เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. ForeverYoung

    ForeverYoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +135
    มาต่อด้วยโอกาสทองจริง ๆ ของคุณ Nexttonothing ภาคต่อนะครับ

    [​IMG]



    โอกาส"ทอง"(จริงๆ):Dow/Gold ratio



    ผมเคยนำทองคำแท่งที่มีอยู่ เอาออกมาวางแล้ว “จ้อง”(ใครจะลองทำตามก็ได้นะครับ)
    มองซ้ายก็แล้ว มองขวาก็แล้ว พบว่า "มันนอนนิ่งของมันอยู่เฉย"
    แต่พอหันมาดู “ราคา” ทองคำกลับเปลี่ยนแปลง
    วิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ตลอดทุกวัน

    จึงขอสรุปเอาง่ายๆตามที่ตาเห็นว่า
    “ทองคำไม่เคยเปลี่ยน ราคาที่จะเอามาใช้ ซื้อ-ขาย มันต่างหากที่เปลี่ยน”

    -ราคาขึ้น ต้องเอา เงินปึกหนาขึ้น มาซื้อ

    -ราคาลง เอาเงินปึกบางลง มาซื้อ

    แสดงถึง มูลค่าของเงินที่เปลี่ยนแปลง บางวันแข็ง-บางวันอ่อน(ทองไม่เกี่ยว)

    ทำให้เราต้องมองไปถึง “ที่มา” ของเงิน ซึ่งคือ ธนาคารกลางทั่วโลก
    ก็พบว่าในอดีต-ปัจจุบัน-ยันถึงแนวโน้มในอนาคต เค้าไม่เคยหยุดพิมพ์
    หนำซ้ำมีแต่จะพิมพ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อแก้ปัญหาหนี้ และวิกฤตเศรษฐกิจ

    หากคุณเข้าใจในพื้นฐานความจริงข้อนี้ ในระยะยาวราคาทองคำจึงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
    นอกจาก “ขึ้น” สถานเดียว

    ผมเคยบอกกับคนอื่นๆว่า ทองคำจะขึ้นราคาต่อไปทุกปี แม้มันจะขึ้นมาหลายปีแล้วก็ตาม

    “เค้าไม่เชื่อ”

    ผมเลยบอกใหม่ว่า ค่าของเงินจะเล็กลงๆต่อไปทุกๆปี ปรากฎว่าคราวนี้

    “เค้าเชื่อ”

    อืมม....มันเรื่องเดียวกันครับ

    ...............................................................

    ในบทความตอนที่แล้ว ผมพูดว่าเมื่อเวลาผ่านไปราคานั้นเป็นตัววัดมูลค่าที่ “แย่มาก”
    วันนี้เราจะมาดูกันต่อว่า แย่ยังไง?

    จำได้มั๊ยครับ

    ตอนทองบาทละ 10000 ครั้งแรกคนบ่นว่า “ทองแพง”
    ตอนทองบาทละ 12000 คนบ่นว่า ทองแพง
    ตอนทองบาทละ 16000 คนบ่นว่า ทองแพง
    ตอนทองบาทละ 19000 คนก็ยังบ่นว่า “ทองแพง” ??

    ถึงเวลานี้ คนที่เคยบอกว่า -ทองแพง- นั้นเข้าใจผิด
    ที่เข้าใจผิดก็เพราะเค้าใช้ “ราคา” (Price) เป็นไม้บรรทัดวัด "มูลค่า" (Value)ของทอง

    ไม่ได้ผิดที่ทองแต่ผิดที่ “ไม้บรรทัด” ราคาที่แพงขึ้นๆ ไม่ได้เป็นการบอกว่า ทองแพง
    อย่างที่เข้าใจ เพราะมันก็แพงขึ้นไปอีกตลอด

    พอเถอะครับ

    วันนี้เรามาเปลี่ยน “วิธีวัด” กันใหม่ดีกว่า

    ในเมื่อทองเป็น สินทรัพย์ ชนิดหนึ่ง ผมขอใช้สินทรัพย์อีกชนิดหนึ่ง “วัด” สิ่งนั้นคือ
    “ดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์” (Dowjones)

    คนที่เล่นหุ้นคงรู้จักเป็นอย่างดี เมื่อคุณซื้อหุ้น = คุณซื้อบางส่วนของกิจการ หุ้นของคุณมีมูลค่าที่แท้จริง
    เป็นสินทรัพย์ที่แท้จริง ดีพอจะเอามาใช้วัดมูลค่าของทองคำ
    อีกแง่นึงในทางกลับกัน ทองคำก็สามารถเอาไปใช้วัด มูลค่าของหุ้นได้ด้วย

    หากคุณไม่เคยเล่นหุ้น หรือ ไม่รู้จัก ดาวน์โจนส์ ไม่เป็นไรเลยครับ คุณแค่รู้ไว้ว่า
    ขณะนี้ มันอยู่ที่ระดับ 11,000 จุด (ก็พอ)
    ที่จริงเราสามารถใช้ สินทรัพย์ประเภทอื่นวัดก็ได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หรือ น้ำมัน
    แต่ที่ผมใช้ Dow วัดทองคำ เพราะ สองสิ่งนี้ เท่าที่ศึกษา มันสัมพันธ์กันอย่างน่าประหลาดมีวัฎจักรและทฤษฎีรองรับ

    ทฤษฎีนี้คือ Dow/Gold Ratio = 1:1

    หลักการก็คือ
    ไม่ว่า หุ้นดาวน์โจนส์จะขึ้นหรือลงไปอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ ไม่ว่าราคาทองคำจะขึ้นหรือลงไปอยู่ที่ราคาเท่าไหร่
    สุดท้ายมันจะกลับมาเท่ากัน (1:1)

    [​IMG]

    วิธีการวัดก็คือ ต้องใช้“ทองกี่ออนซ์” ถึงจะเทียบเท่าดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์
    เช่น : คณิตศาสตร์ระดับประถม

    ให้ดัชนีหุ้น Dow = 10,000 จุด

    ให้ราคาทอง = 1,000$/oz

    อัตราส่วน Dow/Gold จะเท่ากับ 10

    นั่นหมายความว่า ทอง 10 ออนซ์ มีค่าเทียบเท่า ดัชนีหุ้น Dow


    จากกราฟ:ในช่วงปลายทศวรรษที่ 20


    Dow/gold ratio เคยขึ้นไปสูงถึงระดับเกือบ 20:1
    แต่หลังจากนั้น ตุลาคม 1929 ตลาดหุ้น Dow ร่วงดิ่งเหวเหลือเพียง 35 จุด (เหตุการณ์ Black Monday)
    มาชนกับราคาทองคำในขณะนั้นคือ 35$/oz พอดี
    ทำให้อัตราส่วนลดลงอย่างรวดเร็วเหลือ 1:1

    จากกราฟ :ช่วงทศวรรษที่ 60

    Dow/gold ratio ขึ้นไปใหม่ถึงระดับ เกือบ 30:1 ในขณะนั้น
    นักเศรษฐศาสตร์ออกมาเตือนให้ระวังประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยแต่ “ไม่มีใครเชื่อ”
    เพราะเห็นว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ยุคนี้เป็นยุคใหม่ บ้านเมืองเจริญก้าวหน้า นาซ่า ส่งคนไปดวงจันทร์
    เป็นยุคของ เอลวิส เพรสรีย์ และเดอะ บีทเทิ้ล อันโด่งดัง

    แต่วัฎจักรก็วนมาอีกครั้ง

    ปี 1980 ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างหนัก พร้อมๆกับ ราคาทองที่ทะยานสูงขึ้น จนไปพบกันที่
    Dow 850 จุด : ทองคำ 850$/oz

    1:1

    จากกราฟ : ปี 2000

    Dow/gold ratio ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดตลอดกาลมากกว่า 40:1 แต่หลังจากนั้นก็เหมือนเดิม
    ตลาดหุ้นเริ่มร่วงจากเหตุการณ์ Dot-com ,วินาศกรรม 9-11 ,ฟองสบู่ อสังหาริมทรัพย์ (Housing bubble)
    ในขณะเดียวกันทองคำเริ่มปรับมูลค่าของตัวเองสูงขึ้นเรื่อยๆ

    ปี 2010 จากอัตราส่วนกว่า 40:1 บัดนี้เหลือเพียง 8:1

    ผมเฝ้าติดตามอัตราส่วนนี้มาตลอด
    จากระดับ 10:1 เมื่อปีก่อน ลดเหลือ 9 จนเหลือ 8 “คล้ายกับการนับถอยหลัง”
    มันเกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง มันกำลังจะเกิดขึ้นอีก
    ราคาทองคำและดัชนีดาวกำลังปรับตัวเข้าหากัน


    (อีกครั้ง) หากคุณไม่เคยเล่นหุ้น หรือ ไม่รู้จัก ดาวน์โจนส์ ไม่เป็นไรเลยครับ
    คุณแค่ รู้ไว้ว่า
    ขณะนี้มันอยู่ที่ระดับ 11,000 จุด (ก็พอ)

    [​IMG] หาก ตลาด หุ้นล่มสลายไปปิดตลาดที่ 2000 จุด ทองก็จะไป 2000$/oz ด้วย

    [​IMG] หากตลาดหุ้นลงถล่มทลาย กว่า 50% ไปปิดตลาดที่ 5000 จุด ทองก็จะไปเจอที่ 5000$/oz

    [​IMG] หรือต่อให้ตลาดหุ้น ไม่ลง ยืนอยู่ระดับ 11000 จุดเหมือนเดิม ทองก็จะวิ่งไปหา ที่ 11000$/oz อยู่ดี

    ผมไม่สนว่า Dowjones จะเป็นเท่าไหร่ หรือราคาทองคำจะไปไกลแค่ไหน
    ผมรู้แค่ว่า สุดท้าย ตัวเลขสองตัวนี้ มันจะมาเจอกันที่ 1:1

    [​IMG]

    นั่นเป็นเพราะในระยะยาวไม่มีใครสามารถ “กด” หรือ “ปั่น” ราคาตลาด (ไม่ว่าหุ้นหรือทอง)ได้ตลอดไป
    เมื่อระบบที่บิดเบือนราคาตลาดอ่อนกำลังลง ของทุกอย่างจะปรับมูลค่าของมันกลับไปสู่พื้นฐานราคาที่แท้จริง

    เหมือนกับการ “ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ” ที่พูดถึงเมื่อคราวก่อน ผมสรุปทิ้งท้ายเอาไว้ว่า
    อัตราเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการนั้น “ต่ำกว่าความเป็นจริง”
    คำถามคือ แล้วตามความเป็นจริงนั้นควรจะเป็นอย่างไร ? เรามาดูกันต่อครับ

    มีองค์กรอยู่องค์กรนึง ก่อตั้งโดย John William มีชื่อว่า “Shadow Government Statistics : SGS”
    เค้าคงจะทนไม่ได้ กับการตบแต่งตัวเลข หลายๆรายการจากองค์กรภาครัฐ แล้วนำเสนอ ต่อประชาชนทั่วไป

    -อัตราการว่างงานที่ต่ำเกินจริง
    -ตัวเลข GDP ที่สูงเกินจริง
    -อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำเกินจริง

    เหล่านี้ล้วนออกมา สร้างความเชื่อมั่นและภาพพจน์ที่ดูดีให้กับรัฐบาล
    แต่ตรงข้ามกับความจริงที่ประชาชนในประเทศต้องเผชิญ
    SGS จึงรวบรวมข้อมูลและจัดทำตัวเลข “อัตราเงินเฟ้อ”
    ขึ้นมาเอง

    จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรมาก SGSแค่ยึดหลักการคำนวณอัตราเงินเฟ้อที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน
    ก่อนที่ BLS จะมาเปลี่ยนวิธีการคำนวณใหม่
    โดยใช้ระบบ CPI’s hedonic adjustments (มั่วราคา)
    เข้ามาช่วยคำนวณ (ย้อนอ่านบทความตอนที่แล้ว)
    SGS จึงตัดระบบ Hedonic ออกไปเพราะมันทำให้เงินเฟ้อนั้นต่ำกว่าความเป็นจริง
    ปรากฎว่าตัวเลขที่ได้ สูงกว่าของ BLS กว่าเท่าตัว !


    เช่น มิถุนายน 2010 ตัวเลข CPI จาก BLS คือ 4.3%

    แต่ มิถุนายน 2010 ตัวเลข CPI จาก SGS คือ 8.4%

    ตัวผมเองนั้นขอเชื่อถือตัวเลขจาก SGS และไม่ขอเชื่อถือตัวเลข “อย่างเป็นทางการ (Official)”
    จาก BLS เพราะการคำนวณของเค้านั้น ไม่แฟร์

    เมื่อได้ตัวเลขจาก SGS มาแล้ว แน่นอนครับย่อมต้องย้อนกลับไปเข้าเรื่องของเรา นั่นคือ นำเอาราคาทองคำมาปรับตามอัตราเงินเฟ้อ
    ผลที่ได้ก็คือ

    [​IMG] กราฟนี้ปรับตาม BLS เราจะได้ราคาทองที่ประมาณ 2200$ เพื่อให้เท่า 850$ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว

    [​IMG]

    [​IMG] กราฟนี้ปรับตาม SGS เราจะได้ราคาทองที่ประมาณ 7500$ เพื่อให้เท่า 850$ เมื่อ 30 ปีที่แล้ว

    [​IMG]

    สรุปแล้วหาก “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
    ทองคำมีโอกาสแตะระดับ 7500$/oz และหุ้นดาวน์โจนส์ มีโอกาสร่วงลงเหลือ 7500 จุด เป็นไปตามทฤษฎี 1:1


    .......................................


    โอกาสมาเคาะประตูหน้าบ้านของคุณ ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะเปิดรับมันหรือปล่อยมันผ่านเลยไป
    ตัวเลขในวันนี้ ดูเหมือนจะเป็นตัวเลขในจินตนาการ หรือ ตัวเลขแค่ในทางทฤษฎี
    แต่ผมก็ได้แสดงให้คุณเห็นแล้วว่า ตัวเลขพวกนี้มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
    ด้วยเหตุและปัจจัยเดียวกันกับที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้

    ผมไม่ได้การันตี ว่ามันจะเกิดซ้ำ แต่ มันมีแนวโน้มมากเหลือเกินที่มันจะเป็นไปได้ และ หากมันเกิดขึ้นอีก
    ผมไม่อยากพลาดครับ

    โอกาสการลงทุนแบบนี้ ในชั่วชีวิตของคนๆนึง จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หากคุณพลาด โอกาส “ทอง”(จริงๆ)ครั้งที่ 1
    เมื่อ 30 ปีที่แล้ว(ซึ่งผมก็พลาด) คราวนี้ เราจะไปด้วยกัน
    และหน้าที่ของผมคือพยายามสื่อสารและพาคนไปกับผมให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้


    เช่นเดิม:ขอให้โชคดีและมีความสุขในการลงทุนทุกท่านครับ


    ปล. ยังต้องตามกันต่อนะครับสำหรับตอนหน้า เนื้อหาจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ผมเขียนเรียงลำดับจากเบาไปหาหนักอยู่แล้วครับ [​IMG]
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    บิ๊กIMFชี้-หัวเรือใหญ่คนต่อไปของIMF-ธนาคารโลก ไม่ควรมาจากUS-ยุโรป
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 ธันวาคม 2553 23:35 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) โดมินิก สเตราส์-คาห์น

    เอเอฟพี - โดมินิค สเตราส์-คาห์น กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวที่นิวเดลีเมื่อวันพฤหัสบดี (2) ว่า หัวเรือใหญ่ไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) คนต่อจากนี้ ไม่ควรมาจากสหรัฐฯ หรือยุโรป แต่ควรมาจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ หรือ ประเทศกำลังพัฒนาแทน ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากการที่เศรษฐกิจโลกเริ่มหันเหไปสู่การขับเคลื่อนโดยประเทศเหล่านั้นมากขึ้น

