ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

วันนี้ได้ชม...หลวงปู่ทวดงามๆทุกองค์นะคะ
ส่วนเหรียญเม็ดแตง22 ยินดีค่ะ...ได้ทุกท่าน
Save ภาพได้เลยนะคะ ...

*ของคุณเพชรฉลูกัน งามทุกองค์เลยค่ะ ท่านเจ้ากรมมาเอง

อนุโมทนาบุญทุกท่านค่ะ

 

แหะๆ....ที่เอามาลงให้ชมกันทั้งหมดเป็นพระของพี่น้องที่บ้านครับหยิบยืมเค้ามาถ่ายให้ได้ชมกันครับ

 

พระสงฆ์ทางอีสานรูปหนึ่งท่านไปจำพรรษาที่ภูเก็ต ได้เล่าให้ฟังว่า
มีคนมุสลิมโพกหัวได้เข้ามาทักท่าน ท่านก็ตกใจเล็กน้อย อิอิ
แล้วควักบางอย่างให้ท่านดู.......
ที่เห็นก็คือ หลวงปู่ทวดเลี่ยมอย่างดี
บังแกบอกว่า อันนี้ละที่ช่วยชีวิตแกไว้
แต่แกจะพกแบบแอบๆ โชว์ไม่ได้
แบบ.. นับถือนะ แต่ไม่แสดงออก 555

 

กำลังจะบอกเหมือนกันค่ะ ว่าที่นำมาลงเป็นภาพที่เคยถ่ายไว้เมื่อก่อน
บางองค์ก็มอบไปให้น้องๆ บ้างแล้วเหมือนกันค่ะ...จริงๆแล้วก็แขวนเดี๋ยวองค์เดียวค่ะ ...


คุณเคน(ธีรเดชบังรอน) พูดถูกค่ะ
เมื่อก่อนใช้เส้นทางหาดใหญ่-ยะลาทุกอาทิตย์ รถแท๊กซี่พอผ่านหน้าวัดช้างให้
คนขับซึ่งเป็นมุสลิม เขาก็จะบีบแตร่...เมื่อขับรถผ่านหน้าวัด....

 

เหรียญนี้ห้อยประจำครับ เบาดี

 

นี่เลยครับภาพที่เค้าเรียกว่าบารมีหลวงปู่ทวดล้นฟ้าล้นแผ่นดินจริงๆครับ...เป็นภาพจริงที่ถ่ายติดที่พระธาตุนครศรีธรรมราช โดยถ่ายแบบต่อเนื่องและได้รับการพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ทำขึ้นมา

 

แจกเมื่อไหร่บอกผมด้วยครับถามสัก10คำถามก็จะพยายามตอบสัก100คำตอบ

ครับงามมากๆครับ

 

สุโค่ยยยยยครับคุณพี่

 

ผมเคยขับรถไปกราบรูปหล่อท่านที่วัดห้วยมงคล ถึงวัดเย็นหน่อย เกือบสามโมงเย็นไม่ค่อย

ชำนาญทางแล้วขับกลับบ้านรวดเดียวถึงสระบุรีเกือบ5ทุ่ม....ขับมาเรื่อยๆเมื่อยก็พัก

ที่วัดห้วยมงคลองค์ท่านใหญ่มากๆ พอๆกับสมเด็จโตที่โคราชเลย.....ท่านใดมีโอกาสผ่าน

ไปเที่ยวทางนั้นลองเข้าไปกราบท่านนะครับเป็นความสุขทางใจดีจะไปปัตตานีก็กลัวตาย

รุ่นน้องที่เคยไปบอกนั่งรถไฟไปได้มีสถานีรถไฟที่หน้าวัดเลย คงรอให้เหตุการณ์สงบๆ

หน่อยมีโอกาสคงไปถึงวัดช้างไห้...ที่กรุงเทพรู้สึกว่าพระของพ่อท่านฉิ้นวัดเมืองยะลาจะมี

ให้บูชาที่วัดมะพร้าวเตี้ย แถวๆจรัญ13 ผมเคยผ่านไปแต่ไม่เคยเข้าไปท่านใดสนใจอยู๋ใกล้

ลองเข้าไปชาทำบุญที่วัดครับ

 

คุณtong5959 ค่ะ เหรียญเบาดี งามด้วย ห้อยประจำ ทำไมต้องปาดเหงื่อด้วยล่ะคะ.....

