เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

แวะมาเล่าฝันเมื่อหลายวันก่อนครับ ฝันเสร็จนึกถึง หยินหยางขึ้นมาเลย


14/01/2010 ประมาณ 7:00 am.

ฝันว่าได้ดูสารคดี มีผู้บรรยายถึง white black monkey model โดยบอกว่าเริ่มใช้ตั้งแต่ ไมเคิลแจคสันจัดคอนเสริตครั้งแรกที่เมืองไทย ผู้บรรยายเป็นคนจีน บรรยายว่า จักรวาลครั้งหนึ่ง มีธาตุ 2 ชนิด ลอยอยู่ในอวกาศ ในฝันเห็น เห็นเป็น ดวง 2 ดวง ลอยอยู่ (แต่ข้างนั้นก็มี วัตถุธาตุอื่นๆในอวกาศอีก) ทั้ง 2 ทำการ ส่ง กระแส แรกเปลี่ยนประจุกัน ตลอดเวลา ต่อมาเวลาหนึ่ง ปรากฏว่า ทั้ง 2ดวง เคลื่อนที่เข้าหากัน ชนกัน ภาพปรากฏ เป็น เนบิวล่า รูปผีเสื้อ ณ จุด นี้ผู้บรรยายบอกว่า จากการชนกันของ 2ธาตุ เกิด “หรุยหราง” หรือ มิติสัมพันธ์ ซึ่งข้าพเจ้า ได้ทำการ ขัดจังหวะการบรรยาย โดยยกมือถามผู้บรรยายว่า มิติ ในทัศนะของจีน กับตะวันตก เหมือนกันหรือไม่ ผู้บรรยายตอบว่า เหมือนกันโดยหลักการ แต่โดยปลีกย่อย มีรายละเอียดแตกต่างกันบ้าง / ฝันจบเท่านี้เพราะตื่นนอนมาเข้าห้องน้ำตอนเช้า<O</O

 

อ่านคุณเดรดเขียนถึงความสัมพันธ์ของเลข 12 เลยนึกถึงลักษณะสถาปัตยกรรมย่อมุมไม้ 12 เลย แต่หลักการและเหตุผลที่มาของรูปแบบนี้ อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาได้ยังไง

 

แหล่มมากกกกกกก แจ้ คิคิ ไม่ผิดหวังจริงๆ แหม จะเป็นหมวยเล็กกว่า ไม่เป็นหมวยกะจิดริด ไปซะเลยล่ะคะ -.-

พูดถึงเรื่องประสบการณ์ ถ้ารู้หมดว่า เราเลือกอะไรมาบ้าง โลก ก็ไม่จำเป็นซิคะ 5555 เราก็กลับบ้านเก่าไปกันหมด

เรื่องความลี้ลับบางอย่างที่ถูกเปิดเผยออกมา ก็เพราะเป็นยุคพลังงานใหม่ เราเลยจำเป็นต้องตื่นรู้จากอำนาจเก่าที่คอยปิดบัง กีดกันตัวตนที่แท้จริงของเราจากตัวเราเองอยู่ตลอดให้จงได้
มันไม่ได้หมายความว่าเราต้องตรัสรู้หรือรู้แจ้ง เพียงแค่รู้อย่างแท้จริงจากความเป็นจริงที่มีรูปธรรมชั้นสูงต่างๆสื่อมาแจ้งจากการร้องขอของพวกเราเอง ว่าเราเป็นใคร มาทำอะไรอยู่ รู้ว่าเรามี ทวิภาค คือทั้งความเป็นมนุษย์ และตัวตนที่สูงส่งกว่าของเราเองอยู่คู่กัน แค่นั้นก็ โอละค่ะ ถือได้ว่าส่องแสงสำเร็จ

พลังงานใหม่ทำให้โอกาสต่างๆที่ยุคพลังงานเก่าทำไม่ได้หรือทำได้ยากมาก เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย

อ้อ แจ้ ผังทางโหราศาสตร์มันเปลี่ยนแปลงไปนะแจ้ เรือนต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป แต่ไม่มากนะ อันนี้บรรดาแม่หมอทั้งหลายต้องพิสูจน์ทำการบ้านกันเองนะจ๊ะ คิคิ

หนับหนุน แจ้เลย ตรงประเด็นดี *0* ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปในระดับควอนตัม ก็เพราะมนุษย์อย่างเราๆนี่แหล่ะ ที่ทำให้เปลี่ยน เป็นไงเล่าาาาาาา อนาคตยังเปลี่ยนได้ อ่ะโธ่ มนุษย์นี่แหล่ะ สุดยอดดด แล้วววว *0* นอสตราดามุส ก็นอสตราดามุสเหอะ เค้าก็เห็นเฉพาะอนาคตจากปัจจุบันของเค้าในเวลานั้นเท่านั้นเอง อ่ะโ่ด่เอ้ยยยย คิคิ

 

ชอบมากๆครับ ด้วยความจริงใจ เพราะ ไอเดียเดียวกัน ขอรับ
เราล้วนเป็นเครือข่ายพลังงานเดียวกัน
ล้วนอยู่โรงละครเดียวกัน แต่คนละบท
กำลังพยายามตัดใจ ไม่ให้หลง ติดกับ:'(

