ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

เห็นด้วยกับทั้งคุณทางสายธาตุและคุณจงรักภักดี ค่ะ

ควรจะเน้นเฉพาะองค์พระรูปของพระนาง มากกว่าฉากหลังนะคะ นี่ถ้าพระสาทิส

ลักษณ์ของพระนางที่คุณทางสายธาตุ ได้นำมาโพสต์ไว้ ไม่มีภาพในฉาก

หลังตามที่ปรากฎด้วยแล้ว พระสาทิสลักษณ์ของพระนางจะมีความโดดเด่นเป็น

สง่าเพียงใด ค่ะ

อีกหนึ่งความคิดนะคะ

ขออนุโมทนากับทุกๆท่าน โดยเฉพาะคุณน้องโมเย ที่พิธีถวายพระแสงของ้าว

จำลองสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และอย่างสมพระเกียรติมากค่ะ

 

อนุโมทนาค่ะคุณพี่ ศรัทธา_พิสุทธ์

 

...............................<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>

พระพุทธศาสนามีความหมายต่อผมมาก ผมเริ่มสนใจตั้งแต่สมัยไปเรียนนิวซีแลนด์ตอนเด็กๆ เป็นเรื่องแปลกที่ยิ่งอยู่ไกลบ้านเท่าไรก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นถึงความเป็นบ้านเราว่าชาติ ศาสนา สถาบัน สังคมและเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ทั้งที่ตอนเรียนประถมในเมืองไทยก็ไม่เห็นอยากรู้ “ฟังแต่ยังไม่เชื่อ” คือคำพูดที่ครูสมัยประถมเขียนไว้ในสมุดพกของผม เมื่อโตขึ้น ผมถึงได้เข้าใจว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและผลที่ต้องใช้ความเข้าใจ ไม่ใช่ศาสนาแห่งความเชื่อเหมือนบางศาสนา

เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อนฝรั่งที่ MIT ถามว่า ทำไมพระต้องโกนหัวด้วย เหตุผลคืออะไร หลังไตร่ตรองคำถาม ผมก็ตอบว่า เพื่อไม่ให้ยึดมั่นถือมั่น ไม่ให้ติดกับความสวย ความงาม ความสุข เพราะศาสนาพุทธให้เหตุผลว่า “จีรังคืออจีรัง” ไม่มีอะไรแน่นอน เพื่อนฝรั่งช่างสงสัยถามต่อ “แล้วเวลาสวดมนต์งึมงำๆ เข้าใจไหมว่าสวดอะไรอยู่” ผมตอบว่าไม่รู้ เขาเลยถามต่อ “แล้วสวดทำไม” ในศาสนาของเขานั้นการสวดอธิษฐานก็เหมือนร้องขอต่อพระเจ้า ถ้าตัวเองไม่เข้าใจแล้ว พระเจ้าจะเข้าใจได้ยังไง ต่อคำถามนี้ ผมเลยทึกทักเอาเองโดยพิจารณาจากการไปนั่งสมาธิกับคุณแม่สิริ กรินชัย ว่า การที่เราเปล่งเสียงพยัญชนะ ม อ ย น ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในสมอง เหมือนการเล่นโยคะแล้วต้องเปล่งเสียง “โอม” ทุกครั้งหลังฝึกเสร็จ เพื่อให้ของเสีย ไขมัน สิ่งแปลกปลอมหรือ “กรรม” (สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า กินมากเกินทางสายกลาง) หลุดออกมาเป็นหลักวิทยาศาสตร์ที่อธิบายได้ ไม่ใช่เรื่องงมงาย
ที่คนโบราณบอกว่าสวดมนต์แล้วได้บุญนั้น ในความคิดของผมคิดว่า คำว่าได้บุญคือการมีความสุขในการจดจ่ออยู่กับบทสวด ทำให้เราอยู่กับปัจจุบัน ไม่คิดถึงอดีตที่แก้ไม่ได้หรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ทั้งยังเป็นการใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ที่บอสตันมีวัดไทยอยู่ 2 - 3 วัด เมื่อมีเวลาผมจะไปนั่งสมาธิเพื่อให้หายคิดถึงบ้าน นั่งเสร็จก็ได้บุญทันที เพราะสมองปลอดโปร่ง ตัวเบา เหมือนได้พักผ่อนไปในตัว
เชื่อไหมว่าฝรั่งนั่งสมาธิเก่งกว่าคนไทยที่เป็นชาวพุทธแท้ๆ เสียอีกจะสวดบาลีบทไหนเขาต้องเข้าใจก่อน โดยเฉพาะการสวดแบบทิเบตนั้นฝรั่งให้ความสนใจมาก เพราะเป็นพระพุทธศาสนาแบบ “องค์รวม”รักษาทั้งจิต ทั้งกาย ก่อนนั่งจะมีพิธีคล้ายๆ “สุริยนมัสการ” แบบโยคะนั่งเสร็จก็ทำพิธีอีกครั้งหนึ่ง
จนถึงตอนนี้ ผมต้องขอขอบคุณองค์กรยุวพุทธฯที่ได้สอนผมเกี่ยวกับศาสนา ผมเคยไปเข้าแคมป์ของคุณแม่สิริเมื่อ 5 ปีที่แล้ว 7 วัน 7 คืน คนรอบข้างทักว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ผมบอกเปล่า แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเวลาไหว้พระแล้วต้องจุดธูป จุดเทียน หรือนั่งนิ่งๆ รู้ว่าเวลาทำแล้วรู้สึกดี แต่ไม่เข้าใจว่าทำเพราะอะไร พอมีเวลาว่างเลยลองไปหาคำตอบก่อนไปมีคนทักว่า “เขาเข้มงวดมากนะ เผลอๆ จะมากกว่าบวชอีก”
จนไปถึงสถานที่ถึงได้เข้าใจ เพราะริบทั้งมือถือ ริบหนังสือ และต้องเปลี่ยนเป็นชุดขาว ห้ามพูด 7 วันติดต่อกัน (ยกเว้นกับอาจารย์วันละนิดหน่อย) ต้องตื่นตีสี่ เข้านอนหนึ่งทุ่ม ใครจะคิดว่าอยู่เฉยๆ จะทำให้ทุกข์ขนาดนี้ “ร้อน นอนก็ไม่สบาย เตียงแข็ง” ทำได้วันเดียวก็ทนไม่ไหวจะหนีกลับบ้าน พอเปลี่ยนมาใส่ชุดของตัวเองเสร็จก็เก็บกระเป๋า กำลังจะเดินไปเรียกคนมารับกลับบ้าน อาจารย์ปู่ท่านหนึ่งเดินเข้ามาถาม
“ทำไมไม่ไปเดินจงกรมกับเพื่อนล่ะ” ผมตอบกลับ “ด้วยความเคารพครับ ผมรู้สึกเหนื่อยและทรมาน อยากกลับบ้าน”
“คืนแรกเลยเนี่ยนะ” อาจารย์ปู่ถาม “ครับ” ผมตอบ
“ตามใจละกัน” แล้วอาจารย์ปู่ก็ผละไป แต่ก่อนไป ท่านหันกลับมาถาม “เป็นนักกีฬาเหรอเราน่ะ” “ครับ ตอนนั้นบ้าขี่จักรยานเสือภูเขา เลยฟิตเป็นพิเศษ”
“ใจไม่แข็งแรงเท่าร่างกายนะ” ว่าแล้วอาจารย์ปู่ก็เดินไป
ผมอึ้งและนิ่งไปพักหนึ่ง ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม ก่อนจะรื้อของออกจากกระเป๋าอย่างเสียบุคลิก แล้วกลับมาใส่ชุดขาว หลังจากนั้นก็เดินลงไปห้องปฏิบัติ ค่อยๆ เข้าไปอยู่ในแถว เริ่มเดินจงกรมแบบเก้ๆ กังๆขณะที่ใจยังเต้นตุ๊บๆ จากคำพูดดูถูกดูแคลนของอาจารย์ปู่ไม่หาย แต่จนถึงทุกวันนี้ผมยังระลึกถึงและขอบคุณคำพูดของอาจารย์ปู่ ที่ทำให้มีแรงฮึดฝึกฝนตนเองจนครบ 7 วันได้ การทำสมาธิทำให้ชีวิตผมช้าลงกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึงน้อยลง เลิกละอายใจกับอดีตที่ผ่านไปแล้วและทำอะไรไม่ได้ หรือถ้านึกได้เมื่อไรก็จับลมหายใจเข้าออก ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ ไม่กดดันตัวเอง เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล เด็กที่ “ฟังแต่ยังไม่เชื่อ” อย่างผมได้สัมผัสพุทธศาสนากับตัว
ทำให้ผมรู้ว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาวิทยาศาสตร์ เป็นเหตุผลมากกว่าความเชื่อ จะจริงไม่จริง เรื่องนี้คุณผู้อ่านต้องลองพิสูจน์ด้วยตัวเองครับ​

