ข่าวแม่ชีทศพร ถึงช่อง 3 แล้ว..หลังจากมีกระแสวิพากษ์กันมากมาย(มีคลิป)

พวกเรารู้ดีแน่หรือ? พวกเรามองทุกอย่างด้วยใจที่เป็นกลางแน่หรือ? อีกครั้งที่ผมอยากให้ทุกคนทุกนามหยุดเถอะครับ ทั้งฝ่ายสนับสนุนและไม่สนับสนุน ผมไม่ได้ยินดีเลยที่เราแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายกันในโลกแห่งธรรม ผมอยากให้รู้ครับว่าไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามที่ออกมาโจมตีกันและกันนั้น ทุกคนต่างก็บอกว่าฝ่ายตนเป็นฝ่ายถูก แต่สิ่งที่ตามมาคือรอยร้าวในทางพุทธศาสนา ผมไม่ได้มีความรู้สูงที่จะบอกว่า แม่ชีใช้วิธีถูกหรือไม่ สมควรใช้วิธีนี้หรือไม่ แต่ พวกเราควรโจมตีหรือไม่ต่างหาก เพราะอะไร พวกเราถือศีล 5 และกรรมบถ 10 มิใช่หรือ หยุดเถอะครับทุกคนหยุดเถอะ หยุดกรรมของตัวเองเถอะ ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่างเขา เราไม่ได้มีพลังที่จะเปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจเขาได้ก็ปล่อยเถอะครับ
ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากครับ

 

อืมม เห็นด้วยกับโพส คุณข้างบน เหมือนกันครับ แบบนี้ผมก็คงจะไม่บังอาจ ที่จะตัดสิน ผู้ที่อยู่ในศีลในธรรม ด้วยเหมือนกันครับ เพราะอีกฝ่าย คนทางกรมศาสนา เขาออกไปทาง วิทยาศาสตร์จ๋าเลย พิสูจน์ได้ ทดลองได้ แต่ก็คงลืมไปว่า ขั้นลึกๆ ข้ามชาติแล้ว เรื่องกรรมเนียะ วิทยาศาสตร์ มันไม่มีเครื่องมือ ที่จะพิสูจน์ ได้จริงๆ ต้องอาศัยศรัทธาความเชื่อไป ถ้าไม่มีญาณมองเห็นเหมือนผู้ทรงศีล เขาก็เลยต้องตัดสินไปตรงๆ ตามที่เขาได้รับรู้ จากท่านแม่ชี น่ะครับ

 

ผมดูคลิปแม่ชีเกือบทุกๆคลิป มันทำให้ผมเห็นว่ากรรมนั้นมีจริง ถึงแม้ว่าบางครั้งผมเคยไม่เห็นด้วยในสิ่งที่แม่ชีพูด เคยแอบปารสมาสเล็กๆ แต่สุดท้ายผมก็ยอมรับโดยดี ว่าท่านช่วยให้ผู้อื่นหลุดพ้นจากความทุกข์ เพื่อให้คนที่ไปหาท่านพ้นจากความทุกข์ ผมเชื่อโดยบริสุทธฺ์ใจว่าท่านแม่ชีทศพร ท่านทำเพื่อช่วยเหลือสัตว์โลกโดยไม่ได้หวังผลตอบแทน ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนไตร อีกทั้งผลบุญทั้งหลายที่ผมได้กระมาไว้ดีแล้วสำเร็จดีแล้วนับแต่ต้นอสงไขยชาติจนถึงชาติปัจจุบันวันนี้ ขออนิสงค์ผลบุญทั้งหลายเหล่านั้นจงปกปักรักษาคุ้มครองให้แม่ชีทศพรพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวงด้วยครับ

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=skd0gKu-tfs&feature=related"]YouTube - คนมีบุญ[/ame]


[ame="http://www.youtube.com/watch?v=MGJIOQ3-HZE&feature=related"]YouTube - ????????????????????[/ame]


