หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    "พระเลือกคน" คือ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หรือผู้มีบุญ มักเจอเหตุการณ์และพบเห็นพระดีแบบมหัศจรรย์ เช่น มักมองเห็นพระองค์นั้นๆเด่นมาแต่ไกล พอจับจะมีพลังวิ่งเข้าสู่ตัวจนเกิดปีติ หรือดลใจให้ได้รับพระองค์นั้นๆด้วยวิธีแปลกๆ บางครั้งก็ได้ด้วยวิธีอธิษฐานจิต หรือราคาถูก เป็นต้น

    ---

    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>IT Man, แหน่ง+ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เป็นไงครับท่าน เจอกันจนได้ หุหุ :cool:
     
  2. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768

    คนเราอยู่ไม่ถึงร้อยปีครับ
    ทำไมเราต้องอยู่ในกรอบตลอดเวลา
    ต้องหัดอยู่นอกกรอบและคิดนอกกรอบครับ
    คนรุ่นหลังจะได้ไม่พูดว่าเราแก่เพราะเกิดนานครับ
     
  3. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>“ดอกบัวบานแล้วทางทิศตะวันตก” </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ในอดีตหลายสิบปีมาแล้วหลวงปู่ชากล่าวว่า “ดอกบัวกำลังบานทางทิศตะวันตก” หลวงปู่ชา ท่านมีความสามารถมากในการถ่ายทอดธรรม แม้แต่ต่างชาติต่างภาษาคุยกันไม่รู้เรื่องท่านก็ยังทำให้เมล็ดบัวในตัวท่านเหล่านั้น แตกกอ ผลิดอกและเบ่งบานขึ้นมาได้(ชาวต่างชาติเหล่านี้มีนิสัยวาสนากับพุทธศาสนามาแล้ว ถึงได้มีศรัทธาในเบื้องต้น มีวาสนาได้พบครูบาอาจารย์ และมีวิริยะในการปฏิบัติ นั่นคือท่านมีเมล็ดบัวฝังอยู่แล้วในตัว)

    พระราชสุเมธาจารย์ (โรเบิร์ต สุเมโธ) เป็นศิษย์ต่างชาติรุ่นแรกๆ ที่กำลังเบ่งบานอยู่

    ดอกบัวบานแล้วทางทิศตะวันตกและนับวันก็จะแตกกอเป็นป่าบัวต่อไป แต่ป่าบัวดั้งเดิมทางทิศตะวันออกกำลังเสื่อมลงตามกาลเวลา ตามหลักอนิจจัง

    ขออวยพรให้ทุกท่านที่กำลังเป็นเมล็ดบัวอยู่ ขอให้แตกรากฝังศรัทธาให้มั่นคงงอกแล้วบำรุงด้วยรสแห่งธรรมให้เจริญยิ่งขึ้นไป ดอกตูมก็ให้บาน บานแล้วก็ให้ส่งกลิ่นหอมให้กว้างขวาง เพื่อเร่งเร้า ปลุกผู้หลับอยู่ให้ตื่นขึ้น....เทอญ

    ต่อไปนี้คือตัวอย่างแนวคิดของชาวต่างชาติที่มีต่อพุทธศาสนา และหลวงปู่ชา


    เส้นทางชีวิตที่เปลี่ยนแปลงการค้นหาครั้งสำคัญ

    อเมริกันนาวิกโยธินหนุ่ม เมื่อราวครึ่งศตววรษก่อนเดินทางท่องโลก เพราะภารกิจของกองทัพ ได้คิดได้ค้นได้พบกับศาสนาของโลกตะวันออก และได้กำหนดเส้นทางชีวิตใหม่ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่กลายมาเป็น พระสุเมธาจารย์ที่ฝรั่งไทยเคารพศรัทธา เมื่อ ๕๐ ปีมาแล้ว ท่านเป็นทหารเรืออเมริกันสมัยสงครามเกาหลีได้ไปประเทศญี่ปุ่น มีความสนใจในศาสนาพุทธ แต่หนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษ ยังมีน้อยหายากเดินทางไปๆ มาๆ ญี่ปุ่น ซานฟรานซิสโกอยู่ ๒ ปี

    ออกจากกองทัพแล้ว ก็กลับไปเรียนปริญญาตรีที่อเมริกา จบปริญญาตรีสาขา ประวัติศาสตร์ของประเทศจีน เพื่อศึกษารากลึกของทวีปเอเชีย จากนั้นเรียนต่อที่แคลิฟอร์เนีย ๒ ปี ได้ปริญญาโท ประวัติศาสตร์ของอินเดีย

    เมื่อจบปริญญาโทแล้ว ก็ยังมีความสนใจมากที่อยากปฏิบัติ แสวงหาอาจารย์ที่จะสอนเรื่องของจิตใจเพื่อจะปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าได้ตรัส ในประเทศอเมริกายังไม่พบอาจารย์สักคน เมื่อได้ปริญญาโทแล้ว ก็ได้สมัครเป็นอาสาสมัครสมัยนั้น เพื่อจะไปสอนภาษาอังกฤษที่ประเทศมาเลเซีย ไปอยู่ที่นั่น ๒ ปี ก็มีโอกาสมาเมืองไทย

    มาเที่ยวครั้งแรก ก็ได้ข่าวว่า มีอาจารย์ดีหลายองค์ที่กรุงเทพฯ ที่จะสอนวิปัสสนากรรมฐาน ไปหาท่านเจ้าคุณที่วัดมหาธาตุ ปี ๒๕๐๙ เราเป็นอาสาสมัครเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ สอนที่ธรรมศาสตร์ด้วย ตอนไปก็ข้ามถนนไปจากฝั่งวัดมหาธาตุ (หัวเราะ) ตอนเช้าจะนั่งสมาธิ เดินจงกลม ทำอย่างนั้นอยู่ประมาณ ๖ เดือน ก็มีความสนใจมากขึ้นทำให้เราอยากบวช

    ในปีนั้นก็บวชที่วัดหนองคาย เป็นสามเณร ฝึกกรรมฐานที่นั่นหนึ่งปี อยู่แต่ในห้อง อยู่ในกุฏิ มีระเบียบเคร่งครัดไม่ให้ออกจากกุฏิ ไม่ให้คลุกคลีกับใคร ต้องอยู่และปฏิบัติก็ได้ผลในการปฏิบัติ

    ตอนแรกก็มีความสงสัยว่า ปฏิบัติอย่างนี้แล้วจะได้ผลอย่างไร จนกระทั่งขอให้บวชเป็นพระ ท่านเจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย ก็ส่งไปอยู่ที่วัดหนองป่าพงให้ปฏิบัติและศึกษาอยู่กับหลวงพ่อชา ที่จังหวัดอุบลฯ ๑๐ ปี ที่หนองป่าพง จากนั้นหลวงพ่อชาก็ส่งไปอยู่ตามสาขาต่างๆ อย่างที่อำเภออำนาจเจริญ ตั้งวัดนานาชาติ จากนั้นมีผู้นิมนต์ไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษจากวันนั้นถึงวันนี้ ๒๖ พรรษา


    1. ก่อนที่หลวงพ่อจะมาศรัทธาในพระพุทธศาสนา คงเคยนับถือคริสต์มาก่อน ตรงไหนที่ทำให้เลื่อมใสพระพุทธศาสนา ?

