กลุ่มทำงานช่วยเรื่องภัยพิบัติเริ่มก่อตั้งแล้วครับ มารายงานตัวกันหน่อย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 20 ธันวาคม 2006.

  1. pen@_p@ne

    pen@_p@ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +433
    สวัสดีค่ะ พี่ๆเพื่อนๆ ทุกท่าน
    ดิฉันขอสมัครเป็นอาสาสมัครในครั้งนี้ด้วยนะค่ะ ได้อ่านมานานแล้วรู้สึกชื่นชมกับการกระทำที่เป็นประโยชน์แด่เพื่อนมนุษย์ทุกคนค่ะ ขอสมัครเป็นสมาชิกด้วยคนนะค่ะ ดิฉันจบมาทางการโรงแรมทำงานอยู่สาขาโรงแรมเช่นกันไม่รู้จะช่วยอะไรได้มากน้อยแต่จะทำเต็มกำลังและสุกความสามารถค่ะ
    ขอบพระคุณทุกท่านในเวปมากนะคะที่แบ่งปันแต่สิ่งดีๆให้แก่กัน
    pena_pane@hotmail.com
     
  2. pen@_p@ne

    pen@_p@ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +433
    ข้อแนะนำง่ายๆ สำหรับชาวพุทธ เพื่อป้องกันตัวจากโรคระบาด ( และภัยต่างๆ )
    1. หาพระเครื่องหรือวัตถุมงคลของพระครูบาอาจารย์ที่คุณเคารพนับถือ นำมาพกติดตัวไว้ และอาราธนาคุณพระรัตนตรัยของพระเครื่องหรือวัตถุมงคลนั้น เช้าและเย็น ทุกวัน
    2. รักษาศีล 5 ให้ดี ทุกวัน (ควรสวดอาราธนาศีล 5 ด้วยตนเอง ทุกเช้า)
    3. ปล่อยปลา หรือสัตว์ต่างๆ ให้บ่อยๆขึ้น ( แนะนำว่า ควรทำ 1 – 2 ครั้ง ต่อ เดือน )
    หมายเหตุ :
    - อำนาจพุทธานุภาพ "พุทโธ อัปปมาโณ" คุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้
    "ธัมโม อัปปมาโณ" คุณของพระธรรมหาประมาณมิได้
    "สังโฆ อัปปมาโณ" คุณพระสงฆ์หาประมาณมิได้
    - ผลกรรมของการทำร้ายหรือฆ่าสัตว์ คือ ป่วยเป็นโรคต่างๆ อายุสั้น
    - ผลกรรมของการเมตตาช่วยชีวิตสัตว์ คือ ไม่มีโรค สุขภาพดี อายุยืน
    ถ้าเป็นไปได้ ก็ควรจะทำเพิ่มเติมอีก 3 อย่างต่อไปนี้ คือ
    1. หากระปุกออมสินมา 1 ใบ หยอดวันละ 1 บาท อธิษฐานถวายเงินนี้แด่พระรัตนตรัย ทุกวัน พอกระปุกเต็มแล้ว จึงรวบรวมไปถวายวัดทีเดียวเลย
    2. นั่งสมาธิวันละ 15 นาที ทุกวัน
    3. แผ่เมตตาอุทิศบุญให้สรรพสัตว์ และเจ้ากรรมนายเวร(ขอให้อโหสิกรรมให้ตัวเรา) ทุกวัน
    หมายเหตุ :
    - บุญที่เกิดจาก ทาน ศีล สมาธิ แผ่เมตตา เป็นเกราะป้องกันโรคและภัยทั้งปวงที่วิเศษที่สุด
    ที่มา:http://www.konmeungbua.com/tamma_home/tamma_home.html
     
  3. pen@_p@ne

    pen@_p@ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +433
    พระพุทธคาถาแก้รักษาโรคมะเร็ง

    วันพระ 15 ค่ำ ทรงศีล 8 บวงสรวงโดยใช้คำบวงสรวงของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน แต่งชุดขาว อธิษฐานภาวนาด้วยพระคาถารักษาโรค
    พุทธังทลาย ธัมมังหาย สังฆังสูญ พุทโธรักษา ธัมโมรักษา สังโฆหาย
    แล้วสูดลมกลั้นหายใจ 1 อึด และภาวนาตามลมหายใจเข้าออก นึกในใจว่า
    สัมพุทโธมะอะอิ ระโชหะระนัง ระชังหะระติ
    ที่มา : http://www.konmeungbua.com/tamma_home/tamma_home.html
     
  4. pen@_p@ne

    pen@_p@ne เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +433
    วิธีการ ขอขมาพระรัตนตรัย แบบ อามิสบูชา

    การขอขมา พระรัตนตรัย มีสองวิธีการ คือ
    1.การปฏิบัติบูชา ด้วยการเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในทางโลก และ ทางธรรม
    2.ด้วยอามิส บูชา ถึงจะเป็นสิ่งที่ดู ว่าไม่ปราณีตนัก แต่ก็เป็นอานิสงค์ ให้เข้าถึงการปฏิบัติ บูชาในที่สุด
    2.1 . การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ขนาด ตั้งแต่ 30 นิ้ว ขึ้นไป จนถึงขนาด 4 ศอก
    2.2การสร้างหนังสือ พระไตรปิฏก ประเภทต่างๆ รวมถึงหนังสือ มนพิธี ( ถือว่าเป็นพระไตรปิฏกฉบับย่อ )
    2.4 การชำระหนี้สงฆ์ด้วย ผ้าไตรจีวร
    2.5 "..........................." บริจาคเงินซื้อที่ดินถวายวัด
    2.6 ".........................." สังฆทาน ผ้าป่า กฐิน
    ในที่นี้จะกล่าวถึงวิธีการแบบที่ 2 แบบอามิสบูชา

    เครื่องสักการะพื้นฐาน
    1. ธูปเทียนแพ....................1 ชุด
    2. พวงมาลัยมะลิสด..............1. พวง
    3. พานที่จะวางธูปเทียนแพ 1 พาน.
    4.ธูป .............3 , 5 , 9 , 16 ดอก ตามกำลังใจ
    5. เทียนหนัก 1 บาท.............2. เล่ม
    นำเครื่องสักการะนั้นไปต่อหน้า พระปฏิมากร ( ในต่างประเทศให้ อนุโลมใช้ พระเครื่อง หรือ รูปภาพพระพุทธเจ้า ก็ได้เช่นกัน )

