แบ่งปันวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง (๑)

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Dek_watpa, 27 กรกฎาคม 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่32:เหรียญ 600 ปี วัดเจดีย์หลวง

    รายการที่ 32: เหรียญ 600 ปี วัดเจดีย์หลวง สมเด็จพระญาณสังวร (สมเด็จพระสังฆราช) วัดบวรนิเวศวิหาร 2538 เนื้อเงิน
    เหรียญปั๊มรูปเหมือนสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเหรียญที่สร้างขึ้นในคราวสมโภช 600 ปี พระธาตุเจดีย์หลวง วัดพระเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่

    วัดเจดีย์หลวง มีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่ ราช กุฏาคาร, วัดโชติการาม มีพระเจดีย์องค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์พระองค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย เพื่ออุทิศส่วนกุศลถวายแด่พญากือนา พระราชบิดา แต่ไม่ปรากฏปีที่สร้างแน่ชัด แต่สันนิษฐานกันว่าวัดแห่งนี้น่าจะสร้างในปี พ.ศ.1934 หากสร้างไม่ทันเสร็จก็สิ้นพระชนม์เสียก่อน พระมเหสีได้ควบคุมการก่อสร้างต่อมาจนแล้วเสร็จในรัชสมัยพญาสามฝั่งแกน เรียกกันว่า กู่หลวง แต่ครั้งนั้นสร้างไม่สูงใหญ่เท่าใดนัก

    ในรัช สมัยพญาติโลกราช จึงโปรดเกล้าฯ ให้หมื่นด้ามพร้าคตเป็นนายช่างใหญ่ ดำเนินการซ่อมเสริมสร้างต่อสูงถึง 45 วา แล้วอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานที่มุขด้านตะวันออกขององค์เจดีย์ เป็นระยะเวลานานถึง 80 ปี คือ ระหว่างปี พ.ศ.2011-2091 หากแต่ในปี พ.ศ.2088 ในสมัยพระมหาเทวีจิรประภา ยอดเจดีย์หลวงได้หักลงมา เนื่องเพราะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่

    ในปี พ.ศ.2533-2535 กรมศิลปากรได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์เจดีย์หลวงขึ้น นอกจากนี้ วัดเจดีย์หลวงยังเป็นที่ตั้งของเสาอินทขีล ซึ่งเดิมตั้งอยู่ที่วัดสะดือเมือง เมื่อสมัยพระเจ้ากาวิละฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ ได้ย้ายเสาอินทขีลมาไว้ที่วัดเจดีย์หลวง พร้อมกับสร้างวิหารครอบและปลูกต้นยางคู่ไว้ข้างวิหาร กับสร้างยักษ์ 2 ตนให้เฝ้ารักษาเสาอินทขีล

    ในคราวงานสมโภช 600 ปี เจดีย์หลวง ได้มีการจัดสร้างเหรียญที่ระลึกขึ้น เป็นเหรียญปั๊มรูปเหมือนสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ขึ้นมา ซึ่งออกแบบแกะลวดลายได้อย่างสวยงามมาก เป็นเหรียญที่มีความหนาถึง 3 มิลลิเมตร ที่ขอบเหรียญมีการตอกอักษรไว้ว่า "600 ปี วัดเจดีย์หลวง จ.เชียง ใหม่"

    เป็น "เหรียญดี" น่าเก็บสะสมยิ่ง ทั้งอายุการสร้างที่ผ่านมา 10 กว่าปี ความงดงามของเหรียญ ทั้งพิธีการสร้างที่นับว่าอลังการเป็นอย่างที่สุด ได้ทำพิธีพุทธาภิเษกและสมโภช เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2538 ณ วัดเจดีย์หลวง มีพระเกจิอาจารย์ 600 รูป ร่วมพิธี โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงเป็นประธานในพิธี พระเกจิอาจารย์ที่นับว่าโดดเด่น เช่น หลวงพ่อเปิ่น วัดกลางบางพระ จังหวัดนครปฐม หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จังหวัดกาญจนบุรี และยังมีหลวงพ่อวิริยังค์, หลวงปู่ท่อน, หลวงปู่แว่น, ครูบาน้อย, ครูบาเทือง, หลวงปู่คำพันธ์ ครบเครื่องเรื่องปลุกเสกครับ

    ผมแบ่งปันรายการนี้ 1,800 บาท พร้อมจัดส่งฟรีทั่วประเทศไทยครับ(EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดี)


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 สิงหาคม 2011
  2. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่33:เหรียญสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์

    รายการที่33: เหรียญสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ด้านหลังเหรียญสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ปี2519 เหรียญนี้ออกวัดบวรฯ พิธีดี เนื้อทองดอกบวบสภาพสวย อาราธนาขึ้นคอได้ไม่อายใครพระดีมีคุณค่าน่าบูชาสะสมมาก สองสมเด็จพระสมณเจ้าแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ครับ
    ผมแบ่งปันรายการนี้ 800 บาท พร้อมจัดส่งฟรีทั่วประเทศไทยครับ(EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดีครับ)
    ข้อมูลเพิ่มเติม:
    ข้อมูลจาก จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
    พระประวัติและเกียรติคุณของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
    สมเด็จ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 8 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประทับอยู่ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้รับมหาสมณุตมาภิเษก เมื่อ ปี พ.ศ. 2434 เมื่อพระชนมายุได้ 82 พรรษา เป็นพระมหาสมณเจ้า ฯ ได้ 10 เดือน ก็สิ้นพระชนมเมื่อปี พ.ศ. 2435 พระชมมายุได้ 83 พรรษา