[ame="http://www.youtube.com/watch?v=AdHTP56A_ZY&feature=related"]YouTube - ???????_001[/ame]

 

กรรมจากการให้ร้ายผู้มีศิล บาปแน่นอน

 

ผมชอบมากเลยครับ น้ำตาเกือบจะไหล ย่อหน้าสุดท้ายเนี่ย
ขออนุโมทนาบุญนะครับ
ยังไงแม่ชีก็เป็นท่านที่ทำให้ผมกลับใจ มาเริ่มปฏิบัติธรรม
คำสอนดีๆที่ได้รู้ไ้ด้ทราบ ยังไงก็ไม่ลืม
จากใจของสัตว์โลกคนหนึ่งที่ยังมีความอยาก ยังไม่ได้คิดถึงนิพพาน
และไม่อยากจะเรียนรู้ ไม่อยากศึกษา ธรรมะ
อยากทำตัวตามกระแสสังคม ผิดศีล สนุกไปวันๆ
คงไม่มีทางสว่างไหนส่องมา ง่ายๆ
แสงสว่างมากมายส่องมายังไงก็ไม่ถึงเพราะว่า
ตัวรับมันไม่รับมันสะท้อนกลับไปหมด
แต่จะมีสักกี่แสง ที่ส่องมาหาคนแบบนี้ แล้วคนนั้นรับแสงนั้นด้วยความเต็มใจได้

ยังไงก็จะรักและเคารพแม่ชีตลอดไป
เพราะคนที่ทำให้ชีวิตคนหนึ่งเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้ยังไงก็เรียกว่าความดีนะครับ

 

ขอเป็นกำลังให้เเม่ชีค่ะ

 

เจตนาของผู้พูด

หากท่านได้ดูคลิปเรื่องเปรต(ที่ทีวีช่องหนึ่งเอามาวิจารณ์) จนจบ เน้นว่า..ดูจนจบ ท่านจะเห็นเจตนาของ แม่ชี ว่าต้องการเตือนในช่วงท้าย ว่าเป็นลูกนั้น อย่าด่า อย่าดื้อกับพ่อกับแม่ ถามว่าเป็นเรืองดีหรือไม่ (ใจท่านคงให้คำตอบตัวท่านเองได้) ซึ่งก็สอดคล้องกับคลิปด้านบนที่ท่านสมาชิก honey_bee414 นำมาโพสต์ (ต้องขอขอบคุณ) ซึ่งเป็น การเตือน การสอน ที่เสริมสร้างความรัก ความเข้าใจในครอบครัว บ้านไหน เมียข่มผัว ลูกไม่เคารพพ่อแม่ อย่าไปหาความสงบสุขใจ ในบ้านนั้นเลย บ้านไม่สงบสุข เด็กก็ออกไปเที่ยวเล่น และมีปัญหาตามมาอีกมามาย(ปัญหาเด็กติดเกมส์,ท้องในวัยที่ไม่พร้อม ฯลฯ) ผมว่าแม่ชีท่านแก้ปัญหาชาติ ตรงจุดกว่า รมต.กระทรวง พน. เสียอีก

เด็กดื้อๆ แม่ชีสอนให้กราบพ่อแม่ได้ ถ้าท่านดูคลิปจนจบ(เน้นว่า..ดูจนจบ) ตอนที่แม่ชีบอกให้กราบ แล้วตอนที่เด็กกราบที่ตักพ่อแม่ หน้าตาพ่อแม่คู่นั้นมีความสุขแค่ไหน ดูตอนที่พ่อแม่ของเด็กนั่น กอดลูกของเขาตอบสิ ว่าเขาอิ่มเอิบแค่ไหน...

