อยากทราบว่าในตัวคนมีเทพฯ คุ้มครองมีลักษณะแบบไหน

แล้วตอนนี้ยังมาให้ เห็นอีกหรือเปล่า พี่จะไม่เห็นแบบนั้นส่วนมากจะเห็นในจิตถ้าจะเห็นแบบนั้นจะไม่ ขอเห็น แต่ถ้าเทวดาประจำตัวมาให้เห็นก็ไม่เป็นไรเพราะท่านอยู่กับพี่ดูแลอยู่ ถ้าจะให้เห็นแบบตาเนื้อ ก็คงจะไม่กลัวแต่ท่านก็ยังไม่มาให้เห็นแบบนั้นก็จะมาแบบที่เล่าให้คุณจิตอารี ฟัง บางครั้งถ้าบันทึกเรื่องราวของท่าน ท่านก็จะส่งกลิ่นหอมเป็นเหมือนกลิ่นดอกไม้มาให้ได้กลิ่นอยู่ตลอดจนบันทึกเรื่องราวของท่าน จบ เมื่อครั้งไปคุยกับท่านบ่อยๆ ว่ามาให้เห็นแบบตาเนื้อ ทำได้ไหมท่านตอบทำได้ แต่เรากลัวเธอจะช็อกไปเสียก่อน พี่เลยพูดว่า
อ้าว ทำไม ท่านเลยว่า ก็แวบไปขวาที่ ไปซ้ายที่ เราเร็วมากเธอแน่ใจนะว่าจะไม่ตกใจ ท่านเลยพูดต่อรับสัมผัสแบบนี้ดีแล้ว พี่ก็เลยเฉยไม่ได้พูดอะไร
เล่าให้ฟังสนุกๆ นะคะ เป็นความเชื่อของส่วนบุคคลคะ

 

เรื่องแบบนี้ เล่าไปบางคนก็ไม่อาจ จะเชื่อ บางครั้งอยากระบายให้ใครๆได้รับรู้ เรื่องเหลือเชื่อมันเกิดขึ้น กับ ข้าพเจ้าได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้า ไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้ ด้งที่เล่าไว้ในเวป ญาณทิพย์ ตอนนี้ ข้าพเจ้าเชื่อแล้วว่า สิ่งศักคิ์สิทธ์ มีจริง สิ่งที่อยู่นอกเหนือธรรมชาตินั้น มันมีอยู่ ทั่วไป เว้นแต่ว่า ใครจะสัมผัสมันได้ เท่านั้นแหละ...

 

ตุ๋ยเชื่อนะ คุณจิตอารี แต่ก่อนตุ๋ยก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่พอมาประสพด้วยตัวเองก็เลยเชื่อเต็ม 100% แต่เทพที่อยู่กับตุ๋ย ท่านไม่ได้มาประทับทรงเหมือนคนอื่น แค่ท่านมาคอยดูแลอยู่ข้างกายเฉยๆ ถ้านึกถึงชื่อท่าน ท่านก็มาหาทุกครั้ง ก็แปลกใจเหมือนกันว่าแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรไม่รู้ ญาณแฝงเป็นอย่างไรตุ๋ยก็ยังไม่เข้าใจเลย

 

