การสอนดูจิตตอนนี้ ไม่ต่างไปจากท่านสัญชัยปริพาชกในครั้งพุทธกาล

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 6 พฤศจิกายน 2009.

  1. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    อนุโมทนาค่ะ รีบๆพากันวาง...แล้วไปปฏิบัติดีกว่าค่ะ ถ้าถกปัญหากันแล้วเข้าใจ ได้ประโยชน์ เราก็ควรถก แต่ถ้าถกปัญหากันแล้ว มีอัตตาเพิ่มมากขึ้น มีแต่โทสะ เราก็ควรรีบพากันวางขันธ์ แล้วไปปฏิบัตินะคะ
     
  2. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    อ่านจากไหนหละจะได้หาอ่านดูบ้างเผื่อจะเข้าใจตรงกัน
    แต่คงต้องหาเทียบกับพระไตรปิฏกก่อน
     
  3. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ก็เห็นมีโทสะ เห็นมีอัตตานี่หละ คือการปฏิบัติ ไม่ไช่หรือครับ^^
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ฟังมาจากหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านเทศน์ให้ฟังว่า รับคำสอนมาจากหลวงปู่ดุลย์
    อีกที
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เห็นโทสะ เกิด รู้โทสะได้ในปัจจุบัน เป็นการเจริญสติภาวนา
    เห็นโทสะ เกิด แล้วรังเกียจโทสะ แล้ววางขันแทน หรือให้คนอื่นวางขัน ซะ
    ได้ บอร์ดสงบสุข
     
  6. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ถ้าอย่างนั้นเราควรเทียบกับคำสอนในพระไตรปิฏกหรือไม่ครับ ผมขอความเห็นหน่อย
     
  7. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ขอบอกก่อนนะว่า ผมไม่ได้ว่า ดูจิตไม่ดี แต่เห็นว่า ดูจิตเป็นหลักอย่างเดียวตัดไม่ถึงรากแน่

    เพราะดูจิตไม่ไช่หรือ ถึงไปเห็นอยู่อย่างนี้ว่า จิตผู้รู้นี้เป็นเหตุแห่งทุกข์ เป็นอวิชา หรือ เป็นเหตุภพชาติบ้าง

    แต่ถ้าในพระไตรว่าไว้แบบนี้ ก็โอนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2009
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    คุณสงสัย อยากเทียบ ก็เทียบไปดิคะ
    ไม่เห็นเป็นไร เราไม่ได้สงสัย เราทำไปเลย
    ต่างคนต่างจริต ไม่ได้บอกว่าต้องมาเห็นตรงกัน
    ถ้าคุณได้ความจริงจากพระไตรปิฏก ก็อยาลืมมาบอกกันด้วยล่ะ
    รอฟังอยู่ เหอๆ เราขี้เกียจค้น อันไหนตรงจริต เข้าเค้ากับทิฏฐิตนได้
    ก็ลองทำดูของจริงไปเลย มีว่างๆ อยากค้น ก็ค่อยค้น หรือมีคนเอามาให้อ่าน
    ก็จะอ่านนะ แต่ให้ไปหาเอง 84000 พระธรรมขันธ์ ไม่ไหวอะ ... เราฟังพระที่
    ท่านผ่านสมรภูมิมาแล้ว หลายๆองค์ ประกอบการพิจารณาทำความรู้ความเข้า
    ใจ แล้วลงมือทำตาม ถ้าเห็นว่าพอจะทำได้ อะนะ
     
  9. pim_jai

    pim_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    305
    ค่าพลัง:
    +568
    อนุโมทนาค่ะ อ่านมานาน..แล้วเหมือนกัน หลายกระทู้ที่มาเถียงกัน..ความจริงถกปัญหาธรรมะกันแล้ว..มันควรจะมีอะไรดีขึ้น ที่จรรโลงปัญญาและที่สำคัญทำให้จิตใจของเราสะอาดขึ้น ลดอัตตาในตัวตน ไม่ใช่ยิ่งถกปัญหากันยิ่งเพิ่มอัตตา เพิ่มโทสะ ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ถ้าจะเป็นอย่างนี้ไม่ต้องเถียงกันดีกว่า..กลับไปปฏิบัติดีกว่ามั้ยคะ

