การดูจิตโดยปฏิบัติสัมมาสมาธิ ย่อมไม่คิดไปเองว่าจิตเป็นอนัตตา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 12 มิถุนายน 2010.

  1. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    เล่าปัง...เรื่องหยาบๆ ง่ายๆ แค่ละนิวรณ์5 จิตสงบแล้วจิตจดจำสภาวะได้เป็นสมาธิแต่ละขั้นๆ...พื้นฐานตรงนี้คุณยังไม่มีเลยไม่เคยสัมผัสเลย แต่คุณ ไปคุยไกลถึงฌาน ถึง วสีโน่น ...!
    ขนาดมีสติ สติเกิดแล้ว(สมาธิด้วย)..พระพุทธองค์ท่านยังทรงเตือนว่า "อย่าประมาท"....!
    เพราะความรู้ในโลกนี้มันเรียนไม่มีจบหรอก..คุณจะทำอะไรของคุณ มาเสียเวลาแต่งสำนวนในบอร์ดนี้ทำไม..อุชุปฏิปันโณ คุณไม่มีเกิดหรอกหากจิตคุณมีแต่คารม เล่ห์เหลี่ยม.จิตเสียที่คุณบันทึกไว้เป็นพันธุกรรมทางจิตของคุณ คุณยังลบไม่หมดในปัจจุบันนี้
    .ความเพลิดเพลิน สืบสายต่อเนื่อง ไม่มีจางคลายกับตัวอักษรและภาษา ของคุณเข้มจัดขึ้นทุกวัน อย่าให้ผมเทศน์ต่อเลย.. คุณจะบรรลุธรรมภายใน 7 นาที....เดี๋ยวดังตฤณจะโกรธผม
    ขอตัว ไปละผมรอท่านขันธ์มาโปรดอีกคนดีกว่า..?
    โอ ท่านขันธ์มาสวนกระทู้ กันพอดี สาธุครับ ท่านขันธ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2010
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณกบฏเล่าปังครับ

    เท่าที่ผมเคยสนทนากับคุณมา โดยใช้ชื่อแทบไม่ซ้ำชื่อกันเลยนะครับ

    เช่นบุคคลสามบ้างหละ นิวรณ์บ้างหละฯลฯ และอีกมากมายหลายชื่อจนจำไม่ไหวครับ

    คุณยิ่งพยายามพูดถึงการปฏิบัติ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่ได้ผ่านการปฏิบัติมาจริง
    เพียงลักจำเค้ามาพูดเท่านั้นนะครับ

    คุณกล้าโม้คำว่าน้อมนึก ผมขอถามว่าน้อมนึกถึงอะไร นึกน้อมลงที่ไหนครับ??? ขอคำตอบชัดๆนะครับ

    ยังแถมกล้าโม้ว่าถึงขั้นว่าไม่มีเจตนาอีกแหน่ะ เอาอะไรมาพูดครับ

    คุณไม่รู้จริงๆหรือว่าการนึกน้อมทุกครั้งนั้น ต้องมีเจตนา ก็คือการตั้งเจตนาดีนี้เอง

    คุณลองนึกน้อมไปที่เรื่องอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องเจตนาสิ ดูว่ามันจะนึกน้อมไปได้มั้ยครับ???

    ผมถึงได้บอกยังไงหละว่า คุณดีแต่จำเค้ามาพูดเท่านั้น โดยไม่เคยเข้าถึงจริงเลยสักครั้ง

    คุณพยายามแสดงเรื่องวสีว่า มีการถอนเข้า ถอนออก ก็บอกให้รู้แล้วว่าคุณไม่รู้จักเรื่องวสิเอาเสียเลยครับ

    วสีคือความชำนิ ชำนาญในการวางจิตให้สงบตั้งมั่นไม่หวั่นไหวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ถอนเข้าถอนออกครับ