    วิธีการ
    วางเครื่องสักการะนั้นๆไว้ในที่สมควร หน้าพระพุทธรูป จุดเทียนก่อน แล้วจึงจุดธูปที่เตรียมไว้
    คำขอขมาพระรัตนตรัย
    นะโม....3 จบ
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
    ข้าพเจ้า ชื่อ.........สกุล....... หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ทั้งหลาย (..............ถ้าหากรู้นามท่านให้กล่าวด้วย ) ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกาย หรือวาจาก็ดีหรือ ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดีหรือไม่เจนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษ ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราท้าวเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ "
    กรรมปรามาสทั้งหลายจะสลายตัวลง การที่จะกระทำบารมีใหม่ จะง่ายขึ้นไม่ติดขัดทั้งทางโลกทางธรรม ขอให้ทุกท่าน คิดสิ่งใดสมความปราทณาโดยทุกประการ โดยทั่วหน้ากัน..เถิด
    โดย คนเมืองบัว [20 พ.ค. 2546 , 13:37:37 น.]
    ที่มา : วิธีการ ขอขมาพระรัตนตรัย แบบ อามิสบูชา
    การขอขมา พระรัตนตรัย มีสองวิธีการ คือ
    1.การปฏิบัติบูชา ด้วยการเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในทางโลก และ ทางธรรม
    2.ด้วยอามิส บูชา ถึงจะเป็นสิ่งที่ดู ว่าไม่ปราณีตนัก แต่ก็เป็นอานิสงค์ ให้เข้าถึงการปฏิบัติ บูชาในที่สุด
    2.1 . การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ขนาด ตั้งแต่ 30 นิ้ว ขึ้นไป จนถึงขนาด 4 ศอก
    2.2การสร้างหนังสือ พระไตรปิฏก ประเภทต่างๆ รวมถึงหนังสือ มนพิธี ( ถือว่าเป็นพระไตรปิฏกฉบับย่อ )
    2.4 การชำระหนี้สงฆ์ด้วย ผ้าไตรจีวร
    2.5 "..........................." บริจาคเงินซื้อที่ดินถวายวัด
    2.6 ".........................." สังฆทาน ผ้าป่า กฐิน
    ในที่นี้จะกล่าวถึงวิธีการแบบที่ 2 แบบอามิสบูชา

    เครื่องสักการะพื้นฐาน
    1. ธูปเทียนแพ....................1 ชุด
    2. พวงมาลัยมะลิสด..............1. พวง
    3. พานที่จะวางธูปเทียนแพ 1 พาน.
    4.ธูป .............3 , 5 , 9 , 16 ดอก ตามกำลังใจ
    5. เทียนหนัก 1 บาท.............2. เล่ม
    นำเครื่องสักการะนั้นไปต่อหน้า พระปฏิมากร ( ในต่างประเทศให้ อนุโลมใช้ พระเครื่อง หรือ รูปภาพพระพุทธเจ้า ก็ได้เช่นกัน )

    วิธีการ
    วางเครื่องสักการะนั้นๆไว้ในที่สมควร หน้าพระพุทธรูป จุดเทียนก่อน แล้วจึงจุดธูปที่เตรียมไว้
    คำขอขมาพระรัตนตรัย
    นะโม....3 จบ
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
    ข้าพเจ้า ชื่อ.........สกุล....... หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ทั้งหลาย (..............ถ้าหากรู้นามท่านให้กล่าวด้วย ) ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกาย หรือวาจาก็ดีหรือ ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดีหรือไม่เจนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษ ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราท้าวเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ "
    กรรมปรามาสทั้งหลายจะสลายตัวลง การที่จะกระทำบารมีใหม่ จะง่ายขึ้นไม่ติดขัดทั้งทางโลกทางธรรม ขอให้ทุกท่าน คิดสิ่งใดสมความปราทณาโดยทุกประการ โดยทั่วหน้ากัน..เถิด
    โดย คนเมืองบัว [20 พ.ค. 2546 , 13:37:37 น.]
    วิธีการ ขอขมาพระรัตนตรัย แบบ อามิสบูชา
    การขอขมา พระรัตนตรัย มีสองวิธีการ คือ
    1.การปฏิบัติบูชา ด้วยการเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในทางโลก และ ทางธรรม
    2.ด้วยอามิส บูชา ถึงจะเป็นสิ่งที่ดู ว่าไม่ปราณีตนัก แต่ก็เป็นอานิสงค์ ให้เข้าถึงการปฏิบัติ บูชาในที่สุด
    2.1 . การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ขนาด ตั้งแต่ 30 นิ้ว ขึ้นไป จนถึงขนาด 4 ศอก
    2.2การสร้างหนังสือ พระไตรปิฏก ประเภทต่างๆ รวมถึงหนังสือ มนพิธี ( ถือว่าเป็นพระไตรปิฏกฉบับย่อ )
    2.4 การชำระหนี้สงฆ์ด้วย ผ้าไตรจีวร
    2.5 "..........................." บริจาคเงินซื้อที่ดินถวายวัด
    2.6 ".........................." สังฆทาน ผ้าป่า กฐิน
    ในที่นี้จะกล่าวถึงวิธีการแบบที่ 2 แบบอามิสบูชา

    เครื่องสักการะพื้นฐาน
    1. ธูปเทียนแพ....................1 ชุด
    2. พวงมาลัยมะลิสด..............1. พวง
    3. พานที่จะวางธูปเทียนแพ 1 พาน.
    4.ธูป .............3 , 5 , 9 , 16 ดอก ตามกำลังใจ
    5. เทียนหนัก 1 บาท.............2. เล่ม
    นำเครื่องสักการะนั้นไปต่อหน้า พระปฏิมากร ( ในต่างประเทศให้ อนุโลมใช้ พระเครื่อง หรือ รูปภาพพระพุทธเจ้า ก็ได้เช่นกัน )

