::: วรวุฒิคุณอนุสรณ์ ประวัติและวัตถุมงคลหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ครูบาฟ้าหลั่ง :::

ขอแนะนำอีกท่านครับ

หลวงปู่อ้วน เจ้าอาวาส วัดเวียงเชียงรุ้ง อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย

พิธีผูกพัทธสีมาฝั่งลูกนิมิตวัดเวียงเชียงรุ้ง



ข้า ราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดเชียงราย ที่ประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายสุเมธ แสงนิ่มนวล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายนางรัตนา จงสุทธนามณี นายอำเภอเวียงเชียงรุ้ง นายนพฤทธิ์ ศิริโกศล และข้าราชการ ประชาชนชาวเวียงเชียงรุ้งทุกหมู่เหล่า ศรัทธาวัดเวียงเชียงรุ้งทุกสารทิศ ร่วมเป็นเจ้าภาพถวายการต้อนรับท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ที่ได้เมตตาเป็นประธานตัดหวายลูกนิมิต ณวัดเวียงเชียงรุ้ง บ้านห้วยเคียน หมู่ ๑๐ ตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย เมื่อบ่ายวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๓

 

อ้าว... โผล่มาจากไหนเนี่ย... 555+++
ไม่เปนไร ไม่เปนไร ก็ขออนุโมทนากันไป...

 

สาธุๆ




เรื่องบังเอิญนี้ เกี่ยวกับฝนไหมครับ หรือเกี่ยวกับแผ่นจาร ^_^

เรื่องรูปนี้สวยดีครับ ภาพคมสีสวย เอาไปทำเป็นภาพที่ระลึกดีไม่น้อย หรือเป็นรูปบูชาก็สวยครับ

ขออนุโมทนาบุญครับ __^/|^__
______________________________
hello9
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์
กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติจังหวัดเพชรบูรณ์มาทำงานกัน<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

สวัสดีครับคุณหมู....


เรื่องบังเอิญที่ติดค้างไว้ก็คือ...

หนึ่ง ก่อนเริ่มงาน ผมและท่าน สจ.สุวิทย์ได้ไปกราบหลวงปู่ครูบาตั๋นที่ม่อนปู่อิ่นกันก่อน เพราะทราบว่า ท่านไม่สามารถรับนิมนต์ได้ ช่วงนี้สุขภาพท่านไม่ค่อยอำนวย มีอาการปวดหลังเป็นพักๆ...

แต่ไหนๆ ก็ไปแล้ว เลยได้ยกกล่องพระกริ่ง ที่ยังไม่ได้ล้างคราบเบ้า ลงไปขอท่านอนุโมทนา อธิษฐานจิตด้วย... ถือเป็น การอธิษฐานจิตครั้งแรก
หลวงปู่ครูบาตั๋น ท่านเกิดปีเสือครับ...

ต่อมา ในระหว่างเททองหล่อพระกริ่ง
พระเถระที่นั่งปรกสี่ทิศ ก็มี ครูบาปั๋น วัดป่าแดด และครูบาอินถา วัดหนองไคร้ ทั้งสองท่าน เป็น "เสี่ยว" ของครูบาบุญมา...
คำว่า "เสี่ยว" ในภาษาล้านนา มีความหมายกว้างกว่าคำว่า "เพื่อน"
เพราะเสี่ยว.. ยังหมายถึง "เพื่อน อายุเท่ากัน"...
ส่วนครูบาแก้ว วัดศรีชุม แม้จะอ่อนกว่าครูบาบุญมา ร่วมปี...
แต่ถ้านับปีเกิดแล้ว ยังไม่เกินรอบ ๑๒ เดือน ก็อาจจะอนุโลมให้ว่าเกิดปีเดียวกันได้

สรุปสี่ครูบาที่นั่งปรกสี่ทิศ เป็นสหธรรมิกปีเดียวกัน... ซึ่งก็คือปีเสือ

สรุป หลังจากอธิษฐานจิตโดยหนึ่งเสือที่อาวุโสกว่า ๑ รอบ
ยังได้รับการปรกโดยอีก ๔ เสือ... สหธรรมมิกกัน...

นี่คือเรื่องที่ผมได้รู้หลังจากเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้ว
เป็นความบังเอิญ ที่ทำให้ผมแอบตั้งชื่อในใจว่า "พระกริ่งห้าเสือ"
แต่แค่ ณ ตอนนี้เท่านั้นนะครับ เพราะไม่รู้ว่า จะมีอีกกี่เสือ ในพิธีพุทธาภิเษกใหญ่
คืนวันที่ ๒๗ สิงหาคม จนถึงย่ำรุ่ง ๒๘ สิงหาคมที่เป็นวันเกิดหลวงปู่

พระกริ่งห้าเสือ ก็มีที่มาด้วยประการฉะนี้....

