พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    แบบนี้ดีไม๊ครับ คุณหนุ่ม คุณน้องนู๋...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010024.JPG
      P1010024.JPG
      ขนาดไฟล์:
      188.3 KB
      เปิดดู:
      56
    • P1010025.JPG
      P1010025.JPG
      ขนาดไฟล์:
      183.5 KB
      เปิดดู:
      56
    • P1010026.JPG
      P1010026.JPG
      ขนาดไฟล์:
      163.7 KB
      เปิดดู:
      76
    • P1010027.JPG
      P1010027.JPG
      ขนาดไฟล์:
      159.3 KB
      เปิดดู:
      57
    • P1010028.JPG
      P1010028.JPG
      ขนาดไฟล์:
      177.2 KB
      เปิดดู:
      51
    • P1010029.JPG
      P1010029.JPG
      ขนาดไฟล์:
      204.5 KB
      เปิดดู:
      46
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    น้ำมันปลาป้องกันโรคเหงือก

    จากการวิจัยโดยศึกษาผลสำรวจกลุ่มตัวอย่าง กว่าหมื่นคน ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปพบว่า หากทานกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นประจำอาจช่วยป้องกันโรคเหงือก เพราะผู้ที่ทานกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นประจำจะเป็นโรคเหงือกน้อยกว่าผู้ที่ไม่ทานเลยถึงร้อยละ 30 เนื่องจากสารในกรดไขมันโอเมก้า 3 มีส่วนช่วยลดการเกิดโรค

    นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากวิทยาลัยแพทย์ฮาร์วาร์ดแนะนำให้ทานกรดไขมันโอเมก้า 3 เป็นประจำแต่ไม่ควรทานมากเกินไปเพราะจะไม่เกิดประโยชน์ เด็กและผู้หญิงควรบริโภคในประมาณจำกัด โดยควรทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้งจะส่งผลดีต่อสภาพร่างกายโดยรวม ช่วยป้องกันความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ ลดระดับโคเลสเตอรอลและช่วยในการทำงานของสมอง ตับ และระบบประสาท

    กรดไขมันโอเมก้า 3 พบมากในปลาทะเล เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาน้ำจืดบางชนิด รวมถึงถั่วและเมล็ดพืชพวกวอลนัท.



    .

    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้าเกร็ดความรู้ > น้ำมันปลาป้องกันโรคเหงือก

    .
     
  4. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    มาอีกล่ะท่านเพชร เดี๋ยวก็มีการล่าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าอีกครับ หุ หุ
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หลังจากนี้ไป

    ผู้ที่มีความประสงค์จะสมัครสมาชิกชมรมพระวังหน้า

    จะยากขึ้นไปอีก

    ดูกันเป็นระยะเวลานาน ดูความอดทน ดูกำลังใจที่ต้องการสมัครจริงหรือไม่

    จำนวนสมาชิกจะมากน้อย ไม่เป็นไร

    แต่อยู่กันด้วยความเข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และปฎิบัติตามกติกาของชมรมพระวังหน้า

    ผู้คนภายนอกจะมองชมรมพระวังหน้าอย่างไร ไม่เป็นไร

    มาแย้มกันนิดๆ

    ไม่แน่ว่า อนาคต หากต้องการศึกษาพระวังหน้าที่ผมได้ศึกษามาและมีอยู่ อาจจะต้องเดินทางไปที่ประเทศอังกฤษ ไปชมกันที่นั่น หุหุหุ


    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ท่านเลขาฯจะใช้กลยุทธ์ป่าล้อมเมืองหรือยังไง..s6...s6..
     
  8. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ยิ่งยากหนักเข้าไปอีกแต่คงไม่ยากสำหรับผู้ที่สนใจใคร่รู้จริงอย่างแน่นอนครับผม
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    5 ลักษณะ ‘หมอน’ ที่ดี

    การเลือก ‘หมอน’ นอกจากจะต้องรองรับศีรษะและช่วงคอ ไม่นุ่มนิ่มไปแต่ก็ไม่แข็งเกิน หนุนนอนแล้วหลับสบาย ยังต้องคำนึงถึงลักษณะของหมอน 5 ข้อ ตามที่กูรูเรื่องหมอน อย่าง ‘นิชิกาว่า ลีฟวิ่ง’ แบรนด์เครื่องนอนจากญี่ปุ่นที่เก่าแก่กว่า 445 ปี แนะนำว่า ข้อแรก ส่วนโค้งเว้าของหมอนต้องรองรับกระดูกต้นคอตามหลักสรีระวิทยา ประการต่อมาต้องระบายอากาศได้ดี ไม่มีการสะสมของแบคทีเรีย และกลิ่นอับชื้น