 

อ๊ะ...ตามคำเรียกร้องของคุณเดรด
เล่าในนี้ซะหน่อยก็ดีครับ

เมื่อวานนี้ ผมได้รับแรงกระตุ้นอย่างมาก
เกี่ยวกับการเปลี่ยนพฤติกรรมด้านลบของตัวเอง
เช่นกินเหล้าเมายาอะไรแบบนั้น

จนตอนเช้าเมื่อวาน ผมทำงานไม่ได้เลย ผมอยากนั่งสมาธิ
ก็เลยนั่งไปเกือบ 2 ชั่วโมง ในระหว่างที่นั่งไป ก็รู้สึกกล้ามเนื้อกระตุกเป็นช่วงๆ
เพราะมัน ปลดปล่อยพลังด้านลบความเครียด และอะไรทำนองนั้นออกไป

แล้วทั้งวัน ผมก็ตั้งใจว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านี้ให้ได้
เพราะรู้อยู่ว่า ยิ่งโลกเราเข้าสู่โฟตอนโซนไปยิ่งมากเท่าไหร่
กระแสจิต และพฤติกรรมด้านลบทั้งหลาย มันก็ยิ่งจะถูกบีบ-ถูกคั้นมากขึ้นเท่านั้น
เพราะว่ามันเข้ากันไม่ได้ เพราะฉะนั้นตัวเราผู้คิดผู้ทำเอง
ก็จะลำบากเดือดร้อนไปด้วย เพราะเราไม่ได้ปล่อยไปตามกระแสบวก
เรากำลังทวนกระแสด้วยพฤติกรรมด้านลบของเราอยู่

ตกกลางคืนมา ก็ฝันค่อนข้างมีความหมายชัดเจนนะผมว่า

ผมฝันไปว่าได้กลับบ้าน ไปหาคุณแม่ของตนเอง
ซึ่งพบว่าบ้านเดิมนั้นคุณแม่ผม (เทพผู้นำทางผม) กำลังปรับปรุงใหม่อยู่
โดยใช้เงินของผมหนะแหละมาทำให้ รู้สึกในบ้านจะมีบ่อน้ำพุไหลออกมาด้วยนะ
ใสสะอาดเชียว ไหลออกมาจากชั้นบนของบ้าน แล้วไหลลงไปสู่ชั้นล่างทางระเบียงหน้าบ้าน
ซึ่งช่างเขาก็ยังทำไม่เสร็จดีเลย ทุกๆอย่างวางเค้าโครงไว้แล้ว
แต่ยังไม่ละเอียดปราณีตนัก ยังเป็นฝีมือช่างแบบลวกๆอยู่

ตรงทางน้ำที่ไหลลงไปนั้น เขาเอาก้อนหินไปวาง และทำเป็นน้ำตกไว้ด้วยนะ

ผมถามหาคุณแม่ หาคุณแม่ไม่เจอ แต่สักพักก็เห็นคุณแม่แต่งตัวภูมิฐานกว่าปกติเดินมาหา

ในฝันเขาบอกว่า คุณแม่ผมแต่งงานกับฟรั่งแล้ว แต่คุณพ่อที่เป็นคนไทยของผม
ก็ยังไม่ได้เลิกกัน แต่ไปไหนแล้วไม่รู้ เหมือนจะไปๆมาๆหากันอยู่

แต่ที่ผมแปลกใจก็คือ พอผมจะไปดูว่าฟรั่งคนไหนนะ ที่มาแต่งงานกับแม่ผม
ก็ปรากฏว่าเห็นคนนอนอยู่บนพื้น เอาผ้าห่มคลุมไว้ทั้งตัว ไม่เห็นหน้าเลย
พอดึงผ้าคลุมออก ก็พบว่า ตายแล้ว มีตั้ง 4 คนเลยเหรอเนี่ย
เป็นฟรั่งทั้งหมดเลย อายุราวๆ 25 - 30 ทั้งนั้นเลย
แต่ละคนก็มีลักษณะพิเศษแตกต่างกันไป แต่ทุกคนเพิ่งตื่นนอนกันงัวเงีย
และหน้าตาท่าทางยังไม่สดชื่นและสวยงามเลย

ทีนี้ประเด็นมันอยู่ที่ ผมเคยแปลและโพสต์ข้อความไว้ในกระทู้ปี 2012 ของผม
ว่าหากภาระของเราหนัก ปัญหาของเราหนักหน่วง เราก็สามารถร้องขอเทพผู้นำทางเพิ่มได้อีกถึง 4 คน
นี่ถึงทำให้ผมคิดว่า เอ..หรือว่าผมได้ขอไปแล้วนะ เขาถึงส่งมาให้
แต่เพราะว่าพฤติกรรมด้านลบของผมยังมีอยู่ พวกเขาก็เลยยังช่วยอะไรไม่ได้มาก
บุญก็ไม่ค่อยได้ส่งให้พวกเขา พวกเขาจึงอ่อนแรงกันมาก

บ้านในฝันของผม หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างของผม คือวิถีของผม
ที่ค่อนข้างมั่นใจก็เพราะว่า ฝันเกี่ยวกับบ้านบ่อยมากๆ
บางทีก็เป็นบ้านเก่า บ้านร้าง ห้องเช่าเก่าๆ ห้องเช่าร้างๆ สกปรกๆ อะไรแบบนั้น
ซึ่งมันคงหมายถึง วิถีนั้น ไม่ใช่ของเราจริงๆ (ห้องเช่า) ดังนั้นคงต้องเปลี่ยน

ก็ต่อเมื่อผมตั้งใจที่จะเปลี่ยนจริง พวกเขาถึงเริ่มตื่น
อะไรๆก็เลยจะกลับมาเป็นตัวเราใหม่อีกครั้งหนึ่ง

........................................