-----------------------------------------------------------

สังคมไทยนี้ชี้นำง่าย สมมุติว่า มีคน ตัดเอาคลิปสั้นๆมาโพสต์ ว่า "ทรมานศพ" ในคลิปมีภาพคน 3 -4 คน ช่วยกันชำแหละศพ ระหว่างชำแหละก็มีการพูดคุยกันไปบ้าง ผมว่า คงจะมีคนไทย รุมประนาม สาปแช่งกันเป็นหมื่นเป็นแสน และ สื่อก็ขายข่าว สินค้าต่างๆแย่งกันซื้อเวลาโฆษณา อยู่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่สังคมไทยจะลืมไป แ้ล้วก็หาเรื่องใหม่ๆ ที่จะได้ด่ากันสนุกปาก จิตได้เสพอารมณ์ด้านชั่วอย่างที่คุ้นเคย โดยไม่ได้คิดจะขัดเกลาจิตใจตนเอง หรือแม้แต่ตั้งข้อสงสัยเพื่อหาทางพิสูจน์ว่า พวกเขาชำแหละศพกันทำไม

ในความเป็นจริงคลิปดังกล่าวที่ตัดมา อาจจะเป็นการสอน ชำแหละศพ ของผู้ที่เป็นนักศึกษาแพทย์ พวกเขาผ่าศพเพื่อศึกษา กล้ามเนื้อ เส้นเลือด เส้นประสาท เพื่อเอาองค์ความรู้เหล่านี้ไปช่วยรักษาผู้คนที่ป่วยไข้ เวลาฉีดยาจะได้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หลอดเลือดก็จะได้ไม่ผิด

ก็ใช่... พวกเขาชำแหละศพ แต่เจตนาเพื่อการศึกษา คลิปดังกล่าวอาจจะตัดช่วงที่มีการชี้แจงหรือบรรยายสรุปก่อนลงมือผ่าออกไป ว่าวันนี้เราจะชำแหละ ส่วนไหนของร่างกายมนุษย์ และส่วนนี้ มีกล้ามเนื้อ เส้นประสาท หลอดเลือด ชื่ออะไร เรียกว่าอะไรบ้าง ที่พวกเขาผ่าแล้วจะต้องเจอ

การตัดบางส่วนของคลิปออก จะทำให้ผู้รับสาร ไม่ทราบถึงเจตนาที่แท้จริงของการกระทำ หรือเจตนา หรือสาระที่แท้จริงที่ต้องการจะสื่อสาร

ส่วนหนึ่งก็สะท้อนผลวิจัยที่ว่า "คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ย 4 บรรทัด" อ่าน 4 บรรทัด เราจะสรุปเจตนา หรือสาระที่ต้องการจะสื่อออกมาของผู้เขียนได้อย่างไร อย่าว่าแต่คนทั่วไปเลย คนที่อยู่ในวงการข่าวสาร ซึ่งอยู่ใกล้ข้อมูล เวลาทำรายการ ยังอ่านแต่พาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ ให้ประชาชนฟังเลย แล้วจะไม่มืดบอดกันทั้งสังคมได้อย่างไร แล้วเราก็ทราบๆกันอยู่ว่า พาดหัวข่าวนั้นต้องหวือหวา เพราะต้องการขายหนังสือ

ผมไม่ได้มาซ้ำเติม แต่ผมมีเจตนา ชี้ให้เห็นปัญหาของบ้านเมืองเรา

โดยเฉพาะปัญหาเรื่องสื่อสารมวลชน ที่ต้องช่วยให้ปัญญาแก่สังคม แต่กลับไม่ได้ทำหน้าที่สื่อหวังเพียงขายข่าว อีกทั้งยังชี้นำสังคมผิดๆ หากดูคลิปทั้งหมดจนทราบเจตนาที่แท้จริงในการสอนของแม่ชี จะถือได้ไหมว่าสื่อบิดเบือนสร้างกระแสข่าว หวังเอาเรตติ้งเืพื่อขายโฆษณา อย่างไร้จรรยาบรรณ เพราะเป็นการตัดคลิปมาเพียงสั้นๆ ไม่ครบใจความ

