เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

สาธุ อนุโมทนาค่ะ ^^

สนุกจริงๆ เรื่องเล่าก่อนนอนฯ

 

ยินดีในบุญค่ะพี่มังกรบูรพา ตัวกลมว่า อาจารย์หมายถึง ออร่าของพี่สว่างขึ้นกว่าเดิม จากการทำบุญกระมังคะ
แล้วก็ดีใจด้วยค่ะ บัณฑิตใหม่มีงานมีการทำเรียบร้อย ภูมิใจแทนคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ

อาจารย์suwiแอบมาแซวหนุ่มๆในห้อง เดี๋ยวคุณพ่อไปหัดยิงปืนแม่นๆกับพี่ดาวทะเลทราย พี่ชยาแล้วมั้งคราวนี้

 

ลานหินที่อยู่หน้าถ้ำอมตธรรม เป็นสถานที่ ที่พระภิกษุและฝ่ายอุบาสก(ชาย) ตลอดจนชีประขาว

ที่กำลังฝึกตน เพื่อพร้อมบวช ได้ใช้เป็นสถานที่ สำหรับทำวัตรสวดมนต์ และนั่งสมาธิ ตลอดถึงการ

รับประทานอาหารเช้า และเป็นสถานที่ลาสิกขาลาบวช สำหรับอุบาสก อุบาสิกา อีกเป็นทั้งที่แสดง

ธรรมเทศนาของ หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี ในวันพระ หรือช่วงเทศกาลสำคัญ


ก่อนที่พระสงฆ์ และฝ่ายอุบาสก(ชาย) จะทำวัตรสวดมนต์นั้น จะมีการนั่งทำสมาธิก่อน..โดยทางวัด

ได้เปิดแผ่นซีดีเพื่ออบรม และชักจูงจิตให้เกิดความสงบ ตัวผมเอง ได้นั่งจับอารมณ์เสียงที่..นิ่ม..เบา

สงบ..แต่ทรงไว้ซึ่งพลัง ของหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี ในระหว่างนั้นเอง ความมืดที่เคยปกคลุมหนังตา

ได้เปลี่ยนสี...จากสีดำที่เคยมีแต่เดิม ได้แปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ลองขยับเอียงหน้าไปทางอื่น ก็ยังเห็น

เป็นสีน้ำเงิน แผ่เต็มหน้าถ้ำอมตธรรม


ตัวจิตหรือว่าตัวรู้ นี้ก็ช่างว่องไวเหลือประมาณ ไม่ทันได้เกิดความสงสัย ว่าสีน้ำเงินที่เห็นนั้น คืออะไร

ก็เกิดแปรเปลี่ยนอีก คราวนี้กลับมองเห็นลานอมตธรรม มีแต่สีม่วง สีม่วง แผ่เต็มทั้งลาน พอสีม่วงจางหาย

กลับมีสิ่งหนึ่ง ได้เห็นเป็นน่าอัศจรรย์ คือมีแสงสีเขียว แต่ คราวนี้ ค่อนข้างจะแปลก คล้าย ๆ กับ กลุ่มแสง

สีเขียวนี้ เกิดจากพลังของภิกษุรูปหนึ่ง ที่กำลังนั่งทำสมาธิ อยู่เบื้องหน้า โดยห่อหุ้มล้อมอยู่รอบตัว



ป.ล. สิ่งที่เห็น อาจเป็นจริง หรือว่าอุปปาทาน ขอให้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล

เพราะ...ตอนนี้ ถ้าผมอยากเห็น ก็มอง ไม่เห็นอยู่ดี อิอิ...จบครับ

 

หากออร่าพี่สว่างขึ้น จากการทำบุญ ก็ดีนะสิน้องตัวกลม ต่อไปจะได้ขยันฝึก ให้มันมากกว่า ที่เป็นอยู่

ขอแก้ข่าวที่บอกว่า ลูกสาวสตาร์ทที่เงินเดือน 16,000 บาท แก้เป็น 10,000 บาท เท่านั้นเอง

ตอนนี้อยู่ระหว่างทดลองงาน 4 เดือน กับบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)


ลืมบอกไปอีกเรื่องครับว่า.......