    ตามธรรมเนียมปฏิบัติในอดีตที่ผ่านมา ชาวยุโรปจะเป็นกรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ ส่วนคนอเมริกันจะเป็นประธานธนาคารโลกโดยตลอด ในปัจจุบัน คาห์น ผู้กุมบังเหียนไอเอ็มเอฟอยู่ก็เป็นชาวฝรั่งเศส ขณะที่โรเบิร์ต เซลลิก ประธานเวิลด์แบงก์ ก็เป็นชาวอเมริกัน
    Around the World - Manager Online -
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    USโดนโลกรุมจวกกรณี'วิกิลีกส์'ตั้งกก.ป้องกันข้อมูลลับรั่วไหลอีก
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 ธันวาคม 2553 22:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เอเอฟพี /เอเจนซี - สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับกระแสเดือดดาลจากรัฐบาลทั่วทุกมุมโลกในกรณีที่ข้อมูลเอกสารลับทางการทูตของอเมริกันซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงถึงประเทศต่างๆ เกิดรั่วไหลและถูกเว็บไซต์วิกิลีกส์นำไปตีแผ่ อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานชุดพิเศษขึ้นแล้วเพื่อประเมินความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น รวมถึงคิดหาวิธีการป้องกันไม่ให้เอกสารสำคัญของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลรั่วไหลได้อีก

    วลาดิมีร์ ปูติน นายกรัฐมนตรีของรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้นำที่แสดงความไม่พอใจหลังจากที่เอกสารลับทางการทูตของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวถึงแดนหมีขาวในแง่ลบรั่วไหลไปในโลกไซเบอร์ เนื้อหาที่ว่านี้ก็อย่างเช่น นักการทูตอเมริกันหลายๆ คน ระบุว่ารัสเซียเป็นประเทศคณาธิปไตยที่ปกครองโดยพวกหน่วยงานความมั่นคง รวมทั้งยังตั้งข้อสงสัยด้วยว่า มาเฟียมีอิทธิพลเหนือกรุงมอสโก ตลอดจนล้อเลียนประธานาธิบดีดมิตรี เมดเวเดฟว่าเล่นบทบาทเป็น “โรบิน” ขณะที่ปูติน เป็น “แบทแมน”

    อดีตสายลับองค์การเคจีบีผู้นี้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “แลร์รี คิง ไลฟ์” ของโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น เตือนสหรัฐฯ ว่า อย่าแทรกแซงกิจการภายในของรัสเซีย พร้อมกับตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เบื้องหลังอาจมี “ใครบางคน” ซึ่งแฝงด้วยเจตนารมณ์ทางการเมือง ลักลอบนำบันทึกลับเหล่านี้ไปให้แก่วิกิลีกส์เพื่อจะให้เปิดโปง

    อย่างไรก็ตาม นายกฯ แดนหมีขาวกล่าวทิ้งท้ายว่า “อย่างไรเสีย ผมไม่คิดว่านี่จะเป็นหายนะ”

    ในตุรกี นายกรัฐมนตรีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดแกน แสดงอาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หลังจากที่ตัวเขาถูกพาดพิงในบันทึกลับทางการทูตฉบับหนึ่งซึ่งมีเนื้อความเป็นการกล่าวหาว่า เขามีบัญชีลับหลายบัญชีในธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์

    “ผมไม่มีแม้แต่สักเพนนีเดียวในธนาคารสวิสเลยด้วยซ้ำ” เออร์โดแกน แก้ต่าง พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลวอชิงตันแสดงความรับผิดชอบต่อการที่นักการทูตอเมริกันใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นด้วยถ้อยคำมดเท็จและทัศนะที่ไม่ถูกต้อง

    ที่อาร์เจนตินา รัฐมนตรีผู้หนึ่งก็โวยว่า มันเป็นเรื่องน่าละอายที่นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ สอบถามไปยังนักการทูตของตนเกี่ยวกับสุขภาพทางจิตของประธานาธิบดีคริสตินา เคิร์ชเนอร์

    ขณะที่ประเทศในกลุ่มละตินอเมริกาอื่นๆ อย่างอุรุกวัย ก็ระบุด้วยว่า จะขอคำอธิบายจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมอนเตวิเดโอ

    สำหรับปฏิกิริยาของชาติอื่นๆ ในเอเชีย จีนได้เรียกร้องให้อเมริกาทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก โดยที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลปักกิ่งได้ทำการบล็อกไม่ให้ยูสเซอร์ภายในประเทศเข้าถึงเว็บไซต์ของวิกิลีกส์ นอกจากนี้เจียงอี๋ว์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกรยังระบุด้วยว่า เนื้อหาในบันทึกเหล่านี้เข้าข่าย “ไร้สาระ” ขณะที่ยูซุฟ ราจา จิลานี นายกรัฐมนตรีของปากีสถาน ได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ มาเข้าพบเพื่อขอคำอธิบาย

    หลังจากที่วิกิลีกส์นำบันทึกลับทางการทูตไปเผยแพร่จนเกิดกระแสความไม่พอใจขึ้นทั่วโลก ล่าสุดทำเนียบขาว ก็ออกมาแถลงว่า ทางเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงแห่งชาติซึ่งขึ้นตรงต่อประธานาธิบดีโอบามา ได้จัดตั้งคณะทำงานชุดพิเศษขึ้นเพื่อทำการตรวจสอบ ประเมินความเสียหาย รวมทั้งออกแบบคิดค้นมาตรการใหม่ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลลับเกิดการรั่วไหลอีก พร้อมกับแต่งตั้งรัสเซลล์ แทรเวอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านก่อการร้าย ให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานชุดดังกล่าว

    ทั้งนี้ทางการสหรัฐฯ สงสัยว่า วิกิลีกส์อาจได้รับบันทึกลับทางการทูตกว่า 250,000 ฉบับนี้มาจากแบรดลีย์ แมนนิง วัย 23 ปี ซึ่งเป็นพลทหารที่ทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์ข่าวกรองในอิรัค เขาถูกเจ้าหน้าที่รวบตัวในข้อหาดาวน์โหลดข้อมูลทางการทูตมากกว่า 150,000 ชิ้นของกระทรวงการต่างประเทศโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะยืนยันว่าข้อมูลที่แมนนิงดาวน์โหลดนั้นเป็นข้อมูลเดียวกับที่วิกิลีกส์นำไปเผยแพร่หรือไม่

    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9530000170464
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    USโดนโลกรุมจวกกรณี'วิกิลีกส์'ตั้งกก.ป้องกันข้อมูลลับรั่วไหลอีก
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 ธันวาคม 2553 22:26 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เอเอฟพี /เอเจนซี - สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับกระแสเดือดดาลจากรัฐบาลทั่วทุกมุมโลกในกรณีที่ข้อมูลเอกสารลับทางการทูตของอเมริกันซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงถึงประเทศต่างๆ เกิดรั่วไหลและถูกเว็บไซต์วิกิลีกส์นำไปตีแผ่ อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ได้จัดตั้งคณะทำงานชุดพิเศษขึ้นแล้วเพื่อประเมินความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น รวมถึงคิดหาวิธีการป้องกันไม่ให้เอกสารสำคัญของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลรั่วไหลได้อีก

    วลาดิมีร์ ปูติน นายกรัฐมนตรีของรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้นำที่แสดงความไม่พอใจหลังจากที่เอกสารลับทางการทูตของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งกล่าวถึงแดนหมีขาวในแง่ลบรั่วไหลไปในโลกไซเบอร์ เนื้อหาที่ว่านี้ก็อย่างเช่น นักการทูตอเมริกันหลายๆ คน ระบุว่ารัสเซียเป็นประเทศคณาธิปไตยที่ปกครองโดยพวกหน่วยงานความมั่นคง รวมทั้งยังตั้งข้อสงสัยด้วยว่า มาเฟียมีอิทธิพลเหนือกรุงมอสโก ตลอดจนล้อเลียนประธานาธิบดีดมิตรี เมดเวเดฟว่าเล่นบทบาทเป็น “โรบิน” ขณะที่ปูติน เป็น “แบทแมน”

    อดีตสายลับองค์การเคจีบีผู้นี้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “แลร์รี คิง ไลฟ์” ของโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น เตือนสหรัฐฯ ว่า อย่าแทรกแซงกิจการภายในของรัสเซีย พร้อมกับตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เบื้องหลังอาจมี “ใครบางคน” ซึ่งแฝงด้วยเจตนารมณ์ทางการเมือง ลักลอบนำบันทึกลับเหล่านี้ไปให้แก่วิกิลีกส์เพื่อจะให้เปิดโปง

    อย่างไรก็ตาม นายกฯ แดนหมีขาวกล่าวทิ้งท้ายว่า “อย่างไรเสีย ผมไม่คิดว่านี่จะเป็นหายนะ”

    ในตุรกี นายกรัฐมนตรีเรเซป เทย์ยิป เออร์โดแกน แสดงอาการโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หลังจากที่ตัวเขาถูกพาดพิงในบันทึกลับทางการทูตฉบับหนึ่งซึ่งมีเนื้อความเป็นการกล่าวหาว่า เขามีบัญชีลับหลายบัญชีในธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์

    “ผมไม่มีแม้แต่สักเพนนีเดียวในธนาคารสวิสเลยด้วยซ้ำ” เออร์โดแกน แก้ต่าง พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลวอชิงตันแสดงความรับผิดชอบต่อการที่นักการทูตอเมริกันใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นด้วยถ้อยคำมดเท็จและทัศนะที่ไม่ถูกต้อง

    ที่อาร์เจนตินา รัฐมนตรีผู้หนึ่งก็โวยว่า มันเป็นเรื่องน่าละอายที่นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ สอบถามไปยังนักการทูตของตนเกี่ยวกับสุขภาพทางจิตของประธานาธิบดีคริสตินา เคิร์ชเนอร์

    ขณะที่ประเทศในกลุ่มละตินอเมริกาอื่นๆ อย่างอุรุกวัย ก็ระบุด้วยว่า จะขอคำอธิบายจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมอนเตวิเดโอ

    สำหรับปฏิกิริยาของชาติอื่นๆ ในเอเชีย จีนได้เรียกร้องให้อเมริกาทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก โดยที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลปักกิ่งได้ทำการบล็อกไม่ให้ยูสเซอร์ภายในประเทศเข้าถึงเว็บไซต์ของวิกิลีกส์ นอกจากนี้เจียงอี๋ว์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกรยังระบุด้วยว่า เนื้อหาในบันทึกเหล่านี้เข้าข่าย “ไร้สาระ” ขณะที่ยูซุฟ ราจา จิลานี นายกรัฐมนตรีของปากีสถาน ได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ มาเข้าพบเพื่อขอคำอธิบาย

    หลังจากที่วิกิลีกส์นำบันทึกลับทางการทูตไปเผยแพร่จนเกิดกระแสความไม่พอใจขึ้นทั่วโลก ล่าสุดทำเนียบขาว ก็ออกมาแถลงว่า ทางเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงแห่งชาติซึ่งขึ้นตรงต่อประธานาธิบดีโอบามา ได้จัดตั้งคณะทำงานชุดพิเศษขึ้นเพื่อทำการตรวจสอบ ประเมินความเสียหาย รวมทั้งออกแบบคิดค้นมาตรการใหม่ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลลับเกิดการรั่วไหลอีก พร้อมกับแต่งตั้งรัสเซลล์ แทรเวอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านก่อการร้าย ให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานชุดดังกล่าว

    ทั้งนี้ทางการสหรัฐฯ สงสัยว่า วิกิลีกส์อาจได้รับบันทึกลับทางการทูตกว่า 250,000 ฉบับนี้มาจากแบรดลีย์ แมนนิง วัย 23 ปี ซึ่งเป็นพลทหารที่ทำหน้าที่เป็นนักวิเคราะห์ข่าวกรองในอิรัค เขาถูกเจ้าหน้าที่รวบตัวในข้อหาดาวน์โหลดข้อมูลทางการทูตมากกว่า 150,000 ชิ้นของกระทรวงการต่างประเทศโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะยืนยันว่าข้อมูลที่แมนนิงดาวน์โหลดนั้นเป็นข้อมูลเดียวกับที่วิกิลีกส์นำไปเผยแพร่หรือไม่

    Around the World - Manager Online - USⴹ
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผู้นำระดับสูงจีน-โสมแดง จับมือคุยกัน ท่ามกลางไฟขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลี
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 ธันวาคม 2553 16:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    แฟ้มภาพ – อู๋ ปังกั๋ว ประธานคณะกรรมการบริหารประจำสภาผู้แทนประชาชนและประธานรัฐสภาของจีน (ขวา) เคยจับมือในการพบปะกับโช แท-บัก ประธานสภาประชาชนสูงสุดของเกาหลีเหนือ (ซ้าย) มาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อ 20 ก.ค. ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ภาพเอเยนซี)

    เอเอฟพี - อู๋ ปังกั๋ว ประธานคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน หรือรัฐสภาของจีน ได้พบปะกับผู้นำเกาหลีเหนือเมื่อวันพุธ (1ธ.ค.) พร้อมย้ำ “จีนจะรักษาสัมพันธภาพกับเกาหลีเหนือ” ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความขัดแย้ง

    หยัง เจี๋ยฉือ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ได้ออกมาเรียกร้อง (1 ธ.ค.)ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับวิกฤตการณ์บนคาบสมุทรเกาหลียุติการจุดไฟขัดแย้ง และฟื้นฟูสถานการณ์ด้วยการเจรจา

    หยังกล่าวถึงจุดยืนของจีนว่า “จีนตัดสินใจบนหลักจริยธรรม และจะไม่ยืนอยู่ข้างใด จีนไม่เห็นด้วยกับการแสดงแสนยานุภาพทางทะเลของเกาหลีใต้และสหรัฐฯ การแสดงอำนาจและการปะทะไม่ใช่ทางแก้ปัญหา และไม่ใช่ผลประโยชน์ของทุกฝ่าย ความตึงเครียดจะทำให้ทุกฝ่ายเสียหาย”

    อย่างไรก็ตามสถานีโทรทัศน์ของจีนได้แพร่ภาพอู๋ ปังกั๋ว ประธานรัฐสภาฯจีน พบปะกับ โช แท-บัก ประธานสภาประชาชนสูงสุดของเกาหลีเหนือในวันเดียวกัน (1 ธ.ค.) ซึ่งถือเป็นการพบปะระหว่างผู้นำระดับสูงของสองประเทศเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เกิดเหตุเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ 80 นัดเข้าใส่เกาะยอนพยองของเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

    อู๋ บอกกับ โช ว่า “เพื่อให้สัมพันธภาพจีน-เกาหลีเหนือพัฒนาและเข้มแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือระหว่างจีนและเกาหลีเนือ เป็นยุทธศาสตร์ทางนโยบายที่แน่วแน่ของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลจีน”

    การเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการของ โช แทบัก จะสิ้นสุดในวันอาทิตย์ (5 พ.ย.) อย่างไรก็ตาม ในการพบปะครั้งนี้ อู๋ และ โช ไม่ได้กล่าวถึงความตึงเครียดของสถานการณ์ปัจจุบัน

    ก่อนหน้านั้นเกาหลีเหนือใช้ปืนใหญ่ยิง 80 นัดถล่มเกาะยอนพยองของเกาหลีใต้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนพิพาทในทะเลเหลือง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ขณะที่เกาหลีเหนือกล่าวถึงสาเหตุที่ระดมยิงปืนใหญ่ใส่เกาะชายแดนของเกาหลีใต้ในวันอังคาร (23 พ.ย.) ว่า “เพราะกองทัพเกาหลีใต้ไม่ยอมยุติการซ้อมรบในน่านน้ำที่มีกรณีพิพาท”

    ตามติดมาด้วยปฏิบัติการซ้อมรบร่วมทางทะเลระหว่างกองทัพเรือของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ตอบโต้เกาหลีเหนือเป็นเวลา 4 วัน ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 28 ท่ามกลางกระแสทัดทานและวิจารณ์อย่างหนักจากพันธมิตรหนึ่งเดียวของเปียงยางนั่นคือ “จีน”

    ท่ามกลางความคาดหวังของนานาชาติต่อท่าทีของจีน ส่งผลให้ จีนประกาศ (28 พ.ย.) เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดประชุมฉุกเฉิน 6 ฝ่ายในช่วงต้น ธ.ค. เพื่อต้องการปลดชนวนความขัดแย้งเกาหลีเหนือ-ใต้ ขณะที่สหรัฐฯ - เกาหลีใต้ไม่สนคำเตือนจีน อ้างยังไม่ใช่เวลาเหมาะสม

    สื่อรายงานว่า คิม จองอิล ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือก็อยู่ในประเทศจีน แต่ไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการถึงการเยือน

    นอกจากนั้นสื่อเผยรายงานที่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า ไต้ ปิ่งกั๋ว ผู้กำหนดนโยบายต่างประเทศระดับสูงของจีน ก็มีแผนเดินทางเยือนเกาหลีเหนือในสัปดาห์นี้
    China - Manager Online -
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทูตสหรัฐเสียใจข้อมูล"บูท"รั่ว

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    วันที่ 3 ธันวาคม 2553 08:20
    ทูตสหรัฐร่อนจดหมายแจงข้อมูลคดี“วิคเตอร์ บูท” ในไทยรั่ว ย้ำความสัมพันธ์ยังแน่นแฟ้นขณะที่“อภิสิทธิ์”ปฏิเสธ“โอบามา”ต่อสายยันเป็นเรื่องของสหรัฐ
    <!--<iframe scrolling="no" src="fullURLmain/include/adsense/indetail.php" frameborder="0" height="266" width="250"></iframe>--><SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20101201/show_ads_impl.js"></SCRIPT>นายอีริค จี. จอห์น เอกอัครราชทูต สหรัฐประจำประเทศไทย เขียนจดหมายชี้แจงวานนี้ (2 ธ.ค.) ระบุว่านายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ และนางฮิลลารี
    คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ยึดถือความสัมพันธ์ของสหรัฐกับทั่วโลกเป็นสำคัญ บุคคลทั้งสองทำงานอย่างหนักเพื่อกระชับความสัมพันธ์
    ที่มีอยู่เดิมและเสริมสร้างความสัมพันธ์ใหม่
    แม้ความสัมพันธ์ที่มั่นคงก็อาจคลอนแคลนได้ เห็นได้จากสถานการณ์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เมื่อเอกสารจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐรั่วไหลสู่สื่อมวลชน โดยเอกสารดังกล่าวมีข้อมูลเกี่ยวกับการประเมินนโยบาย การเจรจา และท่าทีของผู้นำประเทศต่างๆ ทั่วโลก
    นายจอห์น กล่าวว่า แม้ไม่สามารถยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวเป็นของแท้หรือไม่ แต่สหรัฐเสียใจอย่างยิ่งที่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ควรเป็นความลับ และขอประณามการกระทำดังกล่าว นักการทูตต้องหารืออย่างตรงไปตรงมา และต้องรับประกันว่าการหารือจะเป็นความลับการเจรจาระหว่างรัฐบาลเป็นผลประโยชน์ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่จะช่วยรักษาสันติภาพ ความมั่นคงและเสถียรภาพระหว่าง ประเทศ ซึ่งเขาเชื่อว่านักการทูตของไทยในสหรัฐจะกล่าวเช่นเดียวกันนี้
    นายจอห์น แสดงความเชื่อมั่นว่า ผู้ที่มีความสุจริตจะรับรู้ว่ารายงานภายในของนักการทูต ไม่ใช่ตัวแทนของนโยบายต่างประเทศ อย่างเป็นทางการของรัฐบาล นโยบายอย่างเป็นทางการสามารถเผยแพร่ต่อสาธารณชนได้ รวมถึงถ้อยแถลง แถลงการณ์ รายงาน และเอกสารอื่นๆ ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเผยแพร่ผ่านทางอินเทอร์-เน็ตหรือช่องทางอื่นๆ
    ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไม่ใช่เรื่องเดียวที่สหรัฐถือเป็นธุระนักการทูตของสหรัฐยังพบปะกับผู้ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนผู้สื่อข่าว ผู้นำทางศาสนา และกลุ่มอื่นๆ
    นอกเหนือจากรัฐบาล การเจรจากับกลุ่มต่างๆ เหล่านี้ ต้องอาศัยความเชื่อมั่นและไว้เนื้อเชื่อใจเช่นกัน หากนักเคลื่อนไหวต่อต้านการคอร์รัปชันให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ หรือนักสังคมสงเคราะห์มอบข้อมูลเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ การเปิดเผยตัวตนของบุคคลเหล่านั้นอาจก่อให้เกิดผลเสียหายร้ายแรงถึงชีวิต
    เจ้าของเว็บไซต์วิกิลีกส์ อ้างว่า มีเอกสารลับประมาณ 250,000 ชิ้น และส่วนหนึ่งเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนแล้ว ไม่ว่าคนเหล่านี้จะมีจุดประสงค์ใดในการเผยแพร่เอกสาร ก็เห็นได้ชัดว่า เป็นการสร้างความเสี่ยงแก่บุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ที่อุทิศชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องผู้อื่น สหรัฐสนับสนุนให้มีการ
    ถกเถียงเกี่ยวกับนโยบายการเผยแพร่ข้อมูล แต่การนำเอกสารออกเผยแพร่อย่างไม่ระมัดระวัง และไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา ไม่ใช่วิธีเริ่มต้นที่เหมาะสม
    ในส่วนของสหรัฐ รัฐบาลยึดมั่นต่อการรักษาความปลอดภัยของการสื่อสารทางการทูต และอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อรับประกันความมั่นใจว่าจะไม่มีข้อมูลรั่วไหลอีก สหรัฐจะร่วมมือกับไทยต่อไปเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสร้างความคืบหน้าในประเด็นที่สำคัญต่อทั้งสองประเทศ
    นายจอห์นย้ำว่า เขาติดต่อใกล้ชิดกับรัฐบาลไทย ทั้ง นายโอบามา นางคลินตัน และตัวเขาเอง ยังคงยึดมั่นกับการเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ และจะพยายามสร้างสรรค์โลกที่ดีขึ้นและรุ่งเรืองขึ้นสำหรับทุกคน
    ด้าน นายวอลเตอร์ บราวโนเลอร์ ผู้ช่วยทูตสหรัฐฝ่ายการแถลงข่าว กล่าวว่า สหรัฐเสียใจกับการปล่อยข้อมูลโดยไม่รับผิดชอบ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสหรัฐและประเทศอื่นๆ สหรัฐของประณามอย่างรุนแรงต่อการเปิดเผยข้อมูลลับอย่างผิดกฎหมาย ที่ทำให้ชีวิตผู้อื่นตกอยู่ในอันตราย และบั่นทอนความพยายามของสหรัฐในการร่วมมือกับประเทศอื่นๆเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน
    ขณะที่สถานทูตไม่สามารถแสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อมูลที่รั่วไหลออกมา แต่สามารถพูดคุยถึงบทบาทของนักการทูตสหรัฐในประเทศไทยและที่อื่นๆ นักการทูตสหรัฐในทุกประเทศมีหน้าที่สื่อสารกับรัฐบาลและสังคมในประเทศนั้นๆ เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์และรายงานต่อรัฐบาลวอชิงตัน อันเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งนักการทูตประเทศอื่นๆ ก็ดำเนินการเช่นเดียวกันนี้
    นายบราวโนเลอร์ กล่าวว่า ปัจจัยพื้นฐานของระบบการทูต คือ ความมั่นใจและเชื่อมั่นต่อการร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ และการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน สหรัฐและไทยมีความสัมพันธ์มานานกว่า 177 ปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้นความร่วมมือระหว่างสองประเทศขยายตัวไปในด้านต่างๆ รวมถึง สุขภาพ การศึกษา และ มนุษยชน ซึ่งสหรัฐหวังจะร่วมมือกับไทยต่อไปในทุกด้าน
    ‘อภิสิทธิ์’ปฏิเสธ’โอบามา’กดดัน
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์ “wikileaks” เผยแพร่เอกสารลับของสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เคยเสนอให้นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ โทรศัพท์สายตรงหานายก-รัฐมนตรีของไทย เพื่อให้ส่งตัวนายวิคเตอร์ บูท นักค้าอาวุธชาวรัสเซียไปดำเนินคดีที่สหรัฐ ว่าที่เห็นในข่าวเป็นเอกสารช่วงประมาณเดือนก.พ.ปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นทูตสหรัฐมาพบจริง แต่มาแสดงความห่วงใยเรื่องของคดี ซึ่งได้ตรวจสอบและสั่งการว่าต้องไม่มีลักษณะของการไปแทรกแซงคดีทางหนึ่งทางใด
    ส่วนที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่า โอบามาโทรมาหาด้วยตัวเองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าว ปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง ไม่ได้ถึงขั้นนั้น แต่ทูตมาพบ ซึ่งก็รับทราบเรื่องและหลังจากนั้นทูตไปได้ข้อมูลว่ามีการไปแทรกแซงอะไรต่างๆ ตนก็ให้ไปพบผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
    “ไม่มีการกดดัน เขาบอกว่าเขาไม่ได้มีข้อสงสัยหรือจะมากดดันในแง่ของกระบวนการ แต่เขามีความเป็นห่วงว่ามันมีข่าวคราวว่ามีบุคคลซึ่งอาจจะมีอิทธิพลเข้าไปแทรกแซง ผมก็บอกไปว่ามันไม่มี และไม่ควรจะมี หากมีข้อสงสัยตรงไหนอย่างไรรัฐบาลก็จะตรวจสอบให้”
    ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อมูลที่มีการเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ ซึ่งในส่วนของรัสเซียก็มีการระบุว่านายวิคเตอร์ บูท ติดสินบนด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “ก็นั่นแหละ ก็ผสมกัน ทางฝ่ายสหรัฐก็ได้ยินมาก็มาร้อง ผมก็บอกว่าหากสงสัยตรงไหนก็จะตรวจสอบให้ ผมยืนยันว่ากระบวนการทั้งหมด หลังจากนั้นมาใช้เวลานานมากนะครับ แล้วศาลชั้นต้นก็พิพากษาอย่างหนึ่ง และศาลอุทธรณ์ก็มากลับ แล้วก็มีคดีที่สองอีก หลังจากนั้นมาก็ไม่มีฝ่ายใดมาร้องเรียนกับผม”
    ส่วนจะดำเนินคดีอะไรกับการเปิดเผยข้อมูลแบบนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องของเอกสารของสหรัฐ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไทยส่วนผลกระทบต่อไทยนั้นตนคิดว่ากระทรวงการต่างประเทศติดตามอยู่ เพราะนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักฯก็กำลังพูดคุยอยู่กับกระทรวงการต่างประเทศ
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ลีลาการทูตสไตล์มะกัน ผ่าน Wikileaks

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG] กาแฟดำ
    วันที่ 3 ธันวาคม 2553 01:00

    “เอกสารลับ” จากสถานทูตสหรัฐ ที่ถนนวิทยุส่งกลับไปยัง กระทรวงต่างประเทศของเขาที่วอชิงตัน ได้รับการเปิดเผยหลายฉบับแล้วโดย Wikileaks
    <!--<iframe scrolling="no" src="fullURLmain/include/adsense/indetail.php" frameborder="0" height="266" width="250"></iframe>--><SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20101201/show_ads_impl.js"></SCRIPT> ผ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เช่น The Guardian และ New York Times
    คาดไม่ผิดว่า “โทรเลขภายใน” ที่เขายังเรียกว่า diplomatic cable (ทั้งๆ ที่ใช้ส่งผ่านอินเทอร์เน็ตกันแล้ว) นั้นจะต้องมีเรื่องเกี่ยวกับนาย Viktor Bout ที่เป็นประเด็นร้อนแรงระหว่างไทย สหรัฐ และ รัสเซีย
    และหนึ่งในเอกสารลับที่ลงนามโดยทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย อิริค ยอห์น เสนอต่อประธานาธิบดี บารัก โอบามา ว่าให้โทรศัพท์สายตรงมาถึงนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อขอให้ส่งตัวให้สหรัฐ ไม่ใช่ให้รัสเซีย
    เอกสารลับอีกฉบับหนึ่งแสดงชัดเจนว่านักการทูตมะกัน กล่าวหาว่ารัสเซียพยายามจะให้สินบน บรรดาพยานทั้งหลายในคดี วิคเตอร์ บูท ด้วย
    บทวิเคราะห์ในเอกสารลับอีกฉบับหนึ่ง จากสถานทูตสหรัฐประจำกรุงเทพฯ พูดถึงความคึกคักของ “มาเฟียรัสเซียในไทย” ด้วยความเป็นห่วงยิ่ง
    อ่านเอกสารลับสองสามชิ้นนี้แล้วก็พอจะเป็น “วิถีทางการทูต” ของมะกันในฐานะ “มหาอำนาจโลก” ที่ใช้กลไกทางการทูต การเมือง แรงกดดันทุกช่องทางเพื่อบรรลุเป้าหมายของตน
    วิธีกดดันและขู่ทางการทูตแบบมะกัน ปรากฏในเอกสารนี้ตอนหนึ่งที่น่าสนใจ
    “….without being counter-productively heavy-handed, we will make clear that we see Thai executive branch reaction to the ruling as a test of relationship…”
    ซึ่งแปลได้ความว่าหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำวินิจฉัยวันที่ 11 สิงหาคม นี้ไม่ให้ส่งตัว วิคเตอร์ บูท ให้สหรัฐ สถานทูตอเมริกัน ที่นี่ก็แสดงความผิดหวังและพยายามให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลไทยช่วยในการอุทธรณ์คำตัดสินนั้น
    ข้อความที่ผมเอามาเอ่ยอ้างนี้คือวิธีคิดของสถานทูตสหรัฐ ที่พูดกึ่งขอร้องกึ่งขู่ว่าฝ่ายบริหารของ นายกฯ อภิสิทธิ์ จะต้องแสดงความกระตือรือร้นที่จะช่วยสหรัฐ ในประเด็นนี้ “ซึ่งจะเป็นการทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเรา”
    แต่ก็บอกไว้ด้วยว่าจะไม่ทำอะไรหรือพูดอะไร ที่จะออกไปในแนวทางที่เหมือนเป็นนักเลงหัวไม้ ซึ่งจะมีผลออกมาในทางติดลบมากกว่า
    ใน “โทรเลขลับ” ฉบับนี้ ทูตสหรัฐกล่าวหาด้วยว่ารัสเซีย (โดยไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร) พยายามจะใช้สินบนในการกำหนดทิศทางของคดีนี้
    ในเอกสารฉบับนี้ ทูตสหรัฐ บอกว่า นายกฯ อภิสิทธิ์ ไม่ได้ตอบสนองอย่างหนักแน่นในประเด็นนี้ เพียงแต่รับปากว่าจะสอบสวนว่ามี “เรื่องไม่ชอบมาพากล” (irregularities) อะไรหรือไม่โดยผ่าน “ช่องทางที่เหมาะสม” (through appropriate channels)
    และทูตสหรัฐ ยังพบกับรัฐมนตรีกลาโหมและต่างประเทศของไทย... เพื่อขอให้ทางการไทยออกคำปฏิเสธต่อคำให้การก่อนหน้านี้ของพยาน วิคเตอร์ บูท ว่าเขามาเมืองไทยในฐานะคนที่เกี่ยวกับการเจรจา เรื่องเรือดำน้ำระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล
    ทูตมะกันบอกว่าเป็นคำให้การเท็จที่ฝ่ายไทยต้องช่วยออกมาชี้ให้ชัดด้วย
    และทูตยังเสนอด้วยว่าหากในท้ายที่สุดแล้ว วิคเตอร์ บูท สามารถกลับไปรัสเซียได้ สหรัฐ ก็ควรจะหาวิธีกดดันให้รัฐบาลรัสเซีย ต้องตกอยู่ในฐานะกระอักกระอ่วน ด้วยการที่ให้วอชิงตันขอให้มอสโกเอาบูท ขึ้นศาลที่นั่น
    “อย่างน้อย เราก็อาจจะกดดันให้รัสเซียต้องปฏิเสธที่จะทำอย่างที่เราเรียกร้อง...” เป็นอีกตอนหนึ่งของ “โทรเลขลับ” ที่ว่านี้
    เอกสารลับอีกฉบับหนึ่งที่เกี่ยวกับรัสเซียคนนี้ ได้รับการเปิดเผยบอกว่าเครื่องบินหลายลำของวิคเตอร์ บูท ที่ถูกสหรัฐ กล่าวหาว่าใช้ขนอาวุธไปคองโก เซียร์รา เลโอน และไลบีเรีย นั้นกำลังถูกทิ้งจน “สนิมขึ้น” อยู่ที่สนามบินแห่งหนึ่งที่ UAE
    กรณี “โทรเลขลับ” จากสถานทูตมะกันในไทยยังมีรายละเอียดอีกมากมาย สะท้อนถึงเบื้องหลังของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐ ได้มากมายหลายแง่มุมนัก
    แน่นอนว่าสหรัฐ จะต้องโวยวายว่านี่เป็นการทำลายกติกาแห่งการทูต เป็นการละเมิดกฎหมายสหรัฐ และเป็นการทำให้นักการทูตทั้งสหรัฐ และคนอื่นๆ ทั่วโลกต้องตกอยู่ในภยันตราย
    แต่มองจากอีกแง่หนึ่ง เราก็ได้รู้อะไรที่ไม่เคยได้รับรู้ ได้คำตอบต่อคำถามที่เคยน่าพิศวงงงงวย เพราะไม่เคยได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ข้างหลังภาพที่มีแต่คำพูดจาอันไพเราะทางการทูต
    อะไรที่ไม่เคยรู้ก็จะได้รู้กันเสียที... และนั่นย่อมจะทำให้วิถีปฏิบัติทางการทูต และการเมืองระหว่างประเทศต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง
    คำว่า “ชั้นความลับ” ของฝ่ายข่าวกรองกำลังจะหมดความหมายไปอย่างน่าสนใจยิ่ง