สื่อกับองค์บารมีได้ เคยโดนญาณแฝงลงแล้วในงานใหญ่หรือมีเคสจำเป็น ก็ยังเจอ ผีบ้านผีเรือนที่ทำงานก็ยังเห็น อาจเป็นไปได้ว่าคลื่นของคนที่เป็นประเภทเดียวกับดิฉันหรือพวกตาที่สามมันเป็นคลื่นที่มีการปรับตัวเร็วกว่าปกติ แล้วเมื่อมันไปจูนติดอยู่ในช่องคลื่นเดียวกับพวกผีเข้าเลยทำให้เราเห็นเขา เพราะพวกนี้เป็นพลังงานคล้ายพลังงานแสง แต่พวกนี้จะไม่กล้าเข้าใกล้ขนาดประชิดตัว ต้องมีระยะห่างระหว่างเรากับเขา ทฤษฎีนี้น่าจะพอใช้อธิบายได้
ย้อนคิดไปตอนที่เคยเห็นผีพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่มหาวิทยาลัย ก็น่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ล่ะ คือคนมีตาที่สามจะมองเห็นพวกนี้ได้พร้อมๆกัน หันไปมองเป็นตาเดียว เรียกว่าสามัคคีกันเห็นโดยมิได้นัดหมาย ก่อนแต่ละคนจะหันกลับมาเงียบไปสักพัก คือคนมีตาที่สามแยกแยะได้ค่ะว่า ที่เห็นผีหรือคน มันไม่เหมือนกัน พอเงียบเข้าจะมีอีกคนเริ่มถามสิ่งที่เห็น แล้วแน่ล่ะค่ะว่าอีกสองคนเห็นเหมือนกันเปี๊ยบ จะรู้ได้ว่าเป็นผู้ชาย ผู้หญิง ใส่ชุดสีอะไร
ส่วนน้องเด็กแนวที่เล่นเอาดิฉันเกือบช็อกตาย ด้วยอารมณ์ที่เธอค่อยๆลอยเนิ่บนาบลัลล้าผ่านระเบียง มองเห็นชัดขนาดบอกอายุและบอกได้ว่าผมยาวประมาณประบ่าแล้ว จิตรับรู้ได้ค่ะว่าน้องแกฆ่าตัวตาย ยังเป็นวัยรุ่นอายุน่าจะสิบห้าสิบหกราวๆนี้ ไม่น่าเลย

 

พี่ตุ๋ยคงจะเคยผูกพันกับท่านมาก่อนค่ะ เป็นสัญญาเก่า ท่านเลยตามมาคุ้มครอง
เป็นเทวดารักษามนุษย์ที่เคยผูกพันกันมา
ตามความเข้าใจส่วนตัวองค์บารมีหรือเทพอาจารย์ เป็นสัญญาเก่าที่ผูกพันมาแล้ว มักมีคำสั่งหรือการตกลงกันอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนมาเกิดเป็นมนุษย์ เรียกว่ามาทำภาระกิจดีกว่า อย่างที่บอกค่ะมาช่วยโลกมนุษย์ก็มี ช่วยงานพระศาสนาก็มี มากันหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องลงทรงเป็นเรื่องเป็นราวเปิดสำหนงสำนัก อะไร มันไม่ใช่เรื่อง องค์สูงๆท่านเข้าใจและรู้ว่าท่านควรมาเวลาไหน เพราะแน่ล่ะจะลงจะไปร่างทุกข์กันทั้งนั้น บางองค์ลงมาในลักษณะญาณแฝงซะมาก ก็ดีที่มนุษย์ไม่ต้องทุกข์มาก ยังรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร รู้ว่าที่เป็นอยู่เพราะอะไร
รู้ว่าท่านมา แต่ห้ามไม่ได้ อันนี้ต้องโปรแบบพี่108manที่ฝืนไม่ลงได้ บางทีก็ไม่ชอบเหมือนกันค่ะ อยากอยู่เหมือนคนปกติ แต่ถ้ามันเป็นภาระกิจที่ได้รับมาก็ต้องทำ ว่ากันไปหน้าที่ใครหน้าที่คนนั้น ช่วยใครได้ก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็วิบากใครวิบากมัน

 

แถมท้ายเผื่อวันนี้ผู้ใหญ่อีกท่านว่างแล้วจะเข้ามา
สวัสดีค่ะคุณอาภากร คืนวานตอนเข้าไปในห้องพระที่บ้านเห็นรูปเสด็จเตี่ยขาวดำที่หิ้งบูชาพระ ซึ่งก็ตั้งเป็นปกติ รู้สีกแปลกๆค่ะ รู้สึกเหมือนภาพมีชีวิตชีวามากอย่างที่ไม่เคยรู้สึก แต่คิดว่าคิดเออเองไปมั้ง อาจเป็นภาพติดตาจากที่ได้คุยกันกระทู้นี้ เพราะปกติจะเป็นคนคิดเป็นเหตุเป็นผลก่อนจะเชื่ออะไร
พอตอนแผ่เมตตาหลังสวดมนต์ทำภาวนาเสร็จเรียบร้อย ปกติจะแผ่ไปให้ทั่วอยู่แล้ว และแผ่ไปถึงดวงพระวิญญาณอดีตบูรพมหากษัตริย์ไทยและพระญาติวงศ์ที่ทรงพระคุณต่อแผ่นดินสยามประเทศสืบมาตั้งแต่โบราณกาล เท่านั้นแหละค่ะ พอเอ่ยถึงพระญาติวงศ์ จิตเห็นเสด็จเตี่ยเลย ต้องขอนุญาตพูดภาษาวัยรุ่นว่า "ท่านโคตรเท่ห์เลยค่ะ" คือสง่างามมากๆ นี่เห็นท่านเป็นครั้งแรกด้วย ท่านสวมชุดเต็มยศของท่านแต่เป็นสีออกน้ำเงินเข้ม แปลกมากๆที่ได้เห็นท่านค่ะ หรือเป็นเพราะคุยกับคุณอาภากรเนี่ย