ก่อนที่ผมจะเดินทางออกจากวัดมเหยงคณ์ ได้ร่วมบริจากปัจจัย เพื่อชำระหนี้สงฆ์

จำนวน 200 บาท และซื้อที่ดิน-ถมวัด เป็นจำนวนอีก 500 บาท

 

ขอร่วมอนุโมทนาบุุญทั้งหมดทั้งมวลที่พี่มังกรได้ปฏิบัติมาค่ะ ดูซิพี่ชยายังร้องอุทาน...ไม่เป็นภาษาไทยไปซะแล้ว โกอินเตอร์ซะงั้น (แซวนะคะ)

อนุโมทนากับเรื่องเล่าของทุกๆท่านค่ะ

 

เมื่อวานนี้ (16 มีค. 53) ชยา มารุติ แวะมาที่ บู๊ธ 042
เพื่อสนทนา เรื่อง พลัง จิต และความคิดว่า จะทำอะไร ต่อ ดี
สามตา บอกว่า..เรื่อง เล่า ก่อนนอน..ให้ เขียนเข้ามาบ้าง อ. จะได้ พักสายตา
ไปทำกิจกรรม อย่างอื่นได้ ด้วย...ไม่มีเวลามานั่ง เขียนทุกคืน
ตั้งใจว่า อย่างน้อย ทุก 2 วัน จะแวะเข้ามา..เล่าต่อ
คนที่อ่านหนังสือเร็ว...ก็จะว่า อ. เขียนช้า..จังเลย
แปลว่า ติด งอมแงม...อ่านไม่ทันใจ..???
...................................................................
ชยา มารุติ
"...อาจารย์ เขียนเล่า นะ ดีแล้ว
ตอนอาจารย์เขียน..ไม่มีใครกล้า เข้ามาแทรก ตัดตอนหรอก
เอาไว้ เวลา..บอร์ด มันเงียบ...ผมก็จะเข้ามา ต่อ เอง
ไม่ให้มันตาย...ผมมีเรื่อง เกี่ยวกับ นาง ตานี แยะ...."

เอาเป็นว่า..ใครที่อยากเขียน ก็เล่า ขึ้นมาได้ เลย
เหมือน การกินข้าว ต้องมี กับข้าว หลาบหลาก เพื่อ รสชาติที่ อร่อย
กินอยู่ แบบ เดียว...เดี๋ยว ก็จืด หมด
...................................................................

 

เรื่องเล่าก่อนนอน คืนนี้ (ต่อ)
บนเส้นทางสู่ พระธาตุนาดูน มหาสารคาม
...................................................
หลังจากเสร็จ จาก อาหาร มื้อ แห้งๆๆเผ็ด..แซบๆๆ
ส้มตำกระเทียม และ ไก่ ย่าง วิเเชียรบุรี
เราก็ออกเดินทางต่อ...ไปตามป้ายที่ บอกทาง

ผ่านไปได้ ประมาณ 15 กม. ก็มาถึงสถานท่ที่บราณมีป้ายบอก
" กู่บ้านแดง"...ซึ่ง อยู่ริมถนนใหญ่..ไม่ต้องเลี้ยวเข้าไป
นี่เป็น 1 ใน 102 กู่ หรือ "อโรคยาศาล..หรือ สถานีอนามัย สมัย ขอมโบราณ"
มองเข้าไป..ดูสะอาด สะอ้านดี...
ทำเหมือนเป็นที่พักรถ เวลา เหนื่อย..หรือ ง่วงนอน

มีรถมาจอดพัก 2-3 คัน...คนขับก็นอนพักไป..
คนอื่นที่มาด้วย ก็ไปเดิน ดู ปราสาท..เป็นกลุ่มๆๆ

กู่บ้านแดง..เป็น พระปรางค์เดี่ยว.เด่นเป็น สง่า
ตั้งอยู่กลางพื้นที่ ประมาณ ไร่เศษ..พื้นที่ตั้งตัวปรางค์ค่อนข้างต่ำ
คงจะเป็น เพราะ ต้องยกระดับถนนโดยรอบ..ยกระดับ พระปรางต์ ไม่ได้
น่าจะมีน้ำท่วมในหน้า ฝน..ถ้าฝนตกหนัก
...........................................................................

