NEW ! NEW AGE PLUS+ พลังงานใหม่ พลังงานอิสระ.. GRAND NATURE ..

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Little Duck, 25 กุมภาพันธ์ 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. where?

    where? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    299
    ค่าพลัง:
    +883
    ค้นพบตัวเอง

    การค้นหาตัวตนของเราให้พบ หรือการรู้จักตนเองนั้น หมายถึงการหาให้พบว่าเราคืออะไร? ไม่ใช่หาว่าเราคือใคร?ท่านอาจารย์อนาลัยได้สอนให้เราตรวจสอบความเชื่อเสมอๆเพราะท่านกล่าวว่าความเชื่อที่ผิดทำให้เราเข้าใจในธรรมชาติความเป็นจริงได้ยากการค้นพบตัวตนที่แท้จริงไม่ใช่การค้นพบว่าเรามีอดีตชาติความเป็นมาในชาติภพอื่ิ่นๆเป็นใครเพราะไม่ว่าเราจะรู้เห็นว่าเราเป็นใครกี่แสนชาติภพ มันก็ไร้ประโยชน์เพราะเราไม่อาจรู้เห็นครอบคลุมตัวตนของเราได้หมดทุกชาติภพ-อย่างเป็นอนันต์หากจะค้นหาว่าการเป็นใคร ในชาติภพใดเป็นเหตุที่ก่อให้เกิดผลในการเป็นเราในปัจจุบันชาติก็เรียกได้ว่าเป็นการได้ข้อมูลที่จิบจ้อยมาก เพราะมันขาดหายตกหล่นและไม่พอเพียงที่จะระบุการเป็นบุคคลตัวตนในปัจจุบันของเราได้เลยเพราะทุกชาติภพเกี่ยวพันกันหมด และส่งผลกระทบต่อการเป็นบุคคลตัวตนในปัจจุบันของเรา

    ความรู้เกี่ยวกับการเป็นใครจึงไม่สามารถทำให้ตัวตนในปัจจุบันเป็นอื่นไปได้นอกจากเป็นเรา-ในปัจจุบันนี้ผู้มีจุดยืน มุมมองอันเป็นเอกลักษณ์มีวิถีชีวิตและกำลังเผชิญกับความท้าทายในทิศทางจำเพาะที่เราเลือก สำหรับชาติภพนี้

    แต่ความรู้เกี่ยวกับการเป็นอะไรทำให้เราสามารถที่จะ-เลือก-สร้างสรรค์และควบคุมวิถีชีวิตใน
    ปัจจุบันนี้ได้โดยไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของความไม่รู้ว่า ประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของเรามาจากไหน? เรามาอยู่ ณ จุดนี้เพื่ออะไร? หน้าที่ในชาติภพนี้ของเราคืออะไร? และเราจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดได้อย่างไร?

    เราจะตระหนักได้ว่าจากจุดยืนและมุมมองอันเป็นเอกลักษณ์ในชาติภพนี้เราจะนำความรู้ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ของเราไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุดเพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตของเราได้อย่างดีที่สุด

    พวกเราจำนวนมากพยายามค้นหาตลอดชีวิตว่าเป้าหมายของการมาถือกำเนิดของเราคืออะไร ? หน้าที่ของเราคืออะไร ? คำถามเหล่านี้มักนำพาให้เราค้นหาอาชีพ ค้นหากิจกรรมและค้นหาความสามารถพิเศษที่จะทำให้เราเป็นบุคคลตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ผู้บรรลุเป้าหมายอันสูงสุดในชีวิตได้ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเราซึ่งจะเรียกว่าค้นหาความรู้ความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์ที่ดีที่สุดของเราก็คงไม่ผิดแต่ก็มีพวกเราจำนวนมากที่แม้จะพบเป้าหมายนั้นๆแล้ว พบหน้าที่แล้วกลับหลงทางไปเพียงเพราะเขากลับไปจดจ่อที่เงินทอง ชื่อเสียง ลาภยศและประโยชน์สุขส่วนตนในระดับกายภาพซึ่งหยิบฉวยเอาได้ระหว่างทางที่เขาจะดำเนินไปสู่เป้าหมายและหน้าที่สูงสุดแต่มันกลับทำให้หลงออกนอกลู่นอกทางไป

    การจดจ่อในทิศทางเหล่านี้นอกจากจะทำให้เขาหลงทางไปจากเป้าหมายที่แท้จริงของการมาถือกำเนิดและหลุดไปจากหน้าที่ที่เขาเลือกแล้วยังทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดในชีิวิตได้ เพราะตามธรรมชาติแล้วการค้นพบเป้าหมายและหน้าที่ที่แท้จริงที่เราเลือกมาถือกำเนิดมักนำพาให้เราค้นพบธรรมชาติความเป็นจริงว่า เราคืออะไร? ทำไมเราจึงเลือกมาทำหน้าที่นั้นๆ? และทำให้เราค้นพบต่อไปอีกด้วยว่าความสามารถพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ของเราคืออะไร? และเราจะนำมันไปใช้ให้เราบรรลุเป้าหมายสูงสุดในชีวิตเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นได้อย่างไร? แต่เมื่อการจดจ่อของบุคคลหันไปจดจ่อเพียงประโยชน์สุขของตนเองการจะบรรลุเป้าหมายที่สูงสุดนั้นจึงไปไม่ถึง