โดยเฉพาะส่วนที่เป็นคำสอนตักเตือนของแม่ชี ก็ตัดออก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเนื้อความ ที่เป็นคำสอนและไม่ขัดกับหลักศาสนา และเป็นการสอนให้คนทำความดี

ตอนเช้า สวดมนต์ 2 ชม. นั่งสมาธิ 2 ชม. ถ้าวันพระ อาจจะมีพระเทศน์ ก็จะได้ฟังธรรมด้วย ตอนบ่าย มีนั่งสมาธิอีก 2 ชม และสวดมนต์ทำวัตรเย็นอีก สื่อเคยเอามาออกหรือไม่ เปิดกรรม เป็นแค่ทริกเล็กๆ ไม่กี่นาที ไม่ใช่ทั้งหมด ทั้งหมดของวันที่แม่ชีสอนให้ปฏิบัติ คือ รักษาศีล เจริญสมาธิ นั่นคือทำความดี ตามคำสอนของศาสนา ไม่เห็นสื่อมันเอามาออกเลย

----------------------------------------------------------

ที่แม่ชีพูดบอก รมต. ท่านนั้น นั่นแหละ จริง
คือ ให้ไปหาคลิป มาดูจนจบ (เน้นว่า..ต้องดูให้จบนะครับ)
และหาดูคลิปแม่ชีเยอะๆ ก็จะเห็นภาพรวมเอง

--------------------------------------------------------

สาธุ..สาธุ..สาธุ..

 

เป็นกำลังใจให้แม่ชีค่ะ

 

ทุกอย่างเป็นไปตามกฏของกรรมจ้า...จริงๆนะ

 

ใช่แล้วล่ะทุกอย่างเป็นไปตามกรรม

หากแม่ชีหลอกลวงจริง เช่น หลอกว่ารู้เรื่องกรรม ทำหนังสือไร้สาระ หรือแสร้งทำบุญบังหน้าหรืออะไรก็ตามแต่ แม่ชีก็จะรับกกรมเอง

แต่หากแม่ชีไม่ได้ทำ แม่ชีมีเจตนาดี แม่ชีเป็นผู้รู้จริง ไม่ได้อวดอ้างเพื่อลาภยศสรรเสริญ แม่ชีก็จะได้รับกรรมดีเอง

ส่วนใครดุด่าท่านโดยปราศจากเหตุผล ด้วยความคึกคะนองก็จะได้รับผลกรรมไป

กาลเวลาจะพิสูทธ์เอง

 

มันก็น่าจะโดน อยู่ อยู่ๆ ก็พูดจา ส่อให้เกิด เรื่อง คล้่ายๆกับอนาจาร กันซะงั้น

อีกอย่างหนึ่ง เรื่องนี้ไม่น่าเรียกว่า มาทำบุญได้ด้วยซ้ำไป การมาแก้กรรม ของคนพวกนี้

ก็คือ การมาแก้ความซวย ที่ไม่ไม่รู้ว่าจะโทษสาเหตุอะไรซะมากกว่า

พระพุทธองค์ ไม่เคยสอนให้แก้กรรม
แต่สอนให้ทำกรรมดี ละเว้นกรรมชั่ว ส่วนผลกรรมที่เกิด ก็ต้องยอมรับมันไปตามเหตุ ตามปัจจัย ขนาดพระพุทธองค์ ยังทรงรับกรรมที่พระองค์ทรงเคยก่อเลย นับประสาอะไร กับคนเหล่านี้ ที่ตั้งสำนักแก้กรรม .... มันเพี้ยนกันไปใหญ่แล้ว

สอนให้คนทำดีเฉยๆ มันคงไม่น่าตื่นเต้น

ก็เลยต้องสอนให้คนระลึกชาติเป็น โง่ชัดๆ

 