 

เราเลี้ยวเข้าไป จอด ด้านในสุด เพื่อ พักร่มเงาต้นไม้
แค่ผ่านเขตเข้าไป..ทุกคนก็สัมผัสได้ กับ พลัง ที่ ค่อนข้างแรง
พิจารณาด้วยจิต...ก็พบ ว่า พลัง ส่วนหนึ่ง มาจาก ตัวปรางค์ปราสาท
และ อีกส่วนมาจาก บริเวณ โดยรอบ..มาวูบๆๆเหมือน กระเสลมพัด

ดูด้วยตาใน...ด้วยความสงสัย ที่... ที่ นี่ มีพลังโดยรอบมาแจมด้วย
ก็มองเห็น ทั้ง พญานาค 1 เศียร ที่เสมือนพลททารเฝ้าพื้นที่ ราบ 11
หน้า ม. เกษตร บางเขน...และ รุกขเทวดา และ นางไม้
ที่ สิงสถิตย์อยู่ ตามต้นไม้ใหญ่ที่อยู่โดยรอบ บริเวณ

ก็เลย ต้องยืนแผ่เมตตาให้เขาไป..
ที่ ต้องมาทำหน้า ที่ ดูแล ..สถานที่อันศักดิ์ สิทธิ์ นี้
ทุกวิญญาณ ก็พอใจ..ที่มีกลุ่มพิเศษมาเยี่ยม..และแผ่เมตตาให้
.....................................................................

 

เนื่องจาก บริเวณ ที่ ตั้ง องค์ปรางค์ อยู่ต่ำลงไป..จากพื้นถนน
จึงต้องเดินอ้อมมาด้านหน้า ที่ ลาดลงไป..พอเดินได้ สะดวก
เข้าไปใกล้ องค์ปรางค์..ก็มีพลัง ดันออกมา แบบ ซู่ซ่า..จนลุก
จึงต้องเดิน สัมผัสดู ว่า ออก มาจขาก ที่ ใด ของ องค์ปรางค์

เดินมาได้ จุดหนึ่ง..ที่ มีพลังเข้ม แปล ว่า..เขานั้นอยู่ ตรงนี้
จึงยืนสงบเพื่อ ดูเขา....คุณ เห็ดหอม ที่ อยู่ ข้างๆๆ
ก็สัมผัสได้..จึง ยกกล้อง ดิจิตัล ขึ้นถ่ายรุป เผื่ออาจติด อะไร แปลกๆๆ
ก็ถ่ายไป เรื่อยๆๆ..ยังไม่มีเวลามาย้อนเปิดดู

กลับมา เอาไป อัดรูป โปสการ์ด ขนาดใหญ่ ออกมาดูกัน
ที่จะต้องอัด เพราะ มีหลายคนอยากเห็น ก็อัดใส อัลบัมไว้ให้ดูได้
สมาชิก ชมรม คนตาทิพย์..มีจำนวนน้อย ที่ เล่น อินเตอร์เนต
ที่เล่นน้อย เพราะ ส่วนใหญ่ มีอายุมาก..มี คอม..ลูกๆๆก็ยึดหมด

อัดรูปออกมา..ก็พบว่า กล้องไว พอ ที่ จะถ่ายติด ดวงพลัง สีชมพู
ลอยอยู่ทางมุมซ้ายบน ของ ภาพ.
.และ ภาพรางๆๆ ของ ร่างที่ พยายามจะปรากฏต้วนั้น
สมชิก ลองมองดู ว่า...ร่างนั้น เหมือน เทพ องค์ใด

เราก็สงบ..และสนทนาทางปราณ...เขาบอกว่า เขายินดี ต้อนรับ
ที่พวกเรากลุ่มคนพิเศษมา...
ขอให้ มีตวามเจริญ ทั้งโลก และ ทางธรรม ตามที่ปราถนาไว้..
เราก็จอ ขอบคุณในพรนั้น..และขอแผ่บุญ ที่ มี ขณะ นั้นให้เขาไปด้วย
เพื่อเป็น การแลกเปลี่ยนกัน

 

กู่บ้านแดง ตำบลหนองแสง อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม



พอไปเจอป้ายกรมศิลป์ เลยถ่ายไว้ก่อน..กันลืม (อ.ว่างั้น)