    พ่อแม่เราเป็นคริสต์ เรานับถือศาสนาแต่ไม่เอาจริงเอาจังด้วย อาตมาก็มีศรัทธาตั้งแต่เป็นเด็กก็ไม่ค่อยสงสัย บาทหลวง หรือพ่อแม่พูดอย่างไร ก็ไม่ค่อยสงสัย แต่พอตอนวัยรุ่นอายุ ๑๕-๑๖ ปีจึงเกิดความสงสัย มักจะถาม อยากจะรู้พระเจ้าเป็นอย่างไร มีหรือไม่มี แล้วมีประโยชน์อะไรที่จะทำอย่างนี้ต่อไป

    แล้วก็มาสมัครเป็นทหารเรือ ออกจากบ้านไปอยู่ห่างไกลจากพ่อแม่ ไปหาความสุขสนุกทางโลกไม่เคยคิดเรื่องของพระพุทธศาสนาเลย จนกระทั่งได้พบพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่นแล้วก็อ่านหนังสือ ศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ท่านบอกว่าอย่าไปเชื่อ ต้องทดลอง ต้องค้นคว้าต้องเห็นเอง นี่ก็เป็นจุดที่ทำให้เราศรัทธา

    หลังจากนั้นอายุ ๒๑ ปี เราก็มีศรัทธามั่นคง ศาสนานี้ก็ถูกใจเรามันมีทั้งปฏิบัติ มีทั้งพิสูจน์ได้เห็นความจริงในใจเรา และเราไม่จำเป็นต้องเชื่อในสิ่งที่เราพิสูจน์ไม่ได้


    2. ตอนที่ไปเป็นทหาร มีเพื่อนที่นับถือพุทธศาสนาอยู่แล้วหรือเปล่า ?

    สมัยนั้นไม่มีใครนับถือพุทธศาสนาเลย เพราะเมื่อ ๕๐ ปีก่อน คนอเมริกันที่เป็นรุ่นเดียวกันส่วนมากก็ไม่เคยมีใครสนใจศาสนาไม่ว่าจะเป็นคริสต์ หรือศาสนาอะไรก็ไม่สนใจ เบื่อแล้ว และก็ตอนนั้นยังเป็นหนุ่มอยู่ด้วย คิดกันว่าศาสนาเป็นเรื่องสมัยโบราณ เป็นคนล้าสมัย ส่วนมากจะเชื่อว่าวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งสูงสุดแล้ว แต่เราก็สงสัยหลายอย่าง ในวิทยาศาสตร์ด้วย (หัวเราะ) วิทยาศาสตร์ก็ยังไม่ลึกซึ้ง พอสงสัยว่าจิตใจของ เราเป็นอย่างไรเรื่องวิทยาศาสตร์ของตะวันตก ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องภายนอก


    3. เหตุผลที่คนตะวันตก ให้ความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา

    ส่วนมากชาวตะวันตกให้ความสนใจในด้านการปฏิบัติ เพราะเราหาในวัฒนธรรมในศาสนาของเราไม่เจอ แต่เดี๋ยวนี้โลกมันคับแคบแล้ว เอเชียกับยุโรปก็ไม่ห่างไกลกันเท่าไรนักเมื่อ ๕๐ ปี มาแล้ว เราสังเกตดูความคิดของชาวต่างประเทศกำลังจะเปลี่ยนไปบ้าง ศรัทธาในวิทยาศาสตร์มันกำลังจะเสื่อม ศรัทธาในพุทธศาสนาก็จะเสื่อมด้วย หลังจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ วัฒนธรรมญี่ปุ่นกับวัฒนธรรมอเมริกา มีการแลกเปลี่ยนกันมาก สิ่งที่เราได้รับจากวัฒนธรรม ญี่ปุ่น คือ พุทธศาสนา

    ส่วนมากเรามีความคิดสองอย่าง ดีชั่ว ถูกผิด เท่านั้นที่จะพิจารณาได้ และพระพุทธเจ้าสอนให้ใช้สติสัมปชัญญะ ที่จะเห็นสัจธรรม และทางวัฒนธรรมของเรา ในศาสนาคริสต์ไม่มีใครพูดถึงสติสัมปชัญญะด้วยนั่นเป็นเรื่องเชื่อถือ เรื่องเหตุผล เรื่องอุดมคติ ทำให้เรามีความยึดมั่นถือมั่นในอุดมคติสูง และที่จะเข้าใจการเป็นมนุษย์จริง ซึ่งไม่มีใครรู้นี่ก็เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าต้องรู้การเป็นมนุษย์เป็นอย่างไร คบคิดว่าการเป็นมนุษย์ต้องรู้ตัวเอง ต้องรู้โลภ โกรธหลงเป็นอย่างไรว่ามันเกิดที่ไหนดับที่ไหน

    พุทธองค์บอกให้เราเห็นผลของการทำความดี ว่าจะได้ผลอย่างนี้ ถ้าทำไม่ดีก็ได้ผลอย่างนี้เราจะเปรียบเทียบกับอะไร ถ้าเราจะเพิ่มความสุขควรทำอย่างไร ถ้าเราอยากเพิ่มความทุกข์ควรทำอย่างไร แล้วก็เห็นทางพ้นทุกข์ด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นหลักธรรมที่เราไม่เห็นในวัฒนธรรม และศาสนาทางตะวันตก

