อยากทราบว่าในตัวคนมีเทพฯ คุ้มครองมีลักษณะแบบไหน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย nanthiya1, 11 สิงหาคม 2010.

  1. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    คุณ ศิลามณี เดี๋ยวจะเข้าไปคุยด้วยค่ะ นั่นซิคะตอนนั้นไม่รู้ เพราะโง่ ถ้ารู้จักคุณศิลามณี ก่อนผีตัวนั้นคงได้หัวกลับไปแน่
     
  2. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ดีคะ การช่วยคุณพ่อให้เข้าสู่ทางธรรม เป็นสิ่งที่ประเสริฐ์สุดที่ ที่ลูกทำให้กับคุณพ่อคุณแม่แล้วคะ อนุโมทนาในสิ่งที่คุณทำนะคะ ส่วนคำภาวนาที่คุณเล่า นั้น ศิลามณีไม่แน่ใจนะคะ ยังไงลองถามครูบาอาจารย์อีกทีดีไหมคะ หรือไม่ก็ถามหลวงอาของคุณ NuTdaPorn ว่าแปลว่าอะไร ใช่แล้วคะ คิดดี คิดในด้านบวก ^-^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2010
  3. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ยินดีตอนรับน้อง NUT dap0rn และเพื่อนธรรมทุกคน ดีใจคะที่เรื่องที่เล่าทำไห้น้องมีความรุ้สึก ปลื้ม พวกพี่ๆก็ดีใจคะ ขอให้ปฎิบัติและสู่ต่อไป ก็จริงอย่างเพื่อนๆ ว่าเราต้องตั้งใจปฎิบัติธรรมไปเลื่อนๆ สักวันหนึ่งท่านคงจะสงเคราะห์สื่อท่านได้เอง ตุ๋ยตั้งใจปฏิบัติธรรมไปเลื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้เคร่งคัดอะไรทำไปเลื่อยๆ แบบสบายๆ ปัจุบันเกือบ 15 ปี เพิ่งมาสื่อกับท่านได้เมื่อปลายปีที่เลยนี้เอง ตอนเริ่มฝึกใหม่ๆก็รู้แล้วว่ามีท่านเทพฯ ดูแลอยู่ แต่ก็ยังคุยกับท่านไม่ได้ นะเวลานั้นเวลาตุ๋ยเศร้า จะนึกถึงพระพุทธเจ้าและมาลงที่ท่านเทพฯ ว่ามีท่านอยู่จริงหรือเปล่าหรือ จิต ตุ่ยคิดไปเอง พอช่วงเช้ามืดท่านจะมาให้สัมผัสได้ยินเป็นเสียงเลย ท่านพูดว่า เรายังอยู่เคียงข้างคอยดูแลเธออยู่เสมอ ช่วงที่รับสัมผัสจะครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่พอตื่นเต็มที่ ตุ๋ยก็เลย งง แต่ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี แต่ก็ยังมีกำลังใจว่าตุ๋ยจะต้องปฎิบัติให้มากกว่านี้ เผื่อจะไปคุยกับท่านได้ จะมีวิธีไหนบ้างนะ ตุ๋ยชอบทางสายมโนมยิทธิมี
    ฤทธิ์ทางใจและมีวิชาสามร่วมด้วย สายนี้อาจจะทำให้ตุ๋ยพูดคุยกับท่านได้ ก็เลยฝึกไปเลื่อยๆ จนเมื่อปลายปีที่แล้วท่านดึงจิตไปคุยด้วย คุยกับท่านได้จริงๆ ท่านเทพฯ ท่านบอกท่านชอบอยู่เงียบๆ ไม่ชอบยุ่งกับโลกมนุษย์มากนัก โดยเฉพาะเรื่องหมอดูท่านไม่เอาเลย
    อันนี้ท่านเทพฯพูดมา ชื่อท่านตุ๋ยก็รู้ แต่ตุ๋ยจะไม่พิมพ์ลงในกะทู้ และท่านก็สอนธรรมะให้เมื่อไม่นานนี้เอง สำหรับคนที่ฝึกในแนวมีฤทธิ์ทางใจนะคะ ท่านจะแนะแนวว่าทุกครั้งที่เธอทำสมาธิ ให้ยกจิตออกไปกราบพระพุทธเจ้า หรือไปกราบพระพุทธรูปตามวัดที่เธอชอบ
    แล้วท่านเทพฯ ก็ถามต่อเธอชอบวัดไหน ตุ๋ยตอบชอบวัดหลวงพ่อฤาษีลิงดำพระพุทธรูปเยอะดี ท่านบอกว่าให้ยกจิตไปกราบทุกองค์ที่นั่น ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่ฝึกสมาธิ แรกๆ จิต
    เธอก็จะอยากสักหน่อย เพราะยังไม่ชิน ภาพที่เห็นจะไม่ชัด แต่ถ้าเธอทำบ่อยๆ จิตเธอก็จะชิน มันจะมีประโยชน์เวลาที่เธอจะตาย จิต เธอจะเร็วมาก เพราะเพียงแค่เธอนึกหรือยังไม่ทันจะนึก จิต เธอก็ไปแล้ว จิต หมายถึงกายอันแท้จริงของเธอ ที่อาศัยอยู่ในกายเนื้อเท่านี้เธอต้องพยายามทำให้ได้ ตุ๋ยก็รับปากท่าน ว่าจะทำ ท่านก็พูดว่ารับปากแล้วก็ต้องทำเธอนี่ดื้อ เกิดกี่ชาติๆ ก็ยังดื้อเหมือนเดิม (แถมท้ายว่าเราเสียอีกจะว่าท่านก็ไม่ได้เพราะเราดื้อจริงๆ) ก็ลองดูนะคะใครที่ฝึกในแนวมีฤทธิ์ทางใจ ตอนนี้ตุ๋ยก็กำลังฝึกอยู่ก็ไมรู้ว่าจะไปได้สักเท่าไรก็ลองดู
     