    ถ้าปฏิบัติให้ถึงแล้ว.. ข้อสงสัยทุกอย่างที่แต่ละคนมีก็จะหายไปเอง..โดยที่ไม่ต้องมาเถียงกัน คำสอนของพระพุทธองค์ก็มีอยู่ พระธรรมคำสอน พระไตรปิฏกก็มี ไปหาอ่าน แล้วปฏิบัติธรรม..แล้วจะหายสงสัยเอง...เพราะภาษาธรรมะ..จะเข้าใจได้ก็ด้วยการปฏิบัติ ไม่ใช่เข้าใจเพราะมานั่งเถียงกันค่ะ

    แต่ละคนที่มาที่นี่มีปัญญาทั้งนั้น..จึงเกิดความสงสัยมาก..ก็ให้แก้ปัญหาด้วยการปฏิบัติ การปฏิบัติจะทำให้เกิดสมาธิและเกิดปัญญา..สามารถแก้ปัญหาหรือข้อสงสัยได้
    พระสุปฏิปันโนและพระอริยเจ้าก็ยังมีอยู่ในประเทศไทย คำสอนของท่านก็มีอยู่..สงสัยอะไรก็ไปถามท่านได้ค่ะ แต่ถ้าจะถามปัญหาข้อสงสัยกันก็ถามได้โดยใช้หลักเมตตา..มีพรหมวิหาร4 และลดอัตตาในตัวตนจะดีกว่านะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2009
  10. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ลำดับนั้นพระทศพล ตรัสไห้พระอานนเรียกสงมา มาประชุมไกล้พระศาสดา ที่ไศยา นะแท่นบรรทม ภิษุต่างพร้อมมาน้อมก้ม . .

    แล้วประทานโอวาสแก่ภิษุทั้งหลาย เกี่ยวกับเรื่องพระธรรมวินัย จะได้เข้าใจโดยทั่วกัน
    ก่อนองค์พระสัพพันญู จะเข้าสู่แดนนิพพาน แล้วองค์พระโพธิญาณ. .
    ตรัสพจมานประทานพุทธโอวาสว่า . . .

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก่อนนี้เราได้สอนสั่ง ท่านทั้งหลายได้รับฟัง ตามเราสอนสั่งอยู่ทุกเวลา
    แต่ผู้เดียวเสมอมา เป็นศาสดาของท่านทั้งหลายได้เห็น . .ประดุจร่มเงาทั้งเช้าและเย็น
    มิได้วายเว้นเห็นอยู่ทุกวัน
    ครั้นเราได้ล่วงลับด้บขัน สู่นิพพานแล้วท่านทั้งหลาย โปรดจงเข้าใจไว้ไห้ตรงกัน แม้นพระศาสดา ล่วงลา เข้าสู่ปรินิพาน . . พระธรรมวินัยนี้นั่น 84000 พระธรรมขัน จำไว้
    พระธรรมวินัย ที่เราแสดงออกไป และบรรหยัดไว้ในไตรสิขา. .
    พระธรรมวินัย นั่นแหละเธอจงเข้าใจ ว่าคือพระศาสดา . . อย่าพากันเข้าใจตภาคตนิพพานไปไม่ได้เห็นเลยสักครา .. จะไม่มีไครมา คอยเป็นที่พึ่งพาเป็นขวัญอุราเราได้ . .
    เธอทั้งหลาย จงมีพรธรรมวินัย ที่เราบรรหยัดไว้นั้นเป็นที่พึ่งเถิดหนา. .
    สิ่งอื่น ใดๆ อย่าได้ นำมา ไห้พากันจำ แทนพระศาสดานั่นคือพระธรรมวินัยที่เรานำมาสั่งสอน . .

