อานาปานสติ กำหนดลมหายใจ หรือปล่อยรู้ไปตามธรรมชาติ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ขันธ์, 14 พฤศจิกายน 2010.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็แหม ก็บอกแล้วนี่ค่ะว่า ต้องพยายามอ่าน พูด คิด ให้ตรงอรรถตรงธรรม

    ทรัพย์ หากเข้าใจอย่างหนึ่ง ก็เรื่อยเปื่อย สติเกิดช้า

    ทรัพย์ หากเข้าใจได้อีกอย่างหนึ่ง ก็พอมีสติเร็ว

    ทรัพย์ หากเข้าใจแล้ว เห็นด้วย ก็เรียกว่า มีสติดี
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    สติปัญญา จะเกิดได้ ก็ต่อเมื่อตื่น การตื่นก็เป็นชั้นๆ ไป เรียกว่า ญาณ

    ตราบใด ที่ยังใช้ชีวิตทั่วไป เหมือนเดิม ก็เหมือนคนหลับ ท่องเที่ยวไป

    มีปัญญา คิดได้ ร้อยแปด แต่ก็ไม่ตื่นอยู่ดี

    ถามว่า อาการตื่นนั้นเป็นอย่างไร ตอบว่า เหมือนคน ตื่นจากฝันก็รู้ว่า ตนฝันไป

    แม้เรื่องง่ายๆ แต่คนก็ยังฝันต่อไป ตื่นไม่ได้ เช่น คนใช้ชีวิตทั่วไป พอคิดได้ สำนึกได้ ก็มองย้อนกลับไปว่า เราทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นไปได้อย่างไร

    ทีนี้ คนไม่ตื่น ก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่เห็นตัวเอง

    ส่วน ญาณ นั้นก็มีกำลัง มากกว่านั้น คือ กระชากใจ ว่า ความจริงเป็นแบบนั้นแบบนี้ เราหลับอยู่ทำไม มองไม่เห็น

    จึงว่า ธรรมนั้น เรียบง่าย มีอยู่ แต่เราไม่เห็นกัน ต้องรอฟังจากผู้ที่ มีธัมมวิจย หรือ ตัวเราเองจะต้องสอดส่องในธรรม จะเปิดธรรมได้ขึ้นเรื่อยๆ
     
  3. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    สมมุติ..หากได้คนสวยๆอย่างนี้ 4 คนเป็นเมีย..แบบศาสนาอื่นเขานะ ผมคงต้องคิดหนักจนบ้าแน่ๆ..พี่เอกวีร์ล่ะ.. วันๆหนึ่งจะทำ..ไรมั่ง..4 คนนะ !
     
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ถ้าแหม มีแบบนี้4คน ผมก็คงดูแลเสมือนดูแลผู้ชายทั่วไปครับ

    พูดซื่อๆ ผมก็โต้ธรรม ตบจูบ เหมือนที่ทำกับ พี่สับสน นี่แหละ
     
  5. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    แสดงว่าจะนั่งดูเฉยๆๆๆ..ล่ะซิ บ่มิไก๊.?
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    งานนี้ พี่เกิดพูดถูก ยกให้ถูก

