มีหนังสือ"แปลก" ที่เชื่อว่า ชาวพลังจิต"ทุกคน" ได้อ่านแล้วจะ อึ้ง! ค่ะ ^_^

ขอบคุณที่แบ่งปันคะ.. อ่านเล่มแรก ก็รู้สึกว่า..อืม คำพูด มันคุ้นๆๆจัง.. เปิดใจอ่านอยู่คะ*-* จะอ่านให้จบเลย 3 เล่มนี้

 

อ่านแล้วคิดเห็นอย่างไร ก็มาแชร์กันบ้างนะคะ ^_^

โดยส่วนตัว mamboo คิดว่า คนเขียนเขาศึกษามาเยอะ แล้วพี่เขารู้เรื่องธรรมะเยอะมาก(อยู่เล่ม 2) แต่เขาออกแนวถ่อมตน

แล้วความเห็นส่วนตัว mamboo คิดว่า เขาตั้งใจเขียนให้เป็นนิยาย และบอกว่าคนที่คิดทฤษฎีเป็นคนโลกอื่น เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในโลกของเรา เพราะถ้าเขียนเป็นหนังสือทฤษฎีออกมาโจ้งๆ ก็อาจจะมีคนมาแย้ง มากล่าวตำหนิ แต่หากบอกว่าเป็นนิยาย ก็ไม่มีใครมากล่าวตำหนิได้ ถือว่าคนเขียนฉลาดมากค่ะ

ส่วนมากสมมติตัวละครว่ามาจากนอกโลกนี่ ดีมากๆ .. ทำให้คนอ่านบางคนที่ยังไม่เปิดใจ ไม่ได้เข้าใจว่า.. เขาล้มล้างทฤษฎีของไอน์สไตน์หรือว่าของนิวตั้น แต่เขาล้มล้างทฤษฎีของอัวโดลาโด้(ไม่รู้จำชื่อผิดไหมนะคะ อิอิ ^^) กับ มันตราส

ถือว่าคนเขียนฉลาดมากค่ะ ^_^ คือ เป็นหนังสือสำหรับคนที่ เปิดใจ จริงๆ ใจกว้างพอที่จะรับฟังทฤษฎีใหม่ๆ ส่วนใครที่ยังไม่เปิดใจ ก็คิดเสียว่า มันเป็นแค่นิยาย แล้วเนื้อหาก็ไม่ได้ล้มล้างทฤษฎีของคนบนโลก แต่เป็นโลกอื่น

ใครที่สนใจหนังสือเล่มนี้ ลอง e-mail ไปคุยกับคนเขียนได้นะคะ แล้วเขาจะตอบคำถามคุณได้แบบ อึ้ง! มากๆ O.O

mamboo มีความเห็นลึกๆว่า มนุษย์ท่านนี้ อาจจะขึ้นมาเป็นอัจฉริยะแทน ไอน์สไตน์เสียแล้ว.. แต่ท่านก็ไม่ได้ประกาศตัวให้มีชื่อเสียง อยู่เงียบๆ เขียนหนังสือก็ให้คนอ่านฟรี ไม่คิดจะตีพิมพ์ ทั้งๆที่สำบัดสำนวนการเขียน ใช้ได้เลยทีเดียว

แล้วคนเขียน ยังมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องพระพุทธศาสนาได้ลึกซึ้งมากค่ะ(mamboo e-mail ไปถามเขาแล้ว)

ถ้าใครอยากรู้จักคนเขียน ก็ลองเมลไปถามเขาดูเล่นๆนะคะ ^_^ จะได้รู้วิสัยทัศน์ของเขามากขึ้น ^-^

 

โอ้...... คุงพี่ เลขโนนสูง mamboo ขอประทานโทษจริงๆนะคะ T-T

เรียก เลขสูงเนิน มาตั้งนาน --'(เรียกตามจิตใต้สำนึกอ่ะค่ะ อิอิ ^^)

และขอขอบคุณสำหรับข้อมูลเรื่อง อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมาด้วยนะคะ ^_^

คราวนี้จำได้แม่แระ ว่า.. คุงพี่ชื่อว่า คุงพี่ เลขโนนสูง ไม่ใช่่[x] เลขสูงเนิน อิอิ

 

mamboo ว่า หนังสือเล่มนี้ ถ้าได้ตีพิมพ์ต้องเป็นหนังสือขายดีแน่ๆเลยค่ะ ^_^ Best Seller!

แต่..

ผู้เขียน ทำไมเขาถึงไม่ส่งตีพิมพ์ก็ไม่ทราบเหมือนกัน แล้วเขายังอยากให้ทุกคนโหลดไปอ่านฟรีๆด้วย..

