การปฏิบัติสมาธิเพื่อสุขภาพกายและจิตให้เหนือธรรมดาตามในทางพุทธศาสนา

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย visnu, 4 ตุลาคม 2010.

  1. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778

    จิตมันทำงาน จะได้แล้วสำเร็จแล้ว ผี วิญญาณ เทวดา เค้ารู้แล้วว่าเราได้เรามี เค้าก็จะเข้ามาครับ
     
  2. ตัวกลมๆ

    ตัวกลมๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +5,941
    5555 ก็คนไม่คุ้นเคยนี่อาจารย์ ทำตัวไม่ถูก เมื่อคืนตี2กว่าไม่หลับอีก เลยมานั่ง
    สงสัยล่วงหน้าว่าตัวเองจะต้องหาวไปนั่งไป ปรากฏว่ามีหาวบ้างแต่ไม่เยอะ กระแสดีบ้าง หยุดบ้าง

    พยายามอุทิศบุญเยอะหน่อย เดี๋ยวผู้มาไม่ท้น จะตีตั๋วพิเศษอำกันอีก
    ครบชั่วโมงจะหยุด ตัวเล็กก็นอนละเมอโวยวาย เลยนั่งเล่นๆแผ่เมตตาสักครู่
    ก่อนนอนก็พยายามทำใจ เผื่อเจ้ากรรมจะแวะมาเยี่ยม อิอิ ดีที่ไม่มีใครปลุก

    ช่วงนี้เวปเข้ายากหน่อยนะคะ
     
  3. alline

    alline เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +1,324
    อืม ช่ายเลยน้อง n00m พี่ไม่อยากเข้าเลยกระทู้เรื่องเล่าช่วงนี้ มันแน่น อึดอัดชอบกล


    ขอมารับพรด้วยคนจ้า สาธุ สาธุ สมเร็จเป็นจริงตามนั้นจ้า
     
  4. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    1.ขอให้พรที่ได้รับจงติดตามตัวลูกตลอดไปจนถึงวันเข้าพระนิพพาน
    2. เมื่อคืนนั่งไปได้ครึ่งชั่วโมงก็ปวดขามาก ปรกติต้องนั่งไปสักชั่วโมงถึงจะเริ่มขาชา
    แล้วก็ร้อนมาก ๆ ตอนนั่ง
    3. แล้วรูปใครอะคะ (แอบโง่นิดหนึ่ง จะโดนด่าไหม)
     
  5. noolegza

    noolegza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +3,844
    อิอิ ..สำหรับห้องนู้นก้เฉยๆนะคับ เหมือนโคถึก ไม่รู้ร้อน รู้หนาว ตากแดด ตากฝนได้ทั้งวัน
    เขาเอาไม้ตียังหันมามองหน้า แบบมึนๆอีก ...55
    การปฏิบัติช่วงนี้ ไม่รู้เพราะเพลียหรือยังไง เหมือนนั่งได้น้อยกว่าที่ผ่านมา
    นั่งๆ เหมือนเครื่องติดๆ ดับๆ ..อาศัยเก็บเล็กผสมน้อย เก็บชั่วโมงบินไป
    ดีกว่าอยู่ปล่าวๆเนาะ . .
     
  6. pawinee65

    pawinee65 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +147
    สาธุ สาธุ..นะค่ะ อ.บาส

    ช่วงนี้ไม่มีการบ้านมาส่งเลยค่ะ เพราะว่าไม่ได้นั่งสมาธิเลย
    เพราะว่านั่งไม่ค่อยได้ นั่งแล้วหาวตลอด (หาวจนน้ำตาไหล)
    เลยพักไว้ก่อน .ไว้สู้ต่อยกหน้า

    ตอนนี้เลยเริ่มใส่บาตรตอนเช้าก่อนมาทำงานแทน
    พยายามจะทำบุญเยอะ ๆ อย่างที่อ.บาสแนะนำ
    (ก็ทำได้ตามกำลังทรัพย์ที่มีอยู่นะค่ะ)

    ขออนุโมทนา..และยินดีในบุญ กับทุกท่านในการทำบุญทุก ๆ กองบุญด้วยนะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มีนาคม 2011
  7. tantawan

    tantawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +1,756
    3. แล้วรูปใครอะคะ (แอบโง่นิดหนึ่ง จะโดนด่าไหม)[/QUOTE]


    เข้ามารับพร และโง่..เหมือนกันค่ะ อยากรู้ว่ารูปท่านใด 555
     
  8. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    ลองทายดิ.............
     
  9. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    สิ่งที่ไม่ดีเกิดจากจิตที่ไม่ดี จะเปลี่ยนนั้นต้องเปลี่ยนที่จิตก่อน ในเมื่อจิตไม่เปลี่ยนสภาวะต่างๆย่อมไม่เปลี่ยน
     
  10. noolegza

    noolegza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +3,844
    องค์พระศิวะใช่ไหม ลักษณะทำเหมือนทรงลึงค์แบบโบราณ ดูขลังดี
    ภาพชัดมากเลยคับ สีสันสดใส
     
  11. DevaIsis

    DevaIsis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,005
    ค่าพลัง:
    +4,600
    หากเราได้ยินพวกเจ้า ยังไม่เลิกต่อเวรกรรมกับเรา เราจะเอา ป๊อปคอร์น ให้กิน
     
  12. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    พระนารายณ์ บารายี ครับ
     
  13. พลังไฟ

    พลังไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +845
    มหาเทพบารายี ครับอาจารย์
    เยือกเย็นเหลือเกิน น่าจะมีส่วนสัมพันธ์ กับอาจารย์ด้วย นะครับ
     
  14. DevaIsis

    DevaIsis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,005
    ค่าพลัง:
    +4,600
    พระอรหันตธาตุ


    (วาดภาพพระธาตุโดย สมจินต์ คล่องอักขระ)
    [​IMG]
    พระสารีบุตร
    สัณฐานกลมเป็นปริมณฑล , รีเป็นไข่จิ้งจก ,เป็นดังรูปบาตรคว่ำ
    พรรณสีขาวสังข์ , สีพิกุลแห้ง(น้ำตาลแดง) , สีหวายตะค้า(น้ำตาลอ่อน​


    พระสารีบุตร ภายหลังจากบวชแล้ว ๑๕ วัน ท่านก็บรรลุอรหันต์ และเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงยกย่องให้พระสารีบุตรเป็นผู้เลิศด้วยปัญญา ก่อนที่พระสารีบุตรจะนิพพาน ท่านได้เดินทางกลับบ้านเพื่อไปโปรดมารดา และท่านก็เกิดอาการอาเจียนออกมาเป็นโลหิตไม่หยุด มารดาท่านก็เศร้าโศกเป็นอันมาก บรรดาเทวดา และพรหมต่างก็เสด็จมาเยี่ยมท่าน มารดาของท่านจึงถามว่าท่านเหล่านนั้นเป็นใคร ทำไมจึงมีแสงรอบกาย ท่านก็ตอบว่าเป็นเทพเทวดาได้แก่ ท้าวโลกบาลทั้งสี่ พระอินทร์ และองค์สุดท้ายคือท้าวมหาพรหม มารดาท่านตกใจและคิดได้ว่าพระสารีบุตรยิ่งใหญ่กว่าท่านเหล่านั้นอีกหรือ แล้วพระพุทธเจ้าจะยิ่งใหญ่เพียงใด จึงเกิดความเลื่อมใสพระพุทธองค์ พระสารีบุตรจึงแสดงธรรมโปรดมารดาเพื่อทดแทนคุณ แล้วท่านก็ดับขันธ์ นิพพาน
    [​IMG]
    พระโมคคัลลานะ
    สัณฐานกลมเป็นปริมณฑล , รีเป็นผลมะตูม , คล้ายเมล็ดทองหลาง , เมล็ดสวาท เมล็ดคำ
    พรรณสีเหลืองหวายตะค้า , ขาวสังข์ , เขียวช้ำใน , ลายคล้ายไข่นก , ลายเป็นรอยร้าวคล้ายสายเลือด​

