กรรม คนที่ชอบแต่งตัวออกแนวเซ็กซี่ๆ

บาปแน่นอนค่ะร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็น พิตตี้ โชว์ ต่างๆ ที่เมืองนอกเวลามีการเปิดนิทรรศการโชว์รถ เขาก็มีแต่รถหรูๆ ไม่ใช่นุ่งน้อยห่มน้อยมาโช อาจจะมีบ้างบางที่แต่ยังไม่เคยเห็นนะ แต่ที่เอเชียจะเยอะแทปทั้งนั้น จะขายรถหรือขายคนไม่รุ็ คนไทยเราควรรักษาวัฒนธรรมอันดีงามไว้ เช่น การกิน เดิน นอน นั่ง ฯลฯ สัมมาคารวะผู้ใหญ่ ถึงได้มีคำนำหน้า เช่น พี่ ลุง ป้า น้า อา ตายาย ฝรั่งไม่มีเยอะแบบนี่หรอกค่ะ ด่าแม่กระทั่งผู้มีพระคุณ วัฒนธรรมก้าวร้าว
ฝรั่งจะปล่อยให้เด็กแสดงออกมากเกินไป ไม่ยับยั้งความคิดเด็กมันเตลิดกลายเป็นก้าวร้าวไป

 

ไม่มันไม่บาปหรอก แต่ดวงจิตดวงใจไม่ก็ไม่อาจถอนออกจากอัตตาได้ แล้วจะเอาอะไรไปละสักกายทิฐิ คือว่าตั้งมั่น ชอบใจ พอใจ ในรูปนามของตนเอง แล้วจะเอาอะไรไปบรรลุธรรมข้างหน้า ก็ยังต้องเกิดแก่เจ็บตาย หมุนวนเป็นควอนตั้มอยู่อย่างนั้นไม่จบไม่สิ้น แต่ก็เอาเถิดค่อยๆ สั่งสม พิจารณาให้ได้ว่าเรามาอาศัยร่างกายนี้ทำความดี สักวันร่างนี้ก็เสื่อมไม่อาจตั้งอยู่ได้ แต่งไป เสริมไป มีแต่จะทำให้จิตติดอยู่ในสังขารทั้งปวง

 

อจินไตย แปลว่าสิ่งที่ไม่พึงคิด คือไม่อาจรู้ได้ด้วยการคิด แลถ้าขืนคิดให้รู้ให้ได้
ก็จะกลายเป็นผู้มีส่วนแห่งความเครียดเป็นบ้าเสียสติไป แต่ที่ว่านี้ไม่ได้หมายความว่าพระพุทธเจ้าห้ามหรอกนะ
ท่านเพียงแต่บอกความจริงว่ามันเป็นอย่างนั้น ​

ตามหลักของพระพุทธศาสนานี้ไม่ใช่พระพุทธเจ้าไปห้ามใครเป็นแต่เพียงบอกว่า ไม่ควรคิด ถ้าคิดแล้วมันจะทำให้
มีส่วนแห่งความวิปริตของจิตเกิดขึ้น คือเมื่อคิดไม่ออก ก็เลยฟุ้งเพ้อไปเลยฉะนั้นท่านจึงบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรคิด
คือ ไม่อาจรู้เข้าใจได้ด้วยการคิด ต้องรู้ประจักษ์ด้วยประสบการณ์ของตนเอง โดยพัฒนาปัญญาให้เกิดขึ้น​

อจินไตยมี 4 อย่างคือ ​

1. พุทธวิสัยคือ เรื่องปัญญาความสามารถของพระพุทธเจ้าว่าเป็นอย่างไร รู้ได้อย่างไร ทำได้อย่างไร
เรื่องนี้ก็เป็นธรรมดา อยู่แล้ว ปัญญาของเราไม่ถึงใคร แล้วให้หยั่งรู้ถึงทันเท่าคนนั้น ย่อมคิดไม่ได้ คิดไม่ออก
เป็นที่เรื่องที่เห็นๆ กันอยู่เพราะฉะนั้น ปุถุชนจะเข้าใจสิ่งที่พระพุทธเจ้ารู้
หรือคิดเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าออกได้อย่างไร ก็ต้องพัฒนาตัวไปจนกว่าจะมีปัญญาอย่างนั้น ​