  4. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ส่วนคำ ภาวนาของคุณ NUT daporn มีฤทธิ์ทางใจสายอภิญญาใหญ่ ถ้าภาวนาไปเลื่อย ๆจิต ก็จะเคลื่อน ออกถ้าถึงตอนนั้นคุณจะตกใจไหม ถ้าคิดว่าไม่ตกใจไม่กลัวก็ภาวนาไปหรือถ้ากลัวก็เปลี่ยนคำภาวนาใหม่เป็น พุท โธ หรือคำว่า นะมะ พะธะ ก็ได้ก็ลองดูถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ลองไปถามครูบาอาจารย์ นะคะ
     
  5. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    จ๊ะเอ๋ คุณตุ๋ยยังอยู่ไหมคะนี่ ไม่ตอบสงสัยไม่อยู่ .... คุณตุ๋ย คำภาวนา สัมปะจิตฉามิ ที่คุณ NuTdaPorn บอกนี่คืออะไรนะคะ ท่องๆไปแล้วจิตจะเคลื่อนหรือคะ ศิลามณีภาวนาแต่พุทโธ ไม่ทราบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2010
  6. อภิวรรณ

    อภิวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +165
    หนูก็ไม่รู้เหมือนกันคะว่าจะกลัวมั้ย ^____^

    เพราะตั้งแต่หนูเปลี่ยนชื่อมา เหมือนจะเข้มแข็งขึ้นคะ

    หมายถึงจิตใจ เพราะตอนชื่อเดิมหนูเป็นคนที่จิตใจอ่อนไหวง่ายมากขี้กลัวมาก

    พอเปลี่ยนชื่อใหม่เหมือนไม่ค่อยจะกลัวอะไรเลยคะ

    เดี๋ยวหนูทดลองวันนี้ก่อนนะคะ ถ้ากลัวคงได้ทำตามคุณnanthiya1บอก

    ขอบคุณมากนะคะ แล้วถ้าจิตออกจากร่างหนูจะกลับได้มั้ยคะ แอบหวั่นๆๆ
     
  7. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    เอ......ถ้าแอบหวั่นนี่ ศิลามณีว่าอย่าเพิ่งดีกว่าไหม คืออยากจะให้มีครูบาอาจารย์อยู่ดูด้วยนะคะ มีอะไรจะได้แก้ไขทัน
     