</TD><TD></TD></TR><TR><TD></TD><TD><HR>จดหมายจากฮาร์เวิร์ด No.652 (1 APRIL 2010)</TD></TR></TBODY></TABLE>

แหล่งที่มา SudSapDa.com :: Hot Story

 

ได้อ่านพบบทความดีๆเกี่ยวกับพุทธศาสนา ขอนำบางตอนมาฝากกันครับ

.......ลำดับแรกเป็นการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับความสำคัญของกรุงราชคฤห์ เพื่อให้สาธุชนได้ทราบว่า ณ ที่แห่งนี้เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาในสมัยที่พระพุทธเจ้าเริ่มประกาศพระศาสนา จนถึงวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ

เมืองนี้ในอดีตเคยเป็นมหานครที่มั่งคั่งสมบูรณ์ทางด้านเศรษฐกิจ พืชพันธ์ธัญญาหาร ล้อมรอบไปด้วยภูเขา 5 ลูก คือ เขาคิชกูฏ อิสิคิริ ปัณฑวะ เวภาระ เวปุลละ จึงมีผู้เรียกเมืองราชคห์อีกชื่อว่า ปัญจคีรีนคร ที่นี่จึงเป็นสมรภูมิที่มั่นคงทางการทหาร มีกำลังรบที่ทรงแสนยานุภาพ

เมืองราชคฤห์เป็นเมืองที่ตั้งวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา เป็นที่ตั้งกุฏิของพระพุทธองค์ เป็นสถานที่ที่แสดงโอวาทปาฏิโมกข์ จนก่อกำเนินวัดมาฆบูชา ที่แห่งนี้เองที่พระมหาโคดมทรงแสดงพระสูตรสำคัญๆหลายพระสูตรตลอดพระชนม์ชีพ และยังเป็นสถานที่ใช้สังคายนาครั้งแรกเพื่อรวบรวมพระธรรมวินัย หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานได้ 3 เดือน ฯลฯ

เมืองราชคฤห์จึงเป็นพื้นดินศักดิ์สิทธิ์ รองรับคำสั่งสอนของพระอริยเจ้ามาโดยตลอด เป็นเมืองที่ปักหลักความเจริญมั่งคั่งแห่งพระศาสนา เมื่อสายลมแห่งพระธรรมวินัยเจือจางหายไปนับพันปี และบัดนี้ กำลังจะโบยบินกลับคืนมาด้วยพระนักปฏิบัติรุ่นใหม่จากเมืองไทย จึงสมควรเหลือเกินที่เราชาวพุทธทั้งหลายพึงจะมีส่วนร่วมในการถือกำเนิดพระอุโบสถอีกหลังหนึ่งซึ่งจะเป็นหลังแรกในโลก ที่จะมีหน้าที่หลากหลาย ทั้งประดิษฐานพระประธาน ศูนย์รวมจิตใจ เป็นโรงเรียนธรรมะและพิพิธภัณฑ์ พระพุทธศาสนา......


ขอขอบคุณแหล่งที่มา Daily News - Manager Online

 

ใกล้จะถึงวันอาสาฬหบูชา (26 ก.ค.) และวันเข้าพรรษา (27 ก.ค.) ขอถือโอกาสนำบทความทางธรรมมาฝากกัน ครับ


<TABLE style="BORDER-RIGHT: #cccccc 1px solid; BORDER-TOP: #cccccc 1px solid; BORDER-LEFT: #cccccc 1px solid; BORDER-BOTTOM: #cccccc 1px solid" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 20px" background=../images/bgMenu.jpg colSpan=2 height=30>

