สักกายทิฏฐิ ๒๐

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 22 สิงหาคม 2011.

  1. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    คำตอบนี้คือ ถ้ามีสติ เราก็จะรู้ว่า วิญญาณรับรู้อะไรๆได้ทุกอย่าง แสดงว่า "วิญญาณคือตัวสุดท้ายที่รับรู้" ความหมายเป็นอย่างนี้หรือเปล่าครับ?

    แล้วขันธ์ ๕ เป็นเรา เป็นของเราไหม?
     
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    คำว่าวิญญานคือ รู้แจ้ง จาก อายตนะภายนอก6+อายตนะภายใน6+วิญญานรู้แจ้งทั้ง6 ทั้ง 3 สิ่งนี้ประจวบกัน เรียกว่า เกิด"ผัสสะ" ขึ้น ต่อไปเป็นเวทนาทั้ง3(สุข ทุกข์ เฉยเฉย)........และ จะกลายเป็น ตัณหา จากตัณหา เป็นอุปาทาน จากอุปาทานเป็น ภพ ชาติ ชรา มรณะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส.... ตามสายปฎิจสมุปบาท.............
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    กระซิบ กระซิบ ถึงแพททริก

    ตา หู ลิ้น กระทบรูป เกิดผัสสะ ทำกิจเห็น ทำกิจได้ยิน ทำกิจรู้รส

    เมื่อนั้นวิญญาณเกิด รูปเกิด นามเกิด ขันธ์๕เกิด ทุกข์เกิด

    หากรู้แล้วชอบ ไม่ชอบ ไม่รู้ว่ารู้นั้นทุกข์เกิดแล้ว แปลว่ารู้นั้นรู้ด้วยโมหะ โลภะ

    อายตนะเป็นรูป วิญญาณเกิดที่อายตนะ เวทนาเกิดพร้อม

    ส่งเข้ามโน ตัดสินเป็นบัญญัติสมมุตติ ตอนนี้สังขารปรุงแต่ง ส่งจิตเสพทางมโนทวาร

    ขณะที่สติรู้นั้น วิตก วิจาร จะยกขึ้น มีสมาธิ มนสิการทำกิจในขณะใส่ใจในอารมณ์นั้น

    สุดท้ายเมื่อรู้แจ้ง แทงสภาวะธรรมที่ปรากฏ รู้นั้นเป็นปัญญาเจตสิก

    ผลให้หลุดจากปรุงแต่งร้อยรัดชั่วขณะ ตามอินทรีย์

    สังเกตุตรงโสมนัส ปิติเกิดเมื่อองค์ธรรมดับ ให้ระลึกรู้ในเจตสิกฝ่ายกุศล แทงกลับไปอีกที

    ดับทั้งกุศลและอกุศล
     
  4. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    สัมมาสติจะระลึกถึง ปรมัตถ์ธรรม คือ สภาพธรรมที่เป็นปรมัตถ์ เพื่อ ระลึก ถึงความเป็นกุศล ตามที่เราฟังสัทธรรม และ มีศรัทธา ที่โยนิโสมนสิการมาอย่างบริบูรณ์ เพื่อการละสังโยชน์ ที่ จะเกิด หลังจากวิญญาน รับ อารมณ์(อายตนะ)เพื่อไม่ให้ไปถึง ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ........อันนี้เป็นเรื่องที่คุณ ต้อง เรียนรู้เองแล้วละครับ............
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    อ่ะ นี่ นี่..............:cool:
     
  6. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    คุณ เพททริกซ์ ยังไม่ตอบ อันนี้

    "ขันธ์ ๕ เป็นเรา เป็นของเราหรือเปล่า?"

    ถ้าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นแบบไหน?

    ถ้าไม่เป็นเรา ไม่เป็นของเรา ไม่เป็นแบบไหน?
     