  8. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    แล้วคุณ NuTdaPorn ชื่อก่อนนี่ชื่ออะไรนะคะ
     
  9. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    แน่นอนจิตออกแน่ คำภาวนา สัมปะจิตฉามิ เป็นอภิญญาใหญ่ คุณศิลามณีจะลองเปลี่ยวคำภาวนาดีไหม แต่ตอ้งมีสติเกาะพระพุทธเจ้า ถ้าลองออกไปสักครั้งสองครั้งก็ชิน ถ้ากลัวเอาอภิญญาเล็กๆ ไปก่อนดีไหม
     
  10. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ไม่เอาคะ :p พุทโธ อย่างนั้นละดีแล้วคะ ศิลามณีไม่ได้ฝึกมาทางนั้นคะ อีกอย่างถ้าจะเปลี่ยนใหม่ ต้องมีครูบาอาจารย์อยู่ด้วยถึงจะมั่นใจคะ ไม่ต้องเลยคุณตุ๋ย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 สิงหาคม 2010
  11. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966

    ก็ลองดูนะน้อง ถ้าเรามีของเก่าติดมาจะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ผลเท่ากันถ้าออกไปแล้วไม่ต้องกลัวกลับไม่ได้แต่ต้องจับพระพุทธเจ้าขอบารมีให้ท่านช่วยนะจ๊ะ
    ถ้าออกไปแล้วมืดก็ขอบารมีท่านขอแสงสว่าง อยากจะไปไหนก็ขอบารมีท่านทุกครั้ง คือจิตต้องเกาะท่านตลอด คือว่าเราต้องมีสตินะถ้าไม่มีสติทุกอย่างจะกลายเป็นความฝันเลย ไม่ตอ้งกลัวกลับมาได้แน่ หรือถ้าไม่แน่ใจจะฝึกอภิญญาเล็กก็ได้ แต่เราต้องเชื่อ จิต เราอย่าสังสัย เพราะอภิญญาเล็กเหตุการณ์น่าสงสัยมากๆ
     
  12. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    นึกว่าจะสนใจมีฤทธิ์ทางใจ บ้าง เผื่อว่าจะได้ครูบาอาจาย์ที่ไม่ใช้คน ล้อเล่นคะตุ๋ยก็ไม่ได้ไปแบบนั้นแล้ว เพราะคุมสติอยากก็อาศัยอภิญญาเล็กก็แล้วแต่คนชอบ พูดถึงพ่อ แม่ ส่วนพ่อตุ๋ยเสียชีวิตไปเมื่อ สามปีที่แล้ว ยังเหลือแต่แม่ตอนที่พ่อปว่ยตุ๋ยดูแลท่านจนวินาทีสุดท้ายเลย ตอนท่านป่วยตุ๋ยสงสารท่านมากตุ๋ยเอาจานดาวธรรมของวัดธรรมกายมาติดให้ท่านดูจิตท่านจะได้เป็นกุศลตลอดและเอาเทปธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมีเปิดให้ท่านฟัง เพื่อท่านจะได้ตัดร่างกายได้ ท่านก็จากไปด้วยความสงบ ด้วยความอยู่รู้ว่าพ่อไปเกิดอยู่ที่ไหนก็ไปฝึกมโนฯ แบบครึ่งกำลังจึงทราบว่าท่านไปเป็นพรหม อยู่ชั้น 2 ทีแรกก็ไม่ค่อยจะหมั่นใจอะไร ตุ๋ยก็ไปงานทำบูญครบรอบมรณะภาพของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่วัดท่าชุงไปค้าง หนึ่งคืน ก็ไปอธิฐานกราบศพหลวงพ่อ อย่ากรู้ว่าพ่อไปเป็นพรหมจริงหรือเปล่า พอกลางคืนช่วงเช้านอนทำสมาธิ จิตสบายๆ มาเลย
    เสียงหลวงพ่อ พูดว่าอีหนูที่เองรู้และเข้าใจนั้นถูกต้องแล้วอย่างสังสัยเลย เสียงหลวงพ่อก็หาไป เปลี่ยนมาเป็นเสียงพ่อตุ๋ยแทนท่านพูดว่า สร้างความดีเข้าไว้นะลูกจะได้ไปอยู่กับพ่อที่พรหม ชั้น 2 พอจิตออกจากสมาธิก็มาเล่าให้แม่ฟังแม่เขาก็สบายใจขึ้น มายืนยันขนาดนี้ก็ยังไม่หมั่นใจ ไปอธิฐานขอหลวงพ่อใหม่ก่อนกลับบ้าน พอกลับมาบ้าน นอนหลับคืนนั้นพ่อมาเข้าฝันยืนยันให้ดูเลยแต่งตัวชุดพรหม เปลี่ยนตั้งหลายชุด ตอนกลับเหาะให้เห็นขึ้นไปบนฟ้าเลย ตั้งแต่วันนั้นตุ๋ยก็เลยเชื่อว่าพ่อไปสบายแล้ว
     