    พระโมคคัลลานะ ภายหลังจากบวชแล้ว ๘ วัน ท่านก็บรรลุอรหันต์ และเป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงยกย่องให้พระโมคคัลลานะเป็นผู้เลิศด้วยฤทธิ์ ด้วยกรรมของท่านแต่อดีตชาติ ทำให้พวกโจรคอยคิดจะฆ่าท่านอยู่เสมอ แต่พวกโจรก็ทำอะไรพระโมคคัลลานะไม่ได้เพราะท่านมีฤทธิ์มาก ก่อนที่ท่านจะเข้าสู่นิพพานท่านก็เห็นว่าต้องชดใช้กรรมเก่าแต่อดีตชาติที่ท่านเคยฆ่าพ่อแม่ จึงยอมให้พวกโจรทำร้ายทุบตีจนร่างแหลกเหลว แล้วพวกโจรก็นำร่างท่านไปทิ้งไว้ในป่า เมื่อพวกโจรไปแล้วพระโมคคัลลานะก็ประสานกายมาเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อทูลลาเข้าสู่นิพพาน
    [​IMG]
    พระสิวลี
    สัณฐานดังผลยอป่า , เมล็ดในพุทรา , เมล็ดมะละกอ
    พรรณสีขาว , สีเหลืองหวายตะค้า , สีพิกุลแห้ง , สีแดงดังหม้อไหม้ , สีเขียวดังดอกผักตบ​

    พระสิวลี เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าที่เป็นเลิศทางลาภสักการะ ในอดีตชาติของท่านสมัยพระพุทธเจ้าวิปัสสี พระสิวลีได้เกิดเป็นชาวบ้านคนหนึ่งที่หาน้ำผึ้งมาขายในเมือง ขณะที่กำลังจะเข้าเมืองได้มีชายคนหนึ่งมาขอซื้อน้ำผึ้งในราคาสูง พระสิวลีหรือชาวบ้านคนนั้นเกิดความแปลกใจสงสัยว่าทำไมจึงให้ราคาสูงก็สอบถามชายผู้นั้นได้ความว่า ขณะนี้ในเมืองกำลังจะมีงานบุญใหญ่เป็นมหาทาน และขาดน้ำผึ้งที่จะถวายพระพุทธเจ้าวิปัสสีเพียงอย่างเดียว เมื่อได้ฟังเช่นนั้นชาวบ้านจึงบอกกับชายคนนั้นว่าจะไม่ขาย แต่ต้องการนำน้ำผึ้งไปถวายด้วยตนเอง ชายผู้นั้นและชาวเมืองต่างพากันร่วมอนุโมทนาบุญกับชายชาวบ้านผู้นั้นด้วย เมื่อตายไปแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นเทวดาหลายชาติจนได้มาเกิดในปัจจุบันชาติเป็นพระสิวลี พระสิวลีเป็นเลิศทางลาภสักการะตั้งแต่อยู่ในครรภ์ก็มีผู้เอาลาภสักการะต่างๆมาถวาย และไม่ว่าท่านจะเดินทางไปในที่แห่งใดก็มีแต่ลาภมิขาดสายจนถึงพระนิพพาน
    [​IMG]
    พระองคุลิมาล
    สัณฐานคล้ายนิ้วมือ , คอดดังคอลา , แท่งกลม , คล้ายแขนงไม้ ส่วนใหญ่มีรูทะลุตลอดหัวท้าย
    พรรณสีขาวสังข์ , สีเหลืองดังดอกจำปา , สีฟ้าหมอก​

    พระองคุลิมาล แต่เดิมชื่อ อหิงสกะ เมื่อแรกเกิดโหรทำนายไว้ว่าจะเป็นโจร บิดาของท่านจึงส่งไปเรียนวิชาความรู้ ท่านก็เรียนได้เก่งกว่าคนอื่นจนเพื่อนๆ อิจฉาจึงยุอาจารย์ให้เกลียด อาจารย์ก็หลงเชื่อจึงหลอกให้ท่านไปฆ่าคนมาให้ได้ครบหนึ่งพันคนแล้วจะสำเร็จวิชาสูงสุด นับแต่นั้นมาท่านก็เป็นจอมโจรที่ฆ่าคนแล้วตัดนิ้วมือมาร้อยคอเป็นสร้อยเพื่อนับจำนวนให้ครบพัน จึงได้ฉายา องคุลิมาล จนกระทั้งคนสุดท้ายที่จะต้องฆ่า ท่านก็คิดจะฆ่ามารดาตนเอง พระพุทธเจ้าจึงเสด็จมาโปรด ท่านก็เปลี่ยนใจจะมาฆ่าพระพุทธองค์แทน แต่วิ่งเท่าไรก็ไม่ทันจึงตะโกนบอกให้หยุด พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า เราหยุดแล้ว แต่เจ้าสิยังไม่หยุด ด้วยความสงสัยท่านจึงถามความหมาย พระพุทธเจ้าทรงตอบว่า เราเป็นผู้ที่ไม่เบียดเบียนใคร จึงชื่อว่าหยุด แต่เจ้าเป็นผู้เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย จึงชื่อว่าไม่หยุด เมื่อได้ฟังดังนั้นจอมโจรองคุลิมาลก็เกิดดวงตาเห็นธรรมจึงทูลขอบวช เมื่อท่านได้บวชเป็นพระแล้วไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใด ก็จะถูกผู้คนที่มีความโกรธแค้นทำร้ายอยู่เป็นนิจ ท่านก็อดทนใช้หนี้กรรม และปฏิบัติธรรมอย่างไม่ลดละจนเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
    [​IMG]
    พระโกณฑัญญะ
    สัณฐานงอนช้อยดังงาช้าง
    พรรณสีขาวดังดอกมะลิตูม , สีเหลือง , สีดำ​

    พระโกณฑัญญะ แต่เดิมท่านเป็นพราหมณ์ และเคยได้ทำนายพระพุทธเจ้าไว้เมื่อตอนประสูติว่าท่านจะต้องเป็นศาสดาที่ยิ่งใหญ่ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในขณะที่พราหมณ์คนอื่นๆ ทำนายว่าพระองค์อาจจะเป็นพระเจ้าจักรพรรดิอีกทางหนึ่ง ครั้นเวลาล่วงมาจนถึงพระพุทธเจ้าทรงออกผนวชและบำเพ็ญเพียรเพื่อให้บรรลุธรรม ขณะนั้นท่านโกณฑัญญะ และเพื่อนพราหมณ์ทั้ง ๔ มาพบเข้าเกิดความเลื่อมใสศรัทธาคอยอยู่เฝ้าพระพุทธองค์ จนกระทั้งพระพุทธองค์ทรงค้นพบทางสายกลางจึงกลับมาปฏิบัติตนและเสวยอาหารตามเดิม พวกพราหมณ์จึงคิดว่าพระองค์ทรงเลิกการปฏิบัติแล้วจึงลาจากไป จนในที่สุดพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วจึงได้เดินทางมาพบพวกพราหมณ์ทั้ง ๕ เพื่อแสดงปฐมเทศนา แต่พวกพราหมณ์ ก็ไม่อยากจะเชื่อนัก พระองค์จึงทรงเทศนาเมื่อจบกัณฑ์แรกท่านโกณฑัญญะก็บรรลุโสดาบันจึงทูลขอบวช และได้เป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา พระองค์ได้แสดงธรรมจนถึงวันที่ ๔ พราหมณ์ทั้ง ๕ จึงบรรลุเป็นพระอรหันต์พร้อมกัน พระโกณฑัญญะ พระพุทธเจ้าทรงตั้งท่านเป็นสาวกที่รู้ราตรีนาน คือมีอายุมากอยู่มานานก่อนใคร
    [​IMG]
    พระอนุรุทธะ
    สัณฐานดังสามเหลี่ยม
    พรรณสีแดงเลือดนก , สีเหลืองพิกุล​

    พระอนุรุทธะ ในอดีตชาติท่านเคยเกิดเป็นคนยากจน แต่ท่านได้ทำบุญใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้าที่ออกจากฌาณสมาบัติ และอธิษฐานขอคำว่า ไม่มี จงอย่าเกิดแก่ข้าพเจ้า และก็ได้เป็นเศรษฐี เมื่อตายไปก็ได้ไปเกิดเป็นพระอินทร์ ๗ ชาติ พระมหาจักรพรรดิ์ ๑๔ ชาติ อีกทั้งเคยทำบุญใหญ่สร้างประทีปโคมไฟหลายพันดวงเพื่อบูชาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระปทุมุตระพุทธเจ้า และเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระกัสสปะพุทธเจ้าอีก เมื่อเกิดมาในชาตินี้ก็เป็นพระราชโอรสของ อมิโตทนะศากยะ พระอนุรุทธะถือการไม่นอนเป็นข้อวัตรอยู่ ๕๕ ปี กำจัดความง่วงเหงาได้ ๒๕ ปี และท่านมีญาณรู้เห็นทุกสรรพสิ่ง ขณะที่พระพุทธเจ้าใกล้จะปรินิพพาน ท่านก็ตามดูจิตและบอกพระอานนท์ทราบทุกขณะ พระพุทธเจ้าทรงยกย่องท่านเป็นเลิศทางตาทิพย์
    [​IMG]
    พระมหากัจจายนะ
    สัณฐานดังศีรษะช้าง , ดังเบี้ยจั่น
    พรรณสีขาวสังข์ , สีเหลือง​