นานาจิตตัง

สอนคนให้ทำความดีให้ถูกทางก็พอล่ะคับ
แต่จะว่าแรงไปไหม ในความคิดผมๆว่าพอประมาณคับ
เพราะเวลาอาจารย์ผมเตือนผม ท่านพูดตรงและหนักกว่านี้มาก
เคยเตือนเพื่อนผมคนนึง เพื่อนบอกเหมือนโดนถีบหน้าออกมาเลย เพื่อนกลัวไปเลย
นี่ยังออกไปทางกึ่งขํา ยังไงก็ขอเอาใจช่วยผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนา"อย่างจริงจังและถูกต้องทุกๆท่านครับ"
ให้สมกับที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงตรัจไว้ว่า ศาสนาท่านจะคงอยู่ในแผ่นดินนี้(แผ่นดินไทย)ไปถึง 5000 ปี

 

กำละ5 3กำ10บาทจร้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากแม่ค้าขายผักผู้ประกาศกำ

 

ผมเห็นแล้วมีอ้างพระพุทธองค์กันมาก ท่านลองคิดดูบ้างนะ ว่า พระพุทธองค์บอกว่าที่นำมาบอกหรือสอนนี้ เปรียบแล้วเท่ากับใบไม้เพียงกำมือเดียว ที่อยู่ในป่า ก็แสดงว่ายังมีอีกมากมายที่เป็นไปได้ โดยที่พระองค์ท่านไม่ได้บอก ลองๆคิดดูบ้าง เพราะใบไม้ในป่ามีอยู่มากมาย

 

พระอริยะเจ้า หรือผู้สะสมบุญบารมีในด้านนี้
มีหลายท่าน ที่ทำได้ ...ไปศึกษาดูใหม่นะ...

สำหรับกรรมไม่มีใครหักล้าง หรือแก้กรรม ได้
แม้แต่พระพุทธเจ้า ท่านยังต้องผจญวิบากกรรม....
ไม่มีใครหลีกเลี่ยงกรรมได้พ้น...

 

รู้เท่าทันตัวเอง ดีกว่ารู้เท่าทันคนอื่น รุ้ใจตนเองเมื่อไร ก็เข้าใจคนอื่นเมื่อนั้น

 

ดูจากเจตนา และผลลัพธ์
ฟังคำพูดและดูท่าทางของท่านแม่ชีก็มีความหมายที่สื่อว่าไม่ได้ให้กายกรรมกระทำเกินเลยไปถึงที่สุดตามสมมติวาจานั้นจริงๆ
ผมเข้าใจว่า ถ้าพูดภาษาชาวบ้านฟังเข้าใจง่ายๆ ก็อาจเรียกว่าที่ท่านทำเป็นการแก้เคล็ด ถ้าอธิบายในแง่ ธรรมะและอภิธรรม ขณะจิต อาการของจิต ความดับไปของอกุศลธรรมคือกิเลสย่อยในใหญ่(เช่นกามราคะ การโดนบีบคั้น ความเศร้าหมอง ความตระหนี่เงินทอง) การเกิดขึ้นของกุศลธรรมใหม่(เช่นหิริโอตตัปปะ ความสามัคคี ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจกัน ความเข้าใจรอบรู้ในข้อมูลเรื่องราว การประจักษ์ในกรณีจริง ของหมู่คณะด้วย ) ฯลฯ ผมยังไม่มีความถนัดครับ ท่านใดอธิบายได้ ก็ขอขอบพระคุณล่วงหน้า
(ถ้ามีท่านที่รู้วาระจิตแสดงข้อมูลความรู้ยิ่งน่าสนใจ แต่ในบางสถานการณ์ บางท่านอาจไม่เหมาะสมที่จะแสดง ก็ขออภัยด้วยครับ)

