การเกิดขึ้นของพระพุทธรูปครั้งแรกในโลก

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Denverguy, 23 ธันวาคม 2009.

  1. SKUN

    SKUN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +421
    ผมเสียเวลาอ่านมาตั้งนานตาลายหมดที่ท่านเจ้าของกระทู้ท่านพูดก็ถูกนะครับว่าบัวมีสี่เหล่า เหล่าสุดท้ายขนาดพระพุทธองค์ก็มิอาจทำให้เขารู้ตามได้ ทุกท่านคงลำบากแล้วละครับที่จะคอยเตือน ผมกราบไหว้ผีทุกปีครับในวันตรุษจีนแล้วผมก็กราบไหว้พระสงฆ์ พระพุทธรูป(สำหรับผมเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าครับ)เครื่องลาง ของขลัง พระเครื่อง ผมก็มีไว้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ให้ทำผิดศีลครับผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีนะครับ(ผมไม่ใช่เซียนพระนะครับ)ผมคิดว่าคุณควรจะตั้งพุทธนิกายใหม่ร่วมกับหลวงพ่อเกษม วัดป่าช้าสามแยกเพชรบูรณ์ไปเลยครับ คงมีคนร่วมด้วยเยอะนะครับ แต่ผมคงไม่เอาด้วยหละครับบ้านไกลอีกอย่างเหยียบพระพุทธรูปมันบาปหนานะคุณ
    ปล อย่าพยายามพาคนอื่นหลงทางเลยมีคนเตือนก็หยุดเถอะ
     
  2. khumsup

    khumsup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    705
    ค่าพลัง:
    +834
    ต้องรู้จริงอย่างนี้สิ...เยี่ยม...ดีกว่าพวกรู้มากไม่รู้จริง...
    อ่านกระทู้นี้แล้วมึน ...
     
  3. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    ผมก็งง เหมือนกันว่าชาวพุทธ สมัยนี้ ทำไมยึดติดแต่กับวัตถุ พระองค์สอนให้ออกจากสิ่งเหล่านี้ ที่ยกมาทั้งหมดก็มาจากพระไตรปิฏก ซึ่งเป็นคำสอนของพระองค์ทั้งนั้น ก็กลับมีแต่คนที่เรียกตัวเองว่าชาวพุทธ มาโต้แย้งแบบไร้เหตุผล ยกอ้างเอาผู้นั้น ผู้นี้มาหักล้างคำสอนของพระพุทธเจ้าได้..
    ส่วนเรื่องของหลวงพ่อเกษม ผมก็ได้ยินได้ฟังจากผู้อื่น มามาก ได้ฟังจากซีดี จนได้ไปเจอตัวท่านเอง.. ท่านไม่เคยสอนให้เชื่อคำสอนของท่าน วัดท่านก็มีแต่ตู้พระไตรปิฎกมากมาย หลายตู้ไว้ให้ ผู้สนใจไปศึกษาหาอ่าน สงสัยข้อความอันใดในพระไตรปิฎกก็มาซักถามได้ หากท่านไม่รู้ หรือศึกษาไม่ทั่วก็จะไปค้นคว้า เพื่อมาชี้แจง
    วัดท่านมีป้ายไม่ให้นำเงินทองมาถวายพระ เพราะมันผิดวินัยของพระ ก็มีแต่ท่านให้สนใจศึกษาคำสอนของพุทธเจ้า มิให้ยึดท่านเป็นที่พึ่ง ให้ยึดพระธรรมของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แล้วมันผิดตรงไหน..
    คนที่ว่าผมไม่เคยบวชก็พูดซะเหมือนกับรู้จักครอบครัวผมงั้นละ...ครูอาจารย์องค์แรก ของผมคือ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ที่สอนให้นั่งกรรมฐานด้วยการขัดสมาธิเพชร.. ด้วยความที่น้าผมเขาวัดปฏิบัติธรรมกับพระสายกรรมฐาน ก็ทำให้ผมได้เรียนรู้ รู้จักพระสายหลวงปู่มั่น หลายองค์ บวชก็เคยบวชกับ หลวงปู่หลวง กตปุญโญ พรรษาหนึ่ง อาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ก็ไปกราบฟังธรรมท่าน หลวงปู่ท่อน หลวงปู่เหรียญ หลวงตามหาบัว ก็เป็นอาจารย์ของน้าผม สอนกรรมฐานให้น้าผม หลวงปู่หลวง ก็รับรองน้าผม ต่อหน้าพระที่วัด ว่าอย่าประมาทน้าผม เพราะน้าผมเป็นพระอริยบุคคลในศาสนาแล้ว อันนี้พระที่สำนักสงฆ์คีรีสุบรรพตทราบดี โดยเฉพาะพระอุปัฏฐากหลวงปู่หลวงซึ่งตอนนี้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำพระสบาย รู้จักน้าผมดีว่าหลวงปู่หลวงยกย่องแค่ไหน ผม ตอนบวชก็เคยไปกราบหลวงปู่แว่น ธนปาโล วัดถ้ำพระสบาย ท่านก็ได้ให้ขอธรรมอันลึกซึ้งมาให้พิจารณา พระป่าสายอีสาน หลวงปู่เจี๊ยะก็ไปกราบท่านตั้งแต่ท่านยังไม่ดัง.. ฉะนั้นผู้ที่คิดว่าผมยังอ่อนต่อทางสายนี้ ก็ตามใจท่านเถอะ ครูบาอาจารย์ที่กล่าวมาผมก็นับถือท่านสุดจิตสุดใจ ว่าท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ชี้ทางหลุดพ้น ทางนิพพานทั้งสิ้น..
    ยังมีพระอีกรูปหนึ่งที่ท่านเมตตาเล่าเรื่องผีปีศาจ ที่ท่านคุยให้ฟังอย่างสนุกสนานเสมอที่เจอ คือหลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก ถ้าจะว่าหลวงปู่เกษมขี้โม้เรื่องผีปีศาจเทวดา ลองไปกราบคุยกับหลวงปู่บุญเพ็ง ท่านดูสิครับ แล้วจะได้ฟังเรื่องผีปีศาจที่สนุกสนาน น่าฟังเช่นกัน..


    ผมก็มีครูอาจารย์ที่ชี้แนะแนวทางปฏิบัติมาตลอดสาย จนถึงปัจจุบัน จึงได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากพระไตรปิฏกว่าควรเริ่มจากจุด ไหนไปไหน..หนึ่งควรมีพระรัตนตรัยเป็นพึ่งที่ระลึกแต่เพียงอย่างเดียว... ไม่ไปไหว้ผี ไหว้ต้นไม้ ศาลเจ้า ที่เป็นสิ่งนอกพระรัตนตรัย มาศึกษาคำสอนของพระองค์ในพระไตรปิฎก เปรียบดังการกางแผนที่ ศึกษาเส้นทาง ที่จะเดินไปให้ถึงจุดหมาย ว่าเราควรเลิกเดินทางไหน มีเครื่องมืออะไรที่เหมาะสมกับเราที่จะพาเราไปจุดมุ่งหมายได้ แล้วจึงลงมือเดินทาง(ปฏิบัติกรรมฐาน) แต่ก่อนอื่นต้องละกังวลสิบอย่างให้ได้ก่อน จึงลงมือปฏิบัติกรรมฐานที่เหมาะกับตน.. ไปเป็นลำดับ..
     