    สมเด็จ พระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นพระโอรสพระองค์ที่ 18 ในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาน้อยเล็ก เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2352 เมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ได้ทรงผนวชเป็นสามเณร ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (มี) เป็นพระอุปัชฌาย์ และทรงผนวชเป็นพระภิกษุเมื่อมีพระชนมายุครบ 20 พรรษา พระองค์ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ สำนักวัดมหาธาตุ ทรงแตกฉานในภาษาบาลี พระนิพนธ์ที่แสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในภาษาบาลี คือ พระนิพนธ์เรื่อง สุคตวิทัตถิวิธาน ซึ่งทรงนิพนธ์เป็นภาษาบาลี นอกจากนี้ ยังได้ทรงนิพนธ์เรื่องเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ เป็นภาษาบาลีอีกหลายเรื่อง นับว่าพระองค์ทรงเป็นปราชญ์ทางภาษาบาลีที่สำคัญพระองค์หนึ่ง

    ในรัช สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงสมณศักดิ์ที่พระราชาคณะ โดยมีสมณศักดิ์เสมอพระราชาคณะสามัญ ต่อมา ในปี พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฤกษ์ กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ เสด็จสถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหารราชวรวิหาร เป็นเจ้าคณะใหญ่ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย นับว่าทรงเป็นเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุติพระองค์แรก เมื่อสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสสิ้นพระชนม์ เมื่อปี พ.ศ. 2396 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มิได้ทรงสถาปนาพระเถระรูปใดขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชอีกตลอดรัชกาลรวมเป็น ระยะเวลา 15 ปี ในระหว่างนั้น พระองค์ทรงดำรงสมณฐานันดรเป็นที่สอง รองจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระมหาสังฆปรินายก คือ สมเด็จพระสังฆราช

    เมื่อ ปี พ.ศ. 2416 พระองค์ทรงเป็นพระราชอุปัธยาจารย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งในปีเดียวกันนี้ ทรงได้รับการโปรดเกล้า ฯ เลื่อนพระอิสริยยศขึ้นเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ การที่เลื่อนพระอิศริยยศครั้งนี้ แม้ว่าพระองค์จะไม่ทรงรับถวายมหาสมณุตมาภิเษกในที่สมเด็จพระสังฆราช แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ถวายพระเกียรติยศในทางสมณศักดิ์ สูงสุด เท่ากับทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขึ้นครองราชย์ ก็ยังมิได้ทรงสถาปนาพระเถระรูปใดเป็นสมเด็จพระสังฆราชเป็นระยะเวลาถึง 23 ปี จึงได้ทรงสถาปนาพระองค์ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช

    ในปี พ.ศ. 2438 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระปวเรศวริยาลงกรณ์ทรงเจริญพระชนมายุไม่มีพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดใน พระบรมราชตระกูลอันนี้ ที่ล่วงลับไปแล้วก็ดี ยังดำรงอยู่ก็ดีที่จะมีพระชนมายุเทียมถึง รวมทั้ง ยังเป็นที่นับถือของคนทั่วไปทั้งฝ่ายคฤหัสถ์และฝ่ายบรรพชิต พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งพระราชพิธีมหาสมณุตามาภิเษกเลื่อนพระอิสริยยศขึ้นเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์ (สมเด็จกรมพระยา ในปัจจุบัน) มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า

    "พระเจ้าบรมวงศ์ เธอ กรมสมเด็จพระปวเรศวริยาลงกรณ์ บวรรังษีสุริยพันธุ์ ปิยพรหมจรรย์ธรรมวรยุต ปฏิบัติสุทธคณนายก ธรรมนิติสาธกปวรัยยะบรรพชิต สรรพธรรมิกกิจโกศล สุวิมลปรีชา ปัญญาอรรคมหาสมณุดม บรมพงษาธิบดี จักรกรีบรมนารถ มหาเสนานุรักษ์อนุราชวรางกูร ปรมินทรบดินทรสูรย์หิโตปัธยาจารย์ มโหฬารเมตยาภิธยาไศรย ไตรปิฎกโหรกลาโกศล เบญจปดลเสวตรฉัตร ศิริรัตโนปลักษณมหาสมณุตมาภิเศกาภิสิต ปรมุกฤษฐสมณศักดิธำรง มหาสงฆปรินายก พุทธสาสนดิลกโลกุตมมหาบัณฑิตย์ สุนทรวิจิตรปฏิภาณ ไวยัตติยญาณมหากระวี พุทธาทิศรีรัตนไตรคุณารักษ์ เอกอรรคมหาอนาคารินรัตน สยามาขิโลกยปฏิพัทธพุทธปริสัษยเนตร สมณคณินทราธิเบศรสกลพุทธจักโรปการกิจ สฤษดิศุภการ มหาปาดมกษประธานวโรดม บรมนารถบพิตร"

    ภายหลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระ ราชดำริว่า การเรียกพระนามพระบรมราชวงศ์ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระประมุขแห่งสังฆมณฑลแต่ เดิมนั้นเรียกตามพระอิสริยยศแห่งพระบรมราชวงศ์ ไม่ได้เรียกตามสมณศักดิ์ของพระประมุขแห่งสังฆมณฑล คือ "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ" หรือที่เรียกอย่างย่อว่า "สมเด็จพระสังฆราช" พระองค์จึงเปลี่ยนคำนำพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระ ประมุขแห่งสังฆมณฑลว่า "สมเด็จพระมหาสมณเจ้า" เพื่อให้ปรากฏพระนามในส่วนสมณศักดิ์ด้วย ดังนั้น จึงเปลี่ยนคำนำพระนามเป็น "สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์"

    พระองค์ทรงพระ ประชวรด้วยพระโรคชราและสิ้นพระชนมเมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2435[3] พระชมมายุได้ 83 พรรษา 13 วัน ทรงผนวชเป็นพระภิกษุได้ 64 พรรษา

    พระปรีชาสามารถ
    สมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ นอกจากจะเป็นปราชญ์ทางภาษาบาลีแล้ว ยังทรงมีพระปรีชาสามารถ ในด้านต่าง ๆ พอประมวลได้ดังนี้ คือ