2. ฌานวิสัย คือ วิสัยของฌาน จิตนั้นมนุษย์ก็มีอยู่ด้วยกันทุกๆ คน แต่มนุษย์ปุถุชนก็ไม่เคยรู้จัก
ไม่เคยเข้าใจธรรมชาติของจิต และการทำงานของจิตของตนเองเลย แม้แต่ความฝัน ตัวเองก็ฝันอยู่
แต่ก็ไม่เข้าใจความฝันนั้น ความรู้เรื่องจิตที่มีอยู่ในตัวเองหรือที่เป็นตัวเองนี้ มีน้อยอย่างยิ่ง ทีนี้
สภาพจิตที่เป็นฌานนั้นเกิดจากสมาธิที่แน่วแน่ถึงขั้นที่เรียกว่า อัปปนา เป็นประสบการณ์ที่เกิดจากการฝึกฝนพัฒนาจิต
ยิ่งรู้เข้าใจยากกว่าสภาพจิตสามัญ คนทั่วไปจึงไม่อาจคิดให้รู้เข้าใจได้ เป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝนพัฒนาขึ้นมา
แต่ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอาจรู้เข้าใจได้ มิใช่ด้วยการคิด แต่ด้วยการทำเอา ​

3. เรื่องการให้ผลของกรรม เรื่องนี้มนุษย์ปุถุชนคิดอย่างไรก็ไม่สามารถมองเห็นชัดเจนจนถึงที่สุด
เราก็รู้เข้าใจในแง่หลักของความเป็นไป ตามเหตุปัจจัยแล้วก็คิดไปได้ระดับหนึ่งแต่จะให้คิดมองเห็นโล่งตลอดไปก็ไม่ไหว ​

4. เรื่องโลกจินตา คือ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องของโลกจักรวาลจักรภพ ว่าเกิดขึ้นอย่างไร จะมีการสิ้นสุดหรือไม่ มีขอบเขตถึงไหน
เรื่องนี้ philosophers คือ นักปรัชญาทั้งหลายชอบคิด แต่ให้คิดไปเถิดก็ข้องอยู่นั้นจะคิดให้ออก ก็ไม่ออกหรอก ​

จากพระสูตร อจินติตสูตร​

[๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อจินไตย ๔ ประการนี้ อันบุคคลไม่ควรคิด
เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นบ้า เดือดร้อน อจินไตย ๔ ประการ
เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย พุทธวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ๑ ฌานวิสัย
ของผู้ได้ฌาน ๑ วิบากแห่งกรรม ๑ ความคิดเรื่องโลก ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
อจินไตย ๔ ประการนี้แล ไม่ควรคิด เมื่อบุคคลคิด พึงเป็นผู้มีส่วนแห่งความ
เป็นบ้า เดือดร้อน ฯ​

ที่มา : ในบอร์ดแห่งนี้ครับ

--------------------------------------------------

ในส่วนที่จะแสดงความคิดเห็น(ของผม)นะครับ

1. สมมุติว่าแต่งตัวล่อแหลม ถ้ามีคนมาดูแล้วเกิดสังเวช เกิดปัญญาว่า โอ้ร่างกายนี้มีความไม่เที่ยง ถึงแม้จะสวยเพียงไร
แต่ก็หาประโยชน์อันไดไม่ อย่างนี้ก็ได้บุญ แต่จะถามว่าจะมีคนคิดแบบนี้กี่คน แล้วก็น่าจะรู้ว่าผู้ชายส่วนมากจะคิดอะไรอยู่
แล้วถ้ามีคดีที่เกิดขึ้นต่างๆ ไม่ต้องไปโทษกรรมในอดีตเลยครับ โทษกรรมปัจจุบันดีกว่า

2. ที่แน่ๆ เป็นกรรมที่เบียดเบียนตัวเอง ถ้าหาคุณแต่งตัวเข้าไป รักสวยรักงามเข้าไป จะเห็นไหม จะเกิดปัญญาไหม
ว่าร่างกายเป็นของสกปรก ทั้งที่รูปหรือนาม ยึดอะไรไม่ได้เลย

3. เชื่อมโยงจากข้อหนึ่ง คือกรรมเป็นอจินไตยครับ ผมยกตัวอย่าง

ถ้าหากว่าคุณสร้างศาลาเพื่อให้คนมาพักผ่อน ก็น่าจะคิดว่าบุญนี้จะทำให้ได้วิมานสวยงาม (เป็นต้น)

แต่ปรากฎว่าศาลานี้ มีคนนำมาใช้ประโยชน์สอนธรรมะกัน จนถึงขนาดบรรลุธรรมอะไรก็ว่ากันไป (ผมยกตัวอย่างเฉยๆ)
จะถามว่าบุญนี้จะทำให้คุณมีวิมาน หรือมีปัญญาในทางธรรมอันเนื่องมาจากสร้างสถานที่ให้คนมาเรียนธรรม