    การค้นพบเป้าหมายสูงสุดและหน้าที่ที่เราเลือกมาถือกำเนิดนี้จะนำมาซึ่งสิ่งทีี่เราพึงปรารถนาอื่นๆในชีิวิตด้วยเช่นกัน ดังคำกล่าวที่ว่า "Do what you love, money will follow." ไม่ว่าเราจะปรารถนา เงินทอง ลาภยศ ชื่อเสียงก็ไม่ใช่สิ่งที่เสียหาย มันจะเสียหายก็ต่อเมื่อเรามุ่งหวังเอา เงินทอง ลาภยศชื่อเสียง ก่อนโดยทอดทิ้งหน้าที่หรือเป้าหมายที่เราเลือกมาถือกำเนิดเพราะนอกจากเราจะไม่อาจบรรลุเป้าหมายสูงสุดของการมาถือกำเนิดในชาติภพนี้ได้แล้วยังทำให้เราพลาดที่จะได้ใช้ความสามารถพิเศษและความเป็นเอกลักษณ์ของเราไปโดยสิ้นเชิง

    ผู้ที่ตกอยู่ในสภาพดังกล่าวนี้มักรู้สึกว่าตนเองตกอยู่ในสภาพที่เรียกได้ว่า คิดแล้ว-ไม่ได้ทำ รู้แล้ว-ไม่ได้ทำทำได้-แต่ไม่ได้ทำ แม้สิ่งที่อยากจะทำคือความปรารถนาอันลุ่มลึกแต่ที่ไม่ได้ทำก็เพราะตนเองเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่เป้าหมายทางกายภาพอันได้แก่เงินทาง ลาภยศ ชื่อเสียง หรือสนองความต้องการในระดับการภาพแทนเป้าหมายทางจิตวิิญญาณผู้ที่หลงทางไปจากเป้าหมายสูงสุดของชีึวิตมักตกอยู่ในสภาพที่เรียกว่า Owe it to yourself. คือ เป็นหนี้ตนเอง หรือหาตนเองไม่พบ

    การค้นให้พบตนเองจึงหมายถึงการค้นให้พบข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพหรือค้นให้พบความรู้ความสามารถที่อยู่ในอารมณ์และความรู้สึกอันลุ่มลึกที่เราสามารถถ่ายทอดมาสู่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดของเราในปัจจุบันไม่ใช่ค้นให้พบการเป็นใคร แต่ค้นให้พบความรู้ความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองเพื่อเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์ด้วยการสร้างสรรค์และเรียนรู้คุณค่าชีวิตด้วยการเป็นผู้ที่สามารถนำความรู้ความสามารถทั้งหลายมาก่อให้เกิดประโยชน์ด้วยการให้ด้วยการรัก และด้วยการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไขซึ่งเป็นคุณสมบัติอันเป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณการค้นพบดังกล่าวนี้จะทำให้เราค้นพบคุณภาพอันเป็นอมตะของเรา

    แม้เราทั้งหลายผู้ยังเป็นร่างกายเนื้อหนังยังไม่ได้เป็นอิสระจากความปรารถนาเพราะเรายังต้องขึ้นอยู่กับความอยู่รอดทางกายภาพและจินตภาพคือยังต้องบำรุงรักษาร่างกายและจิตใจของเราอยู่นี้เราก็สามารถที่จะมีอิสระแห่งความปรารถนาได้ด้วยการเข้าให้ถึงความรู้ภายในเพราะการเข้าถึงความรู้ภายในหมายถึงเข้าถึงความสามารถที่จะถ่ายทอดข้อมูลความรู้มาจากชาติภพทั้งหลายทั้งในอดีตและอนาคตเพื่อนำมาสนับสนุนให้เรามีความสามารถที่จะสร้างสรรค์และแสดงออกได้อย่างดีที่สุด คือมีได้-เป็นได้-ทำได้อย่างดีที่สุดในปัจจุบันเพื่อบรรลุเป้าหมายสูงสุดในชีวิตในทิศทางที่ทำให้เราสามารถให้และช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นได้อย่างดีที่สุดด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไข

    การที่ความรู้ภายในจากทุกชาติภพจะหลั่งไหลมาสู่เราได้นั้นเป็นไปได้ด้วยการกำจัดความเชื่ออันจำกัดที่ขวางกั้นการถ่ายทอดอันเป็นไปอยู่แล้วอย่างเป็นธรรมชาติในทุกระดับ

    ความเชื่ออันจำกัดมักทำให้เราไม่อาจเป็นผู้ให้และรักได้โดยปราศจากเงื่อนไข
    ความเชื่ืออันจำกัดมักทำให้เราไม่อาจทำหน้าที่ได้โดยไม่เอาผลประโยชน์ของตนเองเป็นที่ตั้ง
    ความเชื่ออันจำกัดมักทำให้เราจดจ่อกับเป้าหมายทางกายภาพ มากกว่าเป้าหมายทางจิตวิญญาณและพลอยทำให้ไปไม่ถึง-ทุกเป้าหมาย

    การค้นพบตนเองคือการค้นพบธรรมชาติที่แท้จริงของจิตวิญญาณอันเป็นแก่นแท้ของเราซึ่งหมายถึงการค้นพบข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพที่เราจะสามารถถ่ายทอดมาสู่อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดในปัจจุบันเพื่อการสร้างสรรค์เพื่อการเติมเต็มช่องว่างแห่งประสบการณ์และคุณค่าชีวิตของเราได้อย่างดีที่สุดเพื่อทำหน้าที่ให้ เพื่อรักและช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นได้ในทิศทางอันเป็นเอกลักษณ์ของเราได้โดยปราศจากเงื่อนไขซึ่งเป็นคุณภาพอันเป็นอมตะของเราที่จะสถิตย์อยู่ในจิตวิญญาณตลอดไป ทุกชาติภพและทุกชีวิตนอกเหนือชาติภพ(rose)
    <V:p</V:p<O:p</O:p
     
  2. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=Amo--v55l8E&feature=related]YouTube - เพลงชัยชนะMVหน่วยรบพิเศษไทยที่ฝึกหนักที่สุด(ThaiSEALs)เเก้ไข[/ame]
     
  3. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    เห่อะๆๆ อ่านไม่ค่อยจะทันเลย ไหลไวเชียว เหมือนสติเราในยามนี้
    MV และเพลงเขาแนวดีค่ะ
     
  4. Sopasiri

    Sopasiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    449
    ค่าพลัง:
    +912

    บางสิ่ง ไม่ง่ายเสมอไป...