    สังคมทางตะวันตกมีความเจริญทางเทคโนโลยีสูงจำเป็นขนาดไหนที่พวกเขาต้องหาที่พึ่งทางจิตใจก็มีการปฏิบัติก็เป็นศาสนาคริสต์ อิสลาม ยิว ศาสนาสามอย่างนี้มันเป็นศาสนาที่นับถือพระเจ้า และก็เป็นศาสนาที่เรามีเรื่องพระเจ้า แล้วพระพุทธเจ้าก็มีคำสอนเริ่มต้นที่อริยสัจสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค สิ่งที่เราเห็นได้ในปัจจุบันคือความทุกข์เราจะเห็นความทุกข์ของเราได้นี่ต้องเชื่อโดยการพิสูจน์ และเราก็จะสามารถเห็นนิพพานได้

    นี่ก็เป็นที่มาของคริสต์กับพุทธซึ่งตรงกันข้าม คริสต์เริ่มต้นที่พระเจ้า จุดเริ่มต้นของพุทธศาสนาก็พระพุทธเจ้า มองเห็นความทุกข์ของมนุษย์ นี่เป็นวิธีที่จะพิจารณาในสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แล้วก็จะเห็นพระเจ้าได้ ถ้าคิดแบบคริสต์ก็เห็นทางพ้นทุกข์ได้ เราก็คิดว่าการปฏิบัติเกิดจากการเชื่อถือพระเจ้า แล้วก็ถ้ามีศรัทธาและเชื่อถือในคำสอนของพระเจ้าก็จะมีคนดีเหมือนกัน มันก็แล้วแต่บุคคลเป็นอย่างไร

    แม่ของอาตมาเป็นชาวคริสต์ ไม่สงสัยเรื่องศาสนา แม่สงสัยไม่ได้เลย และก็ได้ผลดีด้วย (หัวเราะ) แต่ท่านก็สามารถแก้ปัญญาได้ด้วยความศรัทธาในพระเจ้า แม่ก็เป็นคนอย่างนั้นแต่ลูกชายก็เป็นคนตรงกันข้ามเป็นชาวพุทธ (หัวเราะ)


    4. สังคมของคนตะวันตกเป็นคนขี้สงสัยช่างซักถาม แล้วยากไหมที่เราจะไปเผยแพร่ให้เขาเข้าใจ ?

    ก็ไม่ยากเท่าไร ก็มีคนสนใจมากในการปฏิบัติในทางพุทธศาสนา ปัจจุบันชาวตะวันกำลังสนใจวัตถุนิยมกันมาก ตอนนี้คนกำลังดูจิตพิจารณาตัวเองเป็นอย่างไร นี่ก็เป็นสิ่งที่ชาวต่างประเทศกำลังทำอยู่ที่อเมริกา ซึ่งมีประโยชน์มาก แล้วก็เราอยู่อังกฤษ ๒๖ ปีแล้ว เราก็สังเกตเห็นคนที่สนใจมากขึ้นคนที่ปฏิบัติแล้วได้ผลที่จะเห็นทางก็มีมากขึ้น

    คำสอนของพระพุทธเจ้าก็ทำให้เราทึ่ง คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นคำสอนที่จะพิจารณาให้เราเห็นจิตใจ ความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจ ที่จะปล่อยวางไม่ให้เกิดความสงสัยได้ เมื่อมีความสงบแล้ว ก็จะเห็นถึงความ สงบในจิตใจของเรา อย่างแท้จริง และจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมด้วย ซึ่งสังคมในตะวันตกความสงบไม่ค่อยมี (หัวเราะ) เขาก็อยากได้สันติภาพมาเป็นความสงบ

    การปฏิบัติของเราที่หลวงพ่อชาสอนในสมัยก่อนที่วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลฯ เราก็นึกถึงแต่หลวงพ่อชานี่ ก็เป็นความจำที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่ตอนที่อยู่กับหลวงพ่อชา ก็ได้ผลในเรื่องของการปฏิบัติ เพราะท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะแนะนำทางที่จะปลดทุกข์ได้ แรกๆ เราก็อยู่กับหลวงพ่อชา ปี ๒๕๑๐ ตอนนั้นเราไม่รู้ภาษาไทย และภาษาอีสาน ท่านหลวงพ่อก็เทศน์เป็น

    ภาษาอุบลฯ แล้วเราก็ไม่รู้เรื่อง

    แรกๆ ก็นั่งฟังหลวงพ่อท่านเทศน์หลายชั่วโมง ด้วยความที่เราเป็นพระฝรั่ง เราจึงขอ ว่าช่วงที่หลวงพ่อเทศน์นั้นเราจะกลับกุฏิ ไปทำสมาธิในกุฏิดีกว่า แต่หลวงพ่อไม่อนุญาตบอกว่า ต้องอยู่ต้องอดทนฟังเทศน์ ท่านก็บังคับให้ให้อยู่

    อารมณ์ที่เกิดขึ้นในจิตของเราเอง แทนที่จะยอมเพราะเรื่องภาษา ก็เป็นอุปสรรค อาจารย์ชาก็พูดภาษาอังกฤษไม่เป็น พระสุเมโธก็พูดภาษาไทยไม่เป็น หลวงพ่อชาจะสอนพระฝรั่งอย่างไร แต่ท่านก็มีอุบาย มีความสามารถที่จะให้เราพิจารณาอารมณ์ที่เกิดขึ้น และท่านบอกว่าพระสุเมโธความอดทนมันน้อยไป เป็นคนอเมริกัน วัฒนธรรมอเมริกัน เป็นวัฒนธรรมที่ชอบทำอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่คนที่อดทนต่ออะไร และท่านก็บอกว่า พระสุเมโธไม่เข้าใจภาษาไทยก็ไม่เป็นไรแต่ให้อดทนกับอารมณ์ที่เกิดขึ้น

    เบื่อแล้วก็เกิดอารมณ์โกรธ โมโหอย่างนี้ แล้วก็เราก็คิดแบบคนอเมริกันด้วย สงสารตัวเองว่าเราเป็นฝรั่งไม่รู้ภาษา หลวงพ่อชายังจะให้เราอยู่ไม่เห็นใจเราแล้ว ตอนนั้นนั่งพับเพียบไม่ค่อยได้ ด้วยความ ที่เราไม่เคยนั่งอย่างนี้ จึงทำให้เจ็บปวดอย่างแรงที่สุด จึงอยากเปลี่ยนท่านั่ง

