัจจุบัน จัดกฐินเป็น ๓ อย่าง คือ (๑) จุลกฐิน (๒) ปกติกฐิน (๓) มหากฐิน กฐิน ๓ อย่าง ย่อมเป็นเทวดานางฟ้าเหมือนกัน แต่ทว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากกว่ากัน

คำ ว่า"จุลกฐิน" เวลานี้แปลงไป คงจำของพระพุทธเจ้าไม่ได้ คำว่า"จุลกฐิน" ก็หมายความว่า เขาถวายผ้าโดยเฉพาะชิ้นเดียว คือ ผ้ากฐิน จะเป็นผ้าสังฆาฏิตัวหนึ่งก็ได้ จะเป็นผ้าจีวรตัวหนึ่งก็ได้ สบงตัวหนึ่งก็ได้ ถ้าเราไม่มีทั้งไตร ถวายผ้าชิ้นใดชิ้นหนึ่งก็เป็นกฐิน!!!.......

 

รับทราบและปรับปรุงรายชื่อให้แล้วค่ะ

 

เรียนเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี ๔ ภาค

​

ขอเรียนเชิญกัลยาณธรรมทุกท่าน ร่วมบุญเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี เพื่อนำไปถวายวัดต่าง ๆ ในกิจกรรมบุญของพลังจิตธรรมสัญจร โดยมีกำหนดการ ดังนี้

๑. กฐินสร้างพระอุโบสถวัดรัตนานุภาพ (กฐินปลดหนี้ ๕๔) จ.นราธิวาส วันที่ ๑๔-๑๗ ต.ค.๕๔

๒. กฐินวัดท่าขนุน-วัดพุทธบริษัท-วัดถ้ำทะลุ-วัดเกาะพระฤๅษี จ.กาญจนบุรี วันที่ ๒๓ ต.ค. ๕๔

๓. กฐินเมืองอีสาน จ.บึงกาฬ-สกลนคร วันที่ ๒๘-๓๐ ต.ค. ๕๔

๔. กฐินวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) จ.สระบุรี วันที่ ๖ พ.ย. ๕๔


จึงขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านร่วมเป็นเจ้าภาพกฐิน สามัคคี ๔ ภาคในครั้งนี้ ได้ตามกำลังทรัพย์ กำลังศรัทธา โดยทุกท่านสามารถโอนร่วมบุญได้ที่

ชื่อบัญชี : นางสาวณญาดา ศราภัยวานิช
ธนาคาร : ไทยพาณิชย์ ออมทรัพย์ เทสโก้โลตัส บางบัวทอง
เลขที่ : ๔๐๒-๗๐๖๒๘๓-๓ (402-706283-3)
โทรศัพท์ : ๐๘๑-๗๓๕๙๒๖๑ (081-7359261)​

​

ปัจจัย ที่ได้รับเข้ามาจะขออนุญาตจัดสรรเป็น ๔ กองบุญ ๆ ละเท่า ๆ กัน ก่อนนำถวายในแต่ละวัด ยกเว้นกรณึระบุเจาะจงที่จะดำเนินการให้ตามประสงค์


ปิดรับการโอนร่วมบุญในวันศุกร์ที่ ๔ พ.ย. ๕๔ เวลา ๒๔.๐๐ น.
อ้างอิงข้อมูลจาก คลิก

 

​

ชีวิตเหมือนฟองน้ำ... ผุดขึ้น<wbr>มาก็แตกเลย
ชีวิตเหมือนรอยไม้ขีดลงในน้ำำ... วูบเดียวก็หายไป
ชีวิตเหมือนลำธารไหลจากภูเข<wbr>า... พรวดเดียวก็ผ่านหน้าไป
ชีวิตเหมือนโคที่เขานำไปฆ่า<wbr>... ไม่พ้นความตายเด็ดขาด
ชีวิตเหมือนน้ำค้าง... โดนแด<wbr>ดก็ระเหยหมดไปแล้ว

เราจะตายลงไปวันไหนก็ไม่รู้ <wbr> รอบข้างมีแต่ภัยอันตรายที่จ<wbr>ะพาเราสิ้นชีวิตลงไปได้ทุกเ<wbr>วลา ถ้าไม่ฉวยโอกาสที่มีอยู่น้อ<wbr>ยนิดสร้างความดีให้แก่ตัวเอ<wbr>งให้มากที่สุด การที่จะเวียนตายเวียนเกิดเ<wbr>พื่อทุกข์ทนก็จะยาวไปไม่มีท<wbr>ี่สิ้นสุด

พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

 

เนื่องจากวันที่ ๒๓ ต.ค. ตรงกับวันปิยมหาราช และตรงกับเทศกาลวันหยุดติดต่อกัน ๓ วัน ประจวบกับเข้าสู่ช่วงฤดูกาลกฐินซึ่งการเดินทางเพียง ๑ วันจะทำให้หารถยาก ขณะนี้ได้พิจารณาปรับเปลี่ยนรถจากรถโค้ชปรับอากาศ ๒๕ ที่นั่ง เป็นรถบัสปรับอากาศขนาด ๔๒ ที่นั่ง สามารถรองรับสมาชิกได้อีก ๑๓ คน เพราะฉะนั้นสมาชิกท่านใดที่ประสงค์จะร่วมเดินทางไปงานกฐินวัดท่าขนุน-วัดพุทธบริษัท-วัดถ้ำทะลุ-วัดเกาะพระฤๅษี ไหว้พระวัดถ้ำเบญจรัตน์นคร และอาบน้ำแร่วัดวังขนายทายิการาม ขอให้แจ้งความประสงค์เข้ามาด่วน เปิดรับจนกว่าที่นั่งจะเต็ม