    1 ง่ายกว่า 2

    แต่พลัง + ก็สำคัญ
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,687
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัจจะที่ให้ไว้ ****

    เลือกทางเดินเอง ก้ต้องทำให้สำเร็จ
    ประกาศพูดว่าจะทำ คือพยากรณ์ให้กับตนเอง
    ถ้าทำไม่ได้ ถ้าไม่ทำ ก็จะทำให้ชีวิตตนเองต้องมัวหมอง
    ไม่ว่าจะเกิดอะไร ก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด ซื่อสัตย์เด็ดขาดต่อตนเอง
    การกระทำเป็นของใครของมัน ไม่มีใครทำแทนกันได้ อย่าให้เสียชาติที่ได้เกิดเป็นมนุษย์
    สัจจะนั้น ถ้าทำไม่ได้ ถ้าไม่ได้ทำ ก็จะสูญเสียโอกาสที่ยิ่งใหญ่ โอกาสที่ดีที่สุดของการมาอาศัยบนโลก

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,687
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** หยุดไป หยุดไป หยุดไป ****

    เวลานี้ ตอนนี้ ปัจจุบันนี้
    ไม่ใช่เวลาที่เรา มานั่งเสียอก เสียใจ
    เวลาที่เหลือ ควรรีบแก้ไข ปรับปรุงตัวเอง
    รีบทำให้ได้จริง หมดเวลาเล่นแล้ว รีบเดินต่อไป

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,687
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** บอกต่อๆกัน ****

    สัจจะ ไม่ใช่เรื่องลมๆ แล้งๆ
    สัจจะ เป็นเรื่องความจริง เป็นเรื่องหลุดพ้นทุกข์
    สัจจะ เป็นการปฏิบัติตน ด้วยหลักโลกุตตระธรรม
    ถ้าไม่ใช่สัจจะ ก็ยังเหมือนเดินวนๆเวียนๆอยู่ ไม่ไปข้างหน้าสักที

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,687
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** มัวหลงใหล ****

    อย่ามัวแต่หลง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ให้มากนัก
    แต่อยู่ได้ด้วยความไม่หลง คือรู้ตัวว่า ไม่หลง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,687
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** รู้จักอิ่มจักพอ ****

    พอไม่หลง ก็พอเพียง ได้เอง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  10. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ขอขอบพระคุณ คุณ WHERE ที่ได้นำข้อความของ คุณพี่นักเขียน หรือ แม่ (อุปมาอุปมัย) ของ จินตวดี จากห้อง โนวาอนาลัย (ตัวแทนของ ธรรมชาติความเป็นจริง อันคือ ความรู้อย่างแท้จริงตามธรรมชาติ) มาลงไว้ ถ้าทุกท่านอ่านอย่างพินิจพิจารณา ท่านจะค้นพบความจริงของข้อความนี้ และความจริงที่แต่ละท่านค้นพบย่อมมีความลึกซึ้งแตกต่างไปตามระดับสติสัมปชัญญะของท่านเช่นกัน

    ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่หลาย ๆท่าน เลือกที่จะปฏิบัติ ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่าน


    ความฝัน

    ข้าพเจ้านั่งรถมอเตอร์ไซค์ ไปกับ S&P มีรถตู้สีขาวคันหนึ่งบรรทุก "ลูกเสือ" ขับแซงไปด้วยความรวดเร็ว ใจข้าพเจ้ารับรู้ว่า "ท่านไปแล้ว"

    ระหว่างทาง ข้าพเจ้าให้ P ลงจากรถไปขึ้นคันใหม่ ขับมาได้ไม่นาน เจอ "ลูกหมูสีขาว" อยู่กลางถนน เลยสั่งให้ P ที่นั่งอีกคันหนึ่งลงไปเก็บมาแล้วนำมาให้ข้าพเจ้า ในขณะนั้นข้าพเจ้าคิดว่า ลูกหมูอาจจะเป็นภาระให้ข้าพเจ้า และในขณะนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งมาขอลูกหมูโดยบอกว่า เป็นลูกหมูของเขา ข้าพเจ้าส่งลูกหมูให้หญิงคนนั้น แต่ขณะนั้นเอง ใจข้าพเจ้าบอกว่า "ลูกหมูสีขาว" ไม่ใช่ของผู้หญิงคนนั้น ถ้าให้เขาไป ลูกหมูสีขาวจะมีภัย จึงเปลี่ยนใจไปขอคืนมา แล้วนำไปฝากไว้กับน้องสาว แล้วตัวเองไปทางอื่นต่อแต่ก็ยังคิดถึงลูกหมู พอกลับไปถึงบ้านก็เห็นลูกหมูกลายเป็นเด็กกำลังร้องไห้ พอเห็นเราวิ่งเข้ามากอดแล้วหยุดร้องไห้เลย

