สมาธิในบ้าน

สติเพื่อการมีอยู่แห่งศีลเป็นเบื้องตน ที่ออกมาจากข้างใน ไม่ไปติดในการกดข่ม บังคับ หมายถึงว่ารู้ขึ้นที่จิตว่าสิ่งที่ตน กำลังคิด พูด หรือกระทำนั้นเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง มีผลทำให้คนอื่นได้รับความเดือดร้อน จนเกิดเป็นความคุ้นชินขึ้น จากนั้นก็พัฒนาต่อไปในอารมณ์ใจแห่งการเจริญในธรรม เช่น ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้เขาเดือดร้อนแต่ต้องการให้เขามีความสุข ไม่เพียงแต่จะไม่ไปยึดเอา ลักขโมยของคนอื่นแต่ยินดีในการให้และต้องการให้สิ่งที่คนอื่นเขาต้องการหรือหากเขาลำบากก็สงเคราะห์ให้เขามีความสุข ฯลฯ<o></o><o></o>

สติแบบที่จดจ่อต่อเนื่องกับอารมณ์เดียวแบบไม่ลดละ ตามแบบมีทั้งสิ้น ๔๐ กอง จนผลที่ตามมาคือจิตรวมเป็นหนึ่งเกิดเป็นสมาธิขึ้น และพัฒนาต่อไปตามลำดับขึ้น เป็นกำลังเมื่อต้องออกพิจารณาทางด้านปัญญา เพื่อถอดถอนความยึดติดในกาย เวทนา จิต สภาวธรรมทั้งหลาย <o>
</o><o></o>
สติเพื่อระลึกรู้ในปัจจุบันขณะ ด้วยมีฐานสมาธิเป็นกำลังแล้วพิจารณา เริ่มจากสิ่งหยาบนั้นคือกายเพื่อถอดถอนความยึดติด แต่หากจิตยังยึดสิ่งภายนอกว่าเป็นของๆตนอยู่ เช่น ทรัพย์สิน เงินทอง บ้าน รถยนต์ หน้าที่ เชื่อเสียง ก็ให้ทำความเข้าใจตรงนี้ก่อนว่ามันไม่ใช่ของๆตน หากยังคิดว่าบ้านพร้อมที่ดินก็ของกู เงินฝากนี่ก็ของกู ชื่อเสียงที่สั่งสมมาตั้งนานนมก็ชื่อเสียงกู คนก็ยกย่องสรรเสริญกู ฯลฯ หากจิตยังติดยึดในสิ่งภายนอกอยู่ อย่าพึ่งไปพูดถึงสิ่งละเอียด และถ้ายังผ่านขั้นนี้ไปไม่ได้ อย่าพึ่งไปถอดถอนความยึดติดภายในเลยทำให้ตายก็วนอยู่อย่างนั้น ไม่ก้าวหน้าดอก<o>
</o><o></o>
การที่บางท่านบอกว่าฝึกสติโดยตามรู้ความคิดของเจ้าของแต่ไม่มีบทตั้งเป็นฐาน หมายถึงว่าไม่มีเครื่องผูกจิตกำกับไว้ก่อน และคอยตามดูความคิดเจ้าของมันก็เป็นเพียงการโดดจากความคิดหนึ่งไปสู่อีกความคิดหนึ่งเท่านั้น <o>
</o><o></o>
ในเบื้องต้นเราต้องมีกรรมฐานสักอันหนึ่งเป็นบทตั้งก่อน บางท่านอยู่กับลมหายใจ บางท่านอยู่กับพุทธ-โธ ตลอด จากนั้นค่อยทำความระลึกรู้ในอิริยาบถเช่น ยืน เดิน นั่ง นอน หรือสิ่งที่ตนกระทำอยู่ เมื่อเสร็จก็กลับมาที่บทตั้งนั้นเสมอ นี่จึงถือว่าเป็นวิธีการที่ถูกต้อง

 