 

คุณชยุต ตีความ ความฝันออกมาได้ ชัดเจน แจ่มแจ้งไปเลยค่ะ
เรียบๆ ง่ายๆ แต่ความหมายลึกล้ำ เข้าเป้าเผง...

ความฝันที่เกี่ยวกับบ้าน พี่นักเขียนเคยบอกเดรดว่า
มันหมายถึงบุคคลิกภาพของเจ้าของบ้านที่เราฝันด้วย
แต่จะเป็นบุคคลิกภาพแบบไหน ก็ต้องแล้วแต่คนฝัน
จะว่าเป็นภาวะจิตที่เรา คาดการณ์ไว้ก็ใช่ คิดไปเองก็ใช่ นึกแล้วเชียวก็ใช่อีก

เพราะ...พี่นักเขียนเคยบอกเดรดว่า ถึงแม้จะเป็นภาวะจิตเรา
แต่เรา ก็คือการเชื่อมโยงกับทุกสรรพสิ่ง ---เรา แปลว่า all
All in One...อิอิ ไม่มีแบ่งแยก ฉัน หรือ เธอ
เพราะฉัน หรือ เธอ ไม่มีจริง เป็นเรื่องสมมติ

มันจึงสะท้อน ความหมายของสัญลักษณ์ที่ฝันถึงออกมา
ผ่าน"เรา" อีกที....

ดีจังค่ะ อย่างน้อย ได้พบเทพผู้พิทักษ์ แระ
ถึงจะไม่ได้มาแบบอลังการงานสร้าง แต่ก็รู้ว่านี่แหล่ะใช่ จริงๆ
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ จริงมั๊ยคะ....ถ้าเราไม่รู้แล้ว ใครจะมารู้แทนได้ จริงมั๊ยคะ

ที่ว่ารู้ คือรู้สึกว่า ...มันใช่ หรือ ไม่ใช่

ซีกขวาปัญญาญาณอย่างเดียว ซีกซ้ายตรรกะหลบไปเลย
เหมือนที่คุณชยุต เคยบอกไงค่ะว่า ถ้ารู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้วละก็
มันต้องมีอะไรผิดแล้วหล่ะ(เรื่องงานแปล อะ...จำได้ป่าว คะ?)

เฮ้อ...!!!!ของข้าพเจ้าแว่บไป แว่บมา ยังไม่ชัดเลย....
เลยไม่รู้ซักที ว่า...ใช่ ป่าว....???

แต่เดรดเชื่อนะ เชื่อในเรื่องที่ว่า พวกเราทั้งหมด... All
คือ เทพผู้ดูแล ซึ่งกันและกันเสมอ ทั้งที่เคยเห็นกัน และไม่เคยเห็นกันเลย
เชื่ออย่างนั้นจริงๆค่ะ

Love U....catt11....ALL

 

ว๊ายยยๆๆๆ กรี๊ดๆๆๆๆๆๆ วี๊ดดดดดๆๆๆๆ

0.0

อุ้ย....ขอโต๊ดดดดที่ทำเสียงดางงงงงงงงง 0.0

เห็นเงียบๆกานนน งานเย๊าะหราาาา

(เปลี่ยนเป็นวิชาการดีกว่า 0.0) หมวยเห็นด้วยกะแจ้เดรดนะ *0* เราดูแลกันและกันเสมอจ้า

ใครที่แอบอ่านกระทู้นี้แล้วชอบใจ ติดตามตลอด มาพูดคุย แนะนำตัวกันได้นะคะ ทุกท่านในนี้น่ารักทุกคนเลยค่ะ แถมอบอุ่นด้วยนะเอออ

หรือถ้าใครศึกษาแล้วมี ปุจฉา ก็ลองโพสต์มาถก กับทุกๆคน ท่านอาจจะได้วิสัชชนา ก็ได้นะจ้าา *0*

ปล.รับรองว่าหมวยไม่ดุค่ะ ไม่ดุเลยนะ แต่ดวงตาดุ มันเป็นธรรมชาิติอ่าาา แ้ก้มะด้ายย 0.0

 

ประโยคนี้อ่านแล้วอ่านอีก คิดแล้วคิดอีก
ลึกซึ้งมากๆเลยครับคุณมะเดรด

เคยคิดว่า ถ้าภาวะจิตเป็นส่วนตัว แล้วเรื่องราวในฝัน ไปเกี่ยวพันกับผู้อื่นได้อย่างไร และโดยเฉพาะหากถอดความผ่านสัญลักษณ์มาแล้ว อาจจะเป็นเรื่องราวในใจของผู้คนรอบข้างเรา หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเค้าในปัจจุบัน-อนาคต ซึ่งถูกต้อง