    ด้านสถาปัตยกรรม ทรง ออกแบบพระปฐมเจดีย์ องค์ที่เป็นอยู่ปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 2396
    ด้าน โบราณคดี ทรงเป็นนักอ่านศิลาจารึกรุ่นแรกของไทยได้ศึกษาและรวบรวมจารึกต่าง ๆ ในประเทศไทยไว้มาก และได้ ทรงอ่านจารึกสุโขทัยหลักที่ 2 ที่เป็นอักษรขอม เป็นพระองค์แรก
    ด้านประวัติศาสตร์ ทรงนิพนธ์ลิลิตพงศาวดารเหนือ เรื่องพระปฐมเจดีย์ และพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ เป็นต้น
    ด้านดาราศาสตร์ ทรงพระนิพนธ์ ตำราปักขคณนา (คำนวณปฏิทินทางจันทรคติ) ไว้อย่างพิสดาร
    ด้าน วิทยาศาสตร์ ทรงบันทึกจำนวนฝนตกเป็นรายวัน ติดต่อกันเป็นเวลาถึง 45 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2389 ถึงปี พ.ศ. 2433 เพื่อเป็นการเก็บสถิติน้ำฝนในประเทศไทย เรียกบันทึกนี้ว่า จดหมายเหตุบัญชีน้ำฝน
    ด้านกวี ทรงพระนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ ทั้งที่เป็นภาษาไทยและภาษาบาลี ไว้เป็นจำนวนมาก ที่เป็นภาษาไทย ทรงนิพนธ์ไว้จำนวนมาก เช่น ได้ลงพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ กาพย์เสด็จนครศรีธรรมราช ลิลิตพงศาวดารเหนือ เป็นต้น
    ด้านพระศาสนา ทรงเป็นองค์ประธานชำระและแปลพระไตรปิฎก พิมพ์พระไตรปิฎกฉบับภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก ทรงกำหนดพระราชบัญญัติ และประกาศคณะสงฆ์ต่าง ๆ ทรงให้กำเนิดพระกริ่งในประเทศไทย ทรงสร้างพระกริ่งที่เรียกกันว่า พระกริ่งปวเรศ ซึ่งเป็นต้นแบบของพระกริ่ง ในยุคต่อมาของไทย

    พระประวัติและเกียรติคุณของสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส
    สมเด็จ พระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จสถิต ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2443 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดำรงพระอิสริยยศ 22 พรรษา สิ้นพระชนม์เมื่อปี พ.ศ. 2464 พระชนมายุ 62 พรรษา

    สมเด็จพระมหาสม ณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาแพ ธรรมสโรช ประสูติ เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2403 ในวันที่พระองค์ประสูตินั้นฝนตกหนักมากราวกับฟ้ารั่ว เหมือนพญานาคให้น้ำบริเวณกรุงเทพ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัวได้ทรงตรวจดวงพระชะตากำเนิดแล้ว จะคงทรงล่วงรู้ถึงกาลอนาคตว่าพระราชโอรสพระองค์นี้ จะต้องได้เป็นใหญ่ในสังฆมณฑล จึงพระราชทานนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ ต่อมา เจ้าจอมมารดาแพเสียชีวิตลง ในขณะที่พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพมีพระชนม์มายุเพียง 1 พรรษา ภาระจึงตกอยู่ที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุตรี กรมหลวงวรเสรฐสุดา ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้า เมื่อทรงเจริญวัยทรงพระดำเนินได้ รับสั่งได้คล่องแคล่ว จึงเสด็จพำนักอยู่กับท้าวทรงกันดาร (ศรี) ซึ่งเป็นยายแท้ ๆ

    เมื่อ พระชนมายุได้ 8 พรรษา ทรงเริ่มศึกษาภาษาบาลี จนสามารถแปลธรรมบทได้ก่อนทรงผนวชเป็นสามเณร นอกจากนี้ยังทรงศึกษาภาษาอังกฤษ และโหราศาสตร์ อีกด้วย ถึงปี พ.ศ. 2416 เมื่อพระชนมายุได้ 13 พรรษา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ทรงผนวชเป็นสามเณร โดยมี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ทรงเป็นอุปัชฌาย์ และหม่อมเจ้าพระธรรมุณหิศธาดาทรงเป็นผู้ประทานศีล 10 หลังจากทรงบรรพชาแล้วได้ประทับอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ประมาณ 2 เดือน จึงทรงลาผนวช[2] ครั้นครบปีบวช (พระชนมพรรษา 20 ปี) ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้ทรงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2422 ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์จารย์ และพระจันทรโคจรคุณ (ยิ้ม จันทรังสี) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ แล้วมาประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร

    เมื่อทรงผนวชได้ 3 พรรษา ทรงเข้าแปลพระปริยัติธรรมหน้าพระที่นั่ง ทรงแปลได้เป็นเปรียญ 5 ประโยค จากนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นวชิรญาณวโรรส และเป็นเจ้าคณะรอง ในธรรมยุติกนิกาย เมื่อปี พ.ศ. 2424 พระองค์ได้ครองวัดบวรนิเวศวิหาร สืบต่อจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศ ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2434 ได้เลื่อนสมณศักดิ์ เป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติ เมื่อปี พ.ศ. 2436

    ทรงเริ่มพัฒนาการพระศาสนา โดยเริ่มต้นที่วัดบวรนิเวศวิหาร ได้แก่ริเริ่มให้ภิกษุสามเณรที่บวชใหม่ เรียนพระธรรมวินัยในภาษาไทย มีการสอบความรู้ด้วยวิธีเขียน ต่อมาจึงกำหนดให้เป็นหลักสูตรการศึกษาสำหรับคณะสงฆ์ เรียกว่า นักธรรม ทรงจัดตั้ง มหามงกุฎราชวิทยาลัย เป็นการริเริ่มจัดการศึกษาของพระภิกษุ สามเณรแบบใหม่ คือ เรียนพระปริยัติธรรม ประกอบกับวิชาการอื่น ที่เอื้ออำนวยต่อการสอนพระพุทธศาสนา ผู้ที่สอบได้จะได้เป็นเปรียญเช่นเดียวกับที่สอบได้ในสนามหลวง เรียกว่า เปรียญมหามงกุฎ แต่ได้เลิกไปในอีก 8 ปีต่อมา ทรงออกนิตยสาร ธรรมจักษุ ซึ่งเป็นนิตยสารทางพระพุทธศาสนา ฉบับแรกของไทย