    สำหรับข้อที่สามให้มีความยืดหยุ่น รองรับศีรษะ และต้นคอ ป้องกันปัญหานอนกรน ข้อถัดไป คือ ความสูงพอดีกับสรีระ รองรับข้อต่อของกระดูก ไม่ให้มีอาการปวดคอปวดหลัง หรือปวดศีรษะ และข้อสุดท้ายไม่มีใยนุ่มเป็นที่อาศัยของไรฝุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้


    และโอกาสที่ บ.เซ็นทรัลเทรดดิ้ง จำกัด ในกลุ่มซีเอ็มจี นำหมอนเพื่อสุขภาพนิชิกาว่า ลีฟวิ่ง เข้ามาในเมืองไทย งานนี้ ‘มุมสุขภาพ’ จึงนำตัวอย่างของหมอน 3 รุ่น ที่ทำจากวัตถุดิบเฉพาะเหมาะกับการหนุนนอนแก้ไขปัญหาสุขภาพที่ต่างกัน เผื่อใครกำลังมองหาหมอนเพื่อสุขภาพจะได้มีภูมิความรู้ เลือกหมอนดีๆ ไปนอนให้เหมาะ

    Bincho-Tan Pillow รุ่นนี้เป็นหมอนโฟมสังเคราะห์จากถ่านเผา และซิลเวอร์ไอออน ซึ่งถ่านนั้นใช้จากต้นไม้โอ๊คที่ผ่านกรรมวิธีผลิตด้วยอุณหภูมิเตาสูงกว่า 1,000 องศาเซลเซียส ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด จิตใจสงบ ดูดซับกลิ่นอับชื้นและกลิ่นเหงื่อ เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากระดูกต้นคอและสันหลัง

    ส่วนผู้ที่มีปัญหานอนกรน ภูมิแพ้ มีเหงื่อออกเยอะขณะหลับ หมอน Sen Soku-Kan Pillow เป็นโฟมสังเคราะห์ยูริเทน Mumac ลักษณะเหมือนรังผึ้ง มีความยืดหยุ่นสูง รองรับศีรษะและต้นคอได้ดี จึงป้องกันการนอนกรน ปวดศีรษะและคอ ขณะที่ส่วนประกอบอีกด้านเป็นหลอดพิเศษขนาดเล็กรวมตัวกันแทนการใช้ใยนุ่นที่ ทำให้เกิดภูมิแพ้

    สุดท้าย Half Piping Pillow หมอนอัจฉริยะที่สามารถจดจำสรีระต้นคอของคนนอนได้ เนื่องจากส่วนประกอบด้านในเป็นหลอดพิเศษเล็กๆ รวมกันอยู่มาก เกิดเป็นช่องว่างของอากาศอย่างดี เมื่อถูกกดจะยุบตัวลง ไม่พองกลับทันที จึงช่วยแก้ปัญหาปวดคอและศีรษะจากข้อต่อบริเวณต้นคอ ทั้งยังเหมาะกับคนที่เหงื่อออกมากขณะหลับด้วย.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
    takecareDD@gmail.com





    .

    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้ามุมสุขภาพ > ภาษาหมอวันละคำ > 5 ลักษณะ ‘หมอน’ ที่ดี

    .



    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    ไม่มีกลยุทธ์ครับ

    แต่ดูกันไปนานๆ

    หนทางพิสูจน์ม้า
    กาลเวลาพิสูจน์คน

    จริงๆครับ


    .
     
  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    บางครั้งความแตกต่าง กับความเหมือน แยกกันไม่ออกในเวลาสั้นๆ โดยเฉพาะหากมีการจำกัดเวลาให้เพียงสั้นๆ ให้เวลามากหน่อยก็จะเห็นความแตกต่างได้เอง..
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีครับวันนี้ผมใอนเงิน
    ทำบุญหนังสือ พลุ และอาหาร
    รายละเอียดแจ้งในEmail แล้วครับ

    โมทนาสาธุครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 4 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>
    อรุณสวัสดิ์ยามเช้า วันพุธ สุขใจ ครับ

    ขอให้สุขใจกันทั้งวัน


    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กลัวทำไม? “รุ้งกลับหัว” แท้จริงคือลางดีจาก “อาทิตย์ทรงกลด” หาดูยาก <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">8 กุมภาพันธ์ 2554 19:28 น.</td></tr></tbody></table>