ผมเข้าใจว่าผลลัพธ์ส่วนหนึ่งคือผู้กระทำเกิดความละอายและเกรงกลัวต่อบาป เสวยกรรมได้รับการทรมานในที่สาธารณะระดับหนึ่ง และน่าจะสั่งสมนิสัยที่จะไม่ทำความชั่วต่อไปในอนาคต และยิ่งเชื่อมั่นที่จะบำเ้พ็ญตามคำสั่งสอนที่จะดำเนินตามรอยพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าครับ และดูทั้งสองท่านที่ต้องสวมบทบาทก็เข้าใจและไม่ได้เกิดความรู้สึกผูกพันทางเพศกัน มีอภัยทานให้แก่กัน(ปัจจัยแห่งอโหสิกรรม) และเข้าใจเจตนาของท่านแม่ชีดีครับ

ท่านอื่นเข้าใจเช่นไร เช่นเดียวกับผมบ้างไหมครับ ถ้าใช่ในทำนองเช่นนี้ด้วยก็น่าจะมองได้ว่าแม่ชีท่านไม่ได้สอนให้คนไปกระทำอนาคตให้หมองเศร้าลงในระยะยาว และทำให้เป้าหมายท่านนี้ศรัทธาในคุณพระศรีรัตนตรัยมากขึ้นครับ

เวลาผมดูการสอนธรรมะของแม่ชีกับเป้าหมายท่านอื่น หลายครั้งที่เป้าหมายแสดงการยอมรับความรู้คำพยากรณ์ความคิดและอดีตอย่างชัดเจน เช่นพยักหน้าบ้าง และเสริมต่อคำพูดของท่านแม่ชีด้วย ฯลฯ แม้ความแจ่มชัดทางความรู้หรือญาณของท่านจะไม่คมชัดเทียบเท่ากับบุคคลชั้นสูง ในปัจจุบันหรือพุทธกาลอดีตจำนวนมาก แต่ถ้าเป็นปัจจัยประโยชน์ให้คนเริ่มต้นศรัทธาในพระรัตนตรัย นำไปสู่การปฏิบัติชั้นสูงมากขึ้น ก็น่ายินดีมากครับ

คุณของพระรัตนตรัยหาขอบเขตประมาณไม่ได้
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้บุญของกระผมถึงแก่ท่านแม่ชี เพื่อให้ท่านแม่ชีเจริญในพระพุทธศาสนาของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยดีงาม มีส่วนในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปเทอญ.

พุทโธ โพเธยยัง มุตโต โมเจยยัง ติณโณ ตาเรยยัง
พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ปัจจโย โหตุ

ผิดพลาดพลั้งไปขออภัยขมาทุกๆท่านด้วยครับ

 

กรรมนิยาม (Law of Kamma, Moral laws)

กรรมนิยาม คือ กฎการให้ผลของกรรม หรือกฎธรรมชาติเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ คือกระบวนการที่ก่อให้เกิดการกระทำและการให้ผลของการกระทำ มี 2 ประการคือ การกระทำดี ย่อมได้รับผลดี กระทำชั่วย่อมได้รับผลชั่ว

กรรม 12 (kamma, action) กรรม หมายถึง การกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว จะก่อให้เกิดกรรมดีเมื่อมีเจตนาจะทำความดี และจะก่อให้เกิดกรรมชั่วเมื่อมีเจตนาจะทำความชั่ว ในที่นี้ หมายถึง กรรมประเภทต่าง ๆ พร้อมทั้งหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการให้ผลของกรรมเหล่านั้นกรรม 12 แบ่งออกเป็น 3 หมวดใหญ่ ๆ แต่ละหมวดแบ่งย่อยออกเป็น 4 ดังนี้คือ