    พิจารณาในอารมณ์ แล้วทราบความทุกข์กับชีวิตของเราได้ ที่กุฏิครั้งแรกกุฏิที่อยู่วัดหนองป่าพง พระไทยสมัยนั้นก็ไม่สูงเท่าไร นิยมสร้างเตี้ยๆ และไม่มีพระฝรั่ง เราต้องก้มตัวลง ยืนตรงไม่ค่อยได้ เวลาเข้าประตูก็ต้องก้ม เสร็จแล้วก็เกิด อารมณ์รังเกียจกุฏิหลังนั้น บ้างก็อยากได้กุฏิสูงกว่านี้ แล้วไปหาหลวงพ่อบอกว่ากุฏิมันเตี้ยเกินไป อยู่ยาก มันโดนศีรษะ มันอันตราย และเรารู้สึกไม่สบายใจ อยากอยู่กุฏิอื่น

    หลวงพ่อไม่ให้เรา พอพิจารณาแล้วว่ากุฏิ พอที่จะกันแดดกันฝนได้ กุฏิเตี้ยนั้นพออยู่ได้ก็ดีแล้ว ถ้าพิจารณาโดยปัญญาอย่างนี้ก็พอใช้ได้ ถ้าพิจารณาแบบคนอเมริกัน ตามวัฒนธรรมของคนอเมริกาว่าเตี้ยเกินไป เล็กเกินไป ไม่เหมาะไม่ชอบกุฏิหลังนี้ก็จะมีความทุกข์อยู่ ถ้าเราพิจารณาด้วยปัญญา ก็จะพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่

    เรื่องอาหารก็เหมือนกัน หลวงพ่อท่านชอบทรมานลูกศิษย์ เรื่องอาหารญาติโยมก็นำมาถวาย แล้วหลวงพ่อก็ให้เทใส่กะละมังใหญ่ เป็นปลา เป็นไก่เป็นหมูทุกอย่างแล้วก็ผสมกัน จะมีข้าวเหนียวมีอาหารอีสานมีรสแปลกๆ ที่เราไม่เคยชิม เราก็เลยเกิดอารมณ์รังเกียจอาหารด้วยมันไม่อร่อยมันไม่คุ้นเคย แล้วก็มีของ หวานที่โยมนำมาถวายผสมกันหมดเลย มันทำให้การ ทานอาหารลำบากแล้วก็มีความทุกข์เกิดขึ้น

    ความจริงพระพุทธเจ้า สร้างวินัยให้พระรับอะไรก็ได้ไม่ใช่แต่สิ่ง ที่ชอบ หรือเป็นอาหารของเศรษฐีที่เอร็ดอร่อย แต่ให้คิดว่าอาหารที่ให้ทานมานั้น เป็นอาหารที่บริสุทธิ์ ให้พิจารณาอย่างนี้ และอาหารที่มีอยู่ในบาตรนั้นก็ดีแล้ว พอที่จะรักษาสุขภาพร่างกายให้ดีด้วย

    เรื่องอาหารของอเมริกา เปรียบเทียบกับอาหารที่มีอยู่ในวัดหนองป่าพงนั้น เราก็คิดว่าอาหารของอเมริกาดีกว่าอร่อยกว่า อาหารที่วัดหนองป่าพงก็แย่ ไม่อร่อยเลย นั่นก็เป็นความคิดความเห็นที่เกิดขึ้น ทำให้เรามีความทุกข์ พิจารณาด้วยปัญญาเราก็จะเห็น และปล่อยความคิดแบบนี้ได้เราก็จะสามารถฉันอาหารได้ด้วยสติด้วยปัญญา

    เมื่อ ๒๖ ปีมาแล้วตอนนั้นโยมได้นิมนต์ไป อยู่ประเทศอังกฤษ แล้วเราก็อยู่จนเคยแล้ว อยู่วัดหนองป่าพง วัดป่านานาชาติมากว่า ๑๐ พรรษาแล้ว แล้วก็เปลี่ยนแปลงร่างกายใจ ให้เข้ากับพระไทยในสมัยนั้นตอนนั้นที่ไปอยู่อังกฤษกับหลวงพ่อเราก็สงสัยว่า เราจะรักษาวินัยได้ไหม ในอังกฤษไม่ค่อยมีใคร รู้เรื่องของพระพุทธศาสนา แล้วเราจะอยู่ในลอนดอนอย่างไร ถ้าไม่มีเงินจะใช้ แล้วคนอังกฤษจะเข้าใจอย่างไร เป็นคนแปลก ศีรษะอย่างนี้ (จับศีรษะ) มีจีวรอย่างนี้ เดินวิบากใน กรุงลอนดอน จะเข้าใจความประสงค์ของเราอย่างไร เราก็สงสัยอย่างนี้

    แล้วเราก็ถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อถ้าไม่มีใครจะใส่บาตร ไม่มีใครจะถวายปัจจัย ๔ เราจะอยู่ได้อย่างไร อาจารย์ก็ตอบอย่างดีว่า คนตะวันตกไม่มีเมตตา เราก็ว่ามีเมตตาเหมือนกันและอาจารย์บอกว่าเราต้องอยู่ได้ เพราะชาวพุทธมีอยู่ทั่วโลก และชาวพุทธเป็นคนดีเราต้องอาศัยความดี ท่านก็อยากให้เราพิจารณาในความเป็นมนุษย์ว่าเป็นอย่างไร

    ในประเทศอังกฤษ อเมริกาคนใจดีก็มีมาก คนมีเมตตาก็มี ท่านก็อบรมเราอย่างนี้ หลวงพ่อชาก็เก่งนะ ทั้งที่ท่านไม่เคยไปอเมริกา ไม่รู้ว่าอังกฤษเป็นอย่างไร อยู่เมืองไทยตลอด แต่ท่านก็รู้ในเรื่องของสัตว์มนุษย์ เราว่าเป็นอย่างไร เราก็ไปอยู่อังกฤษ ๒๖ ปี ก็ดีเหมือนกัน ไม่อดอาหาร ที่อยู่อาศัย ผ้าจีวรก็สมบูรณ์ดี เราไปอยู่ก็ไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร เรื่องสิ่งจำเป็น


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    โดย :จิ้มจุ่ม ( สมาชิกไอดีที่ 124883) โพสเมื่อ [ วันจันทร์ ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 15:38 น.] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>การให้...แค่เพียงคิดจะทำ..ใจก็ยังเป็นสุข.. ท่าน ว. วชิรเมธี </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    มือของผู้ให้..อยู่สูงกว่ามือของผู้รับ...
    ชื่อของผู้ให้...น่าจดจำกว่าชื่อของผู้ขอ..
    เกียรติของผู้ให้...กรุ่นหอมอยู่เหนือกาลสมัย..
    ยิ่งกว่าเกียรติศักดิ์ของนักรบและปวงวีรบุรุษ..