..:: ข้อคิดมุมมอง..เพื่อปัญญา​

​

</TD></TR><TR><TD style="PADDING-RIGHT: 10px; PADDING-LEFT: 10px; PADDING-BOTTOM: 10px; PADDING-TOP: 10px" colSpan=2><TABLE class=content cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #e2e2e2 1px solid">

พวกเธอจงเพียรเผากิเลส อย่าได้ประมาท อย่าเป็นผู้ร้อนใจ ในภายหลังเลย.. ​

​

คำตรัสที่ดูง่ายๆฟังเข้าใจแต่เชื่อไหมว่าหลายคนไม่เข้าใจ เถียงกันไม่จบ


เพราะคำจากพระโอษฐ์ ทุกเนื้อคำมีความหมายทั้งหมด ลองมาดูกัน เอาแค่ส่วนเดียว


นั่น โคนไม้ นั่น เรือนว่าง พวกเธอจงเพียรเผากิเลส อย่าได้ประมาท อย่าเป็นผู้ร้อนใจ ในภายหลังเลย


ในมรรคข้อที่๒ สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ หนึ่งในนั้นคือ เนกขัมมะสังกัปปะ คือดำริในการออกจากกาม นั่น โคนไม้ นั่น เรือนว่าง ท่านให้เราพรากออกจากกาม ที่เราเมาหมกอยู่ เราจึงจะเห็นโทษของมัน คนเสพยาเวลาอยากยาก็เสพ อยากยาก็เสพ เขาจะไม่เห็นโทษจนกว่ายาจะไม่สามารถตอบสนองความอยากได้อีกซึ่งนั่นแปลว่ายาจะพบความวิบัติอย่างแน่นอน


แต่เมื่อพรากออกจากสิ่งที่เคยคุ้น สิ่งที่เห็นคือความอยาก กระวนกระวาย เบื่อ ร้อนใจอยากกลับไปได้อย่างเดิมๆอีก ถึงตรงนี้จะเริ่มทุกข์ล่ะ จุดนี้สำคัญมาก นี่คือรอยต่อสำคัญที่เข้าใจกันผิด แต่ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับจะเห็นว่าสิ่งนี้เป็นทุกข์ จึงแสวงหาสิ่งเสพติดเพื่อสนองความอยากเหมือนคนติดยา หลังจากตอบสนองอยากแล้วได้พบความสุข(สุก) ดังนั้นไม่ควรทุกข์นะ (ถ้าอนาคตล่ะก็ใช่) ก็มาตีความเหมาเอาว่าปฏิบัติธรรมแล้วทุกข์นั่นปฏิบัติผิดแล้ว อย่าไปฝืนมากเพราะมันคือทุกข์


ความจริงที่ท่านให้พรากออกมาจากกามก็เพื่อให้เห็นว่าการหลงติดอยู่นั่นเป็นทุกข์ การไม่ตอบสนองตัณหานั้น ตัณหาจะส่งนิวรณ์๕(อธิบายไว้แล้วในบทก่อน)มาทำให้เราเร่าร้อนทนไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องไปหาสิ่งมาตอบสนองเขาในที่สุด แต่การไม่ตอบสนองด้วยความอดทน(ขันติ)นั่นกลับทำให้กิเลสอ่อนกำลังลงเพราะถูกไฟเดียวกันนั่นล่ะเผา ทีนี้มันอยู่ที่ว่าไฟนั้นที่กำลังเผาอยู่ ใครแน่กว่ากัน ถ้าเราอินทรีย์แก่ ไฟนั้นจะไปเผากิเลสด้วยความอดทนไม่ยอม ในที่สุดเมื่อกิเลสโดนเผาบ่อยๆเราจะเห็นว่า ต่อไปเราจะเอาก็ได้ไม่เอาก็ได้ ซื้อก็ได้ไม่ซื้อก็ได้ กินก็ได้ไม่กินก็ได้ ไม่เดือด(เนื้อ)ร้อน(ใจ) สถานการณ์จะเปลี่ยนคือถ้าจะซื้อก็ไม่ได้ซื้อตามอำนาจของตัณหาความอยากเพราะมันเผาเราบีบเราไม่ได้ กลายเป็นการตัดสินใจจะซื้อหรือไม่ซื้ออยู่ที่สติปัญญาเหตุผล ถ้าต้องซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็เดินไปเลย ไม่หวนคิดอีก เพราะไม่มีตัณหา