    ทรงอำนวยการจัดการ ศึกษาหัวเมืองทั่วราชอาณาจักรเมื่อปี พ.ศ. 2441 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่จะขยายการศึกษา ขั้นพื้นฐานไปยังประชาชนทั่วราชอาณาจักร ทรงเห็นว่า วัดเป็นแหล่งให้การศึกษาแก่คนไทยมาแต่โบราณกาล เป็นการขยายการศึกษาได้เร็วและทั่วถึง เพราะมีวัดอยู่ทั่วไปในพระราชอาณาจักร ไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน งานนี้มีกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยสนับสนุน พระองค์ดำเนินการอยู่ 5 ปี ก็สามารถขยายการศึกษาขั้นพื้นฐานคือ ชั้นประถมศึกษา ออกไปได้ทั่วประเทศ จากนั้นจึงให้กระทรวงธรรมการ ดำเนินการต่อไป

    ทรงปรับปรุงการปกครอง คณะสงฆ์ เพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เป็นไปด้วยดี เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาตนเอง และประเทศชาติ จึงเกิด พ.ร.บ. ลักษณะปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. 121 (พ.ศ. 2445) ขึ้น ซึ่งเป็น พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ฉบับแรกของไทย สาระสำคัญของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ได้จัดคณะสงฆ์ออกเป็น 4 คณะ คือ คณะเหนือ คณะใต้ คณะกลาง และคณะธรรมยุติกา มีสมเด็จพระราชาคณะเป็นเจ้าคณะ และมีพระราชาคณะรอง คณะละหนึ่งรูป รวมเป็น 8 รูป ทั้ง 8 รูปนี้ยกขึ้นเป็น มหาเถรสมาคม เป็นองค์กรสูงสุดของคณะสงฆ์ และเป็นที่ปรึกษาในการพระศาสนา และการคณะสงฆ์ของพระมหากษัตริย์ มีเจ้าคณะปกครองลดหลั่นไปตามลำดับคือ เจ้าคณะมณฑล เจ้าคณะเมือง เจ้าคณะแขวง และเจ้าอาวาส มีเสนาบดีกระทรวงธรรมการ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ มหาเถรสมาคมเป็นเพียง ที่ทรงปรึกษา ขององค์พระมหากษัตริย์ ดังนั้นกระทรวงธรรมการ จึงต้องทำหน้าที่สังฆราชโดยปริยาย

    พระองค์ได้ เลื่อนพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวชิรญาณวโรรส เมื่อปี พ.ศ. 2449 และเมื่อปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งพระราชพิธีมหาสมณุตมาภิเษก ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงเลื่อนพระอิสริยยศจากกรมหลวงขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะใหญ่แห่งพระสงฆ์ ทั้งกรุงเทพมหานคร และหัวเมืองทั่วพระราชอาณาเขต

    หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่า การเรียกพระนามพระบรมราชวงศ์ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระประมุขแห่งสังฆมณฑลแต่ เดิมนั้นเรียกตามพระอิสริยยศแห่งพระบรมราชวงศ์ ไม่ได้เรียกตามสมณศักดิ์ของพระประมุขแห่งสังฆมณฑล คือ "สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ" หรือที่เรียกอย่างย่อว่า "สมเด็จพระสังฆราช" พระองค์จึงเปลี่ยนคำนำพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระ ประมุขแห่งสังฆมณฑลว่า "สมเด็จพระมหาสมณเจ้า" เพื่อให้ปรากฏพระนามในส่วนสมณศักดิ์ด้วย โดยพระองค์ได้เปลี่ยนคำนำพระนามของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เพื่อเฉลิมพระเกียรติเป็นพระองค์แรก

    ในปีต่อมาคือ ปี พ.ศ. 2454 พระองค์ได้ทรงมีลายพระหัตถ์ถึงเสนาบดีกระทรวงธรรมการ มีความว่า ควรถวายอำนาจในการปกครองคณะสงฆ์แก่พระองค์ ในฐานะที่ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชให้เด็ดขาด เพื่อให้การปกครองคณะสงฆ์เรียบร้อย หลังจากนั้นอีก 6 เดือน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงมอบการทั้งปวงซึ่งเป็นกิจธุระ พระศาสนา ถวายแด่พระองค์ผู้เป็นมหาสังฆปรินายก เมื่อปี พ.ศ. 2455

    ท่าน เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ประชวรด้วยวัณโรค มีพระอาการเรื้อรังมานานนับสิบปี จนกำเริบรุนแรงเกินกว่าความสามารถของแพทย์หลวง ในที่สุดท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ ก็สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2464 สิริรวมพระชนมายุได้ 62 พรรษาครองวัดบวรนิเวศวิหารนาน 30 ปี ดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชอยู่ 10 ปี 7 เดือน

    พระกรณียกิจ

    พระอาสน์ที่ประทับของสมเด็จพระมหาสมณะ เจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่ตำหนักเพชร วัดบวรนิเวศวิหารพระองค์ได้ทรงปรับปรุงการพระพุทธศาสนา และทางคณะสงฆ์ในด้านต่าง ๆ เป็นอันมากโดยเริ่มงาน ตั้งแต่เสด็จไปตรวจการคณะสงฆ์ในหัวเมืองต่าง ๆ เกือบทั่วราชอาณาจักร โดยกระทำอย่างต่อเนื่องทุกปีเกือบ ตลอดพระชนม์ชีพ ทำให้ทรงทราบความเป็นไปของคณะสงฆ์ และของประชาชนในภูมิภาคต่าง ๆ เป็นอย่างดี และนำข้อมูลและปัญหาต่าง ๆ มาปรับปรุง แก้ไขในทุก ๆ ด้าน พอประมวลได้ดังนี้