    วิธีการ
    วางเครื่องสักการะนั้นๆไว้ในที่สมควร หน้าพระพุทธรูป จุดเทียนก่อน แล้วจึงจุดธูปที่เตรียมไว้
    คำขอขมาพระรัตนตรัย
    นะโม....3 จบ
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
    ข้าพเจ้า ชื่อ.........สกุล....... หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ทั้งหลาย (..............ถ้าหากรู้นามท่านให้กล่าวด้วย ) ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกาย หรือวาจาก็ดีหรือ ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดีหรือไม่เจนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษ ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราท้าวเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ "
    กรรมปรามาสทั้งหลายจะสลายตัวลง การที่จะกระทำบารมีใหม่ จะง่ายขึ้นไม่ติดขัดทั้งทางโลกทางธรรม ขอให้ทุกท่าน คิดสิ่งใดสมความปราทณาโดยทุกประการ โดยทั่วหน้ากัน..เถิด
    โดย คนเมืองบัว [20 พ.ค. 2546 , 13:37:37 น.]
    วิธีการ ขอขมาพระรัตนตรัย แบบ อามิสบูชา
    การขอขมา พระรัตนตรัย มีสองวิธีการ คือ
    1.การปฏิบัติบูชา ด้วยการเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในทางโลก และ ทางธรรม
    2.ด้วยอามิส บูชา ถึงจะเป็นสิ่งที่ดู ว่าไม่ปราณีตนัก แต่ก็เป็นอานิสงค์ ให้เข้าถึงการปฏิบัติ บูชาในที่สุด
    2.1 . การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ขนาด ตั้งแต่ 30 นิ้ว ขึ้นไป จนถึงขนาด 4 ศอก
    2.2การสร้างหนังสือ พระไตรปิฏก ประเภทต่างๆ รวมถึงหนังสือ มนพิธี ( ถือว่าเป็นพระไตรปิฏกฉบับย่อ )
    2.4 การชำระหนี้สงฆ์ด้วย ผ้าไตรจีวร
    2.5 "..........................." บริจาคเงินซื้อที่ดินถวายวัด
    2.6 ".........................." สังฆทาน ผ้าป่า กฐิน
    ในที่นี้จะกล่าวถึงวิธีการแบบที่ 2 แบบอามิสบูชา

    เครื่องสักการะพื้นฐาน
    1. ธูปเทียนแพ....................1 ชุด
    2. พวงมาลัยมะลิสด..............1. พวง
    3. พานที่จะวางธูปเทียนแพ 1 พาน.
    4.ธูป .............3 , 5 , 9 , 16 ดอก ตามกำลังใจ
    5. เทียนหนัก 1 บาท.............2. เล่ม
    นำเครื่องสักการะนั้นไปต่อหน้า พระปฏิมากร ( ในต่างประเทศให้ อนุโลมใช้ พระเครื่อง หรือ รูปภาพพระพุทธเจ้า ก็ได้เช่นกัน )

    วิธีการ
    วางเครื่องสักการะนั้นๆไว้ในที่สมควร หน้าพระพุทธรูป จุดเทียนก่อน แล้วจึงจุดธูปที่เตรียมไว้
    คำขอขมาพระรัตนตรัย
    นะโม....3 จบ
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต
    ข้าพเจ้า ชื่อ.........สกุล....... หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้ง ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ทั้งหลาย (..............ถ้าหากรู้นามท่านให้กล่าวด้วย ) ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกาย หรือวาจาก็ดีหรือ ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดีหรือไม่เจนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษ ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราท้าวเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ "
    กรรมปรามาสทั้งหลายจะสลายตัวลง การที่จะกระทำบารมีใหม่ จะง่ายขึ้นไม่ติดขัดทั้งทางโลกทางธรรม ขอให้ทุกท่าน คิดสิ่งใดสมความปราทณาโดยทุกประการ โดยทั่วหน้ากัน..เถิด
    โดย คนเมืองบัว [20 พ.ค. 2546 , 13:37:37 น.]
    ที่มา : http://www.konmeungbua.com/tamma_home/tamma_home.html
     
  5. chayapa_p

    chayapa_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +231
    รายงานตัวเป็นกำลังใจค่ะ
     
  6. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    อนุโมทนาด้วยครับ
     
  7. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    เริ่มรวมตัวใหญ่ขึ้นแล้วๆ ดีจังทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันแบบนี้ต้องไปได้สวยแน่ครับ
     
  8. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,632
    ชื่อเล่น เปี๊ยก ถ้าชื่อภรรยาตั้งให้ (แกมประชดเพราะลดน้ำหนักไม่ลง)ว่า หมูอ้วน เป็นอดีตทหารผ่านศึกนาวิกโยธิน มีความรู้เรื่องการเดินทางและดำรงชีพในป่า สร้างหลุมหลบภัย ที่อยู่ อ.บางบัวทอง นนทบุรี Email : seatiger48@yahoo.com
     
  9. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ช่วยบอกคร่าวๆ มาในนี้ก็ได้ แล้วพวกเราจะได้รวบรวมข้อมูลกันอีกที :cool:
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ความเข้าใจที่ผิด ๆ

    "ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป" คำพูดเหล่านี้เรามักจะได้ยินมาบ่อยๆ ในคนยุคปัจจุบันนี้ ผมจึงอยากอธิบายกลไกการทำงานของ "กฎแห่งกกรรม" นี้สักหน่อยนะครับ ​

    ในความเป็นจริงของกฎแห่งกรรมมีอยู่ว่า "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ซึ่งยังคงความเป็นจริงมาทุกยุคทุกสมัย ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่เนื่องจากช่วงอายุของคนเรามันสั้นเกินกว่าจะเห็นการให้ผลของกฎแห่งกรรมนี้ได้ตลอดวาระของกระแสกรรม​

    เช่นเราเห็นคนเหมารถไปทำบุญในเทศกาลต่างๆ แล้วรถไปประสบอุบัติเหตุ มีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เราก็มักจะกล่าวโทษว่าทำไมคนไปทำความดีแล้วบุญไม่ช่วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เรื่องของบุญและบาปมันเป็นคนละส่วนกัน แต่คนเรามักจะเอามาปะปนกันหมด ​

    คนที่ต้องบาดเจ็บล้มตายในอุบัติเหตุก็เนื่องมาจาก อกุศลกรรมในอดีตของแต่ละคนเคยทำมาส่งผลพร้อมๆ กันเช่นการเคยร่วมมือกันทำปาณาติบาตในอดีต เคยร่วมกันอนุโมทนาบาปพร้อมกัน เหล่านี้เป็นต้น ส่วนบุญใหม่ที่มาทำร่วมกันก็จะได้รับผลแห่งกรรมดีต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน​

    ที่พูดมาเสียยืดยาวนี้ก็เนื่องจาก ผมนึกถึงเรื่องที่คุณคณานันท์เคยเอ่ยถึงนิมิตที่เห็นคนมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ แต่ตัวเองกลับต้องมาตายในภัยพิบัตินั้น ซึ่งผมก็อยากจะชี้ให้เห็นว่ามันเป็นเรื่องกรรมในอดีตของเขาเหล่านั้น ได้โอกาสมาส่งผลจึงทำให้ต้องตายในภัยพิบัติ ไม่ได้เกี่ยวกับความดีทำกำลังทำในปัจจุบันนั้นเลย จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าเสียใจแต่อย่างใด เพราะกรรมดีที่เขาทำในขณะนั้นก็จะส่งผลให้เขาไปสู่สุขคติภพในทันทีเช่นกันครับ​
     