    ยิ่งเรื่ององค์ภาวนาแล้ว ยิ่งปล่อยไก่ออกมาหมดเล้าเลยนะครับ

    ผมอุตส่าห์บอกให้รู้แล้วนะว่า ทั้งคู่เป็นเพียงอามีศสัญญาเท่านั้น ไม่ใช่อย่างที่คุณพูดเลยสักนิด

    คุณพูดว่า บริกรรมพุทโธแล้วต้องทิ้ง ผมถามว่าแล้วลมหายใจไม่ต้องทิ้งหรือครับ

    ถามจริงๆเถอะ เคยภาวนามาบ้างหรือเปล่า จึงไม่รู้ว่า

    เมื่อคำบริกรรมถูกทิ้งลงเมื่อไหร่ ลมหายใจก็ถูกทิ้งในตอนนั้นเช่นกันไม่ใช่มาต่ออานาอย่างที่คุณพูดหรอกครับ

    วันหลังอยากจะมั่วอะไรขึ้นมาพูด หัดสมาทานให้เห็นชัดๆก่อนนะครับ จะได้ไม่ทำใฝ่ยปฏิบัติเค้าเสียหาย

    ส่วนเมื่อทิ้งคำภาวนาแล้วต่อยังไง อย่ารู้ไปก่อนเลยครับ

    ทำให้ถึงขั้นทิ้งคำภาวนา จนกระทั้งคำภาวนากับจิตเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้ได้ก่อนครับ

    คุณนี่เหมือนพยาธิในท้องผมจริง รู้ดีไปหมด แสนรู้จริงๆ เว้นแต่เรื่องการปฏิบัติเท่านั้นที่ไม่รู้

    คุณกบฏเล่าปังครับ ผมเห็นคุณพยายามอธิบายเรื่องบริกรรม"พุทโธ"และอานาแล้ว

    น่าเห็นใจจริงๆครับ ผมเมตตาตอบให้รู้ก็แล้วกันนะครับ อย่าจำเอาไปพูดเท่านั้น ลงมือปฏิบัติจริงๆด้วยนะครับ

    ความหยาบ และละเอียดของจิตเกิดจากอะไรครับ???

    ไม่ว่าภาวนาพุทโธหรือภาวนาอานาปานสติ ก็เป็นการภาวนาเช่นกันครับ

    เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้จิตเข้าสู่อารมณ์ละเอียดได้เหมือนกันครับ

    ต่างกันที่ความเพียรพยายามของแต่ละบุคคลต่างที่ทำให้เร็วหรือช้า ไม่ใช่คำภาวนาเป็นตัวทำให้เร็วหรือช้าครับ

    ที่คุณพยายามมั่วแต่สิ่งที่ไร้สาระ เพื่ออะไรครับ??? ไม่รู้ไม่ต้องอายครับ ถามได้

    แต่การแสดงออกของคุณที่เที่ยวข่มคนโน้นที คนนี่ที ด่าคนโน้นบ้าง ด่าคนนี่บ้าง ทำให้ใกล้มรรคผลนิพพานหรือครับ???

    เชื่อผมเถอะครับ อย่าพยายามแสดงอะไรที่เรายังไม่เคยพิสูจน์ให้เห็นจริงครับ รักนะตัวเอง...

    ;aa24
     
  3. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    โถ่ ยังอุตสาห์ประจานตัวเองต่อ ในความเข้าใจเรื่อง วสี

    เออ...หาก วสี ที่พระเขาพูดๆกัน หมายถึงอย่างที่พี่ภูติพูดนะ ก็ทำไปเถอะ

    [​IMG]

    ความสงบก็คือสังขาร เคยได้ยินไหม ไอ้ที่น้อมนึกแล้วเข้าได้นั่นหนะ สังขารล้วนๆ
     
  4. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ก็ไม่อยากมาข่ม พี่ภูติขา หรอก

    แต่จั่วหัวแบบนี้นะ "การดูจิตโดยปฏิบัติสัมมาสมาธิ ย่อมไม่คิดไปเองว่าจิตเป็นอนัตตา"