    เมื่อเราปรินิพพานดับขันไป เธอทั้งหลายพึงสังวร . เป็นองค์แทน พระชินวร แท้แน่นอนนั่นคือพระธรรมพระวินัย
     
  11. Mikas

    Mikas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +342
    จากพระไตรปิฏกนะครับ บทสวดที่เราสวดทำวัดกัน "ว่าด้วยย่อ อุปทานขันธ์ทั้ง 5 นี้แหละเป็นตัวทุกข์"

    "จิตผู้รู้เป็นเหตุแห่งทุกข์" ผมคิดว่าความหมายจริงๆ ของคำนี้คือ การอุปทานยึดมั่น ในวิญญาณขันธ์ เป็นเหตุแห่งทุกข์


    ด้านล่างเป็นตามความเข้าใจของผมนะครับ อาจจะผิดก็ได้

    จิตผู้รู้ จริงๆ มันไม่ได้เป็นตัวทุกข์อะไรหรอกครับ เพราะมันก็เป็น ธรรมชาติของมัน อยู่อย่างนั้น แต่การที่จิต ไปยึดมั่นเอา "จิตผู้รู้" ตรงนี้ถึงเป็นทุกข์

    แต่ตรงนี้มันระดับสูงมาก ไม่ใช่เรื่องที่ปุถุชล อย่างเรา ๆ หรือแม่แต่ พระอริยะเจ้า ระดับต้น ๆ จะนำมาพิจารณาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2009
  12. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ก็ขอไห้ได้เห็นตรงกับที่พระไตรปิฏกแจงไว้ละกัน
     
  13. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ไปยึดมั่น อุปทานเอา "จิตผู้รู้" ตรงนี้ถึงเป็นทุกข์

    เห็นแบบนั้นคุณอาจเห็นผิดในสายตาของบางท่านนะ

    ยึดมั่นอนุโมทนา
     
  14. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คนที่พูดข้างบน นี้ ไม่ได้ปฏิบัติตาม พระปราโมทย์สอนนี่
    เลย คลุมเครือ แยกไม่ออก ระหว่าง แบบแผนที่ชัดเจน กับ ทำไปตามๆ ไป เจออะไรคว้ามับ
    เป็นอารมณ์ศิลปิน

    พูดง่ายๆ นะ ถ้าไม่เถียงแทนพระปราโมทย์ซะก็สิ้นเรื่อง
    ทำสมาธิให้ดี เจริญปัญญา พิจารณา หาเหตุแห่งทุกข์

    ทีนี้ พวกที่จะมาเถียงแทน พระปราโมทย์ ก็ต้องหานั่นหานี่มาโปะ มันโปะไม่ได้หรอก
    เพราะว่า อาจารย์ปราโมทย์ กล่าวผิด เข้าใจธรรมผิดมาตลอด

    นี่ขนาด ใจตัวเองยังจับไม่ถูกกันเลยว่า ใจตัวเองจับหลักยังไม่ได้
    ใจตัวเองยังคลุมเครือในหลักการ
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แล้วอ่านไปจบกี่รอบแล้วล่ะ
    รู้ถ้วนในพระธรรมวินัย รึยัง ถ้ายัง ก็ไปปฏิบัติตามที่ยกพระสูตรมาก่อน ก็ดีนะ
    หรือสอบนักธรรมให้ได้เปรียญ เก้าประโยค ก่อนก็ดี จะได้มั่นใจได้ระดับหนึ่ง
    พูดตามเนื้อผ้านะ แต่เรายอมรับว่าทำอย่างนี้ไม่ได้ ใครทำได้ ก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
     
  16. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ผมก็ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่สงสัยเท่านั้นว่าจิตผู้รู้มันเป็นทุกข์ได้อย่างไร เป็นอวิชาได้อย่างไร
    เพราะเห็นจิตผู้รู้เป็นแบบนี้ถึงต้องทำลายผู้รู้ แต่ก็เข้าใจนะ ว่าทำลายแปลว่าอย่ายึดเท่านั้น

    ขอบคุณที่อธิบายนะครับ - -"
     
  17. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ยังไม่ถ้วนหรอกครับ นี่ก็หวังว่า จะมีคนที่เขาเห็นว่าตรงไหนในประไตรปิฏกบอกไว้บ้างว่า จิตผู้รู้นี้เป็นเหตุแห่งทุกข์ เป็นอวิชชา
    ถ้ามีไครรู้ก็เอามาบอกบ้างนะครับ ผมจะได้ไปศึกษาดู แล้วเห็นถูกซะที