นี่คือเรื่องบังเอิญเรื่องแรก... ยังมีเรื่องมหัศจรรย์อีกเรื่อง เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังต่อครับ

ธีระยุทธ

 

สวัสดีครับคุณไก่

รอตามอ่านข้อมูลนะครับ

 

มาร่วมติดตามข้อมูลด้วยคนครับ

 

อ้ายไก่ครับผมอ้ายโหน่งเองนะ.... ผมจองผ่านเวปเน่อ กริ่งมงคลโลหะก้นเงิน 1 องค์ + เนื้อมงคลโลหะอีก 1 องค์ ครับ อืมวันที่มีพิธีเททองผมก็ไปร่วมงานนะครับ วันนั้นผมเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ เรียนเสร็จ 15.45 ก็รีบบึ่งไปที่อำเภอแม่วาง ประมาณ 40 กิโลนะครับ....ตัวเมืองเชียงใหม่ฝนตกตั้งแต่หลังเที่ยงแล้ว และภาคเหนือฝนก็ตกกระจายกันหมด เพราะอิทธิพลพายุ... ผมก้อเข้าใจว่า...งานเททองพระกริ่งฯต้องฝนตกแน่ๆ แต่พอถึงอ.สันป่าตองตรงแยกแม่วางปุ๊บฝนไม่ตกสัดเม็ด แต่มืดๆนะครับ....ผมขับถึงวัดในพิธีพอดี โอ้โห...พิธีสุดยอดหลวงปู่กำลังมาเททองพอดี้..พอดี....ครูบาที่ปรกทั้งสี่ทิศก็กำลังเพ่งสมาธิมาที่การเททอง...รู้สึกได้ถึงความขลังสุดๆ.... ระหว่างที่หลวงปู่ครูบาบุญมาเททองท่านก็เพ่งสมาธิสุดๆ ขนาดมีควันจากการหลอมโลหะท่านไม่ปัด,ไม่หลบใดๆทั้งสิ้น จน ท่าน ส.จ. สุวิทย์ต้องคอยปัดให้หลวงปู่ฯ..... จนเททองเสร็จในช่วงของการประพรมน้ำพุทธมนต์ ฝนก็โปรยมาแบบพอดีๆไม่หนักมาก จนคลายคนในงานพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เทวดามาช่วยประพรมน้ำมนต์ ....ช่วงท้ายๆพิธี ...ผมได้ยินพี่คนหนึ่งในงานน่าจะเป็นคนจากชมรมพระเครื่องสันป่าตองบอกว่า เห็นหลวงปู่ครูบาบุญมาเสกคาถาห้ามฝน หลวงปู่ก็ตอบว่าฯ อืม!!....... ผมเลยถึงบางอ้อ... แถมท้ายอีกนิดส์...ผมไปช่วยล้างพระกริ่งด้วยกับพี่ๆหลายคน...โอ้โหพระกริ่งเนื้อโลหะมงคลสวยสุดยอด.....ตรงฐานยิ่งแปลกตา เป็นครั้งแรกที่เห็นพระกริ่งแบบนี้ ขนาดพิธีเททองยังขนาดนี้แล้วพิธีพุทธาภิเษกนี่สำคัญนะ....ต้องแบบสุดๆแน่ ซึ่งผมก็จะไม่พลาดไปร่วมงานแน่ แต่ของดีมีน้อยนะครับเพื่อนๆ อยากให้มาร่วมทำบุญกันเยอะๆ เพราะได้ร่วมกันสร้างพระธาตุเจดีย์ของวัดศิริไชยนิมิตร(วัดกิ่วแลป่าเป้า)กับหลวงปู่ครูบาบุญมา ด้วย (อ้องานนี้ผมแอบขอสายสิญที่หลวงปู่ครูบาบุญมา กับ หลวงปู่ครูบาแก้ว วัดศรีชุม ใช้ในการอฐิษฐานจิต ปรก ๔ ทิศมาได้ 5555 ,ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพี่ไก่นะครับอิๆๆ..)

 

สวัสดีครับ...

ขอแจมกับอ้ายโหน่งเรื่องนึง เพราะตอนนั้นผมอยู่ในเหตุการณ์พอดีครับ...

เรื่องงานวันพิธี ผมกับตุ๊พี่ติ๊บ พระอุปัฏฐากหลวงปู่ ค่อนข้างจะกังวลกันพอสมควร... เรื่องฝน
เพราะก่อนหน้านั้นฝนตกทุกวัน และพยากรณ์อากาศก็บอกว่าฝนจะตกไปอีกสองวันเป็นอย่างน้อย
แต่ฤกษ์พิธีเททองก็กำหนดไว้แล้ว จะให้เลื่อนหนีฝนก็คงทำไม่ได้ ก็เลยตกลงใจเสี่ยงดู
ตอนแรก ตั้งใจว่าพิธีทั้งหมดจะจัดกันกลางแจ้งเลย
พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์ต่างๆ จะนั่งปรกในเขตมณฑลพิธี แล้วมีสัปประทน กางให้เท่านั้น
แต่พอมาดูสภาพดินฟ้าอากาสแล้ว เลยคิดว่ากางเต้นท์เพิ่มสักสองสามเต้นท์น่าจะปลอดภัยกว่า
ก็เลยอย่างที่เห็นในรูปครับ มีเต้นท์พิธีเต้นท์หนึ่ง แล้วก็เต้นท์สำหรับญาติโยมอีกสองเต้นท์

งานก็ดำเนินไปเรื่อยๆ พิธีบวงสรวง เสร็จแล้ว ต่อไปครูบาอาจารยืก็จะเริ่มปรก
พระสงฆ์ ก็จะเจริญพระพุทธมนต์ อากาศเริ่มครึ้ม มืดมาเรื่อยๆ
ใจผมนี่หวั่นๆ หวาดๆ เหลือเกิน เพราะถ้าเกิดฝนตกลงมาก็จบกัน
ผมนึกอยู่ในใจว่า ถ้าครูบาอาจารย์ท่านช่วยปัด ช่วยไล่เมฆดำๆ ก้อนใหญ่ๆ นั้นไป คงจะใจชื้นขึ้น
ตอนนั้นผมยืนอยู่ไม่ไกลหลวงปู่ครูบาบุญมา คอยถ่ายรูปจังหวะที่ครูบาอาจารย์ท่านมานั่งตามตำแหน่ง
พอครูบาบุญมาท่านนั่งประจำที่เรียบร้อยแล้ว ท่านก็พนมมือขึ้นสวดมนต์อะไรสักพัก แล้วก็ทำท่านี้ครับ...