ถือว่า เป็นบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไรจากวิชาความรู้จริงๆ ^^ เยี่ยมยอดมากเลยค่ะ ^_^

 

จะเข้ามาบอกคุณ mamboo ว่า กำลังอ่านอยู่นะคะ ยังไม่จบฉบับแรกเลย
คงต้องพริ้นท์มาอ่าน อ่านในคอมพ์มากๆก็ปวดหัว ปวดตาอยู่เหมือนกัน

หลักการหลายอย่างจากหนังสือ เป็นสิ่งที่คล้ายกับที่มีปรากฎอยู่แล้วในแก่นของศาสนาและปรัชญาหลักๆที่เรารู้จักกันดี เช่น พุทธ เซน เต๋า ฯ แต่เมื่อนำมาอธิบายในแนวนี้ หรือด้วยหลักการคณิตศาสตร์ ก็ทำให้เห็นภาพได้ชัดไปอีกแบบ

บางเรื่องในหนังสือ เหมือนจะมีแนวที่คล้ายๆกันกับหนังสือเล่มอื่นที่เคยอ่านอยู่เหมือนกันนะคะ เช่น conversation with god

คุณ mamboo มีความเห็นอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจก็ใส่เข้ามาให้อ่านด้วยนะคะ
จะตามอ่านไปเรื่อยๆ.. :d

 

ขอบคุณมากครับ ^^

 

เพราะฉะนั้นสรุปแล้วหนังสือพยายามจะเล่าว่า "เวลาคืออะไร และการไหลของเวลาเป็นอย่างไร"
ซึ่งมันก็คือ "การไหลของเหตุ และผล"...

"อดีต" เป็นเหตุที่ทำให้เกิด "ปัจจุบัน"
"ปัจจุบัน" เป็นเหตุที่ทำให้เกิด "อนาคต"

นี่เป็นการพูดคุยในกรอบการสนทนาเรื่องเวลา
แต่หากจะพูดโดยใช้กรอบของธรรมะ เราก็จะต้องพูดว่า..

"อดีตไม่มีอยู่แล้ว เป็นเพียงแค่ 'ความจำ',
อนาคตยังไม่เกิดขึ้น เป็นเพียง 'ความคิดฝัน',
ปัจจุบันคือสิ่งที่ 'กำลังมีอยู่จริง'"

แต่ปัจจุบันที่เรากำลังพูดถึงกันก็สั้นมาก และคนทั่วไปก็ไม่ค่อยจะได้อยู่กับปัจจุบัน
โดยหากสังเกตดูดีๆ ลงในใจของเราเอง เรามักจะฟุ้งไปติดอยู่ในสองที่
คือถ้าไม่คิดถึงเรื่องเก่าๆ (อดีต) ก็จะไปฝันถึงเรื่องที่ยังมาไม่ถึง (อนาคต)[/COLOR]

พี่ถามเขาไปเกี่ยวกับเรื่องของเวลาเขาก็ตอบพี่มาแบบนี่จร้า ก็เอามาเล่าสู่กันฟัง
จร้า น้อง mamboo

 

เราจะให้สวรรค์ คือสถานที่ที่ไม่เป็นที่รู้จัก หรือ สวรรค์ คือตอนนี้ ที่นี่.....?
Heaven is nowhere or Heaven is now here.....?

 

เค้าแค่พยายามจะมาบอกว่า ดินแดนแห่งความว่าง ไม่มี

อนัตตา ไม่มี อนิจจัง ไม่มี

ได้โปรดอย่าเข้าใจผิด รึป่าวคับ

 

ขอบคุณที่แนะนำหนังสีอน่าอ่านนะครับ

 

เป็นการตกผลึกความคิดจากสิ่งที่ได้เรียนรู้มา เพื่อสร้างแนวทางเป็นของตัวเอง ขอให้ประสบความสำเร็จครับ

 

ขอบคุณที่นำมาให้อ่านครับ ผมอ่านรวดเดียวสามเล่มเลยครับ สนุกดีครับ
เรื่องตอนท้ายของประเทศ พพต ก็น่าสนใจนะครับถ้าเทียบกับประเทศเรา

 

The message is too short. --'

 

คุณสันโดษตัวจริงนี่สดใสมากเลยนะคะ ตอนแรกเห็นแต่ในรูปดิสเพลย์ก็นึกว่าป็นคนเคร่งขรึม ที่ไหนได้ตัวจริงนี่สดใส ร่าเริง น่ารักและหน้าเด็กมากๆๆเลยค่ะ เป็นคนละคนเลย

 

อ่านไปถึง หน้า 40 มันคุ้นๆ ว่าเคยผ่านความคิดแบบนี้มาแล้ว แต่จำไม่ได้
แปลกดี เพิ่งจะเขียนเรื่องความจริง ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเจอเหมือนกัน
และก็เพิ่งจะรับรู้ และคิด คล้ายๆกับ ในหนังสือเล่มที่อ่านตั้งแต่หน้าแรก ถึงหน้า 40 นี้
เล่าสู่กันฟังครับ

 

ขอบคุณมากครับน่าสนใจมากทีเดียว

 

เอามาลงซะทีนะครับ จริงๆ ก็มีนานแล้วอะเนาะ อยากให้อ่านกันเยอะๆๆ อิอิ ใหนตอนแรกบอกว่ามันเปนวิทยาศาตรเกินไปไงหว่า
ตอนแรกว่าจะหาลงให้ละครับ แต่ไม่มีเวลาเลย อิอิ ขอบคุณครับ

แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับ

 

ขอบคุณจากใจครับที่นำมาแบ่งปันกัน อ่านถึงเล่ม 3 แล้วครับ ได้ความรู้มากมายจริงๆครับ ช่วยให้เข้าใจธรรมชาติขึ้นมากครับ

 

load เก็บไว้หล่ะ เดี๋ยวจะรีบหสเวลาว่างมาอ่านเลย
ขอบคุณสำหรับ เรื่องราวดีๆที่แบ่งปันคะ ^^

 

ขอบคุณมากๆค่า จะลองอ่านดูค่ะ