    ว่าแต่ว่า พี่เกิดของผม ไม่ได้ใช้โทรศัพท์ยี่ห้อ G-Net แน่เลย ....เนาะ
     
  7. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    เห็นไหม..ไม่รู้ก่อน ไม่ทำก่อนแล้วจะวางเป็นรึ..ยังไง ผู้คนสับสน ปนเป คิดง่ายๆไม่เป็น ชอบคิดยากๆ ท่านขันธ์ก็อธิบายไว้ต้นกระทู้แล้ว ต้องมีสติจดจ่อ ต้องตั้งใจรู้ก่อน ..แค่เริ่มต้นเดิน..ยังไม่ถึงจุดหมาย ตรงปลายก็ไม่รู้จัก แล้วจะหาตรงกลางพบได้ยังไง
    ท่านธรรมภูติ..เคยกล่าวสรุปกว้างๆไว้ว่า ธรรมฝ่ายเกิดนั้น ผู้คนเห็นง่าย แต่ธรรมฝ่ายดับนี่ ไม่ค่อยมองเห็นกัน ..วสี เลยไม่ค่อยมีเกิดกับใครได้ ..ผมว่าเพราะ ไม่ยอมสร้างเหตุ หรือทำเหตุให้จบนี่เองแล้ว มัชฌิมปฏิปทา จะหาเจอได้ยังไง..ชิมิ ชิมิ ..พี่เอกวีร์ บ่มิไก๊ด
     
  8. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    สติคุณกับสติผมนั้นต่างกัน ผมไม่ได้มีสติไว้ใช้เพื่อความบันเทิงแต่อย่างใด ผมไม่ได้มีสติเพราะการมีทรัพย์หรือไม่มีทรัพย์ ผมว่านะคุณยกธรรมที่คุณว่าคุณเข้าใจจริงๆมาสาธยายดีกว่า จะได้ไม่เป็นการสร้างกรรมทำให้อะไรๆก็เนิ่นช้า ใครสอนคุณมาอย่างไรผมก็ไม่เคยว่าเคยตำหนิเพราะรู้ดีว่า ต่อให้ผมเป็นพระอริยะเจ้าขีณาสพก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดต่อการตำหนิติเตียน ผู้คนที่ยังหลงอยู่ด้วยสิ่งต่างๆ ดังนั้นคุณก็ควรเอาสิ่งที่คุณรู้มาวินิจฉัยดีกว่า หากปราถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์จริง ก็ควรจะเห็นค่าของการปฏิบัติเสริมสร้างความปรองดอง เสริมสร้างหนทางของพระสัทธรรมให้เป็นไปในแนวเดียวกัน หารอยต่อหารอยแยกของพระสัทธรรมในยุคปัจจุบัน แล้วมาเสนอแนะวิธีการแก้ไข ไม่ใช่มาคุยอวดคุยโตโต้กันไปโต้กันมา เป็นอริยะบ้างโพธิสัตว์บ้าง คนอื่นว่าไงผมไม่สนผมเห็นว่าการกระทำเหล่านี้ มันเป็นของพวกไร้สติ เพราะคนไร้สติชอบทำสิ่งต่างๆอย่างไร้สาระ หรือมีสาระรับได้เฉพาะตน ผู้อื่นไม่อาจเข้าใจได้หรือเข้าใจได้ยาก มันตรงข้ามกับอะไรรู้ไหมมันตรงข้ามกับธรรม อกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปนยิโก ปัจจัตตัง เวทิปตัปโพ วิญญูฮีติ ลองวินิจฉัยกันดูนะว่าจริงหรือไม่อย่างไร ถึงเรื่องพระธรรมคุณในบทนี้
     
  9. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    สำหรับนักปฏิบัติอานาปานสติทั้งหลาย
    ครูบาอาจารย์ที่ท่านสอนท่านไม่ให้ตามลมนะ
    มันฟั่นเฝือ สับสน ยุ่งเหยิง ตามลมนี่

    หากต้องการจะรู้ลมยาว ลมสั้น
    ท่านให้ทำความรู้สึกกว้าง ๆ สบายสบาย นะ
    ตั้งความรู้สึกไว้ คอยดูลมหายใจ
    ก็จะรู้ล่ะ ว่าลมหายใจสั้น ยาว เป็นยังไง
    จะรู้โดยตลอดทั่วถึงของลมเลยล่ะ
    ถ้าตามลมตายเลย ยิ่งถ้าปฏิบัิติ ใหม่ ๆ หลงทิศเลยล่ะ
    ให้ทำความรู้สึกกว้าง ๆ สบาย ๆ เข้าไว้