     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไอเอ็มเอฟเตือนวิกฤติหนี้ยุโรปยังรุนแรง

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    วันที่ 3 ธันวาคม 2553 05:59
    [​IMG]

    ไอเอ็มเอฟเตือน วิกฤติหนี้ในยุโรป ยังคงรุนแรง ชี้มีอีกหลายประเทศหมิ่นเหม่ที่จะเกิดปัญหาซ้ำรอยไอร์แลนด์ กับกรีซ
    <!--<iframe scrolling="no" src="fullURLmain/include/adsense/indetail.php" frameborder="0" height="266" width="250"></iframe>--><SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20101201/show_ads_impl.js"></SCRIPT>นายโดมินิค สเตราส์ คาห์น กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าววานนี้ (2 ธ.ค.)ว่า สถานการณ์วิกฤติหนี้ในยุโรป ยังรุนแรงอยู่ โดยเปรียบเทียบสถานการณ์ของไอร์แลนด์ และกรีซในขณะนี้ เหมือนยืนอยู่ริมหน้าผา และยังมีอีกหลายประเทศ ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ห่างไกลกันนัก
    อย่างไรก็ดี นายสเตราส์ คาห์น ชี้ว่า การอัดฉีดเงินช่วยเหลือให้กับไอร์แลนด์ น่าจะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในไอร์แลนดืได้ และเศรษฐกิจของไอร์แลนด์ น่าจะกลับมาอยู่ในเส้นทางของการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมยืนยันว่า ไอเอ็มเอฟพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นๆ ในกรณีที่จำเป็น
    ท่าทีข้างต้นของกรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ มีขึ้นหลังธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพิ่งประกาศเดินหน้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลต่อไป ส่วนหนึ่งของมาตรการสนับสนุนหลัก ในการให้ความช่วยเหลือต่อประเทศในกลุ่มยูโร ที่มีปัญหาหนี้สาธารณะในระดับสูง
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    โลกยุคไม่มีความลับ

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    วันที่ 3 ธันวาคม 2553 01:00

    ข้อมูลมหาศาลจำนวน 250,000 ชิ้นที่เป็นโทรเลขทางการทูตของสหรัฐ ซึ่งเว็บไซต์วิกิลีกส์นำมาเผยแพร่นั้น
    <!--<iframe scrolling="no" src="fullURLmain/include/adsense/indetail.php" frameborder="0" height="266" width="250"></iframe>--><SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20101117/r20101201/show_ads_impl.js"></SCRIPT> ให้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ และสะท้อนความเป็นไปในโลกยุคข้อมูลข่าวสารว่า การขโมยหรือแฮคข้อมูลจำนวนมหาศาลนั้น อาจไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ที่สำคัญไปกว่านั้นคือการสะท้อนความจริงที่ว่า การเก็บข้อมูลต่างๆ เป็นความลับในโลกยุคดิจิทัล โลกไร้พรมแดน และโลกในยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลบ่าถึงกันในเสี้ยววินาทีนั้น เป็นเรื่องยากเย็นเพียงใด
    แน่นอนว่าหลังจากการรั่วไหลของข้อมูลลับทางการทูตจำนวนมหาศาล ที่เผยให้เห็นบทสนทนาส่วนตัวหรือการประเมินอย่างตรงไปตรงมานั้น บรรดาผู้เกี่ยวข้องจะต้องพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อเพิ่มการรักษาความปลอดภัยด้านการสื่อสารและการเก็บข้อมูลต่างๆ หรืออาจมีการปรับเปลี่ยนท่าทีด้านการสื่อสารไปก็เป็นได้ ขณะที่ผู้คนในแวดวงอื่นก็คงพากันเพิ่มการรักษาความปลอดภัยในการเก็บข้อมูลเช่นกัน เพราะผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์บอกแล้วว่าต้นปีหน้า มีแผนจะนำเอกสารภายในของธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งมาเปิดเผย
    วิกิลีกส์ เป็นที่รู้จักเมื่อปลายปี 2549 โดยเป็นหนึ่งในสื่อยุคที่ผู้คนจำนวนมากทั่วโลกเล่นเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ยูทูบ และค้นหาคำนิยามทางวิกิพีเดีย ท่ามกลางข้อมูลข่าวสารที่ไหลบ่าถึงกันทุกมุมของโลก รวมถึงข้อมูลที่เว็บไซต์แห่งนี้นำมาเผยแพร่ก่อนหน้านี้ด้วยเอกสารลับจำนวน 92,000 หน้าเกี่ยวกับสงครามในอัฟกานิสถานที่ยืดเยื้อมา 6 ปี ตามด้วยเอกสารลับทางทหารของสหรัฐอีกเกือบ 400,000 หน้าเกี่ยวกับสงครามในอิรัก และกระบวนการดำเนินการที่เรือนจำทหารของสหรัฐบนอ่าวกวนตานาโม ด้วยความเชื่อที่ว่ายิ่งมีความลับน้อยเท่าใด จะยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น
    แต่คำนิยามดังกล่าวคงใช้ไม่ได้กับข้อมูลส่วนบุคคล หรือการทำธุรกรรมต่างๆ ทางด้านการเงิน เพราะในยุคดิจิทัลนี้ ข่าวสารเกี่ยวกับการขโมยข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์หรือการล่อลวง รวมถึงการตีสนิทกันทางออนไลน์ ทั้งที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตากัน มีให้ได้ยินกันอย่างสม่ำเสมอ และพลิกแพลงไปในรูปแบบต่างๆ เพื่อประโยชน์ของผู้ต้องการแสวงหาประโยชน์บนความไม่รู้ของผู้อื่น อย่างกรณีล่าสุดที่รัฐบาลมาเลเซียเตือนประชาชน โดยเฉพาะหญิงสาว ให้ระวังแก๊งค้ายาเสพติดข้ามชาติที่ใช้เฟซบุ๊คเพื่อล่อลวงคนให้ไปทำหน้าที่ขนยาเสพติด
    ดังนั้น ในท่ามกลางข้อมูลจำนวนมหาศาลที่อาจต้องใช้เป็นวัน เป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือนในการอ่าน ประกอบกับโลกที่แคบลงเพียงชั่วกดปุ่ม send enter หรือ download ผ่านเครื่องมือสื่อสารที่แทบทุกคนมีประจำกายเสมือนขาดไม่ได้นั้น ผู้บริโภคหรือผู้เสพข่าวสารออนไลน์ ควรคำนึงถึงความปลอดภัยด้านข้อมูลส่วนตัวที่เผยแพร่ออกสู่ที่สาธารณะ รวมถึงใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อต่างๆ เช่นกัน เพื่อการรู้ทันความเป็นไปในยุคโลกไร้พรมแดน อันน่าจะทำให้ผู้คนในยุคดิจิทัลได้ประโยชน์จากการใช้สื่อ ที่นับวันจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของทุกคนมากขึ้นทุกขณะ

     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    รู้แหล่งกบดานเจ้าของเว็บไซต์วิกิลีกส์

    วันพฤหัสบดี ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553
    [​IMG]

    หลังจากถูกตำรวจสากลออกหมายจับไปเมื่อวานนี้ ล่าสุดสื่ออังกฤษเผยว่า รู้แหล่งที่อยู่ของนายจูเลียน อาสซานจ์แล้ว เชื่อว่าอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ

    หนังสือพิมพ์อินดีเพนเด้นท์ของอังกฤษรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวตำรวจว่า ขณะนี้ตำรวจอังกฤษรู้ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของอาสซานจ์แล้ว แต่สำนักงานอาชญากรรมที่เกี่ยวกับคดีร้ายแรงของอังกฤษหรือ Soca ยังปฏิเสธที่จะใช้อำนาจในการจับกุม แม้ว่าตำรวจสากลจะออกหมายจับแล้วก็ตาม โดยให้เหตุผลว่า ต้องได้รับคำชี้แจงเกี่ยวกับออกหมายจับของยุโรปจากอัยการสวีเดนที่ชัดเจนก่อน ซึ่งเป็นกระบวนการทางเทคนิค

    ขณะเดียวกันนายอาสซานจ์ แฮคเกอร์ วัย 39 ปี ชาวออสเตรเลียยังได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารไทม์ผ่านสไกป์โดยพาดพิงถึงนางฮิลลารี่ คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯว่า สมควรลาออกจากตำแหน่ง หากพิสูจน์ได้จริงว่า เธอมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐฯจารกรรมข้อมูลของสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงสากลที่สหรัฐฯก็ร่วมลงนามเช่นกัน ขณะที่ทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธว่าเป็นเรื่องน่าขำและไร้สาระและว่าเจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐฯจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการจารกรรมข้อมูล อย่างไรก็ตามอาสซานจ์ยังให้สัมภาษณ์อีกว่า ยังจะมีการเผยแพร่ข้อมูลลับออกมาเรื่อยๆ ซึ่งครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับธนาคารและบริษัทร่วมทุนหลายชาติ

    ด้านโฆษกของวิกิลีกส์ นาย Kristinn Hrafnsson เผยว่า ประชาชนทั่วโลกมีสิทธิ์ที่จะรับรู้เรื่องราวต่างๆและจะเป็นการดีที่โลกเราจะไม่มีความลับ ทั้งนี้หากเสถียรภาพของโลกเกิดจากความหลอกลวงและโกหก มันก็จะทำให้เสถียรภาพสั่นคลอนได้ ซึ่งล่าสุดวิกิลีกส์ยังได้เผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวกับรัสเซีย ซึ่งจากข้อมูลระบุว่า อัยการสเปนกล่าวกับสถานทูตสหรัฐฯในกรุงมาดริดว่า รัสเซีย เบลารุสและเชเชนเป็นรัฐแห่งมาเฟียอย่างแท้จริง

    ด้านสหรัฐฯซึ่งนับตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องเผชิญกับความยากลำบากที่อาจเข้าขั้นวิกฤตการทูตก็เริ่มจัดตั้งคระกรรมาธิการเฉพาะกิจเพื่อประเมินความเสียหายจากการที่ข้อมูลลับสถานทูตสหรัฐฯทั่วโลกรั่วไหลออกไปด้วยฝีมือของวิกิลีกส์ ก็ทำให้ต้องหาทางหามาตรการคุมเข้มความปลอดภัยเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลของรัฐบาลให้เข้มงวดมากขึ้น ล่าสุดเว็บไซต์อะเมซอนถอนเว็บไซต์วิกิลีกส์ออกจากเซิร์ฟเวอร์ของอะเมซอน

    รู้แหล่งกบดานเจ้าของเว็บไซต์วิกิลีกส์ ข่าวต่างประเทศ ข่าวอาชญากรรม ข่าวสังคม ข่าวเศรษฐ
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ปรากฏการณ์ วิกิลีกส์ การเมืองสั่น เศรษฐกิจสะเทือน