  4. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    ส่วนผู้ที่บอกให้ไปถามครูอาจารย์สายพระป่า อย่างหลวงตามหาบัวเกี่ยวกับหลวงปู่เกษมว่าท่านเป็นอย่างไร ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม น้าผมเคยไปถามหลวงตามหาบัวแล้ว ท่านก็ก็บอกว่าอย่าได้ปรามาท ประมาทในท่านเกษม อันนี้ ก็แล้วแต่ใครจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ความจริงย่อมเป็นความจริง อยู่วันยังค่ำ ของจริงย่อมไม่กลัวต่อการพิสูจน์ ดังเช่นพระธรรมของพระองค์ ไม่มีกาลเวลา ปฏิบัติตามได้จริง ย่อมได้ผลจริงดังนั้น ไม่ว่าสมัยใด ทั้งอดีต จนปัจจุบัน และอนาคต ย่อมไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
     
  5. หมอพล

    หมอพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +4,175


    สาธุด้วย กับ ธรรมแท้ๆ ดีๆ แต่อย่าได้ปรามาสพระพุทธรูปและดูแคลนผู้ที่นับถือในพระพุทธรูปเลยครับ คนที่กราบไหว้พระพุทธรูป ถ้าไม่ให้เป็นชาวพุทธ คุณจะให้เป็นชาวอะไรละครับ แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่า คนที่กราบไหว้พระพุทธรูป เขาไม่ปฏิบัติธรรม งั้น หลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ทุกองค์ที่กราบไหว้พระพุทธรูป ก็ไม่ใช่ ชาวพุทธ หรืออย่างไร



    ธรรมที่คุณกล่าวมานั้น ถูกแล้ว ดีแล้ว แต่ สติปัญญา บารมี ของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนก็ยึดติดงมงายจนเกินไป แต่คุณอย่าได้เหมารวม ถือเป็นความคิดความเห็นอันคับแคบ



    พระพุทธรูป และ การนับถือในพระพุทธรูป (ขอย้ำ การนับถือ ไม่ใช่ พุทธพาณิชย์ กรุณาแยกแยะด้วย เป็นคนละส่วนกัน) ไม่ใช่ สัคคาวรณ์ มัคคาวรณ์ ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน ไม่ได้ล่วงละเมิดในศีล 5 ศีล 8 ศีล 227 หรือ จุลศีล มัชฌิมศีล และ มหาศีล



    จริงอยู่ที่พระพุทธองค์ทรงยกให้พระธรรมวินัยเป็นใหญ่ แต่พระพุทธองค์ก็ทรงให้เกียรติในหมู่สงฆ์ ให้อำนาจพระสงฆ์ในการบริหารจัดการ และ ฝากพระสงฆ์ รวมถึง พุทธบริษัททุกหมู่เหล่า ในการสืบต่อพระศาสนา เมื่อมติของส่วนรวมมีออกมาว่าอย่างไร ก็ถืออันเป็นข้อยุติ เพราะพิจารณาโดยถี่ถ้วนแล้วว่า มีประโยชน์ มากกว่า โทษ ตามหลักขอมหาปเทส 4 ถ้าไม่เข้าในหลักนี้ รับรองว่า ไม่ต้องรอให้คุณมาทักท้วงหรอก รับรองว่า พระมหาเถรานุเถระ ทั้งสายปริยัติ และ ปฏิบัติ ต้องออกโรงมาจัดการสังคายนาแน่นอน ถ้าเป็นเรื่องที่บิดเบือนหรือทำลายพระพุทธศาสนา


    คุณลองเสนอความเห็นนี้ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ มหาเถรสมาคม ก็ได้ หรือ องค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ก็ได้ แล้วเปิดใจรับฟังความเห็นตอบกลับมาด้วย อย่าเข้าข้างตัวเอง ที่บอกว่า อุทเทสิกเจดีย์ ไม่นับรวม พระพุทธรูป ตามความเห็นของคุณคนเดียว




    องค์หลวงปู่มั่นฯ พระอาจารย์ใหญ่สายกรรมฐานยุคปัจจุบัน ขนาดไม่ชอบสร้างพระ เสกพระ แต่ก็ไม่เคยกล่าวห้าม หรือ ตำหนิติเตียนในพระพุทธรูป มีแต่ยกย่องในพระพุทธรูป มี พระแก้วมรกต เป็นต้น และ อนุโมทนาในผู้สร้าง เพราะท่านเข้าใจในหลักธรรมอย่างลึกซึ้ง และ สามารถแยกแยะได้ ศิษย์ของท่านบางองค์ สร้างพระ เสกพระ นับรุ่นไม่ถ้วน กระดูกเป็นพระธาตุทุกองค์ และมี พระพุทธรูป ประดิษฐานอยู่ทุกวัด กราบเช้ากราบเย็น องค์หลวงปู่สอ พันธุโล พ่อแม่ครูบาอาจารย์รูปหนึ่งของผม มี องค์หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ เป็นพระพุทธรูปคู่บุญบารมีเลยทีเดียว อย่าบอกว่า ขวางกั้นการเข้าถึงคุณพระรัตนตรัยเลย มีแต่จะช่วยให้เข้าถึงคุณพระรัตนตรัยได้เร็วขึ้น ด้วยอานิสงส์แห่งการสร้าง และ การกราบไหว้บูชา




    องค์หลวงพ่อจรัญฯ เน้นที่ การปฏิบัติธรรม เจริญสติปัฏฐาน ไม่แนะนำให้หลงใหลในวัตถุใดๆ แต่ก็ไม่ห้าม การกราบไหว้บูชาพระพุทธรูป และบอกว่า พระพุทธรูปที่สร้างได้ดี จะมีเทวดารักษาอยู่ แม้ พระเครื่อง ก็เช่นกัน ผมเคยนำพระหลวงปู่ใหญ่ ไปขอให้ท่านพิจารณา ท่านรีบยกมือไหว้ท่วมศรีษะ และกล่าวว่า ศักดิ์สิทธิ์มาก เป็นของครูบาอาจารย์ท่านเอง



    องค์หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง สร้างพระพุทธรูปมากมายขนาดไหน ท่านบอกถึงอานิสงส์แห่งการสร้างพระพุทธรูป การถวายพระพุทธรูป และ การกราบไหว้บูชาพระพุทธรูป ว่ามากมายขนาดไหน ผู้ที่ฝึกมโนมยิทธิได้ ย่อมขึ้นไปเห็นเองว่า บนสวรรค์ และ พรหมโลก มี พระพุทธรูป และ พระจุฬามณีเจดีย์ หรือไม่ ยกเว้นที่ พระนิพพาน เท่านั้น ที่ไม่มี พระพุทธรูป มีแต่ องค์พระวิสุทธิเทพ องค์จริงๆ องค์เป็นๆ เลยทีเดียว (คนที่ฝึกแล้วไม่ได้ผล หรือ ยังไม่ได้ฝึก อย่าเพิ่งมาปรามาส)



    บนสวรรค์ และ พรหมโลก มี เทวดา พรหม ที่บรรลุธรรมมากมายขนาดไหน ในพระไตรปิฎกก็มีระบุไว้ เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมจบแต่ละครั้ง มีเทวดาพรหมบรรลุธรรมกันเป็นโกฏิๆ นับจำนวนไม่ถ้วน