  11. ทิดหนึ่ง

    ทิดหนึ่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +768
    เห็นด้วยกับท่าน อาจารย์เกษมครับ
    หากในชีวิตเราชาตินี้ เราได้ตั้งใจที่จะทำความดี ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
    แค่ได้ตั้งใจทำ ก็นับว่าเป็นบุญเป็นกุศลมากอยู่แล้ว และหากเกิดภัยพิบัติ
    ขึ้นจริง ๆ ...เราได้มีโอกาสกระทำ ได้มีโอกาสช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
    ได้ลงแรงทั้งกาย และใจ อย่างที่ได้ตั้งใจไว้จริง ๆ ก็นับว่าเป็นบุญกุศล
    อย่างเหลือคณานับ.....ถือว่าเราท่านทั้งหลายได้กระทำในสิ่งที่หลายคน
    ทำได้ยาก...ถึงแม้การกระทำดังกล่าวจะต้องแลกมาด้วยชีวิต ชีวิตหนึ่ง
    ...ผมคิดว่า เราก็คงจะไม่เสียใจหรอกครับ...เพราะเราได้ทำหน้าที่ที่เรา
    ตั้งใจทำ..อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถของเราแล้ว...อย่างที่ท่าน เกษม
    บอก ถึงเวลานั้น ดวงจิต ดวงวิญญาณของเรา คงไม่ตกไปสู่ในที่ชั่วแน่นอน
    ....ถ้าถึงคิวของทิดหนึ่ง....ผมก็คงจะต้องไปรอเพื่อน ๆ ก่อน ก็ถือเป็นเทวดา
    รุ่นพี่ก็แล้วกันครับผม.....
     
  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอกราบโมทนาบุญกับทุกท่านที่ เห็นประโยชน์ในการทำงานและเสียสละเพื่อส่วนรวม ครับ

    สิ่งที่เราทำอาจมีอุปสรรคในข้อที่ว่า
    -มีผู้ที่ไม่เข้าใจ และมีความหลงว่าโลกนี้เที่ยง ไม่แปรปรวนเปลี่ยนแปลง ทำให้เข้าใจว่า เราเป็นกระต่ายตื่นตูมบ้าง งมงาย ไร้สาระบ้าง

    ข้อนี้ก็ขอให้ทุกท่านลองใช้ปัญญาทางโลกพิจารณาดูเองก็ได้ว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมาย ที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของภูมิอากาศ ชั้นบรรยากาศและ กายภาพของพื้นโลก

    มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายบนโลก ล้วนแต่มีพลังแห่งสัญชาติญาณ ในการเอาชีวิตรอด ดังนั้นจึงมีหลายๆท่านที่ถึงแม้จะไม่ได้ญาณ หรือฌานใดๆ แต่ก็มีความรู้สึกลึกๆที่รับรู้ถึงความไม่ปลอดภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามาแล้ว

    ส่วนชาวธรรม ถ้าพอญาณในการพิจารณา พลังของ กฏแห่งกรรม ก็จะพบว่าวิบากที่ชาวโลกทั้งหลายได้สะสมมามีมวลพลังที่มากขนาดไหน และผลของวิบากทั้งหลายจะเป็นอย่างไร

    ดังนั้นท่านที่รู้ ก็ขอให้เตรียมตัวทั้งจิต และกายให้สมบูรณ์พร้อมประดุจ พระมหาชนก ที่ท่านได้เตรียมตัวอย่างดีก่อนที่เรือสำเภาจะอับปางกลางทะเลด้วยฉะนี้

    - เราที่ทำงานนี้ไม่มีทุนทรัพย์ที่มาสนับสนุน ทุกท่านที่ทำงานนี้ ล้วนแล้วแต่ต้องเสียสละ ทุนทรัพย์ส่วนตัว เวลา สติปัญญาเพื่อส่วนรวม ด้วยกันทั้งสิ้น

    แต่อย่างไรก็ตามขอให้ทุกท่านมุ่งมั่นทำเพื่อส่วนรวม ตามที่ในหลวงของเราท่านได้ทรงตรัส สอนพวกเราไว้ในข้อที่ว่า

    จงปิดทองหลังพระ

    จงอย่านำเอาอุปสรรคด้านความขาดแคลนมาเป็นข้ออ้างในการทำดี ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เพราะความขาดแคลน นั้นกลับทำให้เราได้ใช้ปัญญา(บารมี) และความวิริยะอุตสาหะ(บารมี) ให้ยิ่งขึ้นไป

    (ขอกราบพระประทานนุญาตที่อัญเชิญมา โดยเฉพาะเนื้อความเฉพาะเพื่อความเข้าใจในการทำงาน)

    ดังนั้นขอให้ทุกท่านมีใจที่หนักแน่นมั่นคง ไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งปวงครับ
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,681
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** อย่าวิตก **** ช่วยเท่าที่ช่วยได้ ทำเท่าที่ทำได้...เราไม่สามารถบังคับจิตใจผู้อื่นได้...เราควบคุมตนเอง มีจุดยืนที่มั่นคง ไม่หวั่นไหวไปกับกระแสสังคมที่กำลังฉุดลาก....เมื่อเรานำตนเองได้ ผู้ที่ขาดที่พึ่งจะตามเรามาเอง - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159
    ขออาสาช่วยด้วยอีกแรงคับ มีความรู้ด้านการเงิน จบ finance มาคับ
    มีอะไรพอช่วยได้ก็บอกได้นะคับ

    อยู่ที่จอมทอง 13 คับ (ใกล้บ้านคุณคณานันท์ วงเวียนใหญ่)
    e-mail: sr20@hotmail.com คับ
    (f) (f) (f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2007
  15. boko0121

    boko0121 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    1,612
    ค่าพลัง:
    +7,736
    ยินดีต้อนรับครับ สวัสดีครับ
     
  16. เช้าใหม่

    เช้าใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2005
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +5,754
    ขอทำการรายงานตัวด้วยอีกคนครับ
    ชื่อ " เอ็กซ์ " ครับ เรียนจบด้านวิศวกรรม มาครับ ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ปราจีนบุรีครับ บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดลำปางครับ
    เบอร์ติดต่อ 085-8354320
    e-mail : thotsaphon_bb@yahoo.com; thotsaphon_o@advanceagro.com
    google talk : thotsaphon.o@gmail.com

    แล้วคงได้เจอกับทุกๆท่านนะครับ
     
  17. Bajang

    Bajang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    148
    ค่าพลัง:
    +1,268
    ร่วมด้วยครับ อยู่ กทม. email : sukinarak@yahoo.com ครับ
     
