มายา ของ กิเลส

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Ongsathit, 26 มกราคม 2011.

  1. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    มายา หรือ ความหลอกลวง
    กล ของ กิเลส นี่หากไม่มี สติ ปัญญา จะถูกหลอกได้ง่ายๆ
    หนักเข้า ถึงกับ ฆ่าตัวตาย
    ผมใช้ภาษาไทยได้แย่มากๆ ที่แย่กว่าคือการใช้คอมพิวเตอร์
    ท่านใดที่สามารถ อธิบายมายาของ กิเลส ได้ชัดเจน ขอเชิญนะครับ
     
  2. godglod

    godglod Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +84
    กิเลสในความคิดของผมคือ ความอยาก ใน รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
    เช่น เดินผ่านร้านอาหารพอได้กลิ่นแล้วหิว เจอสาวสวยแล้วอยาก........................................................นั้นแหละคือ กิเลส
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2011
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อะไรอะไรก็โทษแต่กิเลสก็ยังไงอยู่

    กิเลสก็เปรียบเหมือนไฟ
    ไฟมีคุณก็อนันต์
    มีโทษก็มหันต์

    อยู่ที่ว่าจะใช้กิเลสเป็นหรือไม่เป็น

    มีสติก็ใช้กิเลสเป็น
    ขาดสติก็ใช้กิเลสไม่เป็น ​
     
  4. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ดูอะไรจะดูก็ต้องดูให้มันสิ้นสุดกระบวนความ

    เหมือนคนอ่านหนังสือไม่จบเล่มแล้วไปสอนแล้ว

    ก็มีแต่เดากับเดาสุดท้ายก็มั่วไปซะงั้น
     
  5. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ถ้าอธิบายได้ชัดเจนผมคงไม่เป็นทาสของมันขนาดนี้หรอกครับ ฮะ ฮะ
     
  6. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -ในบ้างสิ่งไม่ต้องดูก็เห็น
    -หนังสือหากเป็นผู้เขียนขึ้นมาเองก็ไม่ต้องอ่าน
    -สมมุติ ว่าเรารู้ว่าในเครื่องยนต์ประกอบด้วย ลูกสูบ เฟือง และหลายอย่าง
    หากเป็นผู้ที่ไม่รู้ก็ต้องแกะดู ถ้าเป็นผู้รู้ไม่ต้องแกะเลย เพราะรู้อยู่แล้ว

    แต่กิเลสในบ้างเวลามันบอกว่าเราเป็นโน้นเป็นนี่ แท้ที่จริงไม่ใช่เลย
     
  7. อวตาร.

    อวตาร. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    411
    ค่าพลัง:
    +633
    มายา ของ กิเลส คือ กิเลสมันหลอกเรา

    ตอนแรกมันก็หลอกเราว่า ร่างกายนี้เป็นตัวตนของเรา

    ต่อมามันยังหลอกเราอีกว่า สรรค์และพรหม มีแต่ความสุขไม่มีความทุกข์

    มันชอบหลอกเรามาตลอดเลย หลอกโน่นหลอกนี่สารพัดหลอก

    ต่อแต่นี้ไป เราจะพยายามหาวิธีกำจัดตัวกิเลสให้ได้ ชอบหลอกเรานัก

    วิธี วิธี วิธีไหนดีละ เริ่มจาก สังคหวัตถุสี่ ก่อนละกัน
     
  8. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    กิเลสจะเกิดก็ต่อเมื่อรูปกระทบอายตนะ และ กิเลสก็เป็นสิ่งที่อยู่คู่โลก

    ไม่มีสิ่งใดไปทำลาย หรือ บังคับให้เป็นไปได้อย่างที่ต้องการ

    มายา ผมคงกล่าวว่ามีความเย้ายวนจิตใจให้ลุ่มหลง เคลิ้บเคลิ้ม ไปกับสิ่งที่เห็น หรือ ได้พบ สัมผัส รับรู้

    ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ก็ด้วยอาสวะ อาสวะเป็นตัวบดบังความเป็นจริงโดยมีอวิชชาเป็นตัวชี้ให้เห็นผิด เข้าใจในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

    ไม่มีความจำเป็นในการฆ่ากิเลส เพราะกิเลสดับไปก็เกิดขึ้นมาใหม่ได้ตลอดเวลา

    สิ่งที่ควรทำให้จงหนัก คือ การสำรวมระวังจิตให้เป็นนิตย์

    เพราะหากยกจิตไม่ให้เข้าไปจับความรู้สึกได้บ่อยๆ ก็จะเห็นการ"เกิดดับ"ของความรู้สึกได้บ่อยๆเช่นกัน สิ่งที่ได้ คือ ความเบื่อหน่ายต่อสิ่งที่เกิดอยู่เนืองๆ

    และความเบื่อหน่ายนี้มีผลอันใหญ่หลวงต่อจิตใจของมนุษย์ เพราะจะทำให้เกิดปัญญาเข้าใจในเหตุ และ ผลที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน

    เมื่อเข้าใจ"จิต"จิตจะวางเพราะไม่เห็นคุณค่าในสิ่งเหล่านั้น

    ต้นเหตุทั้งหลายนั้นมาจากเรา เพราะเรามีความต้องการในสิ่งนั้นๆ ทั้งที่เมื่อเราตายก็เอาอะไรไปไม่ได้

    แต่ก็ยังดิ้นรน ไขว่คว้า ค้นหา จนเกิดความเป็นทุกข์ ผมขอออกความเห็นเพียงเท่านี้ครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  9. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    มีพระเถระถามผมต่อหน้าท่าน

    ถ้าอย่างงั้นเธอก็เป็นพระอรหันต์แล้วสิ

    ผมตอบ ว่า ?
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ท่านศรีพูดถูกต้อง สนับสนุน



    พูดแบบนี้สรุปมั่วๆ ตรงข้ามกับความถูกต้องโดยสิ้นเชิง
    หนังสือ หากเป็นผู้เขียนเองสิ ต้องอ่านให้รอบคอบ
    ผู้รู้สิ ยิ่งต้องแกะดู ไม่เช่นนั้นจะรู้จริงได้หรือ
     
  11. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    มายาของกิเลส คือ สิ่งล่อลวง เหมือนละครที่ดำเนินไปเรื่อยๆ คนดูก็เอาใจใส่ เข้าไปเรื่อยๆ

    ทีนี้ เรื่องราวต่างๆ ที่เรารับรู้นั้น ก็อย่าเอาใจไปใส่กับมันให้มันมากเรื่องมากราวไป

    ให้เอาใจถอนออกมาก่อน ด้วยการมีสติ

    เมื่อถอนออกมาแล้ว จึงค่อยพินิจพิจารณา

    บางคน ถอนออกมายาก เพราะมันมี อารมณ์ ผูกมัดอยู่ กับเรื่องราวใดๆ มีตัณหา ร้อยรัด

    ก็ต้องฝืน ต้องทวน ให้เป็น

    สงบให้เป็น แล้ว ใจจะถอนจากเรื่องราวทั้งปวง จากนั้นจึงค่อยใช้ใจที่สงบ เฝ้ามองอาการที่แปรผัน จะเห็น ความจริงทั้งปวง จะแยก สิ่งมายาต่างๆ ออกจากกันได้หมด

    และ ต้องทำให้แจ้ง ประมาทนิดเดียวมันก็ ปกคลุมต่อ

    ในระหว่างที่ดำเนินชีวิต ที่ยังมีกิจต้องทำ ก็ให้เดินตาม อริยมรรค แล้วจะไปถึงฝั่ง
     
  12. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    อนุโมทนาสาธุทุกท่านครับ

    ผมขออนุญาตตอบ ตามที่ผมเห็น ตามที่ผมรู้บ้างนะครับ เอาเฉพาะบางเรื่องที่มีผลทำให้เกิดกิเลสนะครับ

    เรื่องของกิเลส ไม่ได้เกิดจากการกระทบทางหู ตา จมูก ลิ้น กาย จนส่งไปถึงใจอย่างเดียว

    แต่มันมีเรื่องของจิตที่เคยสัมผัสมาก่อน เคยรับรู้มาก่อน ด้วยเช่นกัน

    ก็คือ เกิดจากจิตที่ปรุงแต่งขึ้นมาเอง โดยไม่มีการกระทบใดๆจากสัมผัสทั้ง 5

    บางทีนั่งสมาธิอยู่ ก็มีภาพหญิงสาวสวยแก้ผ้ามาปรากฏ บางทีนั่งๆอยู่ ก็มีเสียงดนตรีเพราะๆมาบรรเลงให้ฟัง

    สิ่งเหล่านี้ บางอย่าง จิตมันสร้างขึ้นมาเอง และมันยังส่งผลในเรื่องของสัมผัสกับอวัยวะตามที่สิ่งนั้นๆปรากฏด้วย

    เช่น (จากเหตุการณ์จริง) ผมนั่งสมาธิอยู่ ก็เกิดมีหญิงสาวที่ผมเคยมีอะไรกันมาก่อน มาปรากฏ และก็ดำเนินเรื่องราวไปตามเหตุการณ์ที่มันเคยผ่านมา รสสัมผัสเกิดขึ้นตามอวัยวะต่างๆแบบในเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นนั้นเลย

    นี่.........มันเล่นกันขนาดนี้เลย เอ็งไม่หามาสนองให้ ข้าทำเองก็ได้ อย่างนั้น

    อีกอย่างหนึ่ง คือ ภาวะตามธรรมชาติ ที่มันเป็นไปตามกฏของธรรมชาติ

    ภาวะตามธรรมชาติ ก็เกิดขึ้นเป็นธรรมชาติ เราอยู่ในธรรมชาติของมนุษย์ เราก็มีธรรมชาติของมนุษย์ - เราอยู่ในธรรมชาติของเทวดา เราก็มีธรรมชาติของเทวดา - เราอยู่ในธรรมชาติของสัตว์ เราก็มีธรรมชาติของสัตว์