  13. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    ทั้งองค์ทรงและร่างทรงมีเชื้อทั้งนั้นครับ ในส่วนองค์จะไม่ขอพูดถึง พูดถึงเพียงร่างทรงในที่นี้พอ
    อดีตก็เคยเป็นร่างทรง หรือไม่ก็พวกบูชาทางนี้ พอตายไปมาเกิดใหม่ก็ มีสายใยขององค์เกื้อหนุนอยู่เพราะเคยอนุเคราห์กันมาแต่บางก่อนชาตินี้ก็มีหน้าที่เดิมต่อไปไม่มีสิ้นสุด
    หรืออีกกรณี พ่อแม่ปู่ย่าเป็นร่างทรง ลูกเกิดมาแม้จะไม่ได้มีบุพกรรมต่อกันมาแต่ชาติปางก่อน แต่ก็ได้เห็น ดู รู้ ทุกการกระทําของ บรรพบุรุษที่เป็นร่าง เกิดศรัทธาเลื่อมใส เลยยึดเอาเป็นที่พึ่งประกอบกับ บรรพบุรุษก็ไม่ได้ทําตัวให้เป็นที่พึ่งที่ถูกต้อง มีอะไรก็ขอองค์เทพ ช่วยคุ้มครองลูกด้วย ช่วยลูกคนนี้แบบโน้น คนโน้นแบบนี้ เลยกลายเป็นการเติมเชื้อให้แบบไม่ได้ตั้งใจ เป็นต้น

    ยึดติดย่อมไม่หลุดพ้น ถ้าคุณพอใจในการช่วยเหลือสรรพชีวิต ข้าพเจ้าก็อนุโมทนาด้วย แต่หนทางหลุดพ้นในอัตภาพนั้นไม่มีถ้าคุณถือเอาสิ่งนั้นและละทิ้งหนทางธรรม คือ เอาตัวเองไม่รอด มันเป็นทางแยกคุณก็เลือกเอาว่า จะตามแบบโพธิสัตย์ หรือ อรหันต์เชื้อเหล่านี้ถ้าคุณไปติดกับมันมากมันก็จะเป็นกรรมถึงลูกหลานในอนาคตทั้งภพนี้และภพหน้า การให้ร่างกายต่อองค์เทพไม่ใช่การบริการร่างกายในแบบปรมัตถปารมี

    ปฏิบัติต่อไปเหอะอย่าไปอยากรู้มันเลย รู้เยอะหน้าที่ก็เยอะตามเหมือนผมตอน10 กว่าปีก่อนเป็นไปด้วยความอยากรู้ทั้งนั้น ปฎิบัติให้เยอะๆ เพ่งองค์ในด้วยตัวเองให้ดี ว่าท่านเป็นสัมมาทิฏฐิหรือมิจฉาทิฏฐิ ถ้าเห็นว่าเทพยดาองค์ที่จะมาร่วมสร้างบารมีกับเราสัมมาทิฏฐิ ก็ กราบไหว้รับไว้จะเจริญและได้สรรพวิชามหัศจรรย์เหนือสามัญชนเอง