  18. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    พุทธะถามตอบเกี่ยวกับชาติและประชาธิปไตย

    พุทธะถาม “ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยดีที่สุดใช่ไหม”
    พุทธะตอบ “ผิดถนัด ทุกคนรู้ดีว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เรากำลังร่างรัฐธรรมนูญ แต่เรายังหลงประชาธิปไตย เพราะเราไม่คิดนอกกรอบ ทุกวันนี้เราเห็นอยู่ ความล่มสลายของเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากระบบทุนนิยม ที่ขายพ่วงมากับระบอบประชาธิปไตย แต่เราไม่มองย้อนความเจริญของเราในอดีต อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่เราเชื่อคำใส่ร้ายป้ายสีของฝรั่งมังค่าว่า พระมหากษัตริย์ของเราปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราช ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะระบอบการปกครองของเรานั้นเป็นระบอบพุทธะ ที่เต็มเปี่ยมด้วยทศบารมี เรียกว่า “ทศพิธราชธรรม” มีฐานะเป็นพระโพธิสัตว์มาสร้างความผาสุกให้กับคนในชาติและความเจริญรุ่งเรืองของศาสนา ในขณะที่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช พระมหากษัตริย์เป็นสมมุติเทพ และมีแนวคิดว่าตนเป็นพรหมมาจุติ พรหมลิขิตชีวิตคนได้ ทว่าในอดีตพระพุทธเจ้าสมณโคดม ท่านทรงโปรดสั่งสอนให้ละฑิฐิและหันมาใช้ระบอบการปกครองแบบพุทธะ”

    พุทธะถาม “แล้วมีระบบอบได้ที่ดีกว่านี้อีก”
    พุทธะตอบ “มีแน่นอน หากเราไม่หยุดที่จะพัฒนาหรือค้นหา ความจริงระบอบการปกครองของไทยในหลายยุคเป็นระบอบการปกครองที่ดีกว่าระบอบประชาธิปไตย หากเราจะเปรียบเทียบความเจริญรุ่งเรืองและความสงบร่มเย็นแล้ว ตั้งแต่ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินมา เราย่ำแย่และล้มเหลวมากที่สุดกับระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย เพราะทรราชที่ชื่อว่า “คณะราช” ก่อกบถปล้นราชวงค์ ทำไมเราไม่หันกลับไปมองความดีงามที่เรามีมาแต่ครั้งอดีตละ ระบอบการปกครองแบบพุทธะที่พระพุทธเจ้าสมณโคดมทรงโปรดสั่งสอนและถ่ายทอดเป็นสิ่งล้ำค่าที่ประเทศใดไม่อาจเสมอเสมือนได้ นำมาพัฒนาปรับปรุงให้เข้ากับเราเอง และปรับตัวให้เข้ากับภายนอกได้ ทำไมเรายังหลงเดินตามก้นฝรั่งอยู่อีก”

    พุทธะถาม “หมายความว่าอย่างไร กรุณาอธิบายประวัติศาสตร์ความเป็นมาให้กระจ่าง”
    พุทธะตอบ “ระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบัน เราถือว่าดีที่สุด แต่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ก็ด้วยความเจริญทางวัตถุ และแรงขับดันจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ยังผลผลิตให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ จนคนพอใจกับความสำเร็จทางอุตสาหกรรม แต่มิใช่ความสำเร็จทางการปกครองเลยแม้นแต่น้อย เพราะขาดมุมมองทางด้านผลกระทบทางสังคม ทำให้คนหยุดพัฒนาปรัชญาการปกครองแบบประชาธิปไตยของ “อดัม สมิทธ” คนคิดว่ามันสมบูรณ์แล้ว แท้จริงแล้วไม่ใช่ การนำเสนอต่อไปนี้จะแสดงจุดอ่อนทั้งหมดและสิ่งที่ “คาร์ล มาร์ก” เตือนให้ระวัง ถึงความเลวร้ายของระบบทุนนิยมที่พ่วงมากับระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย “คาร์ล มาร์ก” ไม่ได้ต่อต้านแนวคิดเสรีนิยม และสังคมนิยม ทว่าเขาแต่ยังหาทางออกให้ไม่ได้ จึงเสนอให้ประชาชนได้แก่แรงงาน ลุกขึ้นประท้วง ก่อการนองเลือดเป็นสงครามกลางเมือง ซึ่งผมคิดว่าเป็นการคิดที่ไม่จบ และเป็นทางออกที่ไม่ถูกต้อง เป็นเพียงจุดเริ่มคิดเท่านั้น”

    พุทธะถาม “แล้วอย่างไรต่อ ระบอบไหนที่ว่าดีกว่าประชาธิปไตย แล้วเรื่องที่กล่าวหาคณะราชละ”
    พุทธะตอบ “ประวัติศาสตร์ที่ผิดเพี้ยนของไทย ระบุว่า คณะราชคือผู้ยึดคืนอำนาจประชาธิปไตยมาให้ประชาชน เพราะระบอบการปกครองของไทยเป็นแบบ “สมบูรณาญาสิทธิราช” ซึ่งแท้แล้ว ร. เจ็ด ทรงกำลังวางรากฐาน อย่างรอบคอบเพื่อมอบประชาธิปไตยให้ประชาชน ทว่าทรราชเหล่านี้ รวมตัวกันปล้นพระราชอำนาจก่อน ด้วยความเกรงกลัวว่าหากท่านสละราชแล้วตนเองอาจมิได้รับเลือกครองอำนาจ จึงรวมตัวกันมาปล้นพระราชอำนาจ แล้วแสดงตนว่าเป็นวีรบุรุษ ทั้งหล่าวหาระบอบการปกครองเก่าแก่ของไทยว่าเป็น “สมบูรณาญาสิทธิราช” ซึ่งผิดมหันต์ดังที่กล่าวมาข้างต้น การกระทำนี้เกิดจากการที่พวกเขาได้ไปร่ำเรียนเมืองนอก แล้วหลงใหลแนวคิดตะวันตก จนไม่มองดูความเป็นไทย ใจร้อน เรียกว่าไหลตามกระแสการต่อต้านพระมหากษัตริย์ในยุคนั้น ทั้งที่จริงแล้ว ร. เจ็ด ทรงปกครองด้วยความเมตตา แต่ปัญหาเศรษฐกิจขณะนั้น ยากเกินเยียวยา ซึ่งเป็นเหมือนกันหมดทั้งโลก โทษใครไม่ได้ พวกเขาก็อาศัยโอกาสนี้ ในการปล้นราชวงค์ แล้วยัดเยียดข้อหาให้ราชวงค์ไทยเพื่อชิงอำนาจ”