 

อ่านไปขนลุกไปครับ
ช่วงหลังๆ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆในสายที่ฝักใฝ่ทางด้านองค์ฝั่งผมไม่ค่อยมีใครเห็นพระองค์อ่ะครับ สงสัยว่าไปอยู่กับคุณโมกนี่เอง ขนลุกอีกแล้ว

 

ก็หน้าจะปวดบางนะครับ เพราะผมเห็นท่านออกอาการแสดงช่วยเหลือน้องคนนั้นตั้งนานเลยทำให้ร่างกายเราปวดเมื่อยได้นะครับ

อีกอย่างอาจเกิดจากกระแสพลังตกค้างในร่างกายครับ

วันนั้นเห็นช่วยกันหลายท่านใช่มั้ยครับ

 

อ่าน ข้อความของคุณโมก ก็เข้าใจแล้ว คะ ถ้าเข้าแบบคนอื่นๆ เขาก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรอยู่ต่างประเทศด้วย ฝรั่งเขาจะรู้ไหมเนี่ย มีครั้งหนึ่ง ที่รับสัมผัสกับท่านใหม่ๆ ท่านจะลองเราหรืออย่างไร พี่ก็ไม่เข้าใจตอนที่เราทำสมาธิอีตรงช่วงใกล้ๆ หัวใจพี่ร้อนไปหมดเหมือนท่านจะแทรกเข้ามาในหัวใจเราไห้ได้ พี่ก็รู้ว่าเป็นผลงานของท่านเพราะแต่ก่อนรับสัมผัสไม่ได้ไม่เคยเป็นอาการแบบนี้ ในสมาธิพี่ก็สู้นะ พี่คิดอยู่ในใจเอาซี สู้ตาย ตายครั้งนี้ เราก็ไปเป็นพรหม เพราะตายในสมาธิ ก็รวบรวมสติเอาจิตไปไว้ที่พระพุทธเจ้า ความร้อนที่จะเข้ามาในใจก็เข้าไม่ได้ ก็เลยคลายไป พอไปคุยกับท่าน ท่านบอกเธอนี่แน่เหมือนกัน แล้วท่านก็บอกท่านจะไม่ทำแบบนั่นอีกแล้ว ตั้งแต่นั้นก็ไม่มีอาการร้อนอีกเลย ก็เล่าให้ฟังเผื่อใครเป็นแบบนี้บ้าง

 

พูดไปก็แปลกดีอย่างที่สหายธรรมทุกท่านได้กล่าวไว้ว่า ถ้าใครไม่เจอกับตัวไม่เชื่อว่าเรื่องพรรค์นี้มีอยู่จริง จะอยู่ไกลขนาดไหนจะเป็นเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองหรือเจ้ากรรมนายเวรไปกันถึงหมด
สมัยเด็กๆเรื่องเทวดาเรื่องผีเขาไปถึงได้ยังไงในที่ไกลๆในวงเพื่อนจะพูดเล่นกันว่า "สงสัยจะนั่งเครื่องไป" เหอะๆ ก็จิตเป็นพลังงานคลื่นและพลังงานคลื่นเดินทางไปได้ทุกที่ที่อยากจะไป สำหรับพระอริยะเก่งๆจิตถึงแล้วฌาณถึงแล้วท่านไปได้ทั้งกายหยาบนี่เลย
พูดถึงคลื่นแล้ว เตือนเพื่อนๆพี่ทุกท่านเกี่ยวกับมือถือสักเล็กน้อย เพราะโดยส่วนตัวที่มีสัมผัสที่หก เคยได้ยินเสียงคลื่นมันวิ่งด้วย ไม่ชอบเลยค่ะ เป็นไปได้ถ้าใช้มือถือหลีกเลี่ยงได้ใช้เป็นสมอลล์ทอล์กน่าจะดี แล้วก็หลักเลี่ยงบลูทู้ธ เพราะหูเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย มีเส้นเชื่อมไปถึงอวัยวะสำคัญหลายส่วน ใครคุยบ่อยๆจะรู้เองว่าสุขภาพของท่านดีหรือแย่ลง