    ตลาดหุ้นเป็นหนึ่งดัชนีชี้วัดความรุนแรงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโลก ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ความอ่อนไหวของตลาดหุ้นล้วนมีที่มาที่ไปจากความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก จะมีกรณีอื่นๆ ที่กระทบบ้างก็ต้องเป็นเรื่องร้อนและแรงเท่านั้น
    อาทิ เมื่อสัปดาห์ก่อนมีการปะทะกันของเกาหลีเหนือและใต้ หรือก่อนหน้านั้นอาจจะมีกรณีน้ำมันรั่วไหลของบริษัทขุดเจาะน้ำมัน บริติช ปิโตรเลียม (บีพี)
    กระทั่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โลกธุรกิจการเงินก็มีประเด็นเขย่าขวัญ เนื่องจากกำลังจะถูกเปิดโปงความลับ ตามคำให้สัมภาษณ์ของ จูเลียน เอสแซงก์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ กับทางนิตยสารฟอร์บส์
    แม้จะยังไม่มีการระบุว่าเบื้องหลังอันไม่น่าภิรมย์ของสถาบันการเงินแห่งใดของสหรัฐจะถูกนำมาแฉในช่วงต้นปีหน้าเป็นการรับขวัญปีใหม่ แต่วงการการเงินโลกก็สะเทือนแล้ว เพราะมีการคาดเดารายชื่อสถาบันการเงินที่คาดว่ามีความเป็นไปได้ที่จะตกเป็นเป้า อาทิ เจ.พี.มอร์แกน ซิตี้แบงค์ วาโชเวีย และเวลล์ส ฟาร์โก
    แต่ที่ถูกเพ่งเล็งมากที่สุดก็คงเป็น แบงก์ ออฟ อเมริกา จนกระทั่งหุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริกา ก็ร่วงไปแล้ว 3.2% และทางสถาบันการเงินดังกล่าวต้องออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวเป็นพัลวัน เพื่อสยบความวิตกของนักลงทุน
    ที่เป็นเช่นนั้น เพราะถ้าย้อนกลับไปฟังบทสัมภาษณ์อีกชิ้นหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว วิกิลีกส์เคยเอ่ยถึงข้อมูลจำนวนหลายกิกะไบต์ที่ล้วงมาจากฮาร์ดไดรฟ์ของบุคคลระดับผู้บริหารของแบงก์ ออฟ อเมริกา
    ดังนั้น ทุกสายตาจึงจับจ้องมาที่สถาบันการเงินดังกล่าว
    ความยิ่งใหญ่ของแบงก์ ออฟ อเมริกา คือ ธนาคารรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ถ้าวัดตามมูลค่าของสินทรัพย์ และเป็นธนาคารรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ถ้าวัดตามมูลค่าราคาตลาดของหุ้น อีกทั้งตามการจัดอันดับของฟอร์บส์ในปี 2010 แบงก์ ออฟ อเมริกา ได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก
    ทั้งนี้ จากคำให้สัมภาษณ์ของ เอสแซงก์ ที่ระบุถึงเอกสาร ข้อมูลที่ตกอยู่ในกำมือนั้น ค่อนข้างรุนแรง เรียกได้ว่าร้อนตั้งแต่เริ่มเปิดฉาก โดยระบุว่า “อาจจะสั่นคลอน” เสถียรภาพของธนาคาร 1 หรือ 2 แห่ง เอกสารจะแฉ “การฝ่าฝืนขั้นรุนแรง” และ “การกระทำที่ผิดจริยธรรม” ของบุคคลในระดับบริหาร
    หนำซ้ำ เอสแซงก์ กล่าวกระทั่งว่า ข้อมูลนี้อาจจะเป็นวิถีทางหนึ่งที่จะนำมาสู่การสอบสวนและปฏิรูปครั้งใหญ่ของภาคธนาคารสหรัฐ
    การกระทำของ เอสแซงก์ และสถานะของวิกิลีกส์ จึงเป็นเรื่องที่กำลังเขย่าเศรษฐกิจสหรัฐอย่างเลี่ยงไม่ได้
    ยิ่งในเวลาที่เศรษฐกิจของสหรัฐบอบช้ำมากขนาดนี้ การเปิดโปงหรือประเด็นใดๆ ที่สะเทือนภาคการเงินธนาคารอาจจะยิ่งบั่นทอนสถานะของสหรัฐมากขึ้น
    กระนั้นก็ตาม คำกล่าวของ เอสแซงก์ จะเป็นเพียงคำขู่ลอยๆ หรือไม่ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อมูลเพียงอย่างเดียว แต่ความกระทบกระเทือน และความรุนแรงมากน้อยต่อเศรษฐกิจอยู่ที่การให้เครดิตของข้อมูลเหล่านั้น
    ถ้าสังเกตจากสถานการณ์ ณ เวลาปัจจุบัน ซึ่งวิกิลีกส์ปล่อยข้อมูลลับด้านการทูตไปยังสื่อสำนักใหญ่ต่างๆ จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วโลก ข้อมูลเหล่านั้นได้รับความสนใจ และเป็นเรื่องที่อยู่ในสายตาชาวโลก
    ในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐไม่ว่าจะเป็น ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศ โรเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหม ก็ตบเท้ากันออกมาลบล้างความน่าเชื่อถือของวิกิลีกส์ สำทับด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศอีกหลายชาติที่ร่วมประสานเสียง
    ดังนั้น ความเป็นไปได้ที่ข้อมูลดังกล่าวจะทรงอิทธิพลมากกระทั่งนำไปสู่การสอบสวนหรือการปฏิรูป จนกระทั่งเป็นภาวะซ้ำรอยการล่มสลายของเอนรอน (Enron) บริษัทค้าพลังงานของโลก เมื่อปี 2001 ตามที่เอสแซงก์ขู่ อาจจะเป็นเรื่องยาก
    ทั้งนี้ ฮิลลารี คลินตัน จะออกมาระบุว่า การกระทำของวิกิลีกส์จะเป็นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ซึ่งคงจะเป็นเช่นนั้นจริง เพราะการกระโดดเข้าโจมตีบริษัททางการเงินรายใหญ่ของสหรัฐ จะทำให้ชาวอเมริกันและโลกเจ็บไม่น้อย
    หนำซ้ำในเวลานี้สหรัฐ โดยเฉพาะฮิลลารี ก็แทบจะเผชิญหน้ามิตรประเทศไม่ติดแล้ว
    แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วิกิลีกส์เปิดโปงข้อมูลลับของทางการสหรัฐ แต่ที่ผ่านมาล้วนเป็นข้อมูลเกี่ยวกับกองทัพและฝ่ายกลาโหม รวมทั้งการร่วมปฏิบัติการสงครามของสหรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบต่อบางประเทศ อีกทั้งเป็นประเทศที่ตกอยู่ในฐานะเครือข่ายฝ่ายใต้ร่มเงาของสหรัฐทั้งสิ้น
    ทว่า กรณีล่าสุดนี้ ข้อมูลที่ถูกแฉล้วนเป็นไปในเชิงการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสิ้น ทำให้สหรัฐมีคู่กรณีอยู่ทั่วโลก ทั้งอิหร่าน เกาหลีเหนือ รัสเซีย อาร์เจนตินา อิตาลี
    สำหรับความเดือดร้อนและคาดว่าจะบอบช้ำความสัมพันธ์มากที่สุดคงหนีไม่พ้น จีน หนึ่งในประเทศคู่ฟัดคู่เหวี่ยงของสหรัฐในหลายๆ เรื่อง ก็ตกเป็นหนึ่งในเหยื่อที่ถูกแฉ
    รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของจีน ที่แม้ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้นโดยตรง แต่จากคำให้สัมภาษณ์ที่ระบุว่า
    “เราหวังว่าสหรัฐจะจัดการกับประเด็นที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะสม”
    นั่นก็พอที่จะทำให้เห็นหมอกควันที่คุกรุ่น เพิ่มความมัวหมองให้กับความสัมพันธ์ของสหรัฐและจีนอีกหนึ่งประเด็น
    ข้อมูลดังกล่าวยังอาจจะส่งผลให้การเมืองในหลายประเทศสั่นคลอนไปด้วย เพราะการวิจารณ์และความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจที่ไม่เคยมีการเผยให้ล่วงรู้มาก่อน อย่างกรณีของอังกฤษที่มีข้อมูลว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ไม่มั่นใจในการทำงานของผู้นำอังกฤษ และผู้นำพรรคร่วม เป็นต้น
    ทั้งหมดทั้งมวล ทำให้เวลานี้ในใจของรัฐบาลสหรัฐคงต้องการจะดำเนินการเอาผิดกับเว็บไซต์วิกิลีกส์ หรือเอสแซงก์ ให้ได้โดยเร็ว
    โชคร้ายที่ในเชิงของกฎหมายและการดำเนินคดีกับเว็บไซต์วิกิลีกส์ หรือเอสแซงก์ ถือเป็นเรื่องยากตามกฎหมายของสหรัฐ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการจารกรรม ระบุว่า การจะเอาผิดต้องมีหลักฐานว่าจำเลยไม่เพียงแต่จะติดต่อกับผู้ที่มีอำนาจในการต่างประเทศ แต่ต้องเป็นผู้ที่ให้ความลับได้ และเผยตัวผู้ที่ติดต่อ หรือผู้มีอำนาจนั้นออกมาด้วย ซึ่งสหรัฐไม่มีหลักฐานนั้น
    ดังนั้น แน่นอนว่าวิกิลีกส์ก็จะยังคงลอยนวลต่อไป และสามารถใช้ช่องโหว่ของโลกอินเทอร์เน็ตขยายรอยรั่วแห่งความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างประเทศและเศรษฐกิจให้ใหญ่โตขึ้นไปอีกเป็นแน่
    MSN
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผู้ก่อตั้งเว็บวิกิลีกส์กล่าวปกป้องการทำของเว็บกรณีแพร่เอกสารลับ

    [​IMG]

    ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ ออกมาปกป้องการทํางานของเว็บไซต์ ที่นำเอกสารลับทางราชการของสหรัฐเกี่ยวกับสงครามในอัฟกานิสถานมาเผยแพร่
    นายจูเลียน อาสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์
    กล่าวว่า สิ่งที่เว็บไซต์ได้รายงานออกไปเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในสงครามปราบปรามก่อการร้ายในอัฟกานิสถานที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน และว่าเหตุการณ์หลายอย่างยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม ทั้งการสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์และการลักลอบพบปะโดยตรงระหว่างเจ้าหน้าที่ความมั่นคงปากีสถานกับกลุ่มตอลีบาน


    ก่อนหน้านี้ ทําเนียบขาวของสหรัฐออกมาโจมตีเว็บไซต์วีกิลีกส์ ที่เผยแพร่เอกสารลับกว่า 90,000 ชิ้น เกี่ยวกับสงครามในอัฟกานิสถาน เนื่องจากเห็นว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติ ขณะที่สื่อยักษ์ใหญ่อย่างหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ในสหรัฐ เดอะการ์เดียนของอังกฤษ และนิตยสารแดร์ สปิเกล ของเยอรมนี ได้รับเอกสารลับดังกล่าวมานานหลายสัปดาห์แล้ว

    เนื้อหาโดย : สำนักข่าวไทย อ.ส.ม.ท.
    ผู้ก่อตั้งเว็บวิกิลีกส์กล่าวปกป้องการทำของเว็บกรณีแพร่เอกสารลับ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิ
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Any Doc!!!!
    อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น จงเชื่อในสิ่งที่เป็น

    [​IMG] " wikileaks - วิกิลีกส์"

    [​IMG] sunny on Sat Oct 16, 2010 10:41 am


    [​IMG]


    wikileaks ได้รับรางวัลนิวมีเดียจากองค์การนิรโทษกรรมสากลเมื่อปีที่แล้ว เป็นเว็บไซต์แฉ ที่มีความชำนาญพิเศษในการเผยแพร่เอกสารลับสุดยอด จนถูกกองทัพสหรัฐมองว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของปฏิบัติการทางทหาร

    เมื่อ wikileaks ได้นำเอารายงานลับปี 2551 ของศูนย์ต่อต้านการข่าวของกองทัพสหรัฐออกเผยแพร่ พบว่ารายงานชิ้นนี้เรียกร้องให้ทางการสหรัฐสอบสวน wikileaks เพื่อควานหาตัวเจ้าหน้าที่รัฐที่ปากโป้ง นำข้อมูลลับมาเปิดเผย แถมยังให้ดำเนินการ "เชือดไก่ให้ลิงดู" จะได้ทำให้คนปล่อยข่าวไม่กล้าติดต่อกับ wikileaks อีก

    wikileaks เชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการที่ทางเว็บไซต์มีแผนจะนำภาพเหตุการณ์โจมตีทางอากาศในอัฟกานิสถานเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมปีที่แล้ว ที่มีพลเรือนเสียชีวิต 97 คนออกเผยแพร่โดยไม่มีการตัดต่อ

    เพื่อเป็นการตอบโต้เรื่องที่ตัวเองถูกสอบ wikileaks เลยประกาศว่าจะเปิดโปง การหมกเม็ดฆาตกรรมของเพนตากอน ที่สมาคมผู้สื่อข่าวแห่งชาติในกรุงวอชิงตันวันที่ 5 เมษายน

    วัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของ wikileaks คือเพื่อเปิดโปงการคอรัปชั่นและประพฤติมิชอบในแวดวงราชการและภาคเอกชน โดย wikileaks จะเปิดช่องให้คนนำข้อมูลลับต่างๆ มาเผยแพร่ได้โดยที่ไม่ต้องเปิดเผยตัวให้เสี่ยงลูกปืน

    เอกสารลับที่ wikileaks แฉมาแล้ว มีทั้งอีเมลที่แฮ็กมาจากบัญชีส่วนตัวของซาราห์ เพลิน เพจเจอร์จากเหตุการณ์ 9/11 อีเมลสมคบคิดกันปั้นข้อมูลโลกร้อนของนักวิทยาศาสตร์ และแนวทางการดำเนินงานของผู้คุมคุกกวนตานาโม

    ทว่าเรื่องที่ทำให้เพนตากอนฉุนขาด คือเรื่องที่ wikileaks เผยแพร่คำสั่งรบของกองทัพอเมริกันในอิรัก และอัฟกานิสถานออกมาเกือบทั้งหมดในปี 2550

    ที่เด็ดสุดคือมีข่าวว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือ และ รัฐบาลไทย พยายามจะบล็อกเว็บไซต์แห่งนี้เพราะเห็นว่าให้ข้อมูลที่ไม่เป็นผลดีต่อนโยบายของตัวเองด้วย แต่คงจะยังไม่สำเร็จเพราะยังเข้าเว็บไซต์แฉแห่งนี้ได้ตามปกติ



    [​IMG]



    ขณะที่ชาวโลกกำลังพุ่งความสนใจไปยังเอกสารแฉด้านดำมืดของสงครามอัฟกานิสถานที่ "วิกิลีกส์" (Wikileaks.org) นำออกเผยแพร่จำนวน 9.2 หมื่นหน้าเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์แห่งนี้ก็มีอันล่มโดยไม่ทราบสาเหตุเป็นเวลาหลายชั่วโมงจนเป็นปมปริศนาปมหนึ่ง

    สาเหตุอาจเป็นเพราะการจราจรคับคั่งเกินไป ด้วยมีผู้คนมหาศาลเกิดสนใจเว็บไซต์ที่แต่ก่อนไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันสักเท่าไหร่พร้อมๆ กัน หรือเพราะถูกโจมตีล้างแค้นจากหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ หรือจากชาติพันธมิตรที่แสดงความโกรธเกรี้ยวอย่างไม่ปิดบัง ต่อการรั่วไหลของความลับสุดยอดทางทหารอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนบนโลกใบนี้

    แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม เว็บไซต์รวมพลคนต้องการแฉความลับแห่งนี้ โด่งดังเป็นพลุแตก ท่ามกลางเสียงถกเถียงที่อีกนานกว่าจะได้ข้อสรุปว่า การเผยแพร่เอกสารลับทางทหารจนเป็นระเบิดตูมใหญ่ใส่หน่วยสืบราชการลับของชาติมหาอำนาจโลกแบบนี้ ถือเป็นอาชญากรรมรูปแบบหนึ่ง หรือเป็นการรายงานเชิงสืบสวนแห่งอนาคตที่น่าชื่นชม



    [​IMG]



    วิกิลีกส์ เป็นองค์กรสื่อยุคใหม่ในโลกยุคดิจิทัล เช่นเดียวกับ ยูทูบ เฟซบุ๊ก และสารานุกรมออนไลน์ วิกิพีเดีย

    น่าสนใจคือองค์กรสื่อแห่งนี้ บอกแบบคลุมเครือว่าร่วมกันตั้งเมื่อปลายปี 2549 โดยผู้มีความเห็นไม่ลงรอยกับรัฐบาลจีน ผู้สื่อข่าว นักคณิตศาสตร์ ผู้รู้ด้านเทคโนโลยีตั้งแต่สหรัฐ ไต้หวัน ยุโรป ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ ใช้พนักงานหลักๆ แค่ 5 คน แต่มีเครือข่ายอาสาสมัครกว่า 1,000 คน ที่ร่วมด้วยช่วยกันคัดกรอง ตรวจสอบ แก้ไข ก่อนเผยแพร่จนกลายเป็นฐานข้อมูลเอกสารลับใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

    สำหรับงบประมาณอาศัยการบริจาคเป็นหลัก มีงบประมาณ 1.75 แสนปอนด์ต่อปี และได้รับการสนับสนุนด้านกฎหมายจากสำนักข่าวชื่อดังหลายแห่ง

    องค์กรแห่งนี้เรียกตัวเองว่า เป็นระบบปลอดเซ็นเซอร์สำหรับการแพร่งพรายเอกสารลับจำนวนมหาศาลแบบที่ไม่สามารถแกะรอยไปยังที่มาได้ เอกสารถูกเก็บอย่างดีในเซิร์ฟเวอร์หลักที่สวีเดน และอีกหลายประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองความลับสื่อ ข้อมูลถูกเข้ารหัสป้องกันระดับเดียวกับกองทัพ เพื่อปกป้องแหล่งข่าว และต่อต้านความพยายามบุกรุกของหน่วยงานรัฐ ตลอดจนบริษัท และเหล่าแฮ็กเกอร์ที่อยากลองดี

    เป้าหมายของ วิกิลีกส์ คือการสร้างสำนักข่าวกรองของประชาชน ขณะที่สื่อหลายแห่งพยายามให้คำจำกัดความหลากหลายแก่ วิกิลีกส์ เช่น นิตยสารนิวยอร์กเกอร์ ตั้งฉายาว่า การลุกฮือแข็งข้อของสื่อ ยึดมั่นกับสิ่งที่เรียกว่า ความโปร่งใสสุดขั้ว ด้วยความเชื่อว่ายิ่งลับน้อยเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น ส่วนบล็อกแห่งหนึ่งระบุว่า วิกิลีกส์เป็นองค์กรสื่อไร้รัฐแห่งแรกของโลก

    ภายในปีเดียวนับจากเปิดตัวเว็บไซต์ วิกิลีกส์คุยว่าฐานข้อมูลของตนเก็บเอกสารแนวเปิดโปง 1.2 ล้านชิ้น และมีผู้ส่งเอกสารเข้าไปนับหมื่นในแต่ละวัน

    อาจกล่าวได้ว่าหากขาดซึ่งมันสมองและพลังความคิดผิดแผกจากคนทั่วไปของชายชื่อ จูเลียน พอล อาซานจ์ วันนี้แล้ว คงไม่ทำให้วิกิลีกส์มาถึงได้ และอาจกล่าวได้อีกว่าความลับหนึ่งที่วิกิลีกส์ ยังไม่ยอมแพร่งพรายออกมาก็คือปูมหลังอันชัดเจนของชายที่กำลังเป็นจุดสนใจของคนทั่วโลก

    เท่าที่พอจะรวบรวมได้จากคำให้สัมภาษณ์และแหล่งต่างๆ อาซานจ์เกิดเมื่อปี 2514 ที่เมืองทาวน์สวิลล์ รัฐควีนสแลนด์ของออสเตรเลีย เคยพูดถึงตัวเองว่าเป็นกบฏโดยพันธุกรรม พ่อแม่พบกันระหว่างร่วมประท้วงต่อต้านสงครามเวียดนาม บิดาพร่ำสอนให้เขาเป็นลูกผู้ชายที่มีน้ำใจ คุ้มครองผู้ตกเป็นเหยื่อ และไม่เป็นผู้สร้างเหยื่อ ส่วนมารดานั้น สมัยเป็นวัยรุ่น ก็เคยขี่ม้าเข้าไปยังศาลาว่าการเมือง เพื่อประท้วงต่อต้านการปิดถนนสำหรับม้า เธอยังเป็นช่างทาสี นักแสดงและนางแบบให้แก่จิตรกรหาเลี้ยงชีพในซิดนีย์ด้วย