    ถ้าอยากปล่อยวางลองหาเวลาไปปฎิบัติสัก 5-7วัน ที่วัดอัมพวันดูนะ ผมได้ของดีจากการเดินกรงกรมที่นั่น สายนี้ไม่เน้นแนวอภิญญา

    แต่ถ้ามั่นใจละว่าจะขอรับองค์แน่ๆอยากทรงก็เชิญลงมาลลองศึกษาวิชากรรมฐานที่ใช้การเพ่งหน้าผากของ สมเด็จโต พรหมรังสี ดู น่าจะสําเร็จได้ง่ายที่สุด

    ข้อความทั้งหมดเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะกระทบท่านใด หรือไม่ถูกต้องก็ขออโหสิกรรมท่านนั้นๆด้วย
     
  14. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านที่ช่วยแนะนำธรรมะดีๆ ไม่ว่าจะแนวไหนก็พระพุทธเจ้าองค์เดียวกันก็แล้วแต่จริต ของแต่ละคนจะได้แบบไหนมา ก็เซาะหากันไปถ้าตั้งใจปฎิบัติอย่างจริงจัง จุดเดียวที่ทุกคนอยากจะไปคือพระนิพาน เพียรพยายามไปเลื่อยๆ ไม่ชาติหนึ่งชาติใดก็ต้องสมใจปราถนา
     
  15. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    คุณตุ๋ยคะ ศิลามณี ใช้แค่กำหนดลมหายใจเข้าออกคะ พุทโธ แล้ว กำหนดให้เป็นแสงสีเหลือง หรือ สีขาวนวล ให้แผ่กระจายไปตามร่างกายทุกๆส่วนนะคะ ให้วิ่งทวนไปทวนมา แบบนี้หลายๆครั้ง ยิ่งเฉพาะส่วนบริเวณไหน ที่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ทำบ่อยๆจะรู้สึกค่อยยังชั่ว หรือ บางทีก็หายไปคะ ....


    ที่จริงวิธีนี้ครูบาอาจารย์ หลายๆท่านก็เคยสอน ท่านว่ามันเป็นจิตบริหาร หรือ กีฬาทางจิต ใช้วิธีเพ่งเหมือนการทำกสิณนะคะ เพ่งเป็นจุดตามส่วนต่างๆของร่างกาย (แรกๆศิลามณียังนึกภาพไม่ออก ศิลามณีก็ไปเอารูปถ่ายตัวเองมาดู จำจนติดตานะคะ แล้วก็ค่อยๆเพ่งเป็นจุดๆไป ) อย่างเช่น

    เพ่งที่บริเวณท้องน้อยใต้สะดือจะบังเกิดการผ่อนทุกข์เวทนาได้
    เพ่งตรง สะดือจะบังเกิดผลรู้เห็นส่วนต่างๆของร่ายกาย ตามความเป็นจริง
    เพ่งตรงเหนือสะดือขึ้นมา 2 นิ้ว จะช่วยให้มีความกระปรี้กระเปร่า
    เพ่งตรงหน้าอก จะบังเกิดความรู้ขึ้นมากมาย เป็นต้น

    มีอีกตั้งหลายจุดนะคะ จำไม่ได้แล้วคะ แต่ที่ศิลามณีชอบใช้ ก็มีตรงบริเวณหน้าผากระหว่างคิ้ว ช่วยให้หายง่วงนอนได้ กับลูกตา 2 -ข้าง คูรบาอาจารย์ท่านบอกว่าถ้าเพ่งบ่อยๆจะบังเกิดความรู้เห็นแบบจิตนุภาพ ....