    มันก็ต้องเข้ามาขัดหละ เพราะมันเป็น เมลามีนสอดไส้ พวกติดตรรกะชอบใช้เป็นกลลวง

    เอากระแสเรื่องดูจิตที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง ทั่ววัดมาเกาะ โหนกระแสเพื่อนำเสนอ สังกัปตน

    สังกัป หรือ คอนเซ็ป ที่คุณแอบใส่การนำเสนอนี่ต้องชี้ไหม ไม่ต้องนะ ไม่อยากชี้ เสนียด!!

    กบฏก็คือกบฏ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2010
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณเต้าเจียวครับ

    หมดเวลา เวลาหมด สั้นๆนะครับ

    ๑.ที่คุณพูดมาในไม่ใช่ปัจจุบันธรรมที่แท้จริงครับ เป็นเหตุการที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบันเท่านั้น

    เดี๋ยวๆก็กลายเป็นอคีตไปตลอดเวลาแล้ว ปัจจุบันธรรมนั้นต้องเป็นธรรมที่ไม่ขึ้นกับกาลเวลาครับ

    จิตที่เป็นกลาง ก็บอกชัดอยู่แล้วว่า ไม่ใช่อดีต ไม่ใช่อนาคต ใช่ปัจจุบันธรรมมั้ยครับ

    ๒.ปัจจุบันธรรมไม่ใช่อารมณ์เกิดขึ้นที่จิตนะครับ เกิดจากจิตปล่อยวางอารมณ์ได้หมดสิ้นครับ จึงจะเป็นปัจจุบันธรรมครับ

    ๓.คุณอย่าต้องให้ผม ทำให้คุณได้อายเลยครับ คุณรู้อยู่แก่ใจตนเองนิครับ

    ;aa24
     
  6. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
    นายพะโล้ครับ ถ้าจะเอาคำของพ่อใหญ่ทำมาพูด ไอ้เรื่องหวานเป็นลม
    ขมเป็นยา มันต้องเอาเหตุการณ์ข้างบนครับ

    คุณเต้าเจี้ยวระวัง หวานเป็นลมขมเป็นยานะครับ
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตามมาชม[​IMG]
    ความพยายามเป็นเลิศ [​IMG]
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    คุณ00000ครับ

    ขอเถอะนะครับ อย่าทำตัวแบบนี้เลย มันเฟค(fake)มากๆครับ

    คนที่เค้าเป็นสุภาพชนคนพุทธศาสนาเค้าไม่ทำกันครับ

    อยากจะทำอะไร ให้ถอดหัวใจออกมาสนทนากันดีกว่า แบบที่ทำอยู่ครับ เฟคจริงๆให้ดิ้นตาย

    ;aa24
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เสนียด!!

    กบฏก็คือกบฏ 55+

    ;aa24
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ธรรมดา ใจนี่ออกรู้เร็วยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

    ถ้าไม่กำกับไว้ก่อน หรือ ถ้าไม่มีวสีในองค์สมาธิ ก่อน

    ใจจะออกรู้ ร้อยแปด รู้คิิดนึกไปเรื่องราวต่างๆ นาๆ รู้สัมผัส รู้ไปหมด ที่จิตจะปรุงไป

    ทั้งรู้ความรู้สึก รู้รักรู้ชอบ ทุกเสี้ยววินาที

    ทีนี้ ก็ให้มันรู้อย่างเดียว โดยให้รู้่หยา่บก่อน อยู่ดีๆ ให้มันกระโดดไปรู้ละเอียดไม่ได้

    เราก็น้อมใจ มา สะกดให้อยู่กับ อนุสติก็ได้ หรือ คำสวดมนต์ รวมถึงภาวะแวดล้อมที่อำนวย