    อาซานจ์เคยแต่งงานกับแฟนสาวตอนอายุเพียง 18 มีบุตรชาย 1 คน แต่แล้วเธอหอบลูกหนีไปขณะที่เขากำลังถูกตำรวจออสเตรเลียสอบสวนในข้อหาแฮ็กเกอร์ อาซานจ์แฮ็กระบบคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย บริษัทนอร์เทล ยักษ์ใหญ่สื่อสารโทรคมนาคมของแคนาดา และองค์กรอีกหลายแห่ง เพื่อทดสอบระบบความปลอดภัยโดยไม่ได้ทำอันตรายใดๆ ต่อระบบ อาซานจ์รับสารภาพผิดในข้อหาแฮ็กเกอร์ 24 กระทง แต่ได้รับการปล่อยตัวโดยสัญญาว่าจะประพฤติดี หลังพ้นคดี อาซานจ์ใช้ชีวิตในเมลเบิร์นในฐานะโปรแกรมเมอร์และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ให้เปล่า

    ด้านการศึกษา อาซานจ์เรียนด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น กระทั่งปี 2549 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มสนใจเรื่องการเปิดเว็บ วิกิลีกส์ ว่ากันว่า อาซานจ์เรียนด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่ อ่านตำราวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มากมาย ทั้งยังได้ศึกษาปรัชญาและประสาทวิทยาอีกด้วย

    แต่ความคิดที่จะยึดอาชีพอาจารย์ฟิสิกส์ต้องมีอันพับไป เมื่อได้พบว่านักวิชาการหลายต่อหลายคน ขายศักดิ์ศรีตัวเองให้แก่หน่วยข่าวกรองและกองทัพ อาซานจ์เคยประณามเรื่องนี้ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง และนั่นจุดประกายของการตั้งเว็บไซต์แบบไม่มีการประนีประนอม ซึ่งส่งผลให้อาซานจ์ได้รับรางวัลจากองค์การนิรโทษกรรมสากล จากการเปิดโปงกระบวนการอุ้มและวิสามัญมาตกรรมในเคนยา เมื่อปีที่แล้ว

    ชายวัย 39 ปีผู้นี้ไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่ง ใช้ชีวิตราวคนเผ่าเร่ร่อน หิ้วแล็ปท็อปกับเป้เสื้อผ้าอีกหนึ่งใบ ย้ายไปเรื่อยๆ แล้วแต่ว่าจะต้องไปไหนเพื่ออะไรบางอย่าง ยิ่งเวลานี้ว่ากันว่า อาซานจ์จะไม่อยู่ที่ไหนเกินสองวัน เพราะศัตรูเริ่มยาวเป็นหางว่าวตามการขยายตัวของฐานข้อมูลในวิกิลีกส์

    แม้ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ก็ไม่ได้สร้างความลำบาก เพราะตอนเด็ก ต้องย้ายหลักแหล่งไปเรื่อยๆเพราะมารดาทำธุรกิจใหม่เป็นบริษัทจัดการแสดงเคลื่อนที่ จนทำให้เด็กชายอาซานจ์เข้าออกโรงเรียนถึง 37 แห่ง

    อาซานจ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องจริงที่ว่าทุกวันนี้อาศัยอยู่ที่สนามบิน เขาเคยอยู่เป็นช่วงๆ ที่ออสเตรเลีย เคนยา และแทนซาเนีย และเคยไปเยือนเวียดนาม สวีเดน ไอซ์แลนด์ ไซบีเรีย เบลเยียม และสหรัฐอเมริกา แต่ล่าสุด อาซานจ์เริ่มเช่าบ้านหลังหนึ่งในไอซ์แลนด์เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ และที่บ้านหลังนั้นเอง อาซานจ์กับนักเคลื่อนไหวจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันทำงานจนเป็นที่มาของการเผยแพร่คลิปวิดีโอสงครามอัฟกานิสถาน

    อาซานจ์เป็นหนึ่งในคณะกรรมการที่ปรึกษาที่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 9 คนของวิกิลีกส์ และทำหน้าที่โฆษกด้วย แม้ว่าสื่อต่างๆ จะระบุตำแหน่งว่าเป็นผู้ก่อตั้ง หรือผู้อำนวยการ แต่เจ้าตัวไม่อยากเรียกตัวเองแบบนั้น แต่ถือว่าเป็นบรรณาธิการบริหาร ของวิกิลีกส์ อาซานจ์เป็นคนตัดสินใจขั้นสุดท้ายในกระบวนการตรวจสอบเอกสารก่อนเผยแพร่ ซึ่งจุดยืนอันน่ากลัวของอาซานจ์คือ การแพร่งพรายที่ดีก็คือการไม่เซ็นเซอร์อะไรเลยที่เป็นเรื่องอ่อนไหวทางทหาร

    " wikileaks - วิกิลีกส์"

    แม่โอด-ตร.สากลล่าหนุ่ม'วิกิลีกส์'

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 1 ธ.ค. เอเอฟพีรายงานว่า แม่ของนายจูเลียน แอสเซนจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์วิกิลีกส์ ชาวออสเตรเลียที่กำลังถูกตำรวจสากลหรืออิน เตอร์โพล ตามล่าตัวในข้อหากระทำชำเราหญิงในสวีเดน 2 คดี ออกมาโอดครวญว่า อย่าตามล่าลูกชายเลย และว่า การตั้งข้อหาทั้งหลายล้วนเป็นข้ออ้าง แท้จริงแล้วสหรัฐโกรธแค้นและต้องการเอาผิดลูกเพราะนำบันทึกลับของทางการสหรัฐมาแฉ

    นางคริสตีน ซึ่งอยู่ในรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวว่า ตนก็เหมือนแม่คนอื่นๆ รู้สึกเจ็บปวดและเป็นทุกข์ที่เห็นลูกชายถูกตำรวจตามล่า ตนรักและไม่ต้องการเห็นลูกถูกขังคุก พร้อมทั้งระบุว่า เรื่องของตนและจูเลียนที่สื่อนำไปเผยแพร่มีหลายเรื่องที่ไม่เป็นความจริง

    ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเอบีซีของออสเตรเลียรายงานว่า นางคริสตีนเป็นเจ้าของโรงละคร เชิดหุ่น ส่วนนายแอสเซนจ์ ใช้ชีวิตไม่ต่างจากสายลับ โดยไม่เคยนอนที่ไหนเกินสองครั้งและใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในอังกฤษและสวีเดน

    การขึ้นบัญชีล่าตัวนายแอสเซนจ์ในครั้งนี้ ยังไม่ถึงขั้นเป็นหมายจับแต่ให้ผู้ทราบเบาะแส ที่อยู่ของนายแอสเซนจ์แจ้งตำรวจด้วย ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นไล่หลังที่เว็บไซต์วิกิลีกส์เปิดข้อมูลลับทางราชการของสหรัฐเป็นระลอกที่ 3 ในปีนี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะเทือนถึงความสัมพันธ์ของสหรัฐกับประเทศต่างๆ

    ด้านนางซาราห์ เพ-ลิน อดีต ผู้ว่าการรัฐอลาสกา ของสหรัฐ ผู้ที่เคยโดนวิกิลีกส์แฉข้อมูลใช้อีเมล์ส่วนตัวติดต่อธุรกิจ กล่าวสนับสนุนให้ตำรวจสากล ล่าตัวนายแอสเซนจ์แบบเดียวกับที่ไล่ล่านายบิน ลาเดน ผู้นำอัล ไคด้า โดยเขียนในเว็บไซต์เฟซ บุ๊กโจมตีทำเนียบขาวสหรัฐว่าไร้ความสามารถในการจัดการเรื่องนี้ที่ปล่อยให้โดนแฉความลับถึง 2 ครั้งเมื่อเดือนก่อน นายแอสเซนจ์ไม่ใช่ นักข่าว แต่เป็นปรปักษ์ของอเมริกันชนที่มือเปื้อนเลือด ไม่ต่างจากนักข่าวตัวแทนของอัล ไคด้าที่ใช้ภาษาอังกฤษ

    วันเดียวกัน นิตยสารฟอร์บส์รายงานว่า นายแอสเซนจ์เตรียมปล่อยข้อมูลลับออกมาอีก เป้าหมายต่อไปคือบรรดาธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ ที่มีลักษณะอื้อฉาวพอๆ กับคดีเอ็นรอน บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐที่ล้มละลายเมื่อปี 2544 คาดว่าจะทำให้นายธนาคารอเมริกันหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามๆ กัน

     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สหรัฐฯยั๊วะ วิกิลิกส์ นำข้อมูลลับมาแฉ เผยทำทหารในอิริกตายเพิ่ม

    รัฐบาลสหรัฐรวมถึงชาติพันธมิตรยัวะจัด วิกิลีกส์เผยข้อมูลลับสุดยอดเกี่ยวกับสงครามอิรัก ผบ.ลั่นเผยข้อมูลตัวการพาทหารไปตาย
    [​IMG]
    ไมค์ มัลเลน ผู้บัญชาการร่วมของกองทัพสหรัฐ ประณามการเปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับสงครามในอิรักโดยเว็บไซต์วิกิลีกส์ โดยระบุว่า การเปิดเผยเอกสารลับจำนวนถึง 4 แสนเรื่อง ดังที่ทางเว็บไซต์ระบุว่าเป็นการเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความขัดแย้งในอิรักนั้น เป็นการทำให้ชีวิตของทหารอเมริกันต้องเสี่ยงภัยมากยิ่งขึ้น
    “การโพสต์ข้อมูลที่ถูกขโมยมาโดยวิกิลีกส์อีกครั้ง ทำให้หลายชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยง และเป็นการให้ข้อมูลที่มีค่าต่อฝ่ายตรงข้าม” มัลเลน ระบุผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้ววิกิลีกส์เผยเอกสารลับทางการทหารของปฏิบัติการในอิรักระหว่างปี 25472552 เกี่ยวกับการทารุณกรรมพลเรือนชาวอิรักโดยกองกำลังทหารอิรักที่ได้รับการฝึกโดยสหรัฐ
    ด้านรัฐบาลออสเตรเลียในฐานะพันธมิตรของสหรัฐในอิรัก ยืนยันที่จะร่วมตรวจสอบการเปิดเผยข้อมูลลับทางการทหารโดยวิกิลีกส์ เนื่องจากจะทำให้มาตรการด้านความมั่นคงเกิดความหย่อนยาน และยังผลให้ชีวิตของทหารออสเตรเลียที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในอิรักกว่า 2 หมื่นนาย รวมถึงทหารของชาติพันธมิตรต้องตกอยู่ในอันตราย
    “อันตรายอย่างยิ่งยวดของการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการเปิดเผย จะยังผลให้ปฏิบัติการด้านความมั่นคงเกิดความสั่นคลอน และเปิดทางให้ผู้อื่นสามารถล้วงลึกเข้าถึงปฏิบัติการนั้นๆ และมีแนวโน้มสูงที่จะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้ที่เคยให้ความช่วยเหลือเราในอดีต” สตีเฟน สมิธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น
    นิก เคลก รองนายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า ข้อกล่าวอ้างถึงการปฏิบัติอย่างทารุณของทหารอเมริกันในอิรักผ่านข้อมูลโดยวิกิลีกส์ นับเป็นกรณีที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง ซึ่งโดยส่วนตัวของรองนายกรัฐมนตรีอังกฤษจากพรรคเสรีประชาธิปไตย เห็นว่าการที่อังกฤษส่งกำลังทหารรุกรานอิรักร่วมกับสหรัฐถือเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐและรัฐบาลอังกฤษเตือนว่า การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของกองทัพพันธมิตรและพลเรือนอิรัก
    อย่างไรก็ตาม องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนและสื่อมวลชนหลายกลุ่มแสดงท่าทีสนับสนุนวิกิลีกส์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทารุณและการสังหารพลเรือนชาวอิรักอย่างเหี้ยมโหด ดังที่ปรากฏในข้อมูลที่เล็ดลอดออกมา
    ด้านฮิวแมน ไรต์ วอตช์ องค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชน เรียกร้องให้รัฐบาลอิรักและรัฐบาลสหรัฐเปิดการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทารุณกรรมและการปฏิบัติต่อผู้ถูกควบคุมโดยกองกำลังทั้งสองฝ่ายอย่างไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่ระบุว่ากองทัพอิรักลงมือทรมานและสังหารนักโทษอย่างทารุณ รวมถึงการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศโดยกองทัพสหรัฐ ด้วยการโอนนักโทษที่อยู่ในการควบคุมตัวโดยสหรัฐให้กับทางการอิรัก ซึ่งเสี่ยงที่นักโทษเหล่านั้นจะถูกทรมาน
    “การเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการทารุณกรรมโดยกองทัพอิรักอย่างเหี้ยมโหด และมิได้นำตัวบุคคลที่กระทำเช่นนั้นมาลงโทษ และเป็นที่ชัดเจนว่าทางการสหรัฐรับทราบถึงการทารุณโดยเจตนาของกองทัพอิรัก แต่ยังคงส่งตัวผู้ที่อยู่ในความควบคุมของตนให้กับอีกฝ่ายอยู่ดี” โจ สตอร์ก รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภูมิภาคตะวันออกกลางของฮิวแมน ไรต์ วอตช์ กล่าว
    ขณะเดียวกัน กลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านสงครามทั่วโลกระบุในการแถลงข่าวที่สหรัฐว่า การเปิดเผยข้อมูลโดยวิกิลีกส์ทำให้ทราบว่ามีพลเรือนชาวอิรักอีกกว่า 1.5 หมื่นคน ที่เสียชีวิตระหว่างเกิดความขัดแย้งขึ้นในประเทศ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่เคยคาดการณ์กันไว้ และทำให้กลุ่มอิรักบอดีเคาต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มต่อต้านสงคราม ปรับเพิ่มจำนวนพลเรือนอิรักที่เสียชีวิตในสงครามครั้งนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 1.22 แสนคน
    หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน รายงานว่า ข้อมูลลับดังกล่าวเปิดเผยให้เห็นกระบวนการทรมานและการประหารนักโทษโดยไม่ผ่านการพิจารณาคดี โดยที่ทางการสหรัฐละเลยที่จะสอบสวนรายงานการกระทำทารุณกรรมเหล่านั้นโดยกองทัพอิรัก ขณะที่หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า การทรมานนักโทษรวมถึงการทุบตี การเผา และการเฆี่ยน
    ทั้งนี้ สื่อมวลชนชั้นนำของโลกเพียงไม่กี่สำนักที่ได้รับโอกาสจากวิกิลีกส์ในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลลับกว่า 4 แสนเรื่อง เกี่ยวกับสงครามในอิรัก โดยสื่อรายใหญ่ในสหรัฐอย่างหนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ และหนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน ของอังกฤษ ได้รับข้อมูลโดยตรงก่อนที่วิกิลีกส์จะเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นปฏิเสธเงื่อนไขของวิกิ ลีกส์ จึงมิได้เสนอข่าวดังกล่าวล่วงหน้า
    Muslim Today - สหรัฐฯยั๊วะ วิกิลิกส์ นำข้อมูลลับมาแฉ เผยทำทหารในอิริกตายเพิ่ม
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทัพจีนรับมือสงครามเน็ตชี้วิกิลีกส์ไร้สาระ


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD class=t_msgfont id=postmessage_2901095>คมชัดลึก :ปักกิ่ง-สื่อทางการจีนระบุว่ากองทัพแดงต้องพร้อมรับมือกับสงครามไซเบอร์ที่มีสมรภูมิในโลกอินเทอร์เน็ต หลังจากที่รัฐบาลได้ควบคุมตัวแฮ็กเกอร์ชาวจีนนับร้อยคน ทั้งยังได้กล่าวถึงการกระทำของเว็บไซต์วิกิลีกส์ว่า "ไร้สาระ"