    สำหรับนักปฏิบัติใหม่ ๆ ครูบาอาจารย์ท่านจะสอน
    ให้เลือกจุดใดจุดหนึ่ง อย่างเช่นดั้งจมูก หรือปลายจมูกนี่นะ
    เป็นจุดรับรู้ลมกระทบ ไม่ต้องสนใจว่าเข้าว่าออก
    ให้รู้แค่ลมกระทบพอ
    นี่สำหรับนักปฏิบัติเริ่มต้นใหม่

    แต่ที่สำคัญเราไม่ได้ภาวนาเอาลมนะ
    เราเอาความรู้ต่างหากนะ เืพื่อให้มีความรู้อย่างเดียวเป็นเอกคัตตา
    ลมเป็นเหยื่อล่อความรู้ ล่อจิตตะหากล่ะ

    ตกลงคืออย่าตามลมนะ
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    การตามลม มีคุณ คือ ทราบได้ว่า ลมวิ่งไปถึงไหน ยาวเป็นอย่างไร สั้นเป็นอย่างไร
    เป็น ธัมวิจย ในเบื้องต้น เมื่อรู้แล้ว ก็สามารถทำให้ลมปกติ เป็นที่สบายของกาย ของใจได้

    การตั้งจุดลมกระทบแค่จุึดเดียว เป็น เบื้องปลาย ที่ว่า พอลมปกติแล้ว ให้เอาจิตตั้งรู้ไว้ที่จุดเดียว
     
  11. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ลมหายใจใช้น้อยมาก
    แทบจะเหมือนไม่หายใจ
    เวลาปกติ อันที่จริงควรหายใจ
    เข้าไปลึกๆไปให้ทั่วท้อง
    จะได้ออกซิเจนไปซ่อมแซม
    ภายในเพราะเชื่อโรคไม่ถูกกับ
    ออกซิเจนมีผลทำให้เชื้อโรคถูกย้ายทั้งชุด
    สาเหตุที่ทำให้โรคภัยไข้เจ็บหายโดยไม่ต้องกินยา
     
  12. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431


    อ้างอิง : หลวงตามหาบัว
    <o></o>
     
  13. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    อ้างอิง : ปัญญาอบรมสมาธิ
     
  14. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241

    [​IMG]
     
  15. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ เตชพโล คุณคงจะไม่พิจารณา อะไรก่อนที่จะเอามาพูด และอ้่างอิงครูบาอาจารย์

    แสดงถึง ความไม่คิด ไม่พิจารณา ฟังเป็นนกแก้วนกขุนทอง อย่างไม่เข้าใจ

    คนไม่ชั่งใจ เขาอ่าน ก็คงจะบอกว่า นี่ครูบาอาจารย์ พูดมาแบบนี้แล้ว ถ้าเช่นนั้นแล้ว การตามรู้ลม คือ การผิด

    ถ้าเป็นเช่นนี้ พุทธศาสนิกชน ก็คงจะสับสน ดังที่เคยเป็นมาแล้วว่า พุทโธ ดี หรือว่า ยุบหนอพองหนอดี

    กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน ท่านพ่อลี สอนให้รู้ลมแคบ ลมกว้าง

    พระพุทธโฆษาจารย์ สอนให้ รู้ ลม ตามไปถึง 3 ที่ คือ ต้น กลาง ปลาย

    แต่ เตชพโล ไม่เคยทำ แต่ไปหยิบคำครูบาอาจารย์ มาเสมือน ให้ตนมีภูมิ

    ไปศึกษาให้ดีก่อน ว่า ที่หลวงตาท่านกล่าวแบบนั้น หมายถึงอะไรกันแน่
     
  16. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ถ้าจะเอาสมาธิ ไม่ต้องตามลมก็ดี