ไม่มีคำว่า ฉัน หรือ เธอ
มีแต่เรา ที่เป็นระบบ network ที่ซับซ้อน เชื่อมโยงถึงกันหมด

 

นั่นซิ...คุณเซลล์ ที่มันต้องมี "ฉัน" และ"เธอ"
อาจเป็นเพราะ ต้องมีการสื่อสาร มี ผู้ส่ง และ ผู้รับ

ลองถามตัวเองดิ ใครเป็น ฉัน ใครเป็นเธอ
ตอนพูดคุย กับตัวเองหน่ะ แยกออกไหมอะ...
จริงๆทั้งหมด คือเรา เรา และเราทั้งสิ้น
การแทนสัญญลักษณ์ เพื่อให้เกิด แอคทิวิตี้ เท่านั้น

ไม่ว่า จะแทนด้วยอะไร เราทุกคน กำลัง Channelled อยู่ตลอดเวลา
แต่ด้วยความที่เอาสัมผัสทั้ง 5 มาเป็นเกณฑ์วัด เลยไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
ลองฟัง มอง นึก ภาพ แสง สี เสียง หรืออะไรก็ตาม ที่มันผุดขึ้นมาในใจ

มันเป็นจะถ้อยคำ ภาษา ความรู้สึก หรือสัญลักษณ์อะไรก็แล้วแต่....
ของใคร ของมัน...มีลิขสิทธิ์ อันมิอาจลอกเลียนแบบได้

 

"Twelve Signs of Your Awakening Divinity"
12 สัญญาณแห่งการตื่นรู้อันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะเกิดกับคุณ
“Shaumbra” ....ครอบครัว และมิตรภาพอันลึกซึ้งจากด้านใน
โดย... Geoffrey Hoppe and Tobias

ที่มา...Awakening Signs



1. Body aches and pains, especially in the neck, shoulder and back
การปวดเนื้อปวดตัว และความเจ็บปวดต่างๆ โดยเฉพาะที่คอ ไหล่และแผ่นหลัง

นี้เป็นผลมาจาก มีการเปลี่ยนแปลงถึงขีดสุดในระดับ DNA ของคุณ
เพราะว่า "เมล็ดพันธ์ของจิตแห่งพุทธะได้งอกงามเกิดขึ้น" สิ่งนี้จะผ่านพ้นไปด้วยเช่นกัน

2. Feeling of deep inner sadness for no apparent reason
รู้สึกถึงความเศร้าลึกๆที่อยู่ภายใน โดยปราศจากเหตุผล

คุณกำลังปลดปล่อยอดีต(ในชาติภพนี้และชาติภพอื่นๆ) มันจึงเป็นสาเหตุของความเศร้า
เหมือนกับการย้ายจากบ้านเก่า ที่ๆคุณเคยอยู่มาหลายต่อหลายปี มาสู่บ้านใหม่
เศร้ามากพอๆกับความต้องการอยากย้ายบ้าน เป็นความเศร้าของการที่ต้องจากมา
มันซ่อนอยู่ในความทรงจำของคุณ
พลังงานและประสบการณ์ของบ้านเก่า มันจะเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

3. Crying for no apparent reason
ร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผล
คล้ายๆ ข้อ 2 มันเป็นการดีต่อสุขภาพที่ได้ปล่อยให้มีการหลั่งน้ำตาออกมาบ้าง
มันช่วยในการปลดปล่อยพลังงานเก่าๆที่อยู่ภายในให้ออกมา
สิ่งนี้ก็จะผ่านพ้นไปด้วยเช่นกัน

4. Sudden change in job or career
เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันกับงานหรืออาชีพของคุณ

มันเป็นสัญญาณที่แสนธรรมดามากๆ
เมื่อคุณเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัวคุณ คุณก็จะเปลี่ยนให้มันดีขึ้น สิ่งนี้จะผ่านพ้นไป
"อย่าเพิ่งไปเป็นกังวลกับการหางานหรืออาชีพที่สมบุรณ์แบบที่สุดในตอนนี้"
คุณกำลังอยู่ในขั้นตอนการเปลี่ยนผ่าน คุณอาจจะเปลี่ยนการทำงานได้หลายอย่าง
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกงาน ที่เหมาะสมตามความต้องการของคุณจริงๆ

5. Withdrawal from family relationships
มีการแยกตัวออกมาจากครอบครัว

คุณถูกเชื่อมต่อทางชีวภาพกับสมาชิกในครอบครัวของคุณ เพราะกรรมเก่าของคุณ
แต่เมื่อคุณหลุดออกมาจากวัฏจักรนี้แล้ว พันธะผูกพันเก่านี้จึงถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ
คุณจะค่อยๆห่างเหินออกมาจากครอบครัวและเพื่อนๆของคุณ สิ่งนี้จะผ่านไป
หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง คุณอาจจะพัฒนาสัมพันธภาพใหม่ๆกับพวกเขาเหล่านั้นได้อีกถ้ามันเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม
สัมพันธภาพนี้ จะอยู่บนพื้นฐานของพลังงานใหม่ โดยปราศจากผลของกรรมเก่าเข้ามาเกี่ยวข้อง