    นี่ก็เริ่มล้อมให้ใจ มันรู้หยาบ อย่างมีขอบเขต ด้วยขอบเขตแห่งกุศล

    เมื่อจิตเริ่มสงบตัวลงมา ก็ให้ รู้แคบลงไปอีก คือ รู้ พุทโธ

    แต่ขณะนั้นจิตมันไม่ใช่รู้แค่ พุทโธหรอก มันรู้ทั้งผัสสะ ทั้งอะไรต่อมิอะไรเยอะ

    แต่เราก็จับให้มันสนใจ เฉพาะคำบริกรรม พอจิตเริ่มหดตัวมา

    มันก็จะทำให้ เกิด องค์ฌาณ

    พอแนบเข้ามันจะไม่ไปรู้ของหยาบ แต่มันจะรู้ละเอียดที่ใจเรานี่ ก็ตะล่อมให้มัน รู้แค่ องค์ฌาณ รู้นิวรณ์

    ค่อยๆ ขัดเกลาไป ตามแบบแผน ก็อย่างที่กล่าวมา

    แต่ถ้าไม่เป็นแบบแผน ก็ต้องให้เข้าใจ ลักษณะของจิตตามที่กล่าวมา พยายามคุมให้เป็นหนึ่งบ่อยๆ ด้วยการรู้ เป็นหนึ่ง รู้อะไรก็ได้ ให้เป็นหนึ่ง

    สุดท้ายจะไปอยู่ที่ รู้ว่าง แล้ว คราวนี้จะรู้หยาบ รู้ละเอียดก็ไม่เป็นปัญหา เพราะว่า จิตเราถึงตัวแท้แล้ว จะไม่คล้อยไปตาม จิตเทียม


    ขอตัว
     
  11. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    เห็นผิดนะครับ
     
  12. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
    เฮียเล่าปังครับนายพะโล้ใช้2มาตราฐานครับ
    เวลาคุยกับคุณเต้าเจี้ยวเสียงอ่อนเสียงหวาน
    เวลาคุยกับเฮียเล่าปังดุเดือดดุดันครับ
    :':)':)':)':)':)'(
     
  13. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    สาธุครับท่านขันธ์...สัมมาสมาธิ คำนี้ผมเพิ่งได้ยินมาจาก พระอาจารย์ จรัญ (วัดสังฆทาน) ท่านก็เทศน์เมื่อเดือนที่แล้ว ว่าไม่มีเสื่อม ...เป็นสมาธิ ที่ใช้มรรคมีองค์8 เป็นฐานนำครับ เมื่อก่อนผมยึดติดกับศิล5 มาก ถึงจะเป็นแบบกระพร่องกระแพร่ง แต่ก็ปฏิบัติจนเครียดกับศิล5ครับ ผมเคร่งครัดมาก

    ผมไม่เคยพูดโกหกเลยแม้แต่เรื่องเดียว เป็นสิบๆปีครับ ผู้คนรอบช้างผมอลเวงเพี้ยนไปหมด เขาเดือดร้อน ผมเองก็เดือดร้อน ถูกใช้เป็นเครื่องมือของมิจฉาทิฏฐิ เพราะไม่เข้าใจเพศภาวะของตนเองครับ อีกทั้งท่องแต่ตำราแล้วจดจำทำ พอเจอสิ่งล่อ..โดนน็อคเสียมากจนแทบเสียสติ ...กว่าจะรู้ กว่าจะกลับมาตั้งลำตั้งต้นใหม่ กว่าจะเข้าใจคำว่า "ศิลรักษาเรา"นี่
    อาการ "ความภูมิใจ" ใครเคยสัมผัส แล้วจะซึ้งจริงๆครับกับประโยคนี้ จิตเราสูงเหลือเกินครับ พูดไม่ถูกเลยกับอาการนี้ แต่สาหัสเหลือเกิน กับศิล5 ครับ
    ปัจจุบัน ผมยังไม่ได้นับเลยครับว่าศิลผม เหลือกี่ข้อ...ใน5 ข้อครับ:'(
     