    การให้. แค่เพียงคิดจะทำ..ใจก็ยังเป็นสุข..
    ครั้นได้ให้แล้ว...จิตใจก็แช่มชื่นเบิกบาน...
    เมื่อวันเวลาผ่านไป.. หวนกลับไปรำลึกถึงดวงหน้าอันเปี่ยมสุขของผู้รับ...
    ความปีติสุขก็ย้อนกลับมาทำให้หัวใจอิ่มเอม...


    การให้... จึงเป็นความสุขแท้ทั้งเวลาก่อนให้.. ขณะที่ให้.. และหลังจากได้ให้ไปแล้ว...

    การเสียสละ..แบ่งปัน... เป็นทั้งความ..สมาน..
    คือ...ความสามัคคีปรองดองระหว่างกันและกัน และเป็นกุศโลบายในการสร้างความ..เสมอ..
    คือ..ให้คนทุกคนมองเห็นกัวอกของคนอื่น..
    เมื่อมนุษย์รู้จักแบ่งปันแก่กันและกัน..
    อันมีพื้นฐานมาจากการมีอัชฌาศัยกว้างขวางเอื้ออารีเช่นนี้ ศานติภาพท่ามกลางความแตกต่างก็จะเกิดมีได้อย่างไม่ยากเย็นนัก...

    หากปราศจากรากฐานอันมั่นคงแข็งแกร่ง..
    ไหนเลยรูปรอยแห่งมหาวิหารอันโอฬาริก จะก่อกำเนิดเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้
    บุคคลผู้ยิ่งใหญ่หากสิ้นไร้ซึ่งผู้เสียสละ ที่อุทิศตนยืนหลบฉากอยู่เบื้องหลัง คอยส่งกำลังใจ..เสนอความคิด..
    อุทิศตนเป็นดังอิฐก้อนแรกให้ย่างเหยียบ..
    ไหนเลยจะเผยอตนขึ้นสู่หอคอยแห่งเกียรติยศได้อย่างทระนง...

    คนที่ไม่เคยเป็นผู้ให้...ย่อมยากที่จะได้รับ..
    "การให้"..มองอย่างธรรมดาดูเหมือนว่า..เป็นการสูญเสีย..
    แต่แท้ที่จริงแล้ว... ผู้ให้ คือ..ผู้ที่ได้รับต่างหาก..
    คนที่เป็นผู้ให้จึงมีเกียรติคุณเกริกกรรจายชั่วฟ้าดินสลาย
    ทั้งนี้นั่นเป็นเพราะ "...โลกคารวะผู้ให้... แต่บอดใบ้ต่อผู้กอบโกยและโกงกิน..."



    ธรรมะรับอรุณ....ท่าน ว. วชิรเมธี
    ที่มา
    http://www.dhammajak.net/
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    โดย :จิ้มจุ่ม ( สมาชิกไอดีที่ 124883) โพสเมื่อ [ วันพุธ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 15:47 น.] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 4 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, IT Man</TD></TR></TBODY></TABLE>

    ท่านพลัง 9 เด่นเมตตา นะครับ
     
  6. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    "ทำไมคนเรา "ไม่เห็น" ธรรม"
    รู้ตามปริยัติที่บัญญัติไว้ในตำรา หรือว่าพิสูจน์ตามหลักฐานคือศัพท์หรือคำบาลีนั้นยังไม่ใช่ตัวธรรมะที่แท้จริง เป็นแต่รู้ตามตำรา จะเอามาใช้ให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริงยังไม่ได้ก่อน

    ต่อเมื่อรู้ด้วยปัจจัตตังเฉพาะตนเท่านั้น จึงจะนำเอามาใช้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ฉะนั้นจึงเป็นของเห็นได้ยาก

    “ดอกบัวบานแล้วทางทิศตะวันตก”
    ในประเทศอังกฤษ อเมริกาคนใจดีก็มีมาก คนมีเมตตาก็มี ท่านก็อบรมเราอย่างนี้ หลวงพ่อชาก็เก่งนะ ทั้งที่ท่านไม่เคยไปอเมริกา ไม่รู้ว่าอังกฤษเป็นอย่างไร อยู่เมืองไทยตลอด แต่ท่านก็รู้ในเรื่องของสัตว์มนุษย์ เราว่าเป็นอย่างไร

    "การให้...แค่เพียงคิดจะทำ..ใจก็ยังเป็นสุข.. ท่าน ว. วชิรเมธี"
    คนที่ไม่เคยเป็นผู้ให้...ย่อมยากที่จะได้รับ..
    "การให้"..มองอย่างธรรมดาดูเหมือนว่า..เป็นการสูญเสีย..
    แต่แท้ที่จริงแล้ว... ผู้ให้ คือ..ผู้ที่ได้รับต่างหาก..
    คนที่เป็นผู้ให้จึงมีเกียรติคุณเกริกกรรจายชั่วฟ้าดินสลาย
    ทั้งนี้นั่นเป็นเพราะ "...โลกคารวะผู้ให้... แต่บอดใบ้ต่อผู้กอบโกยและโกงกิน..." การให้... จึงเป็นความสุขแท้ทั้งเวลาก่อนให้.. ขณะที่ให้.. และหลังจากได้ให้ไปแล้ว...

    โมทนาสาธุครับ
     
  7. Natachai

    Natachai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +937
    คาถาชุดนี้น้อยคนที่รู้นะครับว่าผิดมีอยู่ 2 จุด แต่จุดที่ 2 สมัยที่หลวงพ่อฯอยู่ท่านทราบบอกว่าได้ไม่เป็นไร แต่จุดที่ 1 สีแดง ส่วนนี้เป็นส่วนเกินครับ สีแดงถ้าทราบความหมายจะเข้าใจว่าทำไมถึงไม่ใช่นะครับ

    คำว่า
    สัมปะจิตฉามิ มีพระสงฆ์ฯรูปหนึ่งแต่งใส่เข้าไปซึ่งคิดว่าใช่ในภายหลัง อันที่จริงเป็นประโยคที่ไปขัดกับคาถาทั้งหมด