เห็นรึยังว่า คำสอนนี้ต่างกันนิดเดียวตรงจุดเปลี่ยน เมื่อพรากแล้วเห็น เช่นไปปฏิบัติธรรมแล้วเบื่อ เมื่อเบื่ออยากกลับบ้าน เมื่อได้กลับบ้านแล้วมีความสุข....​

แหล่งที่มา �Թ�յ�͹�Ѻ������� ����䫴��ǹ�Թ�ո���​

อนุโมทนา สาธุ​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

เห็นคำว่ากรุงราชคฤห์ซึ่งกำลังติดใจคำนี้ ตั้งแต่แรกอ่านหนังสือชื่อ จดหมายเหตุ เรื่องพระราชไมตรีระหว่างกรุงสยามกับกรุงจีน และ นิราศพระยามหานุภาพไปเมืองจีน โดยที่หน้า54 เขียนไว้ว่า

" สรวมชีพบังคมบรมนารถ ด้วยภักดีชุลีลาบาทอภิวาท ขอเบื้องพระบารมี เป็นร่มโพธิ์สุวรรณกั้นเกศ ไปประเทศกวางตุ้งกรุงศรี เป็นจดหมายมาถวายด้วยภักดี ตามที่ได้สดับเดิมความ แรกราชดำริตริตรองถวิล จะเหยียบพื้นปัถพินให้งามสนาม จะสร้างสรรค์ดังสวรรค์ที่เรืองราม จึงจะงามมงกุฏอยุธยา เมื่อไอศูรย์สมบูรณ์ด้วยสมบัติ กับกษัตริย์ราชคฤ(1) คฤาหา เคยร่วมพื้นยืนแผ่นสุวรรณมา แต่นิราเสื่อมเศร้ามาเนานาน เสื่อมสนองโดยครองกษัตริย์ชาติ เสื่อมราชไมตรีไม่มีสมาน เสื่อมสวาทขาดมาก็ช้านาน จะประมาณยี่สิบสี่ปีปลาย จึงทรงคิดจะติดความตามปฐม สำหรับราชบรมกษัตริย์สาย จึงแผ่พื้นสุวรรณพรรณราย เอาแยบคายฝั้นเฝือเป็นเครือวัลย์ เอาทับทิมแทนใบใส่ดอกเพชร งามเสร็จสมบูรณ์ทุกสิ่งสรรพ์ งามทางทั้งจะสร้างเขตคัน งามสรรค์ทรงคิดคดีงาม ควรเป็นจอมจุลจักราราช แล้วเสด็จบัลลังก์อาสน์ออกสนาม แย้มพระโอษฐ์ประดิพัทธ์แล้วตรัสความ อำมาตย์หมู่มีนามประนมฟัง ได้ยินพร้อมยอมอวยแล้วอภิวาท กราบบาทด้วยคำนับแล้วรับสั่ง ทูลโดยลำดับมาเป็นตราตรัง ที่หยุดแล้วจะยั้งยืนควร จึงพระบาททรงราชนิพนธ์สาร เป็นตะพานนพคุณควรสงวน ให้เขียนสารลงลานทองทวน จัดส่วนบรรณาการละลานตา อนึ่งนอกจิ้มก้องเป็นของถวาย ก็โปรยปรายประทานไปหนักหนา ทั้งนายห้างขุนนางในนครา ให้มีตราบัวแก้วสำคัญกัน แล้วจัดทูตทูลคำให้จำสาร บรรณาการพร้อมสิ้นทุกสิ่งสรรพ์ ทั้งของแถมแนมความนั้นงามครัน เป็นกำนัลถวายนอกบรรณาการ"

(1) : หมายถึงประเทศจีน คติโบราณเรียกประเทศจีนว่า ราชคฤห์ มีปรากฏในหนังสือเก่าๆ คฤาหาเป็นสร้อยคำของราชคฤห์