    พุทธะถาม “สรุปไม่ได้นะ ว่านายกที่ผ่านมาใช้ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยแล้วไม่ดี”
    พุทธะตอบ “ได้สิ ลองย้อนกลับไปดูอดีต นายกของเราแต่ละคนแทบไม่ได้ปกครองประเทศให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ด้วยประชาธิปไตยเลย ยกเว้นนายกบางท่านที่เจริญรอยตามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันเท่านั้น ที่เห็นตึกรางบ้านช่องเยอะขึ้นมานี้ เป็นผลจากการทะลวงไหลเข้ามาลงทุนทำลายทรัพยากรของไทย โดยฝีมือนักลงทุนชาวต่างชาติทั้งนั้น เมื่อได้กำไรสมใจอยากแล้วก้ถอนทุนหนีไป ไม่สนใจผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศของเรา ในขณะที่องค์พระมหากษัตริย์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ตรากตรำพระวรกายอย่างหนัก เหยียบย่ำไปทั่วแดนดิน ที่ห่างไกลและไร้ความเจริญ เพื่อหวังเป็นแนวทางให้นายกเดินตาม ทว่า เหล่านายกที่ผ่านมาจะมีสักกี่คนที่เห็นแนวทางนั้น มีใครสักกี่คนที่เดินออกไปดูชาวไร่ชาวนาแล้วนั่งลงคุยกับเขาโดยตรงเหมือนพระองค์ท่าน มีแต่ออกข่าวอยู่ในทำเนียบ คุยกันแต่เรื่องกล่าวโทษผู้นั้นผู้นี้ ไม่ได้คุยกันเรื่องความคืบหน้าของงาน บ้างก็เสนอโครงการให้ประชาชนสนใจ เลือกไปเป็นนายก แต่ไม่เคยลงดูชาวไร่ชาวนาจริงๆ การตัดสินใจก็ผิดพลาด ซ้ำยังโกงกินชาติบ้านเมืองก็มี เราได้พิสูจน์มายาวนานแล้วครับว่านายกทั้งหลายปกครองประเทศสู้ในหลวงไม่ได้ ใจคนไทยทุกคนตอนนี้เป็นดวงเดียวกันหมด แต่เราติดตรงที่ประชาธิปไตย มันดักห้ามไว้ ว่าห้ามถอยหลังกลับไปเป็นสมบูรณาญาสิทธิราช ในขณะที่ผมกำลังบอกว่าเราไม่ได้ถอยหลังไปแบบนั้น แต่เราก้าวใหม่ให้ถูกต้องจากระบอบการปกครองแบบพุทธะต่างหาก ซึ่งนั่นคือสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องการ”

    พุทธะถาม “แปลว่าให้ต้องกลับไปเป็นอย่างเก่า เราไม่ถอยหลังเข้าคลองหรอกหรือ”
    พุทธะตอบ “ไม่ใช่ เราย้อนกลับไปชำระประวัติศาสตร์ ใช้สติหยุดคิด เลิกยึดติดในคำพูดโฆษณากล่อมหัวใดๆ ที่เคยหลอกเรามา แล้วดูด้วยใจอันใสซื่อบริสุทธิ์ แล้วย้อนกลับไปทบทวนความเป็ฯมาของประวัติศาสตร์ไทยใหม่ ตรองดีๆ นานๆ ลึกๆ อย่าหยาบคายแบบฝรั่งมังค่า ก็จะได้สติคิดได้ว่ามันถึงเวลาที่เราจะปลดตัวเองจากการเป็นทาสระบอบทุนนิยมที่ครอบงำเรามานานโดยที่เราไม่รู้ตัวแล้ว ทั้งนี้ไม่ใช่แต่เรา มาเลเซียเองก็กำลังปลดตัวเองจากการเป็นทาส ตั้งแต่สมัยมหาเธ หรือแม้แต่ไต้หวัน ผู้คนก็กำลังหาทางออกใหม่ๆ ดูได้จากการรวมคนได้เป็นล้านๆ เพื่อประท้วงของ ซือ หมิง เต๋อ หรือแม้นแต่ภูฏานก็มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างรวดเร็วคาดไม่ถึง เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงสละราชบัลลังก์ให้แก่มกุฏราชกุมาร “จิกมี” เมื่อทรงเห็นว่าเป็นกาลเวลาอันควร และมกุฏราชกุมารมีพระสติปัญญาพร้อม ตั้งแต่ทรงเสด็จมาเยี่ยมเยือนประเทศไทย และประกาศว่าจะเดินตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อปกครองประเทศโดยใช้ดัชนีชี้วัดความสุขของคนในชาติ เห็นชัดหรือยังว่า อิทธิพลทางความคิดด้านการปกครองของพระมหากษัตริย์ไทยเราปัจจุบัน ยิ่งใหญ่แค่ไหน ทีนี้ตาแจ้งสว่างหรือยัง”

    พุทธะถาม “แล้วการร่างรัฐธรรมนูญใหม่นี้จะช่วยได้ไหม”
    พุทธะตอบ “ตราบใดที่ยังคิดในกรอบ ก็ยังเดินในกรอบที่ประเทศมหาอำนาจเขาวางกรอบไว้ให้เดิน แล้วเราจะเหนือเขาได้อย่างไร อันที่จริงเราไม่ได้อยากเหนือใคร แต่ถ้าเขากดขี่เราด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจ ครอบงำให้เราไม่มีความผาสุก ทุกคนเป็นโรคเบื่อวันจันทร์ เครียดกับการทำงาน และเคยคิดไหมว่าจะทำเงินไปทำไมนักหนา แล้วหลอกตัวเองว่าทำไปเหอะน่า ให้ลูกหลานเราไง สะสมไว้เป็นมหาเศรษฐี แล้วก็ทำงานตะบี้ตะบันแข่งขันจะเป็นจะตายไร้ความสุข อย่างไม่มีโอกาสได้เห็นเดือนเห็นตะวัน ลูกไม่ได้เห็นหน้าแม่ แม่ไม่เคยได้มีเวลาให้นมลูก แม้แต่เวลาจะใส่บาตรตอนเช้ายังไม่มี จะเข้าวัดก็ทำไม่ได้ เพราะต้องถ่อสังขารออกไปไกล ทำงานหกวัน แค่เรื่องในบ้านก็ชำระไม่ไหวแล้ว สิ่งเรานี้ละคือระบบทาสแนวใหม่ ที่เรียกว่า “ทาสจำยอม” โดยที่เราไม่รู้ตัว ถึงเวลาแล้วที่เราจะลุกขึ้นมาบอกว่าเราไม่ใช่หมูในคอกที่จะมาจำกัดอิสรภาพในการใช้ชีวิตของเรา แล้วกลบเกลื่อนว่าเรามีอิสรภาพที่จะซื้ออะไรมาสนองกิเลสตัญหาเราก็ได้ เพราะเราไม่ได้ต้องการเป็นหมูที่เรียกร้องและเลือกอาหารการกินได้อย่างเสรี แต่คนไทยเราเป็นนกที่รักอิสรภาพ ต้องการอิสระเวลาส่วนตัวในชีวิต จะมากักขังเราดั่งหมูมิได้ ภาวะ “ทาสจำยอม” นี้ ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน และไม่มีในการปกครองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทำไมเราไม่เรียกร้องให้พระองค์ปลดเราออกจากการเป็นทาสเหมือนกับที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ห้าทรงช่วยชาวไทยละ หากเราไม่พึ่งบารมีของพระมหากษัตริย์แล้ว อยากถามว่านายกหน้าไหนจะทำให้เรา ในเมื่อนายกทั้งหลายเป็นพวกเดียวกับนายทุน มิใช่พวกเดียวกับประชาชน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราต่างหากที่เป็นพวกเดียวกับประชาชนอย่างแท้จริง และจริงใจ”