    พอตื่นมา ข้าพเจ้าอยากร้องว่า OH NO

    เล่าแบบ ขำ ขำ ชวนคิด

    จินตวดี
     
  11. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ของฝากจาก หนูพิชญ์ ที่อุตส่าเมลล์มาให้ เห็นว่า สนับสนุนส่งเสริมคำว่า "น้ำบ่อเดียว เดินไม่ซ้ำรอย" เลยก๊อปปี้มาให้ดูกัน

    ในแง่ของจิตวิญญาณที่มีบุคลิคภาพอันแตกต่างกัน บุคลิคภาพอันแตกต่างกันมิได้มีไว้เพื่อให้ตำหนิติเตียนซึ่งกันและกัน แต่มีไว้ เพื่อให้เรียนรู้ ก่อให้เกิดปัญญา และ ความรู้ อันเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของจิตวิญญาณ ในการเปลี่ยนความเชื่อ ให้เป็นความรู้



    ---------- จดหมายที่ถูกส่งต่อ ----------
    จาก: spk.sdk <spk.sdk@gmail.com>
    วันที่: 12 กรกฎาคม 2553, 11:57
    หัวเรื่อง: ไก่ กระต่าย เป็ด และหมู
    ถึง: naris111 <naris111@hotmail.com>, จิ๋ม <ppitchey@gmail.com>