    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">ภาพอาทิตย์ทรงกลดต้นเหตุการวิพากษ์วิจารณ์ (kapook.com/รายการเรื่องเล่าเช้านี้)</td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">(บน ซ้าย) ภาพอาทิตย์ทรงกลดแบบเส้นโค้งเซอร์คัมซีนิทัล (ขวาบน) และหลักการเกิดอาทิตย์ทรงกลดแบบเส้นโค้งเซอร์คัมซีนิทัลจากการหักเหของแสง ผ่านผลึก 6 เหลี่ยม และภาพล่างแสดงการเกิดอาทิตย์ทรงกลดในรูปแบบต่างๆ ผ่านการหักเหของแสงผ่านผลึกรูปทรงต่างๆ (atoptics.co.uk) </td> </tr> </tbody></table>
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td align="center" valign="middle">[​IMG]</td> </tr> <tr> <td align="center" valign="baseline">อาทิตย์ทรงกลดแบบเส้นโค้งเซอร์คัมซีนิทัล ที่หาดูได้ยาก (Cdlune1890) </td></tr></tbody></table>


    ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช. - เป็น เรื่องเป็นราวอีกครั้งเมื่อ “ฟรีทีวี” เผยภาพ “รุ้งกินน้ำกลับหัว” พร้อมกับตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์และคำทำนายจาก “ท่านโหร” ว่าเป็นลางร้ายของบ้านเมือง ตลอดจนสัญญาณเตือนถึงภัยพิบัติ จนนักวิชาการต้องออกโรงชี้แจงว่าแท้จริงแล้วคือภาพของ “อาทิตย์ทรงกลด” รูปแบบที่หาดูได้ยากต่างหาก

    ภาพ “รุ้งกินน้ำกลับหัว” ต้นเหตุของกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงลางร้ายเป็นภาพท้องฟ้าที่บันทึกโดย ดร.แจ็กเกอลีน มิตตอง นักดาราศาสตร์มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University) จากบริเวณบ้านพักของเขาในอังกฤษ ซึ่ง ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ ที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการ ศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย สวทช.และผู้ก่อตั้งชมรมคนรักมวลเมฆ อธิบายว่าภาพดังกล่าวไม่ใช่รุ้งกินน้ำแต่อย่างใด

    ทั้งนี้ เนื่องจากปรากฏการณ์ในภาพนั้นไม่ได้เกิดจากการตกกระทบของแสงอาทิตย์ที่ผิว ของหยดน้ำและหักเหออกมาเป็นแสงสีรุ้งเหมือนรุ้งกินน้ำทั่วไป หากแต่เกิดจากการที่แสงอาทิตย์ไปตกกระทบผลึกน้ำแข็งหกเหลี่ยมในเมฆ แล้วหักเหผ่านผลึกออกมาจนเกิดเป็นแถบสีรุ้งที่เรียกว่า “ อาทิตย์ทรงกลด” (solar halo) และภาพสีรุ้งที่ปรากฏในภาพนั้นคือ อาทิตย์ทรงกลดแบบเส้นโค้งเซอร์คัมซีนิทัล (CircumZenithal Arc : CZA)

    อาทิตย์ทรงกลดแบบเส้นโค้งเซอร์คัมซีนิทัลนี้ เกิดจากแสงอาทิตย์พุ่งเข้าผิวด้านบนของผลึกน้ำแข็งรูปหกเหลี่ยมแบนๆ ที่อยู่ภายในเมฆระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ เมฆซีร์โรสเตรตัส (Cirrostratus) แล้วหักเหภายในผลึกรูปแผ่นทะลุออกไปทางผิวด้านข้าง ซึ่งแสงที่เดินทางผ่านผลึกจะปรากฏเป็นเส้นโค้งสีรุ้งอยู่เหนือดวงอาทิตย์ โดยมีส่วนโค้งหงายขึ้น และมีสีแดงอยู่ด้านใกล้ดวงอาทิตย์

    “ปรากฏการณ์นี้เคยเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงฤดูฝนเมื่อปี 2553 โดยมีสมาชิกชมรมคนรักมวลเมฆ บันทึกภาพไว้ได้” ดร.บัญชากล่าว