สุดท้ายนี้ ทุกความเห็นของแต่ละท่านเป็นไปได้หมด มันคิดได้หลายแง่ เพราะว่ากรรมเป็นอจินไตย
เลยน่าจะนำข้อคิดเห็นของแต่ละท่านมาเป็นข้อเตือนใจ แล้วก็อย่างประมาทในชีวิตนะครับ
การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก แล้วมาเกิดในช่วงพระพุทธศาสนาอีก ยากจริงๆครับ

อนุโมทนาสาธุกับทุกท่านด้วยครับ ^^

 

การแต่งตัวล่อแหลม หวาบหวาม เซ็กซี่ กระตุ้นราคะผู้อื่น
ทำให้จิตใจของผู้อื่นเกิดกิเลส เป็นบาปเป็นกรรม
จะมากหรือน้อย ก็แล้วแต่เหตุและปัจจัย....
สิ่งที่เป็นอกุศล ...อย่าทำซะดีกว่า

 

ก็ยังทำให้คนในโลกหลงกิเลสอยู่อย่างนี้นี่ไง ไม่ไปไหนกันซักที หลวงเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่อย่างงี้นี่ไง บาปมั้ยล่ะ ทุกอย่างที่ทำก็เพื่อ ทำให้ตัวเองดึงดูดเพศตรงข้ามทั้งนั้น สุดท้ายก็อยู่ที่การร่วมเพศ อยู่กับกิเลส ก็ได้เวียนว่ายตายเกิดกันอยู่งี้ไม่ได้ไปไหนซักที กลายเป็นกระแสโลกไปแล้ว คนเลยไม่ได้หูตาสว่าง สนใจเรื่องนิพพานกันเลย สนใจแต่เรื่องที่ทำให้เวียนว่ายตายเกิดกันต่อไปไม่รู้จบ นั้นถึงเรียกว่าความสุขของคนทางโลก บาปกรรมมั้ยล่ะ ยิ่งทำยิ่งสนับสนุน ก็เหมือนกับการขวางกันให้อยู่ในโลกที่ห่างนิพพาน ทำให้คนหลงโลกที่เป็นแบบนี้อยู่อย่างงี้ กรรมตกที่ไหน ก็ลูกหลาน ที่ต้องเกิดมาในสังคมนี้ ที่พ่อแม่เป็นตัวอย่างให้ เมื่อพ่อแม่ห่างธรรมะ สังคมก็ห่างธรรมะ ลูกหลานก็เกิดมาในยุคที่ห่างธรรมะ ทีนี้ นิพพานไม่ต้องพูดถึงเลย ลูกหลานต้องเกิดมายุคที่เป็นแบบไหนในอนาคตคงไม่ต้องพูดถึง

 

ก็เลียนแบบละคร 3 ทุ่มไงครับ เป็นอย่างนี้แทบทุกเรื่องเลย

 

บาปโทษก็อยู่ที่เจตตนาครับ..แต่การแต่งตัวที่ไม่เหมาะกับกาล เวลา ก็จะสื่อถึงระดับของความคิดและปัญญาของคนแต่งนั้นๆ....ถ้าว่ากันตามความจริงแล้วตัวเราเองไม่จำเป็นต้องไปทดสอบใครว่าละกามารมณ์หรือความรู้สึกทางเพศได้หรือไม่..มองกันที่ตัวเองตำหนิตัวเองจะดีกว่าคนอื่นช่างเขา
สรุปว่าบาปหรือไม่บาปอยู่ที่เจตนา ถ้าเจตนายั่วยวนให้เกิดราคะกับคนธรรมดา..ก็มีโทษแบบหนึ่งกับผู้ทรงศีลก็มีโทษแบบหนึ่ง(แล้วจะทำไปทำไม่?)...การยั่วท่านๆก็มีโทษ..ตัวผู้ยั่วก็มีโทษ..และยั่วผู้ที่ปราศจากความยินดีกามแล้วยิ่งหนัก..เหมือนการเตะลูกบอลเข้าผนังยิ่งเตะแรงก็จะสะท้อนมาหาตัวแรง...