    เวลาที่คุณบวช คงไม่กราบพระประธานในโบสถ์ และ คงคอยแนะนำให้คนทั้งหลาย อย่าได้กราบไหว้พระพุทธรูปกระมัง เพราะเป็นการไม่ถูกต้อง หลงทาง ยึดติด งมงาย ไร้สาระ ใช่หรือไม่



    สำหรับผม ถ้าเห็นพระพุทธรูปเมื่อไหร่ ผมก็ยกมือไหว้ทันที กราบได้ก็กราบทันที จิตอ่อนน้อมเลื่อมใสในพระพุทธองค์ ทั้งๆ ที่รู้ว่า ทำมาจากอะไร ไม่ได้คิดว่า ตนเองรู้ธรรมมากแล้ว จะเลิศเลอวิเศษวิโสมาจากไหน เพราะจำคำกล่าวขององค์หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง ได้ว่า เวลาเราเกิดอารมณ์ที่เป็นกิเลสหรือโกรธใครมา เราจะกราบพระไม่หยุด จนกว่ากิเลสนั้นจะหายไป กิเลสมันแพ้คนกราบพระเก่งนะ องค์หลวงปู่บุดดา ก็กล่าวคล้ายกัน



    เจ้าของกระทู้ ควรจะไปตั้งลัทธิใหม่ และ อย่าได้ยกหลักธรรมขั้นสูงมาอ้างให้เสียเวลา เพราะคุณเองยังไม่ใช่พระอรหันต์ ความเห็นส่วนตัวของคุณ ไม่มีครูบาอาจารย์องค์ไหนท่านรับรองให้ดอก ตัวผมเอง เชื่อแต่ครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ผมท่านคงไม่แตกฉานในพระไตรปิฎกเหมือนคุณหรอก องค์หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ท่านสอนไว้ว่า ติดวัตถุมงคล ดีกว่าไปติดวัตถุอัปมงคล



    และกล่าวว่า พระของข้าไม่เป็นรองใครในแผ่นดิน ใครใช้เป็นก็ถึงพระนิพพาน




    ท่านพระนาคเสน พระอรหันต์ผู้ทรงจตุปฏิสัมภิทาญาณ เคยพิจารณาว่า ต่อไปพระพุทธศาสนา จะสืบต่อไป ด้วยเหตุอันใด ก็ได้ทราบว่า ด้วย พระพุทธรูป นั้นเอง จึงเป็นที่มาแห่งองค์พระแก้วมรกต



    ผู้ที่เข้ามาในเว็บพลังจิต ผมเชื่อว่า ส่วนใหญ่ศรัทธาในพระพุทธรูป และ ส่วนใหญ่ก็เป็นคนดี ถ้าการศรัทธาในพระพุทธรูป เป็นความงมงาย ไร้สาระ เจ้าของกระทู้ควรจะไปเปิดเว็บไซด์ส่วนตัว เพื่อเผยแพร่ความคิดเห็นของตัวเอง อย่าเข้ามาอาศัยช่องทางในเว็บนี้ เพื่อทำลายความเชื่อความเลื่อมใสของท่านสาธุชนในเว็บนี้ เพราะเว็บนี้ เชื่อว่าความศรัทธาในพระพุทธรูป ไม่ใช่ ความงมงาย


    ความเห็นของคุณ เหมาะกับศาสนาอื่นมากกว่า เพราะศาสนาอื่นเขาไม่ไหว้พระพุทธรูป และเห็นว่า การไหว้พระพุทธรูป การสร้างพระพุทธรูป ถือเป็นความงมงาย ผมเคยเห็น บางศาสนา อ้างว่า ในคัมภีร์ของเขา ก็สอนเรื่องของ ปฏิจจสมุปบาท อริยสัจ 4 ฯลฯ ผมอ่านแล้วก็รู้สึกสังเวช และ ขำๆ เขายังบอกด้วยว่า อย่ากราบไหว้พระพุทธรูป เข้ากับตัวคุณมาก


    ผมเคยไปเมืองนาลันทา ที่ประเทศอินเดีย พระพุทธรูปโดนทำลายเรียบ ที่ไม่ถูกทำลายก็โดนทุบจนชำรุด พระสงฆ์โดนฆ่าเกือบหมด หนีตายไปได้บางส่วน พระพุทธศาสนาแทบสิ้นสูญ



    คุณยังไม่ได้ทำลายพระพุทธรูปก็แล้วไป ยังไม่ได้เอามือตบพระพักตร์พระพุทธรูปก็แล้วไป แต่ขอให้คุณหยุดเผยแพร่ความเห็นในการดูถูกดูแคลนในพระพุทธรูปและคนที่นับถือในพระพุทธรูป ไม่ใช่เพื่อตัวผม แต่เพื่อตัวคุณเอง



    ถ้าคุณหมดสิ้นความยึดติดในวัตถุแล้ว ผมก็ขออนุโมทนาด้วย ผมยังมีความยึดติดอยู่ ยังขอยึดติดในพระพุทธรูปต่อไป เพราะเชื่อว่า เป็นประโยชน์ มากกว่า เป็นโทษ ได้ความอ่อนน้อมต่อคุณพระรัตนตรัย ได้พุทธานุสติ และ ได้ศึกษาในพุทธศิลป์ ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ฯลฯ


    ส่วน หลักธรรมใดๆ นั้น ขอเก็บไว้ในใจ ขอนำไปปฏิบัติส่วนตัวพอ เพราะผมไม่ใช่พระศาสดา เป็นเพียงพุทธบริษัท ที่ยังไม่ได้บรรลุธรรมใดๆ แต่ก็สร้างสมบารมีอยู่ด้วยความไม่ประมาท และ จะปกป้องในพระพุทธศาสนา จนสุดความสามารถ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2010
  6. หมอพล

    หมอพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +4,175


    ขอหลักฐาน เป็น เทปอัดเสียง หรือ ลายมือรับรอง ด้วยครับ



    และตอนที่ อาจารย์เกษม โดนตำหนิในพฤติกรรมที่ไปลบหลู่ในพระพุทธรูป ออกสื่อมากมาย



    องค์หลวงตา หรือ ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานองค์ใด ได้ออกมาปกป้องในพฤติกรรมของท่านบ้างครับ ขอหลักฐานด้วย ผมเห็น มีแต่ปล่อยให้ อาจารย์เกษม รับกรรมไปแบบเต็มๆ ในชาตินี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2010
  7. หมอพล

    หมอพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +4,175


    แล้วครูบาอาจารย์ทุกองค์ที่คุณกล่าวมา ยกเว้น อาจารย์เกษม มีท่านองค์ใดบ้าง ที่ห้ามกราบไหว้บูชาพระพุทธรูป


    หลวงปู่สิม ท่านเอา ท่านั่งขัดสมาธิเพชรมาจากไหน คุณรู้ไหม



    ช่วยเอาหลักฐานมาแสดงหน่อยนะครับ ว่า ทุกองค์ที่คุณกล่าวมา ยกเว้น อาจารย์เกษม มีท่านองค์ใดบ้าง ที่ไม่ยอมรับนับถือในพระพุทธรูป หรือบอกว่า การกราบพระพุทธรูป การนับถือในพระพุทธรูป พระเครื่อง เป็นความงมงาย ไร้สาระ