ใกล้เข้าไปอีกหน่อย มีดอกไม้บูชา ห้อยเป็นแผงๆ



ถ่ายกับพี่ sid2 ดูว่าหุ่นยังเท่ไม่แพ้กัน



ทับหลังหินทรายสีแดงสลักเป็นรูปรัตนตรัยมหายาน ตัวจริงได้เก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย
เพราะก่อนหน้านี้เคยถูกขโมยไปแล้ว


ที่เห็นในกู่บ้านแดง ได้จำลองทับหลังรัตนตรัยมหายานเอาไว้เหนือประตู มีลายละเอียดเดิม คือ
ตรงกลางเป็นภาพของพระพุทธรูปนาคปรก ประทับนั่งอยู่เหนือลายหน้ากาล
ด้านขวามีรูปพระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร ( สี่กร ) ประทับยืน
ส่วนด้านซ้ายเป็นรูปนางปรัชญาปารมิตา (2 กร)
.....ส่วนทางด้านข้างสุด ทั้ง 2 ด้านเป็นภาพบุคคล ประทับนั่งบนหลังช้างสามเศียร
(พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ) และมีบุรุษ 1 คนนั่งประนมมือหันเข้าสู่ส่วนกลาง
ข้อมูลจาก http://kanchanapisek.or.th/oncc-cgi/text.cgi?no=15864


เมื่ออัญเชิญ..มหาเทพ ปรากฏเป็นดวงสีชมพูลอยลงมาประทับที่หน้าบัน

 

<!-- google_ad_section_end -->


อ่านข้อความเดิม ของ คุณอัสดง .........งง........ แวมไพร์มีจริงเหรอ ???

 

เก็บตกเรื่องเล่า..ปราสาทนางรำ
ตอนที่รถเข้าจอดใต้ต้นไม้เพื่อหลบร้อนผม
รู้สึกถึงเจ้าบ้านที่มารับก็ถามอาจารย์ว่าใต้ต้นไม้มี
เจ้าที่มารับอาจารย์บอกใช่ก็มีความรู้สึกว่าท่าน
หิวก็กำหนดแผ่เมตตาอุทิศบุญกุศลให้ไปเพราะ
ไม่ได้เตรียมอาหารเครื่องเส้นไหว้ เมื่อเสร็จแล้ว
ก็ลงรถตามอาจารย์ไป เมื่อไปถึงอาจารย์บอกเออ
ดีทำไมเขาคุกเข่าให้เราผมก็เลยบอกอาจารย์ว่า
ก่อนลงรถผมแผ่เมตตาให้เขา เมื่อเยี่ยมชมเรียบร้อย
ก็กล่าวคำอำลาเดินทางกลับออกมาปากทางประมาณ
๔กิโลก็พบว่ามีอะไรไม่รุตามมาก็ถามอาจารย์แต่อาจารย์
ยังไม่ทันเอ่ยตอบเลยว่าเป็นอะไรเจ้าตัวที่ตามมาก็มีเสียง
ตอบมาแทน ตอก...ๆ...แก อ้าวแลัวกันมา ไมเนี่ย
อ.ก็บอกว่ารู้แล้วนะว่อะไรตามมาเขารู้ว่าเรจะไปกู่อื่นและ
พระธาตุนาดูรเขาอยู่ต้วเดียวมานานขอเกาะไปหาสาวๆ
ก็เลยต้องเป็นกามเทพจำเป็นซิเรา ๕๕๕๕๕๕๕
ให้เขาเกาะไปหาสาวที่เขาอยากเจอ.......

 

ดูภาพนี้แล้วขนลุกซู่เลยค่ะ แน่นหายใจไม่ทั่วท้องเลย ของเขาแรงจริง ๆ เลยค่ะ

 

ในกล้อง มองเห็น ดวงสีชมพู ไม่ชัด
แต่พออัดเป็นรูปออกมา...ชัดเจนขึ้นมากผิดคาด
จะเห็นว่า ในบางกรณีย์ ดวงจะมีสีขาว
ซึ่ง ทางผู้ชำนาญ กล้อง บอกว่า สะท้อนแสง จาก อณูละอองไอน้ำ
แต่ นี่ เป็น ดวงสีชมพู...ซึ่งเป็นพลังของ เทพ
ถ่ายจังหวะเร็วไป นิด.
.เพราะเทพกำลังเพิ่มพลังให้ตัวค่อยๆๆ ชัดขึ้น จนเต็ม องค์
ขณะที่ถ่าย จะเห็น ร่างบางๆๆ...ของ ช้างเอราวัณ และ องค์อินทร์

ขอบคุณ " คุณ ตัวกลมๆ"ที่เอารูปขึ้น
เพื่อให้ รู้กันว่า พลังและดวงของเทพ มี จริง
...............................................................