    พระมหากัจจายนะ ในอดีตชาติท่านได้ทำบุญใหญ่เอาไว้มาก เช่นเมื่อเกิดในสมัยพระปทุมุตระพุทธเจ้าได้ถวายมหาทาน ๗ วัน ในสมัยพระสุเมธพุทธเจ้า ท่านเกิดเป็นวิชาธรเหาะไปบูชาพระพุทธองค์ด้วยดอกกรรณิกา ในสมัยพระกัสสปะพุทธเจ้า ได้บูชาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์โดยถวายอิฐทองคำราคาหนึ่งแสน จนมาถึงปัจจุบันชาติท่านก็ได้เป็นมหาอำมาตย์ ของพระเจ้าจัณฑปัชโชต และได้เดินทางไปทูลเชิญพระพุทธเจ้ามาแสดงธรรม แต่เมื่อไปถึงได้สดับพระธรรมเทศนาแล้วบรรลุอรหันต์ท่านจึงออกบวช และเหาะกลับมาโปรดพระราชา และมหาชนแทนพระพุทธองค์ จนผู้คนเลื่อมใสศรัทธาออกบวชกันเป็นอันมาก
    [​IMG]
    พระพิมพาเถรี
    สัณฐานบางเป็นแผ่นกระแจะ , ดังแป้งหยด , ดังเล็บมือ , บางทีมีรูทะลุตรงกลางหรือเป็นรูสะดือ
    พรรณสีขาว , สีเหลืองดังสีลาน , สีดำ , สีดอกพิกุลแห้ง​

    พระพิมพาเถรี แต่เดิมเป็นพระมเหสีของเจ้าชายสิทธัตถะก่อนที่จะเสด็จออกผนวชเป็นพระพุทธเจ้า หลังจากพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วได้เสด็จมาโปรดพระนางฯทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาและออกบวชเป็นพระภิกษุณีจนบรรลุเป็นพระอรหันต์เสด็จเข้าสู่นิพพานในที่สุด
    [​IMG]
    พระสันตติมหาอำมาตย์
    สัณฐานดังดอกมะลิตูม
    พรรณสีขาวดังสังข์​

    พระสันตติมหาอำมาตย์ เป็นมหาอำมาตย์ของพระเจ้าปเสนธิโกศล ไปปราบโจร และได้ชัยชนะกลับมา พระราชาจึงพระราชทานหญิงงามให้นางหนึ่ง มหาอำมาตย์จึงมัวเมาอยู่ในกาม และสุราอยู่ ๗ วันจนวันสุดท้ายพระพุทธเจ้าเสด็จผ่านมาทรงรู้ด้วยญาณว่าวันนี้มหาอำมาตย์จะหมดอายุขัยแต่ด้วยบุญบารมีจากอดีตชาติจะทำให้ท่านได้บรรลุเป็นอรหันต์ และนิพพานในวันนี้ แล้วเหตุการณ์ก็เป็นจริง มหาอำมาตย์เกิดเป็นโรคลมขึ้นในท้อง และมาหาพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงโปรดแสดงธรรมแก่มหาอำมาตย์ จนบรรลุเป็นอรหันต์ และทราบว่าตนหมดอายุขัยแล้ว จึงเสด็จขึ้นไปบนอากาศ เข้าเตโชธาตุ ให้ไฟเผาร่างกายคงเหลือแต่พระธาตุดังดอกมะลิลอยลงมาแล้วเสด็จเข้าสู่นิพพาน
    [​IMG]
    พระภัททิยะ
    สัณฐานดังกลองทั้งสองข้างเรียวเล็ก
    พรรณสีดังดอกพุดตาน​

    พระภัททิยะ ท่านเป็นผู้เกิดในตระกูลสูง เป็นบุตรแห่งพระนางกาฬิโคธา พระราชเทวีศากยราช ผู้มีอายุมากกว่านางศากยะทั้งหลาย และพระภัททิยะในอดีตชาติท่านเคยเกิดในตระกูลสูงติดต่อกันถึง ๕๐๐ ชาติ พระพุทธเจ้าทรงยกย่องท่านเป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในด้านเป็นผู้มีตระกูลสูง พระภัททิยะท่านชอบอยู่โดยสันโดษในป่าอันวิเวก ถือธุดงควัตรอย่างเคร่งครัดจนถึงพระนิพพาน
    [​IMG]
    พระอานนท์
    สัณฐานดังใบบัวเผื่อน
    พรรณสีขาวดังเงิน , สีดำอย่างน้ำรัก , เหลืองหวายตะค้า​

    พระอานนท์ ท่านเป็นสาวกที่พระพุทธเจ้ายกย่องให้เป็นเลิศถึง ๕ อย่าง ๑.เป็นพหูสูตร มีความรู้มาก ๒.เป็นผู้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้าได้อย่างยอดเยี่ยม ๓.มีสติดี ไม่หลงลืม ทำอะไรไม่ผิดพลาด ๔.มีคติ คือมีความคิดดีมีประโยชน์ ๕.มีความทรงจำเป็นเยี่ยม ก่อนที่ท่านจะดับขันธ์นิพพาน พระญาติของท่านทั้ง ๒ ฝ่ายต่างก็แย่งตัวท่านไปยังเมืองของตน ท่านจึงเหาะขึ้นไปเหนือแม่น้ำซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตแดนของทั้ง ๒ เมือง เนรมิตไฟเผาร่างกาย เหลือแต่พระธาตุซึ่งแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนให้เมืองทั้ง ๒ ท่านจึงเข้าสู่พระนิพพาน
    [​IMG]
    พระอุปคุต
    สัณฐานหัวคอดท้ายคอด
    พรรณสีดอกพิกุลแห้ง , สีเปลือกหอมใหญ่​

    พระอุปคุต ท่านเกิดหลังพุทธกาลประมาณ สองร้อยกว่าปี อยู่ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อ
    พระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงค้นพบพระบรมสารีริกธาตุ พระองค์จึงทรงสร้างเจดีย์ ๘๔,000 องค์บรรจุ
    พระบรมสารีริกธาตุประดิษฐานในที่ต่างๆ และ ให้มีการฉลองสมโภชเป็นเวลา ๗ ปี แต่พญามารได้บันดาลให้เกิดความอดอยากยากแค้น งานฉลองจะได้ไม่สำเร็จ พระอุปคุตจึงได้ปราบพญามารด้วยการเนรมิตซากหมาเน่าแขวนไว้ที่คอพญามาร ซึ่งแก้เท่าไรก็ไม่ออก พญามารจึงยอมแพ้ แต่ไม่ได้มาจากใจจริง พระอุปคุตจีงเอาซากหมาเน่าออกมาให้ แต่ได้จับพญามารขังไว้ในภูเขา พญามารจึงเริ่มสำนึกผิดว่าตนเองได้ล่วงเกินพระพุทธเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
    แต่พระองค์มิได้ทรงตอบโต้ และ ยังได้ทูลเชิญให้พระองค์ปรินิพพานด้วยคิดว่าตนเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่ความจริงแล้วพระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณมากมิได้กระทำโทษแก่ตน ซึ่งถ้าจะกระทำก็ทำได้โดยง่าย แม้แต่พระภิกษุรูปนี้ยังกระทำโทษตนได้โดยตนไม่มีทางต่อสู้ได้เลย พญามารเกิดสำนึกในพระคุณของพระพุทธเจ้าจึงปรารถนาจะบำเพ็ญบารมีเพื่อให้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาลบ้าง พระอุปคุตหยั่งรู้ความคิดของพญามารได้ด้วยญาณจึงไปปลดปล่อยพญามารและสั่งสอนการบำเพ็ญบารมีเพื่อพุทธภูมิให้ พระอุปคุตมักจะนั่งสมาธิอยู่ใต้บาดาล จึงมักทำเป็นรูปพระมีใบบัวปิดหัวเป็นเครื่องหมาย มักบูชาโดยใส่พานแช่น้ำไว้ เรียกว่า พระบัวเข็ม
    [​IMG]
    พระอุทยีเถระ
    สัณฐานยาวแลดังกริช
    พรรณดังสีดอกบัวโรย สีดอกบานไม่รู้โรย สีดังดอกหงอนไก่ สีดังดอกคำ​