    ช่วยหาหลักฐานมาหน่อยนะครับ ส่วนหลักฐานของผม มีเต็มไปหมด ตอนที่คุณไปวัดของครูบาอาจารย์ที่คุณกล่าวมาทั้งหมด ยกเว้น อาจารย์เกษม คุณคงได้เห็นอยู่แล้ว และ ตัวผมเอง ตอนที่ไปกราบครูบาอาจารย์ทุกองค์ที่คุณกล่าวมา ผมก็ได้เห็นท่านกราบพระพุทธรูปทุกองค์ ยกเว้น อาจารย์เกษม ผมไม่เคยไป แต่เคยเห็นท่านในทีวี ว่าทำอะไรกับพระพุทธรูปบ้าง



    จะเจริญกรรมฐาน ก็เจริญไป แต่อย่าได้มาเหยียบย่ำทำลายความศรัทธาของคน



    ธรรมะในพระไตรปิฎก ย่อมดีอยู่แล้ว แต่กรุณาเปิดใจให้กว้างในธรรมะระดับพื้นฐานด้วย โดยเฉพาะ ศรัทธา ไม่ใช่มาตำหนิความศรัทธา แล้วตัวคุณจะสูงขึ้น บรรลุธรรมเร็วขึ้น มีแต่จะบ่งบอกว่า ใจคอคุณคับแคบ และ เข้าข่ายปรามาสพระรัตนตรัย


    ในประวัติของสมเด็จโต แค่ท่านเห็นพระพุทธรูปที่ยังปั้นไม่เสร็จ ท่านยังก้มลงกราบ ท่านบอกว่า เป็นพระ ตั้งแต่ดินก้อนแรกแล้ว



    ศรัทธามากไป ก็งมงาย ปัญญามากไป ก็มานะทิฏฐิ



    ต้องพอดีๆ ทางสายกลาง คือ ไม่ตึง และ ไม่หย่อน



    บนศาลา วัดป่าบ้านตาด มีพระพุทธรูปตั้งอยู่หรือไม่ กรุณาไปเบิ่งเอาเอง หรือไปถาม องค์หลวงตา ก็ได้ว่า องค์ท่านกราบพระพุทธรูปหรือไม่ และ การกราบพระพุทธรูป เป็น สัมมาทิฏฐิ หรือ มิจฉาทิฏฐิ สำหรับชาวพุทธ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2010
  8. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    คุณจะอ้างถึงอ.ไชยา พระอุปัฏฐากหลวงปู่หลวง
    ตอนนี้ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำพระสบาย อยู่วัดพระราม ๙
    ผมสนิทสนมกับท่านดี เพื่งเจอกันไม่กี่เดือนมานี้

    ส่วนอ้างเรื่อง หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก ผมเองลูกศิษย์ก้นกุฏิท่าน
    ทั้งล้างบาตรท่าน ถูกุฎิ ซักจีวร ค้างคืนในกุฏิท่านที่วัดพระศรีฯ
    ทั้งอุปัฏฐากของหลวงปู่ ท่านผอ.กับเต๋า ซี้ปึกกับผม
    หลวงปู่เองนะ ทั้งสร้างพระ ทั้งเอาพระไปถวายให้หลวงตาเสกตอนอยู่ที่วัดพระศรีฯ บางเขน

    ทำไม คุณไม่ไปห้ามพ่อแม่ครูจารย์ทั้งหลาย เช่น
    หลวงปู่หลวงกับหลวงปู่บุญเพ็ง หลวงปู่เจี๊ยะและหลวงพ่อเปลี่ยน หรือหลวงปู่สิม หลวงปู่แว่น
    หลวงปู่ท่อน หลวงปู่เหรียญ ไม่ให้สร้างพระ ผมก็เห็นทุกองค์ล้วนสร้างพระกันทุกองค์

    โดยเฉพาะหลวงปู่ท่อนยิ่งแล้วใหญ่ เอาพระมาวางไว้บนศรีษะของท่าน
    ก่อนที่คุณจะห้ามใครไม่ให้นับถือพระพุทธรูป หรือคล้องพระไว้ในคอ
    คุณควรไปห้าม พ่อแม่ครูจารย์ทั้งหลาย เกจิอาจารย์ทุกวัดไม่ให้สร้างพระวัตถุมงคล
    ถ้าห้ามได้ กล้าที่จะไปห้ามต่อหน้าหลวงปุ่หลวงพ่อที่เป็นต้นเหตุสร้างพระ
    ทำให้คนจำนวนมากทั้งประเทศหลงงมงายติดในวัตถุมงคล
    แล้วคุณค่อยมาห้ามคนอื่นไม่ให้หลงยึดวัตถุมงคล


    เรื่องน้าคุณ เอ่ยชื่อมา อยากทราบว่าเป็นใคร
    อย่าบอกว่าเป็น ป้าถนอมขวัญ อุปัฏฐากหลวงปู่สิมนะ ผมรู้จักดี
    ที่อ้างแต่ละองค์ ผมรู้จักดีทุกองค์
    เรื่องหลวงปู่หลวงกล่าวยกย่อง มีเทปไหม
    หรือเรื่อง หลวงพ่อเกษม มีเทปไหมที่หลวงตา ยกย่อง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มกราคม 2010
  9. หมอพล

    หมอพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +4,175
    อุทเทสิกเจดีย์ มีอยู่ใน พระไตรปิฎก ครับ


    หมายถึง สิ่งที่สร้างขึ้นมา เพื่ออุทิศถวายเจาะจงพระพุทธเจ้า (พระพุทธรูป และ พระเครื่อง จึงจัดอยู่ใน อุทเทสิกเจดีย์ อันเป็นที่ตั้งแห่งพุทธานุสติ รูปแทนของพระสงฆ์ ก็จัดเป็นสังฆานุสติได้)



    คุณอย่าบิดเบือนพระไตรปิฎก ดีกว่า



    และ อย่าลืมหาหลักฐาน คำยืนยันจากครูบาอาจารย์ ที่คุณกล่าวถึง ว่าการสร้างพระพุทธรูป กราบพระพุทธรูป และ นับถือบูชาในพระพุทธรูป เป็นสิ่งงมงาย ไร้สาระ และ เป็นมิจฉาทิฏฐิ มาแสดงด้วยนะครับ ขนาดธรรมะในพระไตรปิฎก คุณยังหามาอ้างได้ แค่คำยืนยันของครูบาอาจารย์ คงจะหามาได้ไม่ยากกระมัง (ยกเว้น ของอาจารย์เกษม เพราะผมรู้อยู่แล้ว ว่าท่านกล่าวไว้ว่าอย่างไร)
     
  10. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    ในเมื่อคุณเห็นดีเห็นงามในสิ่งที่อาจารย์เกษมกระทำต่อพระพุทธศาสนา
    โดยการเหยียบและตบหน้าพระพุทธรูปที่เป็นตัวแทนองค์พระศาสดา
    มันเหมือนตบหน้าและเหยียบหน้าชาวพุทธทุกคน

    ทำไม คุณไม่กระทำเลียนแบบพฤติกรรมอาจารย์เกษมบรมอาจารย์ของคุณ
    ในเมื่อเหยียบและตบหน้าพระพุทธรูปตัวแทนองค์พระศาสดาที่เป็นยิ่งกว่าพ่อและแม่
    อกตัญญูไม่รู้ถึงพระปัญญาธิคุณ พระวิสุทธิคุณ พระเมตตาธิคุณ ของพระพุทธเจ้า
    เรื่องแบบนี้ เด็กอนุบาล ยังรู้เลยมันบาปกรรมมหันต์
    เป็นผู้ใหญ่โง่กว่าเด็ก 5 ขวบ เสียอีก นับถือเลยในความฉลาดไม่เป็นเรื่อง