    ให้สอบถามพระฯเบื้องบนดูนะครับถ้าสงสัย


    พระคาถาเงินล้าน


    สัมปะจิตฉามิ, นาสังสิโม พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม
    มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม มิเตพาหุหะติ พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ
    วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม
    สัมปะติจฉามิ เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2011
  8. katika

    katika สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +6
    สวัสดียามเช้าคะ พี่ๆทุกท่าน
    ติดตามอ่านคะ หึหึหึหึ แต่สงสัยกระทู้นิดนึงว่ากระทู้อะไรหนอ มีการออกแบบทรงผมด้วย ห้าห้าห้า ฮาดีคะ ไม่ซีเรียสไม่เครียด ดีคะ นานาสาระ แทรกเนื้อหา ไม่ชวนให้ง่วงนอน มีอะไรเล่าให้ฟังคะ เมื่อคืนฝันเห็นคนมาตีลูกสุนัข คือ สุนัขของตัวเองคะ เสร็จแล้วด้วยความโกรธ จึงระเบิด สบทคำออกมาว่า มรึงตายยยย พร้อมฟาดไปเต็มแรง ( แบบว่าป้องกันเจ้าตัวเล็กด้วยความโกรธ ) สรุป ผลปรากฏว่า ฝ่ามือพิฆาตดาวเหนือที่ฟาดเปรี้ยงลงไปนั้น กระทบผิวเสียงดังเผี๊ยะ โอ้ โห แฟนเราเองนอนอยู่ข้างๆ 555555555 สามครั้งแระ ละเมอ ฟาดเขา หุหุหุหุ แฟนบอกว่า สงสัยมีปืน มีมีด ละเมอแทงเขาขึ้นมาทำไง หุหุหุ คิดในใจว่าตัวใครตัวหละสิเพ่ 55555555555555 หลวงพ่อโกย ก่อนหละ ห้าห้าห้าห้า ขำๆยามเช้าคะ ถ้าไม่แคร์น้องจะหยาบคาย เพื่อ ความตลกสักเล็กน้อยนะคะ อิอิอิอิ
    และแล้วก็ทราบว่าตนเองยังเป็นบัวที่ยังไม่พ้นน้ำ ห้าห้าห้า เพราะยังควบคุมอารมณ์ตนเองยังไม่ค่อยได้ คะ ว่าแต่ว่า คุณ แหน่ง กับคุณ IT man คนเดียวกันหรือเปล่าคะ งง เพราะมาที่ก็มาตามทาง บุญวิถีของข้าพเจ้า
     
  9. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>แสงแห่งศรัทธา ณ วัดเล่งเน่ยยี่ 2 </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>
    วัดเล่งเน่ยยี่ 2 เป็นวัดจีนที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย มีพื้นที่ราวๆ 12 ไร่เศษ จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี (ในปีพ.ศ. 2539)



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่ตั้งอย่างเป็นทางการก็คือ เลขที่ 75 หมู่ 4 ตำบลโสนลอย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ไม่ใกล้ไม่ไกล จากกรุงเทพ ไม่ว่าจะขับรถหรือนั่งรถก็สบายๆ แค่ 1 เพลิน ไม่มีใครคาดคิดว่า แต่เดิมทีที่ตรงนี้เป็นเพียงแค่โรงเจขนาดเล็กซึ่งมีพื้นที่แค่ 2 ไร่อันเป็นสถานที่ซึ่งชาวบางบัวทองให้ความเคารพนับถือมาก

    แต่ด้วยแนวคิดของวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) จากมติของคณะสงฆ์นิกายจีนแห่งประเทศไทยที่ดำริจะสร้างวัดจีนขึ้น จึงได้มอบหมายหน้าที่นี้ให้กับ “เจ้าคุณเย็นเซี้ยว” (พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์) ได้ทำหน้าที่เป็นประธานที่ปรึกษาการจัดสร้างฝ่ายสงฆ์ ในการนี้ได้เปิดให้พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาได้มีโอกาสร่วมบุญในการจัด สร้างวัดแห่งนี้ด้วย

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์นิกายจีนรังสรรค์” โดยมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก เสด็จทรงเป็นองค์ประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ของวัด


    วัดเล่งเน่ยยี่ 2 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานถึง 12 ปี (พ.ศ. 2539-2551) ก่อนที่ความยิ่งใหญ่อลังการและศิลปะความงดงามทางจิตวิญาณแห่งนี้จะปรากฏแก่ สายตาชาวโลกดังที่เราได้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เวลาทำการที่เปิดให้บุคคลภายนอกได้เข้าสู่บริเวณวัดคือตั้งแต่ 8.00 น. เป็นต้นไป (แต่หก-เจ็ดโมงก็เข้าได้แล้วล่ะ)จนถึงห้าโมงเย็นในวันธรรมดา และถึงหกโมงเย็นในวันเสาร์-อาทิตย์

    บริเวณโดยรอบของวัดมีการจัดเคลียร์พื้นที่จอดรถอย่างกว้างขวางทั้งสองด้าน แต่ถึงกระนั้นเราก็คิดว่าคงยังไม่พอ เพราะเหลือบไปเห็นป้ายบอกทางไปที่จอดรถของวัดจุดที่ 3 ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลออกไป นั่นยืนยันถึงจำนวนผู้คนจำนวนมากที่เดินทางมาถึงวัดแห่งนี้ในโอกาสสำคัญได้ เป็นอย่างดี

    วัดเล่งเน่ยยี่ 2 หันหน้าไปทางทิศใต้ ตั้งอยู่ในทิศขวางตะวัน ดังนั้นเราจึงสามารถถ่ายภาพได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกโดยมีมหา วิหารเป็นฉากหน้า...นี่คือข้อมูลการถ่ายภาพที่สำคัญของสถานที่แห่งนี้ หลังซุ้มประตูนั้นเรียงรายด้วยหุ่นศิลา “จับโป่ยหล่อหั่ง” หรือ 18 อรหันต์ รูปสลักลอยตัวแบบที่แกะจากหินทั้งก้อนอันแสดงถึงฝีมือในการสลักหินอย่าง ชัดเจน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    หากไปแล้วอย่าลืมสังเกตที่ฐานล่างของหุ่นเหล่านี้ จะเห็นได้ทันทีว่ามีที่มาจากหินทั้งก้อนจริงๆวิหารหลังแรกที่ขึ้นไปถึงนั้น คือ “วิหารจตุโลกบาล” ซึ่งเต็มไปด้วยรูปเคารพของพระอรหันต์และพระโพธิสัตว์รวมทั้งเทพเจ้าตามคติ ความเชื่อแบบจีนสีทองอร่ามตา เป็นจุดแรกที่มีคนนิยมไหว้ขอพรกันมาก