    พระอุทยีเถระเกิดในตระกูลพราหมณ์ที่กรุงกบิลพัสดุ์ ได้เห็นพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้าที่ทรงแสดงท่ามกลางพระประยูรญาติ จึงเกิดความศรัทธา ออกบรรพชาไม่ช้าก็สำเร็จพระอรหันต์ ต่อมาท่านได้เห็นมหาชนสรรเสริญช้างเผือกของพระมหากษัตริย์ จึงคิดว่าคนเหล่านี้พากันสรรเสริญสัตว์เดรัจฉาน แต่ไม่สรรเสริญพระพุทธเจ้า ท่านจึงได้แสดงธรรมกล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้าให้มหาชนฟังนับเป็นคาถาได้ ๑๖ คาถา เช่น อุปมาว่า ความสงบเสงี่ยมได้แก่ศีล ความไม่เบียดเบียนได้แก่กรุณา เป็นช้างเท้าหน้า หมายถึงศีลและกรุณาทั้งสองนี้ เป็นหัวหน้าคุณธรรมทั้งปวง มีสิต สัมปชัญญะเป็นช้างเท้าหลัง หมายถึงสติสัมปชัญญะย่อมตามหลังคุณธรรมทั้งปวง เป็นต้น
    [​IMG]
    พระอุตตรายีเถรี
    สัญฐานดั่งรูปพระคะวัมปะติ
    พรรณดังเมฆ สีหมอกฟ้า สีแดงเข้ม​

    พระอุตตรายีเถรี เกิดที่กรุงสาวัตถี ได้ไปฟังธรรมที่สำนักของปฏาจาราเถรี เกิดสลดใจในสงสารจึงออกบรรพชา ไม่ช้าก็สำเร็จอรหันต์ พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ด้วยมีวาสนาบารมีแก่กล้าแล้ว และ ได้กล่าวคาถาขึ้น ๗ คาถา ความว่าบุคคลทั้งหลายย่อมตำข้าวเลี้ยงบุตร ภรรยา หาทรัพย์มาเลี้ยงบุตร ภรรยา ท่านทั้งหลายจงกระทำสิ่งที่ไม่ทำให้เดือดร้อนในภายหลัง จงรีบล้างเท้าแล้วนั่งเจริญธรรม จงทำจิตให้มีอารมณ์แน่งแน่ในทางธรรม จงพิจารณาดูสังขารว่าเป็นของแปรปรวน ไม่ยั่งยืนถาวร ไม่ใช่ตัวตนของเรา เราได้ฟังคำสอนของนางปฏาจาราดังนี้แล้วก็รีบล้างเท้าเข้าไปเจริญสมณธรรม ก็ได้สำเร็จอรหันต์ เราได้ทำลายกองมืด เราได้มีความสุขใจอย่างยิ่งแล้ว
    เราห้อมล้อมด้วยคุณธรรมแล้ว เหมือนเทพเจ้าชาวดาวดึงษ์ห้อมล้อมท้าวสักกะเทวราชผู้ชนะสงครามแล้วฉะนั้น
    [​IMG]

    พระกาฬุทายีเถระ
    สัณฐานดั่งลูกหินบด
    พรรณดังเมฆเกล็ดฟ้า ​

    พระกาฬุทายีเถระ เกิดในตระกูลอำมาตย์ที่กรุงกบิลพัสดุ์ ในวันประสูติของพระพุทธเจ้า เรียกว่าเป็นสหชาติ คือ ผู้เกิดร่วมกันกับพระพุทธเจ้า มีอยู่ ๗ ประการ ได้แก่ ไม้ศรีมหาโพธิ์๑ พระนางพิมพา๑ ขุมทรัพย์ทั้งสี่ขุม๑ แม่น้ำอโนมานที๑ ม้ากัณฐกอัศวราชา๑ นายฉันนะอำมาตย์๑ กาฬุทายีอำมาตย์๑ เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว
    ประทับอยู่ที่วัดเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ พระเจ้าสุทโธทนะโปรดให้กาฬุทายีอำมาตย์กับราชบุรุษ ไปทูลอาราธนาเสด็จสู่กรุงกบิลพัสดุ์ และ เมื่อกาฬุทายีอำมาตย์ได้ฟังธรรมแล้ว ก็สำเร็จอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาญาณ บวชเป็นเอหิภิกขุ แล้วพระพุทธเจ้าพร้อมภิกษุ ๒ หมื่นรูป เสด็จไปตามทางที่จะไปกรุงกบิลพัสดุ์ ส่วนพระกาฬุทายี
    ได้เหาะไปแจ้งข่าวแก่พระราชา แล้วยืนอยู่บนอากาสให้พระเจ้าสุทโธทนะเห็น พระองค์จึงทรงถามว่า ท่านเป็นใคร จึงถวายพระพรตอบว่า อาตมาเป็นบุตรของพระพุทธเจ้า พระองค์เป็นบิดาแห่งบิดาอาตมภาพ พระองค์เป็นตาของอาตมภาพ พระเจ้าสุทโธทนะจึงอาราธนาให้นั่งที่บัลลังก์ จัดโภชนาหารใส่บาตรถวาย แล้วจะลากลับ
    พระเจ้าสุทโธทนะจึงตรัสถามว่า พระผู้เป็นเจ้าจะไปฉันที่ใด ท่านตอบว่า จะไปฉันในสำนักพระศาสดา พระองค์จึงให้ท่านฉันที่นั่น แล้วให้นำอาหารอื่นไปถวายพระพุทธเจ้า ท่านฉันแล้วก็แสดงธรรมแก่ชุมชน แล้วนำอาหารเหาะไปถวายพระพุทธเจ้าทุกวัน ตลอดระยะเวลาการเดินทาง ๖๐ วัน พระกาฬุทายีเถระได้ทำให้ราชตระกูลเลื่อมใสในพระรัตนตรัยทั้งสิ้นด้วยอาการอย่างนี้ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่ง
    อันเลิศฝ่ายทำให้ตระกูลเลื่อมใสด้วยประการฉะนี้
    [​IMG]
    พระปุณณะเถระ
    สัณฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส
    พรรณสีขาว สีดอกพิกุลแห้ง​