    มีนิทานอยู่เรื่องหนึ่งอยากจะเล่าให้ฟัง มีเนื้อหาดังนี้
    ไก่ กระต่าย เป็ด และหมู เป็นเพื่อนกัน ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานทั้งสี่เริ่มที่จะสนิทกันมากขึ้นเรื่อย
    ไก่...ขยัน อดทน ตื่นแต่เช้า หาอาหารมาให้ทั้งตัวเองและเพื่อน
    กระต่าย...น่ารัก สุภาพ พูดจาอ่อนหวาน เป็นที่รักและเอ็นดูของทุก ๆ ตัว
    เป็ด...โผงผาง ใจร้อน เสียงดัง พูดจาตรง ๆ
    หมู...ขี้เกียจ พูดจากระโชกโฮกฮาก ไม่สะอาดแต่รักเพื่อนเป็นที่หนึ่ง
    สามารถทำอะไรเพื่อเพื่อนได้เสมอ
    ด้วยการเดินทางที่ต้องผ่านปัญหาและอุปสรรคมากมาย ทั้งสี่จึงสนิทและรักกันมากทุกตัวล้วนมีความสำคัญให้แต่ละตัวซึ่งกันและกัน วันหนึ่งทั้งสี่ตัวต้องเดินทางผ่านโคลนสกปรก เหม็น และมีแต่เชื้อโรค ทั้งสี่ตัว ไม่มีทางเลือกอื่นจำเป็นที่จะต้องเดินผ่านบ่อโคลนนี้ หากจะเดินกันไปทีละตัว แต่ละตัวต้องสกปรก และป่วยด้วยเชื้อโรคนั้นแน่นอน หมูจึงรับอาสาที่จะให้เพื่อนขี่หลังเพื่อเดินข้ามไป
    กระต่ายจึงพูดขึ้นว่า "ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องเพราะหมูตัวโตและแข็งแรง"
    หมูได้ยินเช่นนั้นจึงดีใจและภูมิใจ
    เป็ดเลยพูดขึ้นว่า "และหมูก็ชอบเล่นโคลนสกปรกอยู่แล้วนี่หว่า ก๊ากกกก"
    หมูเองได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะต่อกัน
    กระต่ายเลยพูดขึ้นว่า "ไปว่าหมูอย่างนั้นได้ยังไง เดี๋ยวหมูก็เสียใจหรอก"
    หมู : "ไม่เป็นไรหรอก ฉันรับได้ เพราะถึงยังไงเราก็เพื่อนสนิทกันพูดมาแบบนี้ ฉันไม่ถือหรอก"
    เป็ด :"ใช่แล้ว เราสนิทและรักกันมากและรู้ใจกันเรื่องแค่นี้พูดกันเล่น ๆ แค่นั้นเอง"
    ไก่ : "งั้นเราเดินทางกันต่อเถอะ เดี๋ยวจะมืดซะก่อน"
    ทั้งสามจึงขึ้นหลังหมูแล้วเดินไป ในระหว่างที่อยู่ในโคลน เป็ด มองไปเห็นไส้เดือนจึงใช้ปากคุ้ยโคลนเพื่อที่จะกินไส้เดือนในระหว่างที่คุ้ยโคลน โคลนเกิดกระเด็นไปโดนกระต่าย กระต่ายเลยสกปรกไปด้วย
    กระต่าย : "เป็ด ระวังหน่อยสิ โคลนมันกระเด็นมาโดนฉันนะ"
    เป็ด : "อะไรกัน แค่นี้เอง เดี๋ยวผ่านบ่อโคลนไปค่อยทำความสะอาดก็ได้นี่"
    กระต่าย : "แต่มันไม่เหมือนเดิม เพราะขนขาว ๆ ของฉันมันก็คงเป็นรอยเปื้อนอยู่ดี"
    ไก่ : "เอาน่า หยุดได้แล้ว นิดเดียวเองนะกระต่าย เป็ดเองก็ไม่ได้ตั้งใจดูหมูซิเค้าเปื้อนทั้งตัวแถมต้องแบกเราอีก เค้ายังไม่บ่นซักคำ"
    กระต่ายด้วยความเคืองนิด ๆ จึงพูดออกมาโดยไม่ทันคิดว่า "ก็หมูสกปรกนี่ ไม่เหมือนฉัน ฉันต้องสะอาดสกปรกไม่ได้"
    หมูเองได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เหตุใดเพื่อนถึงพูดกับเขาเช่นนั้น หมูก็ร้องไห้
    ไก่จึงพูดขึ้นว่า "แล้วนี่คือสิ่งที่หมูต้องได้รับเหรอ กับการที่เค้าเป็นหมูมีนิสัยเป็นหมู
    เค้าต้องได้รับแต่สิ่งสกปรกเท่านั้นเหรอ แล้วการที่เป็ดกินอะไรแล้วต้องคุ้ย แล้วไก่อย่างฉันต้องเขี่ยอย่างนี้ มันเป็นพื้นฐานนิสัยที่ติดตัวเรามาตลอดนะเราเลือกได้เหรอ"
    ไก่ : "ความแตกต่างของแต่ละตัว ไม่เหมือนกัน เราเป็นเพื่อนกันต้องเข้าใจกัน
    และเปิดใจรับสิ่งที่ไม่สวยงาม และสิ่งที่สวยงามซึ่งกันและกันสิไม่มีใครที่สวยงามได้ตลอดเวลานะ"
    เป็ดจึงพูดขึ้นว่า "ฉันก็คิดว่าเราสนิทและรักกันมากเชื่อใจกันรับรู้ในสิ่งที่แต่ละตัวเป็นแล้วฉันไม่ทันนึกว่าเธอรับฉันแบบนี้ไม่ได้ฉันขอโทษนะ"
    กระต่ายได้ยินเช่นนั้นจึงพูดขึ้นว่า"จริงสินะ เราเป็นเพื่อนกันแถมเป็นเพื่อนรักกันด้วย ทำไมฉันถึงไม่เข้าใจนะว่าเราทั้งสี่แตกต่างกัน แต่เรายังสามารถผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาด้วยกันได้ขนาดนี้ แล้วแต่ละตัวเราก็ไม่เหมือนกันเลย" "ฉันขอโทษนะที่ฉันเป็นอย่างนี้"
    หมูกล่าวขึ้นว่า "ไม่เป็นไรหรอกกระต่าย ฉันก็เข้าใจว่าเธอน่ารัก สะอาด และจิตใจอ่อนไหวเธอก็ไม่เหมือนกับฉัน บางครั้งฉันก็พูดอะไรหรือทำอะไรที่กระโชกโฮกฮากไป
    บางครั้งเธออาจจะรับไม่ได้ แต่ฉันคิดว่าด้วยความที่เราเป็นเพื่อนรักกันเธอคงจะรับฉันได้ซักวันหนึ่ง"
    กระต่าย : "ฉันเองก็ขอโทษด้วยที่ฉันอ่อนไหวเกินไปแบบนี้ ฉันก็หวังว่าสักวันหนึ่งเราแต่ละตัวที่แตกต่างกันคงเข้ากันได้และยอมรับในสิ่งที่แตกต่างกันของแต่ละตัวได้"
    ไก่: จึงพูดขึ้นบ้างว่า "เอาล่ะ แต่ละตัวก็เข้าใจกันแล้วนะ ด้วยความแตกต่างของแต่ละตัวและด้วยความที่เรารักและสนิทกันและก็รู้จักกันมานาน บางครั้งจึงทำอะไรโดยไม่ทันคิดแต่ทำให้อีกคนรู้สึกไม่ดี ฉันคิดว่าคงไม่ได้ตั้งใจและเผลอทำอะไรไปก็เท่านั้น"
    เป็ด : "เราเข้าใจกันดีแล้วนะ งั้นเราเป็นเพื่อนที่รักและสนิทกันมากขึ้นนะ เพราะเราก็รับในสิ่งที่แตกต่างของแต่ละตัวได้แล้ว"
    หมู : "ใช่แล้ว งั้นเราทั้งสี่ มาร่วมกันและตั้งใจที่จะเดินไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
    และเดินเคียงข้างกันอย่างนี้ตลอดไปนะ"
    หมู เป็ด ไก่ กระต่าย : "ไชโย เราเป็นเพื่อนรักกัน" แล้วทั้งสี่ก็เดินไปด้วยกันอยู่เคียงข้างกันไป ตลอดเส้นทางเดินแห่งนั้น......
    จากนิทานเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่า ด้วยความแตกต่างของแต่ละตัว อาจจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจและไม่พอใจในอีกฝ่าย และบางครั้งด้วยความที่ทั้งสี่สนิทกันมาก การกระทำบางอย่างที่แสดงออกไป จึงไม่ทันคิดว่าอาจจะไปทำร้ายความรู้สึกหรือทำให้ใครอีกคนไม่เข้าใจ แต่ด้วยความที่ทั้งสี่คือเพื่อนรัก เพื่อนสนิท เพื่อนที่รู้จักรู้ใจกันมานาน
    จึงทำให้ทั้งที่กลับมาเป็นเพื่อนรักและเพื่อนสนิทกันได้อย่างเดิม คำว่าเพื่อนรักของคุณ คุณให้ความหมายและความสำคัญ ของคนที่คุณให้เค้าเป็นเพื่อนได้แค่ไหน คำตอบอยู่ที่ตัวคุณเอง บางครั้งคุณอาจจะได้รับในสิ่งที่คุณไม่คาดคิดมาก่อนว่าเพื่อนสนิทจะทำอย่างนี้กับคุณ แต่หากมองย้อนกลับไปคุณเองก็อาจจะทำอะไรที่ไม่คาดคิดกับเพื่อนของคุณได้เช่นกัน กลับมามองอีกทีว่า คุณให้ความหมายกับเพื่อนของคุณมากแค่ไหน
    เพื่อนที่มีแต่สิ่งที่ดีให้แก่กันแค่นั้นเหรอ
    เพื่อนที่จะยิ้มและสนุกไปด้วยกันแค่นั้นเหรอ
    แล้วหากวันหนึ่ง เกิดฝ่ายใดทำอะไรที่ไม่ดีหรือไม่สวยงามขึ้นมาล่ะ
    คุณเข้าใจและรับรู้ในสิ่งเหล่านั้นได้มากแค่ไหน
    คุณสามารถที่จะให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาด
    ทั้งที่อาจจะเกิดจากความตั้งใจและไม่ตั้งใจได้มากน้อยแค่ไหน
    คำตอบย่อมอยู่ในใจคุณดี....
    กลับมามองและเข้าใจเพื่อนของคุณดีแล้วหรือยัง
    เข้าใจเพื่อนของคุณมากน้อยแค่ไหน