ประเทศจีนมีแต่วัดพุทธทำพิธีกรรม แต่วัดพุทธสำหรับการทำวิปัสนากรรมฐานยังไม่มี ในสมัยปฎิวัติวัฒนธรรม วัดพุทธและพระสงฆ์สูญหายไปมาก พระธิเบตที่ปฎิบัติเคร่งครัดทางการจีนก็ไม่ค่อยจะยอมรับ หากทางการประเทศจีนยอมรับในการปฎิบัติของชาวพุทธในประเทศไทยในเรื่องกรรมฐานว่าเป็นสิ่งดีสำหรับคนจีนแล้ว ประเทศไทยอาจจะมีส่วนช่วยประเทศจีนตั้งวัดพุทธเพื่อปฎิบัติกรรมฐานสอนคนจีนให้รู้จักจะได้มีความสุขกันถ้วนหน้า ถ้าเป็นอย่างนี้ได้คงจะดีมาก ความสัมพันธ์ไทย-จีนจะยิ่งแน่นแฟ้นนะคะพี่จงรักภักดี

ป.ล. เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจะต้องเปลี่ยนสีความคิดเห็นส่วนตัว ต่อไปนี้จะใช้สีม่วงแทนความคิดเห็นส่วนตัวของทางสายธาตุนะคะ เพิ่งจะรู้จากการไปวัดท่าใหม่อิว่าสีเขียวเป็นสีทรงโปรด ทางสายธาตุเห็นว่าตัวเองไม่ควรจะใช้สีเขียวแทนความเห็นส่วนตัวอีกต่อไป ขอใช้สีม่วงแทนความเห็นส่วนตัวตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปค่ะ

 

เพลงบูชาสักการะ รอยพระพุทธบาท

[MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=41789[/MUSIC]​

ระลึกถึงพระพุทธบาทสี่รอยที่ได้ขึ้นไปสักการะ ด้วยความใจดีของหมวดเจี๊ยบและท่านพี่จงรักภักดี ทำให้ได้ขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทสี่รอย สุดยอดดินแดนแห่งพุทธศาสนา ไปให้ได้นะคะทุกคน​

เมื่อเช้าก็อีกนั่นแหละ ฟังรายการวิทยุระหว่างขับรถกลับจากวัดป่ามณีกาญจน์ ในวิทยุเล่าว่า พระพุทธเจ้าสมณโคดมทรงเสด็จประทับรอยพระพุทธบาทไว้ 5 แห่ง พระพุทธบาทสี่รอยที่จังหวัดเชียงใหม่คือหนึ่งในห้าของโลกนี้ค่ะ ขนลุก​

ข้าพเจ้าขอวันทาสักการะพระพุทธเจ้าด้วยจิตเคารพอย่างสูงยิ่งและด้วยเศียรเกล้า

http://palungjit.org/threads/เพลงบูชาสักการะ-รอยพระพุทธบาท.4629/​

 

ได้นำความเห็นของคุณพี่ไปเรียนพระมหาฤทธิชัยแล้วนะคะ ท่านเห็นดีด้วยค่ะ

 

รอยพระพุทธบาท

พระพุทธบาทเขาคิชฌกูฎ จ. จันทบุรี

พระพุทธบาทเขาสุวรรณบรรพต จ. สระบุรี

พระพุทธบาทตากผ้า จ. ลำพูน

พระพุทธบาทบัวบก จ. อุดรธานี

พระพุทธบาทสี่รอย พระพุทธบาทเก่าแก่ที่สุดในไทย จ. เชียงใหม่


http://www.chanforchan.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538621410&Ntype=5

Religion - Prabat

Religion - Prabat

Religion - Prabat

BlogGang.com : : -*-Superbaker : ?Ð?ط??ҷʕ胍 ?Ð?ط??ҷࡨҡ?跕芘?㹤? ...