    วิหารขนาดย่อมลงมาที่ตั้งอยู่ทั้งสองด้านก็คือ “หอกลอง” และ “หอระฆัง” ขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งมีการใช้งานจริงในฐานะที่เป็นเครื่องมือส่งสัญญาณในวาระต่างๆ ของวัดแต่ละช่วงเวลาในหนึ่งวัน ถัดจากนั้นเพียงบันไดหินอีกไม่กี่ขั้น ก็คือมหาวิหารใหญ่ซึ่งเป็นพระอุโบสถของวัดภายในมีพระประธานสีทองขนาดใหญ่ อยู่สามองค์คือ พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน), พระอมิตาภพุทธเจ้าและ พระไภษชยคุรุไวฑูรยพุทธเจ้า ซึ่งมีความสูงจากวัชรบัลลังก์ถึงยอดพระเกศา 4.02 เมตร กว้างถึง 3.08 เมตร และด้านบนเพดานของมหาวิหารนี้ก็ยังตกแต่งลวดลายและสีสันอย่างงดงามอร่ามตา ตามแบบฉบับของอารยะธรรมจีน

    อาคารขนาดใหญ่อีกแห่งที่อยู่ด้านหลังก็มีความสำคัญไม่แพ้กันนั่นคือ “วิหารพระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์” เป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์กวนอิม ปางพันตาพันมือ ซึ่งแกะสลักจากไม้เนื้อหอมส่งตรงจากประเทศจีนมีความงดงามและน่าศรัทธาเป็น อย่างมากความเพลิดเพลินโดยรอบวัดนั้นเกิดจาก การสรรหามุมมองในการถ่ายภาพ สำหรับผู้ที่อยากจะฝึกวิทยายุทธทางด้านการจัดองค์ประกอบภาพแล้ว

    ขอแนะนำให้เดินทางมาที่นี่ บอกตามตรงว่าอาจจะดูเหมือนง่าย แต่ถ้าจะถ่ายภาพให้ออกมาได้ดีนั้นไม่ง่ายเลย เพราะเส้นสายต่างๆ ของตัวอาคารนั้นมีค่อนข้างมาก แถมด้วยสีสันสะดุดตาในแทบทุกจุด และสำคัญที่สุดก็คือไม่มีระยะห่างของแต่ละอาคารมากนัก ดังนั้นจึงต้องใช้ฝีมือในการมองหามุมและจัดวางองค์ประกอบให้กับกรอบสี่ เหลี่ยมกันแบบ “เต็มที่”

    ที่นี่ไม่ได้ห้ามทั้งขาตั้งกล้องและแฟลช แต่การใช้แสงแฟลชร่วมกับงานศิลปะนั้นอาจจะต้องพิจารณาให้ดี เผลอๆ อาจจะโดนสายตาประณามเงียบจากคนรอบข้างก็เป็นได้ ดังนั้นทางที่ดีก็คืออย่าใช้ดีกว่า พึ่งแสงธรรมชาติล้วนๆ โดยหมุนหามุมที่เหมาะก็ดูท้าทายดีเหมือนกัน

    ข้อมูลโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    โดย :จิ้มจุ่ม ( สมาชิกไอดีที่ 124883) โพสเมื่อ [ วันจันทร์ ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา 14:52 น.] [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. แหน่ง

    แหน่ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    741
    ค่าพลัง:
    +768
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, katika </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สวัสดีตอนเช้าครับ
     
  11. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385


    ขอบพระคุณครับที่ชี้แนะ ผมเคยอ่านจากตำราเก่าๆก็ขึ้นด้วย นาสังสิโม...เลยครับ ไว้จะลองถามดูครับ
    โมทนาสาธุครับ
     
  12. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    55 เป็นฝันที่ตื่นเต้นดี(สำหรับคนฝันนะครับ..หุหุ) แต่คนนอนข้างๆอย่าฝันตอบหล่ะ อาจจะยาวได้ครับ

    ขอบคุณอีกครั้งที่ติดตามบอร์ดของพวกเราผองเพื่อน

    เดิมทีผมใช้ account = psombat ครับ ต่อมาเมื่อปลายปีจึงมาใช้ IT Man เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์และอาชีพของตัวจริงๆ

    ส่วนคุณแหน่งเป็นเพื่อนกันกับผม ได้รู้จักกันเมื่อคราเป็นสมาชิกชมรมรักษ์พระวังหน้า จนกระทั่งยุบชมรมรักษ์พระวังหน้ามาเป็นชมรมพระวังหน้า จากนั้นคงสภาพสมาชิกได้ราว 2 เดือนก็ได้ลาออกจากชมรมพระวังหน้าครับ

    ปัจจุบันพวกเราไม่ได้สังกัดใครหรือชมรมอะไร เพียงแต่มีเจตนาที่ตรงกัน สามารถพูดคุยภาษาเดียว(ทั้งภาษาอิสานและภาษาอื่นๆตามรสนิยม) ตลอดทั้งเคารพครูอาจารย์เดียวกัน มีความเชื่อที่คล้ายๆกัน ก็เลยได้ออกมาพูดคุยเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับพระพิมพ์ต่างๆ ในมุมที่คนทั่วไปไม่ได้นึกถึงหรือมองเห็น แต่จะเน้นก็ในเรื่องพระพิมพ์วังหน้ากับพระกริ่งโดยหลวงปู่ปวเรศเป็นหลัก บางทีก็สอดแทรกเรื่องราวประสบการณ์ทางสายบุญมาจารึกไว้ด้วยครับผม
     
  13. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    [​IMG]

    พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00308.jpg
      DSC00308.jpg
      ขนาดไฟล์:
      128.5 KB
      เปิดดู:
      558
    • 1-Butha.jpg
      1-Butha.jpg
      ขนาดไฟล์:
      428.2 KB
      เปิดดู:
      53
  14. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    [​IMG]

    พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (พระแม่กวนอิม)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00298.jpg
      DSC00298.jpg
      ขนาดไฟล์:
      154.7 KB
      เปิดดู:
      533
  15. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    [​IMG]

    The Aura Layer of Phra Kring Pavarech

    [​IMG]

    The Aura Layer Soutlined ..