    หนังสือพิมพ์พีเพิล'ส ลิเบอเรชั่น อาร์มี่ ของทางการจีน รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (2 ธ.ค.) ว่ากองทัพจีนเตรียมพร้อมรับมือกับสงครามข่าวสารบนอินเทอร์เน็ตที่ซึ่งเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศในรูปแบบใหม่ ในปัจจุบันการกระจายข่าวสารเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ทำให้เกิดความท้าทายใหม่ๆ ในการรับมือกับปริมาณข้อมูลที่มีจำนวนมาก และการรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ต โดยผู้นำของกองทัพต้องรับรู้และหาทางรับมือกับสงครามข่าวสารที่มีความรุนแรงอย่างมาก
    รายงานข่าวดังกล่าวของสื่อทางการจีนมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลจีนเปิดเผยว่า ได้จับกุมแฮ็กเกอร์มากกว่า 460 คน และปิดเว็บไซต์หลายแห่งที่มีเนื้อหาในการสอนประชาชนให้มีทักษะในการเจาะระบบคอมพิวเตอร์ และเตือนว่าจะมีการทำสงครามบนโลกไซเบอร์โดยผู้เชี่ยวชาญในทั่วประเทศ
    เว็บไซต์ของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (30 พ.ย.) ว่า ตำรวจสามารถคลี่คลายคดีเกี่ยวกับการลักลอบเข้าถึงข้อมูลโดยแฮ็กเกอร์ทั่วประเทศจีนแล้ว 180 คดี ขณะที่ทั่วประเทศจีนมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตกว่า 420 ล้านคน และยอมรับว่าสถานการณ์สงครามไซเบอร์ในประเทศจีนมีความรุนแรงอย่างมาก และมีการเจาะเข้าถึงข้อมูลภายในประเทศในวงกว้าง
    อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าเว็บไซต์แห่งหนึ่งในรายชื่อเว็บไซต์ที่ถูกกระทรวงความมั่นคงสาธารณะปิด ยังคงเข้าถึงได้โดยใช้ชื่ออื่น
    ขณะที่โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวถึงการเปิดเผยโทรเลขทางการทูตของสหรัฐกว่า 2.5 แสนหน้าของเว็บไซต์วิกิลีกส์ว่าเป็น "เรื่องไร้สาระ" โดยเอกสารบางส่วนได้แสดงให้เห็นว่าจีนได้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับการส่งชิ้นส่วนจรวดมิสไซล์ให้แก่เกาหลีเหนือ และมีการระบุว่าผู้นำจีนอยู่เบื้องหลังการทำสงครามไซเบอร์กับกูเกิล และ บริษัทของสหรัฐ รวมทั้งยังมีการระบุในโทรเลขฉบับหนึ่งว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนกล่าวถึงเกาหลีเหนือซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของประเทศว่า "เด็กเสียคน"
    รายงานข่าวดังกล่าวระบุถึงคดีการลักลอบเข้าถึงข้อมูลภายในประเทศจีนเท่านั้นโดยไม่ได้อ้างถึงการที่แฮ็กเกอร์ต่างประเทศเจาะเข้าถึงข้อมูลภายในประเทศจีนหรือเผยแพร่ข้อมูลโจมตีประเทศจีน
    ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปี กูเกิลและอีกกว่า 20 บริษัทของสหรัฐได้มีข้อพิพาทกับรัฐบาลจีนในประเด็นการควบคุมการเผยแพร่ข้อมูลและการทำสงครามไซเบอร์ ส่งผลให้กูเกิลต้องลดบริการของเว็บไซต์สำหรับประชาชนจีนในแผ่นดินใหญ่ลงในที่สุด</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ทัพจีนรับมือสงครามเน็ตชี้วิกิลีกส์ไร้สาระ - International News - ชมรมหวยบนดินแห่งประเทศไทย - Powered by Discuz!
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=993 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE id=divdes2010 cellSpacing=0 cellPadding=10 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left width="58%" bgColor=#efefef height=82><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-TOP: 10px" align=left>'วิกิลีกส์' ย้ำ เดินหน้าแฉต่อ เพื่อโลกสงบสุข

    โฆษกวิกิลีกส์ชี้ เว็บจอมแฉมุ่งสร้างสังคมที่โปร่งใสตรวจสอบได้ พร้อมกระตุ้นสำนักรับผิดชอบของชาติมหาอำนาจ

    </TD></TR><TR><TD class=hl-text vAlign=top>คริสติน ราฟน์สัน โฆษกประจำเว็บไซต์วิกิลีกส์ ให้สัมภาษณ์ที่กรุงลอนดอนของอังกฤษ เกี่ยวกับการนำข้อมูลลับมาเผยแพร่ โดยระบุว่า 'วิกิลีกส์' มุ่งสร้างสังคมแห่งความรับผิดชอบ และประชาชนมีสิทธิรู้ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งบริหารประเทศ กระทำการเช่นไร และยืนยันว่า โลกนี้จะน่าอยู่ขึ้น ถ้าปราศจากการโกหก

    ทั้งนี้ การนำข้อมูลทางการทูตที่ถูกปกปิด มานำเสนอผ่านสื่อมวลชนที่เป็นพันธมิตร เป็นพันธกิจของวิกิลีกส์ ในการมุ่งสร้างสังคมแห่งการไว้เนื้อเชื่อใจ เนื่องจากที่ผ่านมา โลกนี้เต็มไปด้วยการหลอกลวงและคำโกหก ซึ่งการนำข้อมูลมาเผยแพร่ น่าจะสร้างความเปลี่ยนได้ในระดับหนึ่ง

    อย่างไรก็ตาม โฆษกวิกิลีกส์ แก้ต่างในประเด็นที่นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯออกมาประณามว่า การนำข้อมูลลับมาแฉ ว่าเป็นการทำลายความมั่นคง ทำให้ผู้บริสุทธิ์ตกอยู่ในอันตราย และเป็นการทำที่ผิดกฏหมาย

    ซึ่งเรื่องนี้ราฟน์สันยืนยันว่า นั่นเป็น ความเชื่อที่ผิด เพราะมีเพียงความจริงเท่านั้นที่จะทำให้โลกนี้สงบสุขได้ พร้อมยืนยันว่า วิกิลีกส์ไม่ได้ทำผิดกฏหมายใด ๆ ทั้งสิ้น และจะเดินหน้าทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป

    Produced by VoiceTV
    </TD></TR><TR><TD class=hl-text vAlign=top>2 ธันวาคม 2553 เวลา </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    '
     
  17. pumanp

    pumanp สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +4
    ขอบคุณ คุณ k.kwan และ คุณ forever young มากครับ ติดตามอ่านอยู่ตลอด
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    'จีน'เตือน'US-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้'อย่าเพิ่มความตึงเครียดให้คาบสมุทรในที่ประชุมวอชิงตัน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 ธันวาคม 2553 11:55 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    เจียง อี๋ว์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน (แฟ้มภาพ

    เอเอฟพี - จีนส่งสาล์นเตือนไปยังสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ว่า อย่ายกระดับความตึงเครียดให้ร้อนระอุขึ้นไปอีกในโอกาสที่ทั้งสามชาติจะสุมหัวหารือกันเกี่ยวกับวิกฤตคาบสมุทรเกาหลีที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์หน้า หลังจากวอชิงตัน, โตเกียว และโซลเมินข้อเสนอของทางปักกิ่งที่จะฟื้นโต๊ะเจรจาหกฝ่าย

    เจียง อี๋ว์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของแดนมังกร แถลงในช่วงค่ำคืนวานนี้ (2) ว่า “เราจะเฝ้าจับตาดูการประชุมครั้งนี้อย่างใกล้ชิด”

    “สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีซึ่งมีความซับซ้อนและอ่อนไหวมากเช่นนี้ เราคาดหวังว่าการประชุมจะผ่อนคลายความตึงเครียดลงและสนับสนุนให้เกิดการพูดคุยเจรจาในปัญหานี้ต่อไป มากกว่าการเพิ่มระดับความตึงเครียดและการเผชิญหน้า” เจียง กล่าว

    “เราคาดหวังว่า ทั้งสามประเทศจะมีความรับผิดชอบต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคแห่งนี้ รวมทั้งความรับผิดชอบต่อประเด็นการทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์ และพินิจใคร่ครวญข้อเสนอฟื้นโต๊ะเจรจาหกฝ่ายของจีนในเชิงบวก” โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศระบุ

    ทั้งนี้ ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีปะทุขึ้นอีกระลอก หลังจากที่เกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ถล่มเกาะยอนปยองของเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีทหารนาวิกโยธินและพลเรือนเสียชีวิตรวม 4 ราย ขณะที่วอชิงตัน, โซล และโตเกียวพยายามแสดงแสนยานุภาพของกองทัพเพื่อเป็นการข่มขวัญโสมแดงด้วยการจับมือซ้อมรบตามกำหนดการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไปจนถึงสัปดาห์หน้า พร้อมกับปฏิเสธข้อเสนอจัดการประชุมหกฝ่ายปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือของฝ่ายจีน และเลือกที่จะหารือกันตามลำพัง 3 ฝ่ายในลักษณะไตรภาคีที่กรุงวอชิงตันในวันจันทร์นี้ (6) แทน

    อย่างไรก็ตาม ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ระบุว่า เธอได้หารือกับเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสของจีนและรัสเซียก่อนหน้าที่จะจัดการประชุมคราวนี้

    Around the World - Manager Online - '
     
  19. ForeverYoung

    ForeverYoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +135
    ขอบคุณนะครับ ที่ติดตาม รวมทั้งท่านที่ไม่ได้แสดงตัวด้วย

    วันนี้เนื้อหาเข้มข้นขึ้นอีกทวีคูณนะครับ ผมอ่านแล้วยังเผลอซู๊ดปากเลยครับ

    ติตตามภาคต่อของคุณNexttonothing นะครับ แล้วจะคิดเหมือนผมคือ วางไม่ลงครับ


    [​IMG]



    โอกาส"ทอง"(จริงๆ):ปริมาณเงิน(Monetary Base)


    ในคราวก่อน ได้เปรยเกี่ยวกับตัวเลข ของราคาของทองคำในอนาคตเอาไว้
    ไล่ตั้งแต่ 2000$ / 5000$ / 7500$ หรือถึงขนาด 10,000$ !
    ทำเอาเพื่อนๆสมาชิกบางคน เกิดคำถามในใจว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง?

    ก่อนอื่นอยากจะบอกอย่างนี้ครับว่า “เหรียญมีสองด้าน”
    ตัวเลขเหล่านี้ จริงอยู่ มันบอกถึงราคาทองที่จะแพงขึ้น แต่ผมอยากให้คุณมองไปที่อีกด้านนึงของเหรียญ
    คุณจะพบว่ามันกำลังสื่อถึงในอนาคต “ดอลล่าห์”จะอ่อนค่าลงอย่างมากต่างหาก

    นั่นทำให้ ในอนาคต การจะซื้อทองคำ 1 ออนซ์เท่าเดิมจะใช้ดอลล่าห์เท่าเดิมไม่ได้
    หากจำกันได้ในคราวที่แล้ว ผมบอกไว้ -ทองคำนั้นมันนอนของมันอยู่เฉยๆ เงินต่างหากที่จะอ่อนค่าลงไป-
    และสำหรับเงินที่มีชื่อสกุลว่า “ดอลล่าห์” แล้ว

    มันกำลังจะอ่อนค่าลงอย่างมากครับ !!!

    ......................................................................

    เช่นเคยครับ ย้ำอีกครั้งว่า “มันไม่มีอะไรซับซ้อน” ที่มันอ่อนค่าลงอย่างมาก
    ก็เพราะเค้า “พิมพ์ออกมามาก”

    เรื่องของเรื่องมันก็มีแค่นั้นจริงๆ

    หลายร้อยเหตุผลตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือในทีวี ที่วิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ
    อย่างนั้นอย่างนี้ ลืมมันไปก่อนนะครับ

    เรามามองกันอย่างตรงไปตรงมา อะไรที่มันมากเกินไป มันก็ไร้ค่า
    เมื่อเค้าพิมพ์เพิ่มออกมามากๆ ค่าของดอลล่าห์ก็ย่อมจะลดลง
    (หลักฐานคือ ดอลล่าห์อินเด็กซ์ (USDX) ที่อ่อนค่าลงทุกปี)
    ทีนี้เรามาดูกันว่า มากขนาดไหน ???


    [​IMG]


    ผมจะค่อยๆอธิบายนะครับ
    กราฟนี้เป็นกราฟ ปริมาณเงินดอลล่าห์ (Monetary Base)ที่ถูกพิมพ์ออกสู่ระบบ
    ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา กราฟเริ่มจากเรี่ยติดดิน
    ในช่วงแรกหลังจากนั้นก็ขยับตัวสูงขึ้นบ้างแต่ใช้เวลาพอสมควร
    สังเกตให้ดีคุณจะเห็นว่า

    กราฟมาเริ่มยกตัวเอาจริงๆก็ใน ปี1971

    ใครอ่านบทความผมมาตั้งแต่ต้น ต้องจำปีนี้ได้ครับ
    ปี1971 ปีที่ ริชาร์ด นิกสัน ประกาศยกเลิกระบบ เบรตตัน วู้ด ตัดโซ่ที่พันธนาการเงินดอลล่าห์ไว้กับทองคำ
    หลังจากนั้นดอลล่าห์ก็เริ่มจะโบยบินและเป็นอิสระ ไม่ต้องถูกจำกัดปริมาณการพิมพ์ด้วยจำนวนทองคำที่เป็นทุนสำรองอีกต่อไป

    ปริมาณเงินดอลล่าห์ พุ่งแตะระดับ 800,000,000,000 $ (800 Billion)เป็นครั้งแรก
    ในปี 2005 ด้วยฝีมือของ จอช บุช (George W. Bush)
    เป็นการอัดฉีดเข้าแก้ไข วิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐ(Dot-com Bubble)

    แต่เค้าก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น

    เพียง 3 ปีต่อมาปริมาณเงินเพิ่มขึ้นอีกแตะระดับ900,000,000,000 $ (900 Billion)
    จนมาถึงตุลาคมปี2008(Hamburger Crisis , Subprime Crisis , หรือ Housing Bubble แล้วแต่จะเรียก)
    ฟองสบู่ อสังหาริมทรัพย์แตกกระจาย

    ธนาคารกลางสหรัฐ ทำสิ่งที่ ไม่มีใครคาดคิด ปริมาณเงินดอลล่าห์ถูกอัดฉีดเข้าระบบในปริมาณมหาศาล
    อย่างไม่เคยมีใครทำมาก่อน (จากกราฟจะเห็นว่ากราฟหักขึ้นเหมือนติดจรวด)

    จากระดับ 900 Billion เพิ่มขึ้นถึงระดับเกือบ 1,800 Billion(เท่าตัว)

    คำว่า Billion กลายเป็นอดีต ประชาชนชาวอเมริกันได้รู้จักคำศัพท์ใหม่คือคำว่า
    “Trillion” (1,000 Billion = 1 Trillion)

    คำว่า Trillion ถูกเขียนถึงตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือใช้พูดกันผ่านทางข่าวเศรษฐกิจใน
    CNN, CNBC, Bloomberg อยู่ตลอดในเวลานั้น

    ............................................................