    "เพื่อนสนิท เพื่อนรัก เพื่อนกิน เพื่อนตาย" ล่ะ
    ความหมายมันแตกต่างจากคำว่าเพื่อนแค่ไหนในความรู้สึกของคุณ............




    <HR align=center width="100%" SIZE=2>























    --
    ประตูที่แท้จริง คือประตูที่ไร้ประตู ชีวิตที่แท้จริง คือชีวิตที่เข้าใจชีวิต...


    <IFRAME class=AttachmentDownloadIframe id=downloadFrame marginWidth=0 frameSpacing=0 marginHeight=0 frameBorder=0 scrolling=no></IFRAME>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2010
  12. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    กฏแห่งธรรมชาติ

    กฏของธรรมชาติ คือ การดำรงไว้ซึ่งสองขั้วตามธรรมชาติอย่างสมดุลย์ (นั่นคือ B และ J)

    ทั้งสองขั้ว ต่างมีไว้อย่างสมดุลย์ในทุกสรรพสิ่ง แม้แต่ในตัวมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกอย่างไม่มีข้อยกเว้น

    ทั้งสองขั้วมีไว้ในการเรียนรู้ของจิตวิญญาณ มีไว้เพื่อสนับสนุนส่งเสริมซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ในทางกลับกัน

    กฏของธรรมชาติ หรือ กฏของการดึงดูดธรรมชาติ สามารถใช้ได้ 2 ขั้วเช่นเดียวกัน คือ ใช้ในทาง สมมติ หรือ ปรมัตถ์

    1. ทางปรมัติ นั่นคือการเรียนรู้มีไว้เพื่อให้เข้าใจถึงที่มาของทุกสรรพสิ่ง ว่าเพราะมีสิ่งนี้ จึงมีสิ่งนั้นตามมา หรือ เพราะเหตุเช่นนี้ จึงทำให้เกิดผลเช่นนั้น เพราะเมื่อเราเข้าใจถึงเหตุและผลเหล่านี้ชัดเจนแล้ว เข้าใจถึงกฏของการกระทำ (แรงดึงดูด) อันเป็นเดียวกับกฏของธรรมชาติที่ตอกย้ำให้เราเห็นถึงการเกิด ดับ ของเหตุปัจจัยตลอดเวลา ไม่เที่ยง และเมื่อเข้าใจถึงแรงดึงดูดเช่นนี้แล้ว หลายท่านจะเริ่มมองเห็นถึงภาพรวมว่า เหตุทั้งหลายที่เกิดขึ้นภายนอกร่างกาย มีขึ้นตาม เหตุปัจจัย ไม่เที่ยง ทำให้เกิดความเป็นตัวตน และเมื่อทุกท่านเข้าใจถึงแก่นแท้ของมัน ข้าพเจ้าเชื่อว่า ในที่สุด ท่านจะเข้าใจหนทางกลับสู่บ้านเกิดที่แท้จริงของท่านได้ในที่สุด

    2. ในทางสมมติ แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อมีผู้เข้าใจถึงกฏแห่งธรรมชาติเช่นนี้เช่นกัน เขากลับนำกฏนี้ไปใช้ในการเพิ่มปัจจัยภายนอก ของตัวเอง (กฏแห่งการดึงดูด ใช้ เหตุและผลเช่นเดียวกัน) ในการสร้าง หรือ เพิ่ม ปัจจัยภายนอกของตัวเอง เช่น ตำแหน่ง เงินทอง ข้าวของ เป็นต้น อันเป็นการ เพิ่ม อัตตาของตนเข้าไปอีก แต่นั่น ท่านทั้งหลายเป็นผู้เลือกเอง เพราะเส้นทางทั้งหลายที่ถูกเลือกย่อมถูกใช้ในการสนับสนุน การเรียนรู้ในขณะนั้นทั้งสิ้น

    และสิ่งที่คุณ WHERE นำมาลงข้างบน เป็นสิ่งที่สามารถสนับสนุนส่งเสริมกันได้ดังนี้




    พวกเราจำนวนมากพยายามค้นหาตลอดชีวิตว่าเป้าหมายของการมาถือกำเนิดของเราคืออะไร ? หน้าที่ของเราคืออะไร ? คำถามเหล่านี้มักนำพาให้เราค้นหาอาชีพ ค้นหากิจกรรมและค้นหาความสามารถพิเศษที่จะทำให้เราเป็นบุคคลตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ผู้บรรลุเป้าหมายอันสูงสุดในชีวิตได้ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเราซึ่งจะเรียกว่าค้นหาความรู้ความสามารถอันเป็นเอกลักษณ์ที่ดีที่สุดของเราก็คงไม่ผิดแต่ก็มีพวกเราจำนวนมากที่แม้จะพบเป้าหมายนั้นๆแล้ว พบหน้าที่แล้วกลับหลงทางไปเพียงเพราะเขากลับไปจดจ่อที่เงินทอง ชื่อเสียง ลาภยศและประโยชน์สุขส่วนตนในระดับกายภาพซึ่งหยิบฉวยเอาได้ระหว่างทางที่เขาจะดำเนินไปสู่เป้าหมายและหน้าที่สูงสุดแต่มันกลับทำให้หลงออกนอกลู่นอกทางไป