  14. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ก็เป็นแบบนั้นแหละ บางคนเดินมาถึงจุดหนึ่ง หากไม่รู้ว่า ต้องมารบกับกาม
    มันก็เอาแต่ ทำความสงบ แล้ว ออกมารบกับกาม

    แรกๆ มันก็แพ้ กลายเป็น โรมิโอ กลายเป็นนักภาวนาย้อนหาอดีตภรรยาเปรตพะโล้

    ภาวนาไปอีกหน่อย ก็กลายเป็น เอี้ยกล้วยหาคนร่วมภาวนา ภาวนาไปอีก
    คราวนี้จะค่อยๆ ฉลาดว่า กำลังรบกับอะไร แล้วแพ้อย่างน่าละอายแค่ไหน

    นี่ถ้าเอาแต่ภาวนาเอา สงบ อยู่อย่างนั้น ก็ไม่รอดหรอก หนทางเดินต่อ
    หนะมี แต่....คนของเขาไม่แนะนำ ยึดติดแต่ ชื่อวิธีการ ทั้งๆที่รายละเอียด
    การเดินต่อหนะมี แต่มันคนละชื่อเลยลืมบอกกันเอง....ช่วยไม่ได้
     
  15. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    สาธุ สาธุครับ อาการไปไหนมาไหน ผมเป็นหนึ่งเสมอ ไม่มีวอกแวก จิตอยู่กับสติที่มองเบื้องหน้า หรือไม่ก็อยู่กับพุทธโธลมหายใจตนเอง...เมื่อสิบปีที่แล้ว ผมเป็นแบบนี้เลยครับ
    แต่ผมไม่เคยทราบว่าผมเป็นอะไร เสียดายจริงๆครับ จิตคิดแต่เรื่อกุศล อภัยเขาได้หมด ไม่เคยโกรธใครเป็นสิบๆปี จะเรียนรู้อะไร เข้าใจหมด ไม่เคยมีอะไรยากสำหรับผมเลยถ้าจะลงไปศึกษา หรือลงมือทำ มันทนได้หมด ความพยายามเหลือล้น ไม่รู้มาจากไหนครับ เมื่อสิบ ยี่สิบปีที่แล้วครับ ปัจจุบันกำลังนึกน้อมอยู่ครับ...แต่ยากๆๆครับ:':)'(
     
  16. วจีทุจริต

    วจีทุจริต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +263
    ความปรกติของใจ สู่วาจา สู่การกระทำ ที่คุณมี ....
    นั่นหละสมบัติของคุณ ....
    ศีล สมาธิ ปัญญาของคุณ .....(kiss)

    ปรกติที่เป็นคุณ ของคุณอย่างแท้จริง ....
    สิ่งใดที่ยังไม่เป็นปรกติของคุณ .....
    นั้นก็ยังไม่ใช่ศีล สมาธิ ปัญญา คุณ .....(kiss)

    ใจปรกติ วาจาก็ปรกติ การกระทำปรกติ ....
    ใจไม่ปรกติ วาจาก็ไม่ปรกติ การกระทำก็ไม่ปรกติ .....
    ให้เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาเป็นปรกติของใจ เป็นสมบัติของคุณ และเป็นคุณ ......
    อย่าให้ ราคะ โทสะ วิจิกิจฉา มานะ อุทัจจะ เป็นปรกติ และสมบัติของคุณ และเป็นตัวตนคุณ ....(kiss)

    เป็นปรกติคุณ สมบัติคุณ ก็คือสิ่งที่ออกจากใจ สู่วาจา สู่การกระทำ ที่แจกจ่ายไปยังบุคคลอื่น ให้ร่มเย็นหรือเร่าร้อน นั่นหละตัวตนของคุณสิ่งที่คุณเป็น ..(kiss)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2010
  17. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    คนหนึ่งบอกให้จิตเป็นเราไว้ก่อน(โง่จังเนอะ) ขันธ์5ไม่ใช่จิตเป็นอาการของจิต ขันธ์5ไม่ได้เป็นทุกข์ (โง่อีกแว้ว)จิตที่ยึดมั่นในขันธ์5ตะหากที่เป็นทุกข์ ในชีวิตหนึ่งจิตไม่ได้เกิดดับ ที่เกิดดับคือขันธ์5เป็นอาการของจิต