    ถ้าจะตั้งสมาธิ ปรับลมหายใจ หรือน้อมสู่การพิจารณากาย จะตามลมก็ดี
     
  17. รู้รู้ไป

    รู้รู้ไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    951
    ค่าพลัง:
    +3,165
    ใช้ลมหายใจ ให้เกิดการรู้ จึงรู้

    ใช้ลมหายใจ ไม่ให้เกิดการรู้ จึงไม่รู้


    รู้ที่ลมหายใจ ลมหายใจที่รู้


    รู้เพื่อรู้.....
     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ที่ จินนี่ พูดนั้น ถูกแล้ว

    อย่างที่บอกคือ อานาปานสติ พิสดารมาก จ่อลงไปได้ถึง ธาตุ ถึงเวทนา เลยทีเดียว
    จ่อลงไปถึงอวิชชา ก็ได้
    แต่ หากว่า ใครทำแล้วสับสน ซึ่งแน่นอน เพราะเป็นมีทางเดินได้ร้อยแปด แต่มรรค นั้นมีทางเดียว กว่าจะปรับได้ ตรง 0 องศา นั้น ยากมาก

    การที่ บางท่านสอนให้ พุทโธ ตามไปด้วย ก็ดี สอนให้ไม่ต้องพุทโธ ก็ดี สอนให้ดูลมกระทบจุดเดียวก็ดี สอนให้ดูลมกระทบ ต้น กลาง ปลาย ก็ดี ไม่ผิด
    ขึ้นอยู่กับ ฐานะ และ ความสะดวกของตน ในขณะนั้น

    บางท่านจึงว่า หากตามลมไป จะฟั่นเฝือ บางท่านให้รู้กระทบจุดเดียว


    ตรงนี้ขออธิบายว่า

    จิตคนเรา บางคน ย่นแล้ว จะไปขยาย เพิ่มก็ใช่ที่ ดังที่ บางคนชอบเถียงว่า จะไปทำฌาณทำไม คือ ตนเองจิตสงบตัวลงไป ไม่ปรุง เมื่อมีการกระทำเพิ่ม จึงคิดว่า นั่นคือปรุงเพิ่ม เป็นการก่อภาระให้จิตเพิ่ม ดังในกรณีนี้ จิตเริ่มสงบไปจะให้ไปลากยาวตามลม ก็เท่ากับ เพิ่มภาระให้จิต

    แต่ บางคน จิตไม่สงบ จิตเคยสอดส่าย ยังไม่รู้ลมปกติ ไปบังคับรู้จุดเดียวก็ไม่ปกติ
    ไม่รู้จัก การทำให้ตนเป็นที่สบาย

    นี่เป็น ขั้นต้น

    ส่วนขั้นที่ เริ่มละเอียด คือ ขั้น ที่มองดู เวทนา และ จิต

    หาก กายยังไม่สงบ ไม่นิ่ง ไม่ปกติ มันจะมองดู เวทนา และ จิตไม่สะดวก เพราะจิตยังสอดส่าย ไปตามกาย กายยังไม่ระงับ

    ให้ฝึกขั้นต้นก่อน
     
  19. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    รู้เพื่อละ...................
     
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อธิบายยืดยาว แต่ก็ งง อยู่ดี

    เอางี้ไหม ผมมี มุมมองที่ทำให้รู้ งง ได้ชัด

    * * * * *

    หัวใจของความตั้งมั่นคืออะไร หัวใจของสิ่งที่นำมารูัคืออะไร และ
    เครื่องมือที่ทำให้ หัวใจของสิ่งที่รู้ปรากฏ พร้อมกับ ความตั้งมั่น
    ปรากฏคืออะไร

    คำตอบคือ สิ่งที่ใช้เป็นเครื่องรู้ หรือ หัวใจที่จะนำเอามารู้ คือต้อง
    เป็น ธรรมฝ่ายปรมัตถ์ เท่านั้น