6. Unusual sleep patterns
มีแบบแผนการนอนที่ผิดปกติเกิดขึ้น

มันคล้ายกับว่าคุณจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นกลางดึกบ่อยขึ้น ระหว่าง ตี 2 – ตี 4
เพราะว่ามันมีงานภายในมากมายที่กำลังเกิดขึ้นกับคุณอยู่
และบ่อยครั้งที่มันเป็นสาเหตุให้คุณต้องตื่นขึ้น เพื่อ “พักสักครู่”
แต่ไม่ต้องกังวล และถ้าคุณไม่สามารถกลับไปนอนต่อได้ ก็ลุกขึ้นมาและหาอะไรทำ
ดีกว่าการนอนคิดฟุ้งซ่านและเป็นกังวลอยู่กับเรื่องทางโลกอยู่บนเตียง ..สิ่งนี้จะผ่านพ้นไป

7. Intense dreams
มีความฝันที่เข้มข้นรุนแรงเกิดขึ้น

อาจรวมไปถึงเรื่องสงคราม และการต่อสู่ในฝัน การโดนไล่ล่าในความฝัน
หรือฝันเกี่ยวกับสัตว์ร้าย คุณกำลังปลดปล่อยพลังงานเก่าที่อยู่ภายในออกไปอย่างแท้จริง
และบ่อยครั้ง พลังงานจากอดีตเหล่านี้ จะออกมาในสัญลักษณ์ของสงคราม
การวิ่งหลบหลีก และ วิ่งหนีผีในจินตนาการที่ใช้ขู่หลอกเด็ก
สิ่งนี้ก็จะผ่านพ้นไปด้วยเช่นกัน

8. Physical disorientation
เกิดความสับสนทางกายภาพ

ณ เวลานั้นคุณจะรู้สึกเหมือนไม่มั่นคง คุณจะถูกกระตุ้นด้านมิติสัมพันธ์
ด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับว่า คุณไม่สามารถวางสองเท้าของคุณลงบนพื้นดินได้
หรือ คุณกำลังเดินอยู่ระหว่างโลกสองโลก
ขณะที่จิตสำนึกของคุณกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่พลังงานใหม่ภายใน
บางครั้งเหมือนคุณทิ้งร่างกายของคุณไว้ข้างหลัง ใ
ช้เวลาส่วนมากไปกับธรรมชาติเพื่อที่จะช่วยขับดันพลังงานใหม่ที่อยู่ภายใน

9. Increased "self talk"
มีการพูดคุยกับตัวเองมากขึ้น

คุณจะพบว่าคุณกำลังพูดกับตัวเองมากขึ้นบ่อยครั้ง
ทันที่ที่คุณระลึกขึ้นได้ว่าคุณกำลังพูดคุยกับตัวเองอยู่มันได้ผ่านไปแล้ว 30นาที
มีระดับการติดต่อสื่อสารใหม่เกิดขึ้นภายในการดำรงอยู่ของคุณ
และคุณกำลังมีประสบการณ์เหมือนกับอยู่บนยอดของภูเขาน้ำแข็ง
การสนทนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และ หลั่งไหลออกมาเรื่อยๆ สอดคล้องมากขึ้น ชาญฉลาดมากขึ้น
คุณไม่ได้กำลังเป็นบ้า คุณแค่กำลังเคลื่อนเข้าสู่พลังงานใหม่

10. Feelings of loneliness, even when in the company of others
มีความรู้สึกโดดเดี่ยว แม้จะอยู่ในหมู่เพื่อนฝูง

คุณจะรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว และค่อยๆแยกตัวออกมาจากผู้อื่น
คุณจะรู้สึกถึงความต้องการที่จะ หลีกหนีไปจากแหล่งชุมชน
คุณกำลังเดินไปบนเส้นทางที่ศักดิ์สิทธิ์และเดียวดาย
ความรู้สึกโดดเดี่ยวมากเท่าที่คุณจะรู้สึกได้ จะเป็นสาเหตุแห่งความกังวล

มันเป็นการยากที่ต้องสัมพันธ์กับผู้อื่นในเวลานี้
ความรู้สึกโดดเดี่ยวนี้จะเกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้นำทางของคุณได้จากไป
พวกเขาเหล่านั้นอยู่กับคุณตลอดการเดินทางในชีวิตทั้งหมดของคุณ
แต่ตอนนี้มันเป็นเวลาที่พวกเขาต้องกลับออกไป

เพื่อที่คุณจะเติมเต็มความว่างเปล่าด้วยพลังศักดิ์สิทธ์ของตัวคุณเอง สิ่งนี้จะผ่านไป
ความอ้างว้างภายในจะถูกเติมเต็มด้วยความรักและพลังงานของจิตแห่งพุทธะด้วยตัวของคุณเอง

11. Loss of passion
เป็นอิสระจากความปรารถนา

คุณอาจจะรู้สึกอึดอัดใจ ไม่มีความต้องการที่จะทำอะไรแม้แต่น้อย นั่นไม่เป็นไร
มันเป็นเพียงแค่กระบวนการ ใช้เวลานี้เพื่อที่จะไม่ทำอะไร อย่าต่อสู้กับตัวเองสำหรับเรื่องนี้