    เคยกราบไหว้พ่อกราบไหว้แม่บ้างไหม
    แม้พ่อแม่เสียชีวิตลูกกตัญญูยังกราบไหว้รูปภาพที่เป็นตัวแทนพ่อแม่
    แล้วการกราบไหว้พระพุทธรูปเนี่ย มันยกมือลำบากมากหรือไง
    เป็นชาวพุทธหรือเป็นพวกต้องการทำลายพระพุทธศาสนากันแน่
     
  11. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    ดีครับ ลองไปถามหลวงพี่ไชยาเลย ครับว่ารู้จักโยมหน่อย ชญานี ไหม ท่านรู้จักแน่นอน ว่าหลวงปู่หลวงท่าน ยกย่องแค่ไหน ว่าเป็นผู้ปฏิบัติตรง
    สมัยหลวงปู่สิมมีชีวิตอยู่ ใครๆ กลัวป้าถนอมขวัญ มีแต่น้าผมนี้แหละไม่เคยกลัว เวลาหลวงปู่สิมแจกพระคนไปรุม น้าผมก็เข้าไปขอท่านบ้าง หลวงปู่สิมมองหน้าน้าผมแล้ว ถามว่าจะเอาไปทำไม..มีของดีกว่านี้ ไม่ต้องเอา แล้วหลวงปู่สิมไม่เคยให้พระเครื่องกับน้าผมเลยสักองค์ ถึงจะแจกใครๆ
    ตอนบวชอยู่กับหลวงปู่หลวงเวลากราบพระ ท่านก็จะสอนให้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า อันนี้ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิ์คุณ พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
    ก็เสียดายผมมาอยู่ต่างประเทศซะ เพิ่งเริ่มได้เรียนรู้พระไตรปิฎก ว่าอะไรถูกอะไรผิด เมื่อก่อนผมเคยจะเอาดอลล่า ไปถวายหลวงปู่ท่อน เจอพระอุปัฏฐากหลวงปู่ท่อน ท่านห้ามไม่ให้รับเงินจากผม.. ผมยังนึกตำหนิว่าทำไม ไม่ยอมรับเงินนี้ ตอนนี้รู้แล้วว่า พระอุปัฏฐากหลวงปู่ไม่อยากให้ท่านทำผิดวินัย ถ้ามีโอกาสได้กลับไปกราบหลวงปู่ท่อน ผมก็จะคุยกับท่านเรื่องนี้เช่นกัน
    ส่วนผู้ที่ว่าทำไมไม่ไปร้องเรียนเสนอกรมกองที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ไม่ว่าจะเป็นเถรสมาคม องค์กรพุทธ ตอนนี้มีผู้ดำเนินการแล้ว ก็คอยฟังคอยดูกันต่อไป

    สำหรับผู้ไม่รู้ ตอนนี้ก็มีการดำเนินการกับหลวงปู่เกษมในชั้นศาล คณะผู้พิพากษาก็ต้องไปศึกษาหาความผิดของหลวงปู่เกษม จึงต้องมาศึกษาอ่านพระไตรปิฎกไปด้วย ยิ่งค้นคว้า ยิ่งหาที่ผิดมิได้ มีแต่จะยิ่งจะช่วยเผยแพร่พระธรรมในพระไตรปิฎก
    แล้วคุณคิดว่าพระเพียงองค์เดียว ที่เป็นเหมือนแกะดำ ของทั้งพระฝ่ายกรรมฐานและฝ่ายมหายาน ถ้าทำผิดจริง จะเหลือเหรอ มหาเถรสมาคมจะปล่อยมาถึงป่านนี้เหรอ.. คงจับสึกไปแล้ว จะว่าท่านดื้อดึงก็ใช่ แต่ดื้อดึงจะเอาตามพระธรรมคำสอนของพุทธองค์เท่านั้น จึงยังอยู่ได้ถึงป่านนี้ ไม่งั้นก็คงโดนจับสึกเหมือนพระดังๆ ในอดีต

    จะมาหาหลักฐานนะเหรอคงให้ไม่ได้ เพราะน้าผมเข้าไปถามหลวงตาเอง เพราะการจะไปหาครูบาอาจารย์ที่ไหน มีอะไรสงสัยน้าผมก็ถามองค์หลวงตา น้าผมไปอยูวัดหลวงตาไปปฏิบัติธรรม องค์หลวงตาท่านห้ามให้มายุ่งเรื่องภายนอก ให้อยู่ปฏิบัติส่วนใน ไม่ได้พกอุปกรณ์อัดเสียงไปด้วย แต่ก็จะยืนยันด้วยสัจจะ ความจริงเท่านั้น ที่เป็นหลักฐานจะพอเพียงไหมสำหรับ ท่านทั้งหลายในที่นี่ ก็แล้วแต่ท่านเถอะ
    ปล ผู้ที่ว่ารู้จักหลวงพี่ไชยา ลองไปถามได้นะครับ ว่าโยมหน่อย ชญานีนะหลวงปู่หลวงท่านยกย่องแค่ไหนในการปฏิบัติภาวนา จะว่าโม้ก็ขอโม้หน่อย ว่าเวลาไปกราบครูบาอาจารย์สายพระป่า ตั้งแต่องค์หลวงตาลงมา ท่านก็เทศนาแต่ธรรมขั้นอนาคามี ให้เร่งให้หลุดให้พ้นเท่านั้น
    ใครจะผลักไสผมไปให้ตั้งลัทธิใหม่ ก็เรื่องของท่าน ในเมื่อผมมีครูใหญ่คือพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์สายกรรมฐานผมก็กราบไหว้ในคุณธรรมท่าน แต่ท่านเหล่านั้น ก็ยังเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้าเหมือนเราท่าน ผมจึงเลือกเชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้าอันเป็นศาสดาในศาสนาพุทธนี้เป็นหนึ่งเสมอ
     