    พระปุณณะเถระได้ทำอธิการกุศลมาในพระพุทธเจ้าแต่ปางก่อน สมัยเป็นดาบสอยู่ในป่าหิมพานต์ มี
    พระปัจเจกพุทธเจ้าปรินิพพานอยู่ในเงื้อมเขา ท่านเห็นแสงสว่างใหญ่จึงไปเสาะหาดู พบพระปัจเจกพุทธเจ้า
    ปรินิพพานจึงหาฟืนมาเผาแล้วรดด้วยน้ำหอม เทวบุตรเห็นเหตุการณ์จึงยืนในอากาศแล้วบอกว่า ดีแล้วๆ
    สัตตบุรุษ ท่านจะได้ชื่อว่า ปุณณะ ซึ่งแปลว่า ผู้มีบุญมาก ครั้นมาถึงสมัยสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้เกิดมา
    ในตระกูลคฤหบดี ที่ท่าเรือสุปารกะ ใน สุนาปรันตชนบท (ประเทศไทยในปัจจุบัน) ได้ไปค้าขายยังอินเดีย และ ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าที่กรุงสาวัตถี จึงเกิดความศรัทธาและออกบวช เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ๑๙ พรรษา
    ท่านเจริญสมณธรรมได้ 3 ปี ก็ใคร่จะกลับมายังเมืองไทย บ้านเกิดของท่าน จึงขอเข้าเฝ้าและขอพระโอวาทย่อๆ
    จึงเกิดพระปุณโณวาทสูตรในพระไตรปิฎก บันลือ ๗ ครั้ง แล้วกลับเมืองไทย ไปเจริญสมณธรรม ที่บ้านมกุล หรือ แม่กุน ( ตามกระเบื้องจารไว้ว่าเป็นลูกชายคนโตของ พ่อกล่อมและแม่กุน หรือ ขุนกล่อม ขุนหญิงกุน มีน้องชายชื่อจุน หรือ จุลปุณณ และมีน้องชาย น้องสาวอีก) พระปุณณะเถระได้สำเร็จพระอรหันต์ในพรรษานั้น
    เมื่อพ่อค้าญาติของท่านเดินทางไปประสบภัยในทะเล ท่านก็เหาะไปช่วยให้ปลอดภัยกลับมา ได้ขนไม้จันทน์หอมมาขายได้กำไรมาก ท่านจึงชวนญาติให้สร้างโรงกลมใหญ่ ๕๐๐ ห้อง เสร็จได้ด้วยฤทธิ์ แล้วทูลเชิญพระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวก ๔๙๙ องค์ เสด็จผ่านมาโดยเรือนยอดตลอดทางประมาณ ๓๐๐ โยชน์ ทางละโว้โบราณ และได้โปรดสัจจพันธ์ดาบส (ชีพัน) บรรลุอรหันต์แล้ว ครบอรหันต์ ๕๐๐ องค์ ก็ถึงเมืองไทย ในปีพุทธพรรษา ๒๒ ทรงประทับที่ป่าชายบ้านแม่กุน ๒ คืน ต่อมาสมัยพระโสณะอุตตระ (พ.ศ. ๒๒๓ – ๒๓๕) ได้ให้มาสร้าง
    วัดตรงที่ประทับ จึงรู้ว่าเป็นวัดพริบพลีนี้ พระปุณณะเถระได้พาเสด็จมาทางเมืองทอง และ ทรงรับสั่งว่าจะเป็นสุวรรณภูมิ (ประเทศไทย) ไปถึงหน้าเขางู ตรัสว่าจะเป็นเมืองราชพลี ต่อจากสุวรรณภูมิ แล้วได้เข้าประทับ ณ ถ้ำฤษี ตรัสว่าจะมีคนนับถือมาก เสด็จผ่านเมืองทองได้พบกับพระเจ้าทับไทยทอง และ ตรัสชวนไปมคธ
    แล้วพระปุณณะเถระได้พาเสด็จไป ณ นิมมทานที (ไทยว่านัมมทา) ทรงโปรดนาคราช ซึ่งทูลขอสิ่งที่บำเรอ
    จึงประทับรอยพระพุทธบาท ณ นิมมทานที เมื่อเสด็จไปสัจจพันธคีรี พระสัจจพันธ์ได้ทูลขอบ้าง จึงได้ประทับรอยพระพุทธบาทและทรงอธิษฐานให้ขยายใหญ่ขึ้น ๓ เท่า ประดิษฐาน ณ พระพุทธบาทสระบุรีจนถึงทุกวันนี้ ​

    [​IMG]
    พระอุปนันทะเถระ
    สัณฐานกลมเป็นปริมณฑล
    พรรณสีเขียว
    [​IMG]
    พระสัมปะฑัญญะเถระ
    สัญฐานเท่าหมากสงปอกแล้ว
    พรรณสีแดง สีขาว
    [​IMG]
    พระจุลลินะเถระ
    สัณฐานต่างๆหากำหนดมิได้
    พรรณดังสีดอกจำปา สีกล้วยครั่ง
    [​IMG]
    พระจุลนาคะเถรเจ้า
    สัณฐานดังดอกดีปลี เป็นปุ่มยาวทบไปทบมาทั่วองค์
    พรรณขาวดังสีสังข์
    [​IMG]
    พระมหากปินะเถรเจ้า
    สัณฐานดังผลชะเอม
    พรรณขาวข้างหนึ่ง แดงข้างหนึ่ง เขียวข้าง แดงข้างหนึ่ง เหลืองข้างเขียวข้างก็มี ​

    พระมหากปินะเถรเจ้า เกิดเป็นพระราชา ทรงพระนามว่า พระเจ้ามหากบิน พระองค์ทรงคอยสดับข่าวการอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า จนทรงทราบจากพวกพ่อค้า ก็เกิดความปิติอย่างยิ่ง ทรงพระราชทานทรัพย์ ๓ แสน แล้วตามเสด็จไปบรรพชาพร้อมด้วยอำมาตย์พันหนึ่ง ครั้นมาถึงแม่น้ำ พระองค์ทรงทำสัตยาธิษฐานว่า ถ้าพระศาสดาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริง ขอให้ม้าวิ่งไปบนหลังน้ำได้ และ ม้าก็ข้ามน้ำได้สำเร็จ พระพุทธเจ้าทรงรู้ได้ด้วยญาณจึงเหาะไปประทับที่โคนต้นนิโครธใหญ่ ใกล้แม่น้ำจันทภาคา ทรงเปล่งรัศมี ๖ ประการ เมื่อพระเจ้ามหากบิน และ อำมาตย์เห็นก็เข้าไปถวายบังคม ขอฟังธรรม เมื่อจบพระธรรมเทศนา ก็ได้สำเร็จพระอรหันต์ทั้งหมด แล้วบรรพชาเป็นเอหิภิกขุ พระนางอโนชาราชเทวี ทรงทราบข่าวจากพ่อค้าว่าพระราชาเสด็จออกบวช และ ข่าวการอุบัติขึ้นของพระรัตนตรัย ก็เกิดความปิติเช่นกัน และพระราชทานทรัพย์อีก ๙ แสน เป็น ๑๒ แสน พระนางพร้อมด้วยเหล่าภรรยาอำมาตย์ ตามเสด็จพระราชา ได้ข้ามแม่น้ำดุจเดียวกันเป็นปาฎิหารย์ เมื่อไปถึงที่เฝ้าแล้ว พระพุทธเจ้าทรงบันดาลให้ไม่เห็นพวกภิกษุผู้เป็นสามี ต่อเมื่อได้ฟังธรรมจนสำเร็จโสดาบันแล้ว จึงโปรดให้เห็น แล้วหญิงพันคนซึ่งมีพระนางอโนชาราชเทวีเป็นประธาน ได้บรรพชาในสำนักนางภิกษุณี แล้วสำเร็จพระอรหันต์ทั้งสิ้น
    [​IMG]
    พระยังคิกะเถระ
    สัณฐาณสี่เหลี่ยมแบนเป็นหน้ากระดาน มีรูกลาง
    พรรณดังสีทองแดง​

    [​IMG]
    พระสุมนะเถระ
    สัณฐานดังหอยโข่ง
    พรรณแดงดังสีชาด ดังสีเสน กำมะถัน​

    พระสุมนะเถระได้เคยบูชาพระพุทธเจ้าสิขีด้วยดอกมะลิมาในอดีตชาติ มาถึงพุทธกาลนี้ได้เกิดมาในเรือนอุบาสกคนหนึ่งซึ่งเป็นอุปัฏฐากของพระอนุรุทธะ ซึ่งลูกเกิดมาทีไรก็ตายหมด จึงคิดว่าถ้าได้ลูกอีกทีจะบวชอยู่กับพระอนุรุทธะ จึงได้ลูกมาจนลูกอายุครบ ๗ ขวบ ไม่เคยมีดรคภัยไข้เจ็บ จึงนำไปบรรพชา ได้เจริญวิปัสสนา ไม่ช้าก็ได้อภิญญา ๖ ประการ แล้วได้เหาะไปตักน้ำที่สระอโนดาตในป่าหิมพานต์ เพื่อมาถวาย
    พระอนุรุทธเถรเจ้า พญานาคได้จำแลงกายให้ยาวใหญ่ ขดตัวรอบสระน้ำถึง ๗ รอบ แผ่พังพานใหญ่ขึ้นไว้เบื้องบน สุมนะสามเณรจึงแปลงเป็นครุฑบินลงมาเพื่อโฉบพญานาค นาคจึงยอมแพ้ และ ได้ตักน้ำไปถวายพระเถรเจ้า วันหนึ่งภิกษุที่เป็นปุถุชนเห็นท่านเป็นเด็กน่ารัก จึงหยอกล้อดึงหู จับหัวเล่น พระพุทธเจ้าทรงดำริว่าพวกนี้ไม่รู้ทำบาปโดยไม่รู้ตัว จึงทรงออกอุบายจะทรงล้างเท้าด้วยน้ำในสระอโนดาต ให้สามเณรต่างๆไปนำน้ำมา ไม่มีใครรับ สุมนะสามเณรจึงรับอาสา แล้วเอามือจับหม้อใบใหญ่กว่าตัวคน ซึ่งจุน้ำได้ ๖๐ หม้อเล็ก
    เหาะไปตักน้ำ เมื่อถวายบังคมกับพระพุทธเจ้าแล้ว พระองค์ก็ทรงประกาศเกียรติคุณและประทานอุปสมบทแบบทายัชชอุปสมบท คือ การอุปสมบทโดยเป็นทายาท (โดยธรรม) เหมือนโสปากะสามเณร ว่าตั้งแต่วันนี้
    เป็นต้นไปเธอจงเป็นภิกษุ​