 

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระนางมณีจันทร์





พระบรมรูปเขียนสมเด็จพระนเรศวรและพระรูปเขียนพระนางมณีจันทร์ (ภาพร่างที่สอง) พอวางคู่กันแล้วพระนางทรงมีพระวรกายใหญ่กว่าสมเด็จฯ ต้องปรับอีกหน่อย รอความเห็นน้องโมเยและพี่ๆน้องๆก่อนแล้วจะปรับละเอียดอีกครั้งเพื่อพิมพ์จริงค่ะ

 

ถ้าเมฆขาวก้อนใหญ่ที่อยู่แนวพระเศียรของทั้งสองพระองค์จะจางลงอีกสักหน่อย ให้ดูเหมือนเป็นก้อนเมฆที่ลอยอยู่ไกลๆ เหมือนหมู่เมฆทางด้านซ้าย
ไม่ทราบว่าจะดูดีไหมครับ

 

รู้สึกสงสารพระมหาฯเหมือนกันค่ะ ท่านไม่มีคอมพิวเตอร์ของท่านเอง จะทำภาพอะไรก็ไม่ค่อยได้ดั่งใจ

นึกได้อีกอย่าง จะคิดมาเกินเลยไปหรือเปล่า ที่ว่าหลังบ้านตึกจีนของเจ้าขรัวฯ(พระนาง) เป็นคลองนายก่าย จริงๆไม่ใช่หลังบ้าน เป็นข้างบ้าน หมายถึงถ้าหันหน้าเข้าบ้านตึกจีนนี้ ซ้ายมือจะเดินไปย่านการค้ากรุงศรีฯบาร์ซาร์ เดินไปทางขวาไปท่าเรือส่วนตัว คลองนายก่าย

ทีนี้นึกได้แต่ไม่รุ้จะจริงแค่ไหน เพราะท่านพ่อของเจ้าขรัวฯนั้นได้ปรับปรุงสภาพบ้านตึกจีนหลังนี้ไว้ก่อนมาอยู่นานแล้วพร้อมกับขุดคลอง ท่านถนัดการขุดคลองตั้งแต่ยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นราชเลขาธิการเอกในพระจักรพรรดิ เสินจง เรียกตำแหน่งนี้ว่า 內閣; pinyin: Nèigé (เน่ยเก๋อ) ฟังดูคล้ายๆ นายก่าย ไหมคะ ... ความคิดเห็นส่วนตัว โปรดใช้วิจารณญาน

 

กำหนดการบวงสรวงที่วัดเจ้าชายและที่วัดวรเชษฐ์ วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๔

งานบวงสรวงที่วัดเจ้าชายและวัดวรเชษฐ์ วันที่ 25 เมษายน 2554 ต้องประชาสัมพันธ์เนิ่นๆค่ะ เพราะเลี้ยงพระเยอะมาก น้องอ๊อฟแจ้งมา คือยังมึนอยู่กับจำนวนพระสงฆ์ ทางสายธาตุเคยเลี้ยงพระ ๙ รูป แต่ ๙๙๙ รูปยังไม่เคยทำมาก่อน

พระสงฆ์ ๙๙๙ รูป จริงหรือคะ น้องอ๊อฟ

 

การจัดพิมพ์พระบรมรูปเขียนและพระรูปเขียนสำเร็จแล้ว ขณะนี้พระอาจารย์พระมหาฤทธิชัย กำลังจัดส่งไปให้น้องโมเย สาธุ
หลวงพี่ท่านทำจนสวยงามแล้วค่ะ ทางสายธาตุรอน้องโมเยโพสนะ เพราะว่าพระรูปที่คุณน้องได้ไปเป็นเวอร์ชั่นอัพเดทกว่าของพี่

ดีใจจัง พระบรมรูปเขียนของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระรูปเขียนของพระนางมณีจันทร์จะได้ประดิษฐานเคียงกันเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ วัดท่าใหม่อิ ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่

 

มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการพระราชทานสมญานามให้ทหารคนสนิทของสมเด็จพรนเรศวรมหาราช ทหารคนที่พระองค์ทรงเรียกใช้บ่อยๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็น่าจะมียศมีตำแหน่ง ชื่อยาวๆกันทั้งนั้น ที่นี้พระองค์จะเรียกใช้เพื่อที่พระองค์เองจะได้ง่ายในการออกพระโอษฐ์ ทรงพระราชทานสมญานามให้ รู้มา ๓สมญานาม แอบฟังเขามาเล่าแต่ไม่รู้จะเล่าดีหรือเปล่าค่ะ เพราะเป็นความรู้จากผู้อื่นแอบจำเขามาเล่า อยากรู้ไหมคะว่ามีสมญานามอะไรบ้าง และมีพฤติกรรมอย่างไรจึงได้สมญานามนั้นๆ