  12. khumsup

    khumsup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    705
    ค่าพลัง:
    +834
    การมาปรามาทพระพุทธรูป...ย่อมไม่ดีแน่...<O:p</O:p
    เป็นการสอนเพื่อที่จะไม่ให้ยึดติดกับวัตถุแบบผิดครับ...<O:p</O:p
    เป็นการกระทำที่เรียกว่าสร้างกรรม...ลองคิดถึงจิตของผู้ที่ได้เห็นพระองค์หนึ่งเหยียบพระพุทธรูปสิ<O:p</O:p
    ว่าจิตของผู้ที่พบเห็นทุกข์ขนาดไหน...เขาเรียกว่าเป็นการสอนธรรมะแบบ เอามีดอีโต้มาตียุงบนหัว”<O:p</O:p
    จริงแล้วเวลาอ่านพระไตรปิฎกแล้วควรใช้หัวสมองคิดด้วยก็จะเป็นการดี...<O:p</O:p
    สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนนั้นลึกซึ้งนักหนา...
    <O:p</O:pการสอนไม่ให้ยึดติดกับวัตถุนั้น...สอนเพื่อไม่ให้ไปเป็นทุกข์และยึดติดครับ...<O:p</O:p
    ความจริงแล้วการยึดติดกับวัตถุมงคลนั้น...ก็ใช่ที่จะผิดและไม่ตรงกับพระธรรมซะที่เดียว<O:p</O:p
    การยึดติดกับวัตถุมงคล...แล้วทำให้ผู้นั้นเป็นคนดี...อยู่ในศีลในธรรม...ย่อมดีต่อท่านผู้นั้น<O:p</O:p
    และดีกว่าผู้ที่ไม่ยึดติดกับวัตถุมงคล...แต่ไม่เคยอยู่ในศีลในธรรมเลยแม้แต่น้อย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บางท่านอ่านพระไตรปิฎกแล้ว บอกสวดมนต์ก็เก่ง หาอาจารย์องค์นู้นองค์นี้<O:p</O:p
    แต่ศีลห้ายังรักษาไม่ได้ด้วยซ้ำ.....<O:p</O:p
    แถมบอกฝึกกรรมฐาน แต่ขาดสติทุกวัน...มีแต่อารมณ์...อยู่ในกิเลสและตัณหา...<O:p</O:p
    ถ้าอย่างนั้นการอ่านพระไตรปิฎกของท่าน...ช่างเป็นการเสียเวลามากมาก<O:p</O:p
    ท่านไม่สามารถ...บอกได้หรอกครับว่าแต่ละท่านที่กราบไหว้พระ...คิดอย่างไร<O:p</O:p
    ถ้าตัวท่านไม่ยึดติดกับวัตถุ...ผมก็อนุโมทนากับท่าน...<O:p</O:p
    แต่อย่ามากล่าวโดยรวมว่า...ผู้ที่กราบไหว้พระพุทธรูปไม่เข้าใจธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...ถ้าท่านเชื่ออย่างนั้นท่านคงตาบอดแล้ว....<O:p</O:p
    ด้วยความเคารพ..............<O:p</O:p
     
  13. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    นี้คุณ อ่านนี้นะครับ
    ดูก่อนอานนท์
    บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า
    ปาพจน์ (พุทธพจน์) มีพระศาสดาล่วงแล้ว
    พระศาสดาของพวกเราไม่มี
    ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น
    ธรรมก็ดี วินัยก็ดีอันใดอันเราแสดงแล้ว
    ได้บัญญัติไว้แล้วแก่พวกเธอ
    ธรรมและวินัยอันนั้น
    จักเป็นศาสดาแห่งพวกเธอ
    โดยกาลล่วงไปแห่งเรา


    เล่มที่ ๑๓ : พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค
    เล่ม ๒ ภาค ๑ หน้าที่ ๓๒๐


    อ่านจบแล้ว พอเข้าใจไหมครับว่าท่านไม่เคยยกพระพุทธรูปเป็นแทนพระองค์ มีแต่ธรรมวินัยที่ท่านบัญญัติไว้ดีแล้ว ไม่ใช่หรอ...
    เอาจะว่าผมโง่ยังไงก็ตามใจท่าน แต่เป็นไปได้ช่วยยกเอาคำของพระพุทธเจ้ามายืนยันหน่อยว่า ท่านยกให้พุทธรูปเป็นตัวแทนของท่านในการเผยแพร่พระธรรม เป็นตัวแทนท่าน
    พระองค์ท่านทรงกล่าวไว้ว่า พระศาสนาของพระองค์จะดำรงอยู่หรือเสื่อมไปก็เพราะพุทธบริษัทสี่ มิใช่พวกนอกศาสนา พระศาสนาจะเจริญได้ ก็ต่อเมื่อพุทธบริษัทสี่ ยังรักษาธรรมวินัย และปฏิบัติตามอยู่ ศาสนาก็จะดำรงอยู่
    ขอทีเถอะช่วยหาอะไรมาหักล้าง ก็หาในพระไตรปิฎกมาหักล้าง เอาคำพระพุทธเจ้ามาหักล้าง หน่อยมิใช่อะไร ก็หาว่าโง่ เพราะไม่เชื่อตามๆ กันไป งั้นเหรอครับ ผมเชื่อคำพระพุทธเจ้าผิดเหรอ

    ส่วนผู้ว่าเรื่องทางสายกลางนะรู้จักดีแล้วเหรอทางสายกลาง นะ การปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์นั้นละทางสายกลาง ส่วนผู้ย่อหย่อนต่อธรรมวินัยนั้นละ ผู้หย่อนเกินไป ส่วนผู้ตึงเกินไป ก็พวกพระเทวทัตไงครับ จะอยู่แต่ป่ามั๊งละ จะฉันแต่อาหารมังสะมั๊งละ จะใช้ผ้าป่าผ้าที่เขาทิ้งแล้วเท่านั้นละครับ นั้นละตึงเกิน
     
  14. karatekung

    karatekung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,624
    ค่าพลัง:
    +2,195
    ผมไม่รู้เรื่องธรรม ผมไม่เคยอ่านพระไตรปิฎก
    แต่เคยอ่านหนังสือประวัติของหลวงปู่ดู่แห่งวัดสะแก ท่านบอกว่า"ติดวัตถุมงคล ดีกว่าติดวัตถุอัปมงคล" ผมคิดว่าการสร้างพระเครื่องของพ่อแม่ครูอาจารย์ต่างๆแม้แต่พระมหากษัตริย์ท่านก็สร้าง เป็นกุศโลบายในการหันมานับถือพุทธศาสนา ทำความดี บางคนไม่เคยห้อยพระโดนฟันโดนแทงเกือบตาย พอได้ห้อยพระเครื่องที่ปลุกเสกมาดีแล้วโดนฟันโดนแทงไม่เข้า ก็หันมากลับตัวเป็นคนดีเพราะได้เจอประสบการณ์อันเหลือเชื่อกับตัวเอง
    สมัยก่อนก็มีการสร้างพระเครื่องแจกจ่ายแก่บรรดาทหารหาญเพื่อไว้ป้องกันตัวจากคมดาบข้าศึกและยังเป็นขวัญกำลังใจ เพื่อรักษาประเทศชาติไม่ให้ตกเป็นไทแก่ชาติอื่น
     
  15. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    นี่ยังว่า ไม่ผิดอีกหรือ โง่หรือเซ่อกันแน่