    เส้นโค้งนี้มีลักษณะเสมือนหนึ่งเป็นส่วนโค้งของวงกลมที่อยู่รอบจุด ยอดฟ้า หรือจุดจอมฟ้า (zenith) ซึ่งเป็นจุดเหนือศีรษะ จึงเรียกว่า เส้นโค้งเซอร์คัมซีนิทัล (circumzenithal arc) หรือ เส้นโค้ง CZA โดยคำว่า circum นั้นมีรากศัพท์เดียวกับ circle ที่แปลว่าวงกลม และบางคนยังมองว่าเส้นโค้ง CZA เปรียบเสมือน “รอยยิ้มขนาดยักษ์บนท้องฟ้า”

    เส้นโค้ง CZA จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์อยู่ต่ำ หรือมีมุมเงยสูงจากขอบฟ้าไม่เกิน 32.3 องศา เท่านั้น เพราะที่ค่านี้ เส้นโค้ง CZA จะอยู่ใกล้จุดจอมฟ้าและจางลงจนมองไม่เห็น และโดยเราจะเห็นเส้นโค้ง CZA ได้ชัดเจนเมื่อดวงอาทิตย์มีมุมเงยในช่วง 15-25 องศา
    ดร.บัญชา กล่าวว่า คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่าอาทิตย์ทรงกลดคือ วงกลมสีรุ้งล้อมรอบดวงอาทิตย์ หรือ การทรงกลดแบบวงกลม 22 องศา แต่ความจริงแล้วการทรงกลดของดวงอาทิตย์มีลักษณะที่แตกต่างกันมากกว่า 30 รูปแบบ เนื่องจากผลึกน้ำแข็งรูป 6 เหลี่ยม ที่ล่องลอยอยู่ในเมฆเมฆซีร์โรสเตรตัสนั้นมีถึง 3 แบบ ได้แก่ 1. ผลึกรูปแผ่น 2. ผลึกรูปแท่ง และ 3. ผลึกรูปพีระมิด อีกทั้งแสงอาทิตย์สามารถตกกระทบผ่านผลึกน้ำแข็งได้หลายทิศทาง จึงทำให้มีอาทิตย์ทรงกลดหลายรูปแบบ

    “ภาพ “รอยยิ้มสีรุ้ง” หรือ การอาทิตย์ทรงกลดแบบเส้นโค้งเซอร์คัมซีนิทัลนี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ไม่ง่ายนัก มองในแง่การเรียนรู้วิทยาศาสตร์จึงถือว่าเป็น “เรื่องดี” และเชื่อว่าเราจะยังมีโอกาสได้เห็นปรากฏการณ์อาทิตย์ทรงกลดรูปแบบอื่นๆ จำนวนมาก ดังเช่นเมื่อเดือนมิถุนายน 2553 ประเทศไทยก็ได้เกิดการทรงกลดแบบซันด็อก (Sun Dog) ที่อุบลราชธานีและศรีษะเกษ ซึ่งสร้างความประทับใจและทำให้คนจำนวนไม่น้อยสนใจท้องฟ้าและธรรมชาติรอบตัว เรา” ดร.บัญชากล่าว

    นาวาเอกฐากูร เกิดแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์ (LESA) ให้ความเห็นแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ต่อปรากฏการณ์อาทิตย์ทรงกลดว่า เป็นปรากฏการณ์สามัญที่เกิดขึ้นบ่อย เพียงแต่เกิดขึ้นในช่วงจังหวะเวลาสั้นๆ และเกิดขึ้นในบางมุมเท่านั้น และในกรุงเทพฯ ก็เกิดขึ้นบ่อย แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยแหงนหน้ามองฟ้าจึงไม่ค่อยเห็น โดยส่วนตัวเขาจึงต้องพกกล้องตลอด เพราะหลายครั้งเห็นปรากฏการณ์แล้วบันทึกภาพไม่ทัน

    สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทรงกลดแบบต่างๆ ของดวงอาทิตย์ สามารถศึกษาจากเว็บของ ชมรมคนรักมวลเมฆ (การทรงกลด (Halos) :: ชมรมคนรักมวลเมฆ/) หรือสอบถาม ชมรมคนรักมวลเมฆ และสมัครเป็นสมาชิกของชมรมฯ ผ่านทาง Facebook ได้



    .

    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000017287


    .