ผมตกตะลึงเลยครับ... ตัวนิ่งไปพักหนึ่ง... จนพี่คนหนึ่งที่มาร่วมงานสะกิดผม
ถ่ายรูปสิๆๆๆ... ผมได้สติก็เลยคว้ากล้องขึ้นมา ถ่ายรูปฉับๆๆๆ ทันที
หลวงปู่ท่านปัดมืออยู่สองสามที... ก็หยุดแล้วก็นั่งปรกต่อไป

ปรากฎว่า... ตั้งแต่ตอนนั้นจนพิธีเททองเสร็จ แทบจะไม่มีฝนเลยครับ
มีละอองบางๆ โปรยมาบ้างเป็นบางครั้ง...
ตลอดพิธีปรก เททอง ประพรมน้ำมนต์ต่างๆ จนเสร็จ ครูบาอาจารย์กลับเข้าไปนั่งในเต้นท์
รับเครื่องไทยทานต่างๆ เรียบร้อย
เท่านั้นแหละครับ... ฝนที่เหมือนจะอั้นไว้ ก็เทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา
เป็นอาการตกหนัก แต่ไม่นาน ประมาณยี่สิบนาที ทุกอย่างก็สงบ
ลูกศิษย์ลูกหาไม่หนีไปไหน (เพราะหนีไม่ได้ ต้องอยู่แต่ในเต้นท์)
พอฝนหยุด ก็มารับแจกวัตถุมงคลแล้วก็แยกย้ายกันกลับ

คืนนั้นทั้งคืน และรุ่งเช้าอีกทั้งวัน ฝนตกเสียจนเก็บข้าวของอะไรไม่ได้
คว้าแต่ของสำคัญๆ เข้าไปไว้ในที่ร่ม เคลียร์พื้นที่กันไม่ได้เลย
ต้องรอให้ฝนซาตอนบ่ายอีกวัน ถึงเริ่มเก็บข้าวของต่างๆ ได้

เรื่องราวก็เป็นอย่างนี้ครับ...

อีกวันหนึ่งผมได้ถามหลวงปู่ ว่าท่านห้ามฝนหรือเหล่าครับ...
ท่านไม่ตอบว่าอะไร... คุยกันไปสักพักพี่แพะ สันป่าตอง ก็ถามท่านว่า..

"ตุ๊ลุงครับ ผมเคยได้ยินมาว่า คาถาห้ามฝนห้ามลม ของครูบาบุญตัน
วัดจอมแจ้ง เหน็ดมาก (เยี่ยมมาก)... ตุ๊ลุงได้มาไหมครับ.."

หลวงปู่ท่านตอบว่า "ได้... "

ผมกับพี่แพะมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มๆ... ตอบแค่นี้ก็พอแล้วครับ

เรื่องนี้ก็เพียงเล่าสู่กันฟัง... โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมครับ

ธีระยุทธ

 

แจมต่อครับ...ผมเคยมีโอกาสไปวัดพระธาตุจอมแจ้งครับ....ครูบาบุญตัน (อดีตเจ้าอาวาส) ท่านเป็นสหธรรมมิกกับหลวงปู่ครูบาบุญมา มาพักที่วัดกิ่วแลอยู่เป็นประจำ วัดพระธาตุจอมแจ้งเป็นโบราณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งของอำเภอแม่วาง ชื่อจอมแจ้ง นั้นมาจากปรากฎการณ์มีแสงประหลาดสว่าง(ภาษเหนือ=แจ้ง) ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา และหากไล่สายความสำพันธ์ได้เกี่ยวพันไปถึง ครูบาบุญเป็ง (พระอาจารย์ของหลวงปู่ครูบาตั๋น ม่อนปู่อิ่นด้วย) ที่สำคัญหลวงปู่ครูบาอินอินโทเคยไปวัดแห่งนี้ด้วยดังปรากฎมีรูปเก่าๆแขวนไว้ในศาลาบาตรวัดนี้..........และแม้แต่สะพานข้ามคลองไปวัดแห่งนี้ลองดูดีๆจะมีบันทึกไว้ว่าหลวงปู่ครูบาดวงดี แห่งวัดท่าจำปีได้สร้างถวายหลวงปู่ครูบาบุญตัน แห่งวัดพระธาตุจอมแจ้งด้วยเช่นกัน

 

ทีนี้จะมาเล่าเรื่องพระกริ่งกันละครับ...

ตอนแรกว่าจะเขียนอย่างเป็นทางการ เปนการเปนงานหน่อย
แต่ลองเขียนแล้วมันไม่ได้อารมณ์ เลยขอเขียนแบบเล่าสู่กันฟังแบบถนัดดีกว่า...

เรื่องของเรื่องมันเริ่มอย่างนี้ครับ...