    สวัสดีคะ คุณอาภากร ....ยินดีที่รู้จักนะคะ แวะเข้ามาคุยบ่อยๆนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2010
  16. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    เพิ่มเติมอีกนิดครับ
    โดยปกติถ้าองค์ณานเกิดขึ้นในกรรมฐานอย่างรัย มักจะไม่นิยมเปลี่ยนสาย ให้ถือเอาอารมนั้นปฏิบัติต่อยอด เพราะมีบุพกรรมตรง จากการที่เคยได้ปฎิบัติมา เคยลองเปลี่ยนดูเรื่อยๆไม่ถึง อัปนาสมาธิแทบทั้งสิ้น ถ้าปิติเกิดท่านให้ปล่อยวาง แต่คิดว่าถ้าการเข้าออกสมาธิเกิดยากลองใช้ปิติที่เกิดเป็นอารมณ์ยึดไว้ก่อนในช่วงต้นๆก็น่าจะรักษาองค์กรรมฐานได้ง่ายกว่าการปล่อยวางเลย ผู้ปฎิบัติแรกเริ่มการเข้าสู่สภาวะดังกล่าวถือเป็นเรื่องยาก
    เพราะการจับถือเอาไม่ได้หมายถึงการยึดมั่นถือมั่นเสมอไป บางทีอาจจะเป็นอุบายที่ดีก็ได้นะครับ ผมใช้แนวนี้หล่ะเวลาปฏิบัติ เรื่องพิจรณาสภาวะธรรมต่างๆผมพิจรณาจากการใช้ชีวิตปกติเอา เวลากินข้าว เวลาเดิน มาคิดย้อนหลัง พิจรณาในขณะนั่งสมาธิเข้ายาก ผมยังยึดติดอยู่ครับ เวลาสงบๆแล้วมันมีความสุข ยังพอใจกับความนิ่งและสภาวะรอบข้างที่ละเอียดอยู่
     
  17. DMZ_ZONE

    DMZ_ZONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    260
    ค่าพลัง:
    +649
    อ่านจนหมดแล้วครับได้ความรู้มากมายครับขอปูสื่อรออ่านครับ
     
  18. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    สวัสดีคะ คุณ DMZ ZONE คุณหนึ่งจิต ยินดีที่รู้จักคะ
    ขอบคุณ คุณหนึ่งจิต คะที่กรุณาแนะนำ ศิลามณีจะทำดูนะคะ เข้ามาคุยกันบ่อยๆ นะคะ
     
  19. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    สวัสดีคะ คุณอาภากร คุณหนึ่งจิต คุณ DM2 ZONE และเพื่อนนักปฎิบัติทุกคน ยินดีที่ได้ร้จักเข้ามาคุณกัน บ่อยๆนะคะ แลกเปลี่ยนประสพการณ์ อ่านการปฎิบัติของคุณ ศิลามณีก็ได้ความรู้ไปอีกแบบหนึ่ง เป็นหมอไปในตัวเลย ดีจังตุ๋ยก็เคยทำแบบคุณนะแต่ไม่เก่งเวลาปวดหัวเป็นไมเกรนมันปวดมากกินยาอะไรก็ไม่หาย ก็ต้องกำหนดจิตไปจับตรงที่ปวดนั้นแล้วนึกอยู่ในใจ เอาอยากปวด ปวดไปอยากหายก็หายไม่หายก็ตายไปซะ พอจิตเป็นสมาธิสูงหน่อยมันจะชาตรงที่ปวดความปวดก็จะเบาลง หรือไม่อย่างนั้นไม่สนใจตรงที่ปวดเอาจิตไปจับภาพพระพุทธรูปที่วัดไหนก็ได้ เอาแบบงามๆ มาสักภาพ เพราะจิตเราไปสนใจทางนั้นไม่สนใจตรงที่ป่วย มันก็ช่วยได้เหมือนกันนะ ดีคะมีธรรมะดีๆ ก็กะทู้มาท่านใดสนใจแบบไหนก็ลองเอาไปปฎิบัติดู ได้ผลอย่างไรก็มาเล่าสู่กันฟัง พูดถึงแนวปฎิบัติ ตุ๋ยก็ทดลองมาหลายแนว แต่ก็ไปไหมไม่รอด มันจะต้องมาแนวนี้ ก่อนหน้านั้นปฏิบัติใช่คำภาวนาว่า พุธ โธ
    รู้ลมหายใจอยู่ตลอดเวลา ทำไปเลื่อยๆ จิตมันชิน ผลที่ได้ ช่วงเช้าหลังจากตื่นไปเข้าห้องน้ำมานอนต่อจับสมาธิ คือดูลมหายใจและคำภาวนา ถึงจุดของมันจิตมันต้องออกทุกที
    ก็ลองไปฝึกแบบวัดธรรมกายดู ให้จับลูกแก้วเอาไว้ในท้อง ทำได้อยู่พักหนึ่ง จิตมันก็ไม่เอา
    เสียแล้ว ก็ต้องกลับมาในแนวมโนมยิทธิ ทำสมาธิแบบจิตนิ่งๆ พอนิ่งไปสักพักมันก็จะคิดของมันขึ้นมาเลย คิดมาในเรื่องความเบื่อ ในร่างกาย คิดถึงคนลอบข้างที่ตายๆจากเราไปเจ็บปวดมีแต่การพลัดพราก และอะไรอีกมากมายสรรหามาคิดจริงๆ มันคิดของมันไปเองโดยอัติโนมัต คิดไปคิดมาเห็นตัวเองถือดอกบัวไปกราบพระพุทธเจ้าเสียแล้วพอออกจากสมาธิ งง เราไปได้อย่างไร มีใครฝึกสมาธิแล้วเป็นแบบนี้บ้างลองมาเล่าให้ฟังบ้างซิ
     