    ธรรมฝ่ายประมัตถ์จะใช้เครื่องมืออะไรเพื่อทำให้รู้สภาวะจิตตั้งมั่น
    เครื่องมือนั้น คือ ไตรลักษณ์ เท่านั้น และขอชี้อีกทีว่า เท่านั้น

    คราวนี้มาดู ลม

    ลมคืออะไร และส่วนใดคือ ปรมัตถ์ ก็ต้องเป็น ธาตุลม เท่านั้น
    ไม่ใช่อาการของลม ไม่ใช่กลุ่มของลม ไม่ใช่การเคลื่อนของลม
    สิ่งที่ต้องเข้าไปรู้คือ การเข้าไปประจักษ์ถึง การมีอยู่ของธาตุลม

    ดังนั้น ไตรลักษณ์ญาณ จะต้องเอามาใช้ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเข้ารู้
    ลมด้วยอาการอย่างไร จะต้องยกให้ถึงการเห็น ไตรลักษณ์ญาณ
    เป็นสาระสำคัญ

    เหตุนั้น การตามลมเข้าออก อันนี้ก็เพื่อให้เห็น การแทรกแซงไม่ได้
    เหตุนั้น การตามลมสั้นยาว อันนี้ก็เพื่อให้เห็น ความทนทุกข์
    เหตุนั้น การตามรู้ลมอยู่ที่จุดกระทบ อันนี้เพื่อให้เห็น ความแปรปรวน

    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    เมื่อไตรลักษณ์ญาณ สัมปยุตกับการ เพียรรู้ ลมจะค่อยๆปรากฏออก
    มาว่า เป็นเพียงสภาพปรมัตถ์อย่างหนึ่ง

    เมื่อปรากฏเป็น สภาพปรมัตถ์อย่างหนึ่ง จิตของผู้ภาวนาย่อมพิจารณา
    ถึงการมีอยู่ว่า มันเป็นเรา เป็นเขา เป็นใคร ผู้ให้ลมนี้มา เมื่อนั้นจึง
    แทงไปที่ ธาตุลมนี้ มีสัญญาหมาย และมีวิญญาณครอง ก็นั้นแหละที่
    มาของภพ ของกาย ของชาติ ชรา มรณะ ก็จะมาถึง การพิจารณา
    กายคตา เหมือนๆอุบาย การพิจารณากายหนาคืบกว้างศอกมีสัญญาหมาย
    มีวิญญาณครอง เหมือนๆกับ เธอจงมาดูราชรถอันวิจิตรอันปุถุชนไม่เคย
    สดับย่อมติดข้องอยู่

    ดังนั้น คำครูบาอาจารย์ที่ว่า ห้ามตามลม อันนั้นหมายถึง อย่าไปคิดว่า
    ตัวเองคือลม จนล่องลอยไปกับลม ซึ่งมันจะไปได้ ไปสุดขอบจักรวาลก็
    ยังได้เพราะตามลม การตามลมที่ถูกต้องต้องให้เห็นไตรลักษณ์ดังนั้น จึง
    ให้รู้อยู่ที่มันเข้ามันออก ที่มันแปรปรวน ที่มันเดี๋ยวสั้นเดี๋ยวยาว อันไหนก็
    ได้ มันถึงจะถูกต้องเข้าไปเห็น ในสถานะธรรมปรมัตถ์

    ถ้าตามได้อย่างถูกต้อง ต่อให้ตาเปล่ามองไปที่จุดๆใด จุดนั้นจะปรากฏ
    เป็นมวลของลมกลมๆหนาๆในสภาพโปร่งบ้าง เป็นลำตาลบ้าง เป็นสนาม
    แม่เหล็กบ้างขึ้นมาให้เห็น เมื่อนั้น ก็ชี้ได้ว่า รู้ลมได้ เห็นปรมัถต์ลม
    ได้ถุกต้องมากน้อยเพียงไร


    * * * *

    งง ไหม ถ้างงก็รู้ชัดว่า งง มีประโยชน์กว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...