 

เดินดู โดยรอบ อีกครั้ง โดย เดินวนขวา
คือ เดินวนให้ บ่าขวา เข้า หา จุดที่เดินวน เสมอ
ใช้กับการเดินวน.สิ่งศักดิ์ สิทธิ์ ทุกรูปแบบ
ไม่ว่า เจดีย์ /โบสถ์...ฯลฯ

ประตูเข้าภายในโบสถ์ หรือ อุโบสถ...
ให้ เข้าประตู ทางซ้าย ก่อนเสมอ...
และเวลาออก ให้ ออก ทางประตูขวา
....................................................
ออกมาจากบริเวณ องค์ปรางค์ก็มาเดินรอบ ต้นไม้ ใหญ่ ที่ มี อยู่ 3 ต้น
บอก กล่าวลา รุกขเทวดา และ นางไม้..ที่ เฝ้า เป็น รปภ อยู่ที่ นั่น
......................................................................

 

ถอยรถออกมา..จากปากทางเช้า
เห็น ทัศนียภาพโดยรวม ที่ ชัดเจน
เป็นสถานที่ ริมถนนใหญ่..จัดสวยงาม เยี่ยง สวนสาธารณะ
เหมาะ แก่ การ เป็น ที่พักรถ ระหว่างทาง
............................................................
ต่างไปจาก อโรคยาศาล หรือ กู่ เล็กๆๆ บางแห่ง
ที่อยู่ไกล จาก ถนนใหญ่..มีถนนฝุ่นแบบชาวบ้าน
ไม่เป็น จุด ที่น่า ท่องเที่ยวหรือ เข้าไปดู
กรมศิลป์ จึงไม่พัฒนา..ปล่อน รกรุงรัง..เหมือน อยู่ในป่าหญ้ารก
......................................................................
เคยแวะเข้าไปดู..กู่ ที่ ว่า..ด้วยความอยากรู้ และสนใจ
พบว่า มี แห่งหนึ่ง อยู่กลางชุมชนเล็กๆๆ ที่ มีอาชีพ ในการ ตัด ต้นไม้
เอาไม้มาทำเป็น เผา ทำถ่าน.
และใช้ ห้อง ในกู่อันศักดิ์ สิทธิ์ ทำเป็น โกดัง เก็บถ่าน
......................................................................
อีกแห่ง..เป็น ชุมชนเล็กๆๆเช่นกัน
เอาไม้มาตีเป็น กรง..กลายเป้นกรงขังเลี้ยงไก่
และดีอยู่อย่าง ชาวบ้าน ส่วนใหญ่
ไม่มีใครรื้อ เอาอิฐ/หิน ปูน ทราย
รื้อ เอาไป ทำบ้าน หรือ กำแพงบ้านตัวเอง
ถ้าทำอย่างนั้น..ชุมชนนั้นจะอยู่ไม่ได้
เพราะ เทพ หรือ เทวดา...คงจะไม่ยอม เป็น แน่
......................................................
พวกเรา ทั้งมวล เวลาไป เตามสถานที่ ศักดิ สิทธิ์
อย่าได้ หยิบฉวยเศษ ชิ่นส่วน/ เศษ กระเบื้อง เซรามิค
เอากลับมา บ้าน..มิฉนั้เน จะนอนไม่หลับ..
จะมีวิญญาณ ตามไป ทวง ตามไปหลอกหลอน