    อาจารย์เกษมเอาเท้าเหยียบและตบหน้าพระพุทธรูป

    ซึ่งเป็นตัวแทนองค์พระศาสดาที่เป็นยิ่งกว่าพ่อและแม่ของชาวพุทธ


    ราคาคุย นอกจากคุณแม่จันดี น้องสาวหลวงตา ผมไม่เชื่อใครหรอก

    ที่วัดป่าบ้านตาด โยมผู้หญิงที่อยู่ที่วัดเป็นโสดา อนาคา เต็มวัดไปหมด

    พระวัดป่าบ้านตาดผมรู้จักเกือบทุกองค์

    ทั้งอาจารย์สม อาจารย์พจน์ บวชมาหลายสิบพรรษาคุยกันยังไม่มีใครบอกว่าได้อะไรเลย

    แปลกดีโยมผู้หญิงมาอยู่วัดไม่กี่ปี คนนั้นโสดา คนนั้นอนาคา

    หลวงตาเทศน์ธรรมชั้นสูงที่ศาลากับที่สวนแสงธรรม

    ต่างคนต่างก็นึกว่า เทศน์โปรดตนเอง

    ทั้งที่เป็นแกงหม้อใหญ่ ไม่ใช่แกงหม้อเล็ก

    ท่านเทศน์โปรดหมู่คณะทั้งพระทั้งโยม

    เอากัณฑ์เทศน์ที่หลวงตาเทศน์โปรดเฉพาะโยมชญานี

    แล้วเอ่ยชื่อชมเชยรับรองคุณธรรมมาให้ดู

    ถ้าไม่มี ป่วยการ ผมเจอมาเยอะเรื่องแบบนี้

    ฉายหนังซ้ำม้วนเก่า น่าเบื่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 มกราคม 2010
  16. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    อืม ผู้ที่เห็นดังที่คุณว่าไว้ แล้วทำให้จิตเป็นทุกข์ เอ ตกลงทุกข์เกิดที่จิตก็ดับที่จิต จิตไปยึดมั่นถือมั่น ในรูปไม่ว่ารูปเรารูปเขา รูปภายนอก ภายใน รูปหยาบรูปละเอียด พระพุทธองค์ท่านก็ไม่ให้ยึด พอเราไปยึดมันก็ทุกข์ เพราะเห็นว่าเป็นเราของเรา เป็นตัวแทนศาสดาเราก็ไปยึดก็เลยทุกข์ แม้แต่รูปท่านเอง งามหาใดเปรียบท่าน ก็ไม่ได้ให้ใครมายึดรูปท่านขณะท่านดำรงชีพอยู่ ท่านยังตำหนิรูปท่านเองว่า มัวเลวทราม มันต้องแตกดับไป จะมายึดถืออะไรกับรูปนี้ ที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านให้พึงพระธรรมคำสอนของท่านเป็นธงชัย พาไปทางนิพพานได้ รูปท่านไม่ได้พาใครไปนิพพานได้..นะครับ
    คุณเก่งนะครับ สามารถมารู้คุณธรรมในใจผม ได้ว่ารักษาศีลห้าไม่ได้ ขาดสติทุกวัน ก็ถูก ไม่มีใครมีสติตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง มีเผลอ มีคิด รู้ทันบ้าง ไม่ทันบ้าง นั้นละครับ เผลอไปคิดก็ให้รู้ว่าเผลอไปคิด ก็ฝึกกรรมฐาน ก็มีหลายกอง เลือกเอาที่เหมาะกับจริตตัวเองสักกอง ทำดู ก็รู้เองเห็นเอง ผมก็ไม่ได้ว่าผู้กราบพระพุทธรูปจะไม่เข้าใจธรรมของพุทธเจ้า แต่ผมว่าพุทธรูปมิใช่ตัวแทนพระองค์ท่าน
    ส่วนจะมีผู้ฉลาดอย่างครูอาจารย์ที่กระดูกเผาเป็นพระธาตุ ได้นะ ฆราวาสอย่างเราๆ มีมากน้อยแค่ไหน ก็เห็นกันอยู่
     
  17. khumsup

    khumsup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    705
    ค่าพลัง:
    +834
    ก็ถ้าท่านว่า แม้แต่ตัวท่าน ซึ่งได้อ่านพระไตรปิฎก และเข้าใจแล้ว...ยัง "รักษาศีลห้าไม่ได้ ขาดสติทุกวัน ก็ถูก ไม่มีใครมีสติตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง มีเผลอ" แล้วประสาอะไรกับบางท่านที่ไม่ได้เคยอ่านพระไตรปิฎกมาเลย...ก็ย่อมไม่เข้าใจความหมายของการที่ท่านออกมาพูดในกระทู้...
    ความหวังดีที่จะมานำเสนอหลักธรรมะ...ต้องทำโดยระมัดระวังไม่ให้ผู้ที่มาอ่าน เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีครับ....

    ส่วนจิตเป็นทุกข์ ...ท่านบอกว่าดับที่จิต....ถูกครับ...ถูก
    ท่านทำได้ไหมครับ ร้อยทั้งร้อย....
    ถึงตัวท่านทำได้บ้าง...คนอื่นอาจทำไม่ได้...
    ถ้าท่านหวังดีจริง..อยากให้ท่านอื่นเข้าถึงธรรมะจริง...
    ควรนำเสนอวิธีที่ดีกว่านี้ครับ...
    ไม่ใช่แบบเถรตรงแบบนี้....

    ขอบคุณนะครับ....ที่ชมผมว่า "เก่ง"....
    เพราะขอบอกว่าสิ่งที่คุณนำเสนอเป็นเหมือนว่า
    ควรเป็นอย่างนี้...อย่างนั้น...
    ดูได้ง่ายเลยว่าประสบการณ์ของคุณยังน้อยครับ...

    ใช้สติ และปัญญาครับ....จิตสงบด้วย....
    แล้วค่อยมานำเสนอข้อมูลแบบอ่อนน้อม...และอย่าดูภาพโดยรวมว่านู้นไม่ดี...นี้ไม่ดี....แบบนี้ไม่ได้เป็นการเสนอขอคิดอย่างสร้างสันต์....

    กลับไปนั่งวิปัสสนา กรรมฐาน....แล้วค่อยมาหวังดี..และนำเสนอข้อมูลใหม่
    ในห้องที่ถูกต้องครับ....
     
  18. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129

    อรรถกถากาลิงคชาดก*


    พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงพระ-


    ปรารภการบูชามหาโพธิ์ ที่พระอานนท์เถระการทำแล้ว ตรัสพระธรรม


    เทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า ราชา กาลิงฺโค จกฺกวตฺติ ดังนี้.


    ความพิสดารว่า พระตถาคตเสด็จหลีกจาริกไปตามชนบท เพื่อ


    ประโยชน์จะทรงสงเคราะห์เวไนยสัตว์ ชาวกรุงสาวัตถีต่างถือของหอมและ


    ดอกไม้เป็นต้นไปยังพระเชตวัน ไม่ได้ปูชนียสถานอย่างอื่นไปวางไว้ที่ประตู


    พระคันธกุฎี ด้วยเหตุนั้น เขาก็มีความปราโมทย์กันอย่างยิ่ง. ท่านอนาถปิณฑิก


    มหาเศรษฐีทราบเหตุนั้นแล้ว จึงไปยังสำนักพระอานนท์เถระ ในเวลาที่


    พระตถาคตเสด็จมาพระเชตวัน กล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ เมื่อพระตถาคต


    เสด็จหลีกจาริกไป พระวิหารนี้ไม่มีปัจจัย มนุษย์ทั้งหลายไม่มีสถานที่บูชา


    ด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น ขอโอกาสเถิดท่านเจ้าข้า ขอท่านจงกราบทูล


    ความเรื่องนี้แด่พระตถาคต แล้วจงรู้ที่ที่ควรบูชาสักแห่งหนึ่ง.


    พระอานนทเถระรับว่า ดีละ แล้วทูลถามพระตถาคตว่า ข้าแต่พระองค์


    ผู้เจริญ เจดีย์มีกี่อย่าง. พระศาสดาตรัสตอบว่า มีสามอย่างอานนท์.