    พุทธะถาม “อย่างนั้นแสดงว่า ไม่มีนายกคนไหนที่ดีเลยหรือ”
    พุทธะตอบ “มีแน่ ถ้านายกคนนั้นเดินตามรอยในหลวงอย่างแท้จริง แต่เราต้องยอมรับก่อนว่าการปกครองที่ดีที่สุดคือระบอบพุทธะ และนายกจะมีอำนาจเหนือพระมหากษัตริย์เป็นไปไม่ได้ เราต้องทวงความยุติธรรมคืนให้กับพระมหากษัตริย์ของเรา พระราชวงค์ท่านทรงถูกปล้นโดยคณะราช และถูกใส่ร้ายว่าเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชโดยไม่รู้จริง แล้วพวกเขาก็เอาประเทศไปปกครองโดยไม่เข้าใจอะไรเลย พวกเขาไม่เข้าใจประเทศตัวเอง ไม่เข้าใจระบอบพุทธะ ไม่เข้าใจแม้นกระทั่งระบอบประชาธิปไตยที่เขาอ้างมาอย่างแท้จริง แล้วทำชาติพินาศย่อยยับ โกงกินบ้านเมืองมาตลอดเวลา”
    <!--MsgFile=0-->

    พุทธะถาม “เช่นนั้น เราควรทำอย่างไร ประท้วงหรือ”
    พุทธะตอบ “ไม่ใช่ ระบอบการปกครองแบบพุทธะไม่ได้เปลี่ยนแปลงแบบนองเลือด การประท้วงเป็นแนวคิด “มาร์ก ซิส” จากโบราณกาลมา ยกตัวอย่างเช่น การทูลอัญเชิญพระนางจามเทวีขึ้นครองราช โดยเหล่าพราหมณ์ เป็นต้น หรือแม้นแต่การทูลอัญเชิญพระมหากษัตริย์พระองค์ต่างๆ ของไทยขึ้นครองราช โดยราชการผู้ใหญ่ผู้มีสายตายาวไกลและรักชาติอย่างแท้จริง นี่คือ การเปลี่ยนแปลงอย่างมีวัฒนธรรม มิใช่การเปลี่ยนแปลงแบบป่าเถื่อน การถวายคืนพระราชอำนาจ จะไม่มีการนองเลือดแต่อย่างใด เพราะเราจะใช้วิธีนักปราชญ์ นำเสนอข้อมูลความเป็นจริงและเหตุผลให้ประชาชนทราบ แล้วให้ประชาชนออกความเห็นร่วมกัน ซึ่งผมทายได้ว่าของขวัญชิ้นนี้เป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดที่ชาวไทยรอมานาน ทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกัน เพราะเราเบื่อพวกชนชั้นนายทุนมากดขี่เราจนจะไม่ไหวแล้ว”