 

พี่โมขอ อนุโมทนา ในบุญกุศล ทั้งหมดทั้งมวล ที่น้องอ๊อฟได้ สร้างขึ้นด้วย ค่ะ

 

ขออนุโมทนาด้วยค่ะ เมื่อวานได้สนทนากับหลวงพี่วัลลภวัดวรเชษฐ์เล็กน้อย พระท่านเพิ่งจะทราบจากพี่ว่าในปีหน้าจะมีงานบุญใหญ่ ท่านยังพูดเล่นว่าสงสัยจะเป็นงานบุญเปิดวัด คือในความคิดของทางสายธาตุแล้วมีความรู้สึกว่า หลวงพี่วัลลภกับพระมหาฤทธิชัยท่านทั้งสองนี้มีความคล้ายกันตรงที่ท่านคุยสนุกและชอบพูดให้ญาติโยมสนุกสนานสำราญใจ สนทนากับท่านได้ไม่เบื่อเลย

ตอนนี้แปะทองที่หน้าตัวเองมาได้หลายสิบใบแล้ว ได้เคล็ดลับสิวเม็ดไหนกำลังอักเสบให้ปิดทองจะหายปวดทันที แม้ทองคำเปลวอย่างดีนี้จะแพงแต่ก็ถือว่าถูกกว่าไปมาร์คหน้าทองคำตามร้านสปานะคะ

ทางสายธาตุต้องออกจากบ้านก่อนหกโมงเช้าค่ะ ถนนรัตนาธิเบศธ์กำลังลงเสารถไฟฟ้า BTS รถติดมหาศาล

 

มาถึงที่ทำงานด้วยความรวดเร็ว ใช้เวลาเดินทางไปประมาณชั่วโมงเศษๆ วันนี้ขับรถออกมาทางถนนแจ้งวัฒนะเร็วกว่าไปทางรัตนาธิเบศธ์มาก

ดีใจมากๆเลยที่จะมีงานบุญใหญ่ที่วัดวรเชษฐ์และวัดเจ้าชาย สายบุญเริ่มหลั่งไหลมาพัฒนาวัดที่สำคัญมากๆสองแห่งนี้ ดีใจจนขนลุกค่ะ ทั้งดีใจและปลื้มใจ

ลูกศิษย์พระอาจารย์วัลลภจะมีพิธีบวงสรวงสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในวัoพฤหัสบดีที่ 22 กรกฏาคม 2553 นี้ คงจะเริ่มพิธีกันตั้งแต่เช้าตรู่ ทางสายธาตุเคยไปต้องไปให้ถึงสักไม่เกิน 6 โมงเช้าที่วัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ) อันนี้เป็นไปตามแรงจิตศรัทธาและเคารพรักเทิดทูนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งใครจะทำสิ่งดีๆอะไรถวายพระองค์ท่านก็ตาม ทางสายธาตุขอร่วมอนุโมทนาด้วยค่ะ

 

ได้แบนเนอร์น้องอ๊อฟมาเมื่อไร จะขอปรึกษาพี่จงรักภักดีว่า ทางสายธาตุจะไปติดต่อขออนุญาตเจ้าของสถานที่เพื่อไปติดแบนเนอร์นี้ที่กองบัญชาการกองทัพไทยถนนแจ้งวัฒนะ ได้หรือไม่ค่ะ แล้วก็ยังมีศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะอีกที่น่าไปติดไว้ เพื่อประชาสัมพันธ์ไว้แต่เนิ่นๆค่ะ

 

ถ้าเป็นงานบุญงานกุศลที่มีกุศลเจตนาเพื่อเทิดพระเกียรติและรำลึกถึงพระองค์ท่านโดยปราศจากสิ่งเคลือบแฝง และเป็นไปอย่างสมพระเกียรติแล้ว สิ่งใดที่
สมควรทำ เราก็ต้องทำครับ สำหรับเรื่องที่กองบัญชาการกองทัพไทย แนะนำ
ให้คุยกับท่าน พลตรีพิจิตร ขจรกล่ำ เมื่อมีความชัดเจน แล้วก็อย่าลืมท่านหลัก
แก้ว ด้วยนะครับ ท่านน่าจะช่วยกระจายข่าวได้เยอะ