    [​IMG]

    พระกังขาเรวตะ
    สัณฐานกลมงอกะปุ่มกะปั่มดังภูเขา
    พรรณเขียวดังสีลูกปัด สีปีกแมลงทับ สีลูกจันทร์อ่อน​

    พระกังขาเรวตะ เกิดในตระกูลผู้มั่งมีทรัพย์สมบัติ ในกรุงสาวัตถี ได้ไปฟังธรรมกับมหาชน เกิดความเลื่อมใสจึงออกบวช เล่าเรียนกรรมฐาน กระทำกสิณบริกรรมจนได้ฌานแล้ว ทำฌานให้เป็นที่ตั้งแล้วได้สำเร็จอรหัตผล เป็นผู้ที่ชำนาญในการเข้าฌานทั้งกลางวันกลางคืน พระพุทธเจ้าทรงแต่งตั้งไว้ในตำแหน่งอันเป็นเลิศฝ่ายภิกษุผู้เพ่งฌาน
    [​IMG]
    พระโมฬีวาทะ
    สัณฐานดังฟองมัน
    พรรณสีเมฆหมอก สีดำเทา
    [​IMG]
    พระอุตตระเถระ
    สัณฐานดังเมล็ดแตงโม
    พรรณแดงดังเปลือกกรู ดังผลหว้า ​

    พระอุตตระเถระเป็นพระธรรมทูตที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ เมื่อ พ.ศ. 235 คณะของท่านมี ๕ รูป คือ โสณะ อุตตระ ฌานียะ ภูริยะ และ มูนียะ ท่านได้มาเมืองไทยไทยพักที่ช้างค่อม นครศรีธรรมราช เทศน์พรหมชาลสูตร และ ได้วางพิธีอุปสมบท ญัตติจตุตถกรรมวาจา โดยใช้
    อุทุกเขปสีมา หรือ สีมาน้ำ และ ได้วางเพศชีไทย โดยถือแบบพระสากิยานี ซึ่งเป็นต้นของพระภิกษุณี ได้วางพิธีสวดปาฏิโมกข์ อุโบสถกรรม ปวารณากรรม เมื่อพระเจ้าโลกละว้า ให้มนขอมพิสสณุ ขอมเฉย ขอมสอน ขอมเมือง สร้างวัดมหาธาตุ ท่านได้วางวิธีกำหนดนิมิตผูกขันธิ์สีมา พ.ศ. ๒๓๘ เดือน ๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ท่านให้ขอมปั้นพระพุทธรูปด้วยปูนขาวเป็นประธานในโรงพิธี ได้วางวิธีกราบ สวดมนต์ไหว้พระ ได้วางพิธีกฐิน และ ธุดงค์ แบบสร้างพระพุทธรูปต่างๆมีในสมัยนั้น มีการสร้างล้อเกวียนประดิษฐ์เป็นธรรมจักรแทน
    พระธรรม กับ มิมิค หรือ สัตว์เนื้อเป็นกวางบ้าง ฟานบ้างเป็นเครื่องหมายสมัยสุวรรณภูมิ​

    [​IMG]
    พระคิรินันทะ
    สัณฐานดังดอกพิกุล
    พรรณเหลืองแก่ดังสีขมิ้น สีดอกการะเกด​

    พระคิรินันทะเถระเป็นบุตรปุโรหิตในพระเจ้าพิมพิสาร ณ กรุงราชคฤห์ ซึ่งมีชื่อว่า คิริมานนท์ ได้เห็นพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้าแล้วเกิดเลื่อมใสจึงออกบวชอยู่วัดนอกเมือง เมื่อกลับสู่กรุงราชคฤห์
    พระเจ้าพิมพิสารได้นิมนต์ให้จำพรรษา ว่าจักบำรุงด้วยปัจจัย ๔ แต่พระองค์ลืมสร้างกุฏิถวาย เหล่าเทวดาเห็นว่าท่านอยู่ในที่แจ้ง จึงบันดาลไม่ให้ฝนตก เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงทราบจึงสร้างกุฎิถวาย เมื่ออยู่ในกุฏิเป็นที่สบายแล้ว ก็มีใจตั้งมั่น เจริญวิปัสสนาจนสำเร็จพระอรหันต์ จึงกล่าวคาถาว่า เสียงฟ้าร้อง ฝนตกย่อมไพเราะเหมือนเสียงขับร้อง กุฎิของเรามุงดีแล้วเป็นที่สบายแล้ว มีประตูหน้าต่างปิด-เปิดดีแล้ว เราเป็นผู้มีจิตระงับ เป็นผู้ปราศจากราคะ โทสะ โทหะอยู่ในกุฏิแล้ว ถ้าฝนจะตกก็จงตกเถิด ดังนี้ ฝนก็ตกลงมาดังกล่าวทำให้ประชาชนได้ทำนาปลูกข้าวกล้ากันต่อไป​

    [​IMG]
    พระสปากะเถรเจ้า
    สัณฐานดังผลมะม่วง กลางทะลุเป็นรูตลอด
    พรรณแดงเหลืองขาว​

    พระสปากะเถรเจ้า เกิดมนตระกูลนางสาปากะ ซึ่งเป็นหญิงขัดสนคนหนึ่งในกรุงสาวัตถี ด้วยบาปกรรมที่ทำไว้แต่ปางก่อน ทำให้เวลาอยู่ในครรภ์มารดานานถึง ๑๐ เดือนแล้ว ก็มิอาจคลอดได้ นางได้สลบแน่นิ่งไปเหมือนคนตาย ญาติเข้าใจว่าตายจึงเอาไปเผาในป่าช้า ทารกคลอดออกมาได้ด้วยอานุภาพเทวดา เพราะเหตุว่าจะได้สำเร็จอรหันต์ในชาตินี้ ส่วนมารดาตายจากไป คนรักษาป่าช้าจึงนำไปเลี้ยงเป็นบุตร วันหนึ่งพระพุทธเจ้า ได้เล็งเห็นสปากะกุมาร ซึ่งอายุได้ ๗ ขวบแล้ว จึงได้เสด็จมาที่ป่าช้า สปากะกุมารได้ฟังธรรมแล้วเกิดความเลื่อมใส ขอบรรพชา พระองค์ทรงสอนกรรมฐานให้ปฏิบัติอยู่ในป่าช้าไม่นานก็สำเร็จอรหันต์
    วิปัสสนาที่ท่านเจริญนั้น คือ อนิจจสัญญา เพราะเคยได้อบรมมาแต่สมัยพระสิทธัตถพุทธเจ้าในกัลป์ที่ ๙๔มาแล้ว ​

    [​IMG]
    พระวิมะละเถระ
    สัณฐานกลมยาวมีรูทะลุหัวท้าย
    พรรณสีเขียว สีขาว
    [​IMG]
    พระเวณุหาสะ
    สัณฐานดังตาอ้อย
    พรรณแดงดังสีฝาง สีมะเดื่อสุก
    [​IMG]
    พระอุคคาเรวะ
    สัณฐานดังผลกระจับ
    พรรณแดงดังเมล็ดในทับทิมสุก
    [​IMG]
    พระอุบลวรรณาเถรี
    สัณฐานงอนดังกระดูสันหลังงู มีรูทะลุกลาง
    พรรณเหลืองดังเกสรบัว​

    พระอุบลวรรณาเถรีเกิดในตระกูลเศรษฐี ณ กรุงสาวัตถี มีชื่อว่า อุบลวัณณา เพราะมีผิวดังดอกบัวเขียว เมื่อเติบใหญ่ขึ้นพระราชาในชมพูทวีปทั้งสิ้น ส่งพระราชสาส์นไปถึงเศรษฐีว่าจงให้ธิดาแก่เรา เศรษฐีจึงเรียกธิดามาถามว่า เจ้าจะออกบรรพชาได้หรือ แต่เพราะเหตุที่ธิดานั้นเป็นผู้เกิดในชาติสุดท้ายแล้ว จึงบอกว่าจะบรรพชา เมื่อบรรพชาแล้ว ถึงวาระการจัดอุโบสถ นางจุดประทีปกวาดโรงอุโบสถแล้ว ก็ถือนิมิตในแสงประทีป เพ่งดูอยู่ตลอด ทำให้เกิดฌานด้วยเตโชกสิณ ทำฌานนั้นให้เป็นที่ตั้ง ก็ได้สำเร็จพระอรหัตผล ท่านเป็นพระภิกษุณีที่เป็นอัครสาวิกาเบื้องซ้าย เลิศด้วยมีฤทธิ์มาก และ มีความงามมากด้วย แต่ด้วยกรรมเก่าของท่าน ทำให้ท่านถูกข่มขืนโดยหลานชาย ซึ่งก็ตายไปตกนรกเพราะประทุษร้ายพระอรหันต์เป็นบาปมาก ​