เพราะ สิ่งทั้งหมดนี้จะผ่านไป มันก็คล้ายกับการรีบูท คอมพิวเตอร์
คุณต้องปิดเครื่องบ้างย่นเวลาลง
เพื่อที่จะโหลดซอฟแวร์ความไร้เดียงสาลงไปใหม่
หรือในกรณีนี้ พลังงานใหม่ของเมล็ดพันธ์ของจิตแห่งพุทธะ

12. A deep longing to go Home
มีความรู้สึกอยู่ลึกๆว่าอยากกลับบ้านเหลือเกิน

บางทีนี่อาจเป็นขั้นตอนและเงื่อนไขที่ยากที่สุด
คุณอาจจะต้องเผชิญกับความปรารถนาอย่างลึกซึ้งและแรงกล้า
เพื่อที่จะไปเสียให้พ้นจากโลกนี้ และกลับบ้านของคุณ

นี่ไม่ใช่ความรู้สึก อยากฆ่าตัวตาย ที่มาจากความโกรธหรือความผิดหวัง
คุณไม่ต้องการให้ความสำคัญกับมัน
หรือไม่ต้องการแสดงละครชีวิตของตนเองหรือของใครอีกต่อไปแล้ว ในส่วนลึกของคุณ

คุณต้องการจะกลับบ้าน สาเหตุหลักของเรื่องนี้ ค่อนข้างธรรมดา
วงจรแห่งกรรมของคุณเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

คุณได้บรรลุพันธะสัญญาโดยสมบูรณ์แล้ว
คุณพร้อมที่จะเริ่มชีวิตใหม่ของคุณ

ในขณะที่ยังคงอยู่ในกายเนื้อนี้ ในระหว่างกระบวนการเปลี่ยนแปลง
คุณจะมีความทรงจำอยู่ภายในว่า อีกด้านหนึ่งโน้น มันเป็นอย่างไร
คุณพร้อมและสมัครใจที่จะท่องเทียวไปกับภาระหน้าที่อื่นบนโลกนี้แล้วหรือยัง?
คุณพร้อมที่จะพบกับความท้าทายในพลังงานใหม่นี่แล้วหรือยัง?

ใช่แล้ว อันที่จริง คุณสามารถที่จะกลับบ้านเลยตอนนี้ก็ได้
แต่คุณมาตั้งไกล และหลังจากที่คุณเคยมีชาติภพที่มากมายมาแล้วนับไม่ถ้วน
มันน่าละอายใจที่จะออกไปก่อนที่หนังจะฉายจบ

นอกจากนี้ จิตวิญญาณต้องการให้คุณอยู่ที่นี่ก่อน เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่พลังงานใหม่
พวกเขาจำเป็นต้องมีผู้นำทางที่เป็นมนุษย์ เช่นคุณ
ผู้ที่ได้เดินทางผ่านพลังงานเก่ามาสู่พลังงานใหม่ได้แล้ว
เส้นทางที่คุณกำลังเดินอยู่ตอนนี้ ได้จัดเตรียมประสบการณ์ที่ทำให้คุณมีความสามารถ
ที่จะกลายเป็น "ครู" ในแบบ “มนุษย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ในยุคพลังงานใหม่”
อย่างโดดเดี่ยวและมืดมนเหมือนกับ การเดินทางของคุณในเวลานั้น

จงจำไว้เสมอว่าคุณไม่เคยอยู่อย่างลำพังโดดเดี่ยวเลย...<!-- google_ad_section_end -->

 

12 สัญญาณแห่งการตื่นรู้อันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะเกิดกับคุณ
ชอบมากๆเลยครับ อิๆ
เรื่องต้องตื่นตอนตีสองถึงตีสี่นั้นผมเห็นด้วย เพราะการตื่นนอนในช่วงนี้อากาศจะดีมากๆ เมื่ออากาศสดชื่นปลอดโปร่งมันจะกระตุ้นจักระในร่างกายของเรา และช่วงเวลาทำสมาธิตอนตีสองถึงตีห้าถือเป็นเวลาทำสมาธิที่ดีที่สุดสำหรับผมครับ

 

อันนี้ หมวยคิดว่า มันไม่มีลิขสิทธิ์หรอกนะ ลิขสิทธิ์ในเรื่องเหล่านี้ ถ้าคิดว่าของใครของมันซะแล้ว แล้วใครจะเข้าใจความเป็นหนึ่งเดียวได้ล่ะ ทุกอย่างที่เป็นไปในความรู้สึกของแต่ละคน มันเป็นเรื่องเดียวกันหมดอยู่แล้วตามที่แจ้บอก

แ่ต่ถามว่าถ้า คนจบแค่ ป.6 แต่เข้าใจเรื่องพวกนี้ได้โดยธรรมชาติ แล้วเค้ามาพูดคุยกับเรา อันนี้ไม่นำปัจจัยอื่นมาร่วมนะ เค้าไม่สามารถเลือกถ้อยคำที่แทนความรู้สึกของเค้าซึ่งเหมือนกับถ้อยคำของเราได้ ถามว่าเราจะเข้าใจเขาไหมว่า เค้ารู้สึกและเข้าใจเหมือนเราเลย หรือว่าคิดว่าเค้าไ่ม่เข้าใจหรอก เค้าพูดแบบนั้นต้องไม่เข้าใจแน่นอน โซ่ว่ามันไม่ใช่ละ