    อีกคนหนึ่งว่าจิตไม่ใช่เรา(เก่งมากเหมือนจะตรงตำรา)..วิญญาณขันธ์5เป็นจิต และจิตเกิดดับ(ตรงตำราเป๊ะเลยใหมนี่)เพราะงั้นขันธ์5และจิตจึงไม่ใช่เรา บอกว่าขันธ์5เป็นทุกข์(ก็ละความเห็นผิดว่าขันธ์5เป็นเราได้แล้วแต่กลับยังเห็นขันธ์5เป็นทุกข์อยู่อีกนะ)จิตก็เป็นวิญญาณขันธ์5งั้นจิตก็เป็นทุกข์สินะ

    ถ้าวิญญาณขันธ์5เป็นจิตนะ โสดาบันละขันธ์5ได้โสดาบันก็เท่ากับละจิตได้แล้วสิ แล้วโสดาบันก็เทียบเท่าพระอรหันต์แล้วสิเพราะแม้แต่จิตโสดาบันก็ละได้แล้วหนิ

    แต่ความจริงโสดาไม่ได้ละขันธ์5ได้ที่ละได้คือความเห็นผิดว่าขันธ์5เป็นเรา เคยได้ฟังพระท่านบอกว่า กว่าจะละขันธ์5ได้เด็ดขาดก็โน่นหละระดับอนาคามีโน่นเลย
    แล้วพระอนาคามีก็ยังละจิตไม่ได้นะ ต้องพระอรหันต์
    อ่าวทำไมอนาคามีละจิตไม่ได้เล่า ก็ไหนเขาบอกว่าวิญญาณขันธ์5เป็นจิตไม่ใช่หรือ ละขันธ์5ได้ขาดก็ต้องละจิตได้ขาดสิ ไปตรึกกันเอง

    ก็ว่าวไปงั่นหละว่างๆ
     
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    แปลกดีนี่ เป็นปริศนาธรรมที่น่าคิดเนอะ ขออนุญาติเอาความรู้
    ที่เป็นข้อเท็จจริงที่คุณ น้อมมา มาลองทำเป็นปริศนาธรรมเพิ่มดูนะ

    แล้วพระอนาคามีก็ยังละจิตไม่ได้นะ ต้องพระอรหันต์

    ไอ้ประโยคนี้ คุณนมสิการได้แบบไหนหละ ฟังได้ หรือ รับฟังไม่ได้เลย

    ถ้ารับฟังได้ ขอถามว่า

    พระสงฆ์4 ระดับ เห็น อริยะสัจจ4 ถูกไหม

    อริยะสัจจ4 ที่พระสงฆ์เห็น ท่านเห็นต่างกันหรือเปล่า มีอริยสัจจ4 ที่มีความปริเฉท
    แตกต่างกันไหม ถ้าไม่ ก็ขอถามต่อว่า

    ในบรรดา สงฆ์4ประเภทดังกล่าว ท่านใดเห็น ชัดในอริยสัจจ4 มากที่สุด

    ผลของการเห็นอริยสัจจ4 ที่ชัด ทำให้มีผลอย่างไรเหรอ

    ถ้า แล้วพระอนาคามีก็ยังละจิตไม่ได้นะ ต้องพระอรหันต์ เป็น
    ปริศนาธรรมที่คุณรับฟังได้ ถามว่า ผลจากการเห็นอริยสัจจ4ที่ชัดแจ้ง
    ทำให้ละจิตได้ใช่หรือไม่