  20. ๛อาภากร๛

    ๛อาภากร๛ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +3,580
    กายกับวิญญาณแยกกันอยู่ จิตกับ วิญญาณก็แยกกันอยู่ เป็นอายตนะ คําถามคือ คุณใช้จิตกําหนด หรือว่าใช้ วิญญาณคือธาตุรับรู้กําหนด
    วิญญาณคือธาตุรู้มันอยู่ในตัว แต่อารมมันจะรู้แบบไหนมันก็อยู่ที่จิตว่าจะกําหนดให้รู้อย่างไร รู้หายใจเข้าพุท รู้หายใจออกโธ แค่กําหนดว่ารู้หนอ มันก็รู้เอง
    วิปัสนาก็อย่างหนึ่งสมาธิก็อย่างหนึ่ง สติก็แยกเป็นอีกแบบหนึ่ง การกําหนดลมหายใจเป็นการกําหนดสติ คนมีสติไม่ใช่ว่าจะต้องเกิดสมาธิทุกคน เหมือนคนขับรถ ใช้สติมาก สมาธิใช้ไม่ได้ สมาธิคือเป็นลักษณะของการกดทับอารมณ์ให้ป็นหนึ่ง ขับรถต้องมองกระจก ข้างกระจกหลัง มองหน้า มองทั้งหมด กําหนดอะไรเป็นเอกคตาไม่ได้ไม่ได้ไม่ได้

    ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดคุณ นัน ต้องการอารมณ์ของสมาธิ ถ้าเป็นแบบนั้นก็เรียกว่าผิดแผนงานของคุณเอง การเดิน การนอน กําหนด พุทโธแบบนั้น เป็นการเจริญสติ คือคุณแค่กําหนดรู้พุทโธเท่านั้น แค่กําหนดรู้ สมาธิหรือสมถะ เป็นอาการของความสงัดนะครับ ตื่นนอนมาลุกจากที่นอนเดินไปห้องนํากลับมานอนต่อ อาการของร่างกายไม่สงัดสมาธิจะเกิดได้อย่างรัย
    ลุกจากที่นอนเพราะปวดห้องนําอารมมันก็จะไปแต่ที่ห้องนํา ทําธุระเสร็จอยากนอนต่อ อารมมันก็เพ่งแต่จะไปที่นอน ความนิ่งของความต้องการมันสั้นเกินกว่านักปฏิบัติทั้งของตัวผมเองและของคุณนัน จะจับเอาเป็นอารมณ์สู้องค์ฌานได้

    คุณนันทิยา ผมไม่ทราบว่าผมอ่านชื่อคุณผิดมั้ย เอาชื่อแม่นี้ประดับประทับตัว
     

แชร์หน้านี้

Loading...