    ด้านการพระศาสนา พระองค์ได้พัฒนาภิกษุสามเณร ให้มีความรู้ความสามารถในพระธรรมวินัย เพื่อจะได้แนะนำสั่งสอนประชาชนได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ทรงผลิตตำราและหนังสือทางพระพุทธศาสนา ที่คนทั่วไปสามารถอ่านทำความเข้าใจได้ง่าย
    ด้านการคณะสงฆ์ ทรงออกพระมหาสมณาณัติ ประทานพระวินิจฉัยและทรงวางระเบียบ แบบแผน เกี่ยวกับความประพฤติปฏิบัติของพระภิกษุสามเณรในด้านต่าง ๆ ให้ถูกต้องเป็นมาตรฐาน เช่น ระเบียบเกี่ยวกับพระอุปัชฌาย์ การบรรพชาอุปสมบท การปกครองภิกษุสามเณรและศิษย์วัด การวินิจฉัยอธิกรณ์ ระเบียบเกี่ยวกับ สมณศักดิ์ พัดยศ นิตยภัต ดวงตราประจำตำแหน่ง เป็นต้น
    ด้านการศึกษา ทรงปรับปรุงการศึกษาของคณะสงฆ์ให้ทันสมัย ทรงจัดการศึกษาพระปริยัติ ธรรมเพิ่มขึ้นจากแบบเดิมที่ศึกษาภาษาบาลี โดยให้ศึกษาพระธรรมวินัยในภาษาไทยเรียกว่า หลักสูตร นักธรรม
    งานพระ นิพนธ์ พระองค์ทรงรอบรู้ภาษาต่าง ๆ หลายภาษา คือ ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส ได้ทรงนิพนธ์เรื่องต่าง ๆ ไว้เป็นอันมาก เช่น หนังสือหลักสูตรนักธรรมชั้นตรี โท เอก หลักสูตรบาลี ไวยากรณ์ทั้งชุด รวมพระนิพนธ์ทั้งหมดมีมากกว่า 200 เรื่อง นอกจากนี้ยังทรงชำระ คัมภีร์บาลีไว้กว่า 20 คัมภีร์


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่ 34:

    รายการที่34:พระสมเด็จวัดระฆัง รุ่น มี เฮง รวย
    พระสมเด็จวัดระฆังรุ่นนี้ จัดสร้างเมื่อ 25 กรกฎาคม 2552 มีผงมวลสารเก่ารุ่น100 ปี 108 ปี 118 ปี ผสมอยู่ครับ สำหรับท่านที่อยากมีสมเด็จสักองค์ไว้บูชา แต่อาจจะสงสัยหรือยังดูไม่ขาด แนะนำองค์นี้ครับ โค๊ดระฆังชัด ปั๊มตราวัด เนื้อแตกลายงาสวยมาก พระสมเด็จรุ่นเท่าที่ทราบมีประสบการณ์กับผู้ที่อารธนาขึ้นคอแล้วครับ หรือจะเก็บให้ลูกหลานต่อไปก็ดียิ่งครับ

    ผมแบ่งปันรายการนี้ 350 บาท จัดส่งฟรีทั่วประเทศไทยครับ(EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดีครับ)

    ประสบการณ์ (โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจนะครับ) วัยรุ่นแถววัดระฆังได้มาเช่าไปแล้วอาราธนาขึ้นคอด้วยความศรัทธา วันหนึ่งขับมอเตอร์ไซค์ไปแล้วโดนรถไฟเฉี่ยว แต่กลับไม่ได้รับอันตรายใดๆครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • MeeHange01.JPG
      MeeHange01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      227.6 KB
      เปิดดู:
      96
    • MeeHange02.JPG
      MeeHange02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      172.9 KB
      เปิดดู:
      96
    • Account BBL.JPEG
      Account BBL.JPEG
      ขนาดไฟล์:
      151.5 KB
      เปิดดู:
      104
  4. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่ 35:พระสมเด็จเจ็ดชั้นยันต์ข้าง หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก

    รายการที่35: พระสมเด็จเจ็ดชั้นยันต์ข้างเนื้อว่านร้อยแปด ฝังตะกรุดหนึ่งดอกครับ เป็นหนึ่งในวัตถุมงคลรุ่นเสริมบารมี ปี2538

    ผมแบ่งปันรายการนี้ 330 บาท จัดส่งฟรีทั่วประเทศ(EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดีครับ)

    วัตถุมงคลหลวงพ่อยิด จนฺทสุวัณโณ วัดหนองจอก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุด “เสริมบารมี” นี้ เป็นวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อยิด ซึ่งหากนับอายุการสร้างจวบจนปัจจุบันนี้ก็ 15 ปีผ่านมาแล้ว เนื่องจากหลวงพ่อยิดได้จัดสร้างขึ้นเมื่อต้นปี 2538 ก่อนที่หลวงพ่อยิดท่านจะมรณภาพเพียง 1เดือน โดยท่านได้ปลุกเสกเดี่ยวเป็นระยะเวลานานถึง 7 วัน 7 คืนเต็ม (8 – 14 ก.ค. 2538) ณ อุโบสถวัดหนองจอก จนเป็นที่ร่ำลือกล่าวขานด้าน"เมตตา"เป็นที่สุด ผู้ที่บูชาไว้ต่างมีประสบการณ์เมตตามหานิยมและแคล้วคลาดอย่างมากมาย เป็นที่แสวงหากันในหมู่ศิษยานุศิษย์ เพราะเพียงทางวัดเปิดบูชาไม่นาน ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งในการสร้างมีทั้งเนื้อผงพุทธคุณ ขมิ้นเสก ว่าน 108 และแหวนเสริมบารมี (ซึ่งเป็นแหวนรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ท่านสร้าง) และปลัดขิกสุดยอดเครื่องรางที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่าน ซึ่งหลวงพ่อได้ออกแบบเอง วัตถุมงคลชุดนี้กำลังเป็นที่สะสมสูงสุด โดยเฉพาะนักสะสมสายศรัทธาหลวงพ่อยิดด้วยประสบการณ์ในพุทธคุณของผู้ที่ได้ บูชาจาก "ปากต่อปาก" และในบางพิมพ์ได้ขึ้นชื่อว่า "รุ่นแรก" และรุ่นสุดท้ายที่ท่านได้ปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวอย่างเต็มพลัง
    จึงเป็นที่คาดหมายว่าค่านิยมจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆตามธรรมชาติ หากแต่หมดลงและหาบูชาได้ยากเมื่อใด ก็คงเป็นที่เสียดายอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ยังไม่มีวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของ หลวงพ่อยิดนี้ไว้บูชาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LPYID-01.JPG
      LPYID-01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      277.6 KB
      เปิดดู:
      93
    • LPYID-02.JPG
      LPYID-02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      217 KB
      เปิดดู:
      105
    • LPYID-03.JPG
      LPYID-03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      272.9 KB
      เปิดดู:
      90
    • LPYID-04.JPG
      LPYID-04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.3 KB
      เปิดดู:
      102
    • Account BBL.JPEG
      Account BBL.JPEG
      ขนาดไฟล์:
      151.5 KB
      เปิดดู:
      94
    • 058.JPG
      058.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.9 KB
      เปิดดู:
      97
  5. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่36:

    รายการที่36: พระรูปเหมือนซุ้มยันต์ฝังตะกรุดเนื้อขมิ้นเสก เป็นหนึ่งในวัตถุมงคลรุ่นเสริมบารมี ปี2538

    ผมแบ่งปันรายการนี้ 280 บาท จัดส่งฟรีทั่วประเทศ(EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดีครับ)

    วัตถุมงคลหลวงพ่อยิด จนฺทสุวัณโณ วัดหนองจอก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุด “เสริมบารมี” นี้ เป็นวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อยิด ซึ่งหากนับอายุการสร้างจวบจนปัจจุบันนี้ก็ 15 ปีผ่านมาแล้ว เนื่องจากหลวงพ่อยิดได้จัดสร้างขึ้นเมื่อต้นปี 2538 ก่อนที่หลวงพ่อยิดท่านจะมรณภาพเพียง 1เดือน โดยท่านได้ปลุกเสกเดี่ยวเป็นระยะเวลานานถึง 7 วัน 7 คืนเต็ม (8 – 14 ก.ค. 2538) ณ อุโบสถวัดหนองจอก จนเป็นที่ร่ำลือกล่าวขานด้าน"เมตตา"เป็นที่สุด ผู้ที่บูชาไว้ต่างมีประสบการณ์เมตตามหานิยมและแคล้วคลาดอย่างมากมาย เป็นที่แสวงหากันในหมู่ศิษยานุศิษย์ เพราะเพียงทางวัดเปิดบูชาไม่นาน ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งในการสร้างมีทั้งเนื้อผงพุทธคุณ ขมิ้นเสก ว่าน 108 และแหวนเสริมบารมี (ซึ่งเป็นแหวนรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ท่านสร้าง) และปลัดขิกสุดยอดเครื่องรางที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่าน ซึ่งหลวงพ่อได้ออกแบบเอง วัตถุมงคลชุดนี้กำลังเป็นที่สะสมสูงสุด โดยเฉพาะนักสะสมสายศรัทธาหลวงพ่อยิดด้วยประสบการณ์ในพุทธคุณของผู้ที่ได้ บูชาจาก "ปากต่อปาก" และในบางพิมพ์ได้ขึ้นชื่อว่า "รุ่นแรก" และรุ่นสุดท้ายที่ท่านได้ปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวอย่างเต็มพลัง จึงเป็นที่คาดหมายว่าค่านิยมจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆตามธรรมชาติ หากแต่หมดลงและหาบูชาได้ยากเมื่อใด ก็คงเป็นที่เสียดายอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ยังไม่มีวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของ หลวงพ่อยิดนี้ไว้บูชาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LPYID-2-01.JPG
      LPYID-2-01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      271.7 KB
      เปิดดู:
      73
    • LPYID-2-02.JPG
      LPYID-2-02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      235.1 KB
      เปิดดู:
      83
    • LPYID-2-03.JPG
      LPYID-2-03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      201 KB
      เปิดดู:
      80
    • 058.JPG
      058.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.9 KB
      เปิดดู:
      90
    • Account BBL.JPEG
      Account BBL.JPEG
      ขนาดไฟล์:
      151.5 KB
      เปิดดู:
      83
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 สิงหาคม 2011
  6. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่37: พระสีวลี ฝังตะกรุด เนื้อว่าน 108

    รายการที่37: พระสีวลี ฝังตะกรุด เนื้อว่าน 108 เป็นหนึ่งในวัตถุมงคลรุ่นเสริมบารมี ปี2538

    ผมแบ่งปันรายการนี้ 230 บาท จัดส่งฟรีทั่วประเทศ(EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดีครับ)