    พระอานนทเถระทูลถามว่า สามอย่างอะไรบ้างพระเจ้าข้า. พระศาสดาตรัสว่า


    ธาตุเจดีย์ ๑ ปริโภคเจดีย์ ๑ อุทเทสิกเจดีย์ ๑. พระอานนทเถระทูลว่า


    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อพระองค์เสด็จจาริกไป ข้าพระองค์อาจกระทำเจดีย์


    ได้หรือ. พระศาสดาตรัสว่า อานนท์ สำหรับธาตุเจดีย์ไม่อาจทำได้ เพราะ


    ธาตุเจดีย์นั้น จะมีได้ในกาลที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว สำหรับอุทเทสิกเจดีย์


    ก็ไม่มีวัตถุปรากฏ เป็นเพียงเนื่องด้วยตถาคตเท่านั้น ต้นมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้า


    บาลีเป็น กาลิงคโพธิชาดก*


    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๖ - หน้าที่ 268


    อาศัยเป็นที่ตรัสรู้ ถึงพระพุทธเจ้าจะยังทรงพระชนม์อยู่ก็ตาม ปรินิพพานแล้ว


    ก็ตาม เป็นเจดีย์ได้เหมือนกัน. พระอานนท์ทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ


    เมื่อพระองค์เสด็จหลีกไป พระมหาวิหารเชตวันหมดที่พึ่งอาศัย มนุษย์ทั้งหลาย


    ไม่ได้สถานที่เป็นที่บูชา ข้าพระองค์จักนำพืชจากต้นมหาโพธิมาปลูกที่ประตู


    พระเชตวัน พระเจ้าข้า. พระศาสดาตรัสว่า ดีแล้วอานนท์ เธอจงปลูกเถิด


    เมื่อเป็นเช่นนั้น ในพระเชตวันก็จักเป็นดังตถาคตอยู่เป็นนิตย์. พระอานนท์เถระ


    บอกแก่พระเจ้าโกศล อนาถปิณฑิกมหาเศรษฐี และนางวิสาขามหาอุบาสิกา


    เป็นต้น ให้ขุดหลุม ณ ที่เป็นที่ปลูกต้นโพธิที่ประตูพระเชตวัน แล้วกล่าวกะ


    พระมหาโมคคัลลานเถระว่า ท่านขอรับ กระผมจักปลูกต้นโพธิที่ประตูพระ-


    เชตวัน ท่านช่วยนำเอาลูกโพธิสุกจากต้นมหาโพธิให้กระผมทีเถิด.


    พระมหาโมคคัลลานเถระรับว่า ดีละ แล้วเหาะไปยังโพธิมณฑล


    เอาจีวรรับลูกโพธิที่หล่นจากขั้วแต่ยังไม่ถึงพื้นดิน ได้แล้วนำมาถวายพระ-


    อานนทเถระ. พระอานนทเถระได้แจ้งความพระเจ้าโกศลเป็นต้นว่า เราจัก


    ปลูกต้นโพธิ์ในที่นี้. พระเจ้าโกศลให้ราชบุรุษถือเครื่องอุปกรณ์ทุกอย่างเสด็จ


    มาพร้อมด้วยบริวารใหญ่ในเวลาเย็น. อนาถปิณฑิกมหาเศรษฐี มหาอุบาสิกา


    วิสาขา และผู้มีศรัทธาอื่น ๆ ก็ได้ทำเช่นนั้น.


    พระอานนทเถระ ตั้งอ่างทองใบใหญ่ไว้ในที่เป็นที่ปลูกต้นโพธิ ให้


    เจาะก้นอ่างแล้วให้ลูกโพธิสุกแด่พระเจ้าโกศล ทูลว่า มหาบพิตร พระองค์


    จงปลูกโพธิสุกนี้เถิด พระเจ้าโกศลทรงพระดำริว่า ความเป็นพระราชามิได้


    ดำรงอยู่ตลอดไป ควรที่เราจะให้อนาถปิณฑิกมหาเศรษฐีปลูกต้นโพธินี้ ทรง


    ดำริดังนี้ แล้วได้วางลูกโพธิสุกนั้นไว้ในมือของมหาเศรษฐี. อนาถปิณฑิก


    มหาเศรษฐีรวบรวมเปือกตมที่มีกลิ่นหอมแล้ว ฝังลูกโพธิสุกไว้ในเปือกตมนั้น



    ลองอ่านดู ในพระไตรปิฎกว่าไว้อย่างไร "สำหรับอุทเทสิกเจดีย์ ก็ไม่มีวัตถุปรากฏ เป็นเพียงเนื่องด้วยตถาคตเท่านั้น ดังต้นศรีมหาโพธิ์ ที่พระพุทธองค์อาศัยตรัสรู้"



    มีตรงไหนกล่าวถึงพุทธรูปว่าเป็นอุทเทสิกเจดีย์ ช่วยหาให้ผมหน่อย


     
  19. khumsup

    khumsup เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    705
    ค่าพลัง:
    +834
    ตลกดี...คนเราทำอะไรก็ได้หรือครับ...ทำให้คนอื่นทุกข์...ก็ได้ไม่บาปไม่มีกรรม....
    เรียกว่าท่านกำลังบอกว่า "ก็ช่วยไม่ได้อยากทุกข์เอง...." ...ก็ไปด่าคนที่ท่านรักสิ..แล้วบอกว่าอย่ายึดติด...เป็นเราของเรา...ความคิดช่างเด็กเหลือเกิน....แค่อ่านก็รู้ว่าท่านไม่ได้รู้จริง...

    ท่านรู้ธรรมะในเรื่องที่ท่านต้องการให้คนอื่นเป็น...ต้องการสอนให้เขารู้...แต่ความคิดของท่านนั้นกลับ...ปิด...คิดว่าคนนู้นควรคิดอย่างนี้...อย่างนั้น..ถึงจะถูก....

    อย่าว่าแต่ธรรมะเลย...การประพฤติโดนส่วนตัวแล้วใช้ไม่ได้ครับ...
    ไปตั้งสติใหม่....สงบ...แล้วค่อยมาว่ากันไหม่เทอญ...สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2010
  20. Denverguy

    Denverguy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +129
    นั้นก็ยิ่งดีใหญ่เลย ไปถามคุณแม่จันดีได้เลยครับ..เข้าไปถามท่านเลย ครับ ถามคุณแม่จันดีโดยตรงได้เลย ผมเคยไปกราบท่านมาแล้ว.. ถ้าคิดว่าผมโม้ ไปได้เลย คุณแม่จันดีรู้จักน้าผมดี..ยิ่งฝ่ายแม่ขาวทั้งหลาย ถ้าอยู่มานานแล้ว รู้จักน้าผมหมด...แต่ทางที่ดีไปถามคุณแม่จันดีโดยตรงเลย จะหาว่าท้า ก็ท้าทายละให้ไปถาม เพราะมั่นใจแน่นอน..
    และยิ่งพระอาจารย์ไชยา อดีตพระอุปัฏฐากหลวงปู่หลวง กตปุญโญแล้วละก็ ยิ่งรู้จักน้าผมดีนัก ขนาดหลวงปู่หลวงเจอกันน้าผมครั้งสุดท้ายก่อน มรณภาพที่โรงพยาบาล ยังเรียกน้าผมเขาไปสอบถาม ด้วยท่านเห็นภาวะจิตแล้ว จึงเรียกไปสอบถามว่าปฏิบัติยังไง พิจารณายังไง... แล้วจึงบอกท่านไชยาว่า ห้ามมิให้พระในวัดท่านดูถูกโยมหน่อย ที่ดูภายนอกแต่งตัวโทรมๆ พูดติดตลก ถ้าไปถามท่านไชยา ก็ฝากความคิดถึงไปด้วยว่าหลานโยมหน่อย ที่เคยบวชอยู่กับท่านฝากความคิดถึงมา ขอให้ไปถามจริงๆ เถอะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...