เย็นวันหนึ่ง เมื่อหลายเดือนก่อน... ผมได้ไปกราบพระอาจารย์อินทรที่วัดใหม่หนองหอย
ระหว่างนั้น ท่านก็ได้พูดเปรยๆ ถึงว่า จะไปกราบหลวงปู่ครูบาบุญมาที่วัด
ผมก็เลยเสนอความคิดว่า ไปกันเลยไหมครับพระอาจารย์...
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งผม และพระอาจารย์อินทรก็ไปนั่งกราบหลวงปู่บุญมาอยู่ที่วัดแล้วครับ...

วันนั้นก็ได้คุยกับท่านหลายเรื่อง... และหนึ่งในเรื่องที่คุยกันก็คือ ท่านคิดจะสร้างพระธาตุเจดีย์...
คำพูดตรงๆ ของหลวงปู่ก็คือ "อยากสร้างพระธาตุไว้กับวัดกับวา ก่อนที่จะตาย"
ผมก็เลยรีบพูด "โอ๊ยยย.... ตุ๊ลุง ยังไม่ตายๆๆๆ ยังไม่ยอมให้ตาย... อยู่กับลูกศิษย์ลูกหานานๆ"
แต่ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องสร้างพระธาตุเจดีย์ เดียวผมกับพระอาจารย์อินทรจะช่วยเต็มที่
พระอาจารย์อินทรเสนอว่าเราน่าจะสร้างวัตถุมงคลสักชุด เพื่อเป็นทุนเริ่มต้นในการก่อสร้างพระธาตุเจดีย์
ผมเอาด้วยครับ เพราะชอบเรื่องวัตถุมงคลอยู่แล้ว อย่างเหรียญรุ่นแรกของท่านผมก้ได้มีส่วนร่วมจัดสร้างถวาย
ก็คุยกันไป สักพักจึงได้ข้อสรุปว่า น่าจะสร้างพระกริ่งขึ้นมาสักรุ่นหนึ่ง
เมื่อหลวงปู่ท่านก็เห็นดีด้วย...เลยสรุปว่าจะสร้างพระกริ่ง

และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นครับ...

จะเป็นความบังเอิญ หรือด้วยเหตุอะไร ก็ไม่ทราบได้ครับ...
สองสามวันหลังจากนั้น ท่าน สจ.สุวิทย์ โทรมาหาผมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องงานหลวงปู่ตั๋น
หลังจากได้คุยกันสักพัก ผมก็ได้เรียนให้ท่าน สจ.สุวิทย์ ทราบถึงเรื่องที่เราจะสร้างเจดีย์
และจะสร้างพระกริ่งถวายหลวงปู่ครูบาบุญมา

ท่าน สจ.สุวิทย์ อาสาจะสร้างพระกริ่งถวายทันทีครับ... ทั้งๆ ที่ท่านไม่เคยรู้จักครูบาบุญมามาก่อนเลย
ถ้าผมจำไม่ผิด รู้สึกว่าท่าน สจ.สุวิทย์ พูดว่า "ถ้าท่านอาจารย์อินทรจะทำอะไร ผมก็เอาด้วย... ท่านว่าดี ผมก็ว่าดี"
ถูกต้อง ผิดพลาดอย่างไร ก็ต้องขออภัยไว้ก่อนนะครับ...
ตอนแรก ท่านสจ. ตั้งใจว่าจะร่วมกับพระอาจารย์อินทร ออกค่าใช้จ่ายการทำพระกริ่ง
แต่ตอนหลัง เกิดมีเพื่อนๆ ญาติพี่น้อง ร่วมบุญกับท่าน สจ.สุวิทย์อีกหลายท่าน

ทีนี้ก็มาถึงแนวคิดว่าจะสร้างพระกริ่งอะไรดี...

สิ่งหนึ่งที่ต้องขอบันทึกไว้ ณ ที่นี้กเลยก็คือ ความเอาใจใส่ และความตั้งอกตั้งใจของคุณสุวิทย์
เพราะหลังจากที่เริ่มคุยกัน วันรุ่งขึ้น คุณสุวิทย์ เดินงานไปถึงขั้นหาองค์พระกริ่งต้นแบบเตรียมส่งมาให้หลวงปู่เลือกได้เลยทันที
ช่างน่ายินดีที่ได้ร่วมงานกับผู้หลักผู้ใหญ่ที่เอาใจใส่ต่องานศีลงานบุญอย่างจริงจังอย่างท่าน สจ.สุวิทย์ ครับ

คุณสุวิทย์ส่งพระกริ่งต้นแบบที่ได้จากโรงงานมาให้เลือกกันห้าหกแบบ...
ผมกับพระอาจารย์อินทร แอบเลือกไว้ในใจแล้วครับ แต่มิได้บอกใคร..
ก็นำเอาพระกริ่งทั้งหมดมาวางเรียงกันให้หลวงปู่เลือกด้วยตัวของท่านเอง
ผลปรากฎว่า..... ท่านเลือกองค์เดียวกับที่ผมแอบเลือกไว้เลยครับ...

อย่างนี้ก็ถูกใจสิครับ...

พระกริ่งที่หลวงปู่เลือก องค์ล่ำใหญ่ หน้ากริ่งวัดสุทัศน์
ผมไม่แน่ใจว่าเป็นวัดสุทัศน์พิมพ์ไหนครับ...
ลองเทียบๆ ดู เหมือนจะคล้ายๆ กับ พระกริ่งจักรพรรดิ์ (ยุคเก่านะครับ ไม่ใช่จักรพรรดิ์รุ่นใหม่นี้).