    และ ถามกลับด้วยว่า ตกลง พระอรหันต์ละวางจิต เหรอ หรือคุณว่าท่านไม่ได้วาง

    แล้วถ้าต้อง วางจิต จริงๆ ไม่ใช่แค่ "..ไว้ก่อน" ถามว่า จะเถียงหาอะไรเหรอในส่วน
    ที่น้อมมาเป็น "อุบาย" หนะ

    เอาไป ว่าวเล่นๆให้ล่อนจ้อนดูนะ


    * * * * *

    อ้อ แล้วคำว่า "....ไว้่ก่อน" ผมขอซื้อมาใช้บ้างได้ไหม สงวนลิขสิทธิหรือเปล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2010
  19. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    แล้วพระอนาคามีก็ยังละจิตไม่ได้นะ ต้องพระอรหันต์
    ผมไม่ได้คิดว่าเป็นปริศนาธรรม แต่คิดว่าพระท่านพูดตรงๆไม่ใช่พูดเป็นปริศนาให้ต้องตีความอะไรกันอีกอย่าไปคิดมาก คิดมันตรงๆก็พอ


    พระอรหันต์ละวางจิตหรือไม่ ก็พระอรหันต์ของคุณเห็นจิตเป็นยังไงหละ
    ถ้าเห็นจิตเกิดดับ เกิดดับก็คงไม่ต้องละวางจิต เพราะจิตมันดับนี่จะต้องไปวางทำไมของที่ดับไปแล้วก็คงปล่อยมันดับไปมั๊ง

    แต่ถ้าเป็นพระอรหันต์ที่เห็นขันธ์5 เกิดดับเป็นอาการของจิต เห็นจิตไม่เคยตายท่านจะวางจิตของท่านหรือไม่อย่างไรผมไม่รู้หรอก ก็ไม่ใช่พระอรหันต์นิขี้เกียจจะเดา เดาไปว่าวไปก็ไม่จบหรอก แต่ถ้าจะว่าวเล่นๆก็ว่าวกันไป

    ......................อะไร............................เล่นๆ..............คิดอะไรอีกหละ........................นะ......สิ.....เถิด....:boo:

    ผลจากการเห็นอริยสัจจ4ที่ชัดแจ้ง
    ทำให้ละจิตได้ใช่หรือไม่
    ก็คงจะใช่มั๊งไม่รู้สิยังผมไม่แจ้ง คงต้องลองถามพวกที่เห็นแล้วว่าจิตไม่ใช่เราดูนะว่าแจ้งอริยะสัจจแล้วรึจึงละจิตได้ จึงรู้ได้ว่าจิตไม่ใช่เรา หรือจำๆมา แล้วก็ถามด้วยนะว่าจิตไม่ใช่เราแล้วเราคืออะไรหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2010
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอ้า สำหรับผมมันเป็นปริศนาธรรมนี่ เพราะเรายังไม่รู้ ไม่เห็นได้ตามท่าน
    ถ้าจะปรารภไปว่าวๆ ว่า เห็นท่านพูดตรง นี่มันอาศัยเชื่อ เข้าข่ายโง่แต่เกิด

    โถๆ ประโยคแรก บอกว่า เชื่อ100%ว่า พระอรหันต์พูดตรง ว่าท่านวางจิต
    ได้ ก็ถ้าจติไม่มีเกิดดับ เกิดตลอดแล้วจะเอาอะไรวางลงเล่า ตกลงเชื่อ100%
    แต่ค้าน100%อยู่ในที ก็งี้แหละ ธรรมดา

    สรุปที่ปรารภว่า พระอรหันต์พูดตรงๆ แต่คุณกลับมาทิ้งท้ายด้วยการกล่าวเป็นปริศนา
    เออ ก็แปลกดี

    พูดว่ามันเป็นปริศนาธรรมเสียแต่ต้น มันจะน่าอายอะไรนักหนา กับการ ยังไม่รู้เนี่ยะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...