    การจดจ่อในทิศทางเหล่านี้นอกจากจะทำให้เขาหลงทางไปจากเป้าหมายที่แท้จริงของการมาถือกำเนิดและหลุดไปจากหน้าที่ที่เขาเลือกแล้วยังทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดในชีิวิตได้ เพราะตามธรรมชาติแล้วการค้นพบเป้าหมายและหน้าที่ที่แท้จริงที่เราเลือกมาถือกำเนิดมักนำพาให้เราค้นพบธรรมชาติความเป็นจริงว่า เราคืออะไร? ทำไมเราจึงเลือกมาทำหน้าที่นั้นๆ? และทำให้เราค้นพบต่อไปอีกด้วยว่าความสามารถพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์ของเราคืออะไร? และเราจะนำมันไปใช้ให้เราบรรลุเป้าหมายสูงสุดในชีวิตเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นได้อย่างไร? แต่เมื่อการจดจ่อของบุคคลหันไปจดจ่อเพียงประโยชน์สุขของตนเองการจะบรรลุเป้าหมายที่สูงสุดนั้นจึงไปไม่ถึง

    I LOVE U

    THE FOOL & THE FULL

     
  13. Sopasiri

    Sopasiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    449
    ค่าพลัง:
    +912
    สุดมือสอยก็ต้องปล่อยมันไป

    กลับบ้าน
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,687
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัจจะ ทำความจริงในชีวิต ****

    ใจคิดว่ายาก มันก็ยาก
    ใจคิดว่าง่าย ก็ง่าย

    มีปัญญา ให้ทำง่ายๆ ทำน้อยๆ ให้ได้ก่อน
    แล้วขยายเวลา เพิ่มขึ้นทีละน้อย

    ที่สำคัญ
    ทำให้เป็นประจำ เหมือนพระสมัยพุทธกาล

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  15. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    มองดู..

    [FONT=Default Sans Serif,Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif][FONT=Default Sans Serif,Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif][FONT=Default Sans Serif,Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif]
    [/FONT]
    [/FONT]
    [/FONT][FONT=Default Sans Serif,Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif][FONT=Default Sans Serif,Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif][FONT=Default Sans Serif,Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif]
    [/FONT]
    [/FONT]
    [/FONT]
    <table border="1"> <tbody> <tr valign="top"> <td bgcolor="#ffffff" valign="center" width="725"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr valign="top"> <td bgcolor="#ffffcc" valign="center" width="100%">
    </td></tr> <tr valign="top"> <td valign="center" width="100%">[​IMG]</td></tr> <tr valign="top"> <td width="100%"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr valign="top"> <td width="100%">** ดี...ร้าย ...แล้วแต่ใครจะมอง **

    หญิง สาวคนหนึ่ง หงุดหงิดใจกับเหตการณ์ที่ๆทำงาน ที่เกิดขึ้นทุกวัน
    เนื่อง จากในออฟฟิศของเธอนั้น มีแต่คนที่ชอบให้ร้ายกันและกันเสมอ............

    บ้างก็จับกลุ่มนินทาผู้อื่น
    บ้างก็ชอบจับกลุ่มบ่น ระบายเรื่องไม่พอใจและปัญหาที่เกิดขึ้นในการทำงาน
    หัวหน้าที่ชอบดุด่า เพื่อแสดงอำนาจ
    ลูกน้อง ที่แอบนินทาว่าเจ้านายลับหลัง


    หญิง สาวจึงมาทำงานทุกวันด้วยความเบื่อหน่าย
    และอยากจะลาออกไปให้พ้นๆๆ จากบริษัทแห่งนี้
    ทุกๆวันเธอจึงเฝ้าแต่มองหาที่ทำงานใหม่
    ที่เธอคิด ว่า สังคมในการทำงานจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่......

    .............................................. </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr valign="top"> <td width="100%"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr valign="top"> <td width="100%">
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody> <tr valign="top"> <td bgcolor="#f5f5f5" valign="center" width="34">[​IMG]</td></tr> <tr valign="top"> <td bgcolor="#f5f5f5" valign="center" width="34">
    </td></tr></tbody></table>​
    </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr valign="top"> <td width="100%"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr valign="top"> <td width="100%">วันหนึ่ง.....หญิงสาว ไปท่องเที่ยวที่วัด ๆ หนึ่ง
    มีสุนัข 2 ตัว กำลังยืน ประจันหน้า และพร้อมที่จะเข้ากัดกัน
    ต่างฝ่าย ต่างก็ ขู่ คำราม เสียงดัง เป็นที่หนวกหู แก่ผู้คน


    ด้วยความรำคาญ หญิงสาว จึงเข้าไปไล่.....