    แต่ถ้าไม่มีไครรู้นี่คงต้องหาโอกาสไปถามกับพระผู้พูดสักครั้ง ว่าท่านเอามาจากที่ใดในพระไตรปิฏก..
    แต่ถ้าท่านตอบว่าเอามาจากครูบาอาจารณ์คงก็ต้องจบ เพราะไม่รู้ว่าจะไปถามยังไงต่อ - -"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 พฤศจิกายน 2009
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    แล้วผมก็ขอตำหนิ พวกที่ไปอ้างว่าหลวงพ่อพุธ สอนเหมือนพระปราโมทย์
    พวกนี้ ไม่รู้จักฟังว่า การที่หลวงพ่อพุธ ท่านสอนนั้น คือ เทคนิคตอนทำสมาธิ ท่านให้ถือเอาคำบริกรรมเช่นพุทโธ แล้วระหว่างที่บริกรรมอยู่นั้น จิตมันจะคิดอะไรก็ปล่อยให้มันคิดไป จะไปห้ามมันไม่ได้ นี่หลวงพ่อพุธ ท่านสอนคนให้ทำสมถะ

    พวกที่หยิบจับเอาเองแล้วเอามาเป็นพวกตน เป็นพวกไม่มีธรรม ต้องไปหยิบไปขโมย แล้วก็ยังจะมาหลอกลวง คนอ่านคนอื่นอีก

    นี่แหละครับ กิเลส
     
  19. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    แสดงว่างานนี้ มีคน เมาธรรมอยู่นะครับ คือ ตนทำผิดแต่ไปอ้างพระพาให้พระเสื่อมเสียนะ
    พระท่านเทศสอนคนให้เป็นคนดีมันดีอยู่แล้วนะครับ ผิดหรือถูกให้มองที่ตัว อย่าไปโทดคนสอนเลยนะครับ
     
  20. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อย่างนี้ครับ คุณ albertalos
    เราต้องแยกความรู้สึก ที่เห็นว่า ท่านเป็นพระ เราไม่ควรไปพูดถึงท่าน แบบนั้นต้องทิ้งไป
    เรามองอย่างคนที่ เป็นกลาง ไม่เอาคำว่า พระเข้ามาปน แล้วคุณก็ลองดูซิว่า ถ้ามีคนสอนคุณอย่างที่พระปราโมทย์สอน คุณจะบอกกับเขาว่าอย่างไร
    ทิ้งความเป็นพระไป ทิ้งว่าเขาเป็นอาจารย์ มีคนเชื่อถือเยอะ

    ผมลูกศิษย์ พระพุทธองค์ กาลมสูตรนี่ ซึมเข้าไปใน เยื่อกระดูก แต่ไม่ใช่ การไม่ฟังใคร
    เถียงอย่างไม่มีเหตุผล

    ทีนี้ หน้าที่ของเรา คือ ต้องพูดให้คนเห็นเหตุเห็นผล
    ก็ถามว่า ผมพูดประเด็นไป กี่ประเด็นแล้ว ก็ไม่มีใครมาแก้ต่างได้

    รวมถึง ผลของการศึกษา แนวทางของพระปราโมทย์ ก็ประจักษ์ให้เห็นแล้วว่า สติที่จะระลึกการกระทำของตนเป็นลำดับไป ก็ไม่มี สติที่จะระงับนิวรณ์ไป ก็ไม่มี

    ดังนั้นแล้ว ถ้าจะพูดกันแบบที่ เขาสอนกันเลยว่า เจอพระพุทธเจ้าให้ฆ่าพระพุทธเจ้าเสีย
    นี่แหละ เจอ พระปราโมทย์ให้ฆ่าพระปราโมทย์เสีย แล้วเอาแต่ หลักสัจธรรมมาโต้กัน

    ก็ท้าว่าให้ มาถกกัน สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครถก เอากันเป็นข้อๆ กันไปเลย

    เรื่องนี้ไม่ใช่ ว่าเป็นเรื่องที่จะต้องชนะคะคาน แต่เป็นเรื่องที่ต้องชี้แจง เพราะมันมีผลคือ หากคนไปผิดทาง ย่อมปิดบัง ทางของเขา ที่จะเข้าสู่นิพพานรวมถึง เขาก็จะเอาธรรมผิดๆ ไปแจกจ่าย ทั่วไป ดังที่เห็นกันอยู่
     

แชร์หน้านี้

Loading...