 

เข้าใจคะคุณจิตอารี เมื่อก่อนโน้น ศิลามณีก็เคยเจอคนแบบนี้คะ.. แรกๆพอเล่าให้ฟังแล้วมักจะบอกว่า คิดไปเองบ้างละ...หนักๆเข้านะหาว่างมงาย ไร้สาระ ศิลามณี ว่านะคะ คนเราถ้าไม่งม แล้ว มันจะงายได้ไง เหมือนโง่ต้องมาก่อนฉลาดนะคะ ปากไม่ยอมรับ เพราะกลัวคนหาว่าชอบเรื่องเหลวไหลไร้สาระ ......แต่แอบไปหาเจ้าพ่อเจ้าแม่ลับหลัง.... กลังคนเขาจะว่างมงาย ชวนให้ปฎิบัติก็มาว่าจะหลงไหลทางนี้มากไป ก็เลยเฉยเสียไม่เล่าให้ใครฟังคะ ...

ว่าแต่ว่าคุณตุ๋ยเคยเห็นเกล็ดพญานาคไหมคะ ไว้มาใหม่แล้วจะเล่าให้ฟังคะ

 

ไม่เคยเห็นนะชิ เกล็ดพยานาคเป็นอย่างไร ไหนคุณศิลามณีลองมาเล่าให้ฟังหน่อย ขนาดเพชรพยานาคมีลักษณะแบบใหนยังไม่รู้เลย เพิ่มมารู้ไม่นานนี้เอง
เพื่อนที่เขาเป็นลูกหลานสายพยานาคเอามาให้ดู รออ่านอยู่นะ เดี๋ยวไปธระก่อนจะกลับเข้ามาใหม่

 

คิกๆ อ่านดูแล้วน่ากลัวจริงๆคะคุณโมก ศิลามณีแอบชอบใจตรงที่คุณโมกบอก น้องคงกลัวคุณโมกไม่เห็นชัด....เห็นเป็นผีแบบนี้ศิลามณีไม่เคย แต่จะเห็นเป็นพวกต้นไม้ ก้อนหิน หรือไม่ ก็พวกดวงประทีปกลางน้ำ อะไรแบบนั้นเสียมากกว่าคะ พูดถึงก้อนหินนะคะ.


ศิลามณีชอบสะสมก้อนหินคะ ชอบมากๆถึงได้ตั้งชื่อในนี้ว่า ศิลามณี ไงคะ หินมีเต็มตู้ ล้นออกมาจนต้องเก็บไว้ใต้เตียงก็มี ส่วนใหญ่จะเป็นหินคริสตัล หรือ เขี้ยวหนุมาน คนส่วนใหญ่เขาสะสมเพื่อเล่นพลัง รับพลังจากเบื้องบน บางคนใช้รักษาโรคใช้ปรับฮวงจุ้ยในบ้าน หรือ ที่ทำงาน และ ใช้ทำสมาธิฯลฯของศิลามณีใช้ข้อหลังคือใช้ทำสมาธิคะ<O</O
<O</O

หินคริสตัล หรือ แก้วเขี้ยวหนุมานนี่นะคะ ในบ้านเราที่ดังๆ ก็น่าจะไม่พ้นที่จังหวัดลำปาง ที่วัดนาบ้านไร่เปิดเป็นสินค้าโอทอป ขายกันเป็นล่ำเป็นสันเลยคะที่นั้นเป็นแหล่งใหญ่มีหินเยอะแยะมากมาย <O</O
<O</O