    วัตถุมงคลหลวงพ่อยิด จนฺทสุวัณโณ วัดหนองจอก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุด “เสริมบารมี” นี้ เป็นวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อยิด ซึ่งหากนับอายุการสร้างจวบจนปัจจุบันนี้ก็ 15 ปีผ่านมาแล้ว เนื่องจากหลวงพ่อยิดได้จัดสร้างขึ้นเมื่อต้นปี 2538 ก่อนที่หลวงพ่อยิดท่านจะมรณภาพเพียง 1เดือน โดยท่านได้ปลุกเสกเดี่ยวเป็นระยะเวลานานถึง 7 วัน 7 คืนเต็ม (8 – 14 ก.ค. 2538) ณ อุโบสถวัดหนองจอก จนเป็นที่ร่ำลือกล่าวขานด้าน"เมตตา"เป็นที่สุด ผู้ที่บูชาไว้ต่างมีประสบการณ์เมตตามหานิยมและแคล้วคลาดอย่างมากมาย เป็นที่แสวงหากันในหมู่ศิษยานุศิษย์ เพราะเพียงทางวัดเปิดบูชาไม่นาน ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งในการสร้างมีทั้งเนื้อผงพุทธคุณ ขมิ้นเสก ว่าน 108 และแหวนเสริมบารมี (ซึ่งเป็นแหวนรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ท่านสร้าง) และปลัดขิกสุดยอดเครื่องรางที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่าน ซึ่งหลวงพ่อได้ออกแบบเอง วัตถุมงคลชุดนี้กำลังเป็นที่สะสมสูงสุด โดยเฉพาะนักสะสมสายศรัทธาหลวงพ่อยิดด้วยประสบการณ์ในพุทธคุณของผู้ที่ได้ บูชาจาก "ปากต่อปาก" และในบางพิมพ์ได้ขึ้นชื่อว่า "รุ่นแรก" และรุ่นสุดท้ายที่ท่านได้ปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวอย่างเต็มพลัง จึงเป็นที่คาดหมายว่าค่านิยมจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆตามธรรมชาติ หากแต่หมดลงและหาบูชาได้ยากเมื่อใด ก็คงเป็นที่เสียดายอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ยังไม่มีวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของ หลวงพ่อยิดนี้ไว้บูชาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LPYID-3-01.JPG
      LPYID-3-01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      231.5 KB
      เปิดดู:
      69
    • LPYID-3-02.JPG
      LPYID-3-02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      222 KB
      เปิดดู:
      84
    • LPYID-3-03.JPG
      LPYID-3-03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      205.5 KB
      เปิดดู:
      72
    • LPYID-3-04.JPG
      LPYID-3-04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      81.2 KB
      เปิดดู:
      77
    • 058.JPG
      058.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.9 KB
      เปิดดู:
      76
    • Account BBL.JPEG
      Account BBL.JPEG
      ขนาดไฟล์:
      151.5 KB
      เปิดดู:
      96
  7. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่38: พระปิดตา ฝังตะกรุดเนื้อว่าน 108

    รายการที่38: พระปิดตา ฝังตะกรุดเนื้อว่าน 108 เป็นหนึ่งในวัตถุมงคลรุ่นเสริมบารมี ปี2538

    ผมแบ่งปันรายการนี้ 280 บาท จัดส่งฟรีทั่วประเทศ(EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดีครับ)

    วัตถุมงคลหลวงพ่อยิด จนฺทสุวัณโณ วัดหนองจอก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุด “เสริมบารมี” นี้ เป็นวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อยิด ซึ่งหากนับอายุการสร้างจวบจนปัจจุบันนี้ก็ 15 ปีผ่านมาแล้ว เนื่องจากหลวงพ่อยิดได้จัดสร้างขึ้นเมื่อต้นปี 2538 ก่อนที่หลวงพ่อยิดท่านจะมรณภาพเพียง 1เดือน โดยท่านได้ปลุกเสกเดี่ยวเป็นระยะเวลานานถึง 7 วัน 7 คืนเต็ม (8 – 14 ก.ค. 2538) ณ อุโบสถวัดหนองจอก จนเป็นที่ร่ำลือกล่าวขานด้าน"เมตตา"เป็นที่สุด ผู้ที่บูชาไว้ต่างมีประสบการณ์เมตตามหานิยมและแคล้วคลาดอย่างมากมาย เป็นที่แสวงหากันในหมู่ศิษยานุศิษย์ เพราะเพียงทางวัดเปิดบูชาไม่นาน ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งในการสร้างมีทั้งเนื้อผงพุทธคุณ ขมิ้นเสก ว่าน 108 และแหวนเสริมบารมี (ซึ่งเป็นแหวนรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ท่านสร้าง) และปลัดขิกสุดยอดเครื่องรางที่สร้างชื่อเสียงให้กับท่าน ซึ่งหลวงพ่อได้ออกแบบเอง วัตถุมงคลชุดนี้กำลังเป็นที่สะสมสูงสุด โดยเฉพาะนักสะสมสายศรัทธาหลวงพ่อยิดด้วยประสบการณ์ในพุทธคุณของผู้ที่ได้ บูชาจาก "ปากต่อปาก" และในบางพิมพ์ได้ขึ้นชื่อว่า "รุ่นแรก" และรุ่นสุดท้ายที่ท่านได้ปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวอย่างเต็มพลัง จึงเป็นที่คาดหมายว่าค่านิยมจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆตามธรรมชาติ หากแต่หมดลงและหาบูชาได้ยากเมื่อใด ก็คงเป็นที่เสียดายอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ยังไม่มีวัตถุมงคลรุ่นสุดท้ายของ หลวงพ่อยิดนี้ไว้บูชาครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LPYID-4-01.JPG
      LPYID-4-01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      259.2 KB
      เปิดดู:
      79
    • LPYID-4-02.JPG
      LPYID-4-02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      229.4 KB
      เปิดดู:
      70
    • LPYID-4-03.JPG
      LPYID-4-03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      212.6 KB
      เปิดดู:
      70
    • 058.JPG
      058.JPG
      ขนาดไฟล์:
      57.9 KB
      เปิดดู:
      76
    • Account BBL.JPEG
      Account BBL.JPEG
      ขนาดไฟล์:
      151.5 KB
      เปิดดู:
      87
  8. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่39: พระขุนแผนเคลือบยอดขุนพล (๗สี) พิมพ์เล็ก