 

คับพี่.. แต่ไม่แน่ใจว่าจะจอดทุกขบวนหรือป่าว
ช่วงนี้ มีรถไฟฟรีด้วย มาถึงกราบรูปเหมือน สถูปที่ฝังอัฐิ ซึ่งหามมาจากที่ท่านมรณะภาพในต่างแดน(อดีตไทรบุรี) มาปลงศพที่วัดช้างไห้ เสร็จก็รอนั่งรถไฟกลับเลย คงใช้เวลาไปกลับสัก 2คืน แต่จะปลอดภัยกว่ารถยนต์นะผมว่า
ถ้ามาแบบไม่แออัด ก็ต้องตีตั้วชั้น 2

ปล.รถไฟที่ผ่านถ้าไม่จอดก็ต้องส่งเสียงหวูด ทุกครั้งที่ผ่าน
และเป็นที่มาของการเสี่ยงอธิษฐานหยุดรถไฟด้วยคับ

 

ด้วยความเคารพครับ
ผมดูรูปไม่ออกครับ
พี่ช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยครับ
ผมเห็นเจดี กับท้องฟ้า และหลังคาศาลา ทางขวามือ

 

ตรงกลางภาพเห็นเหมือนใบหน้าหลวงปู่ครับ เท่าที่ผมเห็นนะ

 

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆ

 

เท่าที่ผมทราบรุ่นนี้สร้างในช่วงเดียวกัน ก็น่าที่จะปลุกเสก พร้อมกันนะครับ หลวงพ่อท่านเนียร วัดต้นเลียบ ก็ปลุกเสกไห้ด้วย ผมเคยมีอยู่ 1 องค์ แถมมากับหนังสือประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อแดง และหลวงพ่อปลอด วัดหัวป่า ซื้อมาประมาณ 180 หรือ 200 กว่า บาท ตั้งแต่ ช่วง 2539-2541 ประมาณนั้น ก็ใส่ตลับแสลนเลสห้อยคออยู่พักหนึ่ง พระหักกลางตรงบริเวณใต้ท้องเรือ ก็เลยเก็บส่วนที่เหลือไว้บนหิ้งพระ :'(
รุ่นนี้ดีมากครับ มีเพชรหน้าทั่งฝังอยู่ด้านหลังด้วย เห็นแล้วคิดถึงองค์นั้นจังเลย:'(

มีเกร็ดเล็กน้อยจะเล่าให้ฟัง ถึงหลวงปู่ทวดพิมพ์นี้ พิมพ์นี้หลวงพ่อแดงท่านเคยสร้างก่อนรุ่นนี้มานานหลายปีแล้วมีหลายแบบหลายขนาด คือเริ่่มแรกมีผู้ที่ต้องการจะสร้างพระพิมพ์แบบนี้คือว่าหลวงปู่ห้อยขาเอาเท้าแตะน้ำทะเล ตามประวัติของท่าน ก็ไปให้ท่านแกะพิมพ์ แล้วไปให้หลวงพ่อดู แต่ช่างเขาแกะเป็นแบบเอาเท้าซ้ายที่จุ่มน้ำทะเล ท่านก็ไม่รู้เหมือนกันด้วยเพราะว่าไม่ใครใครบรรทึกเอาไว้ ผ่านไปอีก ไม่กี่วันหลวงปู่ทวดท่านมาบอกหลวงพ่อแดงว่าเป็นเท้าซ้ายไม่ใช่เท้าขวา ( แต่ท่านจะคุยกันอย่างไรอันนี้ผมก็จำไม่ได้ ) พิมพ์นี้จึงเป็นถือพิมพ์ปาฏิหารย์ของหลวงปู่ทวด ทางวัดศรีมหาโพธิ์จึงนิยมสร้างแบบนี้มาอย่างต่อเนื่อง

 

ขอเล่าถึง อภินิหารย์ของท่านสักเล็กน้อย โดยได้มาจากหนังสือ ตามรอยเท้า หลวงปู่ทวด เรียบเรียงโดย พระสิทธา เชตวัน

มีเรื่องเล่ากันว่า มีเด็กหญิงคนหนึ่งโดนพ่อไล่ตี แล้วหนีเข้าไปแอบในบริเวณวัดช้างไห้ ซึ่งตอนนั้นมีสภาพเป็นวัดร้าง พ่อของเด็กหาเท่าไหร่ก็ไม่พบ จึงไปตามชาวบ้านมาช่วยค้นหา ขณะที่ชาวบ้านเข้ามาถึงเขตวัด เด็กหญิงคนนั้น ก็ เดิ้มยิ้มเข้ามาหา หัวเราะเเล้วพูดขึ้นว่า

'' พ่อของมันดุร้ายไล่ทุบตีลูกไม่มีความสงสาร กูเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ จึงเอาลูกมันไปซ่อนไว้ "
ชาวบ้านเห็นกิริยาอาการเด็กดูแปลกไปก็พากันตะลึงด้วยแปลกใจ เด็กก็พูดต่อว่า " พวกสูไม่รู้จักหรือ ? กูชื่อท่านเหยียบน้ำทะเลจืดผู้ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าของเขื่อนนี้ (สถูปบรรจุอัฐิ ) พวกสูจะลองดีก็จงเอาน้ำเกลือใส่อ่างมา กูจะทำให้ดู " ชาวบ้านอยากพิสูจน์ก็ไปเอาน้ำเกลือมา เด็กจึงเอาเท้าจุ่มลงเหยียบน้ำเกลือทันที เมื่อชาวบ้านชิม น้ำนั้นมีรสจืดสนิทเป็นที่อัศจรรย์
เด็กจึงพูดต่อว่า " ถ้าพวกสูไม่เชื่อจงก่อไฟขึ้น" เมื่อกองไฟลุกโชนเป็นถ่านดีแล้ว เด็กก็กระโดดเข้าไปยืนในกองไฟ หัวเราะร่า ถามว่า " พวกสูเชื่อหรือยัง " พ่อเด็กกลัวลูกจะเป็นอันตราย จึงก้มลงกราบขอขมา เด็กจึงเดินออกมาจากกองไฟ แล้วหลวงปู่ทวดก็ออกไปจากร่างของเด็ก