บางคนที่อ่านมา อาจมีความเข้าใจสูงกว่าเราซะอีกนะ แต่เค้าอาจไม่ใช้ถ้อยคำก็ได้ ไม่พูดไม่โพสต์ออกมาก็ได้ ก็อาจจะเพราะ ภาษา ถ้อยคำ ความรู้สึก ของใครของมัน ห้ามลอกเลียนแบบของแจ้ ก็ได้ นะ 0.0

 

หาคำตอบให้กับตัวเองมานานแล้ว วันนี้ได้เข้ามาอ่านที่คุณKinkred เขียนไว้ทั้ง12 ข้อกำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง พอได้คำตอบนี้แล้วเหมือนกับพบว่าตัวเองไม่ได้หลงทางแล้ว ขอบคุณค่ะ

 

ห้ามข้ามบทฝึกฝนของอาจารย์โนวาอนาลัยในเล่มไปเด็ดขาดนะครับ ถ้าคุณข้ามนั่นหมายความว่าคุณเข้าใจความหมายในหนังสือได้น้อยมาก ถ้าฝึกไปเรื่อยๆจะรู้สึกว่าพลังอำนาจของหนังสือของอาจารย์โนวาอนาลัยจะมีพลังอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องไปหาคัมภีร์เวทมนตร์จากไหนอีกเพราะทุกอย่างมีในหนังสือของอาจารย์โนวาอนาลัยนั่นเอง

 

การเรียนรู้มีหลายช่องทางครับ แต่ละช่องทางก็มีทิศทางเฉพาะของมันเอง
หมวดความรู้จากพี่นักเขียนฯนี้ ส่วนตัวก็รู้สึกว่าก็เป็นกลางๆดี ไม่พาให้งมงาย แถมขยายมุมมองออกไปให้กว้างขึ้นไร้ขอบเขตจริงๆครับ..สำหรับผู้ที่ติดตามอ่าน จะเห็นว่าพี่นักเขียนฯ มักจะให้แง่คิดและความลุ่มลึก (ที่ไม่ใช่การเปรียบเทียบ) แต่สามารถทำให้เราคิดๆๆๆๆ...โดยไม่ให้เชื่อ-แต่ให้เราพิสูจน์ จนหนังสือน่าติดตามอย่างที่สุดชุดนึงเลยครับ

ทุกๆประสบการณ์ของเราก็ล้วนเกิดขึ้นจากพลังอำนาจจาก ธรรมชาติของจิตวิญญาณ ที่เชื่อมโยงกันอยู่เป็นระบบเครือข่าย ซึ่งทุกๆท่านล้วนมีกันอยู่แล้ว การเปลี่ยนความเชื่อให้เป็นความรู้ การปูฐานความเข้าใจจากภายใน และการฝึกฝนต่างๆล้วนเป็นไปเพื่อการตื่นรู้ ในขณะที่เรายังอยู่ในโลกสามมิติใบนี้ก๋ต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจการอยู่ร่วมกันด้วยความรักอันบริสุทธ์ ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกัน รวมทั้งรู้จักกลไกและกฎเกณฑ์ต่างๆโดยไม่ยึดกับมันให้จงได้ครับ

ตอนนี้หนังสือไม่มีวางจำหน่ายแล้ว แต่หาอ่านได้จากเวปไซท์ตาม link ข้างล่างนะครับ..
ขอบคุณเพื่อนๆทุกท่าน..ที่มาช่วยกันแชร์ความรู้คร๊าบบบ
และขอต้อนรับสมาชิคใหม่ทุกท่านด้วยครับ...

 

ขณะที่เรานอนหลับ.. บางคนก็ฝันบ่อยๆ แทบทุกวันเป็นเรื่องเป็นราวและจดจำความฝัน
ได้อย่างแม่นยำ หรือจำได้บ้างไม่ได้บ้าง..

ขณะที่บางคนหลับแล้วหลับเลย.. ไม่ฝัน.. หรือนานทีจะฝันสักครั้ง จำได้บ้างไม่ได้บ้าง
จำไม่ค่อยได้เป็นส่วนมาก..

ผมเป็นประเภทไม่ฝัน.. หรือนานทีจะฝันสักครั้ง..รู้สึกว่าตัวเราเองมีระบบคล้ายกับคอมพิวเตอร์ทีสามารถ ดีลิสต์ หรือลบ ความทรงจำที่ไม่เกิดประโยชน์ ไม่มีสาระ และความทรงจำที่เศร้าหมอง
ออกไปได้..

..เพื่อนในวัยเรียนมาด้วยกัน เขามักจะเล่าเรื่องอดีตในวัยเรียนถึงบุคคล เหตุการณ์ต่างๆ
ในอดีตอย่างสนุกสนาน.. แต่ ผมจำไม่ค่อยได้.. ลืม.. เลือนลางเต็มที (เอ..สงสัย
จะเป็นอัลไซเมอร์อ่ะเป่าเนี๊ยะ เหอๆ).. หรือเป็นเพราะเราอยู่กับปัจจุบัน.. ไม่จมทุกข์อยู่กับอดีต..
ไม่ฝากความสุขไว้กับอนาคต..กันแน่?..