    รายการที่39: พระขุนแผนเคลือบยอดขุนพล (๗สี) พิมพ์เล็ก ปลุกเสกโดย หลวงปู่ทิม วัดพระขาว
    หลวงปู่ทิมปลุกเสกในเดือนพฤษภาคม 2551 ในการปลุกเสกครั้งนั้นมีวัตถุมงคลที่ดังหลายรุ่นที่ได้รับการปลุกเสกร่วมกัน เช่น ลูกอมชานหมากหัวใจพระสีวลี พระขุนแผนเคลือบยอดขุนพล ทั้งพิมพ์เล็กและพิมพใหญ่ พิมพ์ใหญ่มีทั้งแบบองค์เดี่ยวและพระชุด 3 องค์ ส่วนพิมพ์เล็กจะเป็ยแบบพระชุด 7 องค์ หลวงปู่ทิม วัดพระขาว ถือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาอย่างแท้จริงทีเดียว หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสกเดี่ยวโดยใช้เมตตาและบารมีในการปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก ด้วยอิทธิเวทพุทธาคม อย่างลึกล้ำยากที่จะเสมอเหมือน ตามตำรับตำราของบูรพาจารย์ของท่าน วัตถุมงคลของหลวงปู่มีพุทธคุณครบถ้วนทั้งทางด้านเมตตามหานิยม, เจริญลาภผล, แคล้ว คลาด, บำบัดและป้องกันเจ็บไข้ เสนียดจัญไร โจรภัยกันไฟพ้นจากศัตรูหมู่สัตว์ร้าย ถ้ามีไว้อยู่ในบ้านเรือนบูชา หรือพกติดตัวก็จะทรงอิทธิพลังพุทธาคมปกป้องคุ้มกันจากภยันตรายทั้งปวง

    ผมแบ่งปันรายการนี้ 350 บาท พร้อมจัดส่ง(EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดีครับ) คุณอนันตภพจองครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2011
  9. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่40: พระรูปเหมือนหลวงปู่ชื้นเคลือบสีเขียว

    รายการที่40: พระผงระฆังรูปเหมือนเคลือบสีเขียว หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน เคลือบสีเขียว ออกชุดสององค์ ออกปี2546 ทันหลวงปู่เสกแน่นอนครับ ด้านหน้าเป็นรูปเหมือนหลวงปู่ ด้านหลังเป็นพระรัตนจักรครับ มีปั้มตรายางชัดเจน พระสวยพร้อมกล่องเดิมๆครับ
    ผมแบ่งปันรายการนี้ 550 บาท พร้อมจัดส่งฟรีทั่วประเทศครับ (EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดีครับ)คุณอนันตภพจองครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2011
  10. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่ 41:

    รายการที่ 41: รูปเหมือนปั้ม หลวงพ่อแนม วัดเขาหน่อ เนื้ออัลปาก้าครับ ตอกโค๊ตชัดเจน รุ่นนี้ออกวาระอายุครบ 75 ปีครับ
    ผมแบ่งปันรายการนี้ 300 บาท พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ(EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดีครับ)คุณอนันตภพจองครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LPNam01.JPG
      LPNam01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      266.5 KB
      เปิดดู:
      68
    • LPNam02.JPG
      LPNam02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      252.6 KB
      เปิดดู:
      73
    • Account BBL.JPEG
      Account BBL.JPEG
      ขนาดไฟล์:
      151.5 KB
      เปิดดู:
      70
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2011
  11. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,202
    แวะมาชม พระดี พระแท้ ราคาถูก ครับ คอนเฟิร์ม
     
  12. sithsorn

    sithsorn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +98
    ได้รับพระแล้วครับ ขอบคุณมากครับ
     
  13. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    ขอบคุณครับที่แจ้งให้ทราบ


    ขอบคุณมากครับที่แจ้งให้ทราบครับ โอกาสหน้าเชิญใช้บริการใหม่นะครับ
     
  14. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่ 42:รูปหล่อโบราณรุ่นแรก หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน

    รายการที่ 42: รูปหล่อโบราณรุ่นแรก หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน จ.พระนครศรีอยุธยา เนื้อโลหะผสม สร้างปี2541 ตอกโค๊ตชัดเจน สภาพสวยๆครับ
    ผมแบ่งปันรายการนี้ 1,150 บาท พร้อมจัดส่ง(EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดีครับ)คุณCOFFEEMAXจองครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2011
  15. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่ 43:

    รายการที่43: ล็อคเก็ตหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช จ.พระนครศรีอยุธยา ล็อคเก็ตขนาดกำลังดีครับ เด็กหรือว่าผู้หญิงห้อย กำลังดีเลยครับ
    ผมแบ่งปันรายการนี้ 200บาท พร้อมจัดส่ง(EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดีครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • LPTheam-01.JPG
      LPTheam-01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      179.1 KB
      เปิดดู:
      62
    • LPTheam-02.JPG
      LPTheam-02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      223.9 KB
      เปิดดู:
      62
    • Account BBL.JPEG
      Account BBL.JPEG
      ขนาดไฟล์:
      151.5 KB
      เปิดดู:
      70
  16. COFFEEMAX

    COFFEEMAX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,318
    ค่าพลัง:
    +9,085
    ขอจองบูชารายการนี้ครับ
     
  17. Dek_watpa

    Dek_watpa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    2,608
    ค่าพลัง:
    +4,517
    รายการที่ 44: พระเนื้อผงพิมพ์ ซุ้มประตู

    รายการที่ 44: พระเนื้อผงพิมพ์ ซุ้มประตู หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน จ.พระนครศรีอยุธยา พระผงนี้ออกเมื่อปี2544 ครับ สภาพสวยๆไม่ผ่านการใช้งาน พร้อมกล่องเดิมๆครับ
    ผมแบ่งปันรายการนี้ 200บาท พร้อมจัดส่ง(EMSแพ็คกันกระแทกอย่างดีครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. COFFEEMAX

    COFFEEMAX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,318
    ค่าพลัง:
    +9,085
    โอนเรียบร้อยแล้วครับ วันนี้ (14/8/54) เวลา 16.14 น. จำนวน 1,150 บาทครับ
     
  19. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    ได้รับพระแล้วครับ ขอบคุณมากครับ




    .
     
  20. อนันตภพ

    อนันตภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +2,969
    จองรายการที่39 รายการที่40 และ รายการที่41 ครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...