.... ชาวบ้านแถวนั้น มีอาชีพในการหาแก้วคะ เขาจะขึ้นไปหาบนภูเขาไปขุดหลุมลึกประมาณ 1 เมตร หาแก้วที่อยู่ตามดินแล้วนำมาเจียรไนเป็นหัวกลมๆขนาดต่างๆกันเอาไว้ไปทำหัวแหวนนะคะ<O</O
<O</O

ศิลามณีเคยไปขุดกะเขาด้วย ตอนนั้นขับรถไปคนเดียว ไปพักที่โรงแรมนครเถินหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นเพื่อนของ ศิลามณี ที่รู้จักกันตอนไปซื้อแก้วโปร่งข่าม ที่วัดนาบ้านไร่ เขาเป็นแม่ค้าขายแก้วโปร่งข่าม เป็นคนน่ารัก และ ใจดีที่สุดเราคุยถูกคอกันดี...ก็เลยเป็นเพื่อนกัน


<O</Oศิลามณีเคยพูดเปรยๆกับเขา ว่าอยากไปดูเขาหาแก้ว ก็เลยนัดวันเวลามาพบกันไงคะ ตอนที่เดินทางเพื่อเข้าไปดูแหล่ง ที่เขาขุดหาแก้วนั้น ไกลมากคะ ขับรถไปถึงปากทาง ที่เป็นทางที่ชาวบ้านใช้เดิน สำหรับจะไปท้องนาซึ่งอยู่ติดกับภูเขา ทางเดินนั้นมีลักษณะเป็นป่า ต้นไม้ครึ้มขึ้นสองข้างทางรถยนต์เข้าไม่ได้จึงต้องนั่งมอเตอร์ไซร์เข้าไป


<O</Oก็ทุลักทุเลเอาการอยู่เหมือนกันคะ เพราะ ศิลามณี นั่งมอเตอร์ไซร์ไม่เป็น นั่งตัวเกร็ง พอมอเตอไซร์เคลื่อนที่ก็ นั่งกระดุดกระดิดขามันไปเองนะคะ หนักๆเข้าเลยลงเดิน เพราะสงสารคนขับ เดินจนไปถึงท้องนา ได้บรรยากาศดีจริงๆเลยคะ มีต้นข้าวเขียวสวยเต็มไปหมด ศิลามณี ...เห็นควายในระยะเกือบประชิดตัวด้วยนะ ทุกทีที่เห็น เห็นไกลๆ เพราะนั่งอยู่บนรถนะคะ ....ต้องรีบถอดเสื้อคลุมออก เพราะวันนั้นใส่สีแดงไป เดี๋ยวควายไล่ขวิดเอา


<O</Oจากนั้นเราก็เดินขึ้นไปบนภูเขาคะ วันนั้นมีแค่ 3 คนคือ ศิลามณี กะเพื่อนของเพื่อน รวมเป็น 3 คน บนนั้นเงียบมากๆเลย เพราะยังเช้าอยู่มาก ประกอบกับมีงานแต่งงานของลูกผู้ใหญ่บ้าน เขาไปร่วมงานเลี้ยงกันหมด จึงไม่มีใครนอกจากเราเพียง 3 คน


<O</Oขึ้นไปได้สักพักนะคะ เห็นมีหลุมลึกประมาณ 1 เมตร เป็นหลุมที่ชาวบ้านเขาขุดอยู่ก่อนแล้ว เพื่อนศิลามณีเธอเอาบุหรี่ กับดอกมะลิที่ศิลามณีเตรียมมาเอง วางไหว้เจ้าที่เจ้าทาง บนภูเขาเสียก่อน จากนั้นเธอก็กระโดดตุบลงไปในหลุมนั้น แล้วก็เอาเสียมแคะๆดิน ได้ก้อนหินก้อนเล็กสีดำๆมา 2-3 ก้อน กับหินก้อนใหญ่อีกหนึ่งก้อน เพื่อนบอกว่าสงสัยจะเป็นหินสีฟ้า ก็เลยเอากลับลงมาด้วย ....