  7. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    คำถามนี้คือ กระทู้นี้นั่นเอง หรือจะเรียกว่าอุปาทานขันธิ์5นั่นเอง พระท่านว่า เนตังมะมะ(ไม่ใช่ของเรา) เนโสมัสมิ(ไม่ใช่เป็นเรา) นะเมโสอัตตา(ไม่ใช่ตัวตนของเรา.)...เพราะเราคือสาย ปฎิจสมุปบาท(อิทิปัจจัยตา ปัจจัยรูปนาม) จาก อวิชชา ปัจจัยสังขาร สังขารปัจจัย วิญญาน วิญญานปัจจัยนาม-รูป นาม-รูปปัจจัย สฬายตนะ สฬายตนะปัจจัย ผัสสะ ผัสสะ ปัจจัยเวทนา เวทนา ปัจจัย ตัณหา ตัณหา ปัจจัยอุปาทาน อุปาทานปัจจัย ภพ ภพปัจจัย ชาติ ชาติปัจจัย ชรา ชราปัจจัยมรณะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส....................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2011
  8. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    ครับ เพื่อให้ตรงกับกระทู้นะครับ

    งั้นถ้าเราละอวิชชาให้หมดไป สังขารก็ดับไป อย่างอื่นก็ดับไป แล้วอะไรจะเหลือละครับ?

    อะไรเป็นผู้มี "วิชชา" ?
     
  9. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    จากสาย ปฎิจสมุปบาท นั้น ก็คือ วิถีจิต ของเราเอง จาก สังขาร ไปวิญญาน สู่ นาม-รูป(เกิดผัสสะ) สู่เวทนา ไปสู่ ตัณหาอุปาทาน สู่ภพ ชาติ........จากช่วงผัสสะ ถ้า สัมมาสติ ระลึกตรงปรมัตถ์ธรรม จะทำให้ จิตไม่แล่นไปในอารมณ์ ไปสู่ภพชาติ(ถือ ว่าเป็นการ เกิด)และชรามรณะ(ดับ)ไปสู่ ความทุกข์ ที่แท้ที่มาจากการยึดมั่น......
     
  10. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ก่อนหน้าที่จะหลุดพ้นจะเห็น ไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หลังจากนั้น ก็จะเห็น ยถาภูตาญานทัสนะ วิราคญาน ไม่ใช่ดับแบบตายนะครับ ดับคือ วิมุติญานทัสนะ(หลุดพ้น) ...................ที่ผมว่าเราส่งออกก็ตรงคำถามนี้แหละครับ อะไรเป็นผู้มีวิชชา เป็นคำถามจากเราที่เป็นคนอื่นซึ่งไม่ใช่ผู้บรรลุ.....
     
  11. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    เพราะฉนั้น การสรุปว่าเป็นอะไรนั้นเป็นการส่งออกเป็นอุปาทานของคนสรุปทันที เพราะมันเป็นความเห็น เป็นทิฎฐิ ถูกใหมครับ? ไม่ว่าคำตอบนั้นคืออะไรก็ตาม...คำถามและคำตอบนี้จึงไม่ควรเกิดขึ้นเพราะยังไงมันก็จะไม่ถูกต้อง...เพราะเราตั้งคำถามที่เป็นสมมุติบัญญัติ กับสิ่งที่เป็นปรมัตถ์ธรรมที่เป็นอสังขตธรรม....ใครสรุปมันก็ไม่ถูกอยู่ดี..คำตอบนั้นอยู่ที่การปฎิบัติและใคร่ครวญในสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนแล้วคงตอบได้ภายในใจตัวเองครับ................................
     
  12. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,480
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ...........สายปฎิจสมุปบาทเองนั้นมันก็ไม่ได้มีตัวบุคคลเราเขาคนสัตว์อยู่แล้วลองพิจารณาดูนะครับ สิ่งนี้จริงแท้ เพราะพระพุทธองค์เป็นผู้สั่งสอน รวมทั้ง อริยสัจ4ที่ทำลายความเห็นผิดต่างต่างนะครับ.............................................
     
  13. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    รู้ทุกขสัจได้อย่างไร
     
  14. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ยิ่งเข้ามาอ่าน ยิ่งไม่เห็นสิ่งที่ควรเป็น เห็นแต่สิ่งที่เกิดจากความนึกคิด จินตนาการไปเรื่อยๆ

    บุคคลที่เห็นในสิ่งที่คิดนั้น ว่าด้วยจิตมีหลายดวง เกิดขึ้นเพราะการปรุงแต่งของจิต

    และก็มีบุคคลที่ได้กล่าวไว้ซึ่งจิตที่หลายดวงเป็นอย่างไร ก็ได้บอกกล่าวบุคคลที่เห็นจิตดวงเดียวว่าเป็นการยึดมั่นถือมั่น

    แม้จะอธิบายเพียงใด ก็หาได้เข้าใจไม่ ด้วยมานะทิฎฐิที่สูงเกินประมาณ จึงไม่สามารถรับรู้ได้ว่า จิตไม่ใช่ขันธ์ 5