หมวดที่ 1 กรรมที่ให้ผลตามกาลเวลา คือจำแนกตามเวลาที่ให้ผล แบ่งเป็น

1. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลในปัจจุบัน หรือในชาตินี้ เป็นกรรมที่มีพลังแก่กล้ามากจึงให้ผลในปัจจุบัน ฝ่ายกุศล ได้แก่ ศีล ทาน ที่ได้บำเพ็ญอยู่สม่ำเสมอ หรือกระทำกุศลอย่างแรงกล้า เช่น ยินดีเสียสละความสุขหรือแม้แต่ชีวิตของตน เพื่อรักษาศีลให้บริสุทธิ์ จะได้รับผลจากการกระทำในชาตินี้ ตัวอย่างเช่น ปุณณทาสชายเข็ญใจ ยินดีเสียสละโดยนำเอาอาหารที่ภรรยาตั้งใจนำมาให้ตนรับประทานนั้นน้อยถวายแด่พระสารีบุตรพระอรหันต์เจ้า เมื่อคราวที่ท่านออกจากนิโรธสมาบัติมาใหม่ ๆ ทานนั้นได้อำนวยผลให้ปุณณทาสผู้เข็ญใจ กลับกลายไปเป็นมหาธนเศรษฐี ภายในเวลาไม่นานนัก และฝ่ายอกุศล อันได้แก่อกุศลหนักเช่น ประทุษร้ายบิดามารดา หรือผู้มีศีลบริสุทธิ์ ตลอดจนความชั่วที่กระทำอยู่เสมอ เช่นค้ายาเสพติด ย่อมถูกจับและถูกประหารชีวิตในที่สุด เป็นต้น

2. อุปปัชชเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลที่ชาติหน้าหรือภพหน้า ได้แก่ กรรมดีก็ตาม กรรมชั่วก็ตาม ที่กระทำในขณะชาตินี้ จะให้ผลในชาติหน้า

3. อปราปริยเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลในชาติต่อ ๆ ไป ได้แก่กรรมดีก็ตาม กรรมชั่วก็ตาม จะให้ผลในชาติต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่มีกำหนดว่ากี่ชาติ สุดแต่ว่าจะได้โอกาสเมื่อไร ก็จะให้ผลเมื่อนั้น ถ้ายังไม่มีโอกาสก็จะรอคอยอยู่ ตราบใดที่ผู้นั้นยังเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ กรรมนี้ก็จะคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา ตามทันเมื่อใดก็ให้ผลเมื่อนั้น

4. อโหสิกรรม หมายถึง กรรมที่เลิกให้ผล ได้แก่กรรมดีก็ตาม กรรมชั่วก็ตาม ซึ่งไม่มีโอกาสที่จะให้ผลภายในเวลาที่จะตอบสนองผลของการกระทำนั้น ๆ กรรมนั้นก็จะสิ้นสุด ถือว่าเป็นการหมดกรรม

 

หมวดที่ 2 กรรมที่ให้ผลโดยกิจ คือกรรมที่ให้ผลตามหน้าที่ แบ่งเป็น

5. ชนกกรรม หมายถึง กรรมแต่งให้เกิด หรือกรรมที่เป็นตัวนำไปเกิด ได้แก่ กรรมคือเจตนาดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ที่เป็นตัวให้เกิดดุจบิดามารดา คือให้ผลในการปฏิสนธิ เช่น กระทำกรรมดี ได้เกิดในตระกูลที่เป็นเศรษฐี เป็นต้น

6. อุปัตถัมภกรรม หมายถึง กรรมสนับสนุน หรือกรรมอุปถัมภ์ เป็นกรรมที่คอยสนับสนุนชนกกรรม เช่น เกิดมาในตระกูลยากจน แต่กระทำความดีช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ไม่ขาด อาจได้รับความเวทนาสงสารจากบุคคลอื่น ให้ได้รับการศึกษา ได้มีงานทำ มีหน้าที่การงานก้าวหน้า จนสามารถยกฐานะของตนเองดีขึ้น เป็นต้น