ร่ายมายาว ขอเข้าเรื่องก่อนเด้อ....*-*<o>

</o> การถอดกายทิพย์ หนึ่งในความสามารถด้านสมาธิของตุ้ย ที่มีความชำนาญ ที่เขาเพียงโน้มเข้าในฐานสมาธิด้วยจับลมหายใจเพียง ๓ ครั้ง จิตก็สงบตัว ปรากฏภาพแห่งดวงอาทิตย์สีส้มๆซึ่งเป็นอุคหนิมิตแห่งกสิณแสงสว่าง ด้วยความชำนาญ ตุ้ยเพียงแต่เพ่งไปไม่กี่อึดใจ ก็ปรากฏเป็นแก้วใสประกายพรึก สว่างจ้า ระยิบระยับเจิดจรัส จากนั้นตุ้ยก็จะพลิกแพลงเองว่า เขาจะใช้กำลังสมาธิขั้นนี้ทำอะไร <o>
</o><o></o>
หลายครั้งที่ตุ้ยเพ่งต่อไป จนดวงกสิณที่ระยิบระยับนั้น หายกลายเป็นอากาศไป ไม่หลงเหลือแม้แต่ตัวเขาเองหายไปเกลี้ยงไม่มีเหลือ เป็นอารมณ์จิตแห่งอรูปฌานขั้นอากาสานัญจายตนะ ซึ่งหลายครั้งที่ตุ้ยมาอธิบายอารมณ์อรูปฌานดังกล่าวนี้ให้คุณพ่อฟังแต่คุณพ่อก็ยังงุนงง ไม่เข้าใจ<o>
</o><o></o>
เมื่อตุ้ยจะโน้มจิตไปเพื่อถอดกายทิพย์ คุณพ่อมักกำชับเสมอว่าให้ออกมาที่ห้องพระนี้ก่อน ก่อนที่จะไปที่แห่งใด อาจจะมาดูกายเนื้อตัวเอง มาเดินสำรวจรอบๆห้องพระ รอบๆบ้านเพื่อสำรวจ ตรวจตราว่ามีแขกมาเยี่ยมหรือไม่<o>
</o><o></o>
หลายครั้งที่ตุ้ยออกเที่ยว ด้วยการถอดกายทิพย์นี้ เขามักจะเปิดประตูมิติ เพื่อไปยังสถานที่ๆเขาจะไป ซึ่งวันนี้เขาก็ไปอีกในสถานที่ใดสักแห่งหนึ่งที่เรายากจะเข้าใจได้<o>
</o><o></o>
หลังจากที่ตุ้ยทำการบ้านเสร็จ คุณพ่อก็ให้อ่านหนังสือ และท่องคำศัพท์ให้คุณพ่อฟัง จนเสร็จ<o>
</o><o></o>
“พ่อครับ วันนี้ตุ้ยขอดู เกมซ่าท้ากึ๋น ได้ไม๊ครับ”<o></o>
“มันจะไม่ดึกหรือลูก”<o></o>
“ตุ้ยอยากดูครับพ่อ”<o></o>
“เธอนี่ ชอบดูอะไรที่มันติ๊งต๊องนะ”<o></o>
“พ่อ ตุ้ยว่าเขาคิดแปลกๆดีนะ”<o>
</o><o></o>
อือ...การแสดงแต่ละอันดูแล้ว มันยังไงละ บางอันก็ติ๊งต๊องได้จริงๆ คนนี่คิดอะไรแปลกๆ พิลึก!<o>
</o><o></o>
“งั้นไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิก่อนนะ”<o></o>
“ครับ”<o></o>
<o></o>
เมื่อออกจากโต๊ะหนังสือของตุ้ย คุณพ่อกับตุ้ยก็เข้าห้องพระต่อเลย<o>
</o><o></o>
“เอานะ เดี๋ยวทำสมาธินะ แล้วพอคุณพ่อสวดมนต์เสร็จค่อยมาแผ่เมตตากัน”<o></o>
“ครับ”<o></o>

 