    ถึงแม้มีผู้ที่ปราถนาดีเพียงใด มาอธิบาย ก็ยังไม่เข้าใจ นี่ใช่ไหมการยึดมั่นถือมั่น

    กิเลสที่มนุษย์ตัดได้ยาก ละได้ยาก ก็มีระบุไว้ให้เห็นชัดอยู่แล้ว ว่าด้วยสังโยชน์ 10

    ว่าด้วยการละสังโยชน์ จากพระโสดาบันจนถึงพระอนาคามี ละได้เพียงแต่กาย

    ว่าด้วยการละสังโยชน์ ในขั้นพระอรหันต์นั้นจึง ละจิต ก็ยังจะเข้าใจ ว่าด้วยรูป-นาม

    การรับรู้ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ก็เป็นทางที่ถูกที่ควร แต่เมื่อเห็นบ่อยๆแล้วจะเกิดความเบื่อหน่าย

    ต่อสิ่งที่ได้พบเห็น เข้าใจถึงต้นเหตุที่ก่อให้เกิดทุกข์ ซึ่งมีพระอาจารย์ได้สั่งสอนเอาไว้

    ผู้ที่มีธรรมอยู่แล้ว แต่ได้ละทิ้ง เป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งกว่าผู้ที่มาเกิดเป็นมนุษย์มากมายนัก

    เกิดมาเป็นมนุษย์ยากยิ่งแล้ว จะได้พบเจอพระศาสนายากยิ่ง ยิ่งกว่า แต่กลับละทิ้งพระธรรมที่พระศาสดาได้ทรงสั่งสอนไว้ดีแล้ว

    ด้วยมานะทิฎฐิ เป็นสิ่งที่เสียดายเป็นอย่างยิ่งจริงๆ


    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  15. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,622
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,194
    มีพระพุทธพจน์รับรองเรื่องจิตไว้ดังนี้

    พราหมณวรรค


    ๑. พรหมายุสูตร

    ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสตอบพราหมณ์ด้วยพระคาถาว่า
    ผู้ใดรู้ระลึกชาติก่อนๆ ได้ เห็นสวรรค์และอบาย บรรลุถึงความสิ้นชาติ
    ผู้นั้นชื่อว่า เป็นมุนีผู้รู้ยิ่งถึงที่สุด
    มุนีนั้นย่อมรู้ จิตอันบริสุทธิ์ อันพ้นแล้วจากราคะทั้งหลาย
    โดยประการทั้งปวง เป็นผู้ละชาติและมรณะได้แล้ว
    ชื่อว่ามีคุณครบถ้วนแห่งพรหมจรรย์ ชื่อว่าถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง
    บัณฑิตกล่าวบุคคลผู้เช่น นั้นว่าเป็นพุทธะ.
    ^
    ^
    พระพุทธพจน์ชัดๆขนาดนี้ยังจะกล้าเดาสวดอวดภูมิธรรมอีกหรือ?

    จงมาช่วยกันทำให้เว็บไซด์นี้ เป็นสังคมคุณภาพออนไลน์กันเถอะ

    ถามมาตอบไป ใช่ก็ตอบว่าใช่ ถ้าไม่ใช่ ไม่ใช่เพราะอะไร ชี้แจงเหตุผลด้วย

    ที่ใช่เป็นยังไงตอบชัดๆด้วย ถึงไม่ตอบก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่อย่าเบียงประเด็นออกไป

    อย่าเอาแต่เดาสวด อวดภูมิธรรมที่ไม่มีในตน อย่างที่มีให้เห็นเกลื่อนไปในเว็บบอร์ดนี้. <!-- google_ad_section_end -->
     
  16. ชินนา

    ชินนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +248
    ผมก็เพิ่งจะได้ยินนี่แหละครับ ว่าจิตเป็นขันธ์ ๕

    อ่านแล้วก็เห็นคำตอบว่า งงๆ เพราะผมก็ไม่ค่อยถนัดคำบาลีเท่าไหร่

    ครูบาอาจารย์สอนว่าจิตไม่ใช่ขันธ์ ๕........ขันธ์ ๕ ไม่ใช่เรา เราคือจิต แต่เราคือจิตที่ยังโ่ง่ ไม่รู้ตามความเป็นจริง เลยยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ ๕ จึงสร้างกิเลส ตัณหา อุปาทาน อศุลกรรม เกิดมีภพมีชาติ ได้รับความทุกข์จากการยึดมั่นถือมั่นในร่างกายนี้