แต่ตอนขากลับรู้สึกว่าระยะทาง มันไกลกว่าขามาจังเลยคะ ก็เลยจะทิ้งหินก้อนใหญ่นั้นไว้ แต่เพื่อนใจดีช่วยแบกให้ ศิลามณีก็เลยช่วยเขาแบกจอบ ...เพื่อนบอกศิลามณีว่าแปลกจริงๆเลย ยิ่งเดินเจ้าหินก้อนนั้นก็ยิ่งหนัก เดินลงมาจนถึงท้องนาเจอควายตัวเดิม .... ดูเหมือนเขามองมาทางเราคะ ศิลามณีก็เลยยกมือทัก บายๆนะ ลูกควาย .. อืมร์.... จากสายตาที่เขามองมาศิลามณี ว่า ถ้าเขาพูดได้ก็น่าจะประมาณ เออ บายๆ เหมือนกันลูกคน......

เหนื่อยก็เหนื่อยคะ แถมก้อนหินที่ได้ก็เป็นเพียงก้อนหิน ก้อนดินธรรมดา หลังจากนั้นก็มีความคิดผุดขึ้นมาเอง ว่าให้ซื้อจากชาวบ้านดีกว่าเป็นการช่วยเขาให้มีราบได้ ไม่ต้องไปขุดเองหรอก คิกๆคักๆ ไปเที่ยวนี้ได้แต่ความสนุกอย่างเดียวคะ .... เจ้าหินก้อนใหญ่นั้นศิลามณีก็ยังเก็บไว้เป็นที่ระลึก กะว่าจะเอาไปแกะเป็นพระพุทธรูป ....<O</O
<O</O

ได้คะคุณตุ๋ย เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะคะ
<O</O

 

ขอโทษนะคะ ไม่ได้มาตอบนานหลายวันเลย
พอดีไปทำธุระมาคะ เข้ามาอีกทีคนเข้ากระทู้นี้เยอะเลยคะ
ชื่อเก่าชื่อ อภิวรรณ คะ
ก็คิดอยู่เหมือน กันคะว่า จะใช้คำภาวนา แบบไม่ต้องโลดโผนมากไปก่อน
แต่ก็อยากรู้ไว้ๆ

 

ได้รู้แบบนี้ก็โล่งคะ ถ้าไม่มีอันตราย จะลองดูอีกคะ

 

ที่จริงใจลึกๆอยากช่วยเหลือคนนะคะ แต่ถ้าเอาตัวเองไม่รอดนี้เอะ!!!

มันก็เท่ากับเบียดเบียนตัวเอง คิดว่าปฎิบัติเพื่อหาทางหลุดพ้นน่าจะเป็นทางที่ดีคะ

 

งั้นก็แสดงว่าตัวเองสามารถเป็นเจ้ากรรมนายเวรของตัวเองได้หรอคะ

 

ขันธ์ 5 เป็นเจ้ากรรมนายเวรใหญ่สุด ถ้าจะตัดกรรมให้ตัดที่ขันธ์ครับ
เมื่อดับระงับได้แล้ว กรรมเวรย่อมหมดเองตามอัตภาพ

 

อ่านๆๆมาเห็นหลายๆๆท่านก็มีประสบการณ์เห็นท่านเทพ

เห็นวิญญาน(ผี) สำหรับตัวดิฉันเองไม่เคยเห็นเลยคะ

อาจจะเป็นเพราะเวลาสวดมนต์แล้วจะอธิฐานทุกครั้งว่า

ขออย่าให้ภูติผีปีศาจมารบกวนลูกเลย เลยไม่เคยเห็น

มันมีความน่าจะเป็นไปได้มั้ยคะ

[[พรุ้งนี้จะสอบและสัมภาทงานก็ยังดั้นด้นมาอ่านจนได้ติดกระทู้นี้ไปแล้วหละคะ]]

 

แหมหาไปเสียนานเลยนะน้องนึกว่าไป ซุ้มฝึกสมาธิไปเที่ยวถึงไหนๆ แล้วพี่ว่าจะเล่าผลการปฎิบัติธรรมที่ผ่านๆ มาให้ฟัง ที่จิตออกไปเที่ยว ไปเที่ยวแต่ละครั้ง
เรื่องราวก็ยาวมากๆ เดี๋ยวจะเอาย่อๆ มาเล่าให้ฟังก็แล้วกันนะ