    พุทธะถาม “แล้วนายกจะมีไหม ต่างชาติจะยอมรับได้หรือ”
    พุทธะตอบ “ต้องมีสิ เพราะเราพัฒนาไปข้างหน้า ไม่ได้แปลว่าย่ำเหมือนเดิม เป็นระบอบประชาธิปไตยภายใต้การปกครองแบบพุทธะโดยมีพระมหากษัตริย์เป็ฯประมุขสูงสุด มีสิทธิ์ขาดที่จะทรงวินิจฉัยตัดสินใดๆ ให้ใครเข้ามารับตำแหน่งหรือออกจากตำแหน่งเมื่อใดก็ได้ โดยให้ประชาชนนำโดยข้าราชกาลผู้มีความจงรักภักดีต่อชาติร่วมเสนอชื่อนายกเข้ามา นี่ละวัฒนธรรมการอัญเชิญผู้ปกครองของไทย ท่านถวายอำนาจให้เหล่าขุนนางเสนอชื่อมานานแล้ว จากนั้นขุนนางก็เสนอชื่อนายก ให้ท่านทรงตัดสินพระทัย เช่นนี้ จึงเรียกว่า ท่านทรงเป็นประมุขของประเทศที่แท้จริง ซึ่งคณะราชได้สร้างเครื่องปิดกั้นพระราชอำนาจนี้ไว้นาน แล้วยึดเอาอำนาจให้ชนชั้นนายทุนเสียเอง โดยการให้ประชาชนตาดำๆ ที่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในจุดอ่อนของระบอบประชาธิปไตย จำต้องเลือกแบบ “มัดมือชก” คือ เลือกผู้นำที่ตนไม่ต้องการ แต่เสนอหน้ามาได้ด้วยอำนาจเงินและอำนาจตระกูลเก่าหรือชื่อเสียงจอมปลอมจากการเป็นดารา เป็นต้น ประชาชนไม่มีทางเลือกก็ต้องเลือกกันไป สุดท้ายได้นายกคนเดียว มัดมือชกพระมหากษัตริย์ให้ทรงลงพระปรมาภิธัยอีก ลองคิดดูว่าไม่มีตัวเลือกให้ทรงวินิจฉัย แล้วจะเรียกว่าทรงมีอำนาจตัดสินพระทัยได้อย่างไร นี่ละ กลอุบายแห่งทรราชปล้นบัลลังก์ ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับชนชั้นนายทุน หาใช่ฉบับที่พระบาทสมเด็จพระเข้าอยู่หัวรัชกาลที่เจ็ดทรงเตรียมไว้ให้ไม่ ทั้งที่แท้แล้วระบอบการปกครองแบบพุทธะอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนี้ มีความเป็นเสรีภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกษัตริย์ด้วยการอัญเชิญขึ้นครองราช ด้วยเหล่าขุนนางผู้ภักดีและมีสติปัญญาสูง หรือแม้แต่การที่ทรงให้ประชาชนเลือกนายกได้อิสระเป็นเบื้องต้นก่อน แล้วทรงมีพระราชอำนาจในการตัดสินพระทัยเด็ดขาด แบบนี้จึงเรียกได้ว่าพระองค์ทรงเป็นประมุขของประเทศอย่างแท้จริง มิใช่ในนาม หรือแม้นแต่การปกครองตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหง ผู้ทรงให้อิสระภาพในทุกด้านอย่างสูงสุดในประวัติศาสตร์ไทย เช่น การเว้นภาษาการค้าขายได้อย่างเสรี ไม่มีการกีดกัดการค้าแบบฝรั่งมังค่า แล้วเชิดหน้าว่าตนนั้นเปิดเสรีแต่ลับหลังกลับใช้ความเอาเปรียบด้านสัญญาต่างๆ ต่อคู่ค้า แบบนี้หน้าซื่อใจคด ปากปราศัยน้ำใจเชือดคอ ซึ่งไม่เคยมีในน้ำพระราชหฤทัยแห่งองค์พระมหากษัตริย์ไทย มีแต่พวกยักษ์มารฝรั่งมังค่า และนายทุนไทยทรราชแผ่นดินที่ก้มหัวให้นายทุนฝรั่งเท่านั้นที่ทำแบบนี้กับคนไทย แล้วใช้ประเทศเป็นทุนในการลงทำกำไรจนฉิบหายวอดวายไปมากมายอย่างที่เห็นอยู่ นอกจากนี้ระบอบการปกครองแบบพุทธะโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนี้ ยังมีความเป็นสังคมนิยมสูงสุด กล่าวคือมีประสิทธิภาพมากกว่าสังคมนิยมคอมมิวนิส เพราะทรงปกครองด้วยทศพิธราชธรรม อันเป็นไปเพื่อการจรรโลงสังคมโดยแท้ แตกต่างจากนายกจากประชาธิปไตยที่มักอ้างตนว่ารู้เรื่องประชาธิปไตยแต่กลับใช้ความรู้โกงกิน เพื่อตนเอง แล้วข่มเหงปล่อยทอดทิ้งสังคม ไม่ดูแลประชาชนในประเทศ”

    พุทธะถาม “ได้สติเลยครับ ตาสว่าง รู้อย่างนี้แล้วประชาชนคนไทยควรทำอย่างไรดีครับ”
    พุทธะตอบ “เราต้องแสดงออกทางความคิดเห็นผ่านสื่อต่างๆ เจตจำนงค์ว่าเราต้องการใครกันแน่มาปกครองประเทศ อย่างใสซื่อจริงใจ โดยไม่คิดวนแต่อยู่ในกรอบ แล้วใช้วิธีแบบผู้มีวัฒนธรรมที่ดีงามเขาทำกัน คือ แสดงออกทางความคิดเห็นแบบปราชณ์ แล้วเสนอให้ขุนนางที่จงรักภักดีต่อชาติ ถวายคืนพระราชอำนาจ เพื่อให้ประชาชนและขุนนางร่วมกันเสนอชื่อนายกแล้วถวายแด่ท่านให้ทรงวินิจฉัยแต่งตั้งนายกใหม่ นี่ไม่ใช่การถอยหลัง แต่เป็นการก้าวหน้าที่ถูกต้องต่างหาก มิเช่นนั้น ประเทศเราจะอยู่ได้อย่างไรต่อไปละ ลองตรองดูเถิด เราไม่อยากออกไปเลือก สส. หน้าเก่ากันแล้ว สมัครมาอีกก็วนรอบโกงกินเหมือนเดิม เราไม่อยากได้คนมีอำนาจและเงิน แต่เราอยากได้คนดีมีความสามารถ ซึ่งตอนนี้เขาไม่มีโอกาสได้เข้ามาปกครองเพราะพรรคการเมืองเก่าต่างๆ เผด็จการครอบครองไว้ด้วยอำนาจเงินและอำนาจการเมือง มันอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ได้จริงไหม ผมคิดว่าถึงจุดนี้แล้วคนไทยทุกคนเห็นตรงกันนะ”

    จบ บทสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีในอนาคต โดยธุลีกองฟอน.....
     
  19. ตัวกลมๆ

    ตัวกลมๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +5,941
    คุณ Chayuttฝันให้กำลังใจดีค่ะ ส่วนตัวเองประมาณตี5 มีความฝันที่จำไม่ได้(จำได้ลางๆตอนตื่น ถ้าไม่จดหรือทวนฝัน จะลืมเลย) รวมๆแล้วเป็นงานบุญ สงสัยไปขอหนังสือ ซีดีเขาไว้ซะเยอะ :D

    อ่านๆไป อะไรก็ไม่ได้เตรียม แต่คนข้างๆเขาไม่รู้เรื่องนี้ กลับซื้อของที่เป็นประโยชน์กะเรา วิทยุสื่อสาร0.5km 1คู่ กะวิทยุ245สีแดงอีกตัว ชวนยิกๆให้เล่น ให้สมัครสอบ คงได้สมใจล่ะค่ะงานนี้ ตัวใช้งานได้ค่อยหาซื้อใหม่ ถ้าหากเกิดกรณีฉุกเฉิน คงได้ให้คนข้างๆทำงานกู้ภัย(เหมือนรู้หน้าที่นะตาคนนี้)
    ตอนนี้อยู่บ้านลำลูกกา ปทุมธานี ทำงานที่จตุจักร กทม มีโอกาสได้สอบเมื่อไหร่ อาจจะขอติวกับคุณพรหมประกาศิตE20CEM (เอ็คโค่-ทู-ซีโร่-ชาร์ลี-เอ็คโค่-ไม๊ค์)นะคะ
    ส่วนตัวตั้งแต่เด็กมักคิดว่า ถ้าเราอยู่คนเดียวแบบโรบินสัน ครูโซ จะทำอะไรเป็นบ้าง สรุปแล้วตอนนี้ก็ยังไม่ได้ อิอิ แต่คงต้องหาพวกโซลาร์เซลติดไว้หน่อยล่ะค่ะ
     
  20. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    สาธุครับ
    ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด...

    ..นิพพาน ปัจจะโยโหตุ..

    ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...