    [​IMG]
    พระโลหะนามะ
    สัณฐานดังผลฝ้าย พรรณเขียว เหลือง แดง เหมือนฟ้า ทับทิม
    เหมือนดอกลั่นทมอย่างหนึ่ง เหมือนปูนแดงอย่างหนึ่ง​

    [​IMG]
    พระคันธะทายีเถระ
    สัณฐานดังวงพระจันทร์ข้างแรม
    [​IMG]
    พระโคธิกะเถรเจ้า
    สัณฐานดังลูกข่าง
    พระโคธิกะเถรเจ้า เกิดเป็นโอรสของพระราชาในเมืองปาวา พระราชา ๔ พระองค์มีโอรส ๔ พระองค์ เป็นสหายกัน ชื่อ โคธิกะ สุพาหุ วัลลิยะ และ อุติยะ คราวหนึ่งกุมารทั้ง ๔ ไปกรุงกบิลพัสดุ์ ได้เห็นพระพุทธเจ้าทรงแสดงปาฎิหาริย์ ก็เกิดความเลื่อมใส จึงออกบรรพชา ไม่ช้าก็สำเร็จอรหันต์ พระเจ้าพิมพิสารขอนิมนต์ให้จำพรรษาและโปรดให้ทำกุฏิถวายองค์และหลัง แต่ลืมมุงหลังคา พระเถระทั้ง ๔ ก็อยู่ในกุฏิที่ไม่ได้มุงหลังคา ฝนก็ไม่ตกลงมา ชาวบ้านจึงเดือดร้อน เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงทราบจึงรีบมุงหลังคาถวาย ฝนจึงตกลงมา​

    [​IMG]
    พระบิณฑะปาติยะ
    สัณฐานดังกลีบกนก
    [​IMG]
    พระกุมารกัสสปะ
    สัณฐานดังคอนนกเขา​

    พระกุมารกัสสปะทรงเป็นเลิศทางแสดงธรรมได้วิจิตรงดงาม มารดาท่านเป็นลูกเศรษฐีแต่ไม่อยากแต่งงาน อยากออกบวชแต่พ่อแม่ไม่ยอม เมื่อแต่งงานแล้ว ก็ขอสามีออกบวชโดยนางไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์นางได้บวชกับภิกษุณีที่เป็นพวกของพระเทวทัต ภายหลังครรภ์นางโตขึ้น พระเทวทัตจึงบอกว่านางเป็นปาราชิกแต่นางไม่ยอมสึก และ ไปเฝ้าพระศาสดา พระองค์ทรงรู้ว่านางไม่ผิดจึงให้นางวิสาขามาตรวจครรภ์และให้พระเจ้าปเสนทิโกศลเป็นพยาน นางวิสาขาคำนวณดูก็รู้ว่านางตั้งครรภ์ก่อนบวช เมื่อคลอดแล้วพระเจ้าปเสนทิโกศลจึงรับบุตรนางไปเลี้ยง ตั้งชื่อว่ากุมารกัสสปะ ซึ่งต่อมาถูกเพื่อนล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อแม่เกิดความสังเวชจึงออกบวชได้สำเร็จอรหันต์ แม่ของท่านร้องไห้คิดถึงท่านทุกวัน วันหนึ่งขณะบิณฑบาตแลเห็นพระกุมารกัสสปะ จึงวิ่งมาหาด้วยความดีใจจะกอดลูก แต่หกล้มลงเสียก่อน พระกุมาระกัสสปะ จึงแกล้งพูดว่า ท่านบวชแล้วทำอะไร ความรักยังตัดไม่ได้ แม่ของท่านเกิดความสลดใจ ตัดเยื่อใยความรักได้แล้วจึงบรรลุอรหัตผลในวันนั้นเอง
    [​IMG]
    พระภัทธคูเถระ
    สัณฐานดังตัว อุ (๒/๑)
    [​IMG]
    พระอนาคาระกัสสะปะ
    สัณฐานดังหอยสังข์
    [​IMG]

    พระคะวัมปะติเถระ
    สัณฐานดังใบบัวอ่อน​

    พระคะวัมปะติเถระ ได้ทำอธิการกุศลในพระพุทธเจ้ามาหลายพระองค์ ได้บูชาพระสิขีพระพุทธเจ้าด้วยดอกไม้ ได้ทำเศวตฉัตร และ แท่นที่บูชาไว้ที่เจดีย์ในศาสนาพระโกนาคมน์ ได้ทำมณฑปถวายพระขีณาสพสมัยพระกัสสปะพุทธเจ้า มาถึงชาตินี้ท่านได้เกิดในแขวงกรุงพาราณสี นามว่าควัมบดี เป็นสหายของยสกุมารซึ่งได้ออกบวชจึงได้ออกบวชตาม แล้วบรรลุอรหันต์ คราวหนึ่งภิกษุถูกน้ำท่วมยามดึก พระพุทธเจ้าทรงให้ท่านไปห้ามกระแสน้ำด้วยฤทธิ์ น้ำนั้นก็หยุดอยู่แต่ไกล ด้วยเหตุนี้เขาจึงนิยมทำพระคะวัมปะติเถระเป็นพระเครื่อง เพราะถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมตตามหานิยมเป็นพระปิดตา และ ยังมีความหมายว่าให้สำรวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ให้ซ่านไปตามอารมณ์ภายนอก​

    [​IMG]
    พระมาลียะเทวะ
    สัณฐานดังขันครอบ
    พรรณดังสีขมิ้น
    [​IMG]
    พระกิมิละเถระ
    สัณฐานดังบัณเฑาะว์
    [​IMG]
    พระวังคิสะเถระ
    สัณฐานดังเมล็ดน้อยหน่าตัด​

    ก่อนบวชมีคนเลื่อมใสท่านมาก เพราะท่านมีวิชาเคาหัวกะโหลกคนตายแล้วรู้ว่าไปเกิดเป็นอะไร แสดงว่าท่านสำเร็จฌานมาแล้ว เมื่อได้มาเฝ้าพระศาสดา พระองค์ทรงเอาหัวกะโหลกพระอรหันต์มาให้เคาะดู ท่านตอบไม่ได้ จึงถามพระองค์ว่ารู้ไหม เมื่อพระองค์บอกว่ารู้ เขาจึงขอเรียนวิชา พระพุทธเจ้าทรงบอกว่าจะสอนให้ถ้าออกบวช ท่านจึงยอมบวช เพราะคิดว่าเมื่อสำเร็จแล้วจะสึก พระพุทธเจ้าทรงให้ท่านท่องบริกรรมกายคตาสติ คือ พิจารณาร่างกายแยกเป็นส่วนๆ ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อกระดูก ฯลฯพระวังคิสะเถระ พิจารณาไปก็สำเร็จพระอรหันต์ ท่านได้กล่าวสรรเสริญ พระพุทธเจ้า และ พระสาวกต่างๆ อีกหลายท่านตลอดจนแสดงปฏิภาณโวหารเป็นอันมาก เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสถามว่า คาถาเหล่านี้วังคิสะ คิดไว้ก่อนหรือคิดเดี๋ยวนี้เอง ท่านตอบว่า ข้าพระองค์ได้คิดเดี๋ยวนี้เอง พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงยกย่องว่าเป็นผู้เลิศฝ่ายปฏิภาณ สามารถพูดเป็นกาพย์ กลอนสด ได้ กวี นักพูด และนักประพันธ์ ควรบูชาท่าน​

    [​IMG]
    พระโชติยะเถรเจ้า
    สัณฐานดังผลลูกจันทน์
    [​IMG]
    พระไวยยากัปปะเถรเจ้า
    สัณฐานดังทองคำนั่งเบ้า
    [​IMG]
    พระกุณฑะละติสสะเถรเจ้า
    สัณฐานดังจาวเมล็ดลูกจันทน์​
    from :พระอรหันตธาต
     