    >>> More inf. <<<
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2011
  16. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    พระวัชรสัตว์: ตามความเชื่อของศาสนาพุทธลัทธิมหายาน นิกายตันตระ พระองค์คือนิรมานกายของพระอาทิพุทธเจ้าหรือพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 6
     
  17. katika

    katika สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +6
    ขอบคุณคะ ที่นำภาพสวยๆมาให้ชม จริงๆแล้วชื่อก็เหมือนชื่อเพื่อนคุณคะ สะดุดตาเลยแว๊บมาว่าใครชื่อคล้ายเราหว่า ( คิดในใจ ว่าชื่อเราแปลกแล้วยังเหมือนอีกเหรอประมาณนี้คะ แต่ไม่รู้คนจะแปลกเหมือนกันไหม อิอิอิ ) จริงๆก็ไม่ค่อยทราบประวัติเรื่องพระวังหน้า หรือ วังหลังสักเท่าไรคะ รู้แต่ว่า ใครมีอะไรดีๆมาให้ชม เป็นต้องแจมขอชมด้วยคะ ส่วนสังกงสังกัด นี่ ไม่เคยมีสังกัดอะไรกับใครเขาเลยคะ ก็เป็นเหมือนรถขายโอ่งตามบ้านนอกคะ ไปเรื่อยๆ หุหุหุ หัวเดียวกระเทียมลีบ เพิ่งหันมาศึกษาเรื่องพระเครื่องได้ไม่ถึงปีเลยคะ ก่อนหน้านั้นจะเช่าสะเปะสะปะ ไปหมด ดูไม่เป็นคะ เช่ามาได้สองวัน สีลอกกระเทาะเห็นแต่อิฐ แต่แฟนเขาชอบสะสมพระทุกประเภท คราวนี้จึงหัวจุ้มกันเลย ( อีสานแท้แท้เน้อ ) ครานี้เลยต้องศึกษาหาความรู้บ้าง เพื่อเป็นหลักการในการเช่าพระหากพบเจอ จะได้ไม่ถูกต้มเปื่อย ไม่มีอะไรมากมายคะ ไม่ถึงขนาดขอเป็นเซียน แต่ขอให้รู้แค่เลาว่า พระกรุ ควรเป็นไปในทางทิศไหน ในบางครั้ง เราโพสพระสอบถาม แต่ไม่ได้รับคำตอบก็รู้ท้อใจเหมือนกัน คนที่ยังดูไม่เก่ง และ ยังแคลงใจซึ่งต้องการคำชี้แนะ แต่ถูกปิดประตูตาย จากอีกฝ่าย ก็ไม่ต่างอะไร กับบอดตาสี และสิ่งไหนหละสำคัญ นักเรียนตั้งคำถาม ครูไม่มาเฉลย ก็มีค่าแค่ศูนย์ ครูสั่งการบ้านนักเรียนไม่ทำการบ้าน ก็เท่ากับศูนย์ สิ่งที่ตนเองคิดนั้น การศึกษาเพื่อให้ได้มาถูกหลักการ เพื่อ ต้องการแสวงหาพระ ที่บางท่านอาจหลงลืม และ แลดูด้อยค่าราคา และ ไม่สนใจที่จะเก็บสะสม ( ขอใช้นามแฝงนะคะ) ยาอยากเก็บไว้คะ ยาเก็บทุกอย่าง ที่ตัวเองชอบ ไม่มีพระหลัก พระรอง เห็น แล้วชอบก็เช่ามาด้วยราคาไม่มีกี่สตางค์ ดีกว่าปล่อยไว้ให้คนที่ปล่อยพระ หอบหิ้ว วางกองแบกะดินแบบไร้ค่า ไร้ความหมาย ไร้พระพุทธคุณ ก็ไม่ทราบเหมือนกนว่าพวกฝรั่งมาเห็นจะคิดยังไงกัน กับการกองพระเครื่องวางขายให้เกลื่อนแบกะดิน เฮ้อ การศึกษาไม่มีสิ้นสุด เดินผิดทางบ้านถูกบ้าง ก็ยังไม่แน่ใจตัวเอง เพราะ ไม่มีใครชี้แนะ ว่าใช่ไม่ใช่ แบบตรงๆ ปล่อยให้คิดเอง ก็คงต้องคลำหาทาง เรื่อยๆคะ เรื่องบางอย่างยากจะอธิบายคะ และเรื่องบางอย่างยากที่จะพูด พูดไปกลัวสะดุดเท้าใครเข้าเดี๋ยวฟาดก้านคอเรา แย่เลย อิอิอิอิอิ ยินดีได้รู้จักคะ พี่สมบัติ และ คุณแหน่ง และ เพื่อนๆสมาชิกทุกๆคนที่มาเยี่ยมเยีนบอร์ดนี้คะ
     
  18. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    [​IMG] [​IMG]

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ


    กราบ กราบ กราบ
    กราบ กราบ


    องค์ข้างบนนี้...ผมให้ช่างทองทดลองชุบทองดู ท่านออกมาอย่างที่เห็นครับ

    หมายเหตุ: ถ้ามีน้อยองค์อย่าลองนะครับ หุหุ<!-- google_ad_section_end -->
     
  19. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,385
    ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณยา พวกเรามีอะไรที่คล้ายๆกัน(อีกแล้ว) โดยเฉพาะเป็นคนอิสานคือกันครับ

    ผมเองก็เคยเดินทางเส้นเดียวกันนี้ครับ แต่พึ่งมาหยุดกันจริงๆเมื่อราวหนึ่งปีเศษมานี้เอง เสียเงินเสียเวลามาก็มาก แต่ก็ไม่เคยเสียดายหรือเสียใจ เพราะคิดว่าเป็นบันไดให้เราก้าวมาถึงจุดๆนี้จนได้

    ในใจก็หวังลึกๆเหมือนกันว่า อยากให้คนทั่วๆไปได้รู้ได้เห็นได้ครอบครองได้ประสบการณ์เหมือนกันกับเรา ซึ่งคงเป็นไปได้ยากมากๆแต่ก็จะพยายาม เพื่อที่สุดท้ายจะได้หยุด!แล้วมีเวลาเสาะแสวงหาเสบียง(อริยทรัพย์ภายใน)เพื่ออำนวยผลทั้งภพนี้และภพหน้าต่อไปครับผม

    โมทนาสาธุเด้อ...
     
  20. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    สวัสดีท่านน้องแวะมาเยี่ยมครับ
    อิอิอิอิอิ
    แล้วเมื่อไหร่ลงมาบางกอกละครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...