7. อุปปีฬกกรรม หมายถึง กรรมบีบคั้น หรือกรรมเบียดเบียน คือกรรมที่คอยบีบคั้น เบียดเบียน ทำให้กรรมที่ให้ผลอยู่ก่อนเบาบางลง เช่น เมื่อชนกกรรมนำไปเกิดในครอบครัวที่มั่งคั่ง แต่ถ้าเคยทำอกุศลกรรมอยู่เสมอ ครั้นเมื่อชนกกรรมหมดหน้าที่ เลิกให้ผล อกุศลกรรมซึ่งรอโอกาสอยู่ ก็จะเข้ามาทำหน้าที่เบียดเบียนทันที อาจจะทำให้ยากจนลง หรือถูกกระทำให้พลัดพรากจากครอบครัวตกระกำลำบาก เป็นต้น

8. อุปฆาตกกรรม หมายถึง กรรมตัดรอน เป็นกรรมที่มีอำนาจมากเป็นพิเศษ จะให้ผลอย่างรุนแรงในทันที สามารถขจัดหรือทำลายกรรมที่ให้ผลอยู่ก่อนแล้วให้พ่ายแพ้หมดอำนาจลงได้ จากนั้นกรรมตัดรอนก็จะเข้ามาให้ผลแทนต่อไป เช่น เกิดมาเป็นมหาเศรษฐี มีความสุขสบาย อยู่ได้ไม่นานก็ถูกฆ่าตาย จัดเป็นกรรมตัดรอนฝ่ายชั่ว หรือเกิดมายากจน แต่ได้รับลาภใหญ่กลายเป็นเศรษฐีถือเป็นกรรมตัดรอนฝ่ายดี เป็นต้น

หมวดที่ 3 กรรมที่ให้ผลตามความแรง คือกรรมที่ให้ผลตามความหนัก-เบา แบ่งเป็น

9. ครุกรรม หมายถึง กรรมหนัก ได้แก่กรรมที่ให้ผลแรงมาก ฝ่ายดีได้แก่สมาบัติ 8 (การบรรลุชั้นสูง) ฝ่ายชั่วได้แก่ การกระทำอนันตริยกรรม คือ ฆ่าบิดามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ประทุษร้ายพระพุทธเจ้า และทำให้สงฆ์แตกกัน ที่เรียกว่า สังฆเภท ผู้ใดกระทำกรรมเหล่านี้ แม้เพียงประการใดประการหนึ่งก็ตาม กรรมจะให้ผลอย่างหนัก และให้ผลก่อนกรรมอื่น ๆ ไม่มีกุศลกรรมใด ๆ จะสามารถเข้ามาช่วยเหลือได้

10. หหุลกรรม หรืออาจิณณกรรม หมายถึง กรรมสะสม ได้แก่กรรมดีหรือกรรมชั่วที่ประพฤติมาก ๆ หรือทำบ่อย ๆ สั่งสมไปเรื่อย ๆ กรรมไหนสะสมบ่อยและมาก ๆ ก็จะให้ผลกรรมเช่นนั้น

11. อาสันนกรรม หมายถึง กรรมเมื่อใกล้ตาย คือกรรมที่ระลึกได้เมื่อใกล้ตาย จะมีอิทธิพลในการเกิดในชาติใหม่ หรือชนกกรรม เช่น เมื่อใกล้ตายระลึกว่าชาตินี้ยากจน ได้ทำบุญกุศลไว้ไม่มากนัก อยากเกิดเป็นลูกเศรษฐีจะได้ทำบุญกุศลให้มาก ๆ เมื่อมาจุติในชาติต่อไปก็จะเกิดในตระกูลที่มั่งคั่ง เป็นต้น

12. กตัตตากรรม หมายถึง กรรมเล็ก ๆ น้อย หรือสักว่าทำ ได้แก่ กรรมที่ทำด้วยเจตนาอันอ่อน หรือไม่ตั้งใจทำ ทำความดีหรือทำความชั่วเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เคยทำไว้ เมื่อกรรมอื่นๆ ให้ผลหมดแล้ว กรรมชนิดนี้ถึงจะให้ผล ซึ่งเป็นกรรมที่มีอิทธิพลในการให้ผลน้อยที่สุด


˹