ตามที่เคยเป็น ข่าว ฝรั่ง เอา เศษ เซรามิค ของ วัด อรุณไป
ปรากฏว่า ต้อง ส่ง จดหมาย ขอ ส่ง คืน
บอกว่า มี ยักษ์ ตามไป ทวงที่ บ้าน ทุกคืน
และเราก็รู้กันว่า ผู้ที่เฝ้า พระปรางค์ วัด อรุณ..คือ ท้าว เวสสุวรรณ
เวลานั่งเรื่อ ท่อง แม่น้ำ เจ้าพระยา..ตอนหัวค่ำ
ท้าวเวสสุวรรณ..มัก จะแสดง องค์ ยืนขึ้นสูง กว่า องค์ ปรางค์
ยืนจ้องลงมา..เราก็ ต้อง ตั้งจิต ขอ คารวะ..ต่อ มหาเทพ

เพราะเวลาราตายไป...เราทุกคนก็จะไป เจอ ท่าน
เพื่อ การตัดสิน เรื่อง คะแนน บุญ/บาป
..........................................................

 

เรื่องเล่าก่อนนอนคืนนี้ ตอน
เส้นทางสู่ พระธาตุนาดูน มหาสารคาม
...............................................................
ขับรถออกมา..วิ่งต่อไป ตามเส้นทางที่ป้ายบอก ไว้
จากหลักกิโลเมตรและป้าย...
ทำให้รู้ว่า อีก 40 กม..เราจะถึง องค์พระธาตุ นาดูน
...........................................................
จากการจิ้ม ตรวจจากแผนที่...บอกว่า มีอีกสถานที่หนึ่ง ที่ มีพลัง มาก
สมควรที่จะแวะ เยี่ยมชม...และอยู่ก่อนถึง เขต พระธาตุนาดูน เล็กน้อย
ถนนที่ วิ่งไป หลังจาก ต้องเลี้ยวขวา ที่แยกใหญ่แห่งหนึ่ง
เป็นถนน ลาดยาง..ค่อนข้างดี...มีรถสวนมาตลอดเวลา
แสดงว่า...มี ผู้คนที่ศรัทราในองค์ พระธาตุนาดูน..พากันมา บูชาทำบุญ
เพราะ รุ่งขึ้นก็จะเป็น วัน มาฆบูชา
..........................................................................
เรื่องวันสำคัญ ทา่งศาสนาพุทธ
เนื่อง จากชีวิต ส่้วนใหญ่ จะอยู่ในโรงเรียน มิชชันนารี่ฝรั่ง
จึงรู้แค่ชื่อ วัน..เช่นวันมาฆบูชา / วันวิสาขะบูชา
แต่ไม่รู้ความหมาย ของ วัน...ว่า เป็นอย่างไร
.........................................................
ตอนหลัง จึงต้องหาหลักในการจำ
ก็จำได้...เช่น วันมาฆบูชา
วิธีจำ คือ...คำแรก "..มา "..ก็ แปลว่า มารวมกัน
"ฆ" เป็นตัวท้ายของ คำว่า "สงฆ์"
จึงแปลว่า...พระสงฆ์ 2500 รป มารวมกัน โดยมิได้ นัดหมาย
นักเรียนที่จำไม่เก่ง จำเอาไว้สอบ ก็ได้
.................................................................

 

ขับรถมาได้ สัก 10 นาที...ก็พบป้ายบอก มีลูกศร ชี้ "กู่สันตรัตน์"
มองเห็น องค์ปรางค์สูง เสียดยอด เหนือ ยอดไม้..
ก็แน่ใจว่า..ใช่...เรามาถูกแล้ว
ก็เลี้ยวทันที ที่ เห็นประ๖ุทางเช้า ที่อยู่ ทางฝั่งขวา ของ ถนน