    สุนัข เมื่อ ถูกไล่ ก็ วิ่งหนีไปด้วยความกลัว
    แต่ไม่ช้า สุนัข ทั้งสอง ก็กลับมา คำราม ขู่กัน ในพื้นที่เดิมอีก
    หญิงสาว ก็เดินเข้าไปไล่มันอีก มันก็ วิ่งหนี และกลับมา แบบเดิมอีก


    หญิงสาว ไล่สุนัข จนเหนื่อย รู้สึกรำคาญ กับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก
    เธอเริ่มคิดว่า ทำไม? วัดนี้ไม่มีคนมาคอยดูแล
    คอยไล่สุนัข เพื่อไม่ให้รบกวนคนที่มาวัด
    แถม สุนัขจรจัดก็มีมาก สร้างความสกปรก และความรำคาญให้แก่ผู้คน


    และ แล้วก็มีพระเดินผ่านมา เธอจึงเอ่ยปาก ถาม ขึ้นว่า.....

    " หลวงพี่ ไม่รำคาญเสียงสุนัข บ้างเลยหรือ มันเห่าเสียงดัง ทำไมไม่ไล่มันไปเสีย "


    พระหนุ่มจึงตอบว่า
    " เราไม่เห็นได้ยินเสียงเห่าของสุนัขเลย โยม จะให้รำคาญได้อย่างไร"


    หญิง สาวรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
    " เอ๊ะ หลวงพี่ เสียงหมาเห่าออกจะดังขนาดนี้ ยังบอกว่าไม่ได้ยินเหรอ"


    " หูอาตมาไม่ได้หนวก เสียงสุนัขนะได้ยิน อยู่
    แต่อาตมาได้ยินว่ามันทะเลาะ กัน
    เดี๋ยวทะเลาะกันเหนื่อย มันก็เลิกไปเอง
    ไม่เห็นได้ยินเสียงเห่า ว่า น่ารำคาญ อย่างที่โยม บอก.....
    ว่าแต่โยม เถอะ ไปทะเลาะกับสุนัข 2 ตัว นั้น ด้วย เหรอ
    ถึงได้ หงุดหงิดเดือดเนื้อร้อนใจ ไปกับมันด้วย ? "


    .................................................................. </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr valign="top"> <td width="100%"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr valign="top"> <td width="100%">
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody> <tr valign="top"> <td bgcolor="#f5f5f5" valign="center" width="34">[​IMG]</td></tr> <tr valign="top"> <td bgcolor="#f5f5f5" valign="center" width="34">
    </td></tr></tbody></table>​
    </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr valign="top"> <td width="100%"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr valign="top"> <td width="100%">.....หากเรามองว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความทุกข์
    แต่เป็นเพียง เรื่องโชคร้าย ที่ผ่านเข้ามาในบางจังหวะของชีวิต
    เราก็จะไม่ทุกข์.....
    และจะมี กำลังใจที่จะต่อสู้ กับเหตุการณ์โชคร้ายที่จะเกิดขึ้นได้.....

    ......เราปฎิเสธไม่ได้ว่า สิ่งที่ทำให้เราร้อนรนจิตใจ
    ถ้าเรา เพียงแค่มองสิ่งเหล่านั้น ด้วยการมีเมตตา
    เราจะสามารถ รู้สึกสงบ และเป็นสุขได้.....


    .....การมีชีวิตอยู่ใน สังคมทุกวันนี้ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย.....


    .....การฝึกมองทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว ด้วยความเมตตา
    จะ เป็นเกราะป้องกันจิตใจเรา ให้อยู่ห่างไกลจากความทุกข์
    และจะรู้สึกเบา สบาย เป็นสุขได้ทุกเวลา.....


    ........................................................................ </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr valign="top"> <td width="100%"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr valign="top"> <td width="100%">
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody> <tr valign="top"> <td bgcolor="#f5f5f5" valign="center" width="34">[​IMG]</td></tr> <tr valign="top"> <td bgcolor="#f5f5f5" valign="center" width="34">
    </td></tr></tbody></table>​
    </td></tr></tbody></table></td></tr> <tr valign="top"> <td width="100%"> <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"> <tbody> <tr valign="top"> <td width="100%">....................................................................................

    .....การมีชีวิตอยู่ในสังคมทุกวันนี้ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย.....
    .....การฝึกมองทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว ด้วยความเมตตา
    ....จะเป็นเกราะป้องกันจิตใจเรา ให้อยู่ห่างไกลจากความทุกข์
    ....และจะรู้สึกเบาสบาย เป็นสุขได้ทุกเวลา.....



    [​IMG]
    </td></tr></tbody></table>
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>​
     
  16. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    <object width="500" height="405"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/zmYLNNxNnQ8&amp;hl=en_US&amp;fs=1?color1=0x006699&amp;color2=0x54abd6&amp;border=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/zmYLNNxNnQ8&amp;hl=en_US&amp;fs=1?color1=0x006699&amp;color2=0x54abd6&amp;border=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="500" height="405"></embed></object>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2010
  17. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    <object width="445" height="364"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/9FG90gkuAWE&amp;hl=en_US&amp;fs=1?border=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/9FG90gkuAWE&amp;hl=en_US&amp;fs=1?border=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="445" height="364"></embed></object>
     
  18. ศิลปินชนบท

    ศิลปินชนบท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    773
    ค่าพลัง:
    +1,678
    :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  19. Sopasiri

    Sopasiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    449
    ค่าพลัง:
    +912
    พระอาทิตย์กับพระจันทร์

    ปรากฏขึ้นพร้อมกันได้

    ในความเป็นจริง

    ของจักรวาล !!!!!!
     
  20. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ***REMIND***

    144 and the keys (from love for U)
    THE KEYS TO NEW AGE

    ALL MY LOVE FOR U
    รักฉันนั้นเพื่อเธอ
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT>
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...