    เรามารู้จักคำว่าTrillionกันครับ [​IMG]

    ที่มา:pagetutor.com

    [​IMG] นี่คือรูปของเงิน 1 Million (1 ล้าน)
    พกใส่กระเป๋าย่าม เดินไปไหนมาไหน ได้ไม่ยาก(เป็นธนบัตรชนิดราคา 100$)
    ขนาดนี้คงพอจะเคยเห็นกันนะครับ โออิชิก็เคยแจก 1 ล้าน
    ยิ่งหากคุณลงทุนในทองคำแท่ง ปึกเงินไทย1ล้าน
    เดี๋ยวนี้ซื้อได้ประมาณ 50 บาททองคำครับ

    [​IMG]


    [​IMG] นี่คือ 1 Billion (1 พันล้าน)

    [​IMG]



    [​IMG] นี่คือ 1 Trillion (1 ล้านล้าน)

    [​IMG]




    อืมม...คนยังยืนอยู่ที่เดิมนะครับ แล้วสังเกตดีๆภาพสุดท้ายนี้จะเห็นว่า
    เงินมันซ้อนกันอยู่ 2 ชั้น !
    (หากเป็นเงินบาทไทยใช้แบงค์พันเรียงแทนก็ คูณ 3 เข้าไปอีก)

    - เงิน 1 Trillion มีศูนย์ต่อข้างหลัง 12 ตัว

    - เงิน 1 Trillion หากหยอดกระปุกทุกวินาที วินาทีละ 1$
    จะต้องใช้เวลา 32000 ปีถึงจะหยอดครบ

    - เงิน 1 Trillion หากเอาไปซื้อ กาแฟสตาบัคแก้วละ 3$ ดื่มทุกวัน
    จะสามารถซื้อดื่มได้ 900 ล้านปี

    - เงิน 1 Trillion หากเอามาเรียงต่อกันจะสูงทะลุทุกชั้นบรรยากาศเลยไปจนถึง “อวกาศ”

    การพิมพ์เงินเพิ่มออกมา 1 Trillion ในปีนั้น มากกว่าการพิมพ์สะสมมาทั้งหมด ตลอด 200 ปี
    ของประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา ภายหลังถูกเรียกว่า
    นโยบาย Quatitative easing 1 (QE1)

    หนำซ้ำทุกวันนี้ก็ยังไม่หยุดพิมพ์

    เร็วๆนี้เราก็เพิ่งได้ยินข่าวเรื่อง
    QE2ประกาศอัดฉีดเพิ่มในปีนี้ (0.6 Trillion)
    ทำให้ปริมาณเงินแตะระดับ 2 Trillion ในปี 2010

    คงพอเห็นภาพแล้วใช่มั๊ยครับว่า มากกก ขนาดไหน

    อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะไม่มีผลตามมา อย่าคิดว่าจะสามารถทำแบบนี้ได้ตลอดไป
    ในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหน หากทำแบบนี้ จบแบบไม่สวยทุกครั้ง
    (อาณาจักรโรมัน, เยอรมันนี, ยูโกสลาเวีย, ซิมบับเว ฯลฯ)

    ยาสีฟันหากคุณบีบออกมาแล้วมันยากกมากที่จะใส่กลับคืน
    เช่นกัน เงินนั้นลองได้พิมพ์ออกมาสู่ระบบแล้ว ยากกกที่จะดูดออก เมื่อมันไหลเวียนเข้าสู่ระบบ
    เมื่อนั้น ประชาชน ชาวอเมริกัน จะได้เผชิญกับ อภิมหาเงินเฟ้อ (Hyperinflation)
    ไม่ต่างจากซิมบับเว

    ..............................................................


    ย้อนมาว่ากันต่อเรื่อง “ทองคำ”
    ในโอกาส”ทอง”(จริงๆ)ครั้งที่ 1 ผมเคยอธิบายไปแล้วว่าสาเหตุที่
    ทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 20 เท่าตัวในตอนนั้น เกิดจาก ”ความเสื่อมศรัทธาในดอลล่าห์”
    ทองคำจึงปรับมูลค่าของตัวเองให้เทียบเท่ากับ “ปริมาณดอลล่าห์” ที่พิมพ์ออกมาในระบบ

    ในช่วงเวลานั้น ดอลล่าห์ทุกใบจึงกลับมาหนุนหลังด้วยทองคำอีกครั้ง
    (แต่ไม่ใช่ที่ราคา 35$/oz แต่เป็น 850$/oz ถึงจะพอดีกับปริมาณทองคำที่มี)


    [​IMG]

    เส้น100%คือเส้นที่บอกว่า ดอลล่าห์ทุกใบถูกหนุนด้วยทองคำเต็มจำนวน
    ปี 1980 ทองคำปรับมูลค่าสูงขึ้นไปถึง 125% ทำไมถึงเกิน? เดี๋ยวอธิบายครับ

    โอกาส“ทอง”(จริงๆ)ที่กำลังจะมาถึง ก็พอเดาได้ว่าจะมีลักษณะ ไม่ต่างกัน


    [​IMG]



    [​IMG] อารมณ์ ของตลาดการเงินในตอนนี้ ทัศนะคติที่มีต่อดอลล่าห์ เปลี่ยนไปในแง่ลบ มากขึ้นๆ

    [​IMG] ประธานธนาคารโลก ออกมาส่งสัญญาณ ถึง “ระบบเบรตตัน 2”
    (หนุนดอลล่าห์ทุกใบด้วยทองคำอีกครั้ง) เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

    [​IMG] จีน จับมือ รัสเซีย ทำการซื้อขายระหว่างกัน โดยไม่ใช้เงิน “สกุลดอลล่าห์”

    [​IMG] ล่าสุดปริมาณการนำเข้าทองคำของจีน (Gold Import) เพิ่มถึง 500%
    ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับปี 2009

    ผมไม่ต้องการ สัญญาณ อะไรเพิ่มเติมอีกแล้วครับ ทุกอย่างมัน “ชัดเจน”มากเหลือเกิน
    ว่าอะไรกำลังจะเกิดอะไรขึ้น

    หากดอลล่าห์ทุกใบจะต้องกลับมาหนุนด้วยทองคำอีกครั้ง

    มันจะเป็นยังไง??? เรามาดูกัน

    [​IMG]

    เส้นล่าง - ปริมาณทองคำ

    เส้นกลาง - ปริมาณเงิน (Monetary Base)

    เส้นบน - ปริมาณเงิน + เครดิต (Revolving Credit & Monetary Base)

    สาเหตุที่ต้องรวม เครดิต เข้าไปด้วยก็เพราะในยุคสมัยใหม่นั้น “เงิน”ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปของ
    ธนบัตรและเหรียญเท่านั้น ยังมี “เงินดิจิตอล”
    เช่น(การใช้บัตรเครดิต) ที่เป็นตัวเลขทางบัญชีในคอมพิวเตอร์ด้วย

    เงินประเภทนี้มีปริมาณมหาศาล เพราะการเพิ่มปริมาณนั้นง่ายกว่าพิมพ์ เช่น
    ถ้าจะเพิ่มปริมาณเงินจาก 1 ล้านเป็น 10 ล้านอาจจะต้องเพิ่มปริมาณการพิมพ์ขึ้น 10 เท่า
    แต่ สำหรับเงินดิจิตอลนั้น แค่ “เคาะเลขศูนย์”เพิ่มไปตัวนึงก็พอ
    จึงต้องนับ เงินดิจิตอล ว่าเป็นเงินรวมเข้าไปด้วย

    ในปี 1980 ทองปรับมูลค่าของตัวเองขึ้น ทะลุเลย Monetary Base (100%)
    ไปชนกับเส้นบน Revolving Credit & Monetary Base (125%)
    นั่นทำให้หาก เกิดเหตุการณ์แบบเดิมอีกครั้งราคาทองจะปรับมูลค่าตัวเองขึ้นไปตามกราฟ

    [​IMG]

    วงกลมคือเป้าหมาย ลูกศรสีแดงคือ ลู่วิ่ง(Upside)ของราคาทองที่จะขึ้นได้
    แต่ ยังไม่จบแค่นั้น เพราะหากคุณสังเกตกราฟให้ดีๆ จะพบว่ากราฟนี้ ทำขึ้นเมื่อปี2008
    ก่อนที่ QE1-QE2 จะมา
    เพราะฉะนั้นปริมาณเงินและเครดิตในตอนนี้นั้นมากกว่า ในปี 2008อีกกว่าเท่าตัว

    [​IMG]

    ลู่วิ่งของเราจึง ยังยาวต่อขึ้นได้อีก

    ไม่ลีลาแล้วครับ เคาะราคากันไปเลย หากราคาทองคำปรับมูลค่าขึ้นไปถึงจุดดังกล่าว
    มีสิทธิ์ที่ราคาจะไปอยู่ที่ 15000$/oz!!!!

    ตัวเลขนี้เป็นแค่ตัวเลขประมาณการ อาจจะน้อยกว่านี้หรือ “มากกว่านี้” ไม่มีใครรู้
    แต่มันเป็นตัวเลขที่ฟ้องให้เราเห็นว่า
    ปริมาณเงินมีมากขนาดไหน? เมื่อเทียบกับปริมาณทองคำ

    แล้วหากคุณเชื่อเหมือนที่ผมเชื่อว่า
    ทองคำนั่นต่างหากคือเงินที่แท้จริง ข้อมูลเหล่านี้ก็ ไม่ได้เพ้อเจ้อหรือว่าเกินเลย

    [​IMG] ผมเป็นผม ผมจึงเชื่อในทุกถ้อยคำที่ผมเขียนในบทความนี้ พอร์ทสินทรัพย์ของผมจึงเป็น “ทองคำ” ถึง 70-80%มานานแล้ว

    [​IMG] แต่หากผมเป็นคุณ ผมจะ “ไม่เชื่อ” ในสิ่งที่ได้อ่านเด็ดขาด
    เพราะผมไม่ได้เป็นคนที่เชื่ออะไรง่ายๆ

    [​IMG] หากผมเป็นคุณ ผมจะเกิด “ความสงสัย” ขึ้นในใจ
    แล้วพยายามที่จะ ศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูลเพิ่มเติม ให้มากที่สุด

    หากผมหาข้อมูล มาโต้แย้ง หักล้างข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้ ผมถึง “ค่อยเชื่อ”

    นี่คือการบ้านที่ผมอยากมอบให้คุณทำครับ ศึกษาเพิ่มเติมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    หากคุณเคยต้องทนเบื่อหน่ายกับการศึกษา ค้นคว้าอ่านหนังสือ เรียนมาแล้วไม่ได้ใช้ ก็ยังทำไปได้
    คราวนี้ลองอีกซักครั้งนะครับ

    -ครั้งนี้รับรองไม่เหมือนทุกครั้ง

    -ครั้งนี้คุ้มค่าที่จะศึกษา

    -ครั้งนี้รับรองว่าได้ใช้และในอนาคตคุณจะภูมิใจในตัวเองครับที่ทำอย่างนั้น
     
  20. ForeverYoung

    ForeverYoung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    77
    ค่าพลัง:
    +135
    [​IMG] สิ่งที่ติดค้างในใจอีกอย่างก็คือ เมื่อรู้แล้วว่าราคาทองคำจะขึ้น คำถามคือ “เมื่อไหร่ ??”(When)

    หากเป็นเมื่อก่อน ผมคงบอกว่า 5-10 ปี แต่จากการติดตามข่าวทุกวัน
    มันทำให้ผมรู้สึกว่า มันอาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้ เพราะ สถาณะการณ์หลายๆอย่าง เริ่มจะงวดเข้ามาเรื่อยๆเร็วกว่าที่คาด

    2,000$ 5,000$ 7,500$ หรือ 10,000$
    คุณอาจจะคิดว่าเป็นไปได้ยาก
    เพราะ “ตัวเลขมันสูง” ภายในระยะเวลาที่ “สั้น” แต่เชื่อผมเถอะครับ ความเชื่อมั่นในระบบ
    หากมันเสื่อมลงเมื่อไหร่ มันจะเสื่อมลงเร็วมากครับ
    การเสื่อมค่าของดอลล่าห์ ในคราวนี้จะไม่ได้ค่อยๆเสื่อมเหมือนการลงบรรได แต่จะเป็นการเดินตกเหวซะมากกว่า
    ก่อนหน้าที่คุณจะได้อ่านบทความ โอกาส“ทอง”(จริงๆ)กับตอนนี้
    ผมก็เชื่อว่า มุมมองต่อโลกการเงินของคุณ
    ก็คงเปลี่ยนไปมากแล้ว(เว้นเสียแต่ว่าผมทำหน้าที่สื่อสารออกไปได้ไม่ดีพอ)

    การเตรียมพร้อมเป็นสิ่งสำคัญครับ ราคาทองคำพร้อมจะระเบิดเมื่อไหร่วันไหนก็ได้ ไม่มีใครรู้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าวันไหน
    รู้เพียงว่าวันนั้นมันจะมา ผมจึงทำได้แค่รอและเมื่อวันนั้นมาถึง ขอให้ผม “พร้อม”
    และมีของอยู่กับตัวให้มากที่สุด

    จีนมีความสามารถทำให้ดอลล่าห์ ล่มสลายได้ภายในชั่วข้ามคืน ไม่รู้ว่าจีนจะเหลืออดวันไหน รู้แค่ว่าตอนนี้
    เมื่อจีนขยับ ทั่วโลกจะหยุดเพื่อ “ดู”
    เมื่อจีนพูด ทั่วทั้งโลกจะหยุดเพื่อ “ฟัง”
    โลกทั้งโลกกำลังรอ “จุดเปลี่ยน” ครั้งสำคัญอยู่

    ยุง ถึงแม้มันจะตัวเล็ก หากมันกัดเราถูกที่ ก็ทำให้เราต้องขยับไปทั้งตัวได้
    ฉันใดก็ฉันนั้น จุดเปลี่ยนเพียงเล็กๆ ก็จะก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมไปทั่วทั้งโลกได้เช่นกัน

    [​IMG] สิ่งที่ติดค้างในใจอีกอย่างนึงก็คือ 2,000$ 5,000$ 7,500$ หรือ 10,000$ มันคือราคา ในสกุลเงิน ดอลล่าห์
    แล้ว หากแปลงเป็นเงินบาทละ ราคามันจะ“บาทละเท่าไหร่?”

    ในช่วงที่ผ่านมา การแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วของเงินบาท
    รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%อย่างผิดคาด จาก กนง.
    บอกถึงทิศทางในอนาคตว่า เงินบาทจะแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดที่บางที 25 บาทต่อเหรียญ
    อาจจะวนกลับมาให้ได้เห็นกันอีกครั้ง

    เราจึงไม่สามารถนำค่าเงินบาทในตอนนี้ไปคำนวณราคาทองคำในอนาคตได้


    ค่าเงินบาทจะเป็นเท่าไหร่? ในตอนที่ทองขึ้น ? ผมขอคาดการณ์เอาอย่างง่ายๆแบบนี้ครับ

    ฟังขึ้นไม่ขึ้นแล้วแต่ท่านจะพิจารณา
    [​IMG] [​IMG]

    คุณคงเคยได้ยินคำว่า ทองบาทละ “400” สมัยอากง อาม่า คุณตา คุณยาย เล่าให้ฟังใช่มั๊ยครับ ?
    ทองเคยบาทละ 400 จริงๆนะครับตอนนั้น เพราะค่าของเงินนั้นสูงมาก หรือที่ชาวบ้านชอบพูดกันว่า “เงินมันใหญ่”

    แต่เมื่อ ประตูแห่ง โอกาส “ทอง” ครั้งที่ 1 เปิด
    จากทองบาทละ 400 ในปี 2513 พุ่งทะยานฟ้าขึ้นไปถึง บาทละ 6000 ภายในเวลาแค่ 10 ปี !

    แต่นั่นเป็นเรื่องของคนยุคก่อนครับ

    คนยุคผมนั้น ทองบาทละ 4000 ก็ถือว่าถูกแล้ว (เงินมันเล็กลง)
    หากประตูแห่ง โอกาส “ทอง” จะเปิดอีกครั้ง

    จากที่เคย 400 ยังขึ้นเป็น 6,000 ได้

    จาก 4,000 ก็ขึ้นเป็นบาทละ 60,000 ได้เช่นกัน !!

    เมื่อถึงตอนนั้น ให้ลองนึกภาพ คุณตื่นเต้นที่เห็นทองขึ้นขนาดนั้นแล้ววิ่งไปบอกอาม่า
    อาม่าคงจะพูดกลับมาว่า

    “แบบนี้อั๊วเคยเหงมาแล้ว”

    ไม่ได้ฟันธงนะครับเพราะ
    ผมเองไม่ใช่ หมอลักษณ์
    แต่ ผมเองก็ไม่ใช่ นาธาน ที่จะมาหลอกคุณเช่นกัน

    บทความของผมมีอายุขัยของมันครับ เวลานับจากนี้ไปไม่กี่ปี มันจะฟ้องตัวมันเอง ว่าถูกหรือไม่ถูก แม่นหรือไม่แม่น
    ผมเฝ้ารอวันนั้นให้มาถึงครับ

    เพราะผมเองก็อยากจะรู้ !



    .....................................................................................


    ปล. ติดลมแล้วครับตอนนี้ มีอีกหลายๆเรื่องที่ผมอยากจะเขียนถึง ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
    จะเขียนๆๆ ต่อไปให้หมด-ไม่มีกั๊ก To be continued ครับ[​IMG] [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...