ถนนที่เข้าไป เป็นถนนถมด้วยหินแกลบ..แคบๆๆ..ทางเดียว รถสวนไม่ได้
มองไป ข้างหน้า.ไม่เห็น องค์ปรางค์
ปรากฏว่า องค์ปรางค์ที่สูงเด่น อยู่ ทางซ้าย มีรั้วกั้น...
แปลว่า คนละเขต...เราเข้าผิด ทาง
............................................................
จะกลับรถก็ไม่ได้ เพราะ ทางแคบ...มองเลึกเข้าไป
ก็เห็นว่า ข้างในโล่ง..พอที่จะกลับรถได้..ก็เดินหน้า ต่อ
ทางนั้นลึกราวๆๆ 120 เมตร
.............................................................
พอมาถึงข้างในสุด ก็พบ ว่า สถานที่แห่ง นี้ เป็น สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง
เห็นพระสงฆ์ นั่ง อยู่ สอง รูป...ใจก็ว่า เอ้า...เข้ามา ก็ดี
มองเห็น เต้นท์ ชั่วคราวอยู่ตรงหน้า..
มีพระพุทธรูป องค์ ขนาด กลาง สองศอกตั้งอยู่เพื่อให้ผู้คนได้ กราบไหว้
..............................................................................
ที่ฉุกใจ...เพราะ เป็น ปาง พระพุทธชินราช จำลอง..
อันสวยงาม จากต้นแบบ จ.พิษณุโลก
กลุ่ม พวกเรา นักพลังจิต...
นี่.. แพ้พระพุทธรูปจำลองขององค์พระพุทธ ชินราช
เพราะ รู้ว่า ปางนี้..จะมีพลัง ของ องค์พุทธที่ จะมาในอนาคต
" นั่นคือ สมเด็จ พระศรีอริยเมตตรัย "
......................................................................
รู้ได้ อย่างไร??????????????????
นักพลังจิต..เวลา ไปกราบไหว้ พระพุทธรูป ทั่วไป แทบทุกปาง
ยกเว้นปางที่องค์พระ ใส่ มงกุฏ..(แบบ ปางองค์จักรพรรดิ์ วัด หน้า พระเมรุ)
จะสัมผัสได้ กับ พลัง พุทธบารมี
"ถ้า พลังนั้น ออกทางอบอุ่น ซาบซ่า.
.ก็แปลว่า เป็น พลัง พุทธ บารมี..
ของ องค์ โคตะมะ พระพุทธองค์ ลำดับที่สี่..องค์ปัจจุบัน

 

ถ้าพลังพุทธ นั้น ออกมาในแนว เย็น เหมือนมีลมแอร์เย็น เป่า หน้า
สันหลังเย็น วาบๆๆ..หายใจโล่ง สะบายตัว
นั่นคือ พลัง พุทธ บารมี แห่ง องค์พุทธ ที่ จะมาในอนาคต
" พระศรีอริยเมตตรัย "

ในวิธีนี้ เมื่อ เราดู วัด และ องค์พระประธาาน..แล้ว สัมผัส พลังเย็น อย่างที่ บอก
ก็แปลว่า..วัดนั้น เป็น วัดที่องค์พระศรีอาริย์ ที่ ทรงได้ เลือกไว้..
เมื่อ ถึงเวลาต้อง ฟิ้นฟู ศาสนาพุทธ...ให้ ฟื้นขึ้นมาใหม่
ที่เรียก ว่า "ยุคแห่งพระศรีอาริย์"
โดยวิธีนี้ เราจึงพบแล้วว่า จาก วัด กว่า 70.000 (เจ็ดหมื่นแห่ง)
มีวัด ที่พระศรีอาริย์ ได้ เลือกไว้แล้ว 18 แห่ง...และจะยังมีอีกต่อไป
.......................................................................
หลังจาก สังเกตุ วัด ที่ องต์พระศรีอาริย์ได้ เลือก
เราพบ ว่า จะเป็น วัด ที่ มีพระพุทธรูป ที่อยู่ในปาง แต่งมงกุฏ
แต่งองค์ใสสายสะพาย...
แบบ เดียวกับ พระแก้ว มรกต
ในวัด พระศรีรัตนศาสดา ราม (วัดพระแก้ว กทม)

เพราะ เวลาทรงมาแสดง ตัว ว่า เป็น พระศรีอาริย์...
ก็จะแต่ง องค์ เช่นที่ี ว่า
.............................................................

 

เอาภาพพระประธานที่วัดนางนองวรวิหารมาฝากครับ เป็นพระปางทรงเครื่องจักรพรรดิ ผมเคยไปกราบพระที่วัดแห่งนี้หนหนึ่ง ตอนนั้นไปกับทัวร์เรือหางยาวครับ ปกติพระอุโบสถที่วัดจะปิด แต่สามารถติดต่อขอพระท่านเข้าไปกราบได้ครับ ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกับพระศรีอาริย์ ด้วยหรือไม่ครับ