ปุจฉา..
1.คนที่นอนหลับแล้วไม่ฝัน.. กับคนที่ฝันบ่อยครั้งหรือฝันเกือบทุกวัน เพราะเหตุใด?
2.คนที่นอนหลับแล้วไม่ฝัน.. หมายถึง จิตวิญญาณสงบ..ใช่หรือไม่?
3.หากตายในขณะหลับสนิท.. ไม่ฝันเลย.. จิตวิญญาณจะไปที่ใด?

ขอความรู้จากเพื่อนๆเป็นวิทยาทาน พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ขอบคุณครับ

 

ขออนุญาติแสดงความเห็นจากที่ได้เรียนรู้ และ เข้าใจนะครับ

1,2. เราไม่มีทางที่จะไม่ฝันได้เลย มีแต่จำได้หรือจำไม่ได้เท่านั้น
เมื่อกายหลับ จิตวิญญาณก็เป็นอิสระจากเครื่องพราง (ร่างกาย และ โลกทางกายภาพ)
และ ดำเนินไปในมิติของจิตวิญญาณ เมื่อเราตื่นขึ้นมา กลับมาจดจ่อกับร่างกาย และ โลกทางกายภาพ สมองก็จะตีความข้อมูลเหล่านั้นให้อยู่ในรูปของข้อมูลที่สัมพันธ์กับโลกทางกายภาพที่เราเข้าใจได้
บางครั้งข้อมูลที่ตีความมาซับซ้อนจนอาจทำให้เราเข้าใจไม่ได้ หรือ เราไม่ได้จดจ่ออย่างมีสติยามฝัน จึงทำให้เราไม่สามารถจำฝันได้ เลยเหมือนกับไม่ได้ฝัน

3. เมื่อตาย ชั่วขณะหนึ่งเรา (จิตวิญญาณ) จะดำเนินไปในโลกที่เรามีความเชื่อ หรือ จดจ่ออยู่ก่อนตาย จนเมื่อเราระลึกถึงตัวตนที่แท้จริงได้ เราก็จะทำการทบทวนประสบการณ์ในชาติภพที่เพิ่งมีประสบการณ์มา และ ตัดสินใจเลื่อกที่จะมีประสบการณ์ในชาติภพเดิมเพื่อแก้ไขประสบการณ์บางอย่าง หรือ จะเลือกมีประสบการณ์ในชาติภาพอื่น ๆ หรือ เปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่มิติอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับคลื่นความถี่ของเราเพื่อมีประสบการณ์

พี่ ๆ เพื่อน ๆ ช่วยกันเพิ่มเติม หรือ ชี้แนะ ได้ครับผม

 

ความฝันเป็นการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อของจิตวิญญาณ ไปสู่โลกหลากมิติ
ที่ นอกเหนือไปจาก โลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ

ยามตื่น การเปลี่ยนวิถีการจดจ่อ
เป็นไปในรูปแบบ การคิด นึก จินตนาการ
ตามรู้ ตามดู ตามเห็น ได้ โลกเดียว
เพราะอยู่ภายใต้ความจำกัดของประสาทสัมผัสทั้ง5
อาจจะ ชัดเจนกว่า จำได้ง่ายกว่า

ยามฝัน เป็นการเปลี่ยนวิถีการจดจ่อไปสู่โลกต่างมิติ
ที่นอกเหนือจากประสาทสัมผัสทั้ง5 จะรับรู้ได้
การควบคุมจึงเป็นไปได้ยาก

เพราะฉะนั้นทั้งยามตื่นและยามฝัน
สิ่งเดียวที่จะทำให้การรับรู้คมชัด คือ การมีสติสัมปชัญญะที่คมชัด

" จิตวิญญาณไม่เคยหลับ สติสัมปชัญญะก็ไม่เคยหลับ"

ทุกเรื่องราว ที่ร้อยเรียง เรากำลังเรียนรู้อยู่
ก็เป็นไปเพื่อการฝึกฝนให้มีสติสัมปชัญญะที่คมชัด
ซึ่ง...เป็นกุญแจไขเข้าสู่ "ปัญญาญาณ แห่งมนุษย์"

 

ชวนทำบุญกันจ้า...​

อยากชวนทุกคนมาทำร่วมบุญง่ายๆ
เพียงช่วยบริจาคคลิก ชม MV นี้ ให้ครบ 500,000 คลิก
เพื่อสร้างลานเล่นแห่งที่ 201 ให้น้องๆในชายแดนภาคใต้
..มาช่วยกันนะ​

คลิกเลยค่ะ...>>>เพื่อลานเล่นของน้อง​

<EMBED src=http://www.youtube.com/v/WwOvkuIq_mU&hl=en_US&fs=1&color1=0xcc2550&color2=0xe87a9f width=560 height=340 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true">​

</EMBED>

 

ตอนนี้ฝนกำลังตก อากาศกำลังเย็นสบายเลย
ฟังเพลงที่คุณ เดรด นำมาให้ฟัง
หวนให้นึกถึงบางสิ่ง และรู้สึกมีความสุข
อย่างบอกไม่ถูก