    เช่น เมื่อผมปฏิบัติ เพื่อระงับกิเลสตัณหาของตนเองอยู่ จึงได้รู้ว่า อารมณ์ทางเพศ มันไม่ได้เกิดจากการกระทบหรือการปรุงแต่งของจิตเองเท่านั้น แต่มันเกิดจากภาวะทางร่างกายด้วยเช่นกัน

    ฉะนั้น ผู้ที่จะชนะกิเลสตัณหาได้นั้น จึงจะต้องเป็นผู้ที่ชนะจิตของตน และธรรมชาติด้วยเช่นกัน

    ก็เปรียบเสมือนกับ หลักการทวนกระแส ของธรรมะ นั่นเอง

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  13. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ผมขอกล่าวในสิ่งที่คุณได้กล่าวไว้นะครับ ไม่ได้มาโต้แย้ง แค่มาเพิ่มเติม

    สิ่งที่ได้เกิดขึ้นในจิตนั้นเป็นเพราะจิตนั้นเคยได้คิด ได้ปรุงแต่งมาก่อน

    เหตุนั้นมาจากการที่เราแบกสิ่งเหล่านี้มานานและมากแล้ว

    เกิดมากี่ครั้งก็แบกขนมาตลอด ของเก่าก็ไม่ทิ้ง ของใหม่ก็เอาเพิ่ม เดินมาก็ไกลไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

    สิ่งที่เป็นกิเลสนั้นมาจากการที่จิตจับความรู้สึก การกระทบอายตนะนั้นใจก็เป็นอายตนะเช่นกัน

    เมื่อจิตปรุงแต่งโดยที่เกิดความคิด เป็นอารมณ์ทางใจ(ธรรมรมณ์)นี่ก็เป็นอายตนะเช่นกัน

    สิ่งทั้งหมดที่ผมได้กล่าวเพียงเพื่อบ่งบอกว่า"จิตไม่ได้เพิ่งจะมาปรุงแต่ในชาตินี้เท่านั้น

    เหตุนั้นเกิดด้วย"บาปและบุญ"ที่ส่งผลให้เราคิดเช่นนั้น เช่นนี้จนเป็นความเคยชินของจิต

    หากให้เราวางของที่เราแบกมา เราก็จะเกิดความ"อาลัยอาวรณ์"ต่อสิ่งที่เราแบกเพราะสิ่งเหล่านี้อยู่กับเรามานานจนไม่สามารถที่จะสละทิ้งลงไปได้

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  14. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    อนุโมทนาครับ

    เรื่องของธรรม ไม่มีคำว่าแย้งกันครับ มีแต่ให้ประโยชน์ต่อกัน

    แม้แต่ยาพิษ ก็ยังมีประโยชน์ ถ้าเรารู้จักมัน
     
  15. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    โห....คะ คะ คุณ สุภพ พบดี เอ้ย ภพดี สมชื่อเลย

    ขันธ์5 มันของกลาง สมบัติของโลกเขา เนาะ
    [ ตรงนี้ หากเป็นสมัยพุทธกาล สงสัยจะทักว่า รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง
    ...ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า....สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง......วิญญาณเที่ยง
    หรือไม่เที่ยง..... ---> แล้ว เทวดาก็ลั่นกลอง ]

    ใจเป็นกลาง หรือ ไม่เป็นกลาง ก็พิจารณามันส์ไปเลยเนาะ

    อะไรจะภาวนาได้มันส์ขนาดนั้น

    อนุโมทนาครับ

    * * * *

    ปล. แบบนี้ไม่คุยด้วยแล้ว เก่งเกินโคโค่นัทอย่างผม แหะ แหะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2011
  16. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +263
    กิเลสเป็นปรสิตอาศัยจิตเป็นรังแตน 5555 ตอบมั่วได้ใจม่ะกะ
     
  17. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ขอบคุณ คุณ เอกวีร์ ครับ

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  18. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -ที่ท่านเขียนมาก็พออ่านได้
    -แต่ที่อ่านมาไม่มีการใช้ ปัญญา เลยแล้วจะแยก มายา ออกจาก ความจริง ได้อย่างไร
     
  19. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    จะเอาปัญญาให้มีหน้าตาอย่างไร กิเลสมันอยากได้ปัญญาอย่างไร ไหนลองว่ามาซิ
     
  20. Ongsathit

    Ongsathit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    625
    ค่าพลัง:
    +572
    -ท่าน กิเลส มันกลัวการเกิดขึ้นของปัญญา
    -กิเลส มาก ปัญญาก็ น้อย
    -ปัญญา มาก กิเลสก็ น้อย

    ปัญญา เกิดจาก สติ สมาธิ ปัญญา
    แต่อย่าง กำหนด ให้มีสติเอาเอง เพราะมันคือ มายา กิเลส
    จะต้องปฎิบัติให้ สติ เกิด ตามหลัก สติ 4 (ยืน เดิน นั่ง นอน)
     

แชร์หน้านี้

Loading...