ตุ้ยอยู่ในอยู่ในท่านั่งสมาธิ จากนั้นเขาก็หลับตาเข้าสมาธิ ส่วนคุณพ่อก็สวดมนต์ต่อไปตามเคยจนจบ คุณพ่อยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นท่านั่งขัดสมาธิ แต่ก็วางมือลง และหลับตา กำหนดความรู้สึกนึกคิดจดจ่อไปถึงใบหน้าตุ้ย พร้อมกับกำหนดเรียกตุ้ยในใจ ๓ ครั้ง “ ตุ้ย ตุ้ย ตุ้ย”<o>
</o><o></o>
ด้วยอยากทดลองด้วยว่าวันนี้จะทำได้หรือไม่ เพราะบางครั้งหากคุณพ่อทำดังนี้เขาก็ถอนออกมา แต่บางครั้งก็เงียบ อาจจะด้วยคุณพ่อกำลังยังอ่อนอยู่ และอีกอย่างเนื่องจากเกรงว่าเขาจะต้องไปดูเกมซ่า ท้ากึ๋นอีก หากมัวแต่เที่ยวเดี๋ยวไม่ได้ดู แล้วจะมาบ่นให้คุณพ่ออีก<o>
</o><o></o>
นั่นตูว่าแล้ว เงียบ.... ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือว่าจะต้องนั่งสมาธิแข่งกันไปเลย เอาน่าลองอีกครั้ง คุณพ่อนึกในใจ<o>
</o><o></o>
“ตุ้ย ๆ ๆ”<o>
</o><o></o>
คุณพ่อส่งเสียงเรียกชื่อตุ้ยดังพอสมควร จากนั้นตุ้ยก็ค่อยๆลืมตาขึ้น<o></o>
<o></o>
เออ..แบบนี้ได้ผล ฮ่าๆ....เอิ้ก<o>
</o><o></o>
“ทำไมพ่อ”<o></o>
“ก็เรียกตุ้ยครับ ไม่ไปดูเกมซ่าท้ากึ๋นรึ เดี๋ยวมันจบก่อนนะ”<o></o>
“ดูครับ”<o></o>
“งั้นแผ่เมตตากัน”<o></o>
“พ่อ เมื่อกี้ตุ้ยไปกราบหลวงพ่อโตนะ แล้วก็ไปกราบหลวงตาบัวด้วย”<o></o>
“อ้าว..หรือครับ เป็นไง เล่าสิ่งที่ตุ้ยเห็นทั้งหมดเลยลูก”<o></o>
“ก็ไปกราบท่านนะพ่อ ท่านก็นั่งสมาธิอยู่”<o></o>
“เออ..แล้วรายละเอียดเป็นไงครับ”<o></o>
“ก็เหมือนเดิมละพ่อ”<o></o><o></o>

ตุ้ยเปลี่ยนท่านั่งจากขัดสมาธิเป็นท่านั่งเหยียดขาดออกทางด้านข้าง <o></o>
<o></o>
“เอ้า..เหมือนเดิมก็เหมือนเดิม แล้วเป็นไงครับ”<o></o>
“ท่านก็รัศมีสีแก้วทุกคนนะ พอตุ้ยเห็น ตุ้ยก็กราบท่าน แต่ตอนไปใช้กำลังมากนะพ่อ”<o></o>
“ครับ พลังของตุ้ยรึ”

คุณพ่อรับลูกต่อ<o></o>

“ครับ พ่อเคยเห็น เวลาเขาชาร์ตแบตเตอรี่ไม๊ คือพอไฟเต็ม มันก็ขึ้น ๕ ขีดใช่ไม๊ พอใช้ไปๆ ไฟมันก็ลดลง เหลือ ๔ ขีด ๓ขีด ๒ ขีด แต่ตุ้ยพักแป๊ปเดียว พลังก้เต็มเหมือนเดิมก็ไปต่ออีก”<o>
</o><o></o>
อือ...พูดซะเห็นภาพ เหมือนเบตเตอรี่โทรศัพท์<o>
</o><o></o>
“ท่านพูดอะไรกับตุ้ยไม๊ลูก”<o></o>
“ไม่ครับ ท่านก็มีแค่ยิ้มๆให้ตุ้ย พอตุ้ยกราบเสร็จ ก็กลับมาครับ”<o></o>
“อ้าว..แล้วใช้เวลานานไม๊ที่ไป”<o></o>
“ก็นานนะพ่อ ต่อจากนั้นตุ้ยก็ไปให้อาหารนกที่ปราสาทแก้ว พ่อแผ่เมตตาเถอะ เดี๋ยวเกมซ่าท้ากึ๋นจะจบก่อน”<o>
</o><o></o>
อ้าว...นี่เล่นไปทุกวันๆ แบบนี้ มันยังไงแล้วนะที่ปราสาทแก้ว มันไม่ใช่ไปสะสมภพละเอียดจนหลงว่าเป็นบ้านเจ้าของแล้วรึ แบบนี้ต้องสังคยนากันใหม่ละมั้งพ่อว่า หากมาติดเพียงเท่านี้ ไปต่อไม่ได้นะลูก

 

นี่ครับ คุณพ่อน้องตุ้ย ที่อยากร้องขอให้ น้องตุ้ย ตรวจสอบและถามพระท่านให้ด้วยครับ

http://palungjit.org/threads/ขอทำนา...-3-จะเกิดขึ้น-ระหว่าง-ธ-ค-54-ก-พ-55-a.301502/

ขอบคุณครับ

 