    และตามที่ได้ปฏิบัติมาก็เห็นเป็นอย่างครูบาอาจารย์ท่านสอน ด้วยการเห็นการเกิด-ดับของขันธ์ ๕ โดยที่เราไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแม้แต่น้อย

    คุณเพททริกซ์ ช่วยบอกทีว่า เวลาที่บางท่านสามารถถอดจิตไปในภพภูมิอื่นๆ ได้ นั่นท่านเอาอะไรไป ท่านเอาขันธ์ ๕ ไปด้วยไหม?

    เคยได้ยินหรือพบไหมว่า พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ที่นิพพานแล้วท่านมาโปรด
    หรือ การถอดจิตไปกราบพระ ท่านเอาอะไรไปกราบ และพระที่ท่านไปพบนั้นเป็นอะไร

    วิมุตติญาณทัสสนะ ก็เป็นผลมาจากจิตที่บรรลุ เข้าถึง หลุดพ้น มิใช่หรือ?

    แล้วสิ่งที่ไปเกิดในอบายภูมิ เทวโลก พรหมโลกเขาเอาอะไรไปเกิด?

    หรือเข้าพระนิพพาน นั้นเป็นอะไรถ้าไม่ใช่จิตที่บริสุทธิ์หมดอวิชชาแล้ว พ้นจากสายปฏิจจสมุปบาท

    คำถามคำตอบนี้คงไม่สิ้นสุด ถ้าเราไม่พยายามละสังโยชน์ ๑๐ ตามภูมิธรรมภูมิจิต จนเกิดปัญญา เราจะไม่มีทางรู้จริงได้
     
  17. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    อนุโมทนากับ แพทริก ค่ะ
    ทั้งจขกท ซัวเจ๋ง .... ฯลฯ

    บางทีเราอาจต้องก้าวข้ามภาษา และดูที่เจตนาเป็นหลักค่ะ
    ครูบาอาจารย์บางท่าน อาจสอนว่าจิต(บริสุทธ์) ไม่ใช่ขันธ์ห้า
    ในอภิธรรม เราประกอบด้วยขันธ์ห้า คือรูปขันธ์1และจิตคือขันธ์4(เวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ) จิตหนึ่งๆคือวิญญาณ(มโนวิญญาณ)และเจตสิกเวทนาสัญญาสังขารเข้าสัมปยุตกัน เป็นจิตเกิดและดับต่อเนื่องกันไป.. มีภวังคภพคั่นในแต่ละวิถีจิต คือจิตไม่สามารถหลุดจากภพที่รักษาวิบากกรรมที่ทำไว้ จนกว่าจะทำลายอาสวะกิเลส

    จิต(บริสุทธ์) ที่ครูอาจารย์บางท่านสอน(อาจเปรียบเป็นนิพพานในอภิธรรม)
    ไม่ใช่ขันธ์ห้าคือรูปและขันธ์สี่
    นิพพานในอภิธรรม(อาจเปรียบเป็นจิตบริสุทธ์)
    ขันธ์ห้าคือรูป และขันธ์สี่คือจิต จึงไม่ใช่นิพพาน
    ดูๆไป เจตนาไม่ต่างกันใช่ไหม

    แต่ในส่วนของอภิธรรม ขันธ์สี่นั่นคือจิต(บวกกับรูปขันธ์หรือกายหยาบ/กายละเอียด/กายจิต..ฯลฯ อันเป็นเรือนทุกข์ ที่เที่ยวท่องไปในสังสารวัฏฏตามวิบากบุญบาป)
    การถอดจิต คือขันธ์ห้านี่แหละที่ท่องไป แต่ส่วนรูปขันธ์เป็นกายละเอียดหรือที่เรียกกายจิต หรือตามแต่จะเรียก

    ส่วนกายของพระอรหันต์ที่ละสังขาร(ขันธ์ห้า)แล้ว ไม่ตกอยู่ในขันธ์ห้าอีก เป็นธรรมกาย ไม่ใช่ตัวตน แต่ต้องสื่อกับฝ่ายสมมุติบัญญัติ จึงต้องมีบัญญัติเสมอกัน แต่ต่างกันเพราะเป็นกายที่ไม่ได้มาจากกรรม(หรือจากภพ)