  15. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    หัวข้อกระทู้ผมตั้งขึ้นเพื่อสอนกรรมฐาน อย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องขอให้ไปโพสที่อื่นนะครับ หวังว่าจะเข้าใจ

    ไม่อยากให้ดูเลอะเทอะ
     
  16. Lazaza

    Lazaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +5,549
    วันนี้ขอส่งการบ้านบ้างนะคะ
    รู้สึกว่า 2 วันนี้ เริ่มจะกลับมานั่งได้บ้างแล้ว

    ฝึกบทที่สามน่ะค่ะ แต่นั่งเงียบอย่างเดียว
    ไม่ได้ภาวนาอะไรค่ะ เพราะ ภาวนาแล้วงง
    เปลี่ยนองค์ไม่ถูก

    บางครั้งเวลานอน แล้วเรานิ่งๆ แล้วมันรู้สึก
    เหมือนตัวมันกระเพื่อมๆ เหมือนนอนบนน้ำ
    หรือเหมือนแผ่นดินมันสั่นไม่รู้
    หรือคิดไปเองอะค่ะ
     
  17. visnu

    visnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +23,778
    อดทนนะครับ อย่าวอกแวก
     
  18. วรรณนันท์

    วรรณนันท์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    304
    ค่าพลัง:
    +2,602
    ยินดีในบุญกับคุณธรรมรักษาด้วยกันนะคะ

    1.ทำบุญสร้างเสาวัดหัวตะพานเป็นจำนวนเงิน 2500 บาท

    2.สร้างพระประธาน มี 2 องค์ องค์นึงเป็นของที่บูทชมรมคนตาทิพย์ 2500 บาท อีกองค์เป็น คนมาขอให้เป็นเจ้าภาพ 2500 บาท

    3.ซื้อที่ถวายวัดที่กาจนบุรี 2500 บาท

    รวมยอดเงิน 10,000 บาท

    สาธุค่ะ
     
  19. หนูซ่า

    หนูซ่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    436
    ค่าพลัง:
    +1,213
    ส่งการบ้านค่ะ
    บทที่ 3

    เช้านี้ สมาธินิ่งพอสมควร นั่งไปสักครู่จิตเริ่มดิ่ง
    นั่งดูไปเรื่อยๆ เสียงนาฬิกาปลุกดัง ก็เลยสะดุ้งสุดตัว
    วันนี้ นั่งได้ 1 ชั่วโมงค่ะ

    สักครู่ จะไปทำการบ้านของวันพรุ่งนี้
    เพราะพรุ่งนี้เช้าจะไม่ได้ทำการบ้าน
    เนื่องจากต้องทำอาหารไปถวายพระที่วัดพระอาจารย์เปลี่ยน (วัดอรัญญวิเวก จ.เชียงใหม่)

    ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันนะคะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  20. กะทิจันทร์

    กะทิจันทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +569
    วันนี้โอนเงินขอไปร่วมทำบุญกับอาจารย์ด้วยนะคะ 3000บาท ตามแต่อาจารย์จะช่วยกรุณาจัดสรรทำบุญด้านใดก็แล้วแต่อาจารย์จะเมตตานะคะ อาทิตย์หน้าจะไปเข้าคอร์สวิปัสนากรรมฐาน 10 วัน ปิดวาจาด้วยค่ะ เมื่อปีที่แล้วอาจารย์แนะนำไว้ให้หาโอกาสไปทำ 7-10 วัน กว่าจะจัดการอะไรทุกอย่างให้เป็นไปตามจังหวะ ก็ได้ฤกษ์และโอกาสนี้แหละค่ะ หวังว่าคงไม่มีอะไรมาขวางทางนะคะ หากอาจารย์มีอะไรแนะนำ ขอความกรุณาด้วยนะคะ

    ส่วนด้านการปฎิบัติยังพยายามทำเกือบแทบทุกวันค่ะ บทที่หนึ่งยังพยายามอยู่ค่ะ มีสองอาการที่ยังคงเหมือนเดิมก็เลยไม่ได้ส่งการบ้านคือ ส่วนมากแรกจะเร่ิมต้นได้ดี หมายถึงช่วงปฎิบัตินับลมหายใจ เข้าออก และภาวนาพุทโธต่อ(อารมณ์ของช่วงนี้ รู้สึกดีค่ะสบาย และนิ่งดี) ต่อด้วยภาวนา เกสาโลมา ยังนับได้ครบ แต่มักจะสดุดตอนหลังคือ ภาวนา พุทโธ รอบสุดท้ายมักจะออกจากสมาธิก่อนครบภาวนา แต่ถ้าดูเวลาแล้วก็ประมาณชั่วโมงได้ทุกครั้งค่ะ

    ส่วนอาการที่สองคือพอเริ่มนับลมหายใจเข้าออก จิตเร่ิมนิ่ง แต่จะไม่ยอมภาวนา ก็เลยพิจารณานู่นี่ไปเรื่อย เหมือนกับไม่อยากฝืนจิตตัวเองก็เลยปล่อยไป

    และสาเหตุที่ไม่ได้ส่งการบ้านมาระยะหลังก็พราะผลหรืออาการปฎิบัติเหมือนเดิม เหมือนกับทุกครั้งที่ส่งผ่านไป ก็เลยส่งรวบยอดแบบนี้ก็แล้วกันนะคะ(จะโดนไหมเนี่ยูู**) แต่ถ้าถามถึงความรู้สึกโดยรวมแล้ว รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นและมีความสุขขึ้น ไม่ได้เป็นความสุขแบบจากข้างนอกนะคะ แต่เป็นภายในรู้สึกจริง มันสุขลึกๆค่ะ สุขแปลกๆ(จะเรียกว่าติดสุขหรือเปล่าค่ะ) อีกอย่างอารมณ์คือไม่อยากได้ หรืออยากมีเหมือนแต่ก่อน และรู้สึกพอใจกับปัจจุบันเท่าที่มีค่ะ

    ขออนุญาตอาจารย์นะคะ ขอบอกเล่าสิ่งทีประสบหรือเรียนรู้อยู่ในตัวเองขณะนี้ มิได้มีเจตนาจะอวดรู้หรืออวดเก่ง ลบหลู่หรือต้องการนอกลู่นอกทางอะไรทั้งนั้น แต่เกิดจากจิตพาไป หวังว่าอาจารย์คงเข้าใจนะคะ ไม่มีเจตนาด้านลบในใจใดใดทั้งสิ้นค่ะ) ยังไงก็ขอขมาก่อนนะคะ

    รับทราบค่ะว่าปฎิบัติเพื่อหาทางพ้นทุกข์(แต่มันติดสุขแล้วจะรอดไหมเนี่ย)
    บางทีพยามนึกถึงเรื่อง การเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือบางอย่างที่นึกออกเพื่อพิจารณา เพื่อให้เห็น อีกด้านหนึ่งก็เถียงมาว่าก็มันเป็นธรรมชาติ ก็ต้องยอมรับ ความเป็นไป ตามธรรมชาติ เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มันเป็นอย่างนั้นแล้วจะไปกังวลทำไม ประหนึ่งว่าเมื่อเห็นแล้วว่าทุกข์เป็นยังไง รู้สึกยังไง ก็จะพิจารณาไป แล้วก็ปลงค่ะเพราะไม่รู้จะทำยังไงกับมัน ก็ต้องถอยหรือวางลง จิตมันก็เลยรู้สึกสบาย ไม่แบกทุกข์อีก สุขอีกและ (โดนแน่งานนี้ ++)ถึงแม้จะมีอะไรต่อมิอะไรมากระทบมากมายก็ตาม บางทีเหมือนกับตำหนิตัวเองค่ะ ว่า เราเห็นแก่ตัวหรือเปล่าที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย แต่อีกด้านหนึ่งตอบกลับมาก็ไม่รู้จะทำไงได้มากกว่านี้นี่นา ก็ต้องถอยหรือวางเฉยเสีย จะเรียกว่ามันเหมือนกับปลงอะไรได้เยอะค่ะ

    วันนี้ขอจบเท่านี้ก่อนนะคะ เห็นทุกท่านก้าวหน้าขึ้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ ยังระลึกถึงทุกท่านอยู่ในห้องนี้อยู่เสมอค่ะ และขอให้โชคดี มีชัยค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...