สิ่งที่จะเกิดขึ้นเพราะคน มันจะเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ทำนายยากมากๆเนาะ (เคยได้ยินมา)

 

ยิ่งอ่าน ยิ่งรู้สึกว่า คุณพ่อสอนน้องตุ้ยได้ดีมากๆ

ตัวเองมีลูกสาว 6ขวบเหมือนกัน แค่การฝึกให้สวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน

ก็ยังทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง.. อย่าพูดถึงการนั่งสมาธิเลยค่ะ

(สงสัยตัวแม่เองก็ไม่ค่อยได้เรื่องด้วย แฮ่ะๆ)

 

เหงหัวเรื่อง น่าอ่านคะ แต่หนูไม่กล้าอ่าน กลัวว่าเวลาไปเจอ จะคิดถึงเรื่องที่ได้ยินมา จะทำหัยเกิดความลังล สงสัยว่า ที่เหงเป็นเรื่องจิง หรือเรื่องเล่าที่จิตนาการ(การอ่าน หรือได้ยิน) ^^ แต่รู้ว่าคงสนุก เพราะเคย ไปเมืองนาคมาเหมือนกันค่ะ (ทั้งๆที่เป้นคนไม่เชื่อเรื่องแบบนี้)

 

อืมๆๆ คำ พูดประโยคเดียวทำให้ คุณเอก กด Like ได้ อนุโมทนาครับ

แต่กับประโยคด้านล่างของคุณเอกต้องขออนุโมทนาด้วยครับ

"ต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำไปที่มาสอบอารมณ์ให้ ผมว่านะ"

 

พี่ตะวันครับ วันนี้ไม่สบายหนัก จะเริ่มทำวัตรละครับ

 

ผมก็กำลังจะมีครับ 6.5 เดือนแล้ว อยากฟังด้วยครับ
ความรู้สึกคุณพ่อกับน้องเป็นเพื่อนกันไปเลย
อยากเป็นแบบนั้นบ้างจัง

 

ขอบคุณน้องตุ้ยและครอบครัวของน้องค่ะ ขออนุโมทนากับน้องด้วยนะคะ

 

รออ่านด้วยค่ะ และขอขอบคุณที่สละเวลามาเล่าให้ฟังกัน ทั้งสนุกและมีสาระธรรมค่ะ

 

อุ้ยยยย เขียนได้ดีจริงๆๆๆๆค่ะ น้องตุ้ยก็เก่งคุณพ่อยิ่งเก่งกว่าสุดยอดมากค่ะ ต้องขอโมทนาด้วยนะคะชอบมากๆค่ะ ที่ได้เขียนเรื่องดีๆๆให้อ่านกัน อ่านแล้วน้ำตาไหลเลยค่ะ แหมแฟนคลับก็สุดยอดจริงๆมีขันติบารมีสูงน่ายกย่องกันทั้งนั้น กระทู้นี้สุดยอดจริงๆค่ะ (k)({):boo:ให้หมดใจเลยค่ะสุดยอดมากกกกกก

 

ขอให้ก้าวผ่านไปได้ด้วยดีนะครับ คำถามมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ส่วนผม เตี้ยติดดิน แฮะๆ ไปไม่ถึงไหนขอเกาะอ่าน

 

อนุโมทนาครับ แล้วก็ขอขอบคุณด้วยครับ _/l\_

 

คุณตะวันเป็นผู้ชาย คงไม่เข้าใจว่า ประโยคข้างบนนั้น ผู้หญิงเขาเรียกว่า ประชดประชันค่ะ

(แซวเล่น อย่าโกรธนะ อิอิ)

 

อิอิ อย่างที่บอกครับ จะไม่เข้าใจจะโง่ก็ตามที อย่างไร ได้เจออาจารย์มาสอบอารมณ์ สมควรจะอนุโมทนา น่ะครับ ต้องขอบคุณจริงๆ ครับ

เมื่อวานก่อนโดนท่านหนึ่งสอบอารมณ์มา แหะๆ เอาไม่อยู่แฮะ เขกหัวตัวเองหนึ่งที

 

มีคนประชดประชันด้วยวุ๊ย...

 

เหอๆ ดีจังเลยครับ ชมแบบนี้

 

เขาอาจจะตั้งใจชมก็ได้ แต่เขาชมไม่เป็น ถึงจะใช้ภาษาสไตล์market market ยังไงยังไงก็ถือว่าเป็นการชมนะคะ กาละเทศะมีไว้สำหรับคนคิดเป็นค่ะ ขออนุโมทนาสาธุค่ะ