    ทีนี้ถามว่า หากจิตดับ(หรือขณะขันธ์ห้าดับ) จะเอาอะไรไปรู้
    ในอภิธรรมนั้นเข้าใจง่ายกว่ามาก คือก่อนจะเข้านิพพาน จิตมีนิพพานเป็นอารมณ์หรือมรรคจิตเกิด และเมื่อขันธ์ห้าดับ ภาวะนิพพานก็ปรากฏ เมื่อออกจากนิพพาน โลกุตตรจิต(ผลจิตที่ใคร่ครวญสภาวะที่เข้าไปพบ)ก็เกิด วิชชาเกิด ส่วนการออกมาจากสภาวะนิพพานต้องใช้ขันธ์ห้าดำรงต่อ แต่กิเลสดับไป พระอรหันต์จึงมีแต่จิตกุศลดำรงอยู่(เป็นเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณฝ่ายกุศล) ยกเว้นพระอรหันต์ที่เข้านิพพานไป(ดับขันธ์ห้าเข้านิพพาน)
    ถ้าจิตไม่ดับ ก็เป็นแค่นิพพานชั่วคราว เป็นฌานโลกีย์ยังทำลายขันธ์สี่หรือจิตไม่ได้ (จิตหนึ่งๆเกิดได้ด้วยเจตสิกฝ่ายกุศลและอกุศล คือยังตกอยู่ในภพ)

    การออกมาดำรงขันธ์ของผู้เข้านิพพานมา หรือจิตนี้บริสุทธิ์แล้วมีวิชชา ก็ดูไม่ต่างจากที่ครูบาอาจารย์บอกถึงความบริสุทธิ์ของจิตไหม
    วิชชาจึงเกิดที่จิต ในนิพพานไม่มีการรู้ด้วยจิต แต่เป็นสภาวะที่พ้นการคิดรู้ แต่จะเป็นรู้อย่างไร ก็อย่างที่คุณบอก ต้องแจ้งเอง อธิบายอย่างไร ก็คงจะยากที่จะเข้าใจตรงกัน

    [​IMG]<!-- google_ad_section_end --> โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลค่ะ
    เน็ตช้า ไม่ถนัดมาตอบคำถามค่ะ
     
  18. ไมยราพ

    ไมยราพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2009
    โพสต์:
    495
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +201
    เลิกได้แล้ว คำว่า เนตช้า ไม่ช้า เนี๋ยะ..!

    เดี๋ยวนี้ เค้าใช้กันไม่ต่ำกว่า 6 เมก
    เหยียบเต็มที่ เกจวัดรอบ จนเข็มกระดิก ระริกๆ ปาเข้าไปที่ 10 เมก

    ฉะนั้น อะไรที่ทันสมัย ตามให้ทันซะบ้าง จะอยู่ทำป้าอะไร ขอรับกระผม

    สักกายทิฏฐิ ๒๐ นะครับ

    นอกจากนี้ บราว์เซอร์อะไรที่มันแรงๆ ก็ลองเปลี่ยนซะบ้าง
    แนะนำ Opera หรือ Opera Next รุ่นใหม่ๆ นั่นก็ดี
    หมาไฟ และโครม ยังสู้ไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2011
  19. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,806
    ค่าพลัง:
    +7,940
    พวกเป็น โรคเอดจ์(Edge) ไปไหน พกกระเปาะเอดจ์ ไปด้วย

    เวลาทำอะไร ก็ยัง ช้า แต่ก็ หรูหรา

    นึกถึงตอน ปุณฑ์ปู้นยืนกด BB หลังพิงขอบทางด่วน อย่างสบายใจสิ
     
  20. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,761
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    แค่คลิ๊กเข้ามากระทู้ รอช่องที่ตอบกระทู้ขึ้น ก็ใช้ความอดทนมากแล้วจ๊ะ
    แต่ก่อนจะแก้ไขคำตอบจนพอใจ
    เดี๋ยวนี้ ตอบแล้วตอบเลย ถ้าไม่จำเป็นจะปล่อยเลย
    ถ้าตอบแล้วขณะโหลดข้อความหายไป ก็ช่างมันไปเลย
    เพราะอยู่สวน ใช้ air card
    net sim หลายยี่ห้อ หาสัญญาณ บ่ใคร่ได้ นะเอย
     

แชร์หน้านี้

Loading...