    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รู้ไหมว่า? มีเพียง 3 ประเทศในโลกที่ยังไม่ใช้หน่วยวัดสากล <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td bgcolor="#cccccc" height="1">[​IMG]</td> </tr> </tbody></table> <table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="body" align="left" valign="middle">โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</td> <td class="date" align="left" valign="middle">7 กุมภาพันธ์ 2554 15:37 น.</td></tr></tbody></table>

    กิโลกรัม มาตรฐาน (ชั้นกลาง) และตุ้มน้ำหนักอีก 6 อันสำหรับสอบเทียบมวลทั่วโลกซึ่งเก็บไว้อย่างดีที่สำนักงานชั่งตวงวัด ระหว่างประเทศ (BIPM)


    ในระบบหน่วยระหว่างประเทศหรือระบบเอสไอ มีหน่วยวัดพื้นฐานที่เรียกว่า “หน่วยมูลฐาน” (Basic SI units) ทั้งหมด 7 หน่วยตามปริมาณมูลฐานทางฟิสิกส์ ได้แก่

    1.เมตร (meter) หน่วยวัดความยาว (length)
    2.วินาที (second) หน่วยวัดเวลา (time)
    3.กิโลกรัม (kilogram) หน่วยวัดมวล (mass)
    4.เคลวิน (Kelvin) หน่วยวัดอุณหภูมิ (temperature)
    5.แอมแปร์ (ampere) หน่วยวัดกระแสไฟฟ้า (electric current)
    6.โมล (mole) หน่วยวัดจำนวนอนุภาค (number of particles)
    และ 7.แคนเดลา (candela) หน่วยวัดความเข้มแห่งการส่องสว่าง (luminous intensity)

    ทั้งนี้ หน่วยวัดมูลฐานในระบบเอสไอ 6 หน่วย ได้แก่ เมตร วินาที เคลวิน แอมแปร์ โมล และแคนเดลา เป็นหน่วยที่ไม่ใช้วัตถุทางกายภาพอ้างอิง ซึ่งการนิยามกิโลกรัมใหม่ จะทำให้หน่วยวัดมวลนี้ เป็นหน่วยถัดไปที่ไม่อ้างอิงกับวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้น

    อย่างไรก็ดี แม้หน่วยเอสไอ ซึ่งอิงตามระบบวัดแบบเมตริก (metric) จะเป็นหน่วยวัดที่ใช้กันแพร่หลายในทั่วโลก แต่ก็ยังมีอีกเพียง 3 ประเทศที่ไม่ใช้หน่วยวัดสากล ยังใช้หน่วย “อิมพีเรียล” (imperial) ตามแบบอังกฤษดั้งเดิม คือ พม่า, ไลบีเรีย และสหรัฐอเมริกา

    ทว่าในสหราชอาณาจักร ก็เพิ่งจะประกาศใช้หน่วยวัดสากลเมื่อไม่นานมานี้ แต่ก็ยังคงใช้มาตรวัด "อิมพีเรียล" บางอย่างเช่น "ไมล์" (mile) "ออนซ์" (ounce) และ "ปอนด์" (pound) ต่อไป.




    <center>หน่วยวัดมาตราต่างๆ </center>
    [​IMG]

    Science - Manager Online -


    .

    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9540000016412


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ปัญหาของการไม่เข้าเป็นจำเลยในคดีแพ่ง/อ้วน อารีวรรณ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>9 กุมภาพันธ์ 2554 09:47 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>jatung_32@yahoo.com

    จากการที่ดิฉันได้ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุทางคลื่นวิทยุแห่งหนึ่ง ซึ่งเปิดสายให้คุณผู้ฟังทางบ้านโทรศัพท์เข้ามาสอบถามปัญหาข้อกฎหมายเป็นประจำทุกวันเสาร์ต่อเนื่องกันมาหลายเดือนแล้วนั้น ทำให้ดิฉันได้รับทราบว่า ปัญหาข้อกฎหมายที่มักถูกถามบ่อยๆ มีสาเหตุสำคัญมาจากการที่ไม่ยอมเข้าเป็นจำเลยต่อสู้คดี ดังนั้นดิฉันจึงเห็นควรที่จะต้องนำเรื่องราว “ปัญหาของการไม่เข้าเป็นจำเลยในคดีแพ่ง” มานำเสนอในครั้งนี้กันคะ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ดิฉันรู้ดีว่า การเป็นจำเลยในคดี เป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากเจอกัน เพราะการตกเป็นจำเลยนั้นมันเป็นเรื่องที่แย่มากๆ ยิ่งถ้าต้องกลายเป็นจำเลยแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ก็จะยิ่งเหนื่อยหนักใจเป็นพิเศษ บางท่านอาจมึนงงสับสนไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวหรือเตรียมตัวอย่างไรดี? ก็อยากจะให้กำลังใจว่า การตกเป็นจำเลยในคดีแพ่งยังดีกว่าต้องตกเป็น “จำเลยสังคม” เยอะเลยนะคะ.. ดังนั้นไม่ต้องเครียดไปเลย

    หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วเราจะกลายเป็นจำเลยในคดีแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้อย่างไร? เรื่องนี้ ไม่ยากหรอกคะ ในยุคที่นิยมใช้เงินอนาคต นิยมมีเครดิตมีสินเชื่อเยอะๆ มีบัตรแข็งหลายๆ ใบไว้รูดปรื้ด ผ่อนทั้งบ้านผ่อนทั้งรถยนต์ ต้องลงชื่อในสัญญาต่างๆ เป็นทั้งผู้กู้และผู้ค้ำประกัน หรือแม้กระทั่งทำสัญญาเป็นผู้เช่าตึกรามอาคารบ้านเช่าต่างๆ ก็อาจตกเป็นจำเลย โดนฟ้องขับไล่ได้เช่นกัน

    ยกตัวอย่างที่พบได้บ่อยที่สุด คือ การเช่าซื้อรถยนต์ เพราะทุกวันนี้มีรถยนต์ออกป้ายแดงมาวิ่งบนท้องถนน ไม่ต่ำกว่า 2,000 คันต่อวัน

    แค่คุณลงชื่อเป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์แล้วผ่อนไม่ไหว หรือลงนามเป็นผู้ค้ำประกันให้ญาติพี่น้องที่เช่าซื้อรถยนต์ แล้วปรากฏว่าญาติพี่น้องผ่อนชำระไม่ไหว คุณหรือญาติพี่น้องเลยตัดสินใจส่งรถยนต์กลับคืนบริษัทผู้ให้เช่าซื้อไปสักพักใหญ่จนเกือบลืมแล้ว ก็อาจมีหมายศาลส่งถึงคุณให้ไปเป็นจำเลยในคดี แต่คุณกลับไม่ยอมไปศาล เพราะคิดว่า “คืนรถยนต์ไปแล้ว” อะไรจะเกิดขึ้น รู้ไหมคะ?

    ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้คู่ความ คือ “โจทก์และจำเลย” ในคดีสามารถใช้สิทธิของตนได้อย่างเต็มที่ แต่ต้องภายใต้หลักเกณฑ์ว่า เมื่อจำเลยได้รับหมายเรียกให้มาศาล และให้ยื่นคำให้การแล้ว จำเลยมีหน้าที่ยื่นคำให้การต่อสู้คดี หากจำเลยเพิกเฉยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ตามกฎหมายหรือตามคำสั่งศาล และจำเลยมิได้ขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การจะถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การทันที โจทก์สามารถยื่นคำขอต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ชนะคดีเพราะเหตุจำเลยขาดนัด

    และหากคำฟ้องของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย เช่น มีสัญญาเช่าซื้อที่ลงลายมือชื่อของจำเลยเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ประกอบกับโจทก์ได้ยื่นคำขอต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ชนะคดีเพราะเหตุจำเลยขาดนัด ศาลย่อมมีคำพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ชนะคดีเพราะเหตุจำเลยขาดนัดได้

    ในกรณีที่เป็นคดีความที่เกี่ยวด้วยสิทธิแห่งสภาพบุคคล หรือคดีเกี่ยวด้วยสิทธิในครอบครัว หรือคดีพิพาทเกี่ยวด้วยกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือคดีเกี่ยวด้วยสิทธิแห่งสภาพบุคคล ศาลอาจสืบพยานหลักฐานโจทก์ไปฝ่ายเดียว และอาจเรียกพยานหลักฐานอื่นๆ มาสืบได้เองตามที่เห็นว่าจำเป็น เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมได้เช่นกัน

    ดังนั้นถ้าเป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน ในกรณีที่ผิดสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ เช่น ผิดนัดค้างค่างวดรถยนต์ รวมถึงเรียกค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงรถยนต์คืน หรือแม้ว่า ผู้เช่าซื้อรถยนต์จะได้ส่งคืนรถยนต์ให้กับบริษัทผู้ให้เช่าซื้อเอง แต่ผู้ให้เช่าซื้อรถยนต์ก็สามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการเสื่อมสภาพของรถยนต์ที่เช่าซื้อเป็นเหตุให้ขายทอดตลาดได้ราคาต่ำกว่าราคาเต็มจำนวนของสัญญาเช่าซื้ออย่างนี้ เป็นต้น

    ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ทวิ วรรคสาม ก็ได้บัญญัติว่า “ในการกำหนดจำนวนเงินตามคำขอบังคับของโจทก์ ให้ศาลปฏิบัติดังนี้

    (๑) ในกรณีที่โจทก์มีคำขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินจำนวนแน่นอน ให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์ส่งพยานเอกสารตามที่เห็นว่าจำเป็นแทนการสืบพยาน

    (๒) ในกรณีที่โจทก์มีคำขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินอันไม่อาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน ให้ศาลสืบพยานหลักฐานโจทก์ไปฝ่ายเดียว และศาลอาจเรียกพยานหลักฐานอื่นมาสืบได้เองตามที่เห็นว่าจำเป็น”

    และเมื่อผู้ถูกฟ้องเป็นจำเลยไม่ได้เข้าไปต่อสู้คดี หรือพูดง่ายๆ ไม่ได้เข้าเป็นจำเลยในคดี ซึ่งตามกฎหมายจะถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาไปด้วย ส่งผลให้โจทก์สามารถยื่นคำขอบังคับต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ฝ่ายโจทก์ชนะคดีเพราะเหตุจำเลยขาดนัด โดยที่ศาลสืบพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ไปฝ่ายเดียว

    และที่สำคัญคือ โจทก์มีคำขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้เป็นเงินจำนวนแน่นอน โดยโจทก์ส่งพยานเอกสารแทนการสืบพยาน โดยที่คุณไม่อาจต่อสู้ให้มีการลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงรถยนต์คืน หรือต่อสู้ข้อเท็จจริงในกรณีถูกเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการเสื่อมสภาพของรถยนต์ที่เช่าซื้อเป็นเหตุให้ขายทอดตลาดได้ราคาต่ำกว่าราคาเต็มจำนวนได้ หรือแม้กระทั่งการขอผ่อนชำระเงินเป็นงวดๆ ในจำนวนที่คุณสามารถกระทำได้

    คุณก็จะเสียโอกาสดังกล่าวทั้งหมดไป.. เมื่อไม่ได้เข้าเป็นจำเลยในคดี!!

    อีกกรณีหนึ่งที่ควรระวังเช่นเดียวกัน คือ บางคนเข้าใจว่า การฟ้องร้องในคดีบัตรเครดิตมีอายุความสองปีนับแต่มีการชำระค่าบริการในครั้งสุดท้าย เมื่อถูกฟ้องเป็นจำเลยขึ้นมาก็เลยคิดว่าไม่ต้องเข้าเป็นจำเลยในคดีก็ได้ เพราะคดีนี้ขาดอายุความแล้ว

    ก็ต้องบอกว่าเข้าใจถูกเพียงแค่ครึ่งเดียว ในส่วนประเด็นเรื่องของอายุความในคดีบัตรเครดิต แต่ที่เข้าใจผิดอีกครึ่งหนึ่งและส่งผลที่สำคัญมาก คือ การไม่ต้องเข้าเป็นจำเลยในคดี เพราะคดีแพ่งใช้กระบวนวิธีพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจาณาความแพ่งนั้น คู่ความต้องเป็นฝ่ายยื่นข้อต่อสู้เรื่องอายุความเอง ศาลไม่มีหน้าที่หยิบยกข้อต่อสู้เช่นนี้ขึ้นมาพิจารณา ดังนั้นถ้าเราไม่เข้าเป็นจำเลยในคดีบัตรเครดิต เราก็ไม่ได้ใช้ข้อต่อสู้ว่าคดีนี้ขาดอายุความแล้ว การปล่อยให้โจทก์ฟ้องฝ่ายเดียว ย่อมส่งผลให้ศาลสืบพยานหลักฐานโจทก์ไปฝ่ายเดียว โจทก์ก็ย่อมไม่ยกเอาเรื่องอายุความมากล่าวถึงให้ตนเองเป็นฝ่ายแพ้คดี และเมื่อโจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี ศาลก็ต้องมีคำบังคับให้จำเลยต้องชำระหนี้ให้แก่โจทก์

    การเข้าเป็นจำเลยในคดีแพ่ง จึงช่วยให้คำบังคับที่หนัก..เบาลงได้นะคะ

    .