ขั้นตอนต่อไปนี้ ต้องถือว่า ท่าน สจ.สุวิทย์มีส่วนอย่างมาก
เพราะด้วยไอเดียของคุณสุวิทย์ ฐานองค์พระกริ่งถูกปรับให้มีลักษณะนูนโค้ง
เหมือนหลวงพ่อเงินเบ้าทุบ... เปรียบเหมือนเป็นกริ่งล้มลุก
ให้อุปเท่ห์ ของการกลับดวง พลิกดวง ให้ร้ายกลับเป็นดี

หลวงปู่เมตตาตั้งชื่อพระกริ่งรุ่นนี้ว่า "พระกริ่งมหาชัยมงคล" ออกเสียงว่า "ชัย-ยะ-มง-คล"
ถ้าจะเทียบเป็นสำเนียงเหนือก็คือ "ไจยะมงคล" ใกล้ๆ กับ "ไจยะเบงชร" แฮะๆๆ

สรุปก็เลยได้พระกริ่งที่มีพุทธลักษณะที่ใต้ฐานโค้งนูน เป็นกริ่งล้มลุก
ชื่อรุ่น "กริ่งมหาชัยมงคล" ด้วยเหตุดังนี้...

ดูรูปพระกริ่งไปก่อน เดี๋ยวจะมาว่ากันต่อด้วยการจัดสร้างครับ....

 

หลังจากเลือกแบบ รูปทรงพระกริ่งเรียบร้อยแล้ว
ผมได้ปรึกษากับพระอาจารย์อินทร และท่าน สจ.สุวิทย์ ว่าอยากให้พระกริ่งรุ่นนี้ "เด่น" ในด้านใด
อันที่จริงแนวคิดเรื่องพุทธคุณของพระกริ่งนี้ กำหนดไว้คร่าวๆ แล้วว่า
อยากให้เป็นพระกริ่งที่มีพุทธคุณ ด้านเสริมดวง หนุนโชคชะตา และกลับเคราะห์ต่างๆ ให้กลายเป็นดี
และเมื่อพูดถึงเรื่องดวงชะตา ก็น่าจะมีชนวนมวรสารที่เป็นพระยันต์ที่เด่นด้านเสริมดวงชะตาต่างๆ
อาทิ พระยันต์เศรษฐีล้มลุก ยันต์ลดเคราะห์ รับโชค สืบชะตาต่างๆ
แผ่นจารคำไหว้พระธาตุเจดีย์ ประจำราศีต่างๆ พระยันตืด้านเมตตามหานิยม
พระยันต์ไจยะเบงชร ยันต์ ปโชตา ยันต์น้ำบ่อซืมทราย
พระยันต์ล้านนาอื่นๆ อีกมากมาย ที่หลวงปู่และลุงหนานแก้ว ลูกศิษย์อาวุโสของหลวงปู่
ช่วยกันจารแผ่นยันต์ต่าง

เรียกได้ว่า เปิดตำราจารพระยันต์กัน ทีละบท ทีละคาถา รวมแผ่นยันต์นับร้อยๆ แผ่น
เมื่อรวบรวมได้แล้วก็ขอหลวงปู่อธิษฐานจิต นำไปหล่อหลอมเป็นชนวนต่อไป

รูปหลวงปู่เสกแผ่นชนวนทั้งหมดเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ครับ

 

เรื่องวันที่ทำพิธีหล่อหลอมชนวนมวลสาร ตามฤกษ์ที่หลวงปู่กำหนดคือวันที่ ๑๖ มิถุนายนที่ผ่านมา.... ผมได้เขียนไว้แล้ว ขอโพสซ้ำอีกทีครับ...
============================================

เมื่อเช้าวันที่ ๑๖ มิถุนายน เวลาประมาณเกือบแปดโมงเช้า ผมได้รับโทรศัพท์จากท่าน สจ.สุวิทย์ ชอบใช้
ท่านที่ติดตามกระทู้นี้มาตั้งแต่ต้นๆ คงจะทราบดีว่าท่าน สจ.สุวิทย์เป็นใคร
ขออนุญาตแนะนำท่านสักเล็กน้อย สำหรับท่านที่เพิ่งเข้ามาอ่านกระทู้นี้
ท่าน สจ.สุวิทย์ เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ครูบาอิน หลวงปู่ครูบาตั๋น และครูบาอาจารย์สายเหนืออีกหลายรูป
ท่านได้ให้การอุปถัมภ์ กิจการงานบุญของวัดต่างๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง
อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ก็คือการสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ หลวงปู่ครูบาอิน
การสร้างพระธาตุเจดีย์ถวาย ณ สำนักสงฆ์ม่อนปู่อิ่น หลวงปู่ครูบาตั๋น
และในเร็วๆ นี้ ท่านก็ได้กรุณาเป็นประธานอุปถัมภ์ การก่อสร้างพระธาตุเจดีย์
ถวายหลวงปู่ครูบาบุญมา วัดศิริชัยนิมิตร...

พระกริ่งที่จะทำพิธีเททองหล่อ วันที่ ๒๕ นี้ ก็ได้รับการอุปถัมภ์จากท่านเช่นกันครับ

ย้อนกลับมาที่เหตุกรณ์เมื่อเช้านี้...
คือตามกำหนดแล้ว วันนี้ เวลา ๙ โมง ๙ นาที... หลวงปู่ครูบาบุญมา ท่านได้กำหนดให้เป็นฤกษ์มงคล
สำหรับการหล่อหลอมชนวนมวลสารพระกริ่งทั้งหมด ที่โรงหล่อในจังหวัดพิจิตร
ขอเรียนก่อนว่า วันนี้ (๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๔) เป็นวัน "เก้าเพ็ง" หรือวันเพ็ญเดือนเก้าเหนือ
ถือเป็นวันมหามงคลฤกษ์ เหมาะสำหรับการจัดพิธีมหามงคลต่างๆ
จะเกิดก้าวหน้า และประสบความสำเร็จ ตามที่ปรารถนา
และเมื่อเช้านี้ ท่านผู้การเกรียงศักดิ์ เหมินทร์ หรือ "คุณอา" ผู้เป็นที่เคารพยิ่งของท่าน สจ.สุวิทย์
ได้กรุณาแจ้งข่าวมายัง ท่าน สจ.สุวิทย์ จนเป็นเหตุให้
ท่าน สจ.สุวิทย์ ต้องโทรมาเล่าให้ผมฟังด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นเป็นที่สุด

ขออนุญาตกล่าวถึง ท่านผู้การเกรียงศักดิ์ เหมินทร์ ท่านเป็นศิษย์เจ้าคุณนรรัตน์ฯ
และท่านยังเป็นหลานพระยาทางจังหวัดสกลนครในสมัยก่อน
ซึ่งตระกูลท่านมีความใกล้ชิดกับพระกรรมฐาน ตั้งแต่ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตลงมาเป็นอย่างยิ่ง
อีกทั้งท่านยังปฏิบัติธรรม ถึงในระดับที่สามารถ "รู้และเห็น" ในหลายๆ สิ่ง
ที่หากปราศจากซึ่งความรู้ และสัจจะความเพียรแล้ว คงยากที่จะกระทำได้




เมื่อเช้านี้ ท่านผู้การเกรียงศักดิ์ ได้ไปกราบหลวงปู่อ่ำ ธมฺมกาโม วัดสันติวรญาณ
และได้กราบเรียนหลวงปู่ถึงพิธีหล่อหลอมชนวนมวลสารการสร้างกระกริ่งในวันนี้

หลวงปู่ท่านเมตตาบอกทันทีว่า ....

"วันดี ฤกษ์ดี เป็นฤกษ์ที่พระจันทร์พ้นจากช่วงเวลาเคราะห์แล้ว จะมีพุทธคุณเสริมดวง
..... จะดีมากโดยเฉพาะกับคนที่เกิดวันจันทร์...."

และท่านยังเมตตาแนะนำอีกว่า...

"...ให้นิมนต์พระที่วัดนี้แหละ ๒๔ รูป มาสวดพระปริตร....
.... ส่วนท่านจะเจริญสมาธิอธิษฐานจิตให้จากที่วัดนี่ด้วย..."

นับเป็นมหาเมตตาของหลวงปู่อ่ำ พระเถระสายกรรมฐาน ศิษย์สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ที่มีต่อท่านผู้การเกรียงศักดิ์ และมีต่อพิธีในวันนี้

สำหรับท่านที่เคยไปกราบหลวงปู่อ่ำ คงจะทราบดีว่า...
น้อยมากที่ท่านจะ "กล่าวถึง" หรือ "สนับสนุน" ในเรื่องการจัดสร้างวัตถุมงคล
และการจะให้การรับรอง หรือชี้แนะอย่างนี้ ถือเป็นเรื่องที่แปลกมากที่สุด

ผมเคยไปกราบท่านหลายครั้ง เมื่อตอนที่ทำงานอยู่ที่ไซต์งานเหมืองทองอัครา
เคยเลียบๆ เคียงๆ ถามท่านถึงเรื่องวัตถุมงคล
ส่วนใหญ่ท่านก็จะตอบแบบเหมือนไม่ค่อยอยากสนับสนุน
แล้วท่านก็จะเมตตาเทศน์สอนเรื่องการปฏิบัติธรรม ปฏิบัติตัว ไปเสียทุกที

การที่ท่านได้เมตตาแนะนำ พร้อมทั้งตั้งจิตตั้งใจ เจริญสมาธิไปในพิธีการในวันนี้
ย่อมสร้างความแปลกใจ และความปลาบปลื้มปีติยินดี ให้แก่ลูกศิษย์ลูกหา และผู้ดำเนินงานทุกคน
จึงไม่แปลกใจเลย ที่ท่านสจ.สุวิทย์ จะกรุณาโทรมาเล่าให้ผมฟังด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นเป็นที่สุด

ผมเลยขออนุญาตท่าน สจ.สุวิทย์ นำความประทับใจ นี้มาบอกต่อกับเพื่อน พี่น้องทุกท่านในกระทู้นี้

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดสร้างพระกริ่ง...
และ ความครีเอทีฟ ที่ทำให้พระกริ่งรุ่นนี้ ทั้งมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
และ ทั้งความขลังที่รอคอยการประจุอย่างเต็มพิกัด...
ขออุบไว้ก่อน จะค่อยๆ ทะยอยๆ ไขออกมาให้รับทราบทีละนิดๆๆๆๆ ครับ

ธีระยุทธ

หมายเหตุ....
ท่านที่สนใจอยากทราบประวัติหลวงปู่อ่ำ ติดตามอ่านได้ที่เวปไซต์ของทางวัดครับ
http://www.suntiworrayan.com/index.htm<!-- google_ad_section_end -->

 

ตอนนี้จะเชิญชมพระกริ่งครับ...





พุทธลักษณะของพระกริ่งดังที่เล่าไว้ก่อนหน้านี้ครับ
คือใต้ฐานจะโค้งนูน เหมือนตุ๊กตาล้มลุก
ใต้ฐานเจาะรูปเพื่ออุดกริ่ง

พระกริ่งชุดนี้เป็นพระกริ่งต้นแบบนะครับ
จึงยังไม่ได้ตอกโค้ตและหมายเลขแต่อย่างได

องค์ต่อไปนี้ เป็นพระกริ่งที่หุ้มก้นทองคำ อยู่ในชุดกรรมการครับ





แผ่นทองคำแท้ น้ำหนักประมาณกรัมเศษ
ตีเป็นแผ่น แล้วตัดขอบเป็นรูปทรงกลีบบัว หุ้มใต้ฐานองค์พระพริ่ง
ใช้น้ำทองประสานให้ติดแน่น....



พระกริ่งที่หุ้มใต้ฐานด้วยแผ่นทอง นาค เงิน จะตอกโค้ต
และหลวงปู่เมตตาจารใต้ฐานให้ทุกองค์ครับ



ช่างอ๊อด ลูกศิษย์ของพระอาจารย์อินทร เป็นผู้ออกแบบ
และลงมือหุ้มฐาน ตรวจเช็คความเรียบร้อย ทุกองค์ ก่อนนำไปขอหลวงปู่เมตตาจารให้ครับ

ยอมรับตามตรงเลยครับว่าตอนแรกผมก็นึกไม่ออกว่าจะหุ้มใต้ฐานพระกริ่งอย่างไร
ส่ในหญ่ที่เคยเห็นก็เป็นพระกริ่งฐานเรียบ การอุดด้านใต้ฐาน ก็เป็นเพียงแผ่นเงิน แผ่นทอง และเชื่อมติดกับองค์พระ
แต่พระกริ่งของหลวงปู่บุญมามีฐานโค้งมนแบบนี้ จะหุ้มอย่างไรถึงจะสวย
แต่ก็อย่างที่ได้เห็นครับ ถือว่าช่างอ๊อดไอเดียแจ่มมากๆ ที่ออกแบบให้เหมือนกลีบบัว
มีเสียงบ่นนิดหน่อยว่าทำยาก งานช้า เพราะต้องฉลุแผ่นทองทีละแผ่นๆ ช้าๆ
นำมาตะไปขอบให้พริ่วสวย ก่อนจะนำมาหุ้มใต้ฐานพระกริ่ง

ช่างอ๊อด ก็คงจะพูดเหมือนคำพูดของช่างหล่อพระกริ่งที่กล่าวกับคุณสุวิทย์ว่า
"แบบนี้ ไม่ทำให้ใครแล้วนะครับ... ใช้เวลามากเหลือเกิน"

ธีระยุทธ

 

พระกริ่งงามมากเลยพี่ พิธีก็จัดได้เข้มขลัง งานนี้ไม่พลาด

 

ที่สำคัญนะครับโต้ง...

พระกริ่งรุ่นนี้องค์ใหญ่มาก... ความสูงจากยอดถึงสุดปลายฐาน สี่เซนต์ครึ่งกว่าๆ เกือบห้าเซนต์เชียวนะครับ

ลองหล่อเนื้อเงินเพื่อวัดน้ำหนักดู ใช้เงินเกือบ "สี่บาท"

เทียบต้นทุนกันองค์ต่อองค์ ต้องถือว่า คุ้มค่าจริงๆ เลยครับ...

ธีระยุทธ

 

ขอคั่นเวลาเลยละกันครับ...




ขออธิบายเพิ่มเติมครับ....

วัตถุมงคลที่จัดสร้างมี

๑. เนื้อเงินบริสุทธิ์ครับ ใช้เงินประมาณสามบาทกว่าๆ ไม่มีปิดใต้ฐาน... สร้าง ๒๙ องค์ บูชาองค์ละ ๓,๔๙๙ หรือ สามพันห้า นั่นแหละครับ...

(ตอนนี้เหลือเพียงแค่ ๔ องค์นะครับ)


๒. ชุดกรรมการ ในหนึ่งชุดมีห้าองค์ครับ คือ กริ่ง ๔ องค์ และ ล็อกเกตฉากทอง ๑ องค์ ชุดกรรมการตอนนี้หมดเกลี้ยงเลยครับ...

(((ออกให้บูชาที่ ๖,๐๐๐ แต่ตอนนี้ มีคนหาซื้อใบจองกันที่ ๗ พันแล้วครับ)))

ชุดนี้คุ้มมากๆ เพราะแค่ทองที่นำมาปิดใต้ฐานพระกริ่ง ก็มูลค่าพันกว่าบาทแล้วครับ... นาค เงิน อีกล่ะ...

พระชุดกรรมการนี้ไม่ต้องห่วงนะครับ คัดแต่องค์สวยๆ มาทำทั้งนั้น... พระทั้งชุดจะตอกโค้ต และตอกเลขเดียวกันทั้งชุด .... มี ๒๙ ชุดเท่านั้นครับ ย้ำ หมดแล้วนะครับ

๓. ก้นนาค สร้าง ๕๖ องค์เท่ากับคุณพระพุทธ จัดเข้าชุดกรรมการไป ๒๙ องค์ เหลือให้บูชาเดี่ยว ๒๗ องค์ บูชาองค์นะ ๒,๔๙๙ บาทครับ

๔. ก้นเงิน สร้าง ๒๒๗ องค์ เท่ากับศีลของพระสงฆ์ จัดเข้าชุดกรรมการไป ๒๙ องค์ เหลือให้บูชาเดี่ยว ๑๙๘ องค์ บูชาองค์นะ ๙๙๙ บาทครับ

๕. ที่เหลือเป็นแบบธรรมดา ไม่อุดก้น... บูชาองค์ละ ๔๙๙ บาทครับ

ในรายการที่ ๕ แบ่งออกมา ๒๐๐ องค์ แจกผู้ช่วยงานตั้งแต่การเตรียมงาน การจัดพิธีต่างๆ ไปจนถึงผู้ที่ช่วยรับจอง ช่วยรับ ช่วยแจก

ด้วยความเมตตาของหลวงปู่ ผมว่าท่านต้องแบ่งไปแจกผู้มาร่วมงานด้วยแน่ๆ เพราะอย่างเหรียญรุ่นแรก ที่ตั้งใจว่าสร้างมาเพื่อให้คนบูชาสมทบทุนสร้างหอไตร ท่านก็เอามาแจกเสียเป็นส่วนใหญ่...

ก็ถือโอกาสนี้เชิญร่วมงานพิธีพุทธาภิเษกคืนวันที่ ๒๗ สิงหาคม และรับพระวันที่ ๒๘ ครับ
เป็นงานวันเกิดหลวงปู่ด้วยพอดี...
พี่ๆ น้องๆ ท่านใดสะดวก เชิญร่วมงานนะครับ

ท่านที่สนใจสั่งจองบูชา ติดต่อผมได้ครับที่ 083-2049806

เนื้อเงิน กับแบบก้นนาค ก้นเงิน คงต้องรีบหน่อยนะครับ อีกไม่นานคงจะหมดครับ


ธีระยุทธ

 

ขอบูชา พระกริ่ง ก้นเงิน 1 องค์ครับ

 

ขอบูชา กระกริ่งก้นเงิน 1 องค์ ครับ บ่ายๆ จะโทรไปครับ

 

รูปตกไปไว ขอโสอีกที เชิญชมพระกริ่งครับ...





พุทธลักษณะของพระกริ่งดังที่เล่าไว้ก่อนหน้านี้ครับ
คือใต้ฐานจะโค้งนูน เหมือนตุ๊กตาล้มลุก
ใต้ฐานเจาะรูปเพื่ออุดกริ่ง

พระกริ่งชุดนี้เป็นพระกริ่งต้นแบบนะครับ
จึงยังไม่ได้ตอกโค้ตและหมายเลขแต่อย่างได

องค์ต่อไปนี้ เป็นพระกริ่งที่หุ้มก้นทองคำ อยู่ในชุดกรรมการครับ





แผ่นทองคำแท้ น้ำหนักประมาณกรัมเศษ
ตีเป็นแผ่น แล้วตัดขอบเป็นรูปทรงกลีบบัว หุ้มใต้ฐานองค์พระพริ่ง
ใช้น้ำทองประสานให้ติดแน่น....



พระกริ่งที่หุ้มใต้ฐานด้วยแผ่นทอง นาค เงิน จะตอกโค้ต
และหลวงปู่เมตตาจารใต้ฐานให้ทุกองค์ครับ



ช่างอ๊อด ลูกศิษย์ของพระอาจารย์อินทร เป็นผู้ออกแบบ
และลงมือหุ้มฐาน ตรวจเช็คความเรียบร้อย ทุกองค์ ก่อนนำไปขอหลวงปู่เมตตาจารให้ครับ

ยอมรับตามตรงเลยครับว่าตอนแรกผมก็นึกไม่ออกว่าจะหุ้มใต้ฐานพระกริ่งอย่างไร
ส่ในหญ่ที่เคยเห็นก็เป็นพระกริ่งฐานเรียบ การอุดด้านใต้ฐาน ก็เป็นเพียงแผ่นเงิน แผ่นทอง และเชื่อมติดกับองค์พระ
แต่พระกริ่งของหลวงปู่บุญมามีฐานโค้งมนแบบนี้ จะหุ้มอย่างไรถึงจะสวย
แต่ก็อย่างที่ได้เห็นครับ ถือว่าช่างอ๊อดไอเดียแจ่มมากๆ ที่ออกแบบให้เหมือนกลีบบัว
มีเสียงบ่นนิดหน่อยว่าทำยาก งานช้า เพราะต้องฉลุแผ่นทองทีละแผ่นๆ ช้าๆ
นำมาตะไปขอบให้พริ่วสวย ก่อนจะนำมาหุ้มใต้ฐานพระกริ่ง

ช่างอ๊อด ก็คงจะพูดเหมือนคำพูดของช่างหล่อพระกริ่งที่กล่าวกับคุณสุวิทย์ว่า
"แบบนี้ ไม่ทำให้ใครแล้วนะครับ... ใช้เวลามากเหลือเกิน"

ธีระยุทธ

 

ขออนุโมทนาด้วยครับ... บันทึกการจองแล้วครับ