 

บาปชัวววววว์

ญ สมัยนี้แต่งตัวยั่วยุกันเหลือเกิน กลัวไม่มี... หรือยังไงครับ

ผมคนนึงไม่ชอบ ญ แต่งตัวเท่าไหร่ ชอบสวยธรรมชาติมากว่า 555

 

บาปไม่บาปอยู่ที่ว่า แต่งเพื่ออะไรมากกว่านะครับ
แต่ถ้าในทางพุธศาสนา ป๋มว่าน่าจะบาปนะครับ

 

ตรงที่เว้นไว้ นั่น ใช้

ตรงที่เว้นไว้นั่นใช้ ผัว รึปล่าวค่ะ ถ้าใช้ก็ไม่สมควรนํามาใช้น่ะเจ้าค่ะ

ฟัง เเล้วไม่สุภาพเลย

 

ไม่บาปแต่ไม่สมควร
ยกตัวอย่าง เช่น วัดวาอาราม หรือสถานที่ปฏิบัติธรรม เขายังไม่อนุญาตให้ผู้หญิงนุ่งกางเกงขาสั้นแบบสั้นมากๆ เข้าไปเลย ครับ

ลองดูวัดพระแก้วสิ ครับ

 

ความเห็นแค่นี้ยังไม่ตรงกันเลยลองสำรวจโพลดูนับให้คบร้อยความเห็นแล้วก็จะรู้เอง

 

กัมมุนา วัตตี โลโก

ทำอะไร ก็ได้อย่างนั้น

จะตีเป็นบาปหรือไม่บาป ก็สุดแต่ logic แต่ทำแล้วก็ได้แบบนั้น แตกต่างกันไป

 

ไม่บาปน่ะครับ แต่ผู้นั่นยังติดในกามคุณครับ

 

มันขึ้นอยู่กับ เวลา สถานที่ กาละเทศะ เพศและวัย
- ไปเที่ยวกลางคืน สถานที่พวกนี้ จะแต่งตัวไม่เรียบร้อยก็ไม่มีใครว่า
แต่จะมีกับตัวเอง คืออันตราย ถามพวกนักเที่ยวก็จะชอบ เพราะเป็นอาหารตา
- ไปตามวัด แต่งตัวไม่เรียบร้อยก็ไม่สมควรอย่างยิ่ง อย่างน้อยๆ คนอื่นเห็นเขาจะว่า/ด่าเอา
- กรรมอยู่ที่การกระทำและเจตนา แต่งตัวโป๊ อยู่กับบ้านคงไม่มีใครเข้ามาทำอะไร
แต่งตัวเรียบร้อย ปกปิดมิดชิด ออกนอกบ้านถูกข่มขืนเยอะแยะ ขึ้นรถเมล์ถูกทำมิดีมิร้าย
ทั้งๆ ที่ แต่งตัวก็เรียบร้อยเพียงแต่หน้าตาดี มันก็ไม่ใช่ อยู่ที่คนมอง อยู่ที่การกระทำ
บาปขึ้นอยู่กับคนกระทำ และเจตนา
มากกว่า

 

ถ้าพูดกันแล้วมันก็ผิด แต่ถ้าหากตามกระแสของโลกธรรม 7 ในไม่ช้าจะรู้เองว่าบาป หรือ บุญ แต่กรรมในเบื้องต้นก็ถือว่าเป็นบุคคลที่ไม่ค่อยจะรักษาตัวให้อยู่ในศีลอันดีก็ถือว่า บาป ครับ

 

อันนี้ก็ไม่รู้ ว่าบาปไม ขอฝากถืงสาวๆๆที่ไปเข้าวัดทำบุญกรุณาเคารพสถานที่ ที่เราเข้า แต่งตัวให้ดี อย่าโป็ มาวัดเพื่อเอาบุญเอาสื่งดีๆกลับไป คิดดี ทำดี โลกสดไสครับ

 

ไม่บาปหรอกแต่ไม่สมควร การเข้าวัดฟังธรรมหรือไปทำบุญที่วัด ก็ควรจะแต่งกายให้เหมาะสมและสมควรแก่สถานที่ๆเราจะไป ไม่ใช่ชุดเดียวใส่สายเดี่ยวไปทุกงานไม่ว่าจะงานบวช งานบุญ งานแต่ง งานตาย ความเหมาะสมและรู้จักกาละเทศะควรจะมีอยู่คู่กับหญิงไทยทุกคน จริงไหม

 

อาการภายนอก บอกอาการภายใน
จิตลามก มักจะพูดลามก แต่งกายลามก
จิตเศร้าหมอง ทุคติเป็นอันหวังได้
จิตผ่องใส สุคติเป็นอันหวังได้่
ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นหัวหน้า
ไม่รู้จำมาถูกหรือเปล่าครับ
ขอแสดงความคิดเห็นด้วยคนนะคร้บ

 

อ้าวถ้าเกิดมาหน้าตาหล่อ หน้าตาดี

ก็คงเป็นกรรมใช่ไหม ทำให้คนอื่นหลงอ่ะ
หัดแยะให้มันออกหน่อย ไม่ใช่ทำอะไรเป็น บาปเป็นกรรมไปหมดครับ ถ้าอะไรก็เป็นกรรมสินะ