    Celeb Online - Manager Online -


    http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9540000017435
    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นิทานเซน : มากมารยาท</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>9 กุมภาพันธ์ 2554 14:57 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    《惭愧的高僧》

    ยังมีอุบาสกวัยฉกรรจ์ผู้หนึ่ง ไปกราบนมัสการพระผู้มีสมณศักดิ์สูงยังวัดแห่งหนึ่ง ทั้งสองสนทนาธรรมกันอย่างออกรส ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งถึงเวลาอาหารกลางวัน เณรจึงได้จัดอาหารมาให้ทั้งสอง เป็นบะหมี่ชามใหญ่ 1 ชามและชามเล็ก 1 ชาม

    เมื่อพระผู้มีสมณศักดิ์สูงเห็นสำรับกับข้าวที่เณรยกมา จึงได้ยกบะหมี่ชามใหญ่ยื่นให้อุบาสกผู้นั้น ทั้งยังกล่าวว่า "ท่านรับประทานชามใหญ่เถอะ"

    หากยึดตามธรรมเนียมปฏิบัติ อุบาสกผู้นั้นควรที่จะปฏิเสธและผลักไสบะหมี่ชามใหญ่กลับคืนไปยังพระสงฆ์ เพื่อแสดงความเคารพเกรงใจ ทว่าอุบาสกผู้นี้กลับรับชามบะหมี่มาโดยไม่อิดเอื้อน จากนั้นลงมือรับประทานทันที เมื่อพระผู้มีสมณศักดิ์สูงเห็นดังนั้นก็รู้สึกไม่พอใจจนหน้านิ่วคิ้วขมวดพลางคิดว่า "แรกทีเดียวคิดว่าคนผู้นี้มีสติปัญญาไม่น้อย ไฉนกลับกลายเป็นโง่เขลาไร้มารยาทเช่นนี้"

    เมื่ออุบาสกรับประทานบะหมี่หมดชาม เงยหน้าขึ้นมาพบว่าพระรูปนั้นยังไม่ได้แตะต้องบะหมี่ชามเล็กแม้แต่น้อย ทั้งยังมีสีหน้าเย็นชา จึงยิ้มพลางเอ่ยถามว่า "พระคุณเจ้าไฉนไม่รับประทานบะหมี่?"

    พระผู้มีสมณศักดิ์สูงเงียบงันไม่ตอบ อุบาสกจึงยิ้มและกล่าวต่อไปว่า "กระผมรู้สึกหิวยิ่งนัก จึงสนใจแต่ปากท้องของตนเองโดยลืมเลือนพระคุณเจ้าไป แต่หากจะให้กระผมผลักไสบะหมี่ชามใหญ่ที่พระคุณเจ้าหยิบยื่นมาให้กระผมกลับคืนไปยังพระคุณเจ้าอีก นั่นไม่ใช่ความตั้งใจของกระผม และในเมื่อไม่ได้ตั้งใจ จะต้องเสแสร้งแกล้งทำไปเพื่ออันใดเล่า ขอถามพระคุณเจ้าว่าการเกี่ยงกันด้วยความเกรงใจไปมานั้นที่แท้แล้วจุดมุ่งหมายคืออะไร?"

    พระผู้มีสมณศักดิ์สูงตอบว่า "เพื่อรับประทาน"

    อุบาสกจึงกล่าวอย่างจริงจังว่า "ในเมื่อจุดประสงค์คือเพื่อรับประทาน ท่านรับประทานหรือกระผมรับประทานก็ล้วนไม่ต่างกัน หรือว่าที่พระคุณเจ้าชิงมอบบะหมี่ชามใหญ่ให้กระผมนั้นเป็นเพียงการเสแสร้ง มิใช่น้ำใสใจจริง?"

    เมื่ออุบาสกกล่าวจบ พระผู้มีสมณศักดิ์สูงจึงได้รู้แจ้งกระจ่างใจ กระทั่งหลั่งน้ำตาออกมา

    ปัญญาเซน : การแสดงความเกรงใจที่มากเกินไปกลับกลายเป็นความเสแสร้ง การเคร่งครัดมารยาท มากพิธีจนเกินงามกลับกลายเป็นสิ่งไร้สาระ ทั้งนี้เพราะความซื่อสัตย์เปิดเผยจริงใจต่างหากจึงเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของการเป็นมนุษย์

    ที่มา : หนังสือ 《菩提树下听禅的故事》, 惟真 เรียบเรียง, สำนักพิมพ์ 中国华侨出版社, 2004.08, ISBN 7-80120-851-X





    .

    http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9540000017021

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...