เรื่องของท่านเล่าได้หลายเดือนก็ไม่จบ ท่านใดมีประสบการณ์ก็นำมาแบ่งปันกันนะครับ
เมื่อวานที่ผมว่าทำไมจึงควรแขวนรูปหลวงปู่ทวด เพราะวัตถุมงคลอื่น ส่วนใหญ่สำเร็จด้วยพลังบารมีแห่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พลังจิตของครูบาอาจารย์ และด้วยอำนาจแห่งพรหมเทวดาที่ท่านได้รับฝากไว้ว่าจะดูแลให้ แต่พระอริยสงฆ์ หรือเทพเทวดา ท่านยอมรับนับถือกฏแห่งกรรม หากไม่มีเหตุอันควร จริงๆท่านไม่ฝืนกฎแห่งกรรมเป็นแน่ แต่ด้วยวิสัยพระโพธิสัตว์ท่านมีหน้าที่ช่วยคน ฉนั้นอันนี้เป็นภาระของท่าน หากไม่เกินวิสัยจริงๆท่านจะช่วยหมด จะช่วยได้มากน้อยก็ต้องอาศัยบุญกุศลเจ้าของวัตถุมงคลเป็นตัวหนุนนำด้วย
แต่สำหรับผู้ที่จิตใจมั่นคงสัทธาหนักแน่นดีแล้ว ไม่ต้องห้อยวัตถุมงคลใดๆเลยก็ได้ เพียงทุกเช้าเย็นให้ตั้งจิตระลึกถึงท่าน กราบอาราธนาให้ท่านช่วยคุ้มครองปกปักษ์รักษา แต่ผมยังไม่หนักแน่นพอก็ขอห้อยรูปของท่านเอาไว้ก่อนอุ่นใจดี

 

โมทนาด้วยครับ..ชอบเรื่องราวแบบนี้มากๆ...รบกวนแวะเข้ามาเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับหลวงปู่ทวดบ่อยๆนะครับ...

 

ครั้งแรกที่พระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม ) ได้พบอดีตเจ้าอาวาสวัดช้างไห้

เมื่อท่านอาจารย์ทิมมาเป็นเจ้าอาวาสใหม่ๆ ท่านมีความข้องใจ ในเขตเดิมของวัดว่ามีความกว้าง ยาว เท่าใด ถามใครก็ไม่มีใครรู้ ต่อมาคืนหนึ่งท่านได้ฝันว่า
ได้พบคนแก่คนหนึ่งยืนอยู่กลางลานวัด พระอาจารย์ทิมจึงถามถึงเรื่องเขตของวัด คนแก่นั้นบอกว่าให้ไปถามท่านเหยียบน้ำทะเลจืดในเขื่อน( สถูปบรรจุอัฐิ ) คนแก่พาอาจารย์ทิมเดินไป พบพระภิกษุผู้ชราเดินออกมาจากสถูป จำนวน ๔ รูป องค์แรกคือหลวงพ่อสี องค์ต่อมาคือ หลวงพ่อทอง และหลวงพ่อจันทร์ ส่วนองค์ท้ายสุดเดินด้วยท่าทาง งกๆ เงิ่นๆ ถือไม้เท้าใหญ่ ๓ คด ตามออกมา มีรูปที่ชราภาพมากกว่าองค์อื่นๆ คนแก่บอกว่า องค์นี้แหละคือ ท่านเหยียบน้ำทะเลจืด
ท่านเหยียบน้ำทะเลจืดเอาแขนกอดคอท่านอาจารย์ทิม พาเดินชี้เขตวัดเก่าให้ดูทั้ง ๔ ทิศตลอดถึงเนินดินที่เคยเป็นโบถส์โบราณมาก่อน และยังบัลดาลให้เห็นวัตถุต่างๆในหลุมลูกนิมิตรซึ่งเป็นของไม่ได้มีค่าอันใด เช่นพระพุทธรูป เนื้อเงิน 1 องค์ แล้วท่านก็กลับไปที่สถูป แล้วได้บอกอาจารย์ทิมว่า " ต้องการอะไรให้บอก " กล